@^@..อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 2

@^@..อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 2
ตอนที่ 2 (ต่อจากวานนี้)

โป้งตะลึงเพราะปกติต้อมเป็นคนตรง แต่คราวนี้ต้อม บอกว่าเขาต้องช่วยเพื่อนก่อน โป้งจึงขอช่วยด้วยคน ลิซ่ากับดุจดาวขอร่วมด้วย ต่างช่วยกันแบกร่าง v4 ไปหาที่ซ่อน สืบพงศ์วิ่งกลับมาเห็นจึงเอามือถือออกมาถ่ายคลิปไว้อย่างประสงค์ร้าย ลิซ่าบอกทุกคนว่าตรงโน้นมีหนองน้ำ ต้อมเห็นว่าดีเหมือนกัน จึงช่วยกันแบกร่าง v4 ซึ่งแว่นหักชำรุดไปแล้ว แต่รู้สึกหนักผิดปกติ พอจะโยนก็ได้ยินเสียงคราง ทุกคนตกใจมองหน้ากันว่าใครคราง ดุจดาวร้องว่า

"ศ...ศพ...ร้อง"

ทุกคนทิ้งร่าง v4 ลง v4 ปรือตาขึ้นร้อง "โอยเจ็บจัง"

ทุกคนกระโดดหลบหลังดุจดาว โป้งว่าทำไมเฮี้ยนนัก ต้อมถามโป้ง "เอ็งจำน้องเค้าไม่ได้เหรอวะ นังค่างแว่นที่เราเคยเจอไง"

"ยัยต่างด้าวน่ะเหรอ ต๊าย...ผีพลัดถิ่น น่าสงสาร" ลิซ่านึกออก โป้งจำได้เหมือนกัน

จะทำยังไงกันดี ทุกคนร้อนรน ลิซ่าเสนอให้พากลับไปรักษาที่บ้าน ถ้าตายค่อยเอามาทิ้งใหม่ ถ้าไม่ตายก็จ่ายค่าทำขวัญให้ไป สืบพงศ์ซึ่งแอบถ่ายคลิปอยู่แปลกใจ

"มันจะขนศพไปทำไมวะ หรือว่าจะอำพรางคดีที่อื่น ช่างมัน ได้หลักฐานแค่นี้ก็พอแล้ว ไอ้ต้อม นังดุจดาวคราวนี้พวกแกเสร็จฉันแน่"...

ooooooo

ถึงบ้านต้อม ลิซ่ากับโป้งช่วยอุ้ม v4 ส่งให้ต้อม พาเข้าบ้าน แล้วไปส่งดุจดาว หน้ารถตู้ยังมีรอยบุบเป็นร่างคนอยู่เลย ความที่ v4 หนักผิดปกติ ต้อมอุ้มแทบไม่ไหว ทำหัวโขกประตูบ้านดังแก๊ง ประตูโยกผับๆ แต่หัว v4 ไม่เป็นอะไรแถมยังหลับสนิท

"ตายๆ ไม่ตายก็ต้องตาย คืนนี้จะรอดรึเปล่าวะเนี่ย" ต้อมวาง v4 ลงที่โซฟา เขาหน้าทิ่มไปด้วยเพราะความหนัก ปากประกบปาก v4 พอดี

แต้มกับตั้มลงมาดูพี่ชาย แต้มตกใจรีบปิดตาตั้มไม่ให้มอง มือ v4 รั้งคอต้อมไว้แน่น ระบบนาฬิกาซ่อมแซมตัวเอง พอแหล่งผลิตเซลล์ใกล้เคียงเซลล์ต้นแบบ อุปกรณ์ช่วยกระตุ้นให้ เกิดการดูดซึม ระบบร่างกายของ v4 ดูดพลังและอณูในร่างกายของต้อมไปซ่อมแซมของตัวเอง ต้อมตกใจพยายามดิ้นแต่ขยับได้เพียงก้น แต้มเห็นก้นของต้อมกระดกขึ้นลงก็ร้อง

"อี๋พี่ต้อม ทำตัวน่าเกลียด"

ตั้มถามว่าทำอะไรเพราะมองไม่เห็น แต้มหันมาเจอตาชื่นยืนมองตาหยี รีบบอกตาชื่น ไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่ ตั้มงงเมื่อกี้บอกว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก แต้มไม่รู้จะพูดอย่างไรเดินหนีขึ้นห้อง ตาชื่นต้องพาตั้มกลับขึ้นไปและพยายามตอบคำถามที่ตั้มประเคนถามอย่างยากลำบาก

"งั้นพรุ่งนี้ไปถามพี่เค้าเองละกัน คืนนี้เข้านอนได้แล้ว ไป...เฮ้อ...ไอ้ต้อมนะไอ้ต้อม มีแฟนทั้งทีไม่น่าประเจิดประเจ้อแบบนี้เล้ย" ตาชื่นถอนใจก่อนจะล้มตัวลงนอนบ้าง

เมื่อนาฬิกาบอกการทำงานว่า ระบบอุณหภูมิในร่างกายปกติ ระบบเผาผลาญและยังชีพกลับสู่สภาวะปกติ ระบบซ่อมแซมตัวเองเสร็จสิ้น ร่างกายสมบูรณ์ 80% พักผ่อน พักผ่อน v4 ก็ปล่อยต้อมร่วงไปกองกับพื้น ส่วนตัวเองหลับสนิทบนโซฟา ต้อมชาไปหมดทั้งตัวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แล้วหลับไปด้วยความเพลีย...

เช้าวันรุ่งขึ้น ตั้มลงมาดูเห็นต้อมกับ V4 ไม่ได้นอนด้วยกัน จึงมองหน้า V4 ใกล้ๆ สวยถูกใจ แต่พอเห็นนาฬิกาเท่ก็ลองแตะดู ปรากฏไฟหน้าปัดขึ้นทำงานทันที นาฬิกาส่งเสียง

"อุปกรณ์นำร่องเริ่มทำงาน อรุณสวัสดิ์ โหมดที่ท่านเลือกไว้สามารถป้อนคำสั่งด้วยการสัมผัสและใช้พาสเวิร์ดภาษาชาวโลก"

ตั้มตื่นเต้น กดเล่นอย่างสนุก เห็นเสื้อผ้า V4 เปลี่ยนแปลงได้หลายชุด ตั้มพยายามจะปลดขอยืมมาใส่ นาฬิกาเปลี่ยนสถานะเองย้ายมาพันที่ข้อมือตั้ม แต่มันหลวมไปหน่อย ตั้มพูดว่าน่าจะเป็นเข็มขัด เท่านั้นนาฬิกาก็ย้ายมาพันที่เอวตั้มทันที "โอวมายก๊อด แม่เจ้าโว้ย"

ตั้มคาดเข็มขัดและมีผ้าพันคอเหมือนไอ้มดแดงไปโรงเรียน ไม่สนใจสายตาใคร เพราะคิดว่าจะไม่มีใครมาแกล้งเขาได้อีก ตั้มกร่างใส่คู่อริ แต่แล้วไม่เป็นอย่างที่คิด ตั้มโดนรุมจนต้องวิ่งหนีมาหาแต้ม รัชนีทนไม่ไหวที่พี่น้องคู่นี้มีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนได้ทุกวัน

ด้าน V4 เมื่อไม่มีอุปกรณ์นำร่อง เสื้อผ้าซึ่งเป็นอณูสังเคราะห์ก็ค่อยๆเลือนหายไป เธอตื่นขึ้นมาในสภาพเปลือยกาย นึกถึงแว่นตา จำได้ว่าพังไปแล้ว พอก้มมองตัวเองก็ตกใจรีบลุกไปกระชากผ้าม่านมาห่อตัวไว้...สักครู่ ต้อมตื่นขึ้นมารู้สึกคอแห้งผาก งงกับตัวเองว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมาทำไมเพลียแบบนี้ เขาลุกเดินจะไปกินน้ำในครัว รู้สึกแวบๆว่ามีคนวิ่งผ่านแต่ไม่ทันสังเกต V4 วิ่งหานาฬิกาของเธอทั่วบ้าน สวนกับต้อม ตลอดแต่ต้อมยังงัวเงียไม่ทันเห็น จนมีคนมากดกริ่งหน้าบ้าน

รัชนีพาแต้มกับตั้มกลับมาเพื่อจะรายงานว่าครั้งนี้ตั้มท้าต่อยกับเพื่อน ต้อมรีบออกมาหน้าบ้าน V4 ได้ยินเสียงคนมา "เสียงคน อาจเป็นคนที่เอาอุปกรณ์ของเราไป ต้องรีบไปดู"

รัชนีกำลังจะรายงานเรื่องตั้ม พลันเห็น V4 ในสภาพห่อกายด้วยผ้าม่านยืนเย้ยฟ้าท้าลมก็ตะลึง แต้มรีบชี้ให้ต้อมดู V4 เห็นนาฬิกาของเธออยู่ที่ตั้มก็ปรี่เข้าไปจะแย่งคืน ผู้คนหน้าบ้านมามุงดู ตั้มวิ่งหลบหลังต้อม V4 กับต้อมประจันหน้ากันใกล้ชิด V4 ให้ต้อมหลีกทาง

"ไม่ ถ้าคุณจะทำอะไรตั้มล่ะก็ คุณต้องข้ามศพผมไปก่อน"

สีหน้าต้อมเอาจริงเอาจัง V4โกรธหันไปทุบกิ่งไม้ที่อยู่ ใกล้ๆหักโครมลงมา ต้อมดึงตั้มถอยหนี "ครูครับ ผมไม่อยากถูกตราหน้าว่ารังแกผู้หญิง เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผมให้ครูเป็นคนจัดการ" ต้อมโบ้ยให้รัชนี

"เอ่อ...คุณน้องขา มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันก็ได้ หรือไม่คุณน้องไปนุ่งผ้านุ่งผ่อนให้เรียบร้อยก่อนก็จะดีนะคะ"

"เอาของฉันคืนมา" V4 ทวงของจากตั้ม ตั้มวิ่งไปหลบหลังแต้มอีก

พอดีตาชื่นกลับมาแปลกใจที่มีคนมุงอยู่หน้าบ้าน พอแหวกเข้ามาได้ก็ตะลึงกับสภาพของ V4 ตาชื่นใจเย็นชวน V4 กลับเข้าบ้านไปค่อยพูดค่อยจา...ทุกอย่างจบลงด้วยดี แต้มหาเสื้อผ้าให้ V4 ใส่ ตั้มคืนนาฬิกาให้พร้อมทั้งขอโทษ V4 พร้อมที่จะเล่าว่าเธอมาจากไหน


@^@..อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 2
(อ่านต่อพรุ่งนี้)

@^@..อ่านละครย่อเรื่องสูตรเสน่หา ตอนที่ 16/2

@^@..อ่านละครย่อเรื่องสูตรเสน่หา ตอนที่ 16/2
ตอนที่ 16 (ต่อจากวานนี้)

"แต่งงานกับผมนะครับ"

"คุณเล็กว่าอะไรนะคะ" ถามขึ้นหลังสะอึกไปอย่างคาดไม่ถึง

"ผมพูดว่า...คุณลินครับ แต่งงานกับผมนะครับ" อนุชาเน้นหนักทีละคำชัดเจ๋ง...อลินฟังชัดอัดเต็มบ้องหู...เสียงดัง วิ้งงงงงง ปล่อยมือจากเมนูปิดพับทันที...

อลินแทบจำวันเวลาไม่ได้อีกต่อไป แต่รีบพาทนายเปี๊ยกไปพบครูอนันต์ผู้บิดาที่ไร่ ทั้งเปี๊ยกที่เพิ่งรู้เรื่องพร้อมๆกับครูอนันต์ ต่างอุทานพร้อมกัน "อลินจะแต่งงาน..."

"ใช่ค่ะ" อลินยิ้มปลื้ม มองพ่อกับเปี๊ยกอย่างสำราญบานเบิกหัวใจ "คุณเล็กเพิ่งขอลินแต่งงานมาหยกๆนี่เอง พอแยกกัน ลินก็พานายตัวเปี๊ยกมาบอกให้รู้พร้อมกับพ่อนี่เอง จะได้มีเวลา และเตรียมตัวแล้วเตรียมงานได้ทัน" พ่อติงว่าเร็วไปไหม อลินตัดบทว่า เธอดูมาทุกเหลี่ยมทุกมุมเคลียร์หมดแล้ว...

"พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ คุณเล็กเป็นคนดี เป็นคนที่ไว้ใจได้"

"พ่อไม่ได้ห่วงเขา แต่พ่อห่วงลิน ห่วงการตัดสินใจของลิน"

"ใช่ครับ" เปี๊ยกเสริมทันที "ผมว่าคุณลินตัดสินใจเร็วเกินไป คุณรับปากแต่งงานทั้งๆยังไม่รู้เลยว่าอยากแต่งจริงไหม...ที่สำคัญ คุณลินแน่ใจนะครับ คนที่อยากแต่งด้วยคือนายอนุชา"

อลินชะงักกึก แต่เชิดหน้าอย่างดื้อรั้น

"ฉันอยากแต่งจริง และเจ้าบ่าวแสนเพอร์เฟกต์ของฉันต้องคุณเล็กเท่านั้น...ชัวร์" ยื่นหน้าทำตาใส่นายเปี๊ยก งึมงำเป็นการปรามว่า...หมูกำลังจะถูกหาม อย่าเอาคานมาสอดให้มันวุ่นวาย

ปฏิคมเอาเรื่องอลินจะแต่งงานกับอนุชาแน่นอนแล้ว กำหนดเดือนหน้ามาบอกเล่าให้พสุฟัง พสุทีแรกทำท่าช็อก แต่แล้วก็ดึงดันอย่างอลิน บอกหน้าตายว่า...ก็ดีแล้ว ทั้งๆในใจค้านว่าทำไมต้องแต่งเร็วขนาดนั้น...เพื่อนถามว่าจะไปงานเขาไหม พสุสั่นหัวดิกๆ แต่บอกว่ายังไม่คิด...แล้วเตือนให้เพื่อนกลับไป เขาจะทำงานต่อ เปี๊ยกพยักหน้าด้วยความเห็นใจเพื่อน...

พสุได้แต่ถอนใจหลายเฮือกหลังจากเพื่อนกลับไปแล้ว...สิ่งที่พอจะหามาปลอบใจได้ยามนี้มีแต่ความเศร้า...

ooooooo

คนที่มีแต่ความสุขคือคุณหญิงอมรา พอเห็นหน้าอลินที่เดินเข้าบ้านมาพร้อมอนุชาก็เก็บอาการไม่อยู่ ลิงโลดโดดกอดอลิน หอมแก้มซ้ายขวาหน้าหลังหมุบหมับๆ ปากก็หวานฉ่ำร่ำร้องว่า แหม แก้มว่าที่สะใภ้ของแม่ช่างหอมหวนทวนลมกระไรปานนี้ อนุชาหันหน้าหนี เห็นแม่ตัวเองเว่อร์มากเกินไป

จากนั้นแม่ลูกก็ตกลงจะส่งผู้ใหญ่ไปสู่ขอในสัปดาห์หน้า คุณหญิงดี๊ด๊าราคาแพง จะตัดงานทุกอย่างหมด ไปที่ไร่ของคุณพ่ออลินทันที จะเอานักข่าวไปอีกโขยงหนึ่ง อนุชากับอลินติงว่ายังไม่ควร คุณหญิงก็เออออห่อหมกเห็นด้วยอีก ยืนยันว่าขอให้ได้หนูลินมาเป็นสะใภ้ แม่ก็ชื่นใจที่สุดแล้ว

"ปิดข่าว แม่เห็นด้วย...รับรองว่าแม่จะไม่บอกใครแม้แต่ครึ่งคน...ไม่บอกเด็ดขาด"

แต่ไม่ถึงอึดใจต่อมา...ที่บริษัทอวตาน เพรียวจอมสอพลอก็ประกาศไปทั้งบริษัทว่าคุณหญิงโทร.มาบอกเดือนหน้าบอสอนุชาของเราจะแต่งงานกับคุณนายอลิน ด้วยสินสอดเบ็ดเสร็จไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน...ทั้งนั่งยันนอนยันชัวร์ คอนเฟิร์ม...จากนั้นพนักงานทั้งหลายก็แลกเปลี่ยนความตื่นเต้น เม้าท์กันแหลก ส่วนใหญ่เห็นว่าอนุชารวยจริง ช่วยอลินให้ไต่ลงจากคานทองสำเร็จ น่าจะเสียน้ำมันพรายไปหลายบาร์เรล...

"พวกแกรู้แล้วเหยียบไว้ คุณหญิงแม่กำชับห้ามบอกใคร แม้แต่นักข่าว...ท่านจะเก็บเป็นความลับ"

วันรุ่งขึ้น โสภิตาเดินผ่านแผงหนังสือพิมพ์หลังจ่ายตลาด เหลือบไปเขม้นมองข่าว...ถุงปลาร้าทรงเครื่องหลุดมือลงพื้นทันที ไต่ตามตัวหนังสือเห็นข่าวอลินกับอนุชาจะแต่งงาน...

พสุกำลังจะเดินออกจากบ้านไปสอนนักเรียน อ้อนวิ่งหน้าตั้งมาบอกข่าวอลินจะแต่งงานกับหนุ่มไฮโซ...โห เขาว่าเพิ่งรู้จักกันตอนทำรายการใช่ไหม มันเรื่องจริงหรืออิงเรื่องมั่ว

"คนเขารักกัน เจอกันไม่นานเขาก็รักกันได้ จริงไหมดิน" เสียงแม่นงพะงาดังมา พสุยังจุกแอ่นแน่นอกจึงตอบไม่ได้ แต่อ้อนกลับตื่นเต้นเนื้อตัวสั่น เมื่อพูดถึงสินสอดร้อยล้าน...พอถูกถามว่าจะไปงานเขารึเปล่า พสุตอบห้วนๆว่าไม่รู้ ว่าแล้วขอตัวลาแม่ไปทำงานทันที...อ้อนแปลกใจ ทำไมคุณดินของเธอจึงลมเสียขึ้นมาไม่บอกกล่าว...

ooooooo

ที่ห้องพักของอลินในคอนโดฯ หนังสือพิมพ์ในมือนายเปี๊ยกถูกอลินดึงกลับไปทันที สั่งเฉียบให้เลิกอ่าน มาจดหน้าที่ที่เปี๊ยกต้องทำเดี๋ยวนี้...ว่าแล้วอลินก็สั่งตั้งแต่จองโรงแรม ติดต่อวงดนตรี บอกโรงแรมว่าเธอต้องการกล้วยไม้สีขาวเท่านั้น พันธุ์ดีๆ จัดรายทางมาตั้งแต่ซุ้มประตู กระทั่งถึงในห้องงานและจุดที่จัดพิธี รายการอาหารจัดเมนูเด็ดท็อปพิเศษ 50 รายการขึ้น น้อยกว่านั้นถือว่าไร้ฝีมือ...อลินทุบเปรี้ยง สั่งเปลี่ยนโรงแรมทันที

"ครับ...แล้วค่าใช้จ่ายทั้งหมดใครออกครับ" คำถามนี้เหมือนแหย่เสือหลับ

"ฉันสิ...ความฝันของฉัน ความต้องการของฉัน...ฉันจ่ายเอง" อลินเชิดหน้า

"ผมว่า...คุณลินมัวทำตามความฝันตัวเองมากไป ลืมดูความจริงรึเปล่าว่ามันเป็นยังไง...ถ้าคุณลินลืมตาตื่นจากความฝันมาอยู่กับโลกความจริงบ้าง คุณลินอาจได้เจอกับความสุขที่มันจับต้องได้ ไม่ต้องเหนื่อยไล่ตามความฝันแบบทุกวันนี้"

"ไม่...นายจะอยู่กับความจริงก็เรื่องของนาย แต่ฉันอยู่ของฉันแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้ว ถึงมันเป็นโลกเพ้อฝันในสายตาคนอื่น แต่ฉันมีความสุข ฉันไม่สน...เชอะ"

วันต่อมา....อนุชากับอลินไปยังบริษัทรับจัดงานแต่งงานที่บรรดาไฮโซใช้กัน...เริ่มตั้งแต่ช่วยกันเลือกการ์ดแต่งงาน ของชำร่วย แบบซุ้มดอกไม้ใช้ถ่ายรูป แบบเวที น้ำแข็ง กระทั่งชุดแต่งงานช่วยกันเลือกช่วยกันชี้...แต่ละอย่าง ทั้งสองคนชอบ ไม่เหมือนกันแม้แต่ชิ้นเดียว โดยเฉพาะชุดแต่งงานที่อนุชาเลือก อลินรับไม่ได้เลย แต่อนุชาก็มักจะโยนให้อลินเลือก

อ่านละครย่อเรื่องสูตรเสน่หา ตอนที่ 16/2
(อ่านต่อพรุ่งนี้)

@^@..อ่านละครย่อเรื่องบ่วงร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 21

@^@..อ่านละครย่อเรื่องบ่วงร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 21
ตอนที่ 21 (ต่อจากวานนี้)

"คุณเอมอนุญาตให้ผมดูแลคุณเอมตลอดไปนะครับ"

เอมิกาหน้าแดงเบือนหน้าหนีด้วยความอายไปทางประตูครัว ตกใจร้องเสียงหลง หมอซันหันไปมองตามถึงกับอ้าปากค้าง เห็นปารมี หิน แคท เต้กับเตยต่างพากันยืนมองตาแป๋ว หมอซันรีบปล่อยมือเอมิกาลุกขึ้นยืนหันรีหันขวางไม่รู้จะทำอย่างไรดี ขณะที่เอมิกาอายม้วนอยู่ตรงนั้น...

ทุกคนนั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร ยกเว้นหินที่ยืนดูอยู่ห่างๆ เดชชิมซุปฝีมือเอมิกาแล้ว ชมว่าน้ำซุปหวานอร่อยมาก ถามว่าหวานจากน้ำต้มกระดูกหรือใส่อะไรเป็นพิเศษ ทุกคนมองสบตากันยิ้มๆ เอมิกากำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่ปารมีพูดแทรกขึ้นก่อน

"คงจะใส่ใจเป็นพิเศษน่ะค่ะ...คุณพ่อ"

เอมิกาสะดุ้ง ทั้งเขินทั้งเคือง "พี่ปาล์ม..."

"เอ้า...รึไม่จริง...ก็เคยดูในทีวีน่ะ เขาบอกว่าจะทำอาหารให้อร่อยต้องใส่ใจเป็นพิเศษ...จริงมั้ยพวกเรา"

แคท เต้กับเตยพยักหน้าเออออไปกับปารมี เอมิกากับหมอซันยิ่งเขินหนัก ปารมี แคท และเตยแทกทีมกันแซวจนเอมิกากับหมอซันทำอะไรไม่ถูก เอาแต่ก้มหน้าด้วยความอาย ปารมีกับเต้ยิ้มให้กันอย่างสนุกสนาน หินทนมองภาพบาดตาไม่ไหวต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

ooooooo

หลังกินอาหารกลางวันเรียบร้อย ปารมีชวนแคท เตยกับไฟ เอมิกากับหมอซันออกมานั่งคุยกันที่ริมสระว่ายน้ำแล้วจับหมอซันกับเอมิกานั่งกลางวง

"นี่...หมอซัน ต้องรักจริงหวังแต่งนะ จะมาทำเล่นๆ กับน้องสาวปาล์มไม่ได้นะ...ไม่งั้น..." ปารมีทำท่าปาดคอขู่

"พี่ปาล์ม...ไปใหญ่แล้ว เอมยังไม่ได้อะไรเลยนะ"

"คุณเอมไม่ได้อะไร...แต่คุณหมอ เขาอะไรนี่คะ" เตยแซวเสร็จ ทุกคนต่างเฮลั่น

ปารมีหันไปถามหมอซันทีเล่นทีจริงว่าจะมาขอเมื่อไหร่ จะได้เคลียร์คิวพ่อให้ หมอซันถึงกับอ้าปากหวอ เอมิกาตีแขนปารมีแก้เขิน ปารมีขำๆท่าทางของน้องสาว ก่อนจะหันไปมอง ไม่เห็นเต้กับหินอยู่แถวนั้น...ส่วนอีกมุมหนึ่งของบ้าน เต้กับหินกำลังนั่งคุยกัน เต้ชมว่าหมอซันกับเอมิกาเหมาะสมกัน น่ารักด้วยกันทั้งคู่ หินยิ้มรับเห็นด้วย

"คุณปาล์มล่ะครับ...คุณหินว่าคุณปาล์มน่ารักมั้ย"

หินอ้ำๆอึ้งๆก่อนจะพยักหน้ารับคำ เต้ถามอีกว่าแล้วคู่ปารมีกับเชน หินคิดว่าเป็นอย่างไร หินไม่รู้จะตอบอย่างไร ได้แต่บอกว่าดี เต้มองหินเหมือนจะถามว่าดีจริงๆหรือ หินลอบถอนใจ ปารมีแอบฟังอยู่ก็เสียใจ...

ที่ห้องพักของเชน เชนมัวแต่คิดหาทางแก้แค้นเดชกับครอบครัวจนละเลยไม่ค่อยได้เข้าบริษัท ลูกค้าทยอยถอนตัว บอกเลิกสัญญาจ้างไปหลายราย เลขาฯโทร.มาเตือนเชนให้ติดต่อกับลูกค้าบ้าง แต่ถูกเชนด่ากลับว่า เป็นแค่เลขาฯไม่ต้องมาแสดงความคิดเห็น แล้ววางสายใส่อย่างไม่พอใจ

"จะไปแคร์อะไรวะ...กะอีแค่บริษัทพีอาร์ เพราะอีกไม่นาน ฉันต้องได้ทุกสิ่งทุกอย่างคืนมาจากไอ้พวกขี้โกงนั่นแล้ว...ฉันไม่มีวันเลิกราหรอก...ไม่มีวัน" เชนทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา หยิบมือถือมาโทร.หาปารมี ชวนไปกินข้าวกลางวัน

พอรู้ว่าเธอกินเรียบร้อยแล้ว เชนนึกระแวงขึ้นมา รีบถามว่ากินกับใคร ปารมีไม่อยากมีเรื่องเลยบอกว่ากินกับพ่อ แม่ แคท แล้วมีหมอซันกับเอมิกาด้วย เชนได้ยินชื่อหมอซัน ชะงัก

"พี่เชนรู้มั้ยคะว่ายัยเอมกับหมอซันเขาแอบปิ๊งกัน...คู่นี้เขาเก็บความลับกันเงียบกริบจริงๆเลย พี่เชนว่ามั้ย"

เชนตาวาวด้วยความริษยา ปารมีเห็นเชนเงียบไป ส่งเสียงเรียก เชนได้สติ โกหกว่ามีสายลูกค้าเข้ามา ขอตัวไปรับสายก่อน แล้วจะโทร.มาใหม่ พลางคิดแผนชั่วร้ายเตรียมไว้ให้เอมิกากับหมอซัน...

ขณะเอมิกากำลังต่อว่าหมอซันเรื่องที่เกิดขึ้น หมอซันโอดครวญไม่นึกว่ามันจะเลยเถิดขนาดนี้ แล้วขอร้องว่าอย่าโกรธ เอมิกายังไม่ทันพูดอะไรต่อ มีเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น เอมิกาเห็นเบอร์โชว์หน้าจอถึงกับหน้าซีดลุกลี้ลุกลน ขอตัวไปรับโทรศัพท์ ทิ้งให้หมอซันมองตามอย่างงงๆ เอมิกา เดินหลบมุม มองซ้ายมองขวา เห็นว่าปลอดคนจึงรับสาย ถามเสียงเข้มว่าเชนต้องการอะไร เชนปรามเสียงเข้มกลับไปว่าอย่ามาขึ้นเสียงกับเขา เอมิกาสะดุ้ง

"อย่านึกนะว่าจะสวีตกับไอ้หมอนั่นได้นาน...เพราะถ้าคลิปเสียงที่เอมพร่ำเพ้อว่ารักพี่...ให้พี่ทิ้งน้องปาล์มมาหาเอม หลุดออกมาเมื่อไหร่ละก็...รับรองว่า รักหวานต้องกลายเป็นรักขมปี๋แน่ๆ...น้องรัก" เชนยิ้มสะใจแล้ววางสาย

เอมิกาตะลึง น้ำตาเอ่อ ทรุดตัวลงอย่างหมดแรง ตั้งสติได้ เดินหน้าเศร้ากลับมาหาหมอซัน หมอซันเห็นสีหน้าไม่ดีของเอมิการีบเข้ามาประคอง สงสัยว่าเป็นอะไรไป เอมิกามองหมอซันอย่างรักใคร่ แต่ตัดใจปัดมือเขาออก

"ปล่อยเอมไป...อย่ามายุ่งกับเอมเลย" เอมิกาน้ำตาไหลพรากวิ่งออกไป หมอซันอึ้งไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น...

ฝ่ายหมอซันเล่าเรื่องที่ถูกเอมิกาสะบั้นรักให้หินกับไฟฟัง ไฟงุ่นง่าน เดินไปเดินมาราวกับเป็นคนที่ถูกปฏิเสธความรักเอง จนหินต้องปรามให้อยู่นิ่งๆ

"ไม่ได้พี่หิน...ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ คุณหนูเอมถึงได้สะบั้นรักเฮียหมอเราสายฟ้าฟาดขนาดนี้"

ooooooo

หินปลอบหมอซันว่าอย่าไปถือไฟเลย รู้นิสัยอยู่แล้วว่าปากไม่ค่อยดี หมอซันถอนใจเฮือก อยากรู้ เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไฟนึกอะไรได้ ปรี่เข้ามาหาหมอซัน

"เมื่อกี้เฮียหมอบอกว่า คุณหนูเอมวิ่งออกไปรับโทรศัพท์ ใช่มั้ย...กลับมาก็ประกาศแยกวงกับเฮียเลย...งั้นแสดงว่า ต้องเป็นเพราะไอ้โทรศัพท์นั่น...ใครมันโทร.มา" ไฟตั้งข้อสังเกต

หินกับหมอซันมองหน้ากัน ต่างคิดคล้อยตามคำพูดของไฟ...ด้านเอมิกาทนไม่ไหวอีกต่อไป พยายามโทร.ติดต่อเชนเพื่อจะขอเคลียร์ แต่เชนแกล้งไม่รับสาย ปล่อยให้ดังจนสายตัด...

หลังจากหมอซันกลับไปด้วยอาการของคนอกหัก ไฟโทร.ไปรายงานแคทว่าเอมิกาขอเลิกกับหมอซันแล้ว แคทหาว่าไฟมั่ว ไฟยืนยันว่าไม่มั่ว ป่านนี้หมอซันอาจจะช็อกสลบเหมือด นอนสูดออกซิเจนอยู่ในห้องไอซียู

(อ่านต่อพรุ่งนี้)

@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 13/2-14-15

@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 13/2-14
ตอนที่ 13 (ต่อจากวานนี้)

ทีฑายุกลับมาที่ห้องศิศิรา เห็นเจ้าของห้องนั่งถือมีดในเงามืด ซึ่งมีดเล่มนี้เป็นของมาณสิงห์ที่เพิ่งให้ศิศิรามาเมื่อสองวันก่อน ทีฑายุไม่พอใจศิศิราที่อึกอักอะไรก็จะฆ่าตัวตาย พอเขาเดินเข้ามาใกล้ เธอก็ทำท่าจะกดมีดลงที่ข้อมือตัวเอง

"มาณสิงห์จะต้องไม่ตาย..."

"มันยังอยู่ให้เจ้าหญิงเห็นอีกนาน"

"เธอยังมีความสัตย์ให้เราเชื่อได้อีกหรือเปล่า"

"มีแน่ แต่เจ้าหญิงก็ช่วยมีศักดิ์ศรีของตัวเองไว้ด้วย อย่าให้คนเขาโจษจันได้ว่าน้ำค้างใสบนยอดมงกุฎ...เจ้าหญิงที่เพิ่งแต่งงานเห็นแก่องครักษ์ชายชู้ จนยอมทิ้งน้องลักลอบไปครองรักกันกลางป่ากลางเขา" ทีฑายุพูดจบก็หันกลับออกไปทันที ศิศิราปล่อยมีดหล่นลงพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างคับแค้นใจ

ooooooo

เช้าวันใหม่ ทีฑายุไประบายความกลัดกลุ้มใจกับจตารี พอจตารีถามว่าเขารักเจ้าหญิงหรือเปล่า ทีฑายุกลับพูดเลี่ยงไปเลี่ยงมา แต่จตารีก็จับสีหน้าและแววตาของทีฑายุได้ว่ารักและเป็นห่วงเจ้าหญิงแค่ไหน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ยื้อชีวิตเจ้าหญิงให้พ้นจากเงื้อมมือโกญจนาทมาตั้งแต่ต้น ซึ่งจตารีเห็นว่าเจ้าหญิงควรจะรับรู้เรื่องนี้

"ไม่ต้อง" ทีฑายุเสียงแข็ง

"งั้นเธอก็ทรมานต่อไป ที่ถูกเจ้าหญิงตราหน้าว่าเป็นชายผู้ทรยศ"

"เราทนได้"

จตารีถอนใจกับความปากแข็งของทีฑายุ จนต้องเอ่ยเตือน "ก็คงจะเหลือทางออกเดียว เธอควรจะมีลูกกับเจ้าหญิงให้เร็วที่สุด เพื่อให้เจ้าหญิงศิศิราไม่ต้องตายอย่างองค์กษัตริย์ และราชินี"

ทีฑายุทุบกำปั้นลงบนผนัง ทั้งกลุ้มทั้งหนักใจ...ด้านศิศิรา สายวันเดียวกันนี้เธอได้พบธราเทพอีกครั้งในสวน โดยการนำพาของพวกประสันต์ ครั้นสามหนุ่มเห็นทีฑายุตามเข้ามานั่งซึมหน้าเครียด จึงผละไปซักถามจนทีฑายุยอมปริปากว่า ถ้าตนไม่มีลูกกับศิศิรา ลุงโกญจนาทจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด

ไม่ทันที่สามหนุ่มจะพูดหรือแนะนำอะไร ธนูเพลิงซึ่งซุ่มอยู่แถวพุ่มไม้ก็เล็งปืนลั่นกระสุนหมายเอาชีวิตทีฑายุตามคำสั่งมาณสิงห์ แต่พริบตานั้นศิศิรามองไปเห็น จึงร้องบอกทีฑายุให้ระวัง ทีฑายุเอี้ยวตัวหลบ แต่กระสุนก็เจาะเข้าที่ไหล่ จนเลือดโชก ศิศิราจะให้พวกประสันต์พาทีฑายุเข้าไปข้างใน แต่ทีฑายุรีบห้าม เพราะถ้าลุงรู้ว่าเป็นฝีมือมาณสิงห์ ศิศิราจะไม่รอด...

ในเวลาต่อมา เมื่อกัญญาภัคมาถามหาทีฑายุกับศิศิราจากส้มเสี้ยวและญาณี หลังจากพยายามตามหาทั้งคู่แต่ไม่พบแม้เงา ญาณีกับส้มเสี้ยวซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ทีฑายุถูกยิง ก็ช่วยกันโกหกว่าทีฑายุพาเจ้าหญิงไปเที่ยวนอกเมือง ทั้งที่ความจริงทั้งคู่ หลบไปที่หอคณิกาของจตารี กัญญาภัคไม่อยากเชื่อ ยังคาดคั้นสองสาว โกญจนาทเห็นแล้วรำคาญ กำราบกัญญาภัคว่าเรื่องของผัวเมีย
เขาจะไปฮันนีมูนกันที่ไหนก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับใคร

กัญญาภัคไม่พอใจ หันมองตามโกญจนาทที่เดินผ่านไปด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข

"ท่าทางคุณกัญญาจะเป็นจะตาย เหมือนแอบรักสวามีเจ้าหญิงอยู่เลยนะคะ"

กัญญาภัคหันขวับมาจ้องญาณีที่แกล้งเปรยกับส้มเสี้ยว แล้วสองสาวก็หัวเราะกันเบาๆ ก่อนเดินจากไปอย่างไม่แคร์ สายตาขวางๆของกัญญาภัคสักนิด กัญญาภัคโกรธกำมือแน่น อยากจะหักคอสองคนนั้นให้ตายคามือ

ooooooo

ที่หอคณิกา มาลข่าน ประสันต์ และดรัณย์ช่วยกันเอากระสุนออกจากไหล่ทีฑายุ และทำแผลให้เสร็จเรียบร้อย โดยมีศิศิรากับจตารีเฝ้าดูอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วง...จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยิ่งทำให้สามหนุ่มและจตารีมั่นใจว่าทีฑายุและศิศิราต่างก็รักกันมากเพียงใด จึงไม่แปลกเมื่อสองคนอยู่กันตามลำพังแล้วจะปล่อยใจปล่อยกายอย่างที่ใจปรารถนามาแสนนาน ทิ้งเรื่องบาด
หมางทั้งหมดไว้ชั่วขณะ...

แต่คนที่เจ็บช้ำก็คือผู้หญิงที่รักทีฑายุสุดหัวใจ

อย่างจตารี แต่จตารีก็ไม่เคยเรียกร้องความรักจากทีฑายุ เพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นได้แค่หมอนอิงเก่าๆใบหนึ่ง ยามที่ทีฑายุต้องการความนุ่มชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งก่อนนี้จตารีมีโอกาสได้พูดคุยกับศิศิรา ในช่วงที่พวกดรัณฑ์ทำแผลให้ทีฑายุ จตารีบอกให้ศิศิรารู้ว่า เธอกับทีฑายุเป็นแค่เพื่อนกัน เป็นเพื่อนที่จะรับฟังความทุกข์ใจของเพื่อนได้ ขณะที่ศิศิราก็บอกจตารีว่า เธอกับทีฑายุ
แต่งงานกันแค่ในนาม...

ส่วนที่วัง ญาณีมีโอกาสเจอมาณสิงห์ตามลำพังในมุมปลอดคน มาณสิงห์ซึ่งถูกโกญจนาทสั่งปล่อยตัว หลังจากโกญจนาททำความตกลงกับทีฑายุไปเมื่อคืนก่อน...ญาณีถามกึ่งตำหนิมาณสิงห์ ที่ทีฑายุถูกยิงเป็นผลงานของเขาใช่ไหม?

"ทำไมถึงไม่เอาศพทีฑายุเข้าวัง"

"เพราะว่าทีฑายุยังไม่ตาย เมื่อไหร่จะคิดได้สักทีว่าทุกครั้งที่เธอลงมือโดยอ้างความหวังดี มันคือการทำลายโอกาสและชีวิตเจ้าหญิง"

มาณสิงห์เงียบงัน มองญาณีที่น้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก

ooooooo

ตอนที่ 14

หลังจากส่งทหารไปสืบเสาะจนรู้แหล่งที่อยู่ของทีฑายุกับศิศิรา ไม่ช้าไม่นานกัญญาภัคก็พาทหารบุกไปที่หอคณิกาของจตารี และไม่ฟังเสียงทัดทานห้ามปรามของจตารีด้วย กัญญาภัคพุ่งเข้าไปถึงห้องที่ทีฑายุกับศิศิราเพิ่งจะมีความสุขผ่านไปไม่นาน

ภาพของทั้งคู่บนเตียงทำให้กัญญาภัคแทบอกระเบิด ส่วนทีฑายุกับศิศิราก็ตะลึงคาดไม่ถึง

"ในวังคงไม่เร้าใจ เจ้าหญิงถึงเลือกหอนางโลมเป็นห้องหอ จากสภาพ...คงปล่อยกายปล่อยใจได้มากกว่าอยู่ในวัง" กัญญาภัคยิ้มเหยียด

ทีฑายุลุกขึ้น และหยิบเสื้อผ้าโยนใส่หน้าศิศิรา "ใส่ซะ" ความอ่อนโยนนุ่มนวลเมื่อครู่ของเขาหายไปอย่างสิ้นเชิงจนศิศิราตกใจ จตารีเองก็ไม่อยากเชื่อว่าทีฑายุจะทำถึงได้เพียงนี้

"กัญญามารับพี่พอดี" ทีฑายุเอ่ยขึ้น

"เธอให้กัญญาภัคมารับ?" ศิศิราถามเสียงแผ่ว

"พี่ทีฑายุเสร็จธุระแล้ว ก็รีบออกไปจากสถานที่โลกีย์ เถอะค่ะ ผู้หญิงคนอื่นจะได้มีเวลาปรับทุกข์กันประสาของเล่นข้ามคืน" กัญญาภัคไม่พูดเปล่า ควงแขนทีฑายุอย่างสนิทสนม... ทีฑายุหันมองศิศิราที่ทั้งอาย ทั้งไม่เข้าใจ

"ได้คำตอบแล้วใช่มั้ย ว่าทีฑายุคนที่จะอยู่เคียงข้างเธอ ไม่ใช่เทพบุตรในฝัน" รอยยิ้มเยาะผุดบนใบหน้าทีฑายุ ก่อนเดินควงแขนกัญญาภัคออกไป ศิศิราหน้าเสีย มองจตารี อย่างสับสน

"อย่าถามฉันเลยค่ะ เจ้าหญิงควรจะไปถามทีฑายุเองว่าเขากำลังคิดอะไร" จตารีชิงตัดบท...

พ้นจากห้องมาแล้ว ทีฑายุเดินตัวปลิวทิ้งห่างกัญญาภัค จนสาวเจ้าต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาดึงแขน

"หนีมาหลบที่นี่ทำไม"

"พี่ไม่ได้หลบ พี่แค่อยากทำให้ศิศิราเขาดีใจบ้างว่ายังมีคนสนใจเขา"

"พี่ทีฑายุทำลงไปเพราะแค่หน้าที่สามีเหรอคะ"

"ใช่ ไม่มีความหมายพิเศษอะไร นอกจากหน้าที่"

กัญญาภัคยิ้มใจชื้น หารู้ไม่ว่าทีฑายุกำลังปกปิดความในใจ ส่วนศิศิราที่ตามออกมาแอบฟัง ขมขื่นใจเป็นที่สุด ไร้เรี่ยวแรงแทบยืนต่อไปไม่ไหว จตารีต้องเข้ามาประคองอย่างเห็นใจ

"ถ้ากลับไม่ไหว เดี๋ยวหม่อมฉันจะให้คนไปส่งเพคะ"

"ไม่ต้อง..." ศิศิราเสียงแหบโหย ค่อยๆขยับตัวออก ทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง

"หอนางโลมคงไม่ใช่สถานที่ดีนักสำหรับคนระดับเจ้าหญิงศิศิรา แต่ถ้าเป็นแค่ผู้หญิงหัวใจสลายคนนึง ในนี้ก็ยัง มีคนเข้าใจซึ่งกันและกัน" จตารียิ้มให้ แต่แล้วเข้าใจเมื่อเห็นศิศิราเมินหน้าหนีอย่างอับอาย จตารีจึงเดินออกไปเงียบๆ

ooooooo

ทีฑายุกลับมานั่งหน้าเครียดอยู่ในท้องพระโรง ครุ่นคิดวนเวียนเรื่องราวต่างๆอย่างหาทางออกที่ดีไม่ได้ สักครู่โกญจนาทเดินเข้ามาเมียงมอง ก่อนตั้ง คำถามขึ้นว่า

"แกกับเจ้าหญิงจะมีลูกกันเมื่อไหร่"

"ผมไม่รู้"

"ตั้งใจหน่อยสิ ที่ผ่านมาฉันไม่เคยก้าวก่ายเรื่องที่แกไปขลุกอยู่ในหอนางโลม แต่ตอนนี้แกมีหน้าที่สำคัญ ลูกของแกจะเขี่ยธราเทพให้ร่วงจากบัลลังก์แสงจันทร์โดยปริยาย"

"ยังไงลุงก็ต้องได้สวมมงกุฎแสงจันทร์"

"แต่ฉันไม่ใช่คนประมาท เพราะวันนึงความรักอาจจะอยู่เหนือความกตัญญู...ระหว่างรอความชักช้าของแก เรื่องแรกที่ฉันต้องสะสางคือการปลดสันธิ" โกญจนาทยิ้มเย็น แต่ทีฑายุหน้าเครียดลุกขึ้นหันหลังเดินออกไปทันที โกญจนาทมองตาม

อย่างประเมินสถานการณ์

ข้างฝ่ายกัญญาภัค พอรู้ข่าวว่าโกญจนาทกำลังจะปลดแม่ทัพสันธิ ทำให้เธออยากรู้ต่อไปว่า แล้วใครกันที่จะมาดำรงตำแหน่งแทน แต่สินาตีเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงจะต้องรู้ เพราะมันเป็นเรื่องของทหาร

"ก็เรื่องทหารนี่แหละที่มันจะเป็นชัยชนะหรือความพ่ายแพ้" กัญญาภัคยอกย้อน "โกญจนาทกำลังจะคุมทหารทั้งหมด โดยเฉพาะถ้าตำแหน่งแม่ทัพควบกับตำแหน่งผู้บัญชาการ ทหารบก เท่ากับว่าจะมีกองกำลังรบฝีมือดีที่สุด"

"อย่าบอกฉันนะว่าแกอยากเป็นแม่ทัพกับเขาด้วย"

"กัญญาไม่เป็นแม่ทัพหรอก เพราะกัญญาจะเป็นให้ เหนือกว่าแม่ทัพ" ว่าแล้วกัญญาภัคเดินลิ่วจากไป ทิ้งสินาตียืนหน้าตื่นตกใจ และไม่เข้าใจความคิดลูกสาว

ดรัณย์ ประสันต์ มาลข่าน เห็นทีฑายุจมอยู่กับปัญหาที่ขบไม่แตก พวกเขาจึงแสดงความคิดเห็น ทั้งแนะนำไปพร้อมกัน ด้วยเรื่องที่โกญจนาทจะปลดแม่ทัพสันธิ เพราะถ้าปลดเมื่อไหร่ เจ้าหญิงก็หมดความหมายเมื่อนั้น ซึ่งพวกเขาเห็นว่าทีฑายุควรจะทำอะไรบ้าง เพราะทีฑายุมีสิทธิ์มีเสียงสูงกว่าแม่ทัพหรือพวกเสนาบดีด้วยซ้ำ จะปล่อยให้ลุงชี้นิ้วสั่งเป็นสั่งตายเจ้าหญิงซึ่งเป็นเมียของทีฑายุทำไม

ทีฑายุรับฟังแล้วครุ่นคิด แล้วอีกพักก็ตัดสินใจเดินตรงไปทางท้องพระโรง ซึ่งเวลานี้โกญจนาทกำลังประชุมผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องแก่บ้านเมือง เพื่อปลดแม่ทัพสันธิ แล้วแต่งตั้งคนใหม่ขึ้นแทน แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะยังมีสันธิกับวิชัย และมาณสิงห์ที่ยังจงรักภักดีต่อศิศิราคอยคัดคานอำนาจโกญจนาทชนิดหัวชนฝา ขณะที่ทหารฝ่ายของโกญจนาทอย่างรามปุระกับทาอู
และไมยาดินก็ถือหางโกญจนาทเสียงแข็งเหมือนกัน

ขณะสองฝ่ายกำลังทุ่มเถียงกันดุเดือด ทีฑายุก็ก้าวเข้ามาค้านคำสั่งโกญจนาทที่สั่งปลดแม่ทัพสันธิ ซึ่งทีฑายุอ้างว่า ยังไม่มีใครเหมาะสมจะเป็นแม่ทัพแทนท่านสันธิ

"ปลดไปก่อน เดี๋ยวคนเหมาะสมก็หามาได้เอง" ทาอูสวนขึ้นมา

"นี่เหรอความคิดเสนาบดีใหญ่ เห็นกองทัพเป็นสนามเด็กเล่น" คำพูดดูหมิ่นของทีฑายุทำเอาทาอูหน้าเจื่อน โกรธจี๊ด...รามปุระทนไม่ไหว เถียงแทน

"ก็ไม่ใช่เรื่องเด็กเมื่อวานซืน ที่ริจะลุกขึ้นมาคัดค้านความเห็นของท่านผู้สำเร็จราชการเหมือนกัน"

"เห็นทีพวกท่านจะความจำสั้น ว่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้มันมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะคัดค้านในฐานะสวามีเจ้าหญิง"

โกญจนาทจ้องมองทีฑายุด้วยสายตาคมกริบ แต่ทีฑายุหาได้ลดบทบาทสำคัญ

"ในฐานะสามีที่ดี ก็ต้องดูแลผลประโยชน์ของภรรยา"

"เป็นสามีเจ้าหญิงก็อยู่แต่ในห้อง เรื่องปกครองไม่ใช่เรื่องของแก"

"ระวังปากหน่อย รามปุระ ท่านกำลังดูถูกเรา ผู้ที่มีฐานะสูงกว่าทุกคนในนี้ เรื่องของบ้านเมืองเป็นเรื่องที่น่าจะช่วยกันคิด ไม่ใช่ตกอยู่ในมือคนคนเดียว"

โกญจนาทยังนิ่งทั้งที่ใจพลุ่งพล่าน แต่ไมยาดินทนไม่ได้ เต้นแทนนาย

"แต่ก็เป็นคนคนเดียวที่มีอำนาจสูงสุด ยังไงแม่ทัพสันธิก็ต้องถูกปลด แล้วท่านโกญจนาทจะเป็นคนแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่เอง"

ทีฑายุไม่สน กวาดตามองเหมือนออกคำสั่ง "ส่วนเรื่องผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ เราเห็นว่าสมควรจะเป็น..."

"เป็นสันธิไม่ได้" รามปุระแทรกขึ้นเร็วจี๋

"ท่านก็เป็นไม่ได้เหมือนกัน" ทีฑายุตอกหน้ารามปุระ แล้วหันไปทางโกญจนาท "ผมอาจจะไม่ได้ปรึกษาลุงไว้ก่อน แต่คิดว่าด้วยฐานะที่มีอยู่ และทุกคนก็รับรู้กันทั่ว ผมก็มีสิทธิ์จะดูแลปัญจารัตน์ได้เต็มที่คนนึง ผมขอเสนอแต่งตั้ง แม่ทัพวิชัยให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่"

"ทำไมต้องเป็นวิชัย" รามปุระไม่พอใจอย่างแรง ทีฑายุไม่สน ถามความเห็นคนอื่นๆ มีใครอยากจะคัดค้านอะไรไหม?

มาณสิงห์กับสันธิมองสบตากันอย่างไม่เข้าใจการกระทำของทีฑายุ ขณะที่โกญจนาทไม่พูดอะไรสักคำ แต่แววตา

จ้องทีฑายุแทบลุกเป็นไฟ

ขณะเดียวกันนั้น ศิศิราถูกสินาตีและกัญญาภัครุมพูดจาถากถาง และขับไล่ไม่ให้เข้ามาเหยียบที่ห้องปักไหมอีก ศิศิราเจ็บช้ำ เพราะห้องนี้เป็นห้องที่แม่รักมาก แต่เธอซึ่งเป็นลูกกลับถูกคนอื่นขับไล่ แล้วจะยึดเอาไว้ใช้งานกันเสียเอง โดยที่ญาณีซึ่งพยายามช่วยนายของตัวเองเต็มที่ แต่ก็ทัดทานความโอหังของสองแม่ลูกไม่ได้ หนำซ้ำสองแม่ลูกยังจะปลดภาพครอบครัวของศิศิรา
ลงจากผนังด้วย

เมื่อออกจากที่ประชุม มาณสิงห์กับสันธิเดินตามหลังทีฑายุออกมา มาณสิงห์ดักคอทีฑายุว่า

"อย่าคิดจะหาบุญคุณกับเรา ด้วยการแสดงอำนาจเหนือ โกญจนาท"

"เธอทำเพื่อเจ้าหญิง หรือเพื่อตัวเองกันแน่" สันธิเอ่ยถามเสียงเรียบ ทีฑายุยังไม่ทันตอบ วิชัยเดินออกมาสมทบ

"มันจะแตกต่างกันตรงไหน ในเมื่อเจ้าหญิงกับทีฑายุคือคนคนเดียวกัน"

"หวังว่าท่านแม่ทัพผู้จงรักภักดีกับลูกชายคงจะใช้โอกาสสุดท้ายที่เราให้อย่างคุ้มค่าหน่อย...อย่าโง่วิ่งเข้าไปรนหาที่ตายอีกล่ะ มาณสิงห์" ว่าแล้วทีฑายุเดินลิ่วไป

"มันกำลังวางอำนาจเหนือเจ้าหญิง" มาณสิงห์พูดอย่างมั่นใจ

"ก็ยังดีไม่ใช่เหรอ ที่ทีฑายุใช้อำนาจยื่นมือมาในเวลา ที่เหมาะ เพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่หุ่นเชิดของลุง" วิชัยเอ่ยเตือนแล้วผละไปทันที มาณสิงห์มองสบตาพ่อที่ยืนนิ่งอย่างใช้ความคิดพิจารณา

ส่วนโกญจนาทกับลูกน้องคนสนิททั้งสามยังอยู่ในท้องพระโรง รามปุระมั่นใจว่าครั้งนี้ทีฑายุตั้งใจท้าทายพวกเรา มันเหมือนหมาบ้าที่เลี้ยงไม่เชื่อง พร้อมจะแว้งกัดมือที่ขุนมันมา

"เท่ากับว่า ทีฑายุส่งวิชัยขึ้นขวางทางท่าน" ไมยาดินแค้น

"สงสัยจะหลงมารยาเจ้าหญิง ปล่อยไว้ไม่ได้ มันกำลังจะเหลิงข้ามหัวพวกเรา" ทาอูพูดแล้วสงสัยเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าโกญจนาท "ท่านยังยิ้มออก?"

"เพราะฉันรู้จักทีฑายุมันดีน่ะสิ ถ้ามันอยากลองดี ฉันก็จะสั่งสอนให้มันรู้ว่าคนที่ควบคุมทุกอย่างได้ต้องเป็นฉันคนเดียว" โกญจนาทแสยะยิ้ม ในสมองคิดวางแผนดัดหลังทีฑายุ...

กัญญาภัคเดินเร็วรี่มาหาทีฑายุที่กำลังจะเลี้ยวไปห้องศิศิรา แล้วตั้งคำถามเรื่องการประชุม ที่มีเสียงร่ำลือกันว่าทีฑายุกล้าขัดคำสั่งโกญจนาท ซึ่งกัญญาภัคอยากรู้ว่าทีฑายุกำลังทำเพื่อเราใช่ไหม?

"ทำไมกัญญาใช้คำว่า...เรา"

หญิงสาวชะงัก หุบยิ้มทันที "แสดงว่าพี่กำลังทำเพื่อ...ศิศิรา" ทีฑายุไม่ตอบ จะเดินไป กัญญาภัครั้งมือไว้ แล้วแสร้งตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ "กัญญามีเรื่องด่วนต้องรายงานพี่ เจ้าหญิงไม่พอใจที่กัญญาไปพาพี่ทีฑายุกลับมาจากหอนางโลม ทรงเอ่ยปากว่าจะไม่เหยียบไปห้องปักไหมอีก ถ้ายังเห็นกัญญาอยู่ที่นี่ พี่ทีฑายุเข้าใจกัญญาด้วยนะคะ ที่กัญญาอยู่ ก็เพราะอยากช่วยงานพี่
ทีฑายุ เราก็รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ จะให้นิ่งดูดาย กัญญาก็คงเป็นประชาชนที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี"
ตอนที่ 14 (ต่อจากวานนี้)

"พี่จะหางานให้กัญญาทำ"

"ให้กัญญาดูแลเจ้าหญิงนะคะ"

"ไม่ต้อง กัญญามาช่วยพี่ดีกว่า พี่จะให้กัญญาเป็นเลขากรมวัง ทำงานรับคำสั่งจากพี่โดยตรง"

"พี่ทีฑายุดีกับน้องที่สุดเลย" กัญญาภัคดีใจ เข้าหอมแก้มทีฑายุทันที ทีฑายุจะขยับถอยออกห่าง แต่กัญญาภัคยังควงแขน ไว้ด้วยสีหน้าสุขใจ...

ญาณีเอารูปครอบครัวศิศิราซึ่งถูกสองแม่ลูกตัวร้ายปลดออกจากห้องปักไหมเข้ามาเก็บที่ห้องศิศิรา พลางก็บ่นอย่างอาฆาตแค้น

"ถ้าทำให้กัญญาภัคก้มลงกราบแทบเท้าเจ้าหญิงไม่ได้ ญาณีคงตายตาไม่หลับ" ศิศิราหันหน้าหนี ไม่อยากฟัง ญาณีขยับเข้ามาใกล้ "เห็นว่าวันนี้ทีฑายุคัดค้านการปลดท่านสันธิ หรือว่าทีฑายุกำลังเปลี่ยนใจคิดจะมาช่วยเราเพคะ"

"คนอย่างทีฑายุไม่เคยมีความจริงใจ จำไว้ว่าเขาคือสายเลือดของโกญจนาท" ศิศิราน้ำตาปริ่ม ญาณีได้แต่มองเห็นใจ...

ตกเย็นโกญจนาทกลับมาบ้าน เห็นสินาตีและกัญญา-ภัคหน้าระรื่น โดยเฉพาะสินาตีนั้นท่าทางมีความสุขเอามากๆ จีบปากเล่าเรื่องที่เข้าไปอาละวาดศิศิรามาเมื่อตอนกลางวันให้โกญจนาทฟัง

"ท่านคะ วันนี้ฉันเพิ่งไล่เจ้าหญิงออกจากห้องปักไหม แล้วห้ามไม่ให้เหยียบเข้าไปอีก อีกหน่อยเราก็จะเฉดหัวออกจากวัง"

"ทำได้สมสติปัญญามาก วันๆคิดจะทำประโยชน์อะไรบ้างมั้ย"

"เอ๊ะท่าน อารมณ์เสียแล้วอย่ามาพาลใส่ลูกเมีย"

"ใครทำให้ท่านหงุดหงิดมาเหรอคะ หรือว่ามีคนไม่เชื่อฟัง" กัญญาภัคแกล้งยั่ว

โกญจนาทโดนจี้ใจเดินหนีไม่ยอมตอบ กัญญาภัคยิ้มเยาะ แต่สินาตีร้อนใจอยากรู้ว่าใครกันช่างกล้าขนาดนั้น?

ooooooo

ทีฑายุเชื่อในคำพูดของกัญญาภัคถึงขนาดมาตำหนิศิศิราให้เจ็บช้ำน้ำใจยิ่งขึ้นไปอีก...ในขณะที่ศิศิราจมอยู่กับน้ำตา กัญญาภัคกลับหน้าระรื่นพอใจกับตำแหน่งที่ทีฑายุมอบหมาย คุยอวดรักเร่ว่าเธอไม่จำเป็นต้องไปตบตีแย่งชิงทีฑายุกับใครอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนางโลมหรือเจ้าหญิง เพราะต่อไปนี้คนที่ ได้สิทธิ์ใกล้ชิดทีฑายุตลอดเวลาคือเธอคนเดียว

ใช่ว่าตำหนิศิศิราแล้วทีฑายุจะสบายใจ...ทีฑายุไปบ่นให้จตารีฟังอย่างกลุ้มๆ และเล่าเรื่องมอบหมายตำแหน่งเลขาให้กัญญาภัค จตารีไม่ค่อยเห็นด้วยเพราะการทำแบบนี้กัญญาภัคมีโอกาสเข้าใกล้ทีฑายุมากขึ้น แต่จะยิ่งทำให้ศิศิราเสียใจ ทีฑายุยืนยันว่ากัญญาภัคเป็นน้องสาวที่น่าสงสารมาก เธอไม่เคยได้รับความรักจากใคร จตารีเลยประชดเขาว่า ช่างเป็นพี่ชายพี่แสนดี พอๆกับเป็น
สามีที่ห่วงใยภรรยา ส่วนเรื่องโกญจนาท จตารีมั่นใจเขาไม่ใช่คนที่ใครจะลูบคมได้ เธออยากให้ทีฑายุ ระวังตัวด้วย

ทีฑายุฟังแล้วนิ่งคิด ก่อนเอ่ยปากกับจตารีว่า ถ้าเขาเป็นอะไรไป ขอฝากศิศิราด้วย จตารีกระเซ้าเขาว่า ใครรู้เข้าคงหัวเราะเยาะที่เขามาฝากเจ้าหญิงกับนางโลม แต่ทีฑายุมั่นใจว่าจตารีจะพูดให้ศิศิราเข้าใจในตัวเขาได้ แม้เขาจะเป็นคนเลวที่สุดในสายตาของศิศิรา...

รุ่งขึ้น ความวุ่นวายบังเกิดขึ้นอีกด้วยฝีมือของโกญจนาทที่สั่งพวกทาอูเอาเงินไปแจกจ่ายชาวบ้าน ซึ่งมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่มารับเงินแล้วชื่นชมโกญจนาทอย่างมาก ทำให้ดรัณย์ กับจตารีที่ยืนดูอยู่รอบนอกรู้สึกหนักใจแทนทีฑายุกับศิศิรา

เมื่อทีฑายุรู้เรื่องนี้จากดรัณย์ก็ทนอยู่เฉยไม่ได้ มาเจรจากับโกญจนาทจะให้หยุดแจกเงินชาวบ้าน กัญญาภัคเองก็ยืนข้างทีฑายุ ช่วยพูดอีกแรง ทำให้โกญจนาทไม่พอใจทั้งคู่ และดึงดันไม่ยอมยุติการแจกเงิน อ้างเหตุผลว่าตนต้องการให้เงินชาวบ้านเอาไปตั้งตัว ทีฑายุจึงต้องใช้อำนาจฐานะสามีศิศิรา ให้กัญญาภัค ไปตามเสนาบดีทั้งหมดรอที่ท้องพระโรง เสร็จธุระแล้วเขาจะกลับมาประชุม

โกญจนาทยังยิ้มได้ ขณะมองตามทีฑายุและกัญญาภัคที่เดินออกไป รามปุระเห็นแล้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

"โดนหลานชายกับลูกสาวท้าทาย ท่านยังหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"

"รออีกเดี๋ยว ความเหิมเกริมของมันนั่นแหละที่จะจุดไฟให้ลุกทั้งเมือง" โกญจนาทยิ้มมั่นใจ

แล้วสิ่งที่โกญจนาทมั่นใจก็เป็นจริง เมื่อทีฑายุออกไป ห้ามพวกทาอูให้หยุดแจกเงินชาวบ้าน กลับถูกชาวบ้านกลุ่มใหญ่ ร้องด่าขับไล่อย่างไม่พอใจ ทั้งยังคว้าข้าวของที่พอหาได้ขว้างปาทีฑายุจนจตารีกับดรัณย์ต้องพาถอยออกมาอย่างทุลักทุเล ส้มเสี้ยวเองที่อยู่ในเหตุการณ์แต่แรกก็โกรธชาวบ้านที่พาลร้องด่าเจ้าหญิงศิศิราด้วย หาว่าทั้งผัวทั้งเมียไม่รักประชาชน คนที่รักและห่วงใยประชาชนคือโกญจนาทต่างหาก

ทีฑายุกลับเข้าวังในสภาพเลือดเปรอะแขน เพราะถูกชาวบ้านขว้างสิ่งของโดนแผลเก่าที่ถูกยิงซึ่งยังไม่หายดี ขณะกัญญาภัคช่วยทำแผลให้ทีฑายุ ศิศิราผ่านมาเห็นความใกล้ชิดของทั้งคู่ รู้สึกเสียใจจนต้องเร่งฝีเท้าเดินหนี มาณสิงห์ที่มาด้วย แอบพอใจอยู่ลึกๆ ส่วนกัญญาภัคกับทีฑายุที่หันไปเห็น

สองคนเดินตามกันไป กัญญาภัคยิ้มสมใจ ต่างจากทีฑายุที่หน้าเครียดขุ่นมัวขึ้นมาทันทีที่เห็นมาณสิงห์เกาะติดศิศิราเหลือเกิน

มาณสิงห์พูดเรื่องที่ทีฑายุบาดเจ็บเพราะออกไปห้ามการแจกเงินประชาชน และท่าทางเขากำลังเอนเอียงออกห่างจากอำนาจของลุง แถมยังแต่งตั้งกัญญาภัคเป็นเลขาส่วนตัว ศิศิราน้อยใจที่ทีฑายุไม่เคยบอกเรื่องแต่งตั้งกัญญาภัค และเธอก็ไม่เชื่อด้วยว่าทีฑายุจะจริงใจ เขากำลังเล่นละครตบตาหลอกเธอต่างหาก

"เราเบื่อในวังนี่เหลือเกิน มาณสิงห์ช่วยพาเราออกไป นอกวังบ้างได้มั้ย"

มาณสิงห์ยิ้มรับด้วยใบหน้ามีความสุขที่จะได้ใกล้ชิดศิศิรา ส่วนกัญญาภัคที่อยากได้พี่ทีฑายุของเธอกลับคืน พอรู้เรื่องนี้ จากมาณสิงห์ กัญญาภัคจึงยินดีให้ความร่วมมือ โดยเธอจะบอกทหารให้เปิดทางสำหรับมาณสิงห์กับเจ้าหญิงที่จะออกไปเที่ยวนอกวัง แต่การไปครั้งนี้ต้องให้ทีฑายุรู้เห็นด้วย เพราะมันจะทำให้ทั้งเธอเองและมาณสิงห์ได้ในสิ่งที่ต้องการ...มาณสิงห์ฟังแผนแยบยลของกัญญาภัคแล้วถึงกับออกปากว่า

"เธอนี่เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมาก"

"ใช่ น่ากลัวสำหรับศัตรู แต่กับมิตร...เธออาจจะได้สิ่งพิเศษสุดที่หาไม่ได้จากผู้หญิงทั่วไป"

มาณสิงห์มองรอยยิ้มยั่วยวนของกัญญาภัคแล้วใจกระตุก รีบถอยออกไป กัญญาภัคมองตามยิ้มๆ แล้วชะงักเล็กน้อย เมื่อหันมาเจอไมยาดินที่ก้าวมายืนมอง

"จะยกอะไรให้มาณสิงห์"

"โธ่...ไมยาดิน เครียดไปได้ เราคงไม่ยกหัวใจให้มาณสิงห์หรอก เขาแค่มาขอพาเจ้าหญิงออกไปพักผ่อนนอกวัง"

"มาณสิงห์อาจจะพาเจ้าหญิงหนีอีก"

"เรารู้ แต่เราคิดว่ามาณสิงห์คงไม่กล้าแล้วล่ะ เราเห็นใจผู้หญิงด้วยกันนะ ศิศิราคงทุกข์มากที่ต้องฝืนใจอยู่กับพี่ทีฑายุ" กัญญาภัคตีหน้าเศร้า แกล้งให้ไมยาดินเห็นมุมอ่อนโยนสงสารคนอื่น ซึ่งได้ผล ไมยาดินมีท่าทีคลายความกังวล...

ooooooo

ตอนที่ 15

จากเหตุการณ์ที่ประสบกับตัวเอง ทีฑายุเป็นห่วงศิศิราอยากให้อยู่แต่ในวัง เพราะช่วงนี้ในเมืองไม่ค่อยปลอดภัย แต่ศิศิราที่ขุ่นเคืองใจเรื่องระหว่างทีฑายุกับกัญญาภัคกลับดื้อรั้นดึงดันอย่างถือดี จะไม่ยอมทำตามคำพูดของทีฑายุ

ขณะเดียวกันนั้น โกญจนาทกำลังวางแผนปั่นป่วนบ้านเมืองอีก สั่งไมยาดินไปเผาบ้านแถวชายแดน แล้วให้ปล่อยข่าวว่าคนร้ายเป็นพวกโจรนิราษิณ เขาอยากรู้ว่าทีฑายุจะเต้นสักเพียงไหน...เมื่อทีฑายุทราบเหตุร้ายในเช้าวันรุ่งขึ้นก็ร้อนใจ จนอยู่ไม่ติด จะไปลากตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว

ด้านศิศิราเมื่อรู้ข่าวนี้ก็ร้อนใจเช่นกัน อยากรู้ว่าใครกัน ที่ฆ่าประชาชนของเธอ จึงเปลี่ยนแผนจากการไปเที่ยวนอกวัง

ไปค้นหาความจริงแทน แต่ไปไม่ทันพ้นเขตวัง ศิศิราและมาณสิงห์ ก็ต้องหลบพวกดรัณย์ที่กำลังจะตามทีฑายุออกไปชายแดน

ทีฑายุ ดรัณย์ ประสันต์ มาลข่าน ทุกคนมีอาวุธครบมือมุ่งหน้าไปชายแดนที่ได้รับความเสียหาย แต่แล้วทีฑายุที่มุทะลุไม่ฟังเสียงห้ามของเพื่อนๆเดินข้ามเขตรอยต่อแคว้นปัญจารัตน์กับแคว้นนิราษิณเข้าไป จึงถูกทหารของนิราษิณควบคุมตัวไว้ ราเชนทระกษัตริย์แห่งนิราษิณเห็นว่าทีฑายุคือหลานของโกญจนาท และยังเป็นพี่ชายของกัญญาภัค หญิงงามที่น่ารักน่าทะนุถนอม จึงเรียกสันชัยมาสั่งเฉียบ

"ปล่อยตัวทีฑายุกลับไป แต่เราต้องแสดงท่าทีให้ปัญจา-รัตน์รู้ว่า ถึงจะเป็นบ้านใกล้เรือนเคียง ปัญจารัตน์ก็ต้องเคารพในทุกตารางนิ้วของนิราษิณเหมือนกัน สั่งลงไปว่าเราให้ปิดด่านการค้าของสองแคว้นทุกด่าน ไม่มีกำหนด"

ไม่ทันข้ามวัน คำสั่งปิดด่านการค้าก็ส่งผลให้ทั้งชาวบ้านและพ่อค้าแม่ขายของปัญจารัตน์เดือดร้อน ออกมาโวยวายที่หมดทางทำมาหากินอย่างคับแค้นใจ ศิศิราที่แอบปลอมตัวออกจากวังมากับมาณสิงห์ พร้อมด้วยญาณีและส้มเสี้ยวจึงโดนลูกหลง เมื่อญาณีกับส้มเสี้ยวเกิดมีปากเสียงกับชาวบ้านที่อยู่ฝ่ายโกญจนาท มาณสิงห์ตกใจที่เห็นศิศิราที่อยู่ในกลุ่มญาณีจะถูกทำร้าย เผลอร้อง
เรียกเจ้าหญิงขึ้นมา ทำให้ชาวบ้านกลุ่มนั้นเพ่งเล็งศิศิรา ด้วยความโกรธแค้น ด้วยเข้าใจว่าศิศิราไม่รักประชาชนอย่างโกญจนาท มาณสิงห์เลยต้องกันศิศิราออกมา ท่ามกลางความวุ่นวายโกลาหล

ขณะเดียวกัน โกญจนาทอยู่ในวังอย่างสบาย เมื่อรู้เห็นว่าทีฑายุถูกทหารนิราษิณปล่อยตัวกลับมา ก็รีบมาเยาะหยัน ท่ามกลางทหารฝ่ายของตน และฝ่ายศิศิราอย่างนายพลวิชัย

"เป็นยังไงล่ะ ความมุทะลุไม่ฟังใครของสามีเจ้าหญิง เกือบจะก่อสงครามระหว่างแคว้น ดีว่าเอาตัวรอดมาได้ แต่คนรับเคราะห์แทนกลับเป็นประชาชนตาดำๆ ที่ทำมาค้าขายไม่ได้"

"เรากับนิราษิณไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง ส่งคนไปเจรจาทำความเข้าใจกัน ด่านต่างๆก็น่าจะเปิดได้" วิชัยเอ่ยขึ้น

"ส่งใครไปดีล่ะ" โกญจนาทสีหน้าเยาะหยัน "ผองเพื่อนของท่านพระสวามีดีมั้ย สารรูปนักดนตรีข้างถนนคงขับกล่อมเพลงทำให้กษัตรย์ราเชนทระใจอ่อน"

"เราจะไปเอง" ทีฑายุสวนทันที

"ช่างมีความรับผิดชอบ...อย่างคนสิ้นคิด" ทาอูเหยียดยิ้ม ดูถูก...โกญจนาทกระหน่ำทีฑายุอีก

"นิราษิณจะได้หัวเราะเยาะผู้นำหนุ่มของปัญจารัตน์ สะพายปืนเข้าไปไล่ยิงทหารเหมือนคนบ้า นี่เหรอผู้ที่คิดจะนำบ้านเมือง"

"เราจะช่วยแก้ปัญหานี้" วิชัยพูดโพล่ง

"ไหวเหรอท่าน ท่าทางผู้นำของท่านป้อแป้เหลือเกิน เห็นทีคืนนี้ก็คงไปวางแผนแก้ปัญหาบ้านเมืองในหอนางโลม"

ทีฑายุทนไม่ไหวพุ่งเข้าไปจะเอาเรื่องทาอูที่ปากดี แต่พวกประสันต์รีบดึงทีฑายุไว้ โกญจนาทเห็นแล้วสะใจเป็นที่สุด เอ่ยสรุปด้วยเสียงทรงอำนาจอย่างผู้ชนะในเกมนี้แบบพับกระดาน

"เห็นแล้วใช่มั้ย ว่าผลงานสวามีของเจ้าหญิงกำลังจะพาปัญจารัตน์ไปสู่ความวิบัติ"

ooooooo

ตกกลางคืน กัญญาภัคมีโอกาสพูดคุยกับทีฑายุ ตามลำพัง กัญญาภัคคาดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดอาจจะเป็นฝีมือของโกญจนาทที่จงใจทำให้ทีฑายุกลายเป็นตัวตลก ซึ่งเธอต้องขอโทษทีฑายุที่เธอช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย

"ไม่เป็นไร" ทีฑายุลูบผมกัญญาภัคเบาๆ ขณะเธอเข้ามาซบอก

ศิศิรายืนมองทั้งคู่อยู่ในมุมมืด เธอไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน รู้แต่ว่าภาพที่เห็นช่างบาดตาบาดใจจนเธอยืนอยู่ตรงนั้น ต่อไปไม่ได้ ต้องหันหลังเดินออกไปเงียบๆ

"พี่จะไปคุยกับลุง" ทีฑายุตัดสินใจ แต่กัญญาภัค รีบห้ามด้วยความห่วงใยทีฑายุจริงๆ

"อย่าเพิ่งเลยค่ะ กัญญากลัว ท่านไม่เคยให้อภัยใครง่ายๆ อย่าเพิ่งไปเลยนะคะ"

"ปัญหานิราษิณเป็นเรื่องใหญ่"

"พี่ทีฑายุไว้ใจกัญญาหรือเปล่าคะ ถ้าไว้ใจ กัญญาขอช่วยแก้ปัญหานี้เอง"

"กัญญาจะทำยังไง"

"อย่าเพิ่งถามเลยค่ะ กัญญาไม่อยากเห็นใบหน้าที่มีแต่ความกังวลของพี่ กัญญาจะเอารอยยิ้มและความสบายใจกลับคืนมาให้พี่ทีฑายุเอง" กัญญาภัคยิ้มอย่างมั่นใจ...

(อ่านต่อพรุ่งนี้)

@^@..อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 1/2


@^@..อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 1/2
ตอนที่ 1 (ต่อจากวานนี้)

ในห้องทำงาน สำเริงกำลังบ่นกับสินถึงข่าวทางลบของสืบพงศ์ที่มีออกมาทุกวันทำให้ยอดขายตกลง สินจึงเสนอให้ปั้นนักร้องใหม่ สำเริงครุ่นคิดพลันเห็นซีดีพร้อมรูปถ่ายของดุจดาววางอยู่บนโต๊ะ สำเริงมองสิน สินส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง

"แล้วใครเอามาวางแถวนี้วะ อืม...รูปร่างหน้าตาใช้ได้ ไม่เลวเลยนะเนี่ย" สำเริงชม

ลิซ่าแอบฟังอยู่รีบถอยออกมาส่งข่าวโป้งว่าท่าทางสำเริงสนใจ โป้งยิ้มกระหยิ่มใจเป็นโอกาสที่เขาต้องช่วยต้อม

ในขณะที่ต้อมกำลังพะอืดพะอมกับข้าวต้มที่รัชนีทำมาให้ที่บ้านกิน แต่ไม่มีใครอยากชิม พอดีมีคนมากดกริ่งหน้า บ้าน ต้อมรีบลุกขึ้นยิ้มเย้ยน้องๆว่าเขารอดแล้ว แล้วรีบวิ่งออกไปเห็นดุจดาวมาด้อมๆมองๆที่หน้าบ้าน ต้อมดีใจดุจดาวส่งถุงขนมหม้อแกงให้เพื่อขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนเธอ ต้อมงง

"อย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้สิคะ เมื่อตะกี้บริษัทเรดาร์เรคคอร์ด โทร.มาเรียกดาวให้เข้าไปเทสต์เสียงค่ะ" ต้อมยิ้มออกมาอย่างดีใจ ในขณะที่รัชนีแอบมองด้วยความริษยา...

ต้อมพาดุจดาวเข้าบริษัทเพื่อเทสต์เสียง สินเห็นดุจดาวก็เกิดความพอใจ ดุจดาวเองก็ส่งตาหวานให้เช่นกัน สินบอกต้อม ว่าวันนี้เขามาฟังแทนพ่อ ต้อมจำต้องแนะนำให้ดุจดาวรู้จัก

ลูกชายเจ้าของบริษัท ดุจดาวหูผึ่งยิ่งเกิดความสนใจมากขึ้น พอดุจดาวทดสอบเสียง สินกับโปรดิวเซอร์ลงมติว่าเสียงผ่านแต่ลีลายังไม่ได้ ต้อมรีบออกตัวแทนว่าดุจดาวยังเกร็งๆและอยู่ในห้องอัดจะวาดลวดลายได้อย่างไร สินยิ้มๆ

"ถ้างั้นคอนเสิร์ตของสืบพงศ์คืนวันศุกร์ให้ดุจดาวไปแจมด้วย จะได้ดูลีลาซะหน่อย"

ดุจดาวตื่นเต้น สินย้ำว่าเพราะเห็นเป็นเด็กของต้อม ถ้ามีพรสวรรค์จะได้ช่วยผลักดันไวๆดุจดาวยิ้มปลื้ม พอมีโอกาสรีบขอบคุณต้อม สินแอบมองความสนิทสนมของสองคน สืบพงศ์เข้ามาที่ห้องอัดได้ยินเพลงที่สินนั่งฟังจึงแกล้งชมว่า เสียงดี สินจึงข่มว่านี่คือศิลปินลำดับต่อไปของค่าย สืบพงศ์ ไม่สำนึกกลับบอกว่า เขากำลังอยากออกอัลบั้มคู่อยู่พอดี

"เสียใจด้วยนะสืบพงศ์ บริษัทมีแผนที่จะปั้นนักร้องใหม่ มาแทนที่พวกเก่าๆที่กำลังตกกระป๋อง ผมคงให้เค้าร้องคู่กับคุณ ไม่ได้ ขอตัวก่อนนะ"

"หนอย คิดจะถีบหัวส่งหรือไงวะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน คอยดูเถอะได้เห็นดีกันแน่" สืบพงศ์สบถตามหลังสินที่เดินเชิดออกไปอย่างแค้นๆ

ooooooo

ตอนที่ 2

v4 ยังคงเดินจ้ำๆเพื่อกลับไปหา v5 พอดีสัญญาณที่ข้อมือปรากฏขึ้น เธอได้รับการติดต่อจาก v1 v1 ถามว่าเมื่อคืนขาดการติดต่อเกิดอะไรขึ้น อุปกรณ์เสียหรือเปล่า v4 มองนาฬิกาข้อมือแล้วบอกว่าไม่เสีย หารู้ไม่เธอไม่ทันสังเกตว่า เมื่อคืนที่โดนยิงมีกระสุนกระแทกเข้าที่เครื่องแต่ไม่แตก แต่ก็ทำให้ระบบรวน เวลาคลาดเคลื่อนไปหลายสิบนาที v1 แจ้งให้ทราบว่า เสร็จภาระกิจแล้ว
ต้องไปที่ดาวอื่นต่อ ให้กลับมา

พบกันที่พิกัด 19 โซนตะวันออก เวลาโลก 21.00 น.

คืนนี้เป็นคืนแสดงคอนเสิร์ตของสืบพงศ์ที่ดุจดาว

จะต้องขึ้นร้องแสดงความสามารถ ดุจดาวตื่นเต้นมาก ต้อมต้องปลอบให้เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง สืบพงศ์เห็นแล้วหมั่นไส้แกล้งเข้ามาพูดขู่ว่าครั้งแรกก็เป็นอย่างนี้ทุกคนคือ...ล่ม ลิซ่าหมั่นไส้รีบบอกให้สืบพงศ์รีบไปขึ้นเวทีก่อนที่จะเจอของแข็ง ของกะเทยอย่างเขา สืบพงศ์สะบัดหน้าไปอย่างเคืองๆ

พิธีกรอ๊อดขึ้นกล่าวเปิดงานและเชิญสืบพงศ์ขึ้นเวที สืบพงศ์วาดลวดลายเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ชมมากมาย ในขณะนั้น v1 v2 และ v3 เดินผ่านเวทีคุยกันถึงเวลาที่จะเดินทางกลับ แต่ v4 กับ v5 ยังไม่มา จึงพากันไปรอที่จุดนัด v4 มาถึงหน้าเวทีมองนาฬิกาเห็นเหลือเวลาอีกหลายสิบนาที จึงหยุดมองการแสดงของสืบพงศ์ เห็นหางเครื่องเต้นก็เรียนรู้และเต้นตามอย่างรวดเร็ว

ในระหว่างที่ดุจดาวขวัญกระเจิงเมื่อเห็นคนดูกรี๊ดกร๊าด กับสืบพงศ์ ต้องเข้ามาปลอบใจบีบมือที่สั่น "ผมเชื่อว่าคุณดุจดาวต้องทำได้ครับ"

"คุณพูดจริงเหรอคะ"

"หัวใจของผมเป็นพยานได้ครับคุณดาว ฟ้าส่งคุณเพื่อมาแจ้งเกิดบนเวทีคืนนี้แน่นอนครับ คอนเฟิร์ม"

ดุจดาวมีกำลังใจขึ้นพร้อมที่จะสู้ อ๊อดมาเตือนว่าใกล้ถึงคิวดุจดาว เธอพยักหน้าให้ต้อมอย่างมั่นใจขึ้น... v4 เห็นคนดูเต้นตามจังหวะเพลงของสืบพงศ์ก็คิดว่า นี่คือการออกกำลังกายเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชาวโลกอายุยืน ใกล้ถึงเวลาที่ยานจะมารับ v1 รู้สึกหางตากระตุก v3 ถามว่าตาข้างไหน ชาวโลกเชื่อว่าขวาร้ายซ้ายดี v1 ใจเสีย เพราะเป็นตาขวาแต่ไม่อยากเชื่อ

เพลงสุดท้ายของสืบพงศ์ในช่วงนี้จบลง เขาแอบกระซิบกับนักดนตรีให้รับน้องใหม่ดุจดาวด้วยการสลับเพลงที่จัดให้ร้อง จากเริ่มด้วยเพลงช้า เอาเพลงเร็วขึ้นก่อน พอดนตรีขึ้น ต้อมกับพวกตกใจเป็นห่วงดุจดาวจะทำไม่ได้ แต่ดุจดาวฮึดสู้ "มาถึงขั้นนี้แล้ว ดาวสู้ตาย"

สืบพงศ์ลงมายืนยิ้มเยาะ "ฮ่าๆๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าล่มแน่ๆ วอดวาย วอดวาย ฮ่าๆๆ"

อ๊อดมองหน้าสืบพงศ์อย่างสงสัย ดุจดาวยืนนิ่งสักพักแล้วเริ่มเต้นตามจังหวะเพลงพร้อมกับร้องเข้าจังหวะได้อย่างดี ต้อมกับพวกดีใจ สำเริงกับสินที่นั่งมองอยู่หน้าเวทีทึ่ง

"เฮ้ย...มืออาชีพเลยนี่หว่า เด็กไอ้ต้อมนี่สุดยอดไปเลย เว้ย" สำเริงหัวเราะพอใจ

ผู้ชมปรบมือให้ดุจดาวกึกก้อง สำเริงบอกต้อมให้พาดุจดาวเข้าไปเซ็นสัญญาที่บริษัทได้เลย ต้อมดีใจ สืบพงศ์ยืนมองห่างๆด้วยความแค้นใจ

"ให้มันรู้ไปสิวะว่าจะเล่นงานนังนั่นไม่ได้ งานนี้เป็นไงเป็นกัน"...

พอดี v5 มาที่จุดนัดพบแล้วรู้ว่า v4 ยังมาไม่ถึง จึงกลับไปตามหา พบกำลังเต้นอยู่หน้าเวที v4 จึงรู้ว่านาฬิกาของเธอรวน ทั้งสองรีบไปที่จุดนัด ทันใดสืบพงศ์แอบคลานไปดึงสายไฟทั้งกำออกทำให้เกิดไฟดับ ผู้คนแตกตื่นกันจ้าละหวั่น v4 กับ v5 พลัดหลงกันอีก v5 ร้องเรียก v4 อย่าไปไหน เขาจะไปหา แต่ผู้คนเริ่มทะเลาะตีกันเพราะเหยียบกันกระแทกกัน ยิ่งสร้างความโกลาหล
v4 ยิ่งถูกดันหายไปในฝูงชน

เจ้าหน้าที่พยายามหาต้นตอที่ทำให้ไฟดับ สืบพงศ์ แอบอยู่หัวเราะสะใจ แต่แล้วกรรมตามทัน เขาพลาดโดนสายไฟ ดูดจนผมตั้งเด่สลบไปตรงนั้น...ต้อมแหวกฝูงชนไปช่วยดุจดาว พาไปหลบรวมกับสำเริง

"ท่าจะไม่ไหวจริงๆแล้วเว้ย ไอ้ต้อมแกรีบพาดุจดาว กับเจ้าพงศ์หนีไปก่อนเร็ว"

สำเริงเรียกอ๊อดที่มัวแหงนหน้าดูฟ้าอยู่ได้ให้รีบไป อ๊อดแปลกใจที่เห็นพระจันทร์มีสองดวง ดวงหนึ่งเปล่งรัศมีสีแปลกตา

จุดที่มนุษย์ต่างดาวยืนรอยานมารับ v5 วิ่งมาบอกทุกคน ว่าพบ v4 แล้ว แต่เกิดพลัดหลงกันอีก v1 จึงบอกว่าหมดเวลาค้นหาแล้ว ต้องกลับ v5 ลังเลอยากไปตาม v4 อีก แต่ v1 สั่งให้กลับ "เครื่องขนย้ายมวลสารจะทำงานในห้านาที"

v4 พยายามกดปุ่มนาฬิกาเพื่อเลือกโหมดช่วยเหลือต่างๆ ป้อนคำสั่งค้นหาทิศทางของยานแม่ มีข้อความขึ้นว่าระบบค้นหาไม่พร้อมทำงาน v4 ว้าวุ่นตัดสินใจเสี่ยงดวงเลือกทางไป

ooooooo

พอมาถึงรถตู้ ต้อมนึกได้ว่าลืมสืบพงศ์ จึงจะกลับไปตามหา ลิซ่ากับโป้งบอกให้ทิ้ง แต่ต้อมกลับบอกว่า นี่คือความรับผิดชอบเขา ต้อมวิ่งแหวกฝูงคนกลับไป จ๊ะเอ๋กับ v4 ที่กำลังเบียดคนออกมา ทั้งคู่ถูกดันเบียดกันจนหน้าชิดกัน ต้อมจำได้ว่าคือคนที่ยุแรงงานต่างด้าวให้ฆ่าเขา

"นี่เธออีกแล้วเหรอ"

"สวัสดีชาวโลก เรามาอย่างเป็นมิตร"

"เออ...ไม่มีเวลาบ้าด้วยแล้วน้อง พี่ขอตัวก่อนนะ" ต้อมวิ่งเลยไป

เจ้าหน้าที่ขนของขึ้นรถเสร็จเห็นสืบพงศ์นอนสลบ ผมตั้งเด่อยู่ก็แปลกใจ แต่ไม่ยอมช่วยเพราะต่างก็เกลียดขี้หน้าสืบพงศ์ จึงขับรถออกไป ต้อมวิ่งมาพบสืบพงศ์พอดีจึงประคองกลับไปที่รถ โป้งกับลิซ่าเห็นต้อมช่วยสืบพงศ์มาจนได้...v4 วิ่งมาเห็นลำแสงบนฟ้าก็รู้ทันทีว่าการเดินทางเริ่มขึ้นแล้ว เธอจึงวิ่งลัดเลาะไปตามป่าละเมาะ

รถราบนถนนติดกันอีนุงตุงนัง โป้งบีบแตรไล่ ผู้คนมาเคาะหน้าต่างขอไปด้วย ต้อมถามโป้งไม่มีทางลัดหรือ โป้งตอบว่ามีแต่ป่า สืบพงศ์ปากเสียทันที พูดว่าโป้งเป็นคนขับรถ ภาษาอะไรไร้ความสามารถ เท่านั้นโป้งของขึ้น ต้อมกับลิซ่ารีบห้ามให้โป้งใจเย็นๆ ดุจดาวถามว่ามีอะไรหรือ ลิซ่าตอบว่าก่อนหน้านี้โป้งเคยขับรถมินิบัสมาก่อน ทุกคนรู้ฉายาโป้งตีนผีชาตินี้ถึงชาติหน้าในห้านาที "ไอ้โป้งอย่า..."

ไม่ทันแล้ว โป้งเหยียบมิดเลี้ยวเข้าป่าละเมาะ ทุกคนร้องระงมด้วยความหวาดเสียว พอรถทะลวงออกมาจากป่าละเมาะ ก็เจอเข้ากับ v4 ที่วิ่งตามลำแสงทุกคนร้องให้โป้งเบรกแต่ เบรกไม่อยู่แล้ว รถพุ่งชนอัดก๊อบปี้ v4 กับต้นไม้อย่างแรง เห็นมือ v4 โผล่อยู่หน้ารถกระดิกๆ สืบพงศ์กลัวความผิดไปด้วย รีบเปิดประตูรถวิ่งหนีไปก่อน โป้งตะลึงคร่ำครวญว่า จะทำอย่างไรดี เขาต้องเลี้ยงแม่แก่ๆ ไม่อยากติดคุก ต้อมได้สติเตือนให้โป้งถอยรถก่อน

"ลิซ่า ดุจดาว เรื่องนี้ทั้งสองคนไม่เกี่ยว ฉันจะช่วยไอ้โป้งรับผิดชอบเอง"

"เอ็งจะทำอะไรวะไอ้ต้อม"

"ซ่อนศพสิวะเพื่อน ไม่มีศพก็ไม่มีคดี"


@^@..อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 1/2
(อ่านต่อพรุ่งนี้)

@^@..อ่านละครย่อเรื่องบ่วงร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 20 /5-21

@^@..อ่านละครย่อเรื่องบ่วงร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 20 /5-21
ตอนที่ 20 (ต่อจากวานนี้)

"วันนี้ เตยขอตามพี่เต้มาช่วยเสิร์ฟน้ำค่ะ...ฟรี...ไม่คิดตังค์"

"ถึงคิดก็ไม่จ่าย ซุ่มซ่ามอย่างนี้ ทำอะไรพังขึ้นมา จะเอาเงินที่ไหนใช้เขา"

"แหม...คุณเต้พูดยังกะไม่ใช่ลูกเศรษฐี" แคทแซว

เต้ร้องเอะอะว่าเงินทั้งหมดเป็นของพ่อไม่ใช่ของเขา เตยได้ทีหันมาแหย่ ถ้าเต้ไม่เอามรดกของพ่อก็ยกให้เธอแล้วกัน เตยมัวแต่หันมาพูดกับเต้ เลยเดินชนหินที่เพิ่งเดินพ้นมุมตึก หินประคองเตยไว้อ้อมแขน เตยรีบขอโทษ ปารมีแอบเหล่ ส่วนเต้ส่ายหน้าในความโก๊ะของน้องสาว ยังไม่ทันทำอะไรก็ซุ่มซ่ามแล้ว

ทีมงานวิ่งมาตามปารมีไปเข้าฉากได้แล้ว ทุกคนเร่งฝีเท้าเดินตามทีมงาน ขณะปารมีเดินผ่านหน้าหิน พูดเหน็บโดยไม่มองหน้าว่า ตามมาทำไม เกะกะ หินถึงกับหน้าจ๋อย...

ที่ห้องถ่ายแบบ ปารมีแอ็กชั่นถ่ายภาพนิ่งหลายๆมุม ดูสวยน่ารัก ร่าเริง แคทกับเต้มายืนให้กำลังใจ โดยมีหินยืนมองอยู่ห่างๆ เตยถือถาดมาเสิร์ฟน้ำให้กับทุกคน ยื่นแก้วน้ำให้หินเป็นคนสุดท้าย หินบอกปัด

"ดื่มหน่อยเถอะค่ะ ยืนหน้าแข็งขาแข็งทั้งวันอย่างนี้ ยังจะอดข้าวอดน้ำอีก"

หินยิ้ม รับแก้วน้ำมาถือไว้ ปารมีเห็นภาพนั้นถึงกับหุบยิ้ม ช่างภาพตะโกนเตือนปารมีให้ยิ้มหน่อย อย่าหน้าบึ้ง ปารมีสะดุ้ง เก๊กยิ้มหวาน แต่สายตาแอบมองหินกับเตยที่ยืนคู่กันตลอด...

วันนี้ อรปรียาดูหน้าตาสดใสขึ้นมาก อาการทั่วไปก็ดีขึ้น ไม่ต้องนั่งอยู่ในรถเข็นอีกแล้ว หมอซันบอกอรปรียาว่าคราวหน้า เราควรจะฝึกเดินกันได้แล้ว อรปรียาตาเป็นประกายด้วยความดีใจ เอมิกาได้ยินก็ดีใจ โผกอดแม่ หมอซันมองสองแม่ลูกมีความสุข ก็พลอยยิ้มสุขใจไปด้วย...

หลังจากถ่ายช็อตสุดท้าย ทุกคนในสตูดิโอปรบมือกันเกรียวที่งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แคทเสนอว่า พวกเราน่าจะไปฉลองกันหน่อย เตยสนับสนุนเต็มที่

"จริงด้วย พี่เต้เลี้ยงหน่อยดิ...น้องเสิร์ฟน้ำจนเหนื่อยเลยเนี่ย...ดูสิคะ...คุณหินก็ยืนเฝ้าคุณปารมีจนแข็งเป็นหินสมชื่อแล้ว น่าสงสารออก...พาไปเลี้ยงหน่อยเถอะพี่เต้" เตยว่าพลางเข้าไปเกาะแขนหิน

ปารมีเห็นเตยเกาะแขนหิน ชักหมั่นไส้ เลยเกาะแขนเต้บ้าง บอกว่าเธอก็อยากไปเหมือนกัน แคทกับเตยดีใจส่งเสียงเฮลั่น ปารมีเชิดใส่หินก่อนเดินออกไป แคท เตย กับเต้เดินตาม หินแข็งรู้ว่าโดนประชด ครู่ต่อมา ทั้งหมดมาถึงห้องคาราโอเกะ แคทกับเตยช่วยกันร้องเพลงอย่างสนุกสนาน ปารมีนั่งคุยอยู่กับเต้ ขณะที่หินยืนคุมอยู่อีกมุมหนึ่ง

"อย่าถือนะครับ...น้องผมแก่นมาก"

"ไม่หรอกค่ะ...สนุกดีออก"

"จริงเหรอครับ...หน้าตาคุณปารมีไม่เห็นค่อยสนุกเลย"

ปารมียิ้มแหยๆ แคทเข้ามาลากปารมีกับเต้ออกไปร้องเพลงด้วยกัน แคทร้องเพลงไปพลางจับตัวปารมีโยกตามจังหวะเพลง เตยจับเต้โยกบ้าง เต้ส่ายหัวไม่เล่นด้วย เตยเลยไปลากหินมาร่วมวง จับตัวหินโยกไปมาอย่างสนุกสนาน ปารมีแกล้งหันไปหยอกล้อเล่นกับเต้ยั่วหิน ทุกคนมีความสุขกันเต็มที่ ยกเว้นหินกับปารมีที่เหล่กันตลอด

ooooooo

ขณะเดียวกัน มีเสียงกริ่งประตูห้องพักเชนดังขึ้น เชนค่อยๆลุกจากเตียงไปดูช่องตาแมวที่ประตู ไม่เห็นมีใครเลยเปิดประตูออกไป กวาดตามองจนทั่วก็ไม่เจอใคร เลยจะปิดประตูห้อง เหลือบเห็นอะไรบางอย่างที่พื้น หยิบขึ้นมาดูถึงกับตะลึง มันคือรูปถ่ายวัยเด็กของตัวเองที่หายไปพร้อมกับกล่องดำ เชนตะลึง นึกถึงนิตาทันที สงสัยว่าอาจจะยังไม่ตาย คว้าโทรศัพท์โทร.หาลิ่วล้อที่เคยใช้ไปจัดการนิตา

"เออสิวะ...หรือพวกแกจะรอให้ตำรวจมาตามหาให้...ไป... จะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินยังไงไม่รู้ แต่ต้องหาศพนังนิตาให้เจอให้ได้" เชนขว้างโทรศัพท์ลงพื้นอย่างอารมณ์เสีย...

ดึกมากแล้ว เมื่อหินขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านเดช ลงรถจะเดินมาเปิดประตูให้ปารมี แต่ปารมีชิงเปิดประตูลงมาเอง ขยับจะเดินเข้าบ้าน หินคว้าข้อมือไว้ ถามว่าแกล้งเขาทำไม ปารมีทำไก๋ ย้อนถามว่าแกล้งอะไร

"ยังจะมาถาม ก็แกล้งยั่วผมไงล่ะ...สนุกมากใช่มั้ย"

"ก็คงไม่เท่านายสนุกกับคุณเตยหรอก"

หินชะงัก ถามว่าหึงหรือ ปารมีทำเฉไฉ พูดกลบเกลื่อนว่าหินพูดเพ้อเจ้อ เรื่องอะไรเธอต้องหึงเขาด้วย หินรู้ทันพูดดักคอว่าเธอหึงเขากับเตย ปารมีแก้เก้อ เหวี่ยงกระเป๋าถือฟาดใส่หินทันที

"อีตาบ้า...หลงตัวเอง...ทุเรศ" ปารมีรีบวิ่งเข้าบ้าน ปล่อยให้หินยืนอมยิ้ม ก่อนหันมาเห็นไฟประแป้งหน้าวอกยืนอยู่ข้างๆ ตกใจร้องเฮ้ยเสียงหลง ไฟต่อว่าหินว่าใจดำไม่ยอมชวนไปร้องคาราโอเกะ เขาอยากร้องเพลงจีบแคท

"นี่ไอ้ไฟถามจริงเหอะ เอ็งคิดจะจีบคุณแคทจริงๆเหรอวะ เรากับเขามันคนละชั้นกันนะเว้ย...หัดเจียมตัวบ้าง"

"เฮ่ย...พี่...ไอ้ความคิดเนี้ย พี่เก็บไว้คิดของพี่คนเดียวเหอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก...สำหรับไอ้ไฟน่ะ เรื่องของหัวใจไม่มีคำว่าชนชั้น...มีแต่ชนแหลก สู้ตายคร้าบ...โอเค...ป๊ะ?" ไฟแอ็กท่าเป็น "แบงค์" นักร้องนำวงแคลช แหกปากร้องเพลง "เล่นของสูง" ดังลั่น หินทึ่งกับความคิดของไฟ...

เชนมาเคารพอัฐิพ่อกับแม่แต่เช้า พนมมือภาวนาให้ท่านทั้งสองช่วยเขาอย่าให้แพ้พวกเดช และรับปากพ่อกับแม่ว่าจะต้องฆ่าพวกมันให้ตายทั้งเป็นให้ได้ ทันใดนั้นมีลมพัดวูบมาจนเชนสะท้าน เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใครอยู่แถวนั้น สีหน้าเป็นกังวลเล็กๆ หันกลับมามองรูปพ่อกับแม่หน้าที่เก็บอัฐิแล้วถอนใจ ชักสับสน

"เราไม่ผิดนะครับพ่อแม่ เราเป็นคนดีที่ถูกพวกมันรังแก...แต่...ทำไมครับ...ทำไมผมถึงต้องไปรักลูกสาวของ

พวกมัน...ทำไมผมต้องรักปารมี" เชนทรุดฮวบลงกองกับพื้น เสียใจ เจ็บใจตัวเองสุดๆ...

ทางด้านปารมีกำลังเอาลูกบอลยางลูกเล็กๆใส่มือแม่ให้บีบเพื่อออกกำลัง อรปรียาบีบได้เบาๆ ปารมีตบมือให้กำลังใจ ชมว่าเก่งมาก อรปรียาสีหน้าดีใจ ความที่กำลูกบอลไม่ค่อยได้ เลยทำหล่นกลิ้งไปที่เท้าหิน หินก้มเก็บลูกบอล เอามายื่นให้ ปารมีเมิน ชวนแม่เข้าบ้าน อรปรียาส่ายหน้านิดๆเหมือนไม่อยากไป

"ทำไมล่ะคะ...แดดเริ่มร้อนแล้ว...อากาศก็เริ่มไม่ค่อยจะดีแล้วด้วย" ประโยคสุดท้ายปารมีเหลือบมองหิน

อรปรียามองหิน ส่งเสียงเอ้ออ้าอยากพูดเรื่องเชน ปารมีพยายามจะเอาแม่เข้าบ้านให้ได้ แต่อรปรียาไม่ยอมทำหน้าจะร้องไห้ หินคุกเข่า ถามว่าคุณผู้หญิงอยากเดินเล่นไหม อรปรียาหยุดงอแงทันที หินพยุงอรปรียาลุกขึ้น พยาบาลพิเศษจะเข้ามาช่วย อรปรียาสะบัดไม่เอาพยาบาล หินยิ้มบอกพยาบาลว่าเขาจะดูคุณผู้หญิงเอง

"ไปทางโน้นมั้ยครับ ตรงนี้อากาศเริ่มไม่ค่อยจะดีแล้ว" หินแอบกัดปารมีเล็กๆ

ปารมีมองอย่างไม่เชื่อสายตา อยากจะเอาชนะหิน รีบเดินตามไปแย่งแม่คืน จนเกือบจะทำให้ตัวเองและอรปรียาล้ม ดีที่หินคว้าตัวทั้งคู่ไว้ทัน ปารมีผลักหินออกไปพ้นทาง แล้วประคองแม่ออกไป หินส่ายหน้ายิ้มๆ

ooooooo

ตอนที่ 21

ขณะเดียวกัน เอมิกากำลังเตรียมทำซุปให้อรปรียาอยู่ในครัวกับแม่บ้านอิ่มที่ดูเงอะๆงะๆหยิบตะกร้าใส่ผักส่งให้เอมิกาก็ทำหล่นพื้น เอมิกาอ่อนใจ สั่งให้รีบๆเอาไปล้าง ป่านนี้คุณแม่หิวไส้กิ่วแล้ว หมอซันซึ่งยืนมองอยู่พักใหญ่เตือนเอมิกาว่าอย่าอารมณ์เสีย เพราะมันจะส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพ เอมิกา แอบกระซิบกับหมอซัน

"คิดถึงป้าอุ่นจริงๆค่ะ ยัยอิ่มนี่ไม่รู้ใจเอมเอาซะเลย"

"อยากได้คนรู้ใจใหม่อีกซักคนมั้ยล่ะครับ" หมอซัน กระซิบถาม

เอมิกาอึ้งเขินหน้าแดง อิ่มชะเง้อมองด้วยความอยากรู้ เอมิกาหันไปทำตาเขียวใส่ อิ่มรีบบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น หมอซันเข้าไปหยิบตะกร้าผักจากมืออิ่ม

"มา...หมอช่วยคุณเอมล้างผักเองดีกว่า หมอรู้ว่าล้างผักยังไงให้ถูกหลักอนามัย...แล้วก็ถูกใจแม่ครัวใหญ่ด้วย"

เอมิกาทำตาดุใส่หมอซัน อิ่มมองไปมองมาก็เข้าใจ หันไปเชิญชวนหมอซันล้างผักให้สนุกแถมชูสองนิ้วเป็นเชิงเชียร์ให้สู้ๆ เอมิกาคว้าที่ตักซุปใกล้มือขึ้นมาทำท่าขู่ อิ่มรีบวิ่งจู๊ดออกจากครัว หมอซันยิ้มถูกใจ...

ส่วนที่ห้องรับแขกบ้านเดช แคท เต้กับเตยเอากระเช้าผลไม้มาเยี่ยมอรปรียา ปารมีรับกระเช้าแทนแม่ ก่อนยื่นให้อิ่มที่เพิ่งวิ่งเข้ามาอีกทอด ปารมีขอบคุณทุกคนมาก เดชชวนทั้งสามคนกินข้าวกลางวันด้วยกันจะให้เอมิกาโชว์ฝีมือทำอาหาร หันไปถามอิ่มว่าเอมิกาไปไหน ปารมีสงสัยว่ากำลังเตรียมอาหารให้คุณแม่อยู่ในครัว

แคทเลยชวนเพื่อนๆเข้าไปช่วยเอมิกาทำอาหาร ทุกคนขยับจะเข้าครัว แต่หินยืนอยู่กับเดชและอรปรียาไม่ขยับตาม แคทชวนหินไปด้วย หันไปคุยให้เตยฟังว่าหินทำกับข้าวเก่งมาก เตยเดินมาจับแขนหิน ขอท้าพิสูจน์ว่าเก่งจริงอย่างที่แคทคุยไหม หินอึกๆอักๆขณะที่ปารมีลอบมอง แคทเข้ามาจับแขนหินอีกข้างช่วยกันกึ่งลากกึ่งจูงออกไป

ที่ในครัวเอมิกาเผลอทำน้ำซุปกระเด็นถูกมือตัวเอง หมอซันรีบคว้ามือเอมิกากุมไว้ ทั้งคู่มองสบตากันหวานฉ่ำ เอมิการู้สึกตัวดึงมือกลับ หมอซันคว้ามือเธอมาอีก แล้วรีบหยิบน้ำแข็งก้อนมาประคบ เอมิกาเขินจัดบอกว่าทำเองได้ จะดึงมือกลับ แต่หมอซันยื้อไว้อ้างว่าอยากทำให้ ก่อนตัดสินใจคุกเข่าลงตรงหน้าหญิงสาว


@^@..อ่านละครย่อเรื่องบ่วงร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 21
(อ่านต่อพรุ่งนี้)

@^@..อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 1


@^@..อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 1
ตอนที่ 1

ท่ามกลางจักรวาลอันยิ่งใหญ่ มียานอวกาศของคณะสำรวจที่มาจากดาว GEN 45 เดินทางมายังโลกมนุษย์ เพื่อค้นหาความลับที่ทำให้มนุษย์บนโลกมีชีวิตยืนยาว V 4 มองไปยังโลกแล้วกล่าว "มนุษย์โลกมีอายุเฉลี่ย 70 ปี มีเวลาอยู่บนโลกไม่ต่ำกว่าสองหมื่นห้าพันห้าร้อยห้าสิบวัน แต่พวกเค้ากลับอยู่อย่างไร้ค่า เกินกึ่งหนึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ผิดกับเรามนุษย์ดาว
GEN 45 ที่มีอายุขัยน้อยกว่าเกือบเท่าตัว และนั่นก็คือเหตุผลที่เราเดินทางมาที่นี่"

บนถนนยามราตรีมีผู้คนสัญจรมากมาย ตรอกข้างถนนค่อนข้างมืด ลุงแก่ๆคนหนึ่งหิ้วถุงปุ๋ยเข้ามาค้นขยะ ทันใด...มีกระแสไฟแปลบปลาบจากท้องฟ้าลงมา ลุงมองด้วยความตกตะลึง เมื่อแสงเจิดจ้าหายไปก็ได้เห็นชายหญิงห้าคนจับมือล้อมวงกัน ทุกคนอยู่ในชุดหนังสังเคราะห์รัดรูปคล้ายพวกอุลตร้าแมน

"การเดินทางราบรื่น เริ่มปฏิบัติภารกิจได้ ตรวจเช็กอุปกรณ์" V 1 กล่าว แล้วทั้งห้าหยิบแว่นขึ้นมาสวม กดปุ่มที่ขาแว่น

แว่นนี้สามารถถ่ายภาพและสแกนข้อมูลต่างๆได้ "ภายในเวลา 72 ชั่วโมง เราต้องเก็บข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้" V 1 สั่งทุกคน

มนุษย์ต่างดาวทั้งห้าเดินผ่านลุงเก็บขยะไปอย่างไม่ แยแส มีเพียง V 4 ที่หันมายิ้มและโบกมือทักทาย แต่ถูก V 5 ดึงมือลง "อย่าเสียเวลาเลยครับ รีบไปดีกว่า"

V 3 หันมาถาม V 1 "สหายหัวหน้า เราควรรักษาความลับรึเปล่า"

"ไม่จำเป็น ถึงมันพูดให้ตายก็ไม่มีใครเชื่อ" ทั้งห้าคนเดินออกไป ลุงเก็บขยะร้องลั่นว่าผีหลอก...

เมื่อมนุษย์ต่างดาวทั้งห้าเดินออกมาจากตรอก ก็ถูกผู้คนมองด้วยสายตาแปลกๆ จึงรู้ว่าพวกเขาแต่งกายไม่เหมือนชาวโลก ทั้งห้ามองไปคนละทางเพื่อสแกนเสื้อผ้าชาวบ้าน ก่อนที่จะกดปุ่มอุปกรณ์ที่คล้ายนาฬิกาข้อมือ เสื้อผ้าพวกเขาก็เปลี่ยนไปคนละทางสองทาง บางคนเป็นหนุ่มออฟฟิศ บางคนเป็นสาวไฮโซ บางคนเป็นช่างไฟ บ้างก็เป็นนักศึกษา ส่วน V 4 เป็นสาวสวมชุดยีนส์
เสื้อลายสก๊อต หิ้วกระเป๋าเหมือนมาจากต่างจังหวัด

"จำไว้ว่าเคยมีสหายของเราคนนึงหายสาบสูญไปที่นี่ ทุกคนต้องระวังตัวให้ดี และให้กลับมาเจอกันที่จุดนัดตามเวลาที่กำหนด ห้ามสายเด็ดขาด" V 1 สั่งทุกคนก่อนจะแยกย้ายกัน

ปรากฏว่า V 4 หันเดินไปก็เจอทางม้าลาย ตามข้อมูล

V 4 รู้ว่าไฟแดงต้องหยุด แต่เด็กขายพวงมาลัยกลับวิ่งข้ามถนนไป V 4 จึงวิ่งบ้าง และถูกรถยนต์คันหนึ่งชนเข้าอย่างจัง อีกสี่คนหันไปมองเห็นรถกระโปรงยุบ ส่วน V 4 ล้มก้นจ้ำเบ้า คนขับชะโงกมองอ้าปากค้าง V 4 ลุกขึ้นยิ้มขอโทษก่อนจะวิ่งไป คนขับได้แต่พยักหน้าอึ้งปนช็อก ไม่วาย V 4 วิ่งไปชนเข้ากับเสาไฟจราจรที่อยู่ใกล้ๆเสียงดังสนั่น อีกสี่คนทำหน้าผวาแทน ส่าย
หน้าว่าเสื่อมเสียสถาบัน V 1 เห็นท่าจะไปไม่รอดจึงให้ V 5 ทำงานประกบ V 4

บนถนนมีจอทีวียักษ์ใหญ่ กำลังฉายภาพรายการสดของสืบพงศ์ สุดพันธุ์ นักร้องลูกทุ่งที่กำลังฮอต ด้วยลีลาท่าเต้นอันมีเอกลักษณ์...ภายในสตูดิโอ เมื่อสืบพงศ์ร้องเสร็จ คนดูในห้องส่งก็ปรบมือและกรี๊ดเสียงดัง พิธีกรเข้ามาสัมภาษณ์ พูดคุยถึงผลงานชุดนี้

ต้อม...หนุ่มปากร้ายแต่ใจดี เป็นผู้ดูแลคิวและประสานงานให้ เป็นคนของบริษัทเรดาร์ เรคคอร์ด ต้นสังกัดของสืบพงศ์ โดยมีโป้งและลิซ่าเป็นผู้ช่วย ต้อมกำลังหน้าเครียดโทรศัพท์ เจรจากับหนังสือบันเทิงฉบับหนึ่ง "นี่คุณ คุณเขียนข่าวแบบนี้ได้ยังไง สืบพงศ์จะเอาเวลาที่ไหนไปทำผู้หญิงท้อง วันๆมีแต่งานกับงาน ไปไหนทีก็มีแฟนคลับคอยตามล้อมหน้าล้อมหลัง แล้วจะไป
จีบผู้หญิงตอนไหน"

แต่แล้วต้องตกใจ เมื่อรู้จากนักข่าวว่าผู้หญิงที่สืบพงศ์ ทำให้ท้องคือแฟนคลับชื่อเปิ้ล และมีพ่อดุขายข้าวมันไก่ กำลังจะเอาเรื่อง ต้อมรีบมาบอกพรรคพวกให้รีบหนี ลิซ่าตะโกนเรียกสืบพงศ์ แต่เขายังหลีแฟนคลับอยู่ โป้งกับลิซ่าจึงทิ้งวิ่งอ้าว แต่ ต้อมกลับมาลากสืบพงศ์ไปเข้าลิฟต์ โป้งโวยวาย "เอ็งนะเอ็งไอ้สืบพันธุ์"

"พงศ์..." สืบพงศ์โวยกลับ

"เออ ไอ้พงศ์ เอ็งรู้มั้ยว่าทำอะไรลงไป" โป้งโวยต่อ

สืบพงศ์ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน รู้แต่มีทับก็ต้องมีท้อง ลิซ่ากับต้อมด่าสืบพงศ์ว่าเลว เด็กเปิ้ลยังเด็กอยู่มากแถมมีพ่อดุอีก สืบพงศ์ไม่แคร์ก็แค่คนขายข้าวมันไก่ แต่แล้วพอประตูลิฟต์เปิดออก พ่อของเปิ้ลยืนถือปังตอรออยู่ ลิซ่า โป้งและต้อมหน้าเหวอ ภาวนาว่าอย่าใช่พ่อของเปิ้ล แต่สืบพงศ์ กลับยกมือไหว้ ทุกคนจึงรู้ทันทีว่าใช่ รีบกระชากสืบพงศ์หลบปังตอได้อย่างเฉียดฉิว
ปลายผมขาดสะบั้น ทั้งสี่คนวิ่งด้วยความเร็วหนีพ่อของเปิ้ลมาจนถึงลานจอดรถ โป้งเร่งต้อมให้

ขึ้นรถ แต่ต้อมเป็นห่วงสืบพงศ์ที่คลาดกัน สักพัก สืบพงศ์วิ่งหนีพ่อเปิ้ลที่ตามมาติดๆ จู่ๆก็มีปาปาราซซี่โผล่มาถ่ายภาพยกใหญ่ ทุกคนชะงักตกใจ...

ooooooo

วันต่อมา ต้อมและพวกถูกเรียกเข้าบริษัทเพื่ออธิบายข่าวที่พาดหัวว่า...คาสโนว่าท้าปังตอ สืบพงศ์ สุดพันธุ์ แผลงฤทธิ์ปล้ำแฟนคลับสาวท้องโย้...สำเริงซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของต้อม แต่หลังจากพ่อของต้อมเสีย เขาก็ฮุบบริษัทมาเป็นของตัวเอง โวยวายกับข่าวที่เกิดขึ้น สืบพงศ์โบ้ยความผิดให้ต้อมกับพวกว่าวางแผนรับมือไม่ดีเอง ลิซ่ากับโป้งโวยว่าเรื่องทั้งหมดเกิดเพราะความ
มั่วของสืบพงศ์

"รู้ได้ไงครับว่าเป็นผม เด็กในท้องตรวจดีเอ็นเอรึยัง อาจจะมีใครใส่ร้ายพงศ์ก็ได้"

โป้งกับลิซ่าโวย สืบพงศ์ตวาดว่าสองคนไม่เกี่ยว ต้อมทนไม่ไหว "ทำไมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อโป้ง ลิซ่า และผมอยู่ทีมเดียวกันและหน้าที่ก็คือดูแลคุณ โป้งขับรถรับส่งคุณทุกวัน ลิซ่าแต่งหน้าทำผมดูแลเสื้อผ้า ส่วนผมก็ต้องคอยเช็กคิว ประสานงานเคลียร์เรื่องวุ่นวายให้คุณทุกอย่าง แต่คุณ...คุณสืบพงศ์ อย่างเดียวที่คุณทำให้พวกเราคือปัญหา"

สืบพงศ์ไม่พอใจ หันไปฟ้องสำเริงว่าพวกต้อมทำหน้าที่ไม่ดี สินเดินเข้ามาพูดเสียงเข้ม "ก็เห็นว่าพวกเค้าพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้วไงครับคุณพงศ์"

สินเป็นลูกชายของสำเริง เป็นญาติผู้พี่ของต้อม สืบพงศ์ ถามว่าจะทำอะไรกับเขา ในเมื่อนี่เป็นเรื่องส่วนตัว สินย้อนว่า ตามสัญญาที่เซ็นไว้ เขามีสิทธิ์ดองงานไปถึงเมื่อไหร่ก็ได้ถ้ายังไม่เลิกซ่า สืบพงศ์หน้าเจื่อนยอมสลดลง...

เสร็จสิ้นการประชุม ต้อมตามมาขอบคุณสินที่ช่วย แต่สินกลับหันมาโวยต้อมที่เถียงศิลปินของบริษัท "หัดจำใส่หัวไว้ซะบ้าง ถึงพ่อนายจะมีส่วนก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา แต่เค้าก็จากไปแล้ว พ่อฉันต่างหากที่เป็นคนบริหาร และเป็นคนจุนเจือครอบครัวของนาย...ถึงเราจะโตมาด้วยกัน แต่งานต้องเป็นงาน จำไว้"

ต้อมหน้าเจื่อน มองตามหลังสินที่เดินไปอย่างวางอำนาจ

ooooooo

ในศูนย์การค้าแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า V 4 กับ V 5 กำลังสแกนข้อมูลต่างๆจากภาพยนตร์ที่กำลังฉายในจอ เก็บข้อมูลต่างๆทั้งในอดีตและปัจจุบัน V 4 ชื่นชมที่ชาวโลกสร้างเรื่องเพื่อกล่อมตัวเองให้มีความสุข V 5 บอกว่าเขาเคยเห็นหลายครั้งแล้ว เพราะทุกครั้งที่โคจรผ่านโลก อุปกรณ์สื่อสารจะรับสัญญาณดาวเทียมของชาวโลกได้

แต่พอถึงฉากที่พระเอกนางเอกจูบปากกัน V 4 ก็ตกใจ "เฮ้ย! ไรเนี่ย คุยกันอยู่ดีๆ ไปกัดปากเค้าทำไม โหดร้ายป่าเถื่อนที่สุด" ผู้คนข้างๆที่ได้ยินหัวเราะกันใหญ่

V 5 รีบลาก V 4 ออกมา "พวกเค้าสัมผัสกันเฉยๆ ไม่ได้กัดหรอกครับ คงเป็นวิธีตอบแทนแบบชาวโลกซะมากกว่า"

"ตอบแทน...ชาวโลกตอบแทนกันแบบนี้เหรอ เอาปากถูกันเนี่ยนะ"

"มันคือความรักไงครับสหายรุ่นพี่ พวกเค้าทำแบบนี้เพราะความรัก"

V 4 ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมต้องรัก V 5 เข้าใจดีเพราะเขารู้สึกแบบนั้นกับ V 4 V 5 อธิบายให้ V 4 เข้าใจถึงพลังของความรักว่ายิ่งใหญ่แค่ไหน แล้วเขาก็จับมือ V 4 "สหายรุ่นพี่ทราบรึยังครับว่าฝ่ายปกครองจับคู่ให้เราสองคนได้สร้างครอบครัวร่วมกัน"

"ฝ่ายวิจัยยืนยันว่ายีนของเราไปกันได้ ทายาทของเราอาจมีอายุเกินห้าสิบปีขึ้นไป...ว่าแต่สหายรุ่นน้องสงสัยอะไรเหรอ"

"สหายรุ่นพี่...รักผมรึเปล่าครับ" V 5 บีบมือ V 4 ทำให้ หัวใจของ V 4 เกิดเต้นแรง พลังงานหลั่งไหลไปถึงรถที่จอดอยู่รอบๆจนสัญญาณกันขโมยดังขึ้น

เผอิญมีจิ๊กโก๋สามคนกำลังงัดรถ ตกใจที่พวกเขาตัดสัญญาณแล้วทำไมรถยังดัง พอโผล่หน้ามาเห็น V 4 กับ V 5 จึงหันเหมาเอาเรื่องจี้ทรัพย์สิน แต่กลับโดนสองคนเหวี่ยงลอยออกไปไกล จิ๊กโก๋คนหนึ่งกระชากแว่นของ V 4 ออกแล้วโยนออกไป V 4 มองตามแว่นที่ลอยไปตกในท้ายรถบรรทุกส่งของที่กำลังแล่นออกไป V 4 ตกใจ "เฮ้ย! แว่นฉัน ข้อมูลฉัน"

V 4 วิ่งตามรถบรรทุกคันนั้นไปอย่างรวดเร็ว V 5 กำลังเล่นงานจิ๊กโก๋ที่เหลือ เลยตาม V 4 ไปไม่ทัน ทำให้คลาดกัน พอ V 4 ค้นหาแว่นตัวเองพบ หันมาไม่พบ V 5 รถแล่นออกไปไกล

ooooooo

บริเวณล็อบบี้บริษัทเรดาร์เรคคอร์ด มีภาพสำเริงถ่ายคู่กับพ่อของต้อมติดอยู่บนกำแพง ต้อมยืมมองพ่อของเขา เสียงดูถูกเหยียดหยามของสินยังดังก้องในหูของต้อม พลันมือถือเขาดังขึ้น ครูรัชนีโทร.มาบอกต้อม ว่า ตั้มกับแต้มมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อน

แต้มเป็นน้องสาวของต้อม ตั้มเป็นน้องชายคนเล็ก รัชนีเป็นครูของตั้มและเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกับครอบครัวมาก รัชนีบอกต้อมว่าพ่อของนักเรียนคู่กรณีเป็นมาเฟียจะเอาเรื่อง ต้อมจึงต้องรีบไปไกล่เกลี่ย และให้แต้มขอโทษ แต่แต้มไม่ยอม กลับประกาศว่า

"ทำไมต้องขอโทษก็แต้มไม่ผิด ไล่ออกก็ไล่ออก คอยดูสิ ถ้าฉันไม่ได้เรียนต่อละก็ ฉันจะไปเป็นมาเฟียบ้าง แล้วจะกลับมาเล่นงานพวกแก" แต้มพูดจบวิ่งหนีออกไป

ต้อมกับตั้มรีบวิ่งตามไป ต้อมตำหนิแต้ม แต้มน้อยใจ "ใครกันแน่ที่เป็นคนก่อเรื่อง พี่ก็รู้ว่าแต้มพูดความจริง ไอ้สองคนนั้นมันไถเงินตั้มก่อน"

ต้อมว่าเงินแค่ยี่สิบบาทให้เค้าไถไป แต่แต้มเห็นว่าเงินยี่สิบบาทน้องใช้กินได้ตั้งสองวัน ต้อมพยายามบอกน้องๆว่า พวกเราไม่พร้อมที่จะมีเรื่องกับใคร แต้มโกรธหาว่าพี่ต่างหากที่ไม่พร้อม ไม่มีความเป็นผู้นำ ไม่มีศักดิ์ศรี ต้อมถึงกับหน้าชา...

กลับมาถึงบ้าน ตาชื่นกำลังทำอาหารรอหลานๆ พอเห็นแต้มเดินหน้าง้ำเข้ามาไม่พูดไม่จาเดินขึ้นห้องไป ตาชื่นขอโทษต้อมที่ติดธุระไม่ได้ไปรับหลานที่โรงเรียน ต้อมยกมือไหว้เดินเลยเข้าครัวไป ตั้มเข้ามาไหว้ตาชื่นแล้วบอกสถานการณ์ ว่าตอนนี้เหมือนกรุงศรีจวนแตก ครอบครัวจะพบกับหายนะครั้งใหญ่ ตาชื่นอึ้งขนาดนั้นเชียว

ตาชื่นเข้ามาคุยกับต้อมซึ่งมาทำครัวต่อจากที่ตาทำไว้ ตาชื่นเตือนต้อมให้ปล่อยวางบ้าง น้องๆกำลังเข้าสู่วัยรุ่น ให้ต้อมหาความสุขใส่ตัวบ้างอย่ากังวลเรื่องน้องๆมากเกินไป ถ้าเป็นไปได้ควรหาเมียสักคน ต้อมชะงักมองหน้าตาชื่น ตาชื่นพยักหน้าสนับสนุนความคิดนี้

ooooooo

ถนนเปลี่ยวใกล้เขตก่อสร้าง V 4 พยายามติดต่อ

V 5 แต่คลื่นสัญญาณมีการรบกวน ในเวลานั้น มีแรงงานต่างด้าวชายหญิงกลุ่มหนึ่งวิ่งผ่าน V 4 ดึงคนหนึ่งมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

"ตาหลั่วเค้าจามาจะแรงันตั่งล่าว"

V 4 ฟังเป็นว่าต่างดาว จึงคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน "แย่แล้วหรือว่าข่าวของพวกเรารั่วไหลต้องรีบซ่อนตัว"...

ในคืนนั้น โป้งพาลิซ่ากับต้อมมาเที่ยวผ่อนคลายที่สวนอาหารธรรมดาๆ มีเด็กเสิร์ฟหน้าตาอุบาทว์ นักร้องบนเวทีเป็นกระเทย แต่โป้งบอกว่าร้านนี้มีทีเด็ดที่จะช่วยให้ชีวิตอับเฉาของต้อมมีชีวิตชีวาขึ้นมา "น้องดุจดาว เยาวมาลย์ นักร้องใหม่ของที่นี่ เจ๋งสุดๆครับขอบอก"

ว่าแล้วดุจดาวก็เดินออกมาร้องเพลง ต้อมเห็นแล้วถึงกับตะลึง สาวหน้าใสสูงยาวเข่าดีเสียงก็ดีจนเขาอยากสนับสนุน โป้งจึงขอเงินต้อมไปซื้อพวงมาลัย เป็นครั้งแรกที่ต้อมลงทุนยอมจ่ายกับเรื่องแบบนี้ โป้งให้ดุจดาวมานั่งคุยที่โต๊ะและแนะนำว่าต้อมเป็นใครและสามารถสนับสนุนเธอให้ดังได้ ดุจดาวดีใจ โปรยเสน่ห์ใส่ต้อมสุดฤทธิ์

ไม่ทันไร มีแรงงานต่างด้าวหนีตำรวจเข้ามาในร้าน ต่างเข้ามานั่งตีขลุมตามโต๊ะเพื่อหลบตำรวจ V 4 ตามเข้ามาพยายามพูดให้รู้ว่าเราพวกเดียวกัน แต่แรงงานคนนั้นรำคาญและหาว่า V 4 พูดไม่รู้เรื่อง สารวัตรวินัยนำกำลังตำรวจบุก

เข้ามา ประกาศขออภัยในความไม่สะดวก ขอให้อยู่ในความสงบ เพื่อเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจค้นแรงงานผิดกฎหมาย

ขอให้คนที่มีบัตรประชาชนถือไว้ให้ตรวจ ใครไม่มีให้ก้าวมาหน้าเวที ต้อมกับพวกนึกได้ว่าไม่ได้เอามา ต่างนั่งเครียด แรงงานคนที่นั่งร่วมโต๊ะกับพวกต้อมก็เครียด ตัดสินใจพุ่งไปแย่งปืนจากสารวัตร

"เว้ย ทนม่ายไหวละเว้ย ตั่งล่าวแล้วทาไมวะ คงต่างล่าว ไม่ใช่คงรึไง ถอไปถอไป ใคเข้ามากูยิแส้แตะเลย"

สารวัตรฟังไม่เข้าใจ ลิซ่าต้องแปลให้ สารวัตรตื่นเต้นพูดผิดพูดถูกว่าอย่าทำเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก แรงงานยิ่งคลั่งยิงปืนโป้งป้างไม่รู้ทิศรู้ทาง คนในร้านหลบกันจ้าละหวั่น... แรงงานล็อกคอต้อมไว้เป็นตัวประกัน V 4 ตื่นตาตื่นใจรีบวิ่งเข้าไปใกล้

"ตาย มนุษย์โลกกำลังจะถูกฆ่า น่าสนใจมาก ต้องรีบไปเก็บข้อมูล"

แรงงานลากต้อมมาที่ลานจอดรถแล้วสั่งให้ต้อมไปสตาร์ตรถ ต้อมฟังไม่รู้เรื่อง แรงงานยิ่งคลั่งหาว่าต้อมแกล้ง V 4 เดินตามมาใกล้ขยับแว่นเก็บข้อมูล แรงงานถามตามมาทำไม V 4 ตอบว่า "มาดูคนตาย ตกลงจะฆ่าจริงรึเปล่า"

"เฮ้ย! จะบ้าเหรอน้องอย่าไปยุมันสิ พี่คนนะไม่ใช่เห็บหมา"

แรงงานหาว่า V 4 ท่าจะบ้า อย่าเข้ามาใกล้ไม่อย่างนั้นเขาจะยิง V 4 ยิ่งยุให้ยิงเลย อยากเห็นคนตาย V 4 เดินใกล้เข้าไป แรงงานตกใจยิงใส่ V 4 แต่ปรากฏว่า V 4 คว้ากระสุนไว้ได้หน้าตาเฉย แรงงานตกใจ "เฮ้ย! เป็นไปไม่ได้"

"อ้าว...พูดชัดนี่หว่า" ต้อมแปลกใจ

แรงงานบอกว่าเขาตกใจจนลืมสัญชาติ V 4 มองกระสุนในมือ "ใครก็ตามที่คิดทำร้ายชาว GEN 45 มันต้องได้รับบทเรียน เอาคืนไป" V 4 ปากระสุนกลับไปโดนหัวแรงงานดังโป๊ก

แรงงานร้องถามต้อมว่าหัวแตกหรือเปล่า ต้อมมองแล้วบอกว่าไม่แต่แค่ปูด ว่าแล้วแรงงานก็สลบเหมือด ต้อมหันมาถาม V 4 ทำได้อย่างไร V 4 นึกได้กำชับต้อม

"ห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าเจอกับคนต่างดาวที่นี่"

"หมายถึงต่างด้าวใช่มั้ย" ต้อมถามให้แน่ใจ

V 4 ย้ำให้ต้อมสัญญา ต้อมพยักหน้า V 4 ยิ้ม "ดีมาก ถ้างั้นฉันขอตอบแทนนายตามแบบชาวโลก" ว่าแล้ว V 4 ก็กระชากต้อมเข้ามาจุมพิตอย่างดูดดื่ม จนต้อมเกร็งทั้งมือและเท้า

"เสร็จสิ้นการตอบแทน ลาก่อน" V 4 ผละออกแล้วเดินไปดื้อๆ ต้อมมองด้วยความงง...

ooooooo

อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 1
(อ่านต่อพรุ่งนี้)

@^@..อ่านละครย่อเรื่องสูตรเสน่หา ตอนที่ 15/3-16

@^@..อ่านละครย่อเรื่องสูตรเสน่หา ตอนที่ 15/3-16
ตอนที่ 15 (ต่อจากวานนี้)

"อยากรู้ก็ต้องบอกมาก่อนว่าทำไมคุณไม่อยากให้ผมไปสอนเขา"

"ฉันไม่ชอบใช้ครูร่วมกับคนอื่น"

"แค่นั้นใช่ไหม...ถ้าแค่นั้น ถือว่าไม่มีเหตุผลที่ผมจะไม่สอนเขา...ถ้าคุณบอกเหตุผลที่น่าฟังกว่านี้ ผมอาจจะไม่สอนเขาก็ได้" ครูกุ๊กยื่นหน้ามาหาคำตอบ อลินจึงโพล่งออกมา

"เออ...ฉันไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่ง หรือมาใกล้ชิดสนิทสนมครูกุ๊ก มันขัดตาขัดใจ ขัดอารมณ์ โดยเฉพาะนังเด็กฮยองกึน แก่แดดแก่ลม อย่าหวังเลยว่าจะได้เข้าใกล้ ฉันไม่ชอบ...ฉันหวงครูอ๊ะ มีอะไรอ๊ะเปล่า" อลินหน้าตาเอาเรื่อง พสุเห็นแล้ว

ยิ้มวาบเข้าไปในอกที่กำลังเต้นระทึก ท่ามกลางดอกไม้หอมหวานบานไสว...บอกอลินไปทันที

"ไม่มีอะไรเลย...แล้วผมก็ปฏิเสธน้องเขาไปตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว"

"อ้าว...เฮ้อ...ปฏิเสธเด็กนั่นไปแล้ว...มาหลอกให้ฉันพูดทำไมเนี่ย" อลินนิ่งเป็นหุ่นเมื่อรู้ตัวว่าเสียท่า

"ก็อยากได้ยินไง" พสุยิ้มให้อลินอย่างอบอุ่น "ผมว่า เดี๋ยวผมกลับก่อนดีกว่า" เดินมาที่ประตู หันมาบอก "ส่วนโทรศัพท์นั่นคุณเก็บไว้เถอะ แค่ได้ยินคุณพูดเมื่อกี้ผมก็พอใจแล้ว...แล้วเจอกัน"

พสุขับรถไป ใจลอยละล่องไปแสนไกล...ไปสู่ความหอมหวานอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน

อลินทรุดลงนั่งโซฟา รู้สึกเหมือนว่าหัวใจมันรู้สึกแปลกๆ มันหวางเวิ้ดโหวงเหวง แต่ชุ่มฉ่ำเหมือนดื่มน้ำทิพย์...ยามนี้ อลินนึกถึงความเป็นมาที่ได้สัมผัสครูกุ๊ก ตั้งแต่ผิวเผินจนกระทั่งมาได้มองเขาอย่างลึกซึ้ง นับวันแต่จะผูกพันครูกุ๊กมากขึ้น...อลินยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว

หลังจากฝันกลางวันเคลิ้มไปหลายตลบแล้ว อลินนึกสนุก จึงเอาสมุดบันทึกสีชมพูมาเปิดหน้าที่ว่าง ลองใส่คะแนนให้นายพสุ บริบรรณ...ใส่ไปใส่มารวมคะแนนแล้ว พสุได้คะแนนน้อยมาก

"เฮ้อ...น่าสงสารจริงๆ ครูกุ๊กได้คะแนนน้อยนัก จะมีผู้หญิงคนไหนยอมเป็นแฟนด้วยรึเปล่าเนี่ย"

อลินทอดถอนใจสงสารพสุ แต่ลึกๆในใจเสียดายที่พสุไม่ผ่านมาตรฐานที่เธอวางไว้

ooooooo

เมื่อนายตัวเปี๊ยกปฏิคมรู้เบื้องหลังธุรกิจการเงินของบริษัทอวตานแล้ว จึงเอาเรื่องนี้มาบอกคุณอนันต์ ผู้มีพระคุณ ทั้งเรื่องเงินที่พวกคุณหญิงอมราหมดตัวเพราะลงทุนเล่นการเมือง หาเสียงซื้อเสียงเท่าไหร่ก็หมด เมื่อหมดก็เอาเงินลูกชายไปถลุง เมื่อลูกชายหมดก็มาหาจากอลิน

ในที่สุดคุณอนันต์จึงเห็นว่า ควรจะบอกลูกสาวให้รู้ตัวไว้ จึงให้ทนายเปี๊ยกไปบอกให้มาพบพ่อ...อลินมาพบพ่อ พอบอกเรื่องเงินลงทุนอีก 10 ล้านให้ชะลอไว้ แต่อลินบอกรับปากคุณเล็กไว้แล้ว และไม่เชื่อว่าคุณหญิงอมราจะหมดตัว คุณเล็กก็ไม่มีอะไรปิดบังกับอลินเลย อลินรู้เรื่องเขาหมดทุกเรื่อง

"ถ้าลินรู้ทุกเรื่อง...แล้วลินรู้รึเปล่าว่านายอนุชามีเมียมีลูกแล้ว" นายอนันต์ทนไม่ได้ต้องเปิดออกมา อลินขอให้พ่อย้ำอีกที พ่อย้ำอีกชัดเจน อลินร้องค้านว่าไม่จริง พ่อจึงตอกย้ำ "เรื่องจริง ถ้าลินไม่เชื่อพ่อ ลินลองถามเขาดู ถ้าเขาจริงใจกับลิน เขาจะต้องบอกความจริงว่าเขามีครอบครัวแล้ว"

อลินฟังแล้วนั่งนิ่งเป็นหุ่นไล่กา ในใจค้านพ่อหัวชนฝา... อลินโต้ตอบกับพ่ออย่างไม่ยอมลดละ มั่นใจว่าอนุชาหรือคุณเล็กที่แสนดีอาจมีแฟนมาบ้าง แต่มีเมียเป็นตัวตนยิ่งไม่มีทาง ต้องมีคนแกล้งใส่ร้ายเขาเป็นการแกล้งอลิน อลินไปที่บ้านเขา ไม่เคยเห็นใครสักคน แล้วอลินประกาศกับพ่ออย่างมั่นใจ

"ลินจะสืบเรื่องคุณเล็กอีกครั้ง ทั้งเคลียร์ทุกคำถามให้ได้ พ่อจะได้สบายใจว่าลินเลือกคนไม่ผิด"

อลินขับรถจากไร่พ่อกลับกรุงเทพฯ มาได้ครึ่งทาง จอดรถแล้วโทร.หาคุณเล็กทันที

"คุณเล็กคะ...พรุ่งนี้ว่างไหมคะ ลินมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับคุณค่ะ" อลินฟัง แล้วกดปิดมั่นใจมาก

ooooooo

อนุชาปิดเครื่องหลังจากอลินโทร.มานัดแล้ว เขากำลังจะกลับขึ้นบนห้อง คุณหญิงอมราเดินมาหา พร้อมกับถามเรื่องเงินขึ้นมาทันทีว่า อลินยอมจ่ายเงินมาให้อีกหรือยัง?

"ยังครับ อลินบอกว่าจะไปปรึกษาพ่อกับทนายก่อน เมื่อกี้โทร.มาบอกว่าพรุ่งนี้อยากคุยกับผมเป็นส่วนตัว" คุณหญิงฟังแล้วทำจมูกฟุดฟิด

"แม่บอกแล้วว่า เราใจเย็นเกินไปคิดว่าตัวเองเอาอยู่ อลินถึงบ้าผู้ชาย แต่ไม่ใช่คนโง่ และที่สำคัญเล็กอย่าลืมว่าเราเป็นวัวสันหลังหวะ เกิดมีคนปากโป้งไปบอกอลินเรื่องเรากับนังโสภิตา เล็กคิดว่าคนอย่างอลินจะรับได้เหรอ" อนุชาฟังแล้วอึ้ง คุณหญิงอมรายื่นหน้ามาถาม "เราเคยคิดหรือเปล่า ถ้าอลินถามเรื่องนังสองแม่ลูกขึ้นมา เราจะตอบเขาว่ายังไง" อนุชามองหน้าแม่ เขาเริ่ม
คิดและกำลังเตรียมคำตอบไว้

ส่วนทนายเปี๊ยก เมื่อพบกับพสุที่ร้านกาแฟ เล่าให้ฟังว่าเขาเล่าเรื่องอลินทุ่มเงินสิบยี่สิบล้านให้อนุชา ป่านนี้พ่อลูกคงคุยกันแล้ว พสุไม่แน่ใจว่าอลินจะสนใจ ทนายเปี๊ยกได้แต่เดา

"ต้องลองเสี่ยงดู ถ้าคุณลินรู้ว่าชายในฝันของเธอรวยแต่เปลือก และมีเมียมีลูกแล้ว บางทีเธออาจตาสว่าง เลิกคิดแต่งงานกับอนุชาก็ได้" พสุฟังแล้วยืดตัวถามว่า อย่างนั้นเหรอ เปี๊ยกจึงหันมาถาม "แกคิดอะไรอยู่ อย่าบอกนะว่าแกแอบมีความหวังว่า ถ้าเลิกกับนายอนุชาแล้วเธอจะมาชอบแก"

"บ้า...คุณลินเขาจะคิดยังไงกับชายในฝันของเขา ฉันไม่เกี่ยว เขาจะชอบหรือจะเกลียดกัน มันไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันไม่หวังอยู่แล้ว" พสุหันหน้าหนี แต่แอบมีความหวังรำไรๆแล้ว

กลับไปบ้านแล้ว พสุยังแอบเก็บเอาความหวังอันน้อยนิดไปคิดอยู่ไม่รู้วาย ยิ่งตอนทำช็อกโกแลตในแบบพิมพ์ต่างๆ เช่น รูปหัวใจ ผีเสื้อ ดอกไม้...แล้วยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อตรงกลางได้ใส่อักษร "อลิน" ไว้ตรงหัวใจและผีเสื้อ ทั้งน่ารักและน่ากิน...

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น พสุมาพบอลินที่คอนโดฯของเธอแต่เช้า ขณะที่อลินกำลังคิดหาวิธีถามอนุชาเรื่องลูกเมียเขาให้ไม่น่าเกลียดยังไง...ทีแรกคิดว่าใครมา พอเปิดประตูกลับเป็นพสุ

"ครูกุ๊กมาทำไม"

"ก็คุณให้ผมมาสอนวันนี้...อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้"

"ฉันไม่ลืม...ฉันแค่มีธุระด่วนต้องไปจัดการ ธุระเสร็จจะรีบมาเรียนทันที"

"ธุระอะไรของคุณ"

"คือ...ฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กับคุณเล็ก เรื่องสำคัญมากๆ"

"โอเค...เชิญตามสบาย เคลียร์เสร็จแล้วรีบกลับมาแล้วกัน ผมจะรอ" พสุรู้แล้วจึงไม่ติดใจ

"ครูกุ๊กไม่ถามเหรอว่า ฉันจะไปคุยกับคุณเล็กเรื่องอะไร"

"ไม่ถาม ถ้าคุณอยากบอก คุณจะบอกเอง"

อลินบอกโอเค ลากเก้าอี้มานั่ง แล้วเริ่มสัมมนาทันทีว่า เมื่อวานคุณพ่อเธอเรียกไปคุย แล้วบอกข่าวลือไม่น่าเชื่อถือที่สุดให้เธอฟัง ข่าวเม้าท์เรื่องคุณเล็ก เขาเม้าท์กันว่า...

"ครอบครัวคุณเล็กหมดตัว แล้วคุณเล็กก็มีเมียแล้ว ครูกุ๊กไม่แปลกใจเหรอที่เขาลือว่าคุณเล็กมีเมียแล้ว หรือว่าครูกุ๊กรู้แล้ว"

"ไม่...ไม่นี่ ผมไม่รู้ เพิ่งจะรู้นี่แหละ แล้วคุณเชื่อหรือเปล่า"

"ไม่เชื่อ...แต่เพื่อความสบายใจ ฉันจะถามคุณเล็กตรงๆ ให้เขายืนยันจากปาก ฉันจะได้ไปยืนยันกับพ่อ จะได้ไม่คาใจ"

"ถ้าเขายอมรับว่าเขามีจริงๆ คุณจะว่ายังไง"

"เลิก" อลินตะโกนดัง "ต้องเลิกคำเดียวเท่านั้น ฉันจะไม่ยอมไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายที่มีเมียมีลูกแล้วเด็ดขาด ผู้หญิงอย่างอลินไม่เคยใช้ผู้ชายรวมกับคนอื่น...เหมือนแปรงสีฟัน ใช้ร่วมกันไม่ได้"

อลินประกาศก้องอย่างมั่นใจ พสุเห็นท่าแล้วอะโห...

ช่างเด็ดเดี่ยวดีแท้

ooooooo

ตอนที่ 16

หลังจากอลินกับอนุชามาตามนัด พบกันในร้านแห่งหนึ่ง อลินได้ฟังคำพูดของอนุชาแล้ว ถึงกับแตกตื่น คาดไม่ถึงจนตั้งตัวไม่ติด ทั้งย้ำให้เขาพูดใหม่ อีกครั้ง อนุชาเน้นชัด

"ผมบอกว่า...ก่อนที่คุณลินจะถามอะไร ผมมีเรื่องสำคัญที่ผมจะสารภาพกับคุณ" อนุชามองอลิน ลำดับคำพูด ก้มหน้าระบายความอึดอัดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา "ก่อนที่ผมจะมาเจอคุณลิน...ผมเคยมีภรรยามาแล้วครับ"

"เคย..." เสียงแหบโหยออกมาจากปากอลิน "หมายความว่า..." อนุชารีบย้ำหนักแน่น

"ใช่ครับ...เคย...แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วครับ" อนุชาจับตาอลินนิ่ง อลินยังช็อก แม้จะโล่งใจขึ้นมาบ้าง "เราคบกันตอนอยู่ต่างประเทศ แต่พอกลับมาเราเริ่มมีปัญหากัน คุณแม่ ท่านไม่ยอมรับ แล้วเราสองคนก็ไปด้วยกันไม่ได้" อนุชาพูดไปหลบหน้าไปในบางครั้ง "โชคดีจริงๆที่เราสองคนไม่ได้ จดทะเบียนสมรสกัน พอแยกทาง ก็เลยไม่มีพันธะต่อกัน"

"แล้วยังติดต่อกันอยู่หรือเปล่าคะ" อลินเริ่มจะทำใจได้มากขึ้น

"ไม่ครับ" อนุชาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มหลบเลี่ยง "เราไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว เขาอยู่ส่วนเขา ผมอยู่ส่วนผม และตอนนี้เขาก็มีผู้ชายคนใหม่ คนที่เขารักและทำให้เขามีความสุข"

อลินนิ่งไป...อนุชาอึดอัดที่โกหกอลินไปหลายคำโตๆ อนุชานึกถึงพสุที่ถ้าได้รู้คงเคืองน่าดู

"คุณลินโกรธผมหรือครับ ที่ผมไม่ได้บอกความจริงของคุณลินแต่แรก"

"ลินไม่โกรธหรอกค่ะ" อลินเหมือนได้ผุดได้เกิดขึ้นมาใหม่ใสแจ๋วด้วยรอยยิ้มเริงร่า "ลินแค่ตกใจน่ะค่ะ แต่ลินก็ดีใจที่คุณเล็กบอกลินเอง ถึงจะบอกช้าไปหน่อยก็ไม่ต้องรอให้ถาม มันทำให้ลินเห็นว่าคุณจริงใจที่จะคบหาสมาคมกับลิน" อลินสบายใจเฉิบ แต่อนุชากลับสุขยิ่งกว่าที่อลินไม่ได้ถือโกรธเขาเลย

ooooooo

ที่คอนโดฯอลิน พสุนั่งๆเดินๆรออลิน เปิดทีวีเปิดละครเก่าๆของเธอดู พอเบื่อหยิบแมกกาซีนมาเปิดดูรูป แล้วก็หยิบไดอารี่ของอลินมาพลิกอ่าน เขาจำได้แล้ว จึงพลิกหาความในใจของเธอด้วยความหวัง...แล้วก็มาถึงหน้าสุดท้าย บันทึกถึงพสุ บริบรรณ...พสุแอบดีใจที่เขาถูกจัดอยู่ในผู้ชายในฝัน ไล่ดูคะแนนที่อลินให้ กระทั่งมาถึงครอบครัว ได้คะแนน 20 พสุมองตาละห้อยที่
คะแนนติดลบ

พสุปิดสมุดทันที หันรีหันขวางคิดทบทวนไปมา... ไม่ได้การ มันต้องทำอะไรติดหัวคิวหน่อยแล้ว...พสุสะดุ้ง เมื่ออลินเปิดประตูผางพรวดเข้ามาผวามาหาครูกุ๊ก ปากก็ร้องเรียกลั่น

"ครูกุ๊ก...คุณเล็กเขาขอคบกับฉันอย่างเป็นทางการ และตอนนี้ฉันกับเขา เราเป็นแฟนกัน...เยส เยสๆๆๆๆ" อลิน กระโดดโลดเต้น ไม่สนใจว่าพสุกำลังจิตตกแตกกระจายเต็มห้อง "นี่...ฟังสิ ส่วนเรื่องเมียเขาน่ะ เขาเป็นคนสารภาพกับฉันเองโดยฉันไม่ได้ถามเลยนะ เขายังบอกอีกด้วยว่า ตอนนี้เขาไม่ได้ติดต่อกันตั้งนานแล้ว ต่างคนต่างไป ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลย แม่เขาก็ไม่ชอบ
ผู้หญิงคนนั้น ส่วนเรื่องลูกก็ไม่มี้ไม่มี... ข่าวเล่าเอนจอยเม้าท์โดยแท้"

พสุมองอลินตาละห้อยโหยโหลยโท่ยไปเสียแล้ว

"ฉันต้องรีบรายงานพ่อ พ่อจะได้ตาสว่าง หยุดหูเบาซะที แล้วก็โทร.บอกนายตัวเปี๊ยกให้ไปสืบแหล่งข่าวมั่วมาให้ได้ จะได้จับมาลงโทษให้หมด อ้อ...แล้วโทร.นัดนักข่าวมาแถลงข่าวไปเลย คนเม้าท์จะได้หยุดเห่า ไม่งั้นฉันจะฟ้องให้หูรูดพังไปเลย...ฮ่าๆๆ" อลินหัวร่อร่า พอหันมาเห็นพสุยืนกอดอกตาค้างเติ่ง จึงเอามือปัดตรงหน้า ถามอย่างแปลกใจ "ครูกุ๊ก เป็นอะไรไปหรือเปล่า
ทำไมมองตาขวางๆ รึว่าโกรธที่ฉันมาช้า"

"เปล๊า...ไม่ได้โกรธที่คุณมาช้า แล้วก็ไม่ได้เป็นอะไร" พสุยังหน้าตูม

"ไม่โกรธ แล้วทำไมทำหน้าเหมือนคนจะลาโลก...

ถ้าไม่เป็นอะไร เรามาเริ่มเรียนกันเลย วันนี้จะสอนฉันทำอะไรคะ"

"คุณบอกว่า อยากได้เมนูสำหรับคนรัก ผมเลยเตรียมเมนูช็อกโกแลตแฟนซีไว้ให้...นี่เป็นวิธีการทำ" ส่งกระดาษให้ "แล้วนี่เป็นอุปกรณ์และส่วนผสมทั้งหมด คุณลองทำเองก็แล้วกัน"

"หา...ว่าไงนะ" อลินตาเหลือก

"ผมขอลาออก" อลินผงะถอยหลัง "ผมจะไม่มาสอนคุณอีกแล้ว ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน" พสุเดินออกจากห้องไปทันที...อลินอ้าปากค้าง ช็อกและชาจนร้องเรียกไม่ออก...

หลังจากอลินตั้งหลักได้ จึงโทร.ตามทนายเปี๊ยกมาพบ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง และอยากจะไปตามครูกุ๊กมา เปี๊ยกจึงพูดอย่างไม่เกรงใจว่า ไม่ต้องไปตามเขาหรอก ไอ้ดินไม่มีทางกลับมาสอนเธออีกแล้ว อลินโกรธจัด คิดว่าพสุโกรธที่เธอให้คะแนนครอบครัวติดลบ จึงลำเลิก

"กะอีแค่ได้คะแนนต่ำกว่ามาตรฐานนิดหน่อย ครูกุ๊กจะโกรธขนาดนั้นเลยเหรอ"

"ไม่เกี่ยวกับคะแนน แต่มันเกี่ยวกับศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย พูดไปคุณลินก็ไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าคุณลินไปหาครูใหม่เถอะครับ ไอ้ดินเซย์โนครั้งนี้ แปลว่าจบจริงๆ ต่อให้คิดจนหัวแตกตายก็ง้อมันไม่สำเร็จ ผมก็ช่วยไม่ได้ มันขู่ว่าถ้าผมช่วย มันจะตัดเพื่อนด้วย ผมไม่อยากเสียเพื่อน...ฉะนั้น ถึงคุณลินมาชักกระแด่วๆตรงหน้า ผมก็ไม่ช่วย คุณลินต้องไปจัดการแก้ ปัญหาเอง ผมไม่ใช่คุณป้า
ทั้งสามของคุณที่จะคอยตามใจคุณทุกเรื่อง...คุณลินควรไปหาครูคนใหม่ จะดีกว่านะครับ"

ทนายเปี๊ยกว่าแล้วก็ยักเยื้องเปิดประตูออกจากห้องไป... อลินตะโกนไล่หลัง

"นายตัวเปี๊ยก...นายกล้าพูดยังงี้กับฉันเรอะ นายคิดว่าฉันจะง้อหรือไง ทั้งนายทั้งครูกุ๊กนั่นแหละ ไปให้หมดเลย ฉันไม่เห็นจะแคร์เลย...เชอะ...ไม่สอนก็ไม่ต้องสอน คิดว่าฉันจะง้อเรอะไง ครูกุ๊กไม่สอน ฉันทำเองก็ได้ไม่เห็นจะยาก"

ความทะนงองอาจทำให้อลินเริ่มลงมือทำช็อกโกแลตตามที่พสุเขียนมาให้ แต่แล้วก็ได้ผล ด้วยการทำจนเหม็นไหม้ ต้องร้องลั่นเสียใจ แล้วบ่นว่าครูกุ๊กที่เขียนให้ทำไม่รู้เรื่องเลย ไม่รู้จะงอนอะไรนักหนา...คิดจะโทร.ไปหา...แล้วยอมลดทิฐิกดมือถือไปอย่างกระฟัดกระเฟียด กดเท่าไหร่ก็ไม่ติด พอนึกได้ร้องลั่นว่า ก็ทำมือถือครูกุ๊กพังไปแล้ว จะเอามือถือที่ไหนมารับ?...แล้วคิดคืบ
ต่อไปว่า แล้วจะติดต่อครูกุ๊กได้ยังไงล่ะเนี่ย... ในที่สุดก็ตบมือฉาด เมื่อคิดมุกอะไรใหม่ออกมาได้

ooooooo

@^@..อ่านละครย่อเรื่องสูตรเสน่หา ตอนที่ 15/3-16
(อ่านต่อพรุ่งนี้)

@^@..อ่านละครย่อเรื่องบ่วงร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 20 /4

@^@..อ่านละครย่อเรื่องบ่วงร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 20 /4
ตอนที่ 20/4 (ต่อจากวานนี้)

เต้เจ็บแผลยังไม่หาย สะดุ้งโหยง รีบจับมือปารมีไว้ ไม่ให้โดนแผล ปารมีกับเต้มองหน้ากัน ปารมีขอโทษรีบเอามือออก ทั้งคู่ต่างหัวเราะขำๆ เดินไปที่รถของเต้ หินเห็นเหตุการณ์ ตลอด มองตามอย่างช้ำใจ...

ตอนสายวันเดียวกัน แคทชวนปารมีไปซุปเปอร์มาร์เกต หาซื้อของสดไปทำอะไรกินกันที่บ้านริมน้ำของเธอ ระหว่างเลือกซื้อของ แคทถามปารมีว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่มีใครๆมารุมรัก ปารมีฟันธงว่าเป็นโชคร้าย

"ถ้างั้นฉันก็โชคดีที่ไม่มีใครมารุมรัก"

ปารมีสวนขึ้นทันที "ไอ้ฟาย...ของแกไง...อย่าลืม"

"ยังจะมาตลกอีก...ตลกไหวเหรอแก" แคทค้อนขวับ

ปารมีถอนใจเหนื่อยใจ จะเข็นรถต่อแต่ต้องชะงักเพราะเชนขวางไว้ ปารมีจะเข็นรถหนีไปอีกทาง เชนก็เอาตัวขวางไว้อีก ขอร้องปารมีให้ฟังเขาก่อน ปารมีไม่อยากฟัง ทิ้งรถเข็น คว้ามือแคทวิ่งหนี เชนวิ่งตามหาจนทั่วแต่ไม่เจอ ปารมีชะเง้อมองจนแน่ใจว่าเชนไม่อยู่ ชวนแคทกลับบ้าน ครู่ต่อมาแคทกับปารมี มานั่งคุยที่ศาลาท่าน้ำบ้านแคท

"แกจะยังไงต่อยัยปาล์ม จะปล่อยให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆเหรอ"

ปารมีนั่งเหม่อ คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอย่างไรดี แคทเตือนว่าให้รีบคิดหาทางออกเร็วๆก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ หมู่นี้เชนยิ่งดูอารมณ์ร้ายๆชอบกล

"ไม่หรอกน่า อย่าคิดมาก เขาขี้หึงน่ะ"

"ก็ไอ้ขี้หึงนี่น่ะสิยิ่งน่ากลัวสุดๆ พิษรักแรงหึงเนี่ย มันรุนแรงยิ่งกว่าระเบิดนิวเคลียร์อีกนะแก...เชื่อฉัน"

ปารมีมองหน้าเพื่อนเหมือนจะถามว่าเว่อร์ไปหรือเปล่า...

ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านของเดช หินเข็นรถเข็นพาอรปรียามาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน โดยมีหมอซันเดินขนาบข้าง หมอซันสงสัยว่าทำไมวันนี้หินไม่ตามไปดูแลปารมี หินอ้างว่าปารมีอยากไปกับแคทเพียงลำพังสองคน

"แล้วถ้าไอ้เชนชั่วมันโผล่ไปอาละวาดจะทำไง?"

อรปรียาได้ยินชื่อเชนก็ชะงัก ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ หมอซันถามว่ามีอะไร อรปรียาพยายามออกเสียงเรียกชื่อ "เชน" จนได้ หมอซันกับหินหันมองหน้ากัน อรปรียาพยายามจะพูดต่อ แต่ไม่สามารถพูดได้ดังใจ ส่งเสียง "เอ้ออ้า" จนเครียด สุดท้ายร้องไห้โฮ หมอซันปลอบให้ใจเย็น ไม่ต้องร้องไห้ แค่นี้ก็เก่งมากแล้ว หินสงสัยว่าเชนต้องเกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บของอรปรียาอย่างแน่นอน...

คืนนี้ฝนตกลงมาอย่างหนัก ทั้งฟ้าร้องฟ้าผ่าดังสนั่น เอมิกาวิ่งหน้าตื่นเข้ามาลากปารมีไปที่หน้าต่างห้องนอน ชี้ลงไปข้างล่าง ปารมีมองตามมือเอมิกา ตกใจ เห็นเชนยืนตากฝนอยู่ หน้าบ้าน ปารมีไม่รู้จะทำอย่างไรดี เดินไปเดินมาอยู่ในห้องนอนสีหน้าครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจวิ่งลงไปหาเชน เอมิกาวิ่งตาม

ทางฝ่ายหิน รู้จากไฟว่าเชนมายืนตากฝนอยู่หน้าบ้าน เดินกางร่มมาหยุดมองเชนอยู่อึดใจ ขยับจะเข้าไปหา แต่ปารมี วิ่งออกมายืนที่ชายคาหน้าบ้านพร้อมกับร่มในมือ หินหยุดกึก เอมิกาตามมาสมทบโดยที่ไม่มีใครสังเกตว่าหินยืนอยู่แถวนั้น เชนเห็นปารมีออกมา ทรุดตัวลงคุกเข่า ขอร้องให้เธอยกโทษให้ ที่ทำไปทุกอย่างเพราะรักเธอมาก

ทันใดนั้นฟ้าผ่าเปรี้ยง ปารมีสะดุ้งเฮือก รีบกางร่มวิ่งลงบันไดไปหาเชนด้วยความเป็นห่วง เชนเห็นปารมีวิ่งมาหาโผเข้ากอด หินมองภาพนั้นด้วยความเสียใจ ปารมีขอร้องเชนให้กลับบ้าน

"ไม่...น้องปาล์มต้องบอกพี่ก่อนว่ายกโทษให้พี่แล้ว"

ปารมีตัดรำคาญ พยักหน้าเป็นเชิงว่ายกโทษให้ เชนดีใจโผกอดปารมีอีก หินสุดช้ำ มือที่ถือร่มค่อยๆหมดแรงตกลงข้างตัว หันหลังเดินฝ่าสายฝนออกไป

ooooooo

รุ่งเช้า ปารมีเดินเซ็งๆออกมาขึ้นรถจะไปทำงาน หินยืนรอเปิดประตูรถให้ ไม่พูด ไม่มอง ไม่สบตา ปารมีชักสงสัยเดินมามองหน้าหิน ถามว่าเป็นอะไร หินเฉยไม่ตอบ ปารมีถามซ้ำว่าเป็นอะไร

"ไม่ได้เป็นอะไรครับ"

ปารมีจ้องหน้าหินเหมือนจะจับพิรุธ แต่แล้วเปลี่ยนใจ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย เดินขึ้นรถ...พอรถแล่นเข้ามาใกล้ถึงร้านขายข้าวแกงหน้าบริษัทของเดช ปารมีสั่งหินให้จอดรถ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ

"ยังมีเวลา...ฉันหิวข้าว" ปารมีลงจากรถ เดินไปสั่งข้าวไข่ต้มหนึ่งฟอง

หินเบนรถเข้าจอดข้างทาง แล้วตามลงมายืนดูห่างๆ ปารมีถามหินว่าจะกินข้าวไข่ต้มด้วยกันไหม หินปฏิเสธว่าไม่กิน ปารมีรับจานข้าวจากแม่ค้า เดินมานั่งที่โต๊ะ คลุกข้าวกับไข่

กินอย่างหิวจริงๆ...

หลังจากปารมีขอมติจากที่ประชุมกรรมการบริษัทของพ่อ อนุญาตให้เต้ถ่ายทำหนังโฆษณาเพิ่มเติมในสตูดิโอต่อจากที่ถ่ายไว้ แล้วถือโอกาสขอปิดการประชุม เต้ยังเครียดเรื่องงานไม่หาย เลยขอให้ปารมีเลี้ยงกาแฟเขาหนึ่งแก้วแก้เครียด ปารมีพาเต้มานั่งที่มุมพักผ่อนของพนักงาน ขอตัวไปชงกาแฟ สักพัก ปารมีกลับมาพร้อมกับกาแฟสองแก้วยื่นให้เต้แก้วหนึ่ง บอกให้ลองชิมดู
ฝีมือเธอเอง เต้ยอว่าต้องอร่อยแน่ๆ

ปารมียิ้ม นั่งลงข้างๆเต้ บอกให้ลองชิมก่อนอย่าเพิ่งฟันธง เต้จิบกาแฟแล้วนั่งนิ่ง ปารมีรู้ทันทีว่ากาแฟฝีมือตัวเองคงไม่อร่อย เต้ปลอบว่าขมไปนิด ปารมีเปรยว่า คงเป็นเพราะชีวิตช่วงนี้ของเธอมันขม จิบกาแฟของตัวเองแล้วหน้าเบ้ด้วยความขม เต้มองปารมียิ้มๆถามว่าเชนเป็นอย่างไรบ้าง

ปารมีถอนใจเฮือก พูดติดตลกว่าขมเหมือนกาแฟ เต้

อยากรู้ว่าปารมีกับเชนคบกันมานานแค่ไหน ปารมีเล่าว่าคบกันมาตั้งแต่เธอเรียนมหาวิทยาลัยปี 3 เชนไม่ได้เรียนด้วย ตอนนั้นเขาทำงานแล้ว เต้พยักหน้าหงึกๆ ปารมีนึกขึ้นได้

"เอ๊ะ...ถามทำไมเนี่ย"

"อ้าว...แล้วตอบทำไมล่ะ"

ปารมีซัดเผียะที่แขนเต้ แล้วสองหนุ่มสาวต่างหัวเราะขำๆ นั่งจิบกาแฟต่อ...

สายของวันใหม่ แคทชวนปารมีไปเดินซื้อของใช้เข้าบ้าน เห็นว่าเชนหายหน้าไปเลยถามหา ปารมีทำเสียงเย็นชา บอกว่าไม่รู้ว่าไปไหน ไม่เห็นโทร.หา แคทแปลกใจที่ปารมีทำเหมือนไม่สนใจว่าเชนหายไปไหน ทีเมื่อก่อนเขาโทร.หาสี่เวลาหลังอาหาร และก่อนนอน ยังบ่นว่าไม่ค่อยจะโทร. แต่เดี๋ยวนี้หายเงียบไปสองวัน ปารมีกลับทำเฉยไม่รู้สึกรู้สมอะไร ปารมีทำไม่รู้ไม่ชี้ หัน
ไปหยิบของใส่รถเข็นกลบเกลื่อน

"อย่าฟอร์ม...มีอะไรในใจเล่าให้เพื่อนฟังให้หมด... เดี๋ยวนี้"

ปารมีเข้าตาจนไม่รู้จะบอกเพื่อนอย่างไร จังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์ของปารมีดังขึ้น ปารมีมองเบอร์ที่โชว์หน้าจอแล้วยื่นให้แคทดู แคทตาโต ถึงกับออกปากว่าเชนตายยากจริงๆ พูดถึงก็โทร.มาเลย ปารมีกดรับสาย แล้วต้องตกใจ เมื่อรู้ว่าเชนไม่สบายนอนซมด้วยพิษไข้จากการตากฝนเมื่อคืนอยู่ที่ห้องพัก ปารมีรีบชวนแคทไปเยี่ยมทันที...

หลังจากปารมีเช็ดตัวเชนจนไข้เริ่มลด แคทอาสาออกไปซื้อโจ๊กร้อนๆมาให้เชนกิน ปารมีหันไปมองเชนที่นอนหลับอย่างนึกสงสาร รู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้เขาป่วย เชนนอนละเมอ ยกมือไขว่คว้าไปในอากาศ พร้อมกับส่งเสียงเรียกปารมี ปารมีจับมือเชนไว้ ปลอบว่าเธออยู่ใกล้ๆนี่แล้ว

ระหว่างที่แคทเดินกลับมายังห้องพักของเชน หินโทรศัพท์ มาถามแคทว่าอยู่ที่ไหน ทำไมซื้อของยังไม่เสร็จอีก แคทบอกว่าไม่ได้ซื้อของแล้ว เชนไม่สบายมาก ปารมีกับเธอเลยรีบมาดู

"แล้ว...ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันครับ" หินสีหน้าไม่สบายใจนัก

"เอ่อ...คอนโดฯพี่เชนน่ะค่ะ...แต่คุณหินไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวก็กลับแล้วแป๊บเดียว เดี๋ยวแคทไปส่งยัยปาล์มอย่างปลอดภัย...รับรองค่ะ" แคทวางสาย วิ่งกลับไปที่ห้องพักเชน...

ปารมีป้อนโจ๊กให้เชนคำสุดท้าย ก่อนส่งยาลดไข้กับแก้วน้ำให้ และกำชับเชนให้นอนพักมากๆ ถ้าปวดหัวก็กินยา เชนซึ้งใจ ขอบคุณปารมีกับแคทที่มาช่วยดูแล ปารมีเห็นว่าเชนอาการดีขึ้น จึงขอตัวกลับก่อน ขยับลุกขึ้นจากเตียง เชนคว้ามือไว้ ถามว่ายังรักเขาเหมือนเดิมใช่ไหม แคทมองปารมีแล้วค่อยๆชิ่งออกไปรอนอกห้อง

"นอนพักเถอะค่ะพี่เชน หายเร็วๆนะคะ" ปารมีแกะมือเชน แล้วเดินออกมา...

ในเวลาต่อมา ขณะปารมีกำลังจะเดินเข้าบ้าน หินมาดักรออยู่ ถามเสียงเข้มว่าไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับ ปารมีหันขวับ ตอบกลับว่าหินไม่ใช่พ่อเธอ มีสิทธิ์อะไรมาถาม หินปราดเข้ามาลากปารมีไปหลบมุมคุย

"นี่...จะบ้าเหรอ...ปล่อยนะ...นายเป็นอะไรของนาย"

"ก็เป็นห่วงคุณไง...มันดึกแล้ว และที่สำคัญคุณเป็นผู้หญิง ไม่ควรไปหาผู้ชายถึงที่แบบนั้น"

ปารมีแปลกใจว่าหินรู้ได้อย่างไรว่าเธอไปหาเชนที่ห้องพัก พอรู้ว่าหินแอบโทร.ถามแคท ปารมีเลยแกล้งยั่วว่าทำไมเธอจะไปหาเชนไม่ได้ ในเมื่อเขาเป็นแฟนเธอ หินเคืองจัด กระชากปารมีเข้ามาใกล้ แดกดันว่า แน่ใจหรือว่าแค่เชนคนเดียว ปารมีโกรธเลยประชดว่านอกจากเชนแล้วเธอยังมีเต้ และผู้ชายคนอื่นๆอีกหลายคน

หินกระชากปารมีเข้ามาระดมจูบด้วยความโมโหหึง ปารมีดิ้นรนสุดฤทธิ์ ผลักหินออก แล้วฟาดกระเป๋าถือใส่ไม่ยั้ง ด่าหินว่าไอ้มนุษย์หินบ้า แล้ววิ่งเข้าบ้าน หินได้สติ แทบอยากจะเขกหัวตัวเองที่ทำแบบนั้น ปารมีวิ่งเข้ามาในห้องนอน โถมตัวลงบนเตียง ร้องไห้สะอึกสะอื้นทั้งเจ็บใจทั้งน้อยใจ

ooooooo

ปารมียังไม่หายโกรธหินเรื่องเมื่อคืน ตอนเช้าเลยไม่ยอมให้หินขับรถไปส่งที่สตูดิโอ โทร.เรียกเต้ให้มารับแทน ปารมีทำเป็นไม่สนใจ เดินผ่านหน้าหินซึ่งจอดรถรออยู่หน้าบ้านไปที่รถเต้ เต้อ้าปากจะถามปารมีว่าหินไม่ไปด้วยหรือ ปารมีเหมือนรู้ทันพูดแทรกขึ้นก่อน

"ช่างเถอะค่ะ...เราไปกันเถอะ เดี๋ยวกองถ่ายจะรอ"

เต้ขับรถออกไป หินนึกได้ รีบขับรถตาม จากนั้นไม่นานทั้งหมดก็มาถึงสตูดิโอถ่ายภาพนิ่ง เต้พาปารมีไปที่ห้องแต่งตัว แคทซึ่งมารออยู่ก่อน เห็นหน้าปารมีทักว่าทำไมตาบวม ปารมีทำไม่รู้ไม่ชี้ ช่างแต่งหน้าปากไวพูดแทรกขึ้นทันที

"บวมจริงค่ะคุณน้อง เมื่อคืนนอนร้องไห้มาเหรอคะ"

"เป็นช่างแต่งหน้ารึหมอดูคะพี่" ปารมีว่าแดกดันแก้เก้อ ช่างแต่งหน้าถึงกับหน้าจ๋อย

แคทเหล่เพื่อนอ้าปากจะถาม เต้เข้ามาขัดจังหวะพอดี ถามว่านางแบบพร้อมรึยัง เตยโผล่หน้ามาที่ประตูห้องแหย่

ปารมีว่า ถ้าไม่พร้อมเธอจะเสียบแทนแล้วหัวเราะชอบใจ ปารมีแอบดีใจที่ไม่ต้องตอบคำถามแคทเรื่องตาบวม ระหว่างทางไปยังห้องถ่ายแบบ เตยเดินคุยมากับแคท โดยมีปารมี เต้ กับช่างแต่งหน้าเดินตาม


@^@..อ่านละครย่อเรื่องบ่วงร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 20 /4
(อ่านต่อพรุ่งนี้)

@^@..อ่านละครย่อเรื่องบ่วงร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 20 /3

@^@..อ่านละครย่อเรื่องบ่วงร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 20 /3
ตอนที่ 20 (ต่อจากวานนี้)

"นี่ๆเดี๋ยวก่อน คุณเต้ยังไม่ได้บอกซักคำเลยว่าจะให้ ใครไปมั่ง" ปารมีขัดขึ้น

"ไปได้ครับ ไปกันหมดนี่ก็ได้ แล้วแต่คุณปารมี เพราะเบิกค่าใช้จ่ายกับคุณอาเดชอยู่แล้ว"

ปารมีตีแขนเต้ "นี่แน่ะ...ไอ้เราก็นึกว่าใจป้า"

หินลอบมองภาพกุ๊กกิ๊กตรงหน้าอย่างเคืองๆ ระหว่างนั่งกินมื้อค่ำกัน ปารมีและหินต่างใช้เต้กับเตยเป็นเครื่องมือแกล้งยั่วกันและกัน ถ้าปารมีคีบอาหารเอาใจเต้ หินก็จะคีบอาหารเอาใจเตยแก้เผ็ด แคทกับไฟมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดตรงกันว่าชาบูหม้อนี้ชักจะกร่อยๆ...

ขณะเดียวกัน ที่บ้านของเดช เชนอารมณ์เสียที่ปารมีไม่อยู่บ้าน โวยวายถามเอมิกาว่าปารมีไปไหน เอมิกาเองก็ไม่รู้ว่าพี่สาวไปไหน เชนไม่เชื่อ ปรี่เข้าไปคว้าแขนเธอ ขู่ว่าถ้าไม่บอกจะเอาคลิปของเธอมาแฉ เอมิกาตกใจตัวสั่นขอร้องเชนว่าอย่าทำ เชนได้ทีกระชากแขนเอมิกาแรงขึ้น ถามย้ำว่าปารมีไปไหน เอมิกาเริ่มร้องไห้

"เอมไม่ทราบ...ไม่ทราบจริงๆค่ะ"

หมอซันเข้ามาเห็น ตะโกนสั่งเชนให้ปล่อยเอมิกาเดี๋ยวนี้ เอมิกาพยายามดิ้นหนี เชนกระชับมือไว้แน่น ย้อนถามว่าทำไมเขาถึงต้องทำตามที่หมอซันบอกด้วย หมอซันว่าแดกดันกลับ เพราะเชนกำลังทำในสิ่งที่ลูกผู้ชายไม่ทำกัน เชนยิ้มยั่ว กลับดึงเอมิกามาโอบกอดไว้แทน เอมิกาสะอื้นฮักๆ ทั้งอายทั้งกลัว

"ทำไม...ว่าที่พี่เขยจะหยอกล้อกับว่าที่น้องเมีย มันไม่ใช่ลูกผู้ชายตรงไหนวะ"

หมอซันทนฟังไม่ได้ พุ่งเข้าชกหน้าเชนจนหงาย ก่อนดึงตัวเอมิกาออกมา เชนตั้งตัวได้จะตามมาเอาเรื่องหมอซัน เสียงเดชตะโกนสั่งให้หยุดดังขึ้น เชนชะงัก เห็นท่าไม่ดีรีบขอตัวกลับ เดชโกรธจัดที่นับวันเชนชักจะเอาใหญ่ เลยเถิดพาลมาหาเรื่องกับเอมิกา ออกปากฝากฝังหมอซันให้ช่วยดูแลเอมิกาด้วย

"ครับคุณอา...ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณเอม เป็นอันขาด" หมอซันยังโกรธเชนไม่หาย...

ถึงเวลาต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน หินยังแกล้งยั่วปารมี ไม่เลิก เตยบ๊ายบายลาทุกคน หินก็โบกมือบ๊ายบายตอบ ปารมี แอบมองหินอย่างหมั่นไส้ เตยพาซื่อ

"บ๊ายบายค่ะ...คุณหิน...อ้อ...ว่างเมื่อไหร่แอบไปรับจ๊อบเป็นบอดี้การ์ดให้เตยมั่งนะคะ เพื่อนเตยกรี๊ดสลบแน่"

"ได้เลยครับ" หินยิ้มรับหน้าบาน

ปารมีชักสีหน้าทันที แคทเห็นบรรยากาศมาคุ รีบไล่ ทุกคนกลับ...ครู่ต่อมา หินขับรถมาถึงหน้าบ้านเดช กระแทกเบรกอย่างแรงจนปารมีหัวทิ่มเบาะ ไฟนั่งหลับอยู่ที่เบาะหน้าอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปารมีโวยวายต่อว่าหินว่าที่ขับรถแบบนี้ หินนั่งนิ่งไม่ตอบโต้ ปารมีอ้าปากจะด่า แต่เห็นไฟนอนอยู่ เลยยั้งไว้ ลดเสียงลง ถามหินว่าเป็นอะไรไป

หินย้อนถามปารมีนั่นแหละเป็นอะไรไป ทั้งคู่เถียงกันไปโต้กันมาจนไฟที่ทำเป็นหลับทนไม่ไหวร้อง "โอ๊ย" ลั่น เล่นเอาหินกับปารมีสะดุ้งโหยง หินหันไปโวยใส่ว่าจะร้องทำไม ไฟโวยกลับว่ารำคาญมาก ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องก็เลิกเถียงกัน ต่างคนต่างไปนอนดีกว่า ไฟว่าแล้วก้าวลงจากรถเดินไปห้องพัก ทิ้งหินกับปารมีให้มองหน้ากันอยู่อึดใจ ปารมีลงจากรถปิดประตูปัง เดินกระแทกเท้าเข้าบ้าน หินถอนใจ ฟุบหน้ากับพวงมาลัยรถอย่างสุดเซ็ง...

ด้านปารมีเดินเข้าห้องนอนยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เชนโทรศัพท์มาถามเสียงเข้มว่าไปไหนมา ปารมีชะงักนิดหนึ่ง ก่อนบอกว่าไปกินข้าวที่บ้านแคท เชนซักไซ้ไล่เลียงถี่ยิบว่าไปกับใครบ้าง พอรู้ว่ามีเต้ไปด้วยก็โกรธ

"นั่นไง...ไหนบอกเป็นเพื่อนกันแล้วทำไมต้องแอบไปกินข้าวกับมัน...หา"

"เอ๊ะ...พี่เชน ปาล์มไม่ได้แอบนะคะ ปาล์มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเต้จะมาด้วย แล้วที่สำคัญ คนเป็นเพื่อนกันกินข้าวด้วยกันไม่ได้เหรอคะ" ปารมีชักมีอารมณ์

เชนสวนทันทีว่าไม่ได้ ปารมีย้อนถามทันทีเช่นกันว่าทำไมจะกินข้าวด้วยกันไม่ได้ เชนยืนยันว่าไม่ได้เพราะเธอเป็นแฟนเขา ปารมีใบ้กิน รีบตัดบทด้วยความอ่อนใจว่า ตอนนี้เชนอารมณ์ไม่ดี วันหลังค่อยคุยกัน วางสายแล้วปิดเครื่อง เชนยัวะจัด ขว้างโทรศัพท์ลงพื้น

ooooooo

บรรยากาศริมทะเลเช้าวันนี้คึกคักอย่างมาก ทีมงานถ่ายโฆษณาเตรียมเซตฉากกันอย่างขะมักเขม้น โดยมีเต้ยืนอยู่ใกล้ๆ พอทุกอย่างพร้อม ผู้กำกับฯปลาถามหาพรีเซ็นเตอร์ ผู้ช่วยฯรายงานว่ายังแต่งหน้าไม่เสร็จ ผู้กำกับฯปลาสั่งเสียงดุให้ไปตามพรีเซ็นเตอร์มา เข้าฉากได้แล้ว ผู้ช่วยฯรับคำเสียงสั่น เต้มองยิ้มๆ

"เดี๋ยวครับ...พี่ปลาใจเย็นครับ...เดี๋ยวหนังไม่สวย...ผมจะไปตามให้เอง"

เต้เดินไปตามปารมีที่รถบ้าน เห็นหินยืนคุมอยู่หน้า ประตูรถเลยขอเข้าไปดูปารมี เต้เปิดประตูรถเข้าไปเห็นความสวยของปารมีถึงกับตะลึง จนเตยต้องเรียก เต้รู้สึกตัว บอกปารมีว่าผู้กำกับฯให้มาตามไปเข้าฉาก

"โอเค...ค่ะ...พร้อมลุย" ปารมียิ้ม เดินตามเต้ไปที่ริมหาด...

เมื่อการถ่ายทำโฆษณาเริ่มขึ้น ปารมีโพสท่าได้ราวกับมืออาชีพ เหล่ากองเชียร์ที่ประกอบด้วยแคท เตย และหินต่างปลื้มกับความสวยและน่ารักของเธอ พอผู้กำกับฯสั่งคัต ทีมงานเอาร่มไปกางกันแดดให้ปารมี ก่อนจะพากันมานั่งดูภาพจากมอนิเตอร์ เต้ออกปากชมปารมีว่าเก่งมาก ขนาดนางแบบอาชีพยังอาย

"โหย...อย่ายอค่ะ ตัวจะลอยแล้วเนี่ย"

"อย่าเพิ่งลอยไปครับ เดี๋ยวถ่ายไม่เสร็จ รีบไปเปลี่ยนอีกชุดนะครับแล้วรีบกลับมาถ่ายต่อ ยังอีกเยอะครับ" ผู้กำกับฯ พูดกับปารมีด้วยเสียงนุ่มนวล แล้วหันไปตะโกนสั่งทีมงาน "จะรออะไรกันอีก เปลี่ยนเซตสิ ว่องไวให้เหมือนวันเงินเดือนออกกันหน่อยครับ..."

ปารมี แคท กับเตยพากันกลับไปที่รถบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า ไฟแต่งตัวหล่อตกขอบ โผล่เข้ามาสะกิดผู้กำกับฯจะขอเล่นบทพระเอก ผู้กำกับฯร้องเอะอะว่าไม่มีบทพระเอกในหนังโฆษณาชิ้นนี้ ไฟตื๊อจะขอเล่นให้ได้ เล่นให้ฟรีๆก็ยอม ผู้กำกับฯรำคาญ ตะโกนเรียกทีมงานมาลากตัวไฟออกไป...

ทางด้านเชนพอรู้ว่าปารมีไปถ่ายโฆษณา เลยโทรศัพท์ ไปข่มขู่เอมิกาจนกลัวลนลาน ยอมเปิดปากบอกสถานที่ที่ปารมีไป เชนบึ่งรถออกจากคอนโดฯที่พัก ตรงไปยังกองถ่ายทันที...

หลังจากผู้กำกับฯวางคิวกับปารมีว่าเซตต่อไปขอเป็นการกระโดดแล้วยิ้มเริงร่า ปารมีฉีกยิ้มเตรียมตัวกระโดด แต่ เหลือบไปเห็นหินกำลังส่งน้ำให้เตย เลยหุบยิ้ม ผู้กำกับฯตะโกนสั่งปารมีให้กระโดดและยิ้มด้วย ปารมีรู้สึกตัว ฝืนยิ้มกระโดด แต่ตายังมองไปที่หินกับเตย จังหวะที่เท้าลงแตะพื้นเลยเสียหลักล้มคะมำ

หินรีบวิ่งมาหาปารมี แต่เต้ถึงก่อน เข้าไปประคองเธอลุกขึ้น ผู้กำกับฯปรี่เข้ามาถามว่าไหวไหม ปารมีพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นอะไรมาก ทันใดนั้น เชนโผล่พรวดเข้ามา ไม่พูดพล่ามตรงเข้าชกเต้จนหงายท้องตึง ท่ามกลางเสียงวี้ดร้องของทีมงาน เชนตามเข้ามาจะซ้ำ เต้ตั้งหลักได้โต้กลับ ไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกอัดข้างเดียว

"นายหิน...ไปช่วยคุณเต้สิ ทำไมไม่ช่วยคุณเต้" ปารมีตะคอกใส่หิน หินจ้องหน้าปารมีเขม็งไม่ขยับไปไหน

"คุณหินคะ...ช่วยพี่เต้หน่อยสิคะ" เตยขอร้องอีกแรง ก่อนเข้ามาช่วยแคทประคองปารมี

หินมองหน้าเตยแล้วรีบวิ่งเข้าไปห้ามเชน เชนไม่ฟังกลับชกหินเปรี้ยง หินเลยซัดเชนกลับ เตยได้ทีรีบวิ่งเข้ามาดึงเต้ออกมา เหลือหินกับเชนแลกหมัดแลกเข่ากันอุตลุด เชนสู้หินไม่ได้ หันไปทำลายข้าวของในกองถ่าย ปารมีเข้าไปห้าม เชนหึงจนหน้ามืดตามัวไม่ฟังใครทั้งนั้น อาละวาดจนข้าวของพังพินาศ กองถ่ายแตกกระเจิง...

จากนั้นไม่นาน หินขับรถพาปารมีกลับถึงบ้าน โดยมีเชนขับรถตามมาติดๆ ปารมีรีบวิ่งลงจากรถจะเข้าบ้าน แต่ ไม่ทัน เชนพุ่งมาคว้าข้อมือไว้ ปารมีพยายามขัดขืน หินสั่งเชนให้ปล่อยมือปารมีเดี๋ยวนี้ เชนไม่ยอมปล่อย แถมห้ามหินมายุ่ง ปารมีตำหนิเชนที่เข้ามาทำลายงานของเธอ เชนกลับโทษว่าเป็นความผิดของเต้ อยากมาแต๊ะอั๋งแฟนเขาทำไม ปารมีไม่คิดว่าเชนจะหึงจนทำตัวบ้าบอไร้สติอย่างนี้ เชนกลัวจะเสียปารมีไป รวบตัวเธอมากอดไว้แน่น

"ก็พี่รักน้องปาล์ม...น้องปาล์มต้องรักพี่คนเดียว"

ปารมีดิ้นสุดแรง ผลักเชนออก แล้วตบอย่างแรงจนหน้าหัน หินถึงกับตะลึง เชนได้สติค่อยๆหันมองหน้าปารมีคาดไม่ถึงว่าจะกล้าตบหน้าเขา ปารมีเองก็เสียใจที่ทำแบบนี้ แต่ยังเสียงแข็งใส่

"มีสติหน่อยค่ะพี่เชน กลับไปตั้งสติให้ได้ก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกัน" ปารมีวิ่งหนีเข้าบ้านทันที

เชนมึนตึบ เดินอย่างคนหมดแรง หมดกำลังใจกลับไปที่รถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนปารมีวิ่งเข้ามานั่งเซ็งๆอยู่ในห้องนอน เอมิกาตามเข้ามาขอโทษที่บอกเชนว่าปารมีไปถ่ายโฆษณาที่ไหน และขอร้องว่าอย่าโกรธเธอ ปารมีปลอบว่าอย่าคิดมาก เธอไม่เคยโกรธเอมิกาเลย เอมิกามองปารมีอย่างรู้สึกผิด ใจหนึ่งอยากจะสารภาพเรื่องราวทุกอย่าง แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวพี่สาวจะไม่พอใจ ในที่สุดเอมิกาตัดสินใจไม่พูด เดินออกจากห้องไป

ooooooo

เดชโวยวายลั่นบ้าน เมื่อรู้จากเต้ว่าเชนไปอาละวาดที่กองถ่ายโฆษณาจนถ่ายไม่เสร็จ เต้ตำหนิตัวเองที่ดูแลไม่ดี แต่เดชโทษว่าเป็นความผิดของเชน ปารมีรู้ว่าตัวเองมีส่วนผิด อ้าปากจะอธิบาย เดชชิงพูดก่อน

"นี่ลูกปาล์ม พอแล้วนะ ขนาดนี้แล้วยังจะแก้ตัวแทนมันอีกเรอะ ไปบอกมันนะ ต่อไปนี้ห้ามมาเหยียบบ้านนี้หรือที่ไหนๆที่มีพ่อ ต้องไม่มีมัน"

ปารมีตะลึงพูดไม่ออก ไม่เคยเห็นพ่อโกรธเท่านี้มาก่อน เต้เห็นท่าไม่ดีเลยขอตัวกลับ ปารมีเดินมาส่งเต้ด้วยสีหน้ากลุ้มใจ เต้โทษว่าเป็นเพราะเขาแท้ๆที่ทำให้เกิดเรื่องยุ่งๆ

"ไม่หรอกค่ะ ไม่เกี่ยวกับคุณเต้...ดูสิ ต้องมาเจ็บตัวไปด้วย...ยังเจ็บอยู่มั้ย" ปารมีเอื้อมมือไปแตะแผลเต้

อ่านละครย่อเรื่องบ่วงร้ายพ่ายรัก ตอนที่ 20 /3
(อ่านต่อพรุ่งนี้)

@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 12 /2-13

@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 12 /2-13
@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์
ตอนที่ 12 (ต่อจากวานนี้)

ทีฑายุกลับมาที่ห้องปักไหมเห็นสินาตีกำลังบงการนารียาแม่ของเขาให้เร่งมือปักผ้าให้เสร็จทันงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ ทีฑายุไม่พอใจเดินมาดึงผ้าออกจากมือแม่ วางลงตรงหน้าสินาตี

"ถ้ารีบมากก็ให้ข้าหลวงมาช่วยอีก 10 คน"

"ข้าหลวงพวกนั้นมันไร้ฝีมือ" สินาตีสวนทันควัน

"งั้นก็ควรให้เวลาแม่ผมมากกว่านี้ งานปักละเอียดลออต้องใช้ฝีมือไม่ใช่ฝีปาก"

"ไอ้ทีฑายุ" สินาตีโมโหจะเอาเรื่อง นารียารีบลุกขึ้นห้ามลูกชาย บอกว่าแม่ทำได้ กัญญาภัคเห็นว่าเรื่องจะบานปลายจึงขยับมาหานารียา บอกว่าเธอจะเรียกรักเร่มาช่วย แต่ทีฑายุปฏิเสธเสียงแข็ง

"ไม่ต้องหรอกกัญญาที่จริงเธอไม่ควรหวังดี จนพาแม่พี่มาที่นี่ด้วยซ้ำ"

"กัญญาเห็นว่ามันเป็นวันสำคัญของครอบครัวเรา"

"อย่าเรียกมันว่าครอบครัว พวกมันเป็นกาฝากมาพึ่งไม้ใหญ่อย่างเรา" สินาตีขึ้นเสียง สีหน้าเหยียดหยันสองแม่ลูก ทันใดนั้นเองศิศิราก้าวเข้ามาโดยมีญาณีตามหลัง ศิศิราสั่งญาณีไปตามนางข้าหลวงที่ปักผ้าเก่งที่สุดของเธอมาห้องนี้ให้หมด ญาณีรับคำแล้วหันกลับออกไปทันที

ทุกคนในห้องมองศิศิราเป็นตาเดียว กัญญาภัคหมั่นไส้ แขวะศิศิราฉลาดมากที่คิดจะผูกใจแม่สามีด้วยการเป็นสะใภ้ใจบุญ แต่เปล่าเลย ศิศิราอธิบายว่าครั้งหนึ่งนารียาเคยให้ที่พักยามเธอหนีร้อนไปพึ่งเย็น บุญคุณวันนั้นเธอจะขอตอบแทนให้หมดสิ้นกันในวันนี้

"หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ แม่ตัวก็ปกป้องไม่ได้มาคนนึงแล้ว ก็เหลือแต่แม่สามีที่ยังพอจะเหลือรอดให้ช่วย แต่ก็ไม่แน่นักหรอกว่าจะลงเอยแบบเดียวกันหรือเปล่า" ท้ายประโยคกัญญาภัคลดเสียงลงได้ยินกันแค่สองคน...นารียาเห็นสีหน้าศิศิราไม่สู้ดี รู้สึกเห็นใจเธอเหลือเกิน...

ด้านองครักษ์ผู้จงรักภักดีอย่างมาณสิงห์ เวลานี้เขาและธนูเพลิงกำลังถูกทหารทรมานอยู่ในคุก ด้วยวิธีช็อตไฟฟ้าเข้าร่างกายจนดิ้นพราด โดยมีรามปุระกับทาอูผู้บงการยืนดูอย่างสะใจ แต่วิชัยกับสันธิทนดูไม่ไหวเดินหนีไปอย่างหัวเสีย จนกระทั่งรามปุระกับทาอูก้าวออกมาพ้นคุก วิชัยจึงเปิดฉากต่อว่าอย่างไม่เห็นด้วย

"แค่คุมตัวก็พอแล้ว ไม่ถึงกับต้องลงโทษแบบเชลย"

รามปุระเถียงว่า ทหารที่เอาระเบิดผูกติดตัวหวังฆ่าผู้บังคับบัญชาถือว่าเป็นทหารชั้นเลวสุด ไม่ต่างกับเชลยสงคราม สันธิโต้ทันทีว่า ลูกของตนทำตามคำสัตย์ ว่าทหารจะจงรักภักดี

"จงรักภักดีกับใครถึงคิดจะฆ่าประมุขอย่างท่านโกญจนาท" ทาอูตั้งคำถาม วิชัยทำท่าจะเถียง แต่ทาอูชิงดักคอ "นายพลวิชัยอย่าเพิ่งทำหน้าตาอยากเถียงก็เห็นๆกันอยู่ว่า ประมุขในที่ประชุมเสนาบดีทุกครั้งคือท่านโกญจนาท ไม่ใช่กษัตริย์ธราเทพ"

"พวกแอบอ้างพระราชอำนาจ ไม่เคยตายดี" วิชัยคำราม

ทาอูกับรามปุระเหยียดยิ้มไม่กลัว ซ้ำยังปากกล้าเปรยกันว่า หลังงานเลี้ยงแต่งงานของเจ้าหญิง เราจะเปิดศาลทหารสอบสวนไอ้พวกทหารดื้อด้านให้หลาบจำ...วิชัยตาขวางมองตามสองคนไป ก่อนหันมากระแทกเสียงใส่สันธิ

"คนที่ผลักเจ้าหญิงไปสู่นรกขุมนี้...คือลูกชายท่าน"

สันธิฟังแล้วยิ่งเครียด...

ooooooo

หลังจากญาณีไปเกณฑ์นางข้าหลวงฝีมือดีมาช่วยงานนารียาปักผ้าให้สินาตี แม้เหตุผลของศิศิราจะฟังดูไม่ดีนัก แต่นารียาก็ซาบซึ้งเพราะรู้ว่าลึกๆแล้วศิศิราจิตใจดีเพียงใด

"ขอบพระทัยเจ้าหญิงที่ทรงกรุณาหม่อมฉัน...หม่อมฉันขอแสดงความเสียใจกับความสูญเสียของพระองค์ และขอได้โปรดอภัยในสิ่งที่ลูกชายของหม่อมฉันล่วงเกินพระเกียรติยศ"

"เราไม่อยากเห็นคนถูกทำร้ายเหมือนเรา แต่ก็ไม่ได้หวังว่าความดีจะชะล้างจิตใจหยาบกระด้างได้"

ทีฑายุรู้ตัวว่าถูกแขวะ ทำสุ้มเสียงกวนๆใส่ศิศิรา "อื้อหือ ไม่ทวงบุญคุณเลย"

"ลูกควรจะขอบพระทัยเจ้าหญิง"

"เอาไว้หลังงานเลี้ยงพรุ่งนี้ดีกว่าครับ ผมจะขอบพระทัยสองต่อสองให้หนำใจ" ทีฑายุทำตาแพรวพราวใส่ ศิศิราเห็นแล้วโมโหเดินเร็วออกไป

"นิสัยหยาบคายไม่ให้เกียรติผู้หญิงไม่เคยมีอยู่ในสาย เลือดพ่อนะทีฑายุ" ทีฑายุมองแม่ที่ดุด้วยความไม่พอใจ สายตาพลันอ่อนลง เจือด้วยความละอาย "แล้วการแต่งงานสมควรเกิดจากความรักความผูกพันจากใจของคนสองคน"

"เกิดจากความอาฆาตก็ได้ครับแม่ มันจะได้ฝังลงไปในใจไม่ลบไปจากชีวิต"

"แม่ไม่เชื่อว่าองค์กษัตริย์สิปปภาสจะสั่งฆ่าพ่อ"

"แล้วใครล่ะครับ ที่จะใช้อำนาจบัดซบกลบความเลวไว้มิดชิด ขนาดที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง" ทีฑายุย้อนด้วยแววตาคั่งแค้นกับอดีต...ข้างฝ่ายศิศิราหลบไปนั่งหน้าเศร้ารับไม่ได้กับชะตากรรมที่ต้องแต่งงานกับทีฑายุจริงๆ โกญจนาทก้าวมายืนเบื้องหน้า ถามศิศิราว่า เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมหรือยังสำหรับงานฉลองที่ตนจัดให้

"มันไม่ใช่งานฉลอง แต่เป็นงานรวมตัวของคนอัปมงคลแก่แผ่นดิน"

"ราชนิกูลต้องเอ่ยแต่วาจาที่มีคุณค่านะพระเจ้าค่ะ ควรจะเตรียมตัวให้พร้อม อย่าให้กระหม่อมต้องอายขายหน้ามหามิตรจากแคว้นนิราษิณอย่างองค์กษัตริย์ราเชนทระ ที่ทรงสนิทชิดเชื้อกับครอบครัวเจ้าหญิงมานาน อย่าให้พระองค์ตำหนิได้ว่าเราดูแลต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัวไม่สมเกียรติหลานสะใภ้" โกญจนาทยิ้มมีความสุข แต่ยิ่งเพิ่มความเกลียดชังให้ศิศิรา...

ooooooo
@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์
ตอนที่ 13

เช้าวันใหม่ ภายในท้องพระโรงถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงามสมกับเป็นงานวิวาห์ โกญจนาทสนทนากับราเชนทระกษัตริย์แห่งแคว้นนิราษิณ ห่างมาคือแม่ทัพสันชัยผู้ติดตามราเชนทระจับกลุ่มอยู่กับรามปุระ ทาอูและไมยาดิน

จากการสนทนากันไม่นานนัก ราเชนทระกับสันชัยก็พอจะรู้ว่า บัดนี้ปัญจารัตน์ตกอยู่ในกำมือโกญจนาทเสียแล้ว

ศิศิรา...เจ้าสาวของงานยังนั่งน้ำตาคลออยู่ในห้องนอน ญาณีต้องปลอบและให้กำลังใจอยู่ครู่ใหญ่ กว่าศิศิราจะยอมแต่งตัวแล้วมุ่งหน้าไปท้องพระโรง แต่ระหว่างทางศิศิราถูกสินาตีกลั่นแกล้ง โดยสั่งให้รักเร่แอบเอาน้ำสาดมาจากชั้นบนจนศิศิราเปียกปอน นารียาต้องรีบพาศิศิราไปเปลี่ยนชุดใหม่ ส่วนญาณีวิ่งตามรักเร่ที่ผลุบหนีหายไปต่อหน้า จนไปเจอรักเร่ จนมุมมาลข่านอยู่ตรงสวนหลังวัง

สินาตีต้องการให้ลูกสาวของตัวเองโดดเด่นที่สุดในงานต่อหน้าราเชนทระ และท่าทางก็จะสมใจสินาตีเสียด้วย เมื่อกัญญาภัคปรากฏตัวก่อนศิศิรา กัญญาภัคเข้ามาแนะนำตัวกับราเชนทระด้วยหูตาแพรวพราว ซ้ำยังพูดคุยทุกเรื่องอย่างฉลาด เฉลียว ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการเมือง จึงได้รับคำชมจากราเชนทระไม่น้อย แต่กับโกญจนาทเขารู้สึกไม่ชอบใจที่กัญญาภัคทำเก่ง จึงพูดหักหน้าก่อนจะสั่งให้ไปตามเจ้าหญิงกับทีฑายุ

ศิศิรายังอิดออดไม่อยากใส่ชุดใหม่ที่ข้าหลวงเอามาให้ จนทีฑายุต้องขู่บังคับและทำท่าจะเปลี่ยนให้ ศิศิราถึงยอมถอยไปหลังม่านจัดการกับตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย ทีฑายุเห็นแล้วถึงกับตะลึงในความงามของเธอ

"สีเหลืองนวล...สมกับเป็นเจ้าสาวแห่งราชวงศ์" ทีฑายุ ก้าวเข้ามา ศิศิราร้องห้ามพร้อมกับจะเบี่ยงตัวหนี แต่ทีฑายุโอบเอวศิศิราอย่างรวดเร็ว แล้วกระซิบกรุ้มกริ่ม "อย่าอะไร...อย่าใจอ่อนหลงรักผมเป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ"

ศิศิราเงื้อมือจะตบแต่ทีฑายุจับมือหมับ แถมกอดแน่นขึ้น กัญญาภัคเข้ามาเห็นภาพนั้นพอดี จ้องศิศิราเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

"ไม่นึกเลยว่าจะยับยั้งอารมณ์ตัวเองไม่ไหว อยากให้ คนอื่นมาเห็นภาพอุจาดตานอกห้องบรรทมเสียจริง"

"แสดงความรักกับเจ้าสาว จะที่ไหน เมื่อไหร่ เขาก็เรียกว่าหวาน" ทีฑายุพูดอย่างไม่แคร์ ศิศิราถือโอกาสนี้ยั่วกัญญาภัค

"นอกซะจากว่าเป็นคนอื่นที่ฝันจะใส่ชุดเจ้าสาว แต่ก็วาสนาไม่ถึง"

"งั้นกัญญาขอให้เจ้าหญิงรักษาวาสนาไว้ให้ได้นานที่สุด เพคะ เพราะรอยยิ้มมักจะตามมาด้วยความหายนะที่แทบไม่เหลือกระทั่งชีวิต"

"ได้เวลาพี่ต้องพาเจ้าสาวไปประกาศตัวแล้ว ว่าเรากำลังจะเป็นผัวเมียกัน" ทีฑายุตัดบท กุมมือศิศิราเดินออกไป กัญญา ภัคแค้นแสนแค้นที่ทีฑายุปกป้องศิศิรา อยากจะอาละวาดให้ทุกอย่างกระเจิง...

เมื่อทีฑายุควงแขนศิศิราเข้ามาในท้องพระโรง ศิศิราผละออกจากทีฑายุตรงไปถอนสายบัวตรงหน้าราเชนทระ

"เราขอนำความยินดีและความชื่นชมจากใจจริงของประชาชนชาวนิราษิณมามอบแด่วันอันเป็นมงคลของเจ้าหญิงศิศิรา"

"ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันดีใจเหลือเกินที่เห็นพระองค์ ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้พบมิตรแท้ของเสด็จพ่อเสด็จแม่อีกครั้ง"

"นิราษิณจะเป็นมิตรที่ดีกับปัญจารัตน์ไม่มีวันเสื่อมคลาย" ราเชนทระกล่าวหนักแน่น

โกญจนาทปั้นยิ้มแนะนำทีฑายุหลานชาย แล้วพยายาม จะพูดเรื่องความร่วมมือทางทหารระหว่างสองแคว้น เพื่อกวาดล้างพวกที่ซ่องสุมทำตัวเป็นภัยกับบ้านเมือง แต่ราเชนทระขอให้พักเรื่องทหารไว้สักครู่ น่าจะคุยกันเรื่องสบายๆในวันมงคล กัญญาภัคเลยฉวยโอกาสนี้แขวะศิศิรา

"เจ้าหญิงคงให้คำแนะนำเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวงดงามของปัญจารัตน์ได้เพคะ เพราะพระองค์กับพี่ทีฑายุชอบใช้เวลาตามลำพังดั้นด้นไปในที่ที่ยังไม่มีใครพบ"

"แสดงว่าปัญจารัตน์ยังมีธรรมชาติที่น่าค้นหาอีกหลายแห่ง"

"หากพระองค์ต้องการทราบเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับราชการงานเมืองที่ปัญจารัตน์ ลูกกัญญาภัคของหม่อมฉันก็ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ถวายงานเพคะ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เวลาใดที่ต้องพระประสงค์" สินาตีเปิดทางเต็มที่ ราเชนทระยิ้มชอบใจ แต่ทว่าโกญจนาทมองเขม่นสองแม่ลูก

ครั้นมีจังหวะอยู่กันตามลำพัง โกญจนาทจึงตำหนิสินาตีทำน่าเกลียด เสนอตัวลูกสาวออกนอกหน้าเหมือนเป็นผักปลาในตลาด

"ไม่ดีเหรอคะ ถ้าลูกกัญญาได้เป็นราชินีแห่งนิราษิณ ก็เท่ากับเราปิดตายทางรอดของศิศิรา"

"ไม่ต้องคิดจะช่วย ฉันมีวิธีของฉัน"

"ด้วยการใช้แค่สายเลือดเดียวกันอย่างทีฑายุเท่านั้น"

"เธอได้ในสิ่งที่เธอต้องการแน่ สินาตี แต่ถ้าฉันรู้ว่าเธอสองแม่ลูกดิ้นรนจะทำอะไรเกินตัว พวกเธอจะไม่มีที่ซุกหัวอยู่บนแผ่นดินนี้" โกญจนาทคาดโทษแล้วเดินจากมา สินาตีเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะถูกทอดทิ้ง

ส่วนอีกด้าน กัญญาภัคกำลังหว่านเสน่ห์ราเชนทระ โดยมีสายตาไมยาดินจับจ้องไม่พอใจ จนเมื่อกัญญาภัคแยกตัวออกมาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ไมยาดินจึงเข้ามาค่อนแคะ

"กษัตริย์ราเชนทระคงมีเรื่องสนุกๆเล่าให้เธอฟังเยอะแยะ ใบหน้าเธอถึงไม่คลายรอยยิ้ม"

กัญญาภัคไม่ตอบโต้ กลับทำท่าลำบากใจ บีบน้ำตาแต่งเรื่องหลอกไมยาดินว่าเธอไม่ได้เต็มใจทำแบบนี้ แต่เป็นความต้องการโกญจนาท ที่ให้สร้างความพอใจเล็กๆน้อยๆแก่ราเชนทระ

"ท่านโกญจนาททำไม่ถูก"

"อย่าว่าท่านเลย เรายินดีสละชีวิตและเลือดเนื้อช่วยเหลืองานของแผ่นดิน"

"นิราษิณตกลงจะช่วยเราปราบปรามพวกใต้ดินที่อาจจะเป็นกองกำลังของสันธิอยู่แล้ว"

"ท่านคงอยากให้แน่ใจยิ่งขึ้น ท่านทำเพื่อความมั่นคงของตำแหน่งประมุขของปัญจารัตน์"

"ยังไงท่านโกญจนาทก็ต้องได้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป"

"ไม่เป็นไรหรอกไมยาดิน เกิดเป็นหญิงอย่างเราต้องทนให้ได้ ต่อให้ยิ้มแย้มทั้งๆที่หัวใจกำลังร้องไห้ เราก็ต้องทำ"

ไมยาดินมองกัญญาภัคด้วยสายตาสงสาร กัญญาภัคลอบยิ้มสมใจ

ooooooo

ขณะงานเลี้ยงยังคงดำเนินไป ศิศิรากลับหลบเข้ามาอยู่กับนารียาที่ห้องปักไหม เมื่อทีฑายุไม่เห็นเจ้าสาวจึงเดินตามหาให้ควั่ก กว่าจะมาพบในห้องนี้ ทีฑายุต่อว่าศิศิราเอะอะก็หนีคนมาหลบอยู่แต่ในห้อง ศิศิราเลยย้อนเข้าให้ว่า เพราะเธอตีสองหน้าไม่เก่งเหมือนเขา

"ก็หัดๆไว้บ้างสิ ซื่อเกินไป ชีวิตถึงได้ลำบาก"

"ทีฑายุ อย่าพูดกับเจ้าหญิงโดยไม่มีความเคารพ" นารียาเตือนลูก

"ผมพูดในฐานะสามีที่ต้องสั่งสอนภรรยาครับ"

"เราไม่เคยคิดว่าตัวเองอยู่ในฐานะภรรยาของศัตรู"

"ทำใจซะศิศิรา ยังไงศัตรูอย่างฉันก็คือที่พึ่งเดียวของเธอ"

"ที่พึ่ง...อย่าพูดเพื่อให้ค่าตัวเองเลยทีฑายุ เพราะทุกวันนี้เรากับคนของเราก็ดูแลตัวเองได้ดีกว่าอยู่แล้ว" ศิศิราเชิดหน้าแววตาถือดี ในขณะที่ทีฑายุก็มองศิศิราอย่างดื้อดึง ถือดีไม่แพ้กัน นารียามองทั้งคู่แล้วพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ได้แต่ ถอนใจกลัดกลุ้ม

ฝ่ายรักเร่ที่บังอาจแกล้งศิศิราจนเปียกปอน ก็ถูกญาณีกับส้มเสี้ยวเอาคืนซะกระอักเลือด ท่ามกลางความขยาดกลัวของพวกมาลข่าน แล้วทั้งสามหนุ่มก็ผละไป เพื่อไปเตรียมตัวบรรเลงเพลงกล่อมหอให้เจ้าหญิงกับทีฑายุ

แต่กัญญาภัคทนไม่ได้ที่จะเห็นศิศิราเข้าหอกับทีฑายุ กัญญาภัคแอบลงไปที่คุกแล้วพูดจาหว่านล้อมมาณสิงห์ให้ออกไปช่วยศิศิรา มาณสิงห์รู้ทันว่ากัญญาภัคจะหลอกให้เขาเข้าไปตายในวังต่อหน้าทุกคน แต่เมื่อกัญญาภัคทิ้งกุญแจห้องขังไว้ให้ก่อนออกไป มาณสิงห์กลับตัดสินใจปล่อยตัวเองออกไปพร้อมธนูเพลิง กัญญาภัคที่แอบดูผลงานตัวเองในมุมมืดถึงกับแสยะยิ้มสะใจสมใจ

"หนีไปเลยไอ้องครักษ์คนซื่อ แล้วก็รีบเข้าไปทำลายงานแต่งงานคืนนี้ให้พังพินาศ แล้วก็พาคนรักของแกหนีไปซะ หรือไม่ก็ตายไปพร้อมๆกัน"

ooooooo

ในงานเลี้ยง โกญจนาทเฝ้าจับตาศิศิราที่ไม่ค่อยอยู่ใกล้ชิดทีฑายุ พอเห็นเธอจะเดินไปทางกลุ่มของราเชนทระ โกญจนาทก็รีบตามประกบ

"เจ้าสาวควรอยู่ใกล้เจ้าบ่าวตลอดเวลา"

"เราไม่ใช่หุ่นที่จะจับนั่งนิ่ง ไม่ต้องพูดจากับใคร"

"ถ้าจะไปพูดจาเล่าเรื่องที่ประสบพบเจอมาให้กษัตริย์ ราเชนทระเห็นใจ ขอเตือนว่าอย่า องค์ธราเทพยังอยู่ในเงื้อมมือเรา อย่าลืม" เห็นทีฑายุเดินเข้ามาหาศิศิรา โกญจนาทจึงสั่งให้ทีฑายุพาเจ้าสาวกลับไปที่โต๊ะ...ทีฑายุทำหน้าเบื่อหน่าย เตือนศิศิราให้อยู่เฉยๆเสียบ้าง ศิศิรากลับยืนทำหูทวนลม

อีกครู่ต่อมา ญาณีก็มากระซิบบอกศิศิราว่าได้ข่าวมาณสิงห์กับธนูเพลิงหนีออกจากคุก ศิศิราจึงนำหน้าญาณีหลบไปทางสวนหลังวัง แล้วก็พบมาณสิงห์ที่นี่จริงๆ

ขณะเดียวกันนั้น ทีฑายุกำลังบรรเลงเพลงร่วมวงกับเพื่อนๆ แต่พอหันมองรอบทิศไม่เห็นศิศิรา จึงผละออกมาเดินหา เมื่อกัญญาภัคยิ้มหวานเข้ามาถามหาเจ้าสาว หรือว่ามีใครมาดักชิงตัวไปเสียแล้ว ทีฑายุนิ่วหน้ามองกัญญาภัคอย่างสงสัย กัญญาภัคเลยกลับคำว่าล้อเล่น...

ศิศิราต้องการให้มาณสิงห์รีบหนีไป ส่วนตัวเธอคงหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว มาณสิงห์รู้สึกผิด ทรุดลงคุกเข่าขอร้อง

"กระหม่อมผิดที่ทำให้เจ้าหญิงต้องแต่งงาน แต่กระหม่อมอยู่ตรงหน้าเจ้าหญิงแล้ว ให้กระหม่อมพาเจ้าหญิงหนีตอนนี้"

"จะพาไป...ขออนุญาตผัวเขาหรือยัง" เสียงทีฑายุดังขึ้นก่อนจะก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างแรง ด้านหลังมีทหารจำนวนหนึ่ง...ญาณีถูกทหารคุมตัว ส่วนที่เหลือประทับปืนเล็งไปที่มาณสิงห์ ทีฑายุผลักมาณสิงห์ออกห่างจากศิศิรา แล้วกระชากเธอมาในวงแขน

"ไม่เคยเข็ด ไม่เคยจำ"

"เอามือแกออกจากเจ้าหญิง" มาณสิงห์ตวาดสั่ง ทีฑายุกลับยิ่งกอดศิศิราแน่นขึ้น

"ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันที่ฉันมีความสุขกับเมีย ฉันก็ควรจะมีความเมตตาปรานีเป็นทานแก่สัตว์ผู้ยากไร้ เร่ร่อนหารัก"

"ไอ้สารเลว..."

ทหารยกปืนพรึ่บ มาณสิงห์จำต้องหยุด

"ฟังดีๆ มาณสิงห์ ฉันเบื่อที่จะด่าให้กะโหลกหนาๆของแกสำนึกเต็มที ฉันจะขอลุงอภัยโทษให้ ถ้าแกคุกเข่าตรงหน้าฉัน เลือกเอา ประหารตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร หรือว่าคุกเข่ามีลมหายใจต่อ...ไว้คิดถึงเมียฉัน"

มาณสิงห์จำใจย่อตัวคุกเข่าลงตรงหน้าทีฑายุ ศิศิราตาแดงก่ำ ทีฑายุเสยเท้าเข้าหน้ามาณสิงห์ แล้วกระทืบซ้ำ พร้อมกับสำทับเสียงกร้าว

"ศิศิรายังเป็นเจ้าหญิงของแก แต่จำไว้ด้วยว่าเจ้าหญิงน่ะเมียฉัน เอามันไปขัง"

"ไหนว่าจะอภัยโทษมาณสิงห์" ศิศิราท้วงขึ้นทั้งน้ำตา

"ไม่ใช่คืนของเรา...ศิศิรา ยังไม่ใช่คืนนี้ เอามันไป"

มาณสิงห์ถูกทหารคุมตัวลากออกไปพร้อมญาณี ทีฑายุสั่งทหารที่เหลือพาเจ้าหญิงกลับไปที่ห้อง อย่าปล่อยให้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีก...จากนั้นทีฑายุกลับเข้ามาในงานพูดคุยกับโกญจนาท กัญญาภัคแกล้งเดินมาหยิบเครื่องดื่มด้านหลังคอยลอบฟัง

"มาณสิงห์หนีมาได้ถึงที่นี่ แต่ตอนนี้ถูกจับตัวไปแล้ว"

กัญญาภัคสีหน้าขัดใจ...โกญจนาทส่งสายตาไปที่รามปุระกับทาอู ทั้งคู่จึงเดินเข้ามาหา

"ไปดูไอ้องครักษ์มันหน่อย ดูแลให้แน่นหนากว่าเดิมด้วย" โกญจนาทสั่งการ เสร็จแล้วจะขยับไปแต่ทีฑายุรีบพูดขึ้น

"ผมขอชีวิตมาณสิงห์"

โกญจนาทไม่ตอบแต่ให้ทีฑายุตามเขาไปที่ท้องพระโรง ทีฑายุจึงก้าวตาม ส่วนรามปุระกับทาอูแยกไปอีกทาง กัญญาภัค มองทุกคนอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วกระแทกแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ

"ไอ้องครักษ์โง่ ทำไมไม่พาเจ้าหญิงหนีไป"

สินาตีซึ่งไม่ชอบใจที่เมื่อครู่เห็นกัญญาภัคส่งสายตาหว่านเสน่ห์ไมยาดิน พอเข้ามาเตือนกึ่งตำหนิ เลยถูกกัญญาภัคเสียงแข็งใส่ก่อนสะบัดจากไป

"หยุดเตือนได้แล้ว ตอนนี้กัญญาไม่มีอารมณ์จะฟัง"

ooooooo

มาณสิงห์ถูกยัดกลับเข้าไปในห้องขัง รามปุระกับทาอูจ้องมองอย่างหงุดหงิด เพราะแทนที่จะได้อยู่ รื่นเริงในงานเลี้ยงกลับต้องมาเฝ้ามาณสิงห์ แล้วยิ่งอารมณ์เสีย เมื่อคาดคั้นมาณสิงห์ให้บอกมาว่าใครเป็นคนปล่อยตัว แต่มาณสิงห์กลับไม่ปริปากสักคำ...

ด้านสองลุงหลานที่อยู่ในท้องพระโรง...โกญจนาทสีหน้าดุดันไม่ชอบใจที่ทีฑายุกล้าเอ่ยปากขอชีวิตมาณสิงห์

"ฉันไม่อภัยโทษให้มาณสิงห์"

"แต่มาณสิงห์จะเป็นตัวล่อชั้นดีให้เราจับพวกที่เหลือ ยังไงมันก็ไม่หนีไปจากเจ้าหญิง"

"จำได้มั้ยว่าเราเคยตกลงกันว่ายังไง" ทีฑายุมองโกญจนาท แววตาวูบไหวเมื่อนึกถึงสัญญา "แผนแรก...คือฉันฆ่าครอบครัวกษัตริย์ทั้งหมด แล้วสถาปนาตัวเอง แต่แกเป็นคนห้ามว่า อาจจะถูกต่อต้าน ทำให้ฉันต้องมีแผนที่สอง"

"ผมต้องทำให้เจ้าหญิงรัก และแต่งงานด้วย"

"ใช่ เพื่อให้กำเนิดสายเลือดที่ช่วยให้ฉันมีสิทธิในมงกุฎแสงจันทร์ แต่แกกลับทำเกินกว่าที่เราตกลง ทำตัวเป็นพระเอกเสียสละเอาอกเอาใจเจ้าหญิงสารพัด นานจนฉันรอไม่ไหว แกมันไม่เด็ดขาด แค่ผู้หญิงคนเดียวจะมีปัญญามีแรงมาขัดขืนอะไรนักหนา"

"ผมไม่ชอบเรื่องบังคับขืนใจ"

"งั้นแกก็อย่ามาขวาง ถ้าฉันจะกลับไปใช้แผนแรก ฆ่าซะให้สิ้นซากทั้งเจ้าหญิงเจ้าชาย แล้วทุกคนที่จงรักภักดีกับมัน"

"ขอเวลาผมหน่อย...อย่าเพิ่งฆ่าใครอีก"

"นั่นหมายความว่า นับตั้งแต่วันนี้ไปอีกแค่ 2 เดือน ฉันจะต้องได้ยินข่าวดีว่าเจ้าหญิงมีลูกกับแก...หรือไม่ก็ให้เลือดนองพื้นวังอีกครั้ง" โกญจนาทยื่นคำขาดแล้วเดินออกไป ทีฑายุหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด

ooooooo
@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ 13
(อ่านต่อพรุ่งนี้)