@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 7
ตอนที่ 6 (ต่อจากวานนี้)
"แต่โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ผู้นำไม่จำเป็นต้องเป็นมาจากกษัตริย์เสมอไป"
"กล้าเผยตัวแล้วสินะ จิ้งจอกอยากคลุมหนังราชสีห์"
"สุกฤตา...อย่าให้ต้องเตือนความจำบ่อยๆ ว่าพระองค์ กับลูกกำลังอยู่ในอันตราย"
"เอาชีวิตคนมาเป็นเครื่องต่อรอง วิธีของอันธพาลสันดานหยาบช้า"
"ก็ควรจะระวังอารมณ์คนสันดานหยาบช้าไว้หน่อย เพราะเมื่อไหร่ที่คนถ่อยรอไม่ไหว เลือดอาจจะนองพื้นวัง"
โกญจนาทเดินมายืนค้ำหัวสุกฤตาที่นั่งกราบพระกับพื้น สุกฤตาไม่แม้แต่เหลือบตาขึ้นมอง สายตาแน่วแน่จ้องไปที่องค์พระ
"เคยได้กลิ่นคาวเลือดไหมพระเจ้าค่ะ บ้างก็ทำให้ วิงเวียนคลื่นเหียน บ้างก็ปลุกเร้าให้กระหายอยากได้ความตายมาสังเวย ไม่ว่าหน้าไหน ไม่ว่าเป็นใคร"
"ประชาชนจะไม่ยอมให้คนชั่วแตะต้องราชวงศ์"
"แต่ถ้าประชาชนได้เห็นศพกองสุมอยู่ที่ลานหน้าวัง ประชาชนก็จะสรรเสริญพระองค์ว่าเป็นราชินีที่ทำให้ราชวงศ์ถึงคราวพินาศ"
สุกฤตาหันขวับจ้องโกญจนาทที่ยิ้มใจเย็น แล้วค่อยๆขยับเข้ามาใกล้
"อีกไม่นานเกียรติแห่งเทพสูงส่ง จะต้องถูกทำลายลงด้วยมือไพร่"
สุกฤตาคิดหาทางรอด ทำทีลุกขึ้นยืนแต่ซวนเซเหมือนจะล้ม โกญจนาทจึงคว้าแขนสุกฤตา ฉับพลันประตูหอพระก็เปิดผาง สันธิและวิชัยก้าวเข้ามาเห็นโกญจนาทจับแขนสุกฤตาที่ร้องขอความช่วยเหลือ วิชัยพุ่งพรวดเดียวกระชากโกญจนาทออกมาหักแขนไพล่หลัง พร้อมกับสั่งทหารที่อยู่ข้างนอกเข้ามาให้หมด
โกญจนาทดิ้นรน วิชัยยิ่งกดแรง เอาปืนจ่อหลัง ขณะที่ทหารทั้งหมดกรูเข้ามาล้อมไว้
"ผู้ใดแตะต้ององค์ราชินี มันมีโทษถึงตาย" วิชัยประกาศกร้าว
"ท่านไม่รู้กฎข้อร้ายแรงที่สุดหรือโกญจนาท เกียรติแห่งเทพสูงส่งจะไม่ถูกทำลายลงด้วยมือเดรัจฉาน" สุกฤตายิ้มเยาะ โกญจนาททั้งเจ็บทั้งแค้นที่เสียรู้สุกฤตาเข้าจนได้
หลังจากนั้นโกญจนาทก็ถูกตีตรวนโยนเข้าคุกเพื่อรอลงโทษยิงเป้าหลังการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการ แต่ไม่ทันข้ามคืน ไมยาดินก็นำกำลังทหารบุกมาช่วยโกญจนาทออกจากคุก และโกญจนาทก็จะไม่รอเวลาอีกแล้ว เขามาดหมายว่าต้องยึดครองบัลลังก์แสงจันทร์ให้ได้ภายในคืนนี้
แต่สันธิก็นำกำลังทหารฝ่ายราชินีต่อสู้จนบาดเจ็บล้มตายไปมาก ตัวสันธิเองก็บาดเจ็บไม่น้อยเหมือนกัน ขณะที่
มาณสิงห์ยังต้องตรึงกำลังอารักขาศิศิราอยู่อีกทาง...โกญจนาทเข้าประชิดตัวสุกฤตาในท้องพระโรง ประกาศเจตนาชัดเจนว่าบัลลังก์แสงจันทร์เหมาะสมกับคนเข้มแข็งอย่างเขามากที่สุด ไม่ใช่กษัตริย์ที่อ่อนแอเอาแต่ห่วงประชาชน ซึ่งไม่มีทางทำให้ ประเทศแข็งแกร่งได้เลย
สุกฤตาสีหน้าแววตาไม่หวาดหวั่น แอบเลื่อนมีดที่ซ่อนไว้ออกจากแขนเสื้อ โดยที่โกญจนาทยังคงพล่าม พลางก็ขยับเข้ามาใกล้เหมือนจะแตะต้องเนื้อตัวเธอ
"สุกฤตา...ราชินีผู้งามเป็นหนึ่ง หากเลือดสองสายได้ผสาน บัลลังก์จะมั่นคง"
"เราคงไม่มีหน้าไปตอบบรรพบุรุษในสวรรค์ ว่าทำไมถึงปล่อยให้เดรัจฉานในคราบมนุษย์อาจเอื้อมมาปกครองบ้านเมือง" พูดขาดคำ สุกฤตาก็พุ่งมีดไปที่ท้องโกญจนาท แต่โกญจนาทใช้ข้อมือที่แข็งแรงกว่าจับมีดหยุดไว้ก่อนจะสัมผัสเนื้อของตน
"งั้นก็ฝากไปบอกผัวเธอด้วยว่า ฉันจะรีบแสดงความจงรักภักดี ด้วยการให้ครอบครัวเธอได้ไปพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง...ในนรก"
"คนโกงกระหายอำนาจอาจเอื้อมอย่างแกต้องไปชดใช้ กรรมที่อเวจีขุมสุดท้าย"
"นั่นมันหลังจากที่บัลลังก์นี้จะไม่ใช่ของราชวงศ์
จันทราภาอีกต่อไป"
โกญจนาทบิดข้อมือสุกฤตา ดึงมีดมาถือไว้ แล้วล็อกแขนสุกฤตาทันที
"ยิ้มสะ สุกฤตา ยิ้มดีใจกับฉันเป็นคนแรก ทันทีที่ราชวงศ์จันทราภาถูกล้มล้าง ก็จะเป็นศักราชใหม่ของราชวงศ์ เยาวราจีของฉัน เพราะผู้ใดได้อยู่ใต้มงกุฎแสงจันทร์ ผู้นั้นจะมีความสุขตลอดกาล"
โกญจนาทยิ้มเหี้ยม กดมีดที่ปักอกสุกฤตาสุดแรงก่อนจะถอยออกมา สุกฤตาไม่มีเสียงร้องทั้งที่เจ็บปวดแสนสาหัส เลือดในกายแดงฉานไหลเป็นทาง แต่เธอยังพยายามทรงตัวไปนั่งที่บัลลังก์ ที่สุดก็สิ้นลมหายใจอยู่บนบัลลังก์แสงจันทร์ นั่นเอง
ooooooo
ศิศิราที่หลบอยู่ในห้องรู้สึกเป็นห่วงแม่ เธอไม่ฟังเสียงห้ามของมาณสิงห์ วิ่งออกจากห้องตรงไปยังท้องพระโรง พอไปเห็นสภาพแม่บนบัลลังก์ ตกใจถึงกับกรีดร้องผวาไปกอดศพแม่ร้องไห้สั่นสะท้านไปทั้งตัว "แม่ขา...แม่...ใครทำแม่"
"องค์ราชินีหมดลมหายใจจะตอบคำถามอะไรแล้ว เจ้าหญิงศิศิรา" เสียงโกญจนาทดังขึ้นก่อนปรากฏตัวออกจากเงามืด มาณสิงห์รีบเข้ามาประกบศิศิรา แล้วชักปืนจะสังหารไอ้กบฏชั่วที่ลอบปลงพระชนม์องค์ราชินี แต่ไมยาดินไวกว่าพุ่งเข้ามาเอาปืนล็อกคอมาณสิงห์ พร้อมๆกับทหารของโกญจนาท นับสิบก็ตีวงล้อมเข้ามา มาณสิงห์ตะโกนให้เจ้าหญิงหนีไป ศิศิราตกใจหันรีหันขวาง
ทันใดนั้นเอง ทีฑายุโหนตัวเข้ามาทางหน้าต่าง จัดการทหารจนขาดใจตายด้วยปืนของมันเองไปหลายคน ขณะที่มาณสิงห์ ก็พยายามสลัดไมยาดินแต่ไม่สำเร็จ โกญจนาทคว้าตัวศิศิราแล้วเอาปืนจ่อหัว ต่อรองทีฑายุให้โยนปืนทิ้ง ถ้าไม่อยากเห็นเจ้าหญิงเป็นศพต่อไป ทีฑายุทำท่าลดปืน แต่กลับโยนเข้าหน้าโกญจนาทแทนที่จะโยนทิ้ง ทำให้โกญจนาทผงะปืนหลุดจากมือ ศิศิราฉวยโอกาสดิ้นหลุดจะวิ่งมาหาทีฑายุ แต่ไมยาดินก็สาดกระสุนเจาะน่องทีฑายุจนล้มหงายหลัง
ทีฑายุสั่งให้ศิศิราหนีไป แต่เธอโผเข้าหาเขาด้วยความเป็นห่วง ส่วนมาณสิงห์ถูกลูกน้องไมยาดินทำร้ายหน้าตาแยกยับ แล้วทั้งสามคนก็ถูกจับไปขังในคุกรวมกับญาณีและนางข้าหลวงอีกหลายคน ศิศิราเป็นห่วงน้องชาย ญาณีบอกว่าพวกมันไม่ได้ทำร้ายองค์ธราเทพ แต่คุมตัวเอาไว้
มาณสิงห์ที่หมดสติไปพักหนึ่ง พอฟื้นขึ้นมาก็คิดอ่านจะหาทางพาเจ้าหญิงออกไปให้เร็วที่สุดก่อนที่พวกมันจะลงมือทำอะไรมากกว่านี้ เช่นเดียวกับทีฑายุที่ยังไม่หมดหวัง ขอให้ศิศิราเข้มแข็งไว้ ยังไงเราก็ต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ ศิศิรามองน่องทีฑายุที่มีผ้าพันห้ามเลือดไว้อย่างลวกๆ ทีฑายุเดาใจศิศิราออก รีบบอกเธอว่ากระสุนถากไปไม่ฝังใน ไม่เป็นอะไรมาก พรุ่งนี้เราจะออกไปเห็นแสงอาทิตย์ด้วยกัน...ศิศิรารู้สึกดีมีความหวังถึงกับยิ้มออกมาอย่างเชื่อมั่น
ooooooo
เช้ารุ่งขึ้น กัญญาภัคกับสินาตีเตรียมตัวเข้าวังด้วยความตื่นเต้นยินดี ที่บัดนี้บัลลังก์แสงจันทร์ ตกเป็นของโกญจนาทเรียบร้อยแล้ว...ขณะที่สามคนพ่อแม่ลูกกำลังฉลองความสำเร็จในท้องพระโรง อย่างมีความสุข ท่ามกลางทหารน้อยใหญ่ชื่นชมสอพลอจำนวนมาก...หารู้ไม่ว่า พวกทีฑายุกำลังพาศิศิราหนีออกจากคุก โดยการนำของดรัณย์ ประสันต์ และมาลข่าน ลอบเข้ามาช่วยเหลือ
เมื่อพ้นจากคุกมาแล้ว ศิศิราตรงไปยังห้องธราเทพ พร้อมด้วยทีฑายุและมาณสิงห์ ส่วนพวกดรัณย์แยกไปอีกห้องกับญาณี แต่สองกลุ่มก็ไม่มีใครเจอธราเทพ ทีฑายุมั่นใจว่าพวกมันคงย้ายที่คุมขังเจ้าชาย...ประสันต์เร่งทุกคนให้รีบไป ก่อนจะหมดโอกาส ตอนนี้พวกมันกำลังฉลองอยู่ในท้องพระโรง มาณสิงห์ จึงให้ทุกคนอ้อมไปข้างหลังเพื่อไม่ต้องผ่านท้องพระโรง แต่ศิศิรากลับวิ่งไปทางท้องพระโรง ทุกคนตกใจวิ่งตามไปทันที
ศิศิราวิ่งพรวดเข้ามา เป็นจังหวะที่โกญจนาทกำลังจะสวมมงกุฎแสงจันทร์ ศิศิราไม่ยอมเด็ดขาด ตรงเข้าแย่งมงกุฎในมือโกญจนาทแต่ไม่สำเร็จ ทันใดสองฝ่ายก็รบรากันอุตลุด พวกทีฑายุแม้จะมีคนน้อยกว่าแต่ทุกคนก็สู้ยิบตา
เมื่อเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย สินาตีต้องลากกัญญาภัคหลบออกไปก่อนจะโดนลูกหลง ทั้งที่กัญญาภัคไม่เต็มใจ
เพราะเป็นห่วงทีฑายุ...โกญจนาทไม่ยอมปล่อยมงกุฎหลุดมือ ขณะที่ศิศิราก็ตามแย่งไม่ลดละ โดยมีทีฑายุคอยช่วยเหลือ ส่วนมาณสิงห์และเพื่อนๆของทีฑายุก็ต่อสู้กับทหารของโกญจนาท อย่างไม่กลัวตาย รวมทั้งธนูเพลิงทหารคนสนิทของมาณสิงห์ที่ปรากฏตัว หลังจากทุกคนคิดว่าเขาตกผาตายไปแล้ว
ที่สุดทีฑายุก็ต้องกระชากศิศิราวิ่งหลบออกไป เพราะมองไม่เห็นทางรอดถ้าต้องสู้ต่อ ดรัณย์ ประสันต์ มาลข่าน และญาณีวิ่งตาม มาณสิงห์กับธนูเพลิงรั้งท้ายคอยยิงสกัดทหารของโกญจนาท กระทั่งพ้นออกไปตรงสนามด้านข้างท้องพระโรง ซึ่งมีรถจอดอยู่สองคัน ทีฑายุพาศิศิราขึ้นรถ ตามด้วยพวกดรัณย์และญาณี ส่วนมาณสิงห์กับธนูเพลิงยังต้องยิงสกัดพวกไมยาดิน ครั้นทีฑายุออกรถไปอย่างเร็ว มาณสิงห์กับธนูเพลิงจึงโดดขึ้นรถอีกคัน ขับตะลุยออกไปจนทหารของโกญจนาทแตกกระเจิง
โกญจนาทโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อรู้ว่าทุกคนหนีรอดไปได้ แล้วสั่งเฉียบต่อหน้ารามปุระและไมยาดิน
"ไม่ว่าจะหนีไปถึงไหน ลากพวกมันกลับมาตายตรงหน้าเราทุกคน!"
ooooooo
ตอนที่ 7
หลังจากหนีมาไกลพอสมควร ทีฑายุเห็นควรทิ้งรถแล้วหลบเข้าป่าเดินเท้าต่อไป แต่เดินกันพักใหญ่ พ้นป่าไปเจอแม่น้ำทั้งกว้างทั้งเชี่ยว ศิศิราหวั่นว่าจะข้ามไม่ไหว อีกทั้งกังวลว่ามาณสิงห์จะตามพวกเรามาถูกหรือเปล่า
ขณะที่ทุกคนนิ่งเหมือนไม่แน่ใจ ส้มเสี้ยวก็โผล่พรวดวิ่งมากอดศิศิรา ส้มเสี้ยวดีใจที่เจ้าหญิงยังมีชีวิต และอาสานำทางไปเอง รับรองไม่มีใครตาย เพราะเธอเชี่ยวชาญเส้นทางแถวนี้ แต่ถึงยังไงก็ต้องลุยน้ำ ทีฑายุจึงให้ศิศิราถอดเสื้อคลุมตัวนอกที่ ทั้งหนาและหนักทิ้ง ไม่งั้นจะจมน้ำ ศิศิรานิ่งไปนิดก่อนตัดสินใจถอดเสื้อคลุมออกช้าๆ
"อย่าเสียดายเลย" ทีฑายุเสียงแผ่ว
"อย่างเดียวที่เราเสียดายคือมงกุฎแสงจันทร์ไม่ควรอยู่ในมือคนเลว" ศิศิราหน้าหมอง ทีฑายุค่อยๆดึงเสื้อทิ้งลอยไปตามกระแสน้ำ
"เราต้องกลับไปแน่ๆ" ทีฑายุกล่าวหนักแน่น
"สัญญานะทีฑายุ สัญญาว่าจะช่วยเราเอามงกุฎแสงจันทร์ คืนมา"
ชายหนุ่มยิ้มรับแทนคำตอบ...ครั้นข้ามไปถึงกลางป่าอีกฝั่งกันอย่างทุลักทุเลไม่น้อย ส้มเสี้ยวก็นำทางไปยังบ้านไม้ สองหลังที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งเป็นบ้านญาติของส้มเสี้ยว แต่ตอนนี้ ไม่มีคนอยู่ ส้มเสี้ยวแกล้งอำว่าเจ้าของบ้านผูกคอตาย ดรัณย์ถึงสะดุ้งโหยง ส้มเสี้ยวเห็นเข้าก็หัวเราะลั่น
"แกโกหกเหรอ ไอ้ส้มเสี้ยว"
"ช่าย...อยากเห็นคนกลัวผี"
ดรัณย์เสียหน้า ญาณีถลึงตาปรามส้มเสี้ยวที่ยังหัวเราะชอบใจ แล้วหันมาถามศิศิราอย่างอาทร
"อยู่ได้มั้ยเพคะ"
"ทุกคนอยู่ได้ เราก็อยู่ได้"
"เดี๋ยวส้มเสี้ยวไปทำความสะอาดให้ก่อนนะ" ส้มเสี้ยววิ่งเข้าบ้าน ญาณีขอตามไปช่วย เพราะไม่แน่ใจว่าลิงค่างอย่างส้มเสี้ยวจะทำได้ ส่วนพวกประสันต์ ดรัณย์ และมาลข่านก็แบ่งหน้าที่กันกวาดถูฝั่งผู้ชาย และหาอาหารสำหรับทุกคนด้วย
ทีฑายุมองศิศิราที่ยืนหน้าเศร้า แววตาอ้างว้าง สักครู่ ทีฑายุก็ขยับเดิน ศิศิราถามทันทีว่า จะไปไหนเหรอ?
"ไม่ต้องถาม ตามมา" ว่าแล้วเขาเดินนำ ศิศิราเดินตามไปอย่างว่าง่าย
ทีฑายุเดินไปหยุดบริเวณที่มีดอกไม้ป่าสีสวย ศิศิราเก็บมาดมดอม แต่สีหน้าไม่คลายแววกังวล ทีฑายุจึงพยายามปลอบ
"เจ้าชายธราเทพปลอดภัยแน่ๆ"
"ตราบใดที่โกญจนาทยังไม่ได้ตัวเรา" ศิศิรามั่นใจอย่างที่พูด ทีฑายุมองไปไกลเหมือนหนักใจ...ศิศิรารู้สึกผิด "จะว่าเราก็ได้นะ ที่เอาความเดือดร้อนมาให้"
"เหนื่อยเปล่า"
ศิศิราหน้าจ๋อยลงทันใด ทีฑายุเหลือบมองด้วยความสงสาร
"พามาดูดอกไม้ ยังทำหน้าเศร้าได้อีก ยิ้มหน่อยสิ" หญิงสาวหันมองแปลกใจ ทีฑายุชะงัก รีบพูดแก้เกี้ยว "ยิ้มให้ดอกไม้" ว่าแล้วทำเหลือบมามอง ศิศิราเลยยิ้มออก รู้ว่าทีฑายุอยากเอาใจเธอ
ooooooo
ขณะเดียวกันนั้น โกญจนาทนั่งบนบัลลังก์ในท้องพระโรง มองมงกุฎในมืออย่างเจ็บใจ กัญญาภัค เดินเข้ามาสีหน้าเจ็บแค้นไม่แพ้พ่อ
"วันแห่งเกียรติยศของเรา กลับถูกทำลายลงด้วยมือผู้หญิงอ่อนแออย่างศิศิรา ลูกไม่มีวันให้อภัย มงกุฎต้องได้สวมลงบนศีรษะผู้มากบารมีอย่างพ่อ"
"พ่อจะสวมมงกุฎแสงจันทร์ต่อหน้าเจ้าหญิง ให้ภาพมงกุฎแสงจันทร์ของพ่อติดตาศิศิราไปจนหมดลมหายใจสุดท้าย ให้มันจำไปบอกพ่อแม่มันในนรก ว่ากษัตริย์โกญจนาทเท่านั้นคือผู้ครอบครอง"
กัญญาภัคยิ้มมองพ่อด้วยสายตาเทิดทูน...ส่วนในห้องคนไข้โรงพยาบาลทหาร สันธิโดนมัดแขนยึดกับเตียง ทั้งๆที่ มีสายน้ำเกลือสายเลือดระโยงระยาง วิชัยเข้ามาเห็น อดต่อว่ารามปุระไม่ได้
"ท่านน่าจะให้เกียรติแม่ทัพแห่งปัญจารัตน์มากกว่านี้ สันธิทำความดีความชอบให้บ้านเมืองมามาก"
"เป็นคำสั่งท่านโกญจนาท"
"โกญจนาทเป็นกบฏ" วิชัยเน้นย้ำ
"คนชนะไม่เคยได้รับข้อหากบฏ คิดดีๆนะวิชัย ตอนนี้อำนาจอยู่ในมือใคร" รามปุระมองวิชัย วิชัยกลับเบือนหน้าไปอีกทาง "หรือต้องให้ทหารของเราสาดกระสุนใส่กันเอง เพื่อราชวงศ์ที่ถูกลบชื่อออกไปแล้ว" รามปุระทิ้งทายแล้วเดินออกไป วิชัยถอนใจก่อนจะก้าวตาม สันธิที่แกล้งหลับลืมตาขึ้น แววตาวิตกกับสิ่งที่ได้ยิน
ทันทีที่รามปุระกับวิชัยเดินพ้นตัวตึก ธนูเพลิงที่ลอบมองอยู่ในมุมมืดก็ยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัด สองคนหลบเข้าที่กำบัง โดยมีทหารส่วนหนึ่งคุ้มกัน ขณะที่ผู้คนทั้งหมอและพยาบาลแตกตื่นตกใจวิ่งกันพล่าน มาณสิงห์ฉวยโอกาสชุลมุนนี้แฝงตัวเข้าไปถึงห้องสันธิ เขาจะพาพ่อหนี แต่สันธิเกรงว่าสภาพของตน แบบนี้จะพาลูกตายไปด้วย พอรู้ว่าองค์ราชินีสวรรคตแล้ว สันธิถึงกับน้ำตาเอ่อ บอกลูกชายว่า พ่อก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่
"พ่อครับ เรายังมีหน้าที่กู้บัลลังก์ ตอนนี้เจ้าหญิงศิศิรา กำลังซ่อนตัว"
"ทรงอยู่ที่ไหน"
"อยู่กับทีฑายุ..."
"แล้วลูกจะทำยังไง ศัตรูล้อมรอบเราทุกตารางนิ้ว"
"ผมก็ต้องไปลากเอาชีวิตชั่วช้าชีวิตนึงมาสังเวย เพื่อแลกกับอิสรภาพของเจ้าหญิง" มาณสิงห์แววตาโหดเหี้ยม... จากนั้นไม่นาน มาณสิงห์ก็ไปปรากฏตัวที่หน้าบ้านโกญจนาท แล้วจู่โจมฉุดกระชากกัญญาภัคที่กำลังกระวนกระวายคิดถึง ทีฑายุ
"มาณสิงห์...ถ้าไม่อยากตายอย่างทรมาน ก็ปล่อยฉัน" กัญญาภัคพยายามดิ้น มาณสิงห์ยิ่งบีบแขนเธอแรงขึ้น
"ให้ฉันตายอย่างทรมาน ยังดีกว่าปล่อยลูกสาวทรราชไปเดินลอยหน้าเพ่นพ่านอยู่ในวัง"
"โทษแกถึงยิงเป้าแน่ๆ"
"โทษสั่งตาย ต้องมาจากคำสั่งของเจ้าหญิงศิศิรา อย่างเธอมันก็แค่ผู้หญิงใฝ่สูง ตะเกียกตะกายแค่ไหน ก็มีค่าเท่ากับฝุ่นบนดินใต้ฝ่าเท้าเจ้าหญิงศิศิรา"
กัญญาภัคสุดเจ็บใจกับคำดูถูก จ้องมองมาณสิงห์อย่างอาฆาต...มาณสิงห์ไม่สนใจลากกัญญาภัคออกมาที่รถซึ่งธนูเพลิงจอดรออยู่
"พ่อฉันต้องให้ทหารทั้งกองพันตามล่าแก"
"ทหารดีไม่เคยกลัวตาย ไม่เหมือนทหารเลว ใช้อำนาจในทางที่ผิด"
ธนูเพลิงเข้ามาช่วยมัดมือกัญญาภัค ระหว่างนี้เองทหารยามเดินตรวจมาเห็น กัญญาภัคร้องลั่นขึ้น ทหารยามหันขวับ พร้อมเล็งปืนในมือ มาณสิงห์ไวกว่ายิงปืนในมือทหาร ยามหลุดกระเด็น แล้วดันตัวกัญญาภัคขึ้นรถ ก่อนจะร้องบอกทหารยามที่ยืนตัวเนื้อสั่น เลือดเต็มมือ
"บอกไอ้กบฏโกญจนาทด้วยว่าถ้าอยากได้ตัวลูกสาว ก็เอาบัลลังก์แสงจันทร์มาคืนให้เจ้าหญิงศิศิรา"
มาณสิงห์พูดขาดคำ ธนูเพลิงก็ออกรถไปด้วยความเร็ว
ooooooo
เช้าขึ้น โกญจนาทรีบร้อนมาที่บ้านพร้อมราม-ปุระและทหารอีกห้าคน แต่สินาตีร้อนใจยิ่งกว่า จะให้ โกญจนาทส่งทหารไปตามล่า ทั้งประกาศให้ค่าหัวมันด้วย เพราะมันจับกัญญาภัคไป ก็เท่ากับว่าเป็นกบฏต่อองค์กษัตริย์โกญจนาท
"ประกาศสิ้นคิดแบบที่เธอพูด เรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่"
"เรื่องเล็ก? มันจับลูกเราไป เรื่องเล็กเหรอคะ"
"ไมยาดินตามไปแล้ว" รามปุระพูดขึ้น
"กัญญาจะพาเราไปถึงตัวศิศิรา" โกญจนาทมั่นใจ สินาตีมองสามีอย่างนึกไม่ถึง
"นี่ท่านเอาลูกเป็นเหยื่อล่อ"
"เหยื่อที่วิเศษที่สุดคือคนที่มันคิดว่าเรารักมากที่สุดไง... อย่าโง่" โกญจนาทเสียงกร้าว สินาตีเงียบ ไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่เข้าบ้านก็ยังเดินวนไปวนมา แล้วปัดแก้วน้ำส้มที่รักเร่เอามาเสิร์ฟซะหกตกกระจาย
"แกจะให้ฉันกินน้ำส้มใจเย็นรอฟังข่าวลูกฉันถูกฆ่าหรือไง"
รักเร่หน้าซีด รีบเก็บเศษแก้ว คลานงุดๆออกไป โกญจนาท มองสินาตีด้วยสายตาตำหนิ
"ไมยาดินไม่ปล่อยให้กัญญาตายหรอกน่า"
"ท่านก็พูดได้นี่ ท่านไม่เคยรักลูกเหมือนที่ฉันรัก ส่งลูกไปตาย ท่านยังทำได้ลงคอ"
"ฉันก็ถือว่ากัญญาเป็นลูก"
"แต่ไม่ใช่ลูกที่เกิดจากความรัก ไม่ว่าหัวใจท่านจะอยู่กับใคร แต่จำไว้ว่าตอนนี้เมียของท่านคือ สินาตี และตำแหน่งราชินีก็ต้องเป็นของเมียอย่างฉัน ฉันกับลูกกัญญารับใช้ท่านมาทั้งชีวิต ถึงเวลาท่านก็ต้องตอบแทนความจงรักภักดีของเราสองแม่ลูกบ้าง"
โกญจนาทถูกจี้ใจ จ้องสินาตีดุดัน แต่คราวนี้สินาตีกลับมองตอบโต้อย่างไม่หวั่นเกรง
ooooooo
.อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 6- 7
(อ่านต่อพรุ่งนี้)