tag:blogger.com,1999:blog-38813703866442128582024-02-20T09:32:23.633+07:00อ่านละครtv, ธรณีนี่นี้ใครครองอ่านบทย่อละครทีวี,อ่านละครทีวีเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง,ธรณีนี่นี้ใครครอง,เรื่องทั่วไป,ดวง, ดูดวง, ดูดวงความรัก, เนื้อคู่,ดารา,gossipstarสายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comBlogger306125tag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-90596709687130513972012-06-22T12:19:00.001+07:002012-06-22T12:20:32.408+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง วันที่ 23 มิ.ย. 2555<h2>อ่านละครย่อเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง วันที่ 23 มิ.ย. 2555</h2>“เขาเป็นลูกคนโตของย่า ย่าหวังจะพึ่งเขาให้ช่วยสานต่องานในไร่ เขากลับทำให้ย่าเสียใจด้วยการหนีออกจากบ้าน แถมยังขโมยเงินที่ย่าเพิ่งได้จากการขายข้าวไปด้วย ตอนนั้นย่าจนแสนจน เงินนั่นย่าก็กะจะเอาไปจับจองที่นาไว้ให้เขาทำกินนั่นแหละ”<br />
<br />
น้าแก้วสอดเข้ามาว่า “อ๋อ...คุณประวิทย์ ที่คุณย่าสั่งไม่ให้แก้วส่งข่าวไปบอกตอนคุณปู่เสียใช่ไหมคะ”<br />
<br />
“ก็ในเมื่อเขาหนีไปแล้วไม่มีแก่ใจส่งข่าวกลับมา แล้วเราจำเป็นอะไรต้องติดต่อเขา ในเมื่อเขาคิดดีแล้วว่าจะไป ก็ไม่ต้องอาลัยอาวรณ์กันให้มากความ” ดรุณีถามว่าคุณย่าโกรธขนาดนั้นเลยหรือ “ใช่...ตอนนั้นย่าทั้งโกรธทั้งเสียใจ เลยประกาศตัดไม่ยอมให้เขาเข้าบ้าน จนคุณปู่ตายก็ไม่ยอมให้มาเผาผี”<br />
<br />
ดรุณีมองคุณย่าตาปริบๆ ไม่กล้าวอแว เพราะไม่ค่อยจะเห็นคุณย่าหน้านิ่งเสียงแข็งอย่างนี้<br />
<br />
ooooooo<br />
<br />
ส่วนที่บ้านประวิทย์ ลูกๆก็เพิ่งได้รับรู้เรื่องราวในอดีตของเขากับคุณย่าที่พ่อไม่เคยพูดถึงเลย ประวิทย์ยอมรับกับลูกๆว่า ที่ไม่เคยพูดถึงคุณย่าเพราะตนละอายใจ เล่าให้ลูกๆฟังว่า<br />
<br />
“ตอนนั้นพ่อเรียนหนักแถมต้องทำงานในไร่ มันเหนื่อยเกินว่าที่พ่อจะทนไหว พ่อก็เลยหนีมาเรียนอย่างเดียว จนกระทั่งแต่งงานมีลูกแล้วก็ยังไม่กล้ากลับไปกราบขอโทษท่าน เพราะละอายใจในความเลวที่ก่อไว้นี่ล่ะ”<br />
<br />
ฟังแล้วอาทิจใจห่อเหี่ยวเชื่อว่าคุณย่าคงไม่ให้อภัยพ่อแน่ บอกว่าพรุ่งนี้ตนไปหางานดีกว่า ประวิทย์ให้ความหวังว่า บางทีจดหมายอาจจะยังไม่ถึง อาทิจแย้งว่าหรืออาจจะถูกขยำทิ้งถังขยะไปแล้วก็ได้<br />
<br />
“ไม่หรอก พ่อมั่นใจว่าคุณสมบัติและความจริงใจของลูก จะทำให้คุณย่าเปลี่ยนใจ คุณย่าเป็นคนที่รักผืนแผ่นดินมาก คุณย่าย่อมจะต้องรักคนที่รู้จักและรักที่ทำกินบนผืนแผ่นดินด้วย เชื่อพ่อสิ พ่อรู้จักนิสัยของคุณย่าดี”<br />
<br />
ทันใดนั้นเอง ภาณีร้องบอกมาอย่างดีใจว่าไปรษณีย์มา ทุกคนกรูกันไปที่หน้าบ้านด้วยความดีใจ แต่พอรับซองจากบุรุษไปรษณีย์กลายเป็นบิลค่าน้ำ...ทุกคนห่อเหี่ยวไปตามกัน<br />
<br />
ooooooo<br />
<br />
ที่บ้านคุณย่า...คืนนี้ คุณย่ามานั่งบอกให้ดรุณีเขียนจดหมายตอบประวิทย์ ดรุณีเขียนตามคำบอกของคุณย่าเซ็งๆ<br />
<br />
“ถามเจ้าอาทิจดูว่า ถ้าต้องมาทำงานกับย่าโดยไม่มีเงินเดือนเลย เขาจะยังอยากมาอยู่ไหม”<br />
<br />
ดรุณีตอบแทนทันทีว่านายนั่นต้องไม่มาแน่ๆ คุณย่าสั่งให้เขียนต่อพลางบอกข้อความว่า...<br />
<br />
“แม่จะเลี้ยงเจ้าอาทิจเหมือนที่เลี้ยงลูกทุกคน คือไม่มีเงินเดือนให้ แต่จะส่งเสียค่าเล่าเรียนของน้องสาวสองคนเป็นการตอบแทนการทำงาน ถ้าเขาเต็มใจและตกลงตามนี้ ก็ส่งตัวเขามา”<br />
<br />
ดรุณีอดไม่ได้อีก บอกคุณย่าว่าเสียเวลาเปล่าๆ นายคนนี้อย่างมากก็แก่กว่าตนไม่กี่ปี เขาน่าจะมีแฟนแล้วและคงอยากเก็บเงินไว้แต่งงานสร้างครอบครัว ถ้าคุณย่าไม่มีเงินเดือนให้ รับรองล้านเปอร์เซ็นต์เขาไม่มาแน่<br />
<br />
“นั่นไง...ตั้งป้อมอิจฉาเขาซะแล้ว” คุณย่าดักคอ<br />
<br />
“โธ่...คุณย่าขา...หนูจะไปอิจฉาเขาทำไม หลานคุณย่ามาอยู่ที่นี่ตั้งกี่สิบคนแล้ว หนูเห็นเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อกันทั้งนั้น อยู่ไม่ทนสักราย รายนี้ก็คงเหมือนกันนั่นแหละ”<br />
<br />
“ก็ในเมื่อย่าให้โอกาสหลานคนอื่นได้ ทำไมหลานคนนี้ย่าจะให้โอกาสบ้างไม่ได้”<br />
<br />
“หนูพูดเพราะหนูหวังดีนะคะคุณย่า หนูกลัวว่าคุณย่าจะปวดหัวเหมือนที่แล้วๆมาน่ะค่ะ ขนาดได้เงินเดือนยังอยู่กันไม่ทนเลย นับประสาอะไรกับคนไม่ได้เงินเดือน เลิกเขียนดีกว่าค่ะ เขียนไปก็เมื่อยมือเปล่าๆ หนูว่าเขาไม่มาหรอก”<br />
<br />
“นั่นสินะ...ขนาดพ่อเขายังเกี่ยงงานในไร่ในสวนว่ามันหนักมันเหนื่อย แล้วลูกจะทนได้สักแค่ไหน ลูกไม้มันจะหล่นไกลต้นได้ยังไง” คุณย่าถอนใจอย่างครุ่นคิด<br />
<br />
ooooooo<br />
<br />
วันนี้อาทิจแต่งตัวจะไปสมัครงาน ก็พอดีบุรุษไปรษณีย์เอาจดหมายมาส่ง จุดประกายความหวังแก่ทุกคนขึ้นมาอีก แต่แล้วก็ห่อเหี่ยวฟีบแฟบไปตามกัน เมื่อเป็นบิลเก็บค่าไฟ แต่พอบุรุษไปรษณีย์จะกลับก็นึกได้บอกว่ามีอีกฉบับแล้วหยิบส่งให้ประวิทย์ พูนทรัพย์ถามเซ็งๆว่าบิลค่าอะไรอีกล่ะพ่อ<br />
<br />
“ไม่ใช่บิลแม่...นี่มัน...มันจดหมายจากคุณย่า...” ประวิทย์ดีใจจนเสียงสั่น สิ้นเสียงเขา ลูกๆก็ประสานเสียงร้องกันให้แซด “เย้ๆๆจดหมายคุณย่า...จดหมายคุณย่า!!” อาทิจใจเต้นตึ้กตั้กอยากรู้ข้อความในจดหมายใจแทบขาด<br />
<br />
ทุกคนกรูกันกลับเข้ามาในบ้าน นั่งกันหน้าสลอนจ้องอาทิจตาเป๋ง คอยฟังพี่ชายอ่านจดหมายของคุณย่า<br />
<br />
“...ขอให้เข้าใจอย่างนึงว่า เงินของฉันได้มาแสนยากจากแผ่นดินทั้งสิ้น การจ่ายเงินทุกบาททุกสตางค์จึงต้องมีเหตุผล ถ้าเจ้าอาทิจต้องการมาทำงานกับฉัน ก็ขอให้ส่งค่าใช้จ่ายเรื่องเรียนของน้องสาวทั้งสองคนมาด้วย เพราะจากนี้ไป เจ้าอาทิจจะต้องทำงานเพื่อแลกกับการศึกษาของน้อง ถ้าเข้าใจและรับได้ตามนี้ก็เดินทางมาทำงานที่นี่ได้เลย บอกเขาว่าย่าของเขาจะคอยเขาอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน หวังว่าแกและเมีย รวมทั้งลูกๆทุกคนคงสบายดี...แม่”<br />
<br />
อ่านจดหมายจบ อาทิจมองหน้าพ่อด้วยสีหน้ากังวล บอกว่าสำนวนคุณย่าแข็งปั๋งอย่างกับก้อนหินเลย สงสัยท่านจะดุไม่ใช่เล่น<br />
<br />
“ดุแต่ไม่พร่ำเพรื่อ ท่านเป็นผู้หญิงเข้มแข็งมากกว่า การทำงานในไร่ในสวนมันต้องอดทน ถ้ากระดูกไม่แข็งไม่แน่จริงละก็...คุมคนงานผู้ชายเป็นร้อยไม่ได้หรอก”<br />
<br />
“ลูกก็ตั้งยี่สิบคนนะคะ เลี้ยงลูกไป ทำงานไปได้ขนาดนี้ ฉันล่ะนับถือจริงๆ” พูนทรัพย์เอ่ยอย่างยกย่องชื่นชม<br />
<br />
น้องชายอาทิจเป็นห่วงถามว่าพี่ชายจะโดนไม้เรียวฟาดเอ๊า...ฟาดเอาหรือเปล่าเวลาที่ทำอะไรไม่ถูกใจคุณย่า ประวิทย์บอกว่าอาจจะโดนหนักกว่านั้นก็ได้ ถามอาทิจว่าได้ยินอย่างนี้แล้วจะสู้หรือจะถอย<br />
<br />
อาทิจทำหน้าขรึมบอกว่าก็คงต้องถอย ทำทุกคนห่อเหี่ยวไปหมด แต่ไม่ถึงอึดใจเขาก็โพล่งออกมาว่า<br />
<br />
“ยอมถอยมายืนให้เต็มสองเท้าแล้วใส่เกียร์เดินหน้าแบบสู้ไม่ถอย ผมจะสู้เพื่อพวกเราทุกคนครับ”<br />
<br />
ประวิทย์ยิ้มเต็มหน้า พูนทรัพย์ชื่นอกชื่นใจจนนํ้าตาคลอ นิตยากับภาณีกระโดดกอดกันกลม ส่วนน้องๆคนอื่นๆพากันกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจกันทุกคน ประวิทย์เสนอว่า แบบนี้ต้องเลี้ยงส่งกันหน่อย บอกลูกๆให้ไปเก็บไข่มาต้มพะโล้ ส่วนพูนทรัพย์ก็จะผัดผักและตำนํ้าพริกให้<br />
<br />
อาทิจเอาจดหมายคุณย่ามาแนบอก พึมพำอย่างมีความสุข “คุณย่าของอาทิจ...” เขายิ้มอย่างปลื้มปีติ อยากตะโกนบอกคุณย่าตั้งแต่ที่นี่ว่า นี่คือโอกาสและความหวังที่คุณย่าหยิบยื่นให้ตนกับน้องๆทุกคน...<br />
<br />
ooooooo<br />
<br />
บ่ายของอีกวัน อาทิจก็ออกเดินทางโดยรถสาย “กรุงเทพฯ–เชียงใหม่–ฝาง” แต่พอไปถึงเชียงใหม่ ต้องหารถต่อไปฝาง เขาเดินไปถามเจ้าของรถ แต่ไม่รู้จะบอกปลายทางอย่างไร เลยบอกไปว่าต้องการไปสวนคุณย่า<br />
<br />
แล้วเขาก็แปลกใจที่เจ้าของรถจูงมือไปที่รถ บอกว่ารถตนผ่านสวนคุณย่าพอดีเลย เขาถามว่ารู้จักคุณย่าด้วยหรือ สวนคุณย่า...ชื่ออะไร...อาทิจบอกไม่ถูก แต่เจ้าของรถบอกว่าแค่นี้ก็รู้แล้ว บอกว่าสวนคุณย่าทุกคนรู้หมด บอกอาทิจให้ไปรอที่รถ ตนไปหาผู้โดยสารอีกสักสองสามคนแล้วออกได้เลย<br />
<br />
อาทิจจะข้ามถนนไปที่รถ พอถึงกลางถนนเขาช็อกยืนขาแข็งเพราะรถกระบะคันหนึ่งเลี้ยวโค้งมาอย่างแรงและพุ่งเข้าหาเขาราวกับพายุ ซํ้าไม่มีทีท่าจะเบรกด้วย<br />
<br />
เสียงอึ่งกับพันคนร้องให้เบรก...เบรก แต่ไม่เป็นผลรถหักเล่ียงวืดไปอีกทาง กระนั้นก็ยังเฉี่ยวจนอาทิจล้มลง<br />
<br />
พอรถจอด ดรุณีก็เปิดประตูรถลงมา ตามด้วยน้าแก้วที่รีบไปดูอาทิจที่ค่อยๆลุกขึ้น ถามว่าเป็นอย่างไรบ้างจะไปโรงพยาบาลไหม ดรุณีเดินเข้ามาช้าๆด้วยสีหน้าที่สำนึกผิด เธอยืนดูอาทิจที่พยายามลุกขึ้นอยู่ข้างหลังเขา พอเขาลุกขึ้นมาได้ก็เสียหลักโงนเงนล้มไปข้างหลัง<br />
<br />
เจ้ากรรม! เขาล้มทับดรุณีเข้าเต็มๆ จมูกโด่งๆไปชนเอาแก้มเรื่อแดงๆของเธอเข้าอย่างจัง ทั้งคู่จ้องหน้ากันวินาทีเดียวต่างก็ตาเบิกโพลงเมื่อจำกันได้ ดรุณีผละออกจากอาทิจ น้าแก้วบอกให้ขอโทษเขาเสีย ดรุณีเปิดฉากด่าเปิง...<br />
<br />
“เรื่องอะไรหนูจะขอโทษ นายนี่ซุ่มซ่ามมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนข้ามถนนนี่ก็คงไม่ดูตาม้าตาเรือเหมือนเคย แล้วไอ้เรื่องชอบลวนลามลามกนี่ก็เหมือนกัน โดนรถชนขนาดนี้ยังจะมีหน้ามาแต๊ะอั๋งผู้หญิงอีก”<br />
<br />
อาทิจโต้ว่าเธอนั่นแหละไม่ดูตาม้าตาเรือ ถ้าตนไม่กระโดดหลบมีหวังโดนชนเต็มๆ อึ่งกับพันเห็นด้วย อาทิจใส่ต่ออีกว่า ตนจะรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ข้างหลัง ถ้าคิดจะลวนลาม ตนล้มทับซึ่งหน้าเลยไม่ดีกว่าหรือ อึ่งกับพัน พูดพร้อมกันว่า “มีเหตุผล” อาทิจลุยต่ออีกว่าขับรถชนตนแทนที่จะขอโทษ กลับมาโยนความผิดให้ตนอีก ทำอย่างนี้ถูกหรือ คราวนี้ทั้งน้าแก้ว อึ่ง และพัน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “นั่นสิ คุณณี...”<br />
<br />
พอดีเจ้าของรถคนนั้นพาผู้โดยสารมาคนหนึ่งเห็นดรุณีกับน้าแก้วก็ร้องทักอย่างคุ้นเคยมาก แล้วหันบอกอาทิจว่า<br />
<br />
“แหมโชคดีจังน้อง คุณณีเอารถที่สวนคุณย่ามาพอดี เดี๋ยวน้องอาศัยไปกับคุณณีก็แล้วกันนะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอ” แล้วหันบอกดรุณี “ฝากน้องเขาไปด้วยนะครับคุณณี เขาจะเข้าไปที่สวนคุณย่าน่ะครับ” เขาบอกอาทิจว่าคนที่สวนคุณย่าใจดีทุกคนแหละ เขายกมือไหว้น้าแก้วกับดรุณี แล้วพาผู้โดยสารที่เพิ่งไปสอยมาได้ไปที่รถ<br />
<br />
อาทิจมองหน้าดรุณีที่ยังทะเลาะกันไม่เสร็จ แต่กลายเป็นเขาต้องอาศัยรถไปด้วย เธอตวัดหางตาแล้วเชิดใส่อย่างไม่แยแส<br />
<br />
ooooooo<br />
<span style="font-size: large;">ธรณีนี่นี้ใครครอง ตอนที่ 2</span><br />
ดรุณีขยับรถเข้าที่จอด ปลดกุญแจรถ คว้ากระเป๋าสะพายและรายการของที่จะซื้อ ปิดประตูรถแล้วหันถามอาทิจที่เดินรวมกลุ่มมากับน้าแก้ว อึ่ง กับพัน ว่าจะไปหาใครที่สวนคุณย่า<br />
“หาคุณย่า” ชายหนุ่มตอบกวน ถูกถามกวนยิ่งกว่าว่ามีธุระอะไร “ธุระส่วนตัว”<br />
<br />
ทำท่ากร่างแต่ข่มอาทิจไม่ลง ดรุณีเลยหันไปลงกับอึ่ง พัน และน้าแก้ว ถามเสียงเข้มว่าจะมายืนอยู่ทำไม ให้เอารถเข็นลงมา แล้วถามหารายการของที่จะซื้อกับน้าแก้วว่าเอาไว้ที่ไหน น้าแก้วบอกว่าก็อยู่ในมือคุณณีนั่นแหละ ทำเอาดรุณีหน้าแตกแต่ทำไก๋กลบเกลื่อนไล่ทุกคนให้รีบไปซื้อของตามรายการเร็วๆ เดี๋ยวตลาดจะวายเสียก่อน<br />
<br />
“ผมรอที่นี่นะ” อาทิจเอ่ยขึ้นเมื่อรู้ตัวว่าเป็นส่วนเกินของเธอ “คุณไม่ขอโทษผมก็ไม่เป็นไร แค่ไถ่โทษด้วยการให้ผมอาศัยรถไปด้วยก็พอแล้ว”<br />
<br />
ดรุณีพูดอย่างไม่แยแสว่าจะรอที่ไหนก็เรื่องของนาย พูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์บอกให้ไปรอฝั่งโน้นดีกว่า แดดไม่ร้อน น้าแก้วมีแก่ใจบอกว่าเดี๋ยวซื้อของเสร็จแล้วจะไปตาม ดรุณีเร่งทุกคนไปกันได้แล้ว อึ่งกับพันจึงหิ้วตะกร้า เข็นรถตามไป<br />
<br />
อาทิจเห็นดรุณีทำกุญแจรถตก เขาหยิบขึ้นมาจะเรียกดรุณี แต่พอเงยหน้าขึ้นทุกคนก็หายไปจากตรงนั้นแล้ว เขาจึงเดินไปฝั่งตรงข้าม เข้าไปในร้านอาหาร เจ้าของร้านมาแจ้งรายการอาหารยาวเหยียด เสร็จแล้วถามว่าจะรับอะไรดีครับ<br />
<br />
“น้ำแข็งเปล่าแก้วนึงครับพี่ พอดีคุณแม่ผมทำกับข้าวมาให้แล้ว” เจ้าของร้านทำหน้าเซ็ง อาทิจไม่ได้สังเกต เขาจัดแจงเอาห่อใบตองออกมาสองห่อ ห่อหนึ่งเป็นข้าวเหนียวนึ่งอีกห่อเป็นเนื้อย่างแดดเดียว<br />
<br />
ดรุณีกับน้าแก้ว อึ่ง และพันยังอยู่ฝั่งตรงข้าม ดรุณีชะเง้อมองอาทิจแล้วสั่งทุกคนแยกย้ายไปซื้อของ น้าแก้วบอกว่าดีไปเร็วกลับเร็ว คุณคนนั้นจะได้ไม่ต้องรอนาน<br />
<br />
“เร็วแต่ไม่ต้องรอค่ะ หนูไม่ได้รับปากเขานี่คะว่าจะให้เขาไปด้วย” พูดพลางเขม้นมองไปที่อาทิจ “เล่นสั่งข้าวมากินซะขนาดนั้นคงอีกนานกว่าจะกินเสร็จ ถ้าเรากลับแล้วมาไม่ทัน มันก็ไม่ใช่ความผิดของเรา จริงไหมคะ แล้วเจอกันที่รถเลยนะคะน้าแก้ว” พูดแล้วเดินไปเลย น้าแก้วมองตามหลังส่ายหน้าอย่างรู้ทัน แล้วเดินไปอีกทาง<br />
<br />
อาทิจไม่ทันกินข้าว ก็มีหญิงจรจัดคนหนึ่งอุ้มลูกเข้ามาขอข้าวเจ้าของร้านกิน ถูกเจ้าของร้านไล่บอกว่าติดหนี้ข้าวเป็นร้อยแล้วยังมีหน้ามาขออีก อาทิจเห็นดังนั้นจึงเรียกหญิงจรจัดมากินกับตน เจ้าของร้านไม่ยอมให้นั่งเพราะไม่ได้ซื้ออะไรที่ร้าน อาทิจเลยให้สั่งน้ำแข็งเปล่าแก้วหนึ่ง แล้วเลื่อนข้าวกับเนื้อย่างแดดเดียวของตนให้หญิงคนนั้นกับลูกกิน<br />
<br />
สองแม่ลูกกินอย่างหิวโหย อาทิจมองอย่างเวทนาจนตัวเองลืมความหิวไปเลย<br />
<br />
ooooooo<br />
<br />
ดรุณีกับน้าแก้ว อึ่ง และพันซื้อของเสร็จกลับมาแล้ว เธอเร่งทุกคนให้ไปกันได้เลย น้าแก้วท้วงติงว่ามันจะดีหรือ เดี๋ยวใครๆจะนินทาเอาได้ว่าคนที่สวนคุณย่าไม่มีน้ำใจ อึ่งกับพันเห็นด้วย ดรุณีโต้ว่าน้ำใจมีไว้ตอบแทนคนที่มีน้ำใจให้เราเท่านั้น<br />
<br />
อาทิจได้ยินพอดีถามว่า แล้วการเก็บกุญแจรถที่คนทำตกไว้แล้วไม่ขโมยรถ แต่นำกุญแจมาคืนเจ้าของ อย่างนี้เรียกว่ามีน้ำใจไหม ดรุณีฉุกคิดได้ตบกระเป๋าหากุญแจรถจึงรู้ว่าหายไป<br />
อาทิจยื่นกุญแจรถไปตรงหน้า เธอกระชากไป อาทิจถามว่า ในเมื่อตนมีน้ำใจเธอก็คงไม่กลืนน้ำลายตัวเอง จริงไหม พูดแล้วกระโดดขึ้นท้ายรถกระบะเลย ดรุณีสะบัดไปที่นั่งคนขับกระชากรถออกไป จนคนที่นั่งอยู่กระบะเทหัวทิ่มไปข้างหน้าแล้วกระดอนมาข้างหลังหัวทิ่มหัวตำ ไปตามกัน<br />
<br />
ระหว่างทางกลับไปสวนส้ม อาทิจมองสองข้างทางอย่างศึกษาหาข้อมูล ส่วนอึ่งกับพันนั่งมองอาทิจนึกในใจว่าหมอนี่เป็นใครนะ ทำไมหล่อลากดินขนาดนี้ อาทิจหันมาเจอสายตาของทั้งสองก็ฉีกยิ้มให้แล้วมองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ<br />
<br />
ส่วนที่หน้ารถ หลังจากน้าแก้วรู้ว่าอาทิจคือชายหนุ่มคนที่มากอดไหล่ดรุณีที่พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงเมื่อ<br />
<br />
วันก่อน ก็หัวเราะชอบใจว่านี่ต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ ถึงได้เจอกันแล้วเจอกันอีก สงสัยว่าหนุ่มนี่คงจะไปสมัครงานกับคุณย่า เหลียวมองข้างหลังแล้วพูดขำๆ ว่าพวกสาวๆที่ไร่คงไม่เป็นอันทำงานกันแน่ ขนาดอึ่งกับพันยังมองกันไม่วางตาเลย<br />
<br />
“เดี๋ยวเถอะ...จะทำให้หายหล่อทั้งคนจ้องทั้งคนถูกจ้องเลย” ดรุณีพูดอย่างมันเขี้ยวแล้วกระชากรถวืดดดดเดียว คนข้างหลังก็ถูกเหวี่ยงไปกองกันข้างหน้าแล้วกระดอนมาข้างหลัง ร้องกันลั่นไปหมด<br />
<br />
ดรุณียังตั้งหน้าตั้งตาแกล้งคนข้างหลังทั้งที่ตัวเองเพิ่งขับรถเป็นแท้ๆ จนเกือบประสานงากับรถที่สวนมา ดีที่หักหลบได้หวุดหวิด คราวนี้อาทิจทนไม่ได้แล้ว เขาลงไปนั่งเบียดดรุณีออกไป ขอเป็นคนขับรถเอง ดรุณียังทำอวดดีไม่ยอมให้ขับ<br />
<br />
“ขับรถประสาอะไร จะพาทุกคนไปตายกันหมดแล้วรู้ตัวรึเปล่า” อาทิจเสียงดัง ดรุณีถามว่าแล้วเกี่ยวอะไรกับเขา “เกี่ยวสิ ในเมื่อผมนั่งรถมากับคุณ”<br />
<br />
ดรุณีบอกว่าไม่พอใจก็โบกรถคันอื่นไปเอง อาทิจไม่ยอมเพราะตนต้องไปพบคุณย่าวันนี้ให้ได้ และต้องไปรถคันนี้ด้วยแล้วนั่งเบียด ดรุณีตวาดว่าเขาไม่มีสิทธิ์มาขับรถคุณย่า อาทิจถามว่าทำไมจะไม่มีสิทธิ์ในเมื่อตนก็เป็นหลานคุณย่าเหมือนกัน และก็ขับรถเป็นกว่าเธอหลายเท่า<br />
<br />
ทุกคนเลยพากันอึ้งเมื่อรู้ว่าอาทิจเป็นหลานคุณย่า เขาจึงเปิดเผยตัวเองว่าชื่ออาทิจเท่านั้นเอง ดรุณีถึงกับตะลึงว่าที่แท้ก็นายคนนี้นี่เอง!<br />
<br />
ooooooo<br />
<br />
อาทิจขับรถมาจนถึงสวนส้ม น้าแก้วบอกดรุณีว่าตนจะจัดการกับของที่ซื้อมาเอง ให้เธอพาอาทิจไปพบคุณย่าก็แล้วกัน ดรุณีเดินอ้าวไปเลย จนน้าแก้วต้องพูดออกตัวกับอาทิจว่า เธอคงไม่คิดว่าเขาจะเป็นหลานคุณย่าเลยตั้งตัวไม่ทัน และคงรู้สึกผิดเรื่องขับรถด้วย แก้ต่างให้ว่า เธอเพิ่งขับรถเป็น ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งเขาหรอก<br />
<br />
“ผมไม่ติดใจอะไรหรอกครับ เพียงแต่คิดว่าจะทำยังไงถึงจะเอาชีวิตรอดมากราบคุณย่าได้เท่านั้น”<br />
<br />
ดรุณีตะบึงตะบอนพาอาทิจไปหาคุณย่า พูดเหน็บว่าพอได้รับจดหมายก็รีบแจ้นมาเลย คุณย่ามองอาทิจที่เข้ามาอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว สัญชาตญาณความเป็นย่าหลานทำให้มองกันด้วยสายตาอบอุ่น ชิดเชื้อ<br />
<br />
อาทิจเข้าไปก้มกราบแทบเท้าคุณย่า ดรุณีทำแสบแกล้งยื่นเท้าไปใกล้คุณย่าเลยเหมือนอาทิจกราบตนไปด้วย แต่อาทิจก็ไม่สนใจเมื่อคุณย่าถามว่ามาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ มาอย่างไร<br />
อาทิจกับน้าแก้วช่วยกันเล่า คุณย่าเห็นรอยฟกช้ำที่แขนกับศอกของอาทิจถามว่าไปโดนอะไรมา อาทิจไม่อยากมีเรื่องตอบเลี่ยงไปแบบไม่โกหกแต่ก็พูดไม่หมดว่า ตนข้ามถนนแล้วไม่ทันเห็นรถที่แล่นมา กระโดดหลบเลยล้มกระแทกพื้นเอง<br />
<br />
คุณย่าบ่นพวกวัยรุ่นที่เพิ่งหัดขับรถแล้วออกมากวนเมือง เตือนเขาต้องระวังตัวให้มาก อาทิจสะใจมากบอกคุณย่าว่า<br />
<br />
“ครับ ผมจะระวังพวกวัยรุ่นกวนเมืองพวกนี้ให้มากครับ” พลางปรายตาไปทางดรุณี เธอตีหน้ายักษ์ใส่ ส่วนน้าแก้วรู้แกวแอบขำเบาๆ จากนั้นคุณย่าลำดับญาติให้ฟังว่า<br />
<br />
“มาด้วยกันอย่างนี้พ่ออาทิจคงรู้จักกับแม่ณีแล้วสินะ แม่ณีเป็นน้องคนหนึ่งของย่า ก็ต้องมีศักดิ์เป็นย่าของพ่ออาทิจด้วย”<br />
<br />
“นายอาทิจต้องเรียกหนูว่า คุณย่า ถูกไหมคะ” ดรุณีดี๊ด๊า พอคุณย่ารับว่าใช่ เธอก็หันไปยืดกับเขาทันที ทำเอาอาทิจกระอักกระอ่วนใจ คุณย่าตัดบทว่าคนไทยเรานิยมนับญาติกันตามอายุ ถามอาทิจว่าอายุเท่าไร พอรู้ว่า 20 เศษ คุณย่าบอกว่าแก่กว่าดรุณี 3 ปีเอง บอกดรุณีว่า ให้เธอเรียกอาทิจว่า “พี่” ก็แล้วกัน ทำเอาดรุณีปรับอารมณ์ไม่ทันหน้างํ้าไปเลย<br />
<br />
อ่านละครย่อเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง วันที่ 23 มิ.ย. 2555<br />
โดย บทประพันธ์ กาญจนา นาคนันทน์ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ปารดา กันตพัฒนกุล<br />
ที่มา ไทยรัฐสายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-13963945682786414422012-06-21T19:11:00.000+07:002012-06-21T19:13:22.208+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง วันที่ 22 มิ.ย. 2555อ่านละครย่อเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง วันที่ 22 มิ.ย. 2555<br />พลันเธอก็ชะงักกึกยืนตัวแข็งทื่อเมื่อถูกอาทิจรั้งไว้แล้วเอามือโอบไหล่บอกว่าอย่าเพิ่งไป ชวนดูภาพที่ฉายต่อ ดรุณีกัดฟันกรอด อาทิจเห็นเงียบไปเลยหันมอง เขาผงะยิ้มแหยๆ เมื่อเห็นว่าคนที่ตนโอบไหล่อยู่เป็นใคร เขารีบขอโทษบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ นึกว่าเพื่อน ว่าแล้วก็รีบจ้ำอ้าวไป ทั้งอายทั้งกลัวโดนด่า<br /><br />ดรุณีโกรธจนอยากจะกรี๊ดให้ลั่นห้องแต่ไม่กล้า เลยได้แต่ยืนสูดลมหายใจลึกๆ ลึกๆ สะกดอารมณ์เต็มที่<br /><br />ooooooo<br />ที่สวนส้มเนื้อที่กว้างขวางของย่าแดง ที่ทุกคนเรียกท่านว่าคุณย่า ปกติจะเงียบสงบเพราะแถวนั้นคนงานอยู่ประมาณ 20 คน ทุกคนทำงานขยันขันแข็ง แต่วันนี้มีเสียงแผดกรี๊ดดดด เสียงแหลมแหวกอากาศไปทั่วสวนส้ม<br /><br />พวกคนงานพากันวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น พอมาถึงเห็นน้าแก้ววัย 60 เศษ ญาติห่างๆของคุณย่าที่มาดูแลคุณย่า จึงเป็นทั้งญาติและคนคอยรับใช้คุณย่า ยืนหัวเราะท้องคัดท้องแข็งอยู่ ใกล้ๆนั้นดรุณีที่เพิ่งแผดเสียงกรี๊ดจนคนงานแตกตื่น ยืนทำหน้าง้ำ พวกคนงานพากันโล่งอก<br /><br />“หนูโมโหจริงๆนะคะ น้าแก้วขำอะไร”<br /><br />“ก็น้าแก้วกำลังสงสัยน่ะสิคะว่า คุณณีโดนพ่อหนุ่มคนนั้นโอบไหล่เฉยๆ หรือว่าโดนจุ๊บมากันแน่ ถึงได้กรี๊ดลั่นสวนยาว 3 รอบอย่างนี้”<br /><br />ดรุณีทำฮึดฮัดบอกว่าก็ลองดูสิ ตนจะได้ชกให้ บ่นว่าผู้ชายอะไรซุ่มซ่ามบ้ากาม ถ้าไม่คิดว่าเป็นสถานที่ที่ต้องเคารพ จะโวยแล้วอัดเสียให้จุกไปเลย<br /><br />“เขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอกแม่ณี สถานที่ศึกษาหา ความรู้อย่างนั้น คงไม่มีใครคิดจะเข้าไปทำอะไรไม่ดีไม่งาม หรอกน่า” ย่าแดงที่กำลังตัดแต่งกิ่งส้มอยู่ติง แล้วไล่พวกคนงานให้ไปทำงานเสีย หันมาบอกดรุณีว่า “เราก็เหมือนกัน จะมายืนอารมณ์เสียอยู่ทำไม มาช่วยย่าแต่งกิ่งส้มนี่ เดี๋ยวก็อารมณ์ดีขึ้นเอง ได้ประโยชน์ด้วย”<br /><br />ดรุณีจำต้องหันไปหยิบกรรไกรตัดแต่งกิ่งส้ม งับกรรไกรฉับๆๆ บ่นลอดไรฟัน<br /><br />“อย่างนี้มันโรคจิตชัดๆ เป็นพวกขาดความรักแหงๆ”<br /><br />ooooooo<br /><br />ที่บ้านพักนายประวิทย์ ปลัดอำเภอ พ่อของอาทิจ ชายหนุ่มก้าวเข้ามา เห็นนิตยาและภาณี น้องสาวสองคนกำลังพาน้องๆรดน้ำต้นไม้และพรวนดินที่แปลงพืชผักสวนครัวอยู่หน้าบ้าน นิตยาเหลือบเห็นอาทิจก็ร้องออกมาอย่างดีใจสุดๆ<br /><br />“พี่อาทิจ!!”<br /><br />สิ้นเสียงนิตยา น้องๆก็วิ่งกรูกันมาห้อมล้อมอาทิจเป็นพรวน เพราะเขาเป็นพี่คนโตและมีน้องๆอีกถึง 9 คน ภาณีวิ่งไปบอกพ่อกับแม่ว่าอาทิจกลับมาแล้ว ส่วนอาทิจ ยังถูกน้องๆมะรุมมะตุ้มจับแขนกอดขา ดึงเสื้ออยู่ที่หน้าบ้าน<br /><br />อาทิจกอดและโอบน้องๆไว้บอกว่า “พี่คิดถึงทุกคนที่สุดเลยรู้ไหม”<br /><br />ประวิทย์และพูนทรัพย์ผู้เป็นแม่เดินอ้าวออกมาโดยพูนทรัพย์อุ้มลูกวัย 8 เดือน น้องคนเล็กของอาทิจ ออกมาด้วย ทุกคนดีใจมากกับการเรียนจบและกลับมาของเขา บรรยากาศอบอุ่นเปี่ยมด้วยความรักของคนในครอบครัว<br /><br />อาทิจบอกพ่อว่าที่จริงตนอยากเรียกต่ออีกสักสองปีจะได้รับปริญญา แต่สงสารนิตยากับภาณีที่เสียสละหยุดเรียนเพื่อให้ตนได้เรียน เลยเปลี่ยนใจมาหางานทำเพื่อส่งน้องๆเรียนดีกว่า<br /><br />พูนทรัพย์ถามว่าเขาอยากทำอะไร อาทิจบอกว่าอยากเป็นชาวไร่ชาวนาเป็นเกษตรกร พูนทรัพย์ติงว่าทุนรอนเราไม่มี ที่ดินสักกระแบะมือก็ไม่มี จะทำได้อย่างไร ประวิทย์ตัดบทว่า ตำแหน่งเกษตรอำเภอที่นี่ว่างอยู่ พรุ่งนี้จะลองคุยกับนายอำเภอดู ตนปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริตมานาน ท่านต้องเห็นใจและเมตตาแน่ๆ<br /><br />การพูดคุยยุติลงทั้งที่อาทิจไม่อยากทำงานที่พ่อจะขอให้เลย<br /><br />ooooooo<br /><br />รุ่งขึ้น ขณะประวิทย์จะออกไปทำงาน พูนทรัพย์ จึงบอกให้อาทิจลองคุยกับพ่อดู เขาบอกพ่อว่าอาชีพรับราชการเงินเดือนคงไม่พอที่จะส่งน้องเรียน แต่ประวิทย์ชี้ให้เห็นว่าถึงเงินเดือนจะน้อยแต่เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และสวัสดิการ<br /><br />เมื่ออาทิจชี้แจงเหตุผลและความสำคัญของเกษตรกรที่มีต่อประเทศชาติ ทำให้เขาอยากเป็นเกษตรกรให้พ่อฟังแล้ว ประวิทย์ตัดบทว่า<br /><br />“อย่าเพิ่งฝันล้มๆแล้งๆกับอุดมคติที่ยังจับต้องไม่ได้ สิ่งที่ลูกเรียนมามันยังไม่ถึงเศษเสี้ยวของความยากลำบากที่ต้องเผชิญในความเป็นจริง ลูกยังไม่เคยเจอสภาพ ไม่เคยรับรู้ว่าการเกิดมาเป็นชาวนาจริงๆมันทุกข์ยากขนาดไหน...พ่อบอกได้เลยว่า มันไม่น่าพิสมัยนักหรอก” น้ำเสียงประวิทย์ขมขื่นจนอาทิจแปลกใจ<br /><br />แต่เมื่อประวิทย์ไปคุยกับนายอำเภอด้วยความหวังเต็มเปี่ยมที่จะฝากลูกชายเข้าเป็นเกษตรอำเภอ ซึ่งนายอำเภอก็ยินดีที่เด็กรุ่นใหม่สนใจการเกษตร แต่พอประวิทย์ถามว่าจะเริ่มงานได้วันไหนดี นายอำเภอบอกว่าเริ่มได้ทันทีถ้าหาเงิน 3 แสนมาได้ ทั้งยังขู่ๆว่ารีบๆหน่อยก็แล้วกันเพราะคนที่มาฝากลูกหลานมีหลายคน<br /><br />ประวิทย์ที่หน้าตาแจ่มใสเปี่ยมด้วยความหวังในตอนแรก บัดนี้ ห่อเหี่ยวหมองคล้ำไปในพริบตา...<br /><br />ความรู้สึกเสียใจผิดหวังกับข้าราชการบางคนที่กินนอกกินในกินใต้โต๊ะ ทำให้ประวิทย์ไม่คาดหวังงานราชการกับอาทิจอีก บอกลูกว่า<br /><br />“พ่อว่าบางทีลูกอาจจะคิดถูก เรื่องที่ลูกอยากทำไร่ทำนา บางทีความเหนื่อยยากแต่เป็นอิสรเสรีอาจจะทำให้ลูกมีความสุขมากกว่าต้องมาทนกับระบบพวกพ้องและการประจบเอาหน้าแบบข้าราชการก็ได้”<br /><br />อาทิจดีใจมาก เขาบอกพ่อว่าจะไปทำงานอย่างอื่นก่อนเก็บเงินมาซื้อที่สักแปลงค่อยผันตัวเองมาเป็นเกษตรกร<br /><br />พูนทรัพย์ถามว่าจะไปเช่าที่เขาทำหรือ หาได้เท่าไรก็ไปจมอยู่กับค่าเช่าหมด<br /><br />“มันอาจจะไม่ยากเย็นขนาดนั้นก็ได้แม่ พ่อพอมีหนทาง ว่าแต่...ลูกจะทนลำบากกับงานในไร่ในสวนได้แน่เหรอ” เมื่ออาทิจยืนยันถึงความอดทนใน 5 ปีที่เรียนมา ประวิทย์ตัดสินใจบอกลูกว่า “ดี...ถ้าลูกตั้งใจและมั่นใจอย่างนั้น พ่อก็จะเขียนจดหมายส่งตัวลูกไปทำไร่ทำสวนกับคุณย่า”<br /><br />“คุณย่า...คุณย่าไหนครับ” อาทิจถามงงๆ เพราะนับแต่เกิดมาจนอายุ 20 เขายังไม่เคยรับรู้ว่าตนมีคุณย่าเลย<br /><br />พวกน้องๆก็พากันงงไม่น้อยกว่าเขา ส่วนพูนทรัพย์ ละมือจากทำขนม มองหน้าประวิทย์อย่างแปลกใจแกมหนักใจ<br /><br />ประวิทย์นิ่ง...เงียบ...แต่ในแววตาเขาแฝงไว้ด้วยความสำนึกผิดและขมขื่นอย่างเห็นได้ชัด<br /><br />ooooooo<br /><br />ที่บ้านคุณย่า คืนนี้คุณย่าออกมานั่งดื่มนมอุ่นๆที่ระเบียง ดรุณีมานั่งดื่มเป็นเพื่อน คุณย่าถามว่าคิดหรือยังว่าจะทำอะไร ดรุณีบอกว่าทีแรกคิดจะสอบเข้าคณะเกษตรจะได้มาช่วยคุณย่าดูแลสวน แต่วันก่อนไปดูงานที่พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงแล้วเลยลังเล อยากทำอาหารกระป๋องแปรรูป จะได้เอาผักผลไม้ที่เหลือจากคัดไปขายมาแปรรูป ถามคุณย่าว่าดีไหม<br /><br />คุณย่าเห็นด้วยเพราะงานสวนงานไร่หนักเกินไปสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ ดรุณีอ้อนว่าทีคุณย่ายังทำคนเดียวมาได้ตั้งนาน<br /><br />“ย่าทำมาตั้งแต่ยังสาว ตั้งแต่ที่ดินมีแค่กระผีก มันก็เลยชิน แต่ตอนนี้ที่ดินขยายขึ้นเป็นพันไร่ ย่าว่ามันหนักหนาเกินไปสำหรับหนู”<br /><br />“ถึงจะหนักแสนหนักแค่ไหน หนูก็จะสู้ค่ะ ถ้าไม่มีใครที่คุณย่าพอจะไว้ใจและวางมือให้รับหน้าที่แทนได้ หนูจะขอรับหน้าที่ทุกอย่างแทนคุณย่าเองค่ะ” ดรุณีฉอเลาะ จนน้าแก้วที่มาเก็บแก้วนมได้ยินก็อดขัดคอไม่ได้ว่า<br /><br />“แต่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ก่อนนะค้า...”<br /><br />“มันต้องอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะน้าแก้ว” ตอบน้าแก้วแล้วกอดแขนคุณย่าอ้อน จนคุณย่ากอดไว้อย่างชื่นใจ<br /><br />ooooooo<br /><br />สามวันต่อมา คุณย่าก็ได้รับจดหมายจากประ-วิทย์ คุณย่าให้ดรุณีอ่านให้ฟัง โดยมีน้าแก้วที่อยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่อง นั่งเช็ดแก้วอยู่ใกล้ๆ เงี่ยหูฟังอยู่ด้วย<br /><br />“...สุดท้ายนี้ ผมกราบขอโทษในความผิดร้ายแรงของผมที่ผ่านมา ผมหวังว่า คุณแม่จะให้อภัยผม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณแม่จะเมตตาอาทิจ และรับอาทิจเข้าทำงานที่สวนของคุณแม่นะครับ...พวกเราจะรอความเมตตาและรอฟังข่าวดีจากคุณแม่ครับ...ประวิทย์”<br /><br />อ่านจดหมายแล้วดรุณีถามคุณย่าว่าประวิทย์ไหนหรือ ทำไมตนไม่เคยได้ยินคุณย่าพูดถึง...เอ่อ...คุณลุงคนนี้มาก่อนเลย<br /><br />“เขาเป็นลูกคนโตของย่า ย่าหวังจะพึ่งเขาให้ช่วยสานต่องานในไร่ เขากลับทำให้ย่าเสียใจด้วยการหนีออกจากบ้าน แถมยังขโมยเงินที่ย่าเพิ่งได้จากการขายข้าวไปด้วย ตอนนั้นย่าจนแสนจน เงินนั่นย่าก็กะจะเอาไปจับจองที่นาไว้ให้เขาทำกินนั่นแหละ”<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง วันที่ 22 มิ.ย. 2555<br />โดย บทประพันธ์ กาญจนา นาคนันทน์ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ปารดา กันตพัฒนกุล<br />ที่มา ไทยรัฐสายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-21774619576726428822012-06-21T19:08:00.002+07:002012-06-21T19:11:38.304+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง วันที่ 21 มิ.ย. 2555อ่านละครย่อเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง วันที่ 21 มิ.ย. 2555<br />ณ แปลงทดลองปลูกข้าวโพดขนาดใหญ่ที่ปากช่อง...อาทิตย์สาดแสงอ่อนๆ ไล้ยอดข้าวโพดที่พลิ้วไหวไปตามแรงลมเหมือนคลื่นน้อยๆ โลดไล่กันไปในทะเลสีเขียว<br /><br />นักเรียนเกษตรประมาณ 20 คน กำลังกระจายกันไปตามไร่ข้าวโพดที่กำลังออกฝัก ทุกคนขะมักเขม้นกับการเก็บข้อมูล จดรายงานการเจริญเติบโตของต้นข้าวโพด ต่างยังจดจำคำให้โอวาทของอธิการบดีในวันรับประกาศนียบัตรได้ขึ้นใจ<br /><br />“อาจารย์มีความยินดีกับนักเรียนเกษตรฯทุกคนที่จบการศึกษาในวันนี้ หลังจากที่บากบั่นพากเพียรกันมากว่า 5 ปี อาจารย์หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นักเรียนทุกคน จะได้นำวิชาความรู้ที่ได้เรียนมาไปพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง และน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวมาเป็นเครื่องเตือนใจว่า...”<br /><br />อาจารย์หยุดนิดหนึ่งก่อนอัญเชิญพระราชดำรัสว่า<br /><br />“ปัญญานั้นมีอยู่ 2 ลักษณะ คือปัญญาที่เกิดจากการเล่าเรียนจดจำอย่างหนึ่ง กับปัญญาที่เกิดจากการศึกษา สังเกตและพิจารณาจนรู้ชัดอย่างหนึ่ง นักเรียนเป็นผู้ที่ได้รับการศึกษาอบรมมาดีแล้ว จึงต้องสังเกตและศึกษาให้มาก ไม่มองข้ามแม้สิ่งเล็กน้อย เพราะแม้แต่ต้นหญ้าก็สามารถนำมาเทียบเคียงให้เป็นประโยชน์แก่การดำเนินชีวิตได้”<br /><br />สุดท้ายอาจารย์อวยพรแก่นักเรียนที่เรียนจบว่า “ขอให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิต และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรให้แก่ประเทศชาติสืบไป”<br /><br />ระหว่างนักเรียนกำลังเก็บข้อมูลกันนั้น อาจารย์เดินมาที่ข้างหลังนักเรียนคนหนึ่งถามหาอาทิจ นักเรียนสองสามคนตรงนั้นช่วยกันถามหา มองหาและร้องเรียก “อาทิจ...อาทิจ...อาจารย์เรียก”<br /><br />ครู่เดียวต้นข้าวโพดก็ไหวยวบเปิดเป็นทางเพราะอาทิจแหวกออกมา เขารีบวิ่งเข้าไปหาอาจารย์ถามอย่างกระตือรือร้น<br /><br />“อาจารย์มีอะไรจะใช้ผมหรือครับ”<br /><br />“พรุ่งนี้อาจารย์จะขึ้นไปสัมมนาที่พิพิธภัณฑ์โรงงานที่ฝาง เธอสนใจจะไปศึกษางานกับอาจารย์ไหม อาจารย์บอกเจ้าหน้าที่ไว้แล้วว่า อาจจะมีนักเรียนที่ได้ทุนเรียนดีขึ้นไปดูงานด้วย 3 คน หรือว่าจะกลับไปบ้านเลย”<br /><br />“ไปสิครับ ผมอยากไป” อาทิจรีบบอกอย่างตื่นเต้นดีใจ<br /><br />“ดีแล้ว ไปดูงานที่ในหลวงท่านทรงไว้ จะได้นำ ความรู้ไปใช้ให้เป็นสิริมงคลกับตัวเอง”<br /><br />“ครับ...ขอบคุณมากครับอาจารย์” อาทิจยกมือไหว้อย่างนอบน้อม อาจารย์ยิ้มตบบ่าเขาเบา ก่อนเดินออกไป<br /><br />อาทิจหันมาสบตากับเพื่อนๆพากันตะโกน “เย้ๆๆๆ” กระโดดโลดเต้น โยนสมุดรายงานในมือขึ้นฟ้ากันอย่างร่าเริง...<br /><br />ooooooo<br /><br />รุ่งขึ้น ที่หน้า “พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวง” ที่ฝาง อาทิจกับเพื่อนนักเรียนอีก 2 คน รวมทั้งนักท่องเที่ยวอีก 10 คน เดินตามเจ้าหน้าที่นำชมโครงการ เริ่มจากความหมายของตราสัญลักษณ์ของโรงงานและประวัติความเป็นมาของโรงงาน<br /><br />อาทิจจดบันทึกอย่างสนใจมาก<br /><br />ขณะนั้น มีรถกระบะขนส้มคันหนึ่งแล่นเข้ามาแบบกระตุกๆ พุ่งผ่านหลังอาทิจไปจอดส่งของที่ข้างโรงงาน<br /><br />ทันทีที่รถจอด ดรุณี สาววัย 17 ท่าทางทะมัดทะแมง กระโดดลงจากฝั่งที่นั่งคนขับ หยิบกระเป๋าสะพายเก๋ๆแบบชาวเขาจะวิ่งไป แต่นึกอะไรได้วิ่งกลับมาที่รถร้องเรียก “ลุงเกร็ง...ลุงเกร็งงงง...”<br /><br />ลุงเกร็งค่อยๆลืมตาขึ้นถามทั้งที่ยังนั่งเกร็งอยู่เพราะหวาดเสียวกับการขับรถของดรุณี ถอนใจโล่งอกเมื่อรู้ว่าถึงที่หมายรอดปลอดภัยแล้ว ดรุณีบอกลุงเกร็งให้ช่วยจัดเจ้าหน้าที่เอาส้มลง ตนจะไปชมพิพิธภัณฑ์หน่อย ว่าแล้ววิ่งตื๋อไปเลย<br /><br />ooooooo<br /><br />ดรุณีจ้ำอ้าวไปที่ลานกิจกรรมแต่ไม่เห็นใครแล้ว รีบเดินเข้าไปด้านใน เห็นเจ้าหน้าที่กำลังเชิญทุกคนไปชมอีกห้องหนึ่ง เธอรีบตามไป<br /><br />เจ้าหน้าที่นำนักเรียนและนักท่องเที่ยวเข้าไปในห้องที่แสดงชีวิตชายขอบ เจ้าหน้าที่เชิญทุกคนนั่ง อาทิจกับเพื่อนๆเลือกมานั่งที่แถวหน้าประสาคนรักเรียนใฝ่รู้ อาทิจนั่งกลางเพื่อนทั้งสองนั่งขนาบ<br /><br />ดรุณีเดินเข้ามา พอดีอาทิจเอาปากกาออกมาเตรียมจดปรากฏว่าเขียนไม่ออก หันไปถามเพื่อนว่ามีปากกาอีกด้ามไหมขอยืมหน่อย เพื่อนควานหาปากกาในกระเป๋า ทำให้ปากกาตัวเองหล่นกลิ้งไปเลยลุกไปหยิบ<br /><br />ดรุณีเห็นมีที่ว่างจึงเข้าไปนั่งแทน อาทิจเหล่ๆเห็นปากกาในมือดรุณีนึกว่าเพื่อนส่งให้ยืม เอ่ยขอบใจแล้วหยิบปากกาไป พลางหันไปคุยกับเพื่อนอีกคน<br /><br />เจ้าหน้าที่ปิดไฟในห้องเพื่อให้ทุกคนได้ชมวีดิทัศน์ เพื่อนคนนั้นที่ลุกไปหยิบปากกาเลยหาที่นั่งใหม่เพราะไม่อยากรบกวนสมาธิคนอื่น<br /><br />ดรุณีดูสารคดีอย่างตั้งใจ จนจบไฟเปิดสว่าง เธอหันไปมองอาทิจที่เอาปากกาตนไป อาทิจรู้สึกมีคนมองอยู่จึงหันมายิ้มให้อย่างมีไมตรีไม่เฉลียวใจสักนิดว่าตนหยิบปากกาใครมา ดรุณีกำลังจะเอ่ยปากทวงปากกา ก็พอดีเจ้าหน้าที่เชิญไปพบกับคำตอบที่อยู่อีกห้องหนึ่ง<br /><br />อาทิจลุกตามเจ้าหน้าที่ไป ดรุณีมองเคืองๆ บ่นตามหลัง “เอาของเขาไปแล้วยังจะมายิ้มให้อีก” พลางจ้ำตามไป<br /><br /><br /><br />พอเข้าไปในห้องภาพเฉลย เจ้าหน้าที่เฉลยว่า “ผู้ที่มากับเฮลิคอปเตอร์นั้นคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”<br /><br />จากนั้นเชิญไปยังห้องโรงงานชั่วคราว ระหว่างนั้นเพื่อนนักเรียนกระซิบบอกอาทิจว่าผู้หญิงคนนั้นแอบมองเขาบ่อยๆ อีกคนบอกว่าไม่ใช่แอบมองเท่านั้นยังแอบเดินตามด้วย<br /><br />อึดใจเดียว ดรุณีก็ทนไม่ได้เดินเข้าใกล้อาทิจร้องบอก “เดี๋ยว...อย่าเพิ่งไป” เพื่อนทั้งสองนึกว่าอาทิจเจอดีแน่แล้วต่างบอกว่าจะไปรอข้างนอกแล้วเลี่ยงไปเหมือนเปิดโอกาสให้เพื่อน ดรุณีเดินเข้าไปหาอาทิจบอกเขาว่า<br /><br />“ช่วยเอาปากกาที่นายถือวิสาสะดึงจากมือฉันไปคืนมาด้วย”<br /><br />อาทิจทำหน้าเหวอๆ พอนึกได้ก็รีบขอโทษและส่งปากกาคืนให้บอกว่านึกว่าของเพื่อนตน ดรุณีถามอย่างไม่ยอมให้แก้ตัวง่ายๆ ว่าตนนั่งอยู่ข้างเขาแล้วจะนึกว่าเป็นเพื่อนได้ยังไง อาทิจตอบอย่างไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดว่า<br /><br />“คือ...ก็...เพื่อนผมเขานั่งตรงที่ที่คุณนั่งก่อน... เออ...เอาเป็นว่าผมขอโทษก็แล้วกันครับ”<br /><br />“ทีหลังจะทำอะไรก็หัดดูตาม้าตาเรือซะบ้าง” ว่าแล้วก็สะบัดพรืดไป อาทิจมองตาปรอยพึมพำอ่อยๆ<br /><br />“แค่ปากกานี้เนี่ยนะ?...”<br /><br />ooooooo<br /><br />เมื่อเข้ามาในห้องโรงงานชั่วคราว เจ้าหน้าที่เล่าถึงระยะแรกของการทำอาหารกระป๋องในโรงงานชั่วคราวประกอบภาพสไลด์มัลติวิชั่น<br /><br />ดรุณีสนใจการทำอาหารกระป๋อง จึงเดินแทรกเข้าไปยืนด้านหน้าสุดข้างๆเพื่อนอาทิจ เธอมีสมาธิในการศึกษามาก ก้มๆเงยๆจดๆดูๆภาพเงาและฟังเสียงบรรยาย<br /><br />นักท่องเที่ยวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่าอยากเห็นเครื่องกระป๋องที่แปรรูป เจ้าหน้าที่จึงเชิญไปยังห้องที่มีจำหน่ายและให้ชิม นักท่องเที่ยวทยอยกันเดินตามเจ้าหน้าที่ไป<br /><br />อาทิจศึกษาอย่างสนใจ ตามองที่ภาพปากพูดกับเพื่อนว่าเทคนิคน่าสนใจดี ดูแล้วเข้าใจง่าย เพื่อนคนหนึ่งทำเสียงอือเห็นด้วย แล้วเดินตามเจ้าหน้าที่ไปกับเพื่อนอีกคน อาทิจนึกว่าเพื่อนยังอยู่ เขาคุยไปเรื่อย ดรุณียืนอยู่ติดกันเหล่มองด่าด้วยสายตาทำนองว่า “อีตาบ้านี่อีกละ” แล้วจะผละไป<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง ธรณีนี่นี้ใครครอง วันที่ 21 มิ.ย. 2555<br />โดย บทประพันธ์ กาญจนา นาคนันทน์ จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 3 โดย ปารดา กันตพัฒนกุล<br />ที่มา ไทยรัฐสายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-43193613307156072692010-10-04T21:42:00.000+07:002010-10-04T21:43:39.646+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 4 ตุลาคม 2553อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 4 ตุลาคม 2553<br />“ทำไมนายต้องมาสนใจดูแลฉันด้วย <br /> <br />“ก็...ไม่รู้สิ ผมแค่รู้สึก..อยากช่วยคุณ จริง ๆ นะ”<br /> <br />ธามเงยหน้าสบตาบาจรีย์ แล้วล้างแผลให้บาจรีย์ต่ออย่างเบามือและอ่อนโยน บาจรีย์แอบมองธามโดยไม่ขัดขืนอีกเลย<br /><br />---@@@---<br /> <br />ระหว่างที่ช่วยทำแผลให้พชร ลำธารเห็นพชรมีท่าทีท้อแท้ โทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ปกป้องค่ายไว้ไม่ได้ จึงช่วยพูดปลอบให้พชรมีกำลังใจ<br /> <br />“พชร นายอย่าโทษตัวเองนะ เรื่องอะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ อย่าง น้อย ๆ ตอนนี้นายก็ยังมีลมหายใจ มีร่างกายที่เข้มแข็งพอจะต่อสู้กับวันข้างหน้า มีคนรอบตัวที่พร้อมจะยืนหยัดเคียงข้างนายรวมถึง นายยังมีฉัน” ลำธารวางมือลงที่มือของพชรอย่างให้กำลังใจ<br /> <br />พชรหันมาสบตาลำธาร ลำธารเองก็อึ้ง ที่หลุดปากบอกความนัย<br /> <br />“ฉันหมายถึงยังมีเจ้าหญิงบาจรีย์ที่พร้อม จะเป็นกำลังใจให้นายเสมอ”<br /> <br />“แล้วคุณล่ะลำธาร” <br /> <br />“ฉันอยู่เคียงข้างพวกเราทุกคน ไม่ ว่าใครก็ตามต่างมีความสำคัญต่อการกอบกู้ มินาลิน แต่ในฐานะที่นายเป็นผู้นำ นายควร จะเข้มแข็งและเป็นกำลังใจให้ทุกคน คน เราล้มได้แต่ต้องลุกให้ไวที่สุด ฉันพูดได้เท่านี้แหละ ที่เหลือนายคงคิดได้เอง...แล้วในฐานะ ผู้นำ นายบอกฉันทีสิ ว่าเราจะกลับไปเจอกับทุกคนที่ไหน”<br /> <br />พชรเล่าเรื่องค่ายสำรองที่หมู่บ้านชนพื้นเมืองทางป่าทิศตะวันตกให้ลำธารฟัง ลำธารนึกเป็นห่วงธามกับบาจรีย์ พชรปลอบใจไม่ให้ลำธารคิดมาก เชื่อว่าธามคงหาทางพาบาจรีย์ไปที่ค่ายสำรองได้ พชรเห็นว่าเริ่มเย็นมากแล้ว จึงตัดสินใจจะนอนพักค้างคืนกลางป่า ลำธารช่วยจัดเตรียมที่นอนให้พชรที่ได้รับบาดเจ็บ พชรค่อยรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาบ้าง<br /><br />---@@@---<br /> <br />ธามออกไปสำรวจป่ากลับมาเห็นบาจรีย์ ก่อกองไฟเสร็จเรียบร้อยก็นึกทึ่ง แต่พอรู้ว่าบาจรีย์เอาแผนที่ค่ายสำรองที่ธามแอบคัดลอกเก็บไว้ในอกเสื้อไปจุดไฟ ธามก็โวยวายลั่นออกมาทันที บาจรีย์หน้าจ๋อยไม่คิดว่าเศษกระดาษที่อยู่ในเสื้อธามจะเป็นแผนที่ <br /> <br />“ปัดโธ่เว้ย ให้มันได้ยังงี้สิ”<br /> <br />“ซวยเเล้ววววว”<br /> <br />“ใช่ ซวยมาก ซวยสุด ๆ ที่สุด ของความซวย อภิมหาโคตะระซวย ยัยตัวซวย”<br /> <br />“ถึงฉันจะทำยุ่ง...แต่ฉันก็หวังดีไม่อยากให้นายหนาวนะ”<br /> <br />ธามชะงักทันที ที่เห็นบาจรีย์เศร้าลงอย่างคนรู้สึกผิด บาจรีย์เดินหนีไปนั่งซึมหันหลังให้ธาม ธามมองบาจรีย์อย่างรู้สึกสงสาร<br /><br />---@@@---<br /> <br />ภูษณะหาสมุนไพรมาทำแผลให้กับพา ริณ พาริณรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เห็นภูษณะคอยอยู่ดูแลไม่ห่างรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก<br /> <br />“ท่านภูษณะ ท่านไม่ต้องลำบากทำแบบนี้หรอก” <br /> <br />พาริณพยายามลุกขึ้น แต่ภูษณะแตะที่ไหล่พาริณเบาๆ<br /> <br />“ไม่เป็นไร นอนพักก่อนเถอะ ทำไม รังเกียจที่เราดูแลเจ้ารึไง”<br /> <br />“เปล่า แต่ฉันห่วงท่านพชร ในฐานะองครักษ์จะอยู่ห่างจากเจ้าชายไม่ได้ ท่านก็รู้ว่าตอนนี้ทหารดารัณกระจายอยู่ทั่วป่า”<br /> <br />“เจ้าห่วงพชร หรือว่าห่วงที่ตอนนี้พชรอยู่กับลำธาร”<br /> <br />พาริณอึ้งไปพูดไม่ออกบอกไม่ถูกภูษณะ จัดแจงถอดเสื้อตัวนอกห่มให้พาริณทันที<br /> <br />“ถ้าไม่อยากนอนซมเพราะพิษไข้ก็ต้องรีบพักผ่อน พชรเอาตัวรอดได้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ตอนนี้ห่วงชีวิตของเจ้าเองจะดีกว่า เชื่อเราสิ”<br /> <br />ภูษณะยิ้มให้อย่างจริงใจ แล้วเดินไปนั่งลงที่โคนต้นไม้ พาริณมองไปทางภูษณะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ<br /><br />---@@@---<br /> <br />ลำธารนอนไม่หลับพลิกตัวไปมา มอง ไปรอบ ๆ อย่างรู้สึกหวั่น ๆ และเป็นกังวล จู่ ๆ พชรก็มานอนข้าง ๆ ลำธารหันมาโวย พชรอ้างว่าอยากมาอยู่ใกล้ ๆ คอยดูแล<br /> <br />“ลำธาร คุณทำให้ผมได้รู้ว่า ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า อย่าท้อแท้กับความผิดหวังที่ผ่านพ้น และปัญหาที่เคยมีระหว่างเราผมจะไม่รื้อฟื้น หรือแก้ตัวอะไรอีก แต่ผมจะเริ่มต้นใหม่ จนกว่าคุณจะรู้ว่าผมไม่เคยเปลี่ยนความรักที่มีต่อคุณไปแม้แต่น้อย”<br /> <br />พชรบอกความรู้สึกจากใจ ด้วยความจริงจากหัวใจ ลำธารอึ้ง ๆ ไป รีบนอนหันหลังให้ทันที เขินกับสายตาหวานของพชร พชรพลิกตัวไปกระซิบข้าง ๆ หูลำธารบอกให้ลำธาร ฝันดี ลำธารไม่พูดตอบ แต่ก็ยิ้มออกมา สุขใจอย่างประหลาด…<br /><br />---@@@---<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 4 ตุลาคม 2553<br />ที่มา เดลินิวส์สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-6772805623609029832010-10-04T21:41:00.000+07:002010-10-04T21:42:25.055+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 4 ตุลาคม 2553อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 4 ตุลาคม 2553<br />“เสด็จย่า การต้องเป็นผู้ปกครองวังมองบ๊อก มันลำบากจริง ๆ ใจของข้ามันลอยไปที่อื่นแล้ว ทุกคนเอาแต่คิดจะพึ่งข้า จนข้าเริ่มทนไม่ไหวแล้ว ทำไมท่านถึงเอาภาระหนักแบบนี้มาให้ข้า ข้าควรจะทำยังไง ข้าควรทำยังไงดี เสด็จย่า” ชอนชูรำพึงอย่างเศร้าสร้อย<br /><br />---@@@---<br /><br />ตอนที่ 12<br /> <br />ชอนชูบอกกับคังโจว่าจะหยุดสร้างค่ายทางเหนือของชาวบัลแฮ คังโจแปลกใจที่ชอนชูมีความคิดเปลี่ยนไป คังโจเดาว่าคงเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าซองจงที่ต้องการให้ชอนชูทิ้งวังมองบ๊อกและไปจากชายแดนทางเหนือ ชอนชูบอกถึงความจำเป็นที่ต้องเลือกองค์ชายแคลองผู้เป็นสายเลือด เพราะหากนางอยู่ทางเหนือ อยู่ในวังมองบ๊อกชอนชูอาจต้องเสียลูกชายไปตลอดกาล คังโจบอกว่าเขาไม่อยากทิ้งการสร้างค่ายไป แต่หากเป็นพระประสงค์ของชอนชูเขาก็พร้อมจะปฏิบัติตามและติดตามชอนชูไป เป็นเวลาเดียวกับจูจองเข้ามารายงานว่ามีคนจากแค-กยองมาขอเข้าเฝ้า<br /><br />---@@@---<br /> <br />โจซังกุงมาพบชอนชูโดยบอกว่านำสาส์น จากพระสนมยอนฮึงมาบอก โดยพระสนมจะให้ชอนชูเจอกับองค์ชายแคลอง หลังจากพระเจ้าซองจงเสด็จไปแค-กยองแล้ว ให้ไปพบองค์ชายแคลองที่วัดคีเบิบ เพราะหากพบในพระราชวังอาจมีคนอื่นเห็น<br /><br />---@@@---<br /> <br />วอนซุงมาบอกแผนที่จะกำจัดชอนชู และองค์ชายแคลองให้ชอยซอมฟัง โดยพระสนมยอนฮึงจะพาองค์ชายแคลองไปพบชอนชูที่วัดคีเบิบ หลังจากพระสนมออกจากวัดแล้วก็ให้สมุนปลอมตัวเป็นพวกหนี่เจินลงมือสังหารสองแม่ลูกให้สิ้นซาก ป้องกันพระเจ้าซองจงสงสัย <br /> <br />“เรื่องนี้ท่านวางใจข้าได้เต็มที่ รับรองว่าสำเร็จแน่นอน แต่ท่านต้องรับประกันว่าจะ ไม่มีใครที่คิดจะเสนอพระสนมองค์ใหม่ให้กับท่านอ๋อง ถ้าหากท่านยังคิดที่จะเสนอพระสนมคนใหม่ ข้ากับท่านต้อง...ตัด.. ความสัมพันธ์กัน” วอนซุงกล่าว<br /><br />---@@@---<br /> <br />ยุนมาบอกพระมเหสีฮอนจองว่าวังอุกไป แค-กยองแล้วพร้อมกับกัมชัน โดยทิ้งจดหมาย บอกลาไว้<br /> <br />“พระมเหสี ต้องขออภัยที่ไปโดยไม่ลาอีกแล้ว สิ่งที่พระมเหสีรู้สึกต่อข้าเป็นสิ่งที่.. ข้าไม่อาจรับไหว ข้าเองก็กลัวว่าตัวข้าจะควบคุม ตัวเองไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นข้าจึงต้องไป ย้อน นึกถึงอดีต ใจของข้ายังคงเหมือนเดิม พระมเหสีก็ยัง..บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนวันวาน ยังเป็นเหมือนบุปผาที่บานบนชะง่อนผา อยู่ห่างไกลจากความ..ฟอนเฟะและโหดเหี้ยมของการเมือง แต่ว่าข้า..คนที่เอาแต่หนีปัญหาในชีวิต โดยไม่อยากสู้คนนี้คงไม่กล้าอาจเอื้อมไปเด็ด บุปผาที่อยู่ตรงนั้น ตลอดมาข้าหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกสักครั้ง ตอนนี้ข้าก็ได้เจอท่านแล้ว ให้อภัยในความอ่อนแอของข้าด้วย ที่ข้าไม่กล้าพอที่จะรับความรักนี้ มีพบย่อมมีพราก มีพรากย่อมพบพาน ข้าเชื่อว่าการจากกันในวันนี้ พวก เรายังจะต้องได้พบกันอีก ความทรงจำที่มี ข้าจะขอเก็บไว้ในใจตลอดกาล ได้โปรด ถนอมตัวเองด้วย”<br /><br />ฮอนจองอ่านจดหมายแล้วร้องไห้ด้วย ความเสียใจมาก<br /><br />---@@@---<br /> <br />หลังจากที่พระเจ้าซองจงเดินทางไปซอ-กยอง ยอนฮึงก็พาองค์ชายแคลองมาที่วัดคีเบิบ ยอนฮึงบอกองค์ชายแคลองว่าจะให้พบกับชอนชู องค์ชายแคลองตกใจมากเพราะกลัวเรื่องจะรู้ถึงหูพระเจ้าซองจง<br /> <br />“เรื่องนี้ ข้าจะจัดการให้เอง แต่เจ้าต้อง จำเอาไว้อย่างนึงว่า ถึงนางจะเป็นคนให้กำเนิด แต่ข้าเป็นคนที่คอยเลี้ยงดูเจ้ามา ไม่ว่าใครจะพูดหรือว่าทำอะไร เจ้าก็เป็นเหมือนลูกแท้ ๆ ของข้าอยู่เสมอ เข้าใจรึเปล่า?”<br /> <br />“พ่ะย่ะค่ะ พระสนม” องค์ชายแคลองรับปาก ยอนฮึงให้องค์ชายแคลองเรียกตนเองว่าแม่ องค์ชายแคลองยอมทำตาม ยอนฮึงยิ้มอย่างดีใจ<br /> <br />ชอนชูมาที่วัดคีเบิบ ยิ้มออกมาอย่างยินดีที่ได้พบองค์ชายแคลอง ยอนฮึงปล่อยให้สองแม่ลูกได้พูดคุยกันโดยบอกว่าตอนเย็นจะ ส่งโจซังกุงมารับ ชอนชูกล่าวขอบคุณพระสนม อย่างจริงใจ<br /> <br />โจซังกุงกังวลว่าหากพระเจ้าซองจงทราบเรื่องจะมีปัญหาได้ พระสนมยอนฮึงบอกว่าทำในฐานะแม่คนนึงและจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง<br /><br />---@@@---<br /> <br />องค์ชายแคลองรู้สึกอึดอัดทำตัวไม่ถูกเมื่อพบชอนชู เพราะไม่ได้เจอกันนาน ชอนชูพยายามพูดคุยเพื่อคลายความอึดอัด และพาองค์ชายแคลองเดินเล่นไปรอบ ๆ วัด<br /> <br />ระหว่างที่องค์ชายแคลองและชอนชูพบปะกันในวัดคีเบิบ ก็มีชายลึกลับปรากฏตัวขึ้น และตรงเข้ามาจะทำร้ายทั้งคู่ คังโจซึ่งคอยอารักขา ชอนชูจึงเข้าต่อสู้ หลวงจีนในวัดก็เข้ามาช่วยเหลือ ระหว่างที่ต่อสู้ชอนชูถูกคมดาบ ส่วนองค์ชายแคลองตกใจจนสลบไป คังโจพาชอนชูและองค์ชาย แคลองหลบหนี คังโจเห็นแผลจากคมดาบและเลือดไหลไม่หยุดจึงขอให้ชอนชูกลับไปรักษาตัว ที่วังซุงด๊อก ชอนชูว่าเมืองหลวงอันตรายควรจะกลับไปที่ฮวางจูจะดีกว่า<br /><br />---@@@---<br /> <br />กามุนรายงานต่อชียังเรื่องที่ชอนชูไปพบองค์ชายแคลอง รวมไปถึงเรื่องที่พระเจ้าซองจงเสด็จเมืองซอ-กยอง<br /> <br />“ถ้าหากท่านอ๋องเสด็จจาก แค-กยองมาซอ-กยองจริง พวกเราจะมีโอกาสปลงพระชนม์ ได้” กามุนเสนอ<br /> <br />“นี่เจ้าพูดอะไรห้ะ?” ชียังเสียงดัง<br /> <br />“การจะจัดเตรียมคนของเราที่ซอ-กยองคงไม่ยากนัก ลองพิจารณาดูเถอะ นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก”<br /> <br />“ทำอย่างนั้นไม่ได้ ข้าบอกแล้วไงว่าอย่า เพิ่งใจร้อนเกินไป สถานการณ์ตอนนี้ที่เราต้องทำไม่ใช่ปลงพระชนม์ท่านอ๋องของโครยอ แต่ต้องสร้างความเชื่อใจให้ได้ อย่าลืมเป้าหมายหลัก ของพวกเราไปสิ เข้าใจรึยัง?” <br /> <br />“ขอรับ นายท่าน” กามุนรับคำ<br /><br />---@@@---<br /> <br />ตามบันทึกประวัติศาสตร์ของโครยอ ได้บันทึกเรื่องราวการเสด็จประพาสของพระเจ้าซองจง การเสด็จประพาส ฤดูหนาวเดือนสิบในปีนั้น ทุกหัวเมืองและอำเภอที่ประพาส ผู้เฒ่า ผู้แก่ทั้งหลาย ต่างได้นำเอาเหล้าและวัวมาถวายแด่พระเจ้าซองจง เหล้าทรงประทานให้ทหาร ส่วนวัวก็ประทานคืนให้ราษฎร เมื่อพบผู้ที่เจ็บป่วยไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ ก็จะยกเลิกการเก็บภาษีให้ ผู้ที่เจ็บป่วยไม่สบายก็จะได้รับ การประทานยารักษาโรค การเสด็จประพาสเพื่อเยี่ยมเยียน ไม่เพียงแต่ทำให้ชาวซอ-กยองยินดีอย่างยิ่ง แต่ประชาชนรอบข้างก็ยินดีด้วย<br /><br />---@@@---<br /> <br />กัมชันมาหาวังอุกถึงที่พำนักในป่า วังอุกปลีกวิเวกมาอยู่ในป่าคนเดียว กัมชันรู้ว่าที่วังอุกหนีมาอยู่ในที่ห่างไกลผู้คนเพราะฮอนจอง พระมเหสีรองวังมองบ๊อก วังอุกแปลกใจที่กัมชันเดาเรื่องของเขาออก<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 4 ตุลาคม 2553<br />ที่มา เดลินิวส์สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-67741074289608912122010-10-04T21:40:00.000+07:002010-10-04T21:41:18.753+07:00อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 4 ตุลาคม 2553อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 4 ตุลาคม 2553 <br />“โอชินเป็นผู้หญิงที่ใจแข็งจริง ๆ นะคะ ฉันดูแล้วอดริษยาไม่ได้ ฉันเองเสียอีกอยากจะทำอะไรไม่ได้ทำเลย เป็นสะใภ้ ก็รู้อยู่ว่ามันต้องลำบาก จึงได้อดทน เคยคิดจะหนีออกจากบ้านนี้ตั้งหลายครั้งแต่ก็ทำไม่ได้ มาเห็นโอชินกล้าตัดสินใจมันสะใจอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว”<br /> <br />คราวนี้ฟุกุทาโร่ก็เลยลุกนั่งด้วยความ ร้อนใจ กล่าวเฉียบขาดว่า “จึเนะโกะ...เรื่องบ้า ๆ อย่างนี้อย่าให้เข้าหูคุณแม่เป็นอันขาดนะ...เดี๋ยวเกิดเรื่อง”<br /> <br />รุ่งเช้าของวันถัดมา โอชินตั้งใจว่าจะอำลาบ้านทาโนคุระแต่เช้า ติดขัดในเรื่องยิ่ว เดินเข้ามาที่ห้องครัวพบจึเนะโกะเพียงคนเดียว ก็เข้าไปกราบขอบคุณที่ได้ช่วยเหลือมาตลอด<br /> <br />“จะไปแล้วรึ แล้วเรื่องยิ่วจะทำยังไง”<br /> <br />“จะลองไปขอร้องคุณแม่ดูอีกสักครั้งค่ะ”<br /> <br />“ไม่สำเร็จละมั้ง เอาแบบนี้เถอะ โอชินไปรอที่ตรงไหนสักแห่งนะ...ฉันจะเอายิ่วไปส่งให้เอง...พอเธอออกไปแล้วคุณแม่ก็จะเลิกระแวง ถึงตอนนั้นฉันจะแอบพายิ่วไปให้”<br /> <br />“นึกออกแล้ว รอฉันอยู่ที่หลุมฝังศพลุงเงนนะ”<br /> <br />สิ้นคำโอคิโย่เดินออกมาจากในห้องจึเนะโกะวางสีหน้าเรียบค้อมหัวให้กล่าวทักทาย โอคิโย่เปลี่ยนสายตามามองดูโอชินถามว่ายังไม่ไปอีกหรือ พอดีกับไดโงะโร่เดินออกมา โอชินค้อมศีรษะให้กล่าวอำลา<br /> <br />“ขอให้โชคดี ต่อไปถ้าลำบากขึ้นมาละก็อยากจะกลับมาก็เชิญ”<br /> <br />“พูดเป็นเล่น ไปแล้วจะกลับมาอีกไม่ได้ โอชินก็ต้องเข้าใจตามนี้”<br /> <br />“เธอนี่ก็พูดไปได้ ยิ่วก็ยังอยู่ที่นี่จะตัดแม่ตัดลูกได้ยังไง”<br /> <br />ฟุกุทาโร่เดินมาหาโอชิน ยื่นซองเงินส่งให้กล่าวว่า “นี่คือน้ำใจของฉัน โอชินได้ช่วยงานฉันอย่างมาก ขอให้รับไว้ด้วย”<br /> <br />โอชินน้อมรับไว้ด้วยความซาบซึ้ง ริวโซ่กล่าวกับภรรยาว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่สถานีรถไฟ”<br /> <br />“บ้าอีกแล้ว โอชินเขาเป็นฝ่ายทอดทิ้งแก จะอาลัยอาวรณ์ไปถึงไหนกันนะริวโซ่”<br /> <br />โอชินก้มหน้าเดินออกมาจากบ้านทาโนะคุระ ริวโซ่วิ่งตามออกมา ยื่นซองเงินส่งให้โอชิน<br /> <br />“นี่เป็นเงินที่เอามาจากคุณพ่อ รับไว้เถอะแล้วเขียนบอกฉันมาด้วยว่าอยู่ที่ไหน”<br /> <br />โอชินรับไว้และจากสามีอย่างเย็นชา ในใจก็คะนึงไม่หายว่าวาจาที่จึเนะโกะให้ไว้จะเป็นไปได้หรือไม่หนอ เหมือนความพอดีเกิดขึ้น พอโอชินคล้อยหลังได้ประเดี๋ยวเดียว โอคิโย่ก็จำเป็นต้องออกไปเยี่ยมเพื่อนบ้านที่ไม่สบาย จึเนะโกะฉวยเวลานั้นแอบพายิ่วตรงดิ่งไปยังหลุมฝังศพเงนเอม่งที่นัดหมาย โอชินรู้สึกตื่นเต้นดีใจเหลือจะกล่าว จึเนะโกะรีบเอายิ่วผูกหลังโอชิน<br /> <br />“ขอบคุณมากค่ะ หนูจะไม่ลืมพระคุณอันนี้เลย”<br /> <br />“รีบไปเถอะ ฉันเองก็เป็นแม่คน ถ้าทำได้เหมือนโอชินก็จะต้องขอพาเอาลูกไปด้วย”<br /> <br />“แล้วเผื่อคุณแม่รู้...”<br /> <br />“ช่างเถอะ ค่อยแก้ปัญหา...อย่าห่วงเลย คุณแม่มีหลานตั้งสี่คน อีกไม่นานก็ลืมยิ่วเองน่ะแหละ”<br /> <br />โอชินรู้สึกในน้ำใจอันงดงามของจึเนะโกะ อย่างคาดไม่ถึง จึเนะโกะกลับมาถึงบ้าน พบแม่ผัวยืนตาเขียวอยู่กับโอจึหงิ พยายามวางสีหน้าให้เป็นปกติ ในมือถือผักที่ทำเป็นว่าไปซื้อมา <br />ที่มา เดลินิวส์สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-85704942932483587692010-10-01T20:09:00.001+07:002010-10-01T20:10:25.635+07:00อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 1 ตุลาคม 2553อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 1 ตุลาคม 2553 <br />“เราเข้าบ้านกันเถอะค่ะคุณพี่ วันนี้น้องทำกระท้อนลอยแก้วของโปรดของคุณพี่เอาไว้ด้วยนะคะ” <br /> <br />พิสมัยปรายตามองวนิดาเย้ยหยัน ควงแขนประจักษ์เดินเข้าไป ประจักษ์ไม่อาจละสายตาจากวนิดาไปได้...วนิดานั่งเศร้าอยู่บนเตียง ป้าทอง จวง นั่งอยู่บนพื้นมองวนิดาด้วยความ สงสาร... <br /> <br />“คุณเล็กจะกลับมา แสดงว่าต้องหาเงินใช้หนี้คุณดาวได้แล้วน่ะสิคะ” <br /> <br />“จริงด้วย ถ้างั้นคุณนิดกับคุณผู้ชายก็ต้องหย่ากัน” <br /> <br />วนิดาชะงัก ป้าทองตีแขนจวงไม่ให้พูด จวงหันไปมองป้าทองขมุบขมิบปากด่าว่าพูดทำไม จวงกับป้าทองเหลือบตามองวนิดาเป็นห่วง วนิดาเอาแต่นั่งเงียบรู้สึกใจหาย<br /><br />---@@@---<br /> <br />ประจักษ์นั่งเหม่อมองพระจันทร์คิดถึงช่วงต่าง ๆ ที่ได้อยู่กับวนิดา ด้านหลังเห็นวนิดาลงมาเดินเล่นเพราะนอนไม่หลับเหมือนกัน วนิดายืนมองประจักษ์แววตาเต็มไปด้วยความอาลัย ตัดใจจะหันหลังเดินกลับไป ประจักษ์หันมาเห็นพอดีจึงเรียกเอาไว้ ประจักษ์มองวนิดาแววตาอาลัยไม่แพ้กัน เดินมาตรงหน้า <br /> <br />“เธอคงจะมานั่งดูพระจันทร์...ขอโทษนะที่ฉันแย่งที่นั่งของเธอ” <br /> <br />“มันไม่ใช่ที่นั่งของฉันหรอกค่ะ มันเป็นที่ของคุณ ของมหศักดิ์ ฉันก็แค่มาอาศัยนั่งดูพระจันทร์ในวันที่เหงาก็เท่านั้น เชิญคุณตามสบายเถอะค่ะ” <br /> <br />วนิดาจะเดินไป ประจักษ์จับแขนวนิดาสองข้างให้หันมาประจันหน้ากับตัวเอง <br /> <br />“นิด...พรุ่งนี้เราไปทานข้าวนอกบ้านกันนะ” <br /> <br />“อย่าเลยค่ะ...อย่าทำให้ฉันเคยชินกับการที่มีคุณอยู่ข้าง ๆ เลยนะคะ เราควรเตรียมตัว เตรียมใจรอวันที่คุณประจวบกลับมา”<br /> <br />ประจักษ์ยืนอึ้ง วนิดากลั้นน้ำตาไม่ให้รื้นขึ้นมา อยากตัดใจ ก่อนจะถลำลึกมากไปกว่านี้ <br /> <br />“เพราะหลังจากที่คุณประจวบกลับมาแล้ว เราจะได้หย่ากัน เพื่อที่คุณจะได้แต่งงานกับคุณพิสมัย ส่วนฉันก็จะมีชีวิตของฉัน โปรดเข้าใจด้วย” <br /> <br />วนิดาหันหลังเดินน้ำตาไหลออกไป ประจักษ์เจ็บปวดใจเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ ไม่อยากให้น้ำตาไหลออกมา<br /><br />---@@@---<br /><br />ตอนที่ 22<br /> <br />บนระเบียงห้องนอน ประจักษ์แอบยืนมองวนิดาที่กำลังทำสวนอยู่กับป้าทอง จวง ไปล่ สีหน้าเศร้าสร้อย ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในห้อง วนิดาหันไปมองที่ห้องประจักษ์ เศร้าไม่แพ้กัน ปราณีนั่งอยู่กับน้อมและพิสมัย <br /> <br />“แม่ปราณีดูผิวพรรณมีน้ำมีนวลขึ้นมากเลยนะ”<br /> <br />“ดิฉันอบสมุนไพรทุกวัน เตรียมต้อนรับคุณเล็กกลับมาค่ะ คุณแม่กับพิสมัยสนใจมั้ยคะ ดิฉันมีสูตรเด็ดของตระกูล ถ้าสนใจ ดิฉันจะให้คนมาทำให้ที่บ้าน” <br /> <br />“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ให้มาทำวันนี้เลย ได้มั้ย แม่กับแม่พิสมัยอยากอบตัวก่อนจะไป งานเลี้ยงคุณหญิงแม้นศรีคืนนี้” <br /> <br />“ได้สิคะคุณแม่” <br /> <br />ระหว่างนั้นประจักษ์เดินออกมา <br /> <br />“คุณพี่ขา...เย็นนี้อย่าลืมงานที่บ้านคุณหญิงแม้นศรีนะคะ” <br /> <br />“ฉันไม่ไป”<br /> <br />“ทำไม? เราไม่มีงานอะไรไม่ใช่เหรอ” <br /> <br />“ผมไม่อยากไป ผมเหนื่อย” <br /> <br />“แต่ลูกต้องไป! แม่ไม่ยอมให้ลูกอยู่บ้านกับนังวนิดาตามลำพัง นี่เป็นคำสั่ง!!” <br /> <br />ประจักษ์เซ็ง พิสมัยยิ้มพอใจ <br /><br />---@@@---<br /> <br />ประจักษ์เดินหัวเสียออกมา ป้าทองเห็นจึงเข้ามาถามประจักษ์ว่าอารมณ์เสียเรื่องอะไร ประจักษ์บอกไม่มีอะไร ก่อนจะถามหาวนิดา <br /> <br />“คุณนิดเธอไปบ้านคุณอำไพตั้งแต่เช้าแล้วล่ะค่ะ”<br /> <br />ประจักษ์นิ่ง พยักหน้ารับรู้ แล้วก็เศร้า ป้าทองมองเห็นใจ <br /> <br />“คุณใหญ่คะ อย่าหาว่าป้าสาระแนเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงทั้งคุณนิด คุณใหญ่ อยากรู้ว่าโกรธกันเรื่องอะไร ถึงไม่พูด ไม่มองหน้ากัน” <br /> <br />ประจักษ์นิ่งหน้าเศร้า ไม่ตอบ ป้าทองมองไม่หายสงสัย...ขณะที่วนิดากำลังทำครัวแต่เหม่อ ใส่น้ำปลาไม่หยุด อำไพเข้ามาเห็นตกใจ วนิดาผงะ รีบวางขวดน้ำปลา <br /> <br />“ขอโทษค่ะ นิดทำให้ใหม่นะคะ” <br /> <br />“ไม่ต้องหรอกค่ะ กับข้าวหลายอย่างแล้ว คุณนิดเป็นอะไรรึเปล่าคะ ดูหน้าตาหมอง ๆ” <br /> <br />“เปล่าค่ะ” <br /> <br />“แน่นะคะ เห็นจวงบอกว่าคุณประจวบใกล้จะกลับมาแล้ว เป็นเพราะเรื่องนี้รึเปล่าคะ” <br /> <br />“คุณประจวบกลับมา นิดต้องดีใจ สิคะ คุณจี๊ดออกไปเถอะค่ะ มื้อนี้นิดจะทำอาหารเอง เพราะอาจจะเป็นมื้อสุดท้ายของนิดกับที่นี่แล้วก็ได้”<br /> <br />อำไพเดินหน้านิ่วออกมาเจอมนตรีก็ผงะ มนตรีถามหาวนิดา อำไพบอกว่าอยู่ในครัว มนตรีจะเข้าไป อำไพนึกได้รีบคว้าคอเสื้อมนตรีเอาไว้ มนตรีเจ็บหันมาหน้าเอาเรื่อง <br /> <br />“ไม่ต้องเข้าไปเลย” <br /> <br />“ทำไม? อ๋อ หรือว่าเปิดทางให้พี่ชายตัวเอง งั้นฉันยิ่งต้องเข้าไป” <br /> <br />“พี่พันธ์ไม่อยู่ ไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด” <br /> <br />“งั้นก็ดี จะได้หมดศัตรูหัวใจ” <br /> <br />“แต่คุณก็ยังห้ามเข้าไปอยู่ดี” <br /> <br />“อะไรกันนักหนาเนี่ยหา!!” <br /> <br />“คุณประจวบบอกว่าจะกลับมาภายในอาทิตย์นี้” <br /> <br />มนตรีดีใจมากจับไหล่อำไพ “จริงเหรอ!! ในที่สุดฝันก็เป็นจริง ฉันจะได้จีบคุณนิดซักที ฮ่า ๆๆ” <br /> <br />“คุณนี่มันเห็นแก่ตัวอย่างน่าเกลียด” มนตรีหุบปากแทบไม่ทัน “คุณนิดกับคุณประจักษ์ยังไม่ทันหย่ากันเลยนะ” <br /> <br />“น่าเกลียดตรงไหน ฉันตกลงกับ ไอ้จักษ์ไว้แล้ว นี่..แล้วก็บอกพี่ชายเธอด้วยว่าอย่าคิดจีบคุณนิด เพราะฉันจองก่อน” <br /> <br />อำไพโมโหหึง “คุณชอบคุณนิดมาก เหรอไง”<br /> <br />“ใช่ ชอบมาก ยิ่งเวลาคุณนิดอยู่กับเธอ ก็ยิ่งเห็นชัดว่าคุณนิดทั้งสวยกว่า น่ารักกว่า อ่อนหวานกว่าผู้หญิงอย่างเธอ ชาตินี้คงไม่มีใครจีบหรอก”<br /> <br />อำไพกำมือแน่นโมโหสุด ๆ ว่ามนตรี คนบ้า ผลักมนตรีกระเด็นเดินงอนเข้าไปในบ้าน แอบไปนั่งร้องไห้ด้วยความโมโหปนน้อยใจ วนิดาออกมาเห็นตกใจ <br /> <br />“คุณจี๊ดเป็นอะไรคะ” <br /> <br />“จี๊ดไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”<br /> <br />“ร้องไห้ขนาดนี้ยังบอกไม่เป็นอะไรอีกเหรอคะ คุณจี๊ดบอกนิดมาเถอะว่าเป็นอะไร?” <br /> <br />อำไพสุดจะกลั้นปล่อยโฮออกมา โผกอดวนิดา ทำเอาวนิดาตกใจ <br /> <br />“คุณมนตรีเค้าว่าจี๊ด เค้าบอกว่าผู้หญิงอย่างจี๊ดชาตินี้ก็ไม่มีใครมาจีบหรอก ทำไมเค้าต้องว่าจี๊ดด้วย จี๊ดก็เป็นของจี๊ดแบบนี้ มันผิดตรงไหน ถ้าไม่ชอบก็ไม่เห็นต้องมาว่ากันเลย คนบ้า ฮือๆๆ” <br /> <br />“ทำไมคุณจี๊ดต้องสนใจคำพูดของคุณมนตรีมากขนาดนี้ด้วยคะ” <br /> <br />อำไพชะงักอึ้งไป เพิ่งนึกได้ <br /> <br />“ปกตินิดเห็นเวลาใครว่าคุณจี๊ด คุณ จี๊ดก็จะว่ากลับ ไม่เคยต้องมานั่งร้องไห้เสียใจ แบบนี้” <br /> <br />“จี๊ดก็ไม่ทราบว่าทำไมจี๊ดถึงเป็นแบบนี้ คำพูดของคุณมนตรีทำให้จี๊ดเสียใจ น้อยใจ มันเจ็บ ๆ ยังไงบอกไม่ถูก” <br /> <br />วนิดาฟังแล้วอึ้ง ดึงอำไพออกมามองแล้วยิ้ม <br /> <br />“นิดพอจะทราบแล้วค่ะว่าคุณจี๊ดเป็น อะไร?”<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 1 ตุลาคม 2553 <br />ที่มา เดลินิวส์สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-22992864280543815562010-10-01T20:08:00.000+07:002010-10-01T20:09:02.180+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 1 ตุลาคม 2553อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 1 ตุลาคม 2553 <br />พีทยิ้มเจื่อน ๆ เหมยแซว “แหม นี่ขนาดยังไม่ทันแต่งนะ คิดดูแล้วกันว่าถ้าแต่งแล้วคุณพีทจะเป็นยังไง”<br /> <br />ด้านน้ำหวานขับรถออกจากคอนโดฯ โดยไม่รู้ว่ามีคนกำลังจับตามอง น้ำหวานมาถึงโรงแรมที่นัดพบระหว่างทางเดินไปห้องพัก น้ำหวานรู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม แต่เมื่อหันไปก็ ไม่เห็นใคร น้ำหวานไม่ติดใจอะไร จนเดินมาหยุดที่หน้าห้อง เคาะประตูสักพักก็มีคนเปิดออกมา<br /> <br />“ทำไมมาช้าจังเลย” ศิลป์ไม่ได้พูดอย่างเดียว แต่ก็เข้าโอบเอวและหอมน้ำหวานด้วย<br /> <br />“อย่าเพิ่งค่ะพี่ศิลป์ เดี๋ยวใครเห็นเข้า”<br /> <br />“มีใครที่ไหนล่ะครับ พี่ไม่เห็นมีใครเลย”<br /> <br />“น้ำหวานว่าเราเข้าไปข้างในดีกว่า”<br /> <br />น้ำหวานดันศิลป์เข้าไปในห้องประตูห้องปิดลง อีกด้านที่ประตูหนีไฟมีชายคนหนึ่งยืนมองอยู่ นั่นคือหมอวาทิศ<br /><br />---@@@---<br /> <br />ในมุมมืดของเซฟเฮาส์หมอวาทิศ หมอวาทิศถือรูปของน้ำหวานอยู่ในมือ สายตาเจ็บปวด แต่กลับมีรอยยิ้มที่เย็นชา “น้ำหวานหลอกหมอ!! น้ำหวานต้องชดใช้ที่ทำกับหมอแบบนี้!!!” ว่าแล้วหมอวาทิศค่อย ๆ ใช้คมมีดกรีดลงไปที่รูปของน้ำหวาน ใบหน้าที่หมอเป็นคนศัลยกรรมให้เธอเองกับมือ<br /> <br />ส่วนน้ำหวานนอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงของศิลป์ จู่ ๆ เธอก็กรี๊ด ลุกพรวด ขึ้นมาจับใบหน้าตัวเอง ศิลป์ตกใจพรวดพราดออกมาจากห้องน้ำ แล้วเข้าไปดูน้ำหวาน น้ำหวานหวาดกลัวผลักศิลป์ล้มลงกับพื้นพลางร้องกรี๊ด “อย่าทำชั้น” ศิลป์ลุกขึ้นโวยวายเข้าไปจับตัวน้ำหวานให้หยุดคลั่ง น้ำหวานตั้งสติได้ลุกวิ่งไปที่กระจก ส่องหน้าตัวเอง น้ำหวานรู้ว่าเป็นเพียงฝันจึงค่อย ๆ สงบลง<br /> <br />“น้ำหวานขอโทษค่ะ น้ำหวานฝันร้าย”<br /> <br />“ฝันว่าอะไร เมื่อกี้ผมได้ยินคุณเรียก หมอ ๆ..หมอที่ไหนเหรอ”<br /> <br />น้ำหวานอึกอัก “เอ่อ คือว่า น้ำหวาน ฝันว่าน้ำหวานจะถูกหมอฉีดยา น้ำหวานกลัวเข็มฉีดยาที่สุด น้ำหวานก็เลยวิ่งหนี แต่ว่าน้ำหวานถูกหมอจับตัวได้”<br /> <br />“แค่นี้เหรอฝันร้ายของน้ำหวาน” ศิลป์หัวเราะ น้ำหวานพยักหน้าให้แบบไร้เดียงสา แต่แววตาแอบแฝงแววกังวล ศิลป์มองแขนเปลือยของน้ำหวาน ศิลป์เข้าไปจับไหล่<br /> <br />“โถ ไม่ต้องตกใจนะ เดี๋ยวผมจะติวบทคนไข้พิเศษให้ ว่าเวลาโดนหมอฉีดยามันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด... รอหมออาบน้ำให้สดชื่นแป๊บเดียวนะจ๊ะ” ศิลป์ค่อย ๆ ผละตัวไปห้องน้ำ น้ำหวานมองตัวเองในกระจกจับใบหน้าตนเองรู้สึกใจคอไม่ดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!!<br /><br />---@@@---<br /> <br />กลางคืนที่ทำงานของทุกสำนักข่าว มีมือดีนำภาพน้ำหวานกับปยุตรในท่าทางกอดรัดฟัดเหวี่ยงมาขาย นักข่าวยิ้มกริ่มรีบขอแทรกข่าวขึ้นหน้าหนึ่ง รุ่งเช้าหนังสือพิมพ์ก็อซซิปทุกฉบับพาดหัวตัวโม้ไม้ “ซูเปอร์สตาร์สาว น. คลุกวงในกับนักข่าวหนุ่ม คาดเขียนข่าวกันมันส์ถึงใจ” ข่าวนี้กลายเป็นหัวข้อเมาท์ในกองถ่ายทันทีนำทีมโดยฟรุตตี้และปุ๊โกะ จังหวะนั้นน้ำหวานเดินเข้ามาทำให้วงแตก น้ำหวานเดินมานั่ง พร้อมหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน ฟรุตตี้คว้าไม่ทัน น้ำหวานเห็นข่าวก็ชะงักไปครู่ แต่สักพักก็ยิ้มพอใจ เธอรู้ว่าควรจะเดินแผนไหนต่อ ฟรุตตี้ ปุ๊โกะ กระแซะกันให้ดูอาการน้ำหวาน แล้วต่างคนต่างพยักพเยิดให้ลองถามดู น้ำหวานยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรื่องจริง พอใจมั้ยคะ...น้ำหวานจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว” ทีมเสื้อผ้าพาน้ำหวานออกไป ฟรุตตี้ ปุ๊โกะยังยืนอึ้งปากค้างอยู่ <br /> <br />จังหวะนั้นเหมยกับมดแดงเดินเข้ามา เหมยยกมือไหว้ทุกคน แต่ทุกคนมองเหมย แปลก ๆ ฟรุตตี้ ปุ๊โกะ มองหน้าเหมยแล้วนึกได้ รีบส่งซิกกันให้รีบเก็บหนังสือพิมพ์ด่วน ปุ๊โกะ กระโดดไปนั่งทับหนังสือพิมพ์ เหมยกับมดแดงมองความล้นของฟรุตตี้กับปุ๊โกะแบบขำ ๆ น้ำหวานออกมาเห็นเหมยพอดี...น้ำหวานจัดการตามแผนที่คิดไว้เรียกปุ๊โกะมาทำผม ฟรุตตี้ส่งซิกว่าห้ามลุก น้ำหวานขู่ถ้าไม่ลุกจะบอกให้ผู้กำกับเปลี่ยนช่าง ปุ๊โกะกระเด้งตัวขึ้นมาทันที หนังสือพิมพ์ที่ถูกทับอยู่หล่นลงมาตรงหน้าเหมย เหมยก้มลงหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา เห็นข่าวปยุตรกับน้ำหวาน เหมย หน้าซีด น้ำหวานยิ้มพอใจ ฟรุตตี้กับปุ๊โกะชี้ไปที่หนังสือพิมพ์ที่เหมยถือ มดแดงรีบแจ๋นเข้าไปขอดู มดแดงอ่านข่าวเสียงดัง เหมยมอง หน้ากับน้ำหวานอยู่ มดแดงมองไปทางน้ำหวาน น้ำหวานยิ้มเยาะให้เหมย เหมยสุดทนวิ่งออกไปจากห้อง มดแดงจะตามไปแต่ฟรุตตี้กับปุ๊โกะห้ามไว้ ทั้งสามคนหันมองน้ำหวานเป็นตาเดียว...น้ำหวานเชิดใส่ ไม่แคร์!!!<br /><br />---@@@---<br /> <br />ที่กองถ่ายยอดยาหยี เหมยนั่งซึมคิดถึงเรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์ รวมกับเหตุการณ์ที่ปยุตรจับมือน้ำหวาน เหมยตั้งคำถามในใจว่า ทำไมปยุตรถึงใกล้ชิดกับน้ำหวานได้ขนาดนี้ หรือที่คิดไว้จะเป็นเรื่องจริง จังหวะนั้นปยุตร โทรฯ เข้ามา เหมยเห็นเบอร์ปยุตร เหมยไม่รับ ฝั่งปยุตรรอสายอยู่นานจนสายตัดไป..ปยุตร โทรฯกลับไป ก็ยังไม่มีใครรับอีก “งานเข้าชัวร์” ปยุตรเครียดหน้าบอกบุญไม่รับ น้ำหวานที่มอง ปฏิกิริยาของเหมยอยู่ตลอด เดินเข้ามาเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก เหมยเดินหนี น้ำหวานพูดต่อ<br /> <br />“ฉันก็แค่เป็นห่วง กลัวว่าเธอจะทำใจไม่ได้..เพราะสุดท้ายคุณยุตร เขาก็ต้องเลือกคนที่เหมาะสมกับเขาที่สุด”<br /> <br />“คุณหมายความว่ายังไง?”<br /> <br />“อ้าว ทายาทคนเดียวของไทยนิวส์ เขาก็ต้องอยากได้คู่ชีวิตที่เหมาะสมและคู่ควร กับคนระดับเขาสิ เขาถึงเลือกซูเปอร์สตาร์ อย่างฉัน”<br /> <br />“ทายาทไทยนิวส์...นี่คุณพูดถึงใคร”<br /> <br />“ก็คุณปยุตรไง”<br /> <br />“ปยุตร?!!!”<br /> <br />“อ้าว...อะไรกันเนี่ย??? ถามจริง?? ไม่รู้ได้ไงว่าแฟนตัวเองเขาเป็นลูกชายคนเดียวของ คุณไพรวัลย์เจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์”<br /> <br />เหมยอึ้งสนิท เพราะคิดว่าปยุตรเป็น นักข่าวต๊อกต๋อยมาตลอด<br /> <br />“เป็นแฟนกันประสาอะไร เอ๊ะ.. หรือว่าเขาไม่ได้คิดจะจริงจังกับเธอ? เอ๊ะ...หรือไม่ก็เขาอาจจะกลัวว่าเธอจะใช้เขาเป็นบันไดปีนขึ้นไปกอบโกยชื่อเสียงเงินทองรึเปล่า? แต่ กับฉันเขาบอกอย่างชัดเจนเลยนะ แทบจะกระซิบที่ข้างหูเลยล่ะ”<br /> <br />น้ำหวานพูดจบแล้วก็เดินออกไปทิ้งสายตาเหยียดหยันไว้ให้เหมย เหมยตัวชา กำหมัดแน่น น้ำตาพานจะไหลให้ได้<br /><br />---@@@---<br /> <br />ปยุตรรีบร้อนเดินเข้ามาในกอง มองหาเหมยแต่ไม่เห็น ฟรุตตี้กับปุ๊โกะเดินมาเห็นปยุตร กำลังจะเข้าไปบอกว่าเหมยอยู่ไหน แต่ไม่ทันเพราะน้ำหวานแทรกเข้ามาก่อน น้ำหวานตีหน้าซื่อบอกจะแถลงข่าวแก้ตัวให้ปยุตร แล้วโยนความผิดให้พีทเพราะเขาคือต้นเหตุ ปยุตรได้ยินชื่อพีทก็ชะงัก นึกถึงพีทที่ขอร้องไว้ <br /> <br />“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวข่าวมันก็เงียบไปเอง”<br /> <br />“แต่กว่าจะเงียบ น้ำหวานว่าเหมยจะแย่เอาซะก่อนนะคะ นี่พอเหมยเห็นข่าว เขาก็หน้าซีดเลย น้ำหวานก็เข้าไปอธิบายว่า เราไม่ได้มีอะไรกัน ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นทายาทของไทยนิวส์ น้ำหวานก็ไม่เคยมีเจตนาจะเต้าข่าวให้กับตัวเองแบบนี้”<br /> <br />ปยุตรหันขวับตกใจ “อะไรนะ?! นี่คุณบอกเหมยว่าผมเป็นใครงั้นเหรอ”<br /> <br />“ค่ะ น้ำหวานทำอะไรผิดเหรอคะ” น้ำหวานแกล้งทำหน้างง แต่ปยุตรทำหน้าอยากตาย ปยุตรจะไปหาเหมย แต่ถูกน้ำหวานรั้งตัวไว้ “คุณยุตรคะ น้ำหวานขอโทษนะคะที่ทำให้คุณต้องลำบาก” ปยุตรมองหน้าน้ำหวานที่มีน้ำตาคลอเบ้า “ไม่เป็นไรครับ” ปยุตรเดินจากไป แววตาของน้ำหวานที่มองปยุตรเต็มไปด้วยความชื่นชมและอยากได้เป็นเจ้าของ “อีกไม่นาน คุณต้องเป็นของฉัน!!”<br /><br />---@@@---<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 1 ตุลาคม 2553 <br />ที่มา เดลินิวส์สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-40406315999097640032010-10-01T20:07:00.001+07:002010-10-01T20:07:58.179+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 1 ตุลาคม 2553อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 1 ตุลาคม 2553 <br />“หลังสงคราม มินาลินกับมินทุต้องรวมเป็นหนึ่ง แต่ว่าที่กษัตริย์กลับไม่เห็นถึงความสำคัญข้อนี้ นายไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าไม่มีการอภิเษก การรวมประเทศย่อมไม่เกิดขึ้น นายจะรักใครอื่นไม่ได้ เข้าใจใช่มั้ย”<br /> <br />“ภูษณะ ฉันอยากให้นายรู้ว่า...ฉันห้าม หัวใจตัวเองไม่ได้”<br /> <br />ภูษณะโมโหชกพชรกระเด็น แล้วตามเข้าไปชกซ้ำอีกครั้ง บาจรีย์ไม่ได้ยินที่ภูษณะกับพชรคุยกัน แต่พอเห็นพชรโดนชกก็รีบบอก ธามให้เข้าไปช่วยห้าม ธามเห็นท่าทีที่ภูษณะแสดงออกก็พอจะเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น บาจรีย์ไม่รู้อะไรรีบประคองพาพชรกลับไปทำ แผลที่เรือนพัก<br /> <br />“แผลแค่เล็กน้อย ไม่ต้องลำบากน้องหรอก อย่าห่วงเลย”<br /> <br />“ไม่ห่วงได้ยังไง บาจรีย์คือว่าที่ชายาของพี่นะคะ สำหรับบาจรีย์แล้วพี่พชรเป็นคนสำคัญที่สุด ทำไมพี่พชรถึงได้เย็นชากับน้องนักล่ะ พี่พชรรู้อะไรมั้ยว่า ไม่ใช่แค่บาจรีย์ที่จะเสียใจอย่างที่สุด ถ้างานอภิเษกสมรสของเราไม่เกิดขึ้น แต่คนที่เสียใจมากกว่านั้นก็คือประ ชาชนชาวมินทุและมินาลิน ถ้าการรวมประเทศ ล้มเหลว แต่มันคงไม่มีวันนั้นใช่มั้ยคะ”<br /> <br />ทำได้ดีที่สุดแค่เพียงยิ้มให้พยักหน้า น้อย ๆ แม้ใจจะไม่รู้สึกเช่นนั้นก็ตาม!!<br /><br />---@@@---<br /> <br />คเชนทร์และคามินแอบลอบเข้ามาในป่าจากทางทิศใต้ สหายที่คอยเฝ้าสำรวจตรวจตราอยู่ทางทิศใต้ถูกฆ่าตาย พาริณที่อยู่อีกด้านของป่าไม่สามารถติดต่อสหายที่เฝ้าอยู่ทางทิศใต้ได้ รู้สึกเอะใจรีบย้อนกลับไปเอารถที่ค่าย ตั้งใจจะไปดูที่จุดเฝ้าระวังทิศใต้ แต่พอไปถึงค่ายกลับได้พบพชรนั่งดื่มเหล้าเมามายอยู่ในห้องพักตามลำพัง<br /> <br />พาริณเป็นห่วงพชร รีบเข้ามาช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ พชรจับมือพาริณมาวางไว้แนบอก เพ้อบอกรักลำธารออกมา พาริณเสียใจมากแต่ด้วยความใกล้ชิด ทำให้พาริณเผลอใจ โน้มตัวลงไปนอนเคียงข้างพชรอย่างมิอาจสะกด อารมณ์แห่งความปรารถนาอันรุนแรงเอาไว้ได้<br /> <br />ลำธารรู้จากธีรัชว่าพชรได้รับบาดเจ็บจากการประลองกับภูษณะ จึงหอบกล่องยามาหาที่เรือนพักตั้งใจจะมาทำแผลให้ แต่กลับเจอบาจรีย์ยกถาดข้าวต้มตัดหน้าเอาเข้าไปให้พชรในห้องพักเสียก่อน บาจรีย์ตกใจมากที่เปิดประตูเข้าไปเห็นพาริณนอนเคียงข้างพชรที่กำลังเมาหลับไม่ได้สติ<br /> <br />บาจรีย์ต่อว่าพาริณอย่างรุนแรง พาริณ พยายามปฏิเสธ แต่สร้อยรักเท่าชีวิตที่ขโมยมาเก็บไว้กลับหล่นออกมาเป็นหลักฐานมัดตัวแน่น ขึ้นไปอีก บาจรีย์ตบหน้าพาริณอย่างแรง ลำธาร ตามเข้าไปจับมือบาจรีย์ไว้ไม่ให้ตบพาริณซ้ำ พชรรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพอดี พาริณทนสู้หน้าพชรไม่ไหวรีบลุกขึ้นวิ่งหนีออกไป บาจรีย์วิ่งตามออกไปสั่งให้ทหารจับตัวพาริณไว้ <br /> <br />ภูษณะกับธามได้ยินเสียงเอะอะรีบวิ่งมาดู พชรตามมาช่วยอธิบาย แต่พอรู้ว่าพาริณ เป็นคนขโมยสร้อยรักเท่าชีวิตไป พชรก็ถึงกับอึ้ง ภูษณะสั่งขังพาริณไว้ในห้อง ในฐานะที่เป็นหัวหน้าหน่วยเฝ้าระวังภัยนอกค่าย แต่กลับ ทิ้งความรับผิดชอบ <br /> <br />ภูษณะให้สหายสองคนไปทำหน้าที่แทนพาริณที่จุดเฝ้าระวังทางทิศใต้ สหายทั้งสองก็ถูกคเชนทร์และคามินฆ่าตายอีก คเชนทร์ กับคามิน ได้แผนที่กองกำลังใต้ดินมาจากสหายที่ภูษณะส่งไปทำงานแทนพาริณที่จุดเฝ้าระวังทางทิศใต้ ทั้งคู่แอบลอบเข้าไปจัดการกับพชรที่เรือนพัก แต่กลับได้พบกับวาสินและลำธารที่มาตรวจร่างกายให้กับวาสินแทน <br /> <br />คามินกับคเชนทร์ดีใจมากรีบจับตัววาสินกับลำธารขึ้นไปบนเนินเขา ที่ซึ่งวาสินเคยสั่งประหารพรรคพวกของตน ตั้งใจจะฆ่าวาสินสังเวยชีวิตให้กับพรรคพวกที่ตายไป โชคดีพชรกับธามตามไปช่วยไว้ได้ทัน อดิศรตามไปสมทบ ทั้งสามช่วยกันต่อสู้กับคเชนทร์และคามินอย่างสูสี<br /> <br />พชร ธาม และอดิศรพลาดท่า เกือบถูกคเชนทร์และคามินฆ่าตาย ภูษณะกับจ่าแสงตามมาทัน ทั้งคู่ช่วยกันระดมยิงใส่ คเชนทร์และคามินตัดสินใจโดดหนีลงไปทางหน้าผา ทุกคนคิดว่าคเชนทร์และคามินคงไม่รอดแน่ จึงช่วยกันพาวาสินกับลำธารกลับไปที่ค่าย <br /> <br />พชรกลับไปปล่อยพาริณออกจากห้องขัง ก่อนปล่อยไม่ลืมให้พาริณสัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก บาจรีย์เดินผ่านมาเห็น รู้สึกไม่พอใจมาก ด่าว่าพาริณอย่างรุนแรง จนพาริณ ทนไม่ไหววิ่งหนีซมซานออกไปเจอกับลำธาร <br /> <br />ลำธารขอให้พาริณอยู่ด้วยกันที่ค่ายต่อไป ไม่ให้หนีไปไหน พาริณยังคงไม่เชื่อใจลำธาร ลำธารยกเอาชื่อพชรขึ้นมาอ้าง หวังให้พาริณยอม อยู่ที่ค่ายต่อ แต่พาริณกลับยิ่งโมโห ผลักลำธารกระเด็น จังหวะนั้นเองบาจรีย์กับพชรเดินตามมาถึงพอดี พาริณหันไปเห็นก็รีบวิ่งหนีออกไป พลางปาดน้ำตาด้วยความปวดร้าว<br /><br />---@@@---<br /><br />ตอนที่ 16<br /> <br />พาริณวิ่งกระเซอะกระเซิงหนีเข้าไปในป่า คิดจะฆ่าตัวตาย แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ ทิ้งมีดที่เตรียมใช้ปาดคอลงกับพื้น<br /> <br />“เท่านี้เองเหรอ ที่ฉันจะทำให้ท่านได้ หากแม้ต้องตาย ฉันก็ไม่ควรตายอย่างไร้ค่า ไร้ความหมาย”<br /><br />---@@@---<br /> <br />ลำธารให้วาสินนอนพักดูอาการอยู่ที่ห้อง พยาบาลหนึ่งคืน พชรแอบได้ยินวาสินคุยกับลำธารเรื่องที่ลำธารพยายามจะช่วยชีวิตวาสินไว้ แม้จะไม่สำเร็จแต่ก็ช่วยถ่วงเวลาให้พวกพชรตามไปช่วยไว้ได้ทัน พชรเห็นลำธารคอยดูแลวาสินอย่างใกล้ชิดก็ยิ่งรู้สึกดีกับลำธารมากขึ้นไปอีก <br /> <br />ลำธารเผลอหลับอยู่ในห้องพยาบาล พชรเข้าไปอุ้มลำธารพากลับไปส่งที่ห้องพัก ธามที่กำลังยืนคุยอยู่กับบาจรีย์หันไปเห็น รีบเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้บาจรีย์เห็นภาพบาดตา ด้วยการหลอกว่ามีคางคกอยู่ข้างหลัง บาจรีย์กลัวมากโดดกอดธามแน่น ธามแอบดีใจที่หลอกบาจรีย์ได้ แถมแอบชื่นใจที่โดนกอด บาจรีย์พอรู้ว่าถูกหลอกก็รีบเดินหนีกลับเข้าห้องไปด้วยความโกรธ <br /> <br />ธามเดินตามไปดักรอพชรอยู่หน้าห้องพัก ลำธาร “เจ้าหญิงบาจรีย์เพิ่งจะไล่พาริณออกไป นายจะทำให้ลำธารต้องเดือดร้อนอีกคนรึยังไง ถ้าเจ้าหญิงบาจรีย์เห็นนายอุ้มลำธารขึ้นเรือน อะไรจะเกิดขึ้น”<br /> <br />“ขอโทษ..ฉันแค่พาเธอมาพักผ่อน” <br /> <br />“คราวหน้า ฉันไม่ได้อยากได้ยินคำขอโทษอีก” <br /> <br />“ธาม...ฉันจะไม่ขอโทษ เพราะจะไม่มีครั้งหน้า และจะไม่มีใครมาลบหลู่เกียรติของลำธารได้”<br /> <br />พชรเดินไปอย่างมุ่งมั่น ธามอึ้ง รู้สึกได้ถึงความตั้งใจลึก ๆ ของพชร<br /><br />---@@@---<br /> <br />พาริณแอบปลอมตัวเป็นนางรำเข้าไป ในวังมินาลินเพื่อลอบฆ่าดารัณ โชคร้ายถูกราชิตจับได้ก่อนทำสำเร็จ พาริณวิ่งหนีออกไปทางหน้าวัง เจ็บทั้งตัว และเจ็บใจที่แผนไม่สำเร็จ ทหารดารัณวิ่งตามมายิงโดนเข้าที่ไหล่ พาริณกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่าง เป็นจังหวะเดียวกับที่คเชนทร์หามคามินที่บาดเจ็บหนักกลับมาถึงวัง ราชิตกับทหารหันไปให้ความสำคัญกับคเชนทร์และคามินมากกว่าการตามล่าพาริณ<br /> <br />“เจ็บโว้ย...รีบช่วยพวกข้า เรากุมความลับของค่ายไอ้พชรอยู่นะโว้ย เร็ว ๆ ซี่”<br /> <br />“พวกแกเข้าถึงค่ายไอ้พวกต่อต้านแล้วงั้นรึ”<br /> <br />“เออสิวะ รีบรักษาข้า ถ้าข้าตายท่านไม่ได้ไปถล่มค่ายมันแน่ เร็วเข้า ๆ”<br /> <br />ราชิตส่งสัญญาณให้ทหารรีบมาพาทั้งสองเข้าไปรักษาตัวในวัง พาริณที่แอบหลบอยู่ไม่ไกลถึงกับอึ้ง<br /> <br />“สองคนนี้เองรึ ที่บุกเข้าค่าย”<br /><br />---@@@---<br /> <br />จู่ ๆ ก็มีคนส่งรหัสมอสมาเตือนพชรว่าสองนักฆ่ารอดตายกลับไปที่วังมินาลิน และดารัณ กำลังจะทุ่มกำลังมาถล่มค่ายกองกำลัง อดิศร บอกพชรให้รีบวางแผนจุดป้องกันต่าง ๆ ไม่ใช่ให้ตั้งรับ แต่ต้องโจมตีไม่ให้พวกดารัณบุกเข้ามาในค่ายได้ พชรอดสงสัยไม่ได้ว่าใครเป็นคนส่งรหัสมอส มา<br /> <br />คเชนทร์กับคามินมอบแผนที่ตั้งค่ายกองกำลังให้กับดารัณ ราชิตวางแผนให้หน่วยกู้ระเบิดเข้าไปเคลียร์พื้นที่ก่อน จากนั้นกำลัง พลพร้อมอาวุธทุกชนิดจะเดินเท้าจู่โจมจากทั้งสี่ทิศ แล้วมาบรรจบกันที่ทางเข้าออกทั้งสี่ของค่ายกองกำลัง คเชนทร์กับคามินขอเข้าร่วมรบด้วย เพราะ อยากเป็นคนตัดหัววาสินด้วยตัวเอง ดารัณกับราชิตพากันยืนตะลึง ไม่คิดว่าวาสินยังมีชีวิตอยู่ <br /> <br />“เหลวไหล เราเป็นคนฆ่าวาสินเอง มัน จะไม่ตายได้ยังไง”<br /> <br />“ข้าไม่รู้หรอก รู้แต่ว่ามันยังหายใจสบายดี แต่ดูเหมือนว่าเลอะเลือนจำความไม่ได้”<br /> <br />“ถ้ามันยังไม่ตาย ก็จงหยิบยื่นความตายให้แก่มัน ศึกครั้งนี้ค่ายของพวกมันต้องไม่เหลือแม้แต่ซาก” ดารัณขบกรามแน่นเดือดดาลดุดันมากกว่าครั้งไหน ๆ!!!<br /><br />---@@@---<br /> <br />เวคินให้คนออกไปจัดการฝังระเบิดในป่าเพิ่ม เพื่อปิดเส้นทางเข้าออกจากป่าทั้งสี่ทิศ พชรวางแผนแบ่งกำลังคนออกเป็น 4 กอง คอยซุ่มยิงพวกดารัณที่จะบุกเข้ามาทั้งสี่ทิศ โดยพชรให้ภูษณะคอยประจำอยู่ทิศเหนือ ธามคุมพื้นที่ทิศตะวันออก เวคินประจำทิศตะวันตก ส่วนทิศใต้ที่เป็นจุดบอดพชรอาสาอยู่คุมพื้นที่ด้วยตัวเอง<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 1 ตุลาคม 2553<br />ที่มา เดลินิวส์สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-84779892543495842742010-10-01T20:04:00.001+07:002010-10-01T20:06:48.731+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553 <br />“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงลูกสาวหรอกนะ ข้ากับพระสนมยอนฮึง จะหาคนดี ๆ ให้อภิเษกกับเค้า”<br /> <br />“ไม่ใช่เพคะ ไม่ใช่อย่างนั้น หม่อมฉันหวังเพียงว่า เมื่อตายไป พระองค์จะส่งนางให้พระนางซุงด๊อก ช่วยเลี้ยงดูแทนเพคะ”<br /> <br />“ทำไมล่ะ”<br /> <br />“ดังนั้น หม่อมฉันจึงอยากจะขอพบ กับพระนางซุงด๊อก”<br /> <br />“ทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน ทำไมต้องส่งซอน ให้พระนางซุงด๊อกด้วย”<br /> <br />“เหตุผลเรื่องนี้หม่อมฉันจะบอกกับพระนางซุงด๊อกเอง ดังนั้นได้โปรดให้นางเข้าวังด้วย”<br /> <br />“ทำอย่างนั้นไม่ได้ ข้าไม่อนุญาตหรอก เรื่องของซอนต้องให้พระสนมยอนฮึงดูแล”<br /> <br />“ไม่โหดร้ายเกินไปหรือเพคะ หม่อม ฉันทราบว่าในพระทัยของพระองค์นั้นทรงรักและทรงห่วงใย พระนางยอนฮึงมากขนาดไหน รังเกียจหม่อมฉันแค่ไหน หม่อมฉันถึงได้ยกตำหนักพระมเหสีให้นาง เพื่อให้นางได้ประทับ แล้วตัวเองมาอยู่ในตำหนักพระสนมเอง แต่ตอนนี้พระองค์ยังจะยกลูกสาวหม่อมฉันให้ นางอีก นับตั้งแต่หม่อมฉัน อภิเษกกับพระองค์มา หม่อมฉันเคยที่จะปฏิเสธอะไรพระองค์บ้างมั้ยเพคะ อีกอย่างหม่อมฉันก็ไม่เคยขออะไรพระองค์เลย เพราะว่าหม่อมฉันเองก็เจียมตัวมาเสมอ ว่าพระองค์ไม่เคยรักในตัวหม่อมฉัน แต่ว่า ยังไงพระองค์ก็ยังเป็นพระสวามี หม่อมฉันไม่กล้าหวังให้พระองค์มารักหม่อมฉัน ช่วยทำตามความหวังสุดท้ายของหม่อมฉันหน่อยไม่ได้หรือเพคะ”<br /> <br />“พระมเหสี”<br /> <br />“ไม่ต้องเรียกว่าพระมเหสี หม่อมฉัน ขอร้องล่ะเพคะ ให้ก่อนตาย หม่อมฉันได้พบ พระนางซุงด๊อกด้วยเพคะ ให้หม่อมฉันได้สั่งเสียกับพระนางก่อน”<br /><br />---@@@---<br /> <br />ฮยังบี เข้ามาทูลพระนางชอนชู ว่าชียังได้สติฟื้นขึ้นมาแล้ว กามุนทูลว่า ธนูนั่นเกือบเข้าหัวใจนายน้อย แต่ว่าเบี่ยงพลาดเป้าไปหน่อย ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว พระนางชอนชู จึงถามว่า ทุกคนเรียกว่านายน้อย ชียังเป็นลูกของหัวหน้าเผ่าเหรอ ชียังบอกว่าตนเองไม่ได้เป็นลูกแท้ ๆ ด้านกามุน ทูลว่า หัวหน้าเผ่าได้รับมาเลี้ยง แต่นายน้อยไม่ใช่ชาวหนี่เจิน<br /> <br />“กระหม่อมเป็นโครยอ มีชื่อว่า คิม... ชียังพ่ะย่ะค่ะ” ชียัง ทูล<br /> <br />“ชาวโครยอ ทำไมถึงได้มาอยู่ในกลุ่ม ของชนเผ่าหนี่เจินล่ะ” กัมชัน ถาม<br /> <br />“เพราะว่า...พรรคพวกของพ่อข้า เคยร่วมทำการก่อกบฏ จนต้องเสียดินแดนไป จนต้องหนีมายังที่นี่”<br /> <br />“กบฏเหรอ ถ้างั้นบ้านเดิมเจ้าอยู่ที่ไหน”<br /> <br />“ทงจูขอรับ” ชียัง กล่าว<br /> <br />“ทงจู เขตเมืองทงจู อยู่ไม่ไกลจากฮวางจูนัก การกบฏแบบไหน ถึงได้เดือดร้อนมาถึงพ่อของเจ้าด้วย”<br /> <br />“สมัยพระเจ้าควางจง บุตรชาย 3 คน ของขุนนางประจำเมืองแลจูถูกใส่ร้ายจนต้องติดคุกทั้งหมด ท่านพ่อของข้า เป็นลูกน้องของพวกเค้า ท่านก็เลยต้องเดือดร้อนไปด้วย”<br /> <br />“ถ้างั้น...พ่อของเจ้ามีชื่อว่าอะไร”<br /> <br />“มีชื่อว่าคิมกุนขอรับ ท่านไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงอะไร พวกท่านคงจะไม่รู้จัก”<br /> <br />“คิมกุน”<br /> <br />“โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไรมาก แถมคนของพวกเราก็ปลอดภัยดี ขอบใจมาก” พระนางชอนชู ตรัส<br /> <br />“มิได้พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี”<br /> <br />“เจ้าบอกว่ามีเรื่องขอร้อง จะขอร้องเรื่องอะไร”<br /> <br />“กระหม่อม อยากให้พระองค์ รับกระหม่อมกับลูกน้องอีก 2 คนไว้”<br /> <br />“มีเรื่องขอแค่นี้เหรอ”<br /> <br />“พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี”<br /> <br />“แต่พวกเจ้าถือว่า เป็นคนสำคัญของที่นี่นี่นาทำไมถึงอยากไปอยู่กับเรา” คังโจ ถาม<br /> <br />“เพื่อให้มีชีวิตรอด สิบปีที่ผ่านมา ชาวหนี่เจินทางเหนือต้องอพยพลงใต้มา ชนเผ่า แต่ละชนเผ่าต้องทำสงครามกัน ต้องมาเข่นฆ่ากันเอง เพื่อความอยู่รอดของตน”<br /> <br />“เพราะชี่ตันใช่มั้ย เพราะพวกนั้น ขยาย ดินแดนลงมาทางใต้สินะ” กัมชัน ถาม<br /> <br />“ใช่แล้วขอรับ สำหรับพวกเราที่จัดว่า เป็นเพียงแค่เผ่าเล็ก ๆ นี้ เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ทำให้ต้องดิ้นรนต่อสู้”<br /> <br />“พวกเจ้าเลย อยากจะหลบหนีไปที่ โครยอแทนรึ”<br /> <br />“เจ้าจะทอดทิ้งชนเผ่า เพื่อให้ตัวเองรอดงั้นรึ” คังโจ ถาม<br /> <br />“ไม่ใช่ ข้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ ข้าถึงอยากจะไป เพื่อหาหนทางใหม่ที่โครยอ”<br /><br />---@@@---<br /> <br />คังโจทูลคัดค้านเรื่องที่ชียังขอไปอยู่ด้วย พระนางชอนชู ตรัสถามเหตุผล<br /> <br />“ตอนที่ฮวางจูถูกโจมตี คิดว่าเป็นเพราะ พวกหนี่เจินคิดจะแก้แค้นพระองค์ แต่สุดท้าย กลับเป็นเพราะเงิน ถึงแม้ว่าคนที่นี่จะยากจน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องบุกไปจนถึงวังมองบ๊อกแน่ เรื่องที่จู่ ๆ หัวหน้าเผ่าคนนั้นก็ฆ่าตัวตาย มันน่าสงสัยพ่ะย่ะค่ะ”<br /> <br />“กระหม่อม คิดว่าครูฝึกคัง พูดถูกที่ว่า เรื่องที่วังมองบ๊อกคงจะเกี่ยวข้องกับที่นี่แน่นอน” กัมชัน ทูล<br /> <br />“กระหม่อมคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีนัก”<br /> <br />“แต่เค้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ แถมยังมีคน อีกหลายคนที่ต้องตายเพราะเรา เราจะทอดทิ้งพวกเค้าเพราะลางสังหรณ์ของเจ้าได้ยังไง พวกเราจำเป็นต้องตอบแทน” พระนางชอนชู ตรัส<br /> <br />“เรื่องนี้มันก็จริงอยู่..”<br /> <br />“งั้นเราก็ตกลงไปตามนี้เถอะ กระหม่อม จะหาทางสืบหาเบื้องหลังของพวกเขาดูอีกที สักวัน ความจริงจะต้องปรากฏแน่นอน” กัมชันทูล<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553 <br />ที่มา <a href="http://www.dailynews.co.th/web/index.cfm?page=content&contentId=95231&categoryID=414">เดลินิวส์</a>สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-46857765880148751442010-10-01T20:03:00.001+07:002010-10-01T20:04:37.897+07:00อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553<br />ริวโซ่ชักผ้าห่มมาคลุมร่างของโอชินที่ล้มตัวลงนอนด้วยความเหน็ดเหนื่อยหลังจากให้เด็กกินนมเรียบร้อย โอชินยิ้ม กล่าวออกมาดุจคนละเมอยามหลับ<br /> <br />“เป็นเด็กผู้หญิงน่ารักนะคะ เขาคงคิดว่าฉันเป็นแม่ตอนที่กินนมเห็นจ้องมองแต่หน้าฉันตลอด”<br /> <br />ริวโซ่เบิกตากว้าง ไม่คิดว่าโอชินจะรู้สึก ตัวดี<br /> <br />“น้ำนมของคุณอาจึโกะคงมีไม่พอ...ถ้าเขาไม่รังเกียจฉันก็ยินดีจะให้เด็กได้กินนมของ ฉันเอง...คิดเสียว่าเป็นเด็กที่เกิดมาแทนอาอิลูก ของฉันก็แล้วกัน...”<br /> <br />“โอชิน...เธอหายเป็นปกติดีแล้วหรือนี่”<br /> <br />โอชินถอนหายใจยาว หลับตาลงอย่างอ่อนใจ “คนเรา ถ้าจะสามารถลืมได้ทุกสิ่งที่อยาก จะลืมก็คงเป็นการดีไม่น้อย”<br /> <br />“โอชิน...ยกโทษให้ฉันนะที่ทอดทิ้งเธอ”<br /> <br />“ช่างเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ถึงอย่างไรฉันก็ยังมีลูกยิ่วอยู่...ฉันจะพยายามรักษาตัวให้หายโดยเร็ว...เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตกันอีก”<br /> <br />ริวโซ่ถึงกับหัวเราะออก อีกไม่นานถัด มา บานประตูถูกเลื่อนออก ปรากฏโอคิโย่ถือถาดอาหารเข้ามาเอง ตามหลังด้วย จึเนะโกะที่เข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร เป็นของโอชินถาดหนึ่ง และ ของริวโซ่อีกถาดหนึ่ง โอชินลุกนั่ง ค้อมหัวให้มารดาสามี<br /> <br />“รบกวนคุณแม่กับพี่จึเนะแท้ ๆ เลย คิด ว่าอีกไม่นานก็คงจะไปงานไร่ได้แล้วค่ะ”<br /> <br />โอคิโย่และจึเนะโกะต่างแปลกใจเมื่อเห็นโอชินเป็นปกติแล้ว<br /> <br />“โอชินเขารู้สึกตัวมาตลอดครับคุณแม่ แล้วเขาก็ยอมให้ลูกอาจึโกะกินนมด้วย”<br /> <br />โอคิโย่ดีใจปากคอสั่นไปหมด “โอชิน ฉัน รู้ว่าเธอเสียใจ...แต่ริวโซ่เขาบอกว่าเธอน่ะยอมให้ลูกอาจึโกะได้กินนมเป็นความจริงรึ”<br /> <br />“ค่ะ...คิดเสียว่าเป็นลูกอาอิ”<br /> <br />โอคิโย่นั่งลงค้อมหัวให้สะใภ้ กล่าวเสียงเครือ “โอชิน...ฉันขอบใจเธอ...ขอบใจมาก... อาจึโกะมันคงดีใจ...เธอยังสาวต่อไปจะมีลูกอีกต้องระวังสุขภาพจะได้ลูกที่แข็งแรง...<br /> <br />“แต่ลูกของหนู ลูกหนูเวลาคลอดมายังมี ชีวิตค่ะ”<br /> <br />พูดได้เท่านั้น อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ หยดหนึ่งหลั่งไหลหยดต่อไปก็ตามมาติด ๆ เสียงของโอชินทำให้ทุกคนในห้องนั้นหนาวสะท้านไปตามกัน<br /> <br />“ลูกไม่มีเสียงร้อง...แกคงอ่อนแอถึงขนาด ไม่มีแรงจะร้องกระมังคะ...ต่อไปหนูจะไม่ขอมีลูกที่ อ่อนแอแบบนั้นอีก...”<br /><br />---@@@---<br /> <br />ด้วยพระคุณแห่งน้ำนมที่เลี้ยงลูกของอาจึโกะ โอชินได้รับเมตตาจากมารดาสามีอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ได้รับการขนย้ายกลับมานอนพักที่ห้องเดิมในบ้านทาโนะคุระในเร็ววัน และเพื่อเป็นการระลึกถึงการเป็นแม่นมให้กับลูกของอาจึโกะ โอคิโย่จึงได้ตกลงตั้งชื่อหลานสาวว่า “อาอิ” ตามที่โอชินปรารถนาไว้เพื่อจะตั้งให้กับลูกของตน ที่คลอด<br /> <br />“เด็กมันได้ดื่มความรักจากเต้านมของเธอ เธอเองก็ยินดี จึงอยากให้มีชื่อไว้เป็นที่ระลึกถึง คืนนี้จะฉลองการตั้งชื่อเด็ก...ขอให้ร่วมฉลองด้วยกันนะ”<br /> <br />การตั้งชื่อนี้ไม่สบอารมณ์อาจึโกะผู้เป็นแม่ แต่มิอาจจะคัดค้านได้เพราะทุกสิ่งโอคิโย่ได้จัดการไปเป็นที่เรียบร้อยทั้งทางบ้านสามีอาจึโกะก็ตกลงให้ใช้ชื่อนี้ คนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยเพราะโอชินถือ ว่ามีบุญคุณที่ให้น้ำนมลูกของอาจึโกะแทน<br /> <br />“คุณแม่นี่ก็พิลึก จู่ ๆ ก็จี๋จ๋ากับโอชินขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย”<br /> <br />“อ้าว...ก็แม่ของแกเริ่มจะเห็นความดีของ โอชินเขาน่ะสิ”<br /> <br />“ลูกของโอชินตายเพราะไม่แข็งแรงพอ ไม่ใช่ตายเพราะต้องมาคลอดพร้อมกันกับหนู”<br /> <br />“จะว่ายังงั้นมันก็ถูก แต่โอชินเขาถูกกลั่น แกล้งสารพัด เด็กที่ไหนมันจะแข็งแรงพอล่ะ”<br /> <br />พูดขาดคำพอดีกับโอคิโย่อุ้มอาอิเข้ามายิ้มแป้นบอกกับทุกคนว่า “กินนมเก่งชะมัดเลย ตัวยังงี้หนักอึ้งทีเดียว ช่วยเอาอาหารที่เลี้ยงฉลอง คืนนี้ไปให้โอชินด้วยนะ”<br /> <br />จึเนะโกะยิ้มและรับคำอย่างยินดี อีกสองคนที่ลอบยิ้มให้กัน และกันคือไดโงะโร่และริวโซ่ ในความเปลี่ยนแปลงทางเมตตากับโอชินของโอคิโย่<br /> <br />จึเนะโกะรู้สึกว่าความแรงร้ายระหว่างแม่ ผัวกับลูกสะใภ้โอชินเริ่มหันเข็มทิศไปในทางดี ก็ ค่อยโล่งใจ ตลอดเวลาเห็นใจในความยากลำบาก ของโอชินนัก อยากจะช่วยเหลือก็ทำไม่ได้เพราะ ในฐานะสะใภ้ใหญ่ของบ้านนี้ก็ต้องฝืนใจทุกสิ่งไป เพื่อให้เป็นที่สบอารมณ์ของแม่ผัว<br /> <br />“เธอนี่ใจแข็งน่าดูนะ ยอมให้ลูกอาจึโกะ กินนมได้...ฉันรู้ดีว่าเป็นเรื่องที่ทรมานเธอไม่น้อยเลย แต่นั่นแหละสิ่งที่เธอได้รับตอบแทนมันก็คุ้มค่า เธอได้ชนะใจคุณแม่แล้ว ชีวิตต่อไปนี้คงเป็นความสบาย ยังไงก็ตามในฐานะสะใภ้อย่าได้ต่อล้อต่อเถียงเป็นอันขาด”<br /> <br />“ขอบคุณค่ะที่กรุณาเตือนไว้”<br /> <br />“เอาละ ต่อไปนี้เราจะต้องคอยช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันในฐานะเป็นสะใภ้ทาโนะคุระด้วยกัน”<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553<br />ที่มา <a href="http://www.dailynews.co.th/web/index.cfm?page=content&categoryID=414&contentID=95230">dailynews</a>สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-68637023261401788812010-09-30T17:36:00.001+07:002010-09-30T17:37:53.937+07:00อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 30 กันยายน 2553อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 30 กันยายน 2553 <br />“ริวโซ่...ริวโซ่...”<br /> <br />เสียงร้องของโอชินเงียบหายไปกับสายฝน ฝนเม็ดเล็ก ๆ แต่มันดังราวกับลูกเห็บร่วงจากฟ้ากระทบสรรพสิ่งบนพื้นโลกดังสนั่นไปทั้งละแวก โอชินเปล่งเสียงแหลมลึกออกมาอีกครั้ง จะก้าวเท้าออกมาข้างหน้า ทันทีพลาดความชื้นแฉะของดินที่เปียกฝน ร่างทั้งร่างล้มคะมำไปข้างหน้า<br /> <br />โอชินได้กลิ่นเลือดสด ๆ ที่ตรงไหนสักแห่งหนึ่งโชยมาต้องจมูกก่อนที่สติสัมปชัญญะของเธอจะหลุดลอย แล้วฝนก็ยังคำรามต่อไป สลับกับเสียงร้องของฟ้าลั่น...มันดังน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักสำหรับรัตติกาลอันน่าสยอง...<br /><br />---@@@---<br /> <br />เท้าของริวโซ่ยังคงซอยถี่ขึ้นแล้วถี่ขึ้น เขามุ่งตรงไปที่เมืองมากกว่าจะรู้สึกตัวว่ากำลังวิ่งฝ่าฝนเปียกโชก ทั้ง ๆ ที่ร่มกันฝนก็ถือ อยู่ในมือ...เขาจะต้องอาศัยสูติแพทย์จากในเมืองมาให้ทันก่อนตะวันขึ้นฟ้า...เพราะลูกในท้องของอาจึโกะจะตายไม่ได้ ไม่เช่นนั้นโอชินก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ขึ้น มาอีก<br /> <br />คำพูดของมารดาก้องอยู่ในหู...สองสาม ครั้ง เขาวิ่งในความมืดและคลำหาทางไม่ถูก... หลายครั้ง เขาถูกหนามเกี่ยวเอาบ้าง แต่พอจะทนความแสบได้ หน้าที่ของเขา ต้องช่วยให้ทุกอย่างปลอดภัย และเมื่อนั้นก็จะได้ถึงคราวของภรรยาตนบ้าง<br /> <br />ถ้าอาจึโกะคลอดปลอดภัยเสียอย่างเดียวแล้ว การคลอดของโอชินก็จะต้องสะดวกไปทุกสิ่งรวมทั้งน้ำใจจากมารดาในเมื่อเขารับอาสาเป็นผู้ช่วยเหลืออย่างที่เขากระทำในขณะเวลานั้น...จะนึกเฉลียวใจสักน้อยนิดก็หาไม่ว่า ในขณะนั้นได้เกิดอะไรขึ้นบ้างกับโอชิน<br /><br />---@@@---<br /> <br />และแล้วสูติแพทย์ก็สามารถใช้เครื่องมือสมัยใหม่ช่วยเหลือให้การคลอดของอาจึโกะดำเนินไปด้วยความปลอดภัย เสียงร้อง เล็ก ๆ ดังขึ้นทำให้ริวโซ่กับฟุกุทาโร่ที่คอยอยู่ข้างนอกลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่าง...ไดโงะโร่เดินหัวเราะร่าออกมาจากในห้อง ตามหลังมาเป็น จึเนะโกะ<br /> <br />“คลอดแล้วว่ะ...เฮ่ะ...เฮ่ะ...เป็นผู้หญิง... ทั้งอาจึโกะและลูกปลอดภัย”<br /> <br />ริวโซ่กับฟุกุทาโร่ต่างจับมือกันและกันด้วยความลืมตัว...ไดโงะโร่ขอบคุณริวโซ่อย่างจริงใจ ริวโซ่เองก็โล่งอกเพราะโอชินจะปลอดภัย จากการถูกกล่าวหา ว่าแล้วริวโซ่ก็รีบขอตัวกลับไปที่บ้านเพื่อหวังแจ้งข่าวดีนี้ให้โอชินรู้<br /> <br />ริวโซ่เดินออกจากบ้านเห็นฟ้าสาง คลี่ม่านสีเทาอ่อนแห่งวันใหม่...เหมือนชีวิตใหม่ ที่โอชินจะได้รับ ต่อไปนี้ ชีวิตใหม่ของโอชิน ก็จะสว่างสุกใสเหมือนยามอรุณรุ่งของวันนี้... แต่เมื่อเปิดประตูเขตบ้านทาโนะคุระออกไป ก้าวข้ามธรณีประตูเท่านั้น พลันเห็นภาพที่ปรากฏ เบื้องหน้าหัวใจแทบหยุดทำงาน<br /> <br />ริวโซ่เปล่งเสียงร้องดุจดังสัตว์ที่ถูก ทำร้ายบาดเจ็บสาหัสสากรรจ์... ร่างของโอชินนอนคว่ำหน้าแน่นิ่งอยู่กับดินตรงนั้น เศษโคลนตมกระเซ็นเพราะเม็ดฝนชะแปดเปื้อน ไปทั่วร่าง ริวโซ่กระโจนทีเดียวถึงร่างของภรรยาจับพลิกหงายหน้าเห็นน้ำเมือกสีขุ่นไหลออกจากปากน้อย ๆ ของโอชินไม่หยุด...ดวงตาคู่นั้นปิดสนิท...เนื้อตัวเย็นเยียบ และที่เขาตกใจ สุดขีดก็คือดวงหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษของโอชิน<br /> <br />แม้แต่คนโบราณก็รู้ถึงอันตรายของการคลอดที่ยาวนานถึงกับมีคำกล่าวว่า “จงอย่าให้หญิงที่กำลังเจ็บครรภ์คลอดเห็นพระอาทิตย์ตกดินถึง 2 ครั้ง” เนื่องจากการคลอดของอาจึโกะเข้าข่ายการคลอดที่ยาวนานอันเกิดจากความผิดปกติของทารก...เป็นการผิดส่วนที่แท้<br /> <br />หมายถึงการผิดสัดส่วนที่เกิดขึ้นเมื่อทารกอยู่ในท่าปกติ คือมีกระหม่อมน้อยเป็นส่วนนำ ซึ่งเป็นท่าที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางของหัวเด็กน้อยที่สุด แต่ก็ยังไม่สามารถจะคลอดได้ภายหลังที่การคลอดดำเนินคืบหน้าอย่างมีประสิทธิภาพนานพอสมควรแล้ว <br /> <br />อันตรายจากการคลอดที่ยาวนานนี้ส่งผลกระทบทั้งมารดาและทารกในครรภ์ ภาวะช็อกทางสูติกรรมได้เกิดขึ้นกับอาจึโกะบ่อยครั้ง... เนื่องจากอยู่ในภาวะเครียดและเต็มไปด้วยความอ่อนเพลียยิ่ง ด้วยเหตุนี้ความว้าวุ่นทั้งหลายจึงเกิดแก่มวลสมาชิกของบ้านทาโนะคุระทั้งคืน<br /> <br />อย่างไรก็ตาม การคลอดของอาจึโกะก็สามารถผ่านพ้นวิกฤติการณ์ไปสู่ความปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก...เมื่อฟ้าใกล้สว่าง แต่สำหรับโอชินนับเป็นรัตติกาลอันน่าสยองโหดร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ สมัยก่อนนี้ การคลอดลูกของผู้หญิงเสมอเท่าด้วยการออกรบของผู้ชาย...<br /> <br />ริวโซ่ประณามตนเองอย่างเงียบเชียบในการที่เขาได้ทิ้งภรรยาไปมัวแต่สนใจในเรื่องการคลอดของน้องสาวจนโอชินแทบจะเอาชีวิตไม่รอด...ยังเป็นคราวเคราะห์ดีของโอชินที่สูติแพทย์ยังอยู่ในบ้านทาโนะคุระ และได้ช่วยชีวิตโอชินไว้ได้ทันท่วงที...<br /> <br />แต่ทารกของโอชิน ซึ่งบอบบางและประสบภาวะชะงักงันของการเจริญเติบโตแพทย์ไม่อาจช่วยชีวิตเอาไว้ได้...ริวโซ่นั่งมองดูภรรยาของตนราวกับคนบ้า ไม่สนใจหนวดเคราที่ขึ้นจนแลครึ้ม ที่หน้าผากของโอชินมีผ้าเย็นโปะไว้จนกระทั่งบัดนี้ เธอยังไม่ฟื้นจากการสลบอันยาวนาน ไดโงะโร่ค่อยเลื่อนบานประตูออกและสืบเท้าเข้ามาหาบุตรชายด้วยความเห็นใจ<br /> <br />“เป็นยังไงบ้าง”<br /> <br />“ถ้าโอชินจะต้องตาย ผมก็ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรได้”<br /> <br />“พูดเป็นบ้า...ไม่ตายง่าย ๆ หรอกน่า... หมอเขาก็ตรวจดูแล้วว่าไม่มีโรคแทรกซ้อน ไม่นานก็หายเป็นปกติ...แกคอยดูแลให้เรียบร้อยก็แล้วกัน”<br /> <br />ภายนอกห้องอันเต็มไปด้วยบรรยากาศเศร้าโศกนั้น มีแต่เสียงหัวเราะครึกครื้น โอคิโย่ ตักน้ำแจกจ่ายให้บรรดาหญิงทั้งหลายที่มาช่วยการคลอดล้างมือ พลางบอกกับทุกคนว่า<br /> <br />“มาคลอดเอาเวลาที่แต่ละคนก็มีงานเกี่ยวข้าวกันทั้งนั้น ต้องขอโทษด้วยนะ...เสร็จแล้วเชิญข้างในนะคะ มีเหล้ายาปลาปิ้งเตรียมเอาไว้แล้วค่ะ”<br /> <br />ไดโงะโร่เปิดบานประตูบ้านอาศัยคลอดของโอชินออกมา สีหน้าเห็นเค้าแห่งความกังวลชัดเจน<br /><br />---@@@---<br /> <br />เมื่อจัดงานด้านอาหารเตรียมเลี้ยงให้เป็นที่เรียบร้อย จึเนะโกะไม่ลืมเหตุการณ์อันแรงร้ายที่เกิดกับสะใภ้โอชิน รีบจัดอาหารมาส่งถึงบ้านอาศัย ริวโซ่เปิดประตูรับ<br /> <br />“ข้าวต้มมันเย็นไปหน่อยแล้ว เวลาจะกินค่อยอุ่นนะ ส่วนนี้เป็นของคุณริวโซ่ ทานเสียบ้างนะเดี๋ยวจะหมดแรงฟุบไปอีกคน”<br /> <br />“ขอบคุณครับ”<br /> <br />“โอชินเป็นยังไงบ้าง โหดร้ายทารุณมากนะคุณริวโซ่”<br /> <br />จากนั้นก็สาวเท้าข้ามกลับไปยังบ้านทาโนะคุระ ริวโซ่เลื่อนบานประตูให้ปิดลงดังเดิม นำอาหารมาวางไว้อย่างไม่สนใจที่จะกิน กลับมานั่งลงเคียงข้างภรรยา สุดสมเพชในตัวภรรยาอย่างบอกไม่ถูก นึกถึงทารกของอาจึโกะ เปลี่ยนดวงหน้าของอาจึโกะผู้เป็นแม่เป็นดวงหน้าของโอชิน นึกเห็นเป็นอย่างนั้นแล้ว รอยยิ้มก็ปรากฏบนดวงหน้าของริวโซ่ ภวังค์ของเขาแตกกระจายเมื่อเสียงโอชินกังวานขึ้นแผ่วเบา<br /> <br />“ยิ้มอะไรหรือคะคุณ”<br /> <br />ริวโซ่สะดุ้งหันมา พบโอชินลืมตาใสแจ๋ว ยิ้มให้ตนและกล่าวต่อไปว่า<br /> <br />“ลูกล่ะคะ? ลูกผู้หญิงใช่ไหมคะ? อยู่ที่ไหนล่ะคะ?” <br /> <br />“หิวหรือยัง? พี่จึเนะทำข้าวต้มมาให้ เห็นยังหลับอยู่ก็เลยเอากลับไป บอกว่าเมื่อจะกินก็จะอุ่นให้ร้อน ฉันจะไปเอามาให้นะ”<br /> <br />“พาลูกมาด้วยนะคะ ฉันอยากเห็นหน้าแกค่ะ อยากให้ทานนมด้วย”<br /> <br />ริวโซ่เห็นใบหน้าของโอชินที่บ่งบอกถึงความปลาบปลื้มแห่งการเป็นมารดาแล้วรู้สึกมีก้อนอุปสรรคก้อนหนึ่งมาติดอยู่ที่ลำคอยากที่จะกลืนมันลงไปได้<br /> <br />“อย่าเพิ่งพูดมากเลย ตอนนี้พักผ่อนให้มาก ๆ นะ”<br /> <br />“ฉันไม่ได้เป็นอะไร”<br /> <br />โอชินกล่าวแล้วจะลุกนั่ง แต่ถูกริวโซ่ประคองให้ล้มตัวลงนอนไปเหมือนเดิม<br /> <br />“ฉันไม่ได้เป็นอะไร เมื่อกี้นี้ก็ไปที่บ้านหลังใหญ่ ไปเรียกหมอตำแย...”<br /> <br />“เอ้อ...หมอ...หมอตำแยเขามาดูให้ แล้ว...”<br /> <br />“ค่อยยังชั่ว แต่หลังจากนั้น จำอะไรไม่ได้เลย คงทำให้ทุกคนยุ่งกันไปหมดสินะ”<br /> <br />ริวโซ่อยากจะร้องไห้ กัดฟันตัวเองแน่น บอกภรรยาสุดที่รักว่า “เอาเถอะ จะไปพาลูกมาให้...ตอนนี้นอนก่อนนะ...รอประเดี๋ยว...”<br /> <br />จับภรรยาที่เพียรจะลุกนั่งให้นอนลงไปอีกครั้ง ค่อย ๆ ถอยกายออกมาแล้วสาวเท้ารวดเร็วข้ามไปยังบ้านทาโนะคุระ...เมื่อมาถึงห้องครัวได้พบจึเนะโกะ ทรุดกายลงนั่งด้วยความโทมนัสใหญ่หลวง<br /> <br />“โอชินเป็นยังไงบ้าง ฟื้นหรือยัง”<br /> <br />ริวโซ่นั่งตาค้าง ทันทีได้ยินเสียงพวกผู้หญิงกับมารดาพากันหัวเราะครึกครื้นเสียงขรมอยู่ในห้องถัดไป ริวโซ่เหลือจะอดทนต่อไปได้ ทะลึ่งสุดตัวแล้วถลันไปยังห้องนั้น จึเนะโกะตกใจร้องเรียกไม่ทัน ได้ยินเสียงริวโซ่ตวาดดังลั่นมานอกห้อง<br /> <br />“หัวเราะเหมือนไอ้พวกบ้ากัญชา ยินดีอะไรกันวะ หนวกหูจะตายห่าอยู่แล้ว”<br /> <br />ครู่เดียวเห็นโอคิโย่ดึงเอาริวโซ่ออกมาจากห้อง ไดโงะโร่ตามมาข้างหลัง<br /> <br />“ทำไมถึงได้สำรากคำหยาบคายยังงั้นออกมา เขาอุตส่าห์มาช่วยเรานะ ให้มีมารยาทผู้ดีเสียบ้าง”<br /> <br />“ใครกันแน่ที่ไม่มีมารยาท โอชินน่ะแท้งลูกหวิดจะตายอยู่เสือกมากินเหล้าฉลองกันแต่หัววัน คนมีมารยาทดีเขาทำกันแบบนี้เรอะ”<br /> <br />“หยุดเสียที ริวโซ่ เป็นผู้ชายทำไมถึง ทำตัวทุเรศแบบนี้เล่า”<br /> <br />ริวโซ่ตาลอยราวกับคนบ้า “จะมีใครบ้างไหมที่รับรู้ความรู้สึกของผม ก็แน่ละซี คุณ แม่รักอาจึโกะคุณแม่ถึงได้ดีใจ แต่โอชินล่ะ?... โอชินจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ช่างยังงั้นใช่ไหม”<br /> <br />โอคิโย่ ในส่วนลึกของหัวใจก็รู้สึกโศกเศร้าอยู่บ้างเหมือนกัน นิ่งไปครู่หนึ่งกล่าวแผ่วเบา “เรื่องมันแล้วไปแล้วจะทำอะไรได้ มันเป็นพรหมลิขิตของแต่ละคน...”<br /> <br />ริวโซ่หันขวับ ดวงตาของเขาราวกับไฟที่ลุกโชนในเตา “พูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำ...ถ้าผมอยู่กับโอชินละก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก...แต่นี่เป็นเพราะผมไปตามสูติแพทย์ให้อาจึโกะ ผม...ผมจะไม่มีวันกล้าเผชิญหน้ากับโอชินได้อีกแล้ว...ผมไม่กล้าแม้แต่จะพูดความจริงกับเธอ...”<br /> <br />ไดโงะโร่หัวใจเต้นแรง ลงนั่งเคียงข้างบุตรชายถามว่า “นี่โอชินเขาฟื้นแล้วรึ?”<br /> <br />ริวโซ่หันมามองหน้าบิดา “เธอจะขอดูหน้าลูกที่เกิดมาแน่ะครับ จะให้ผมพูดยังงั้นได้ยังไง คิดเรอะว่าผมจะพูดได้ ร่างกายเธออ่อนเพลียขนาดนั้น ขืนบอกความจริงให้เธอทราบ เธออาจจะช็อกตายไปเลยก็ได้”<br /> <br />โอคิโย่ยืนนิ่ง แต่ร่างกายรู้สึกสั่นเทาอย่างไม่รู้สาเหตุ ไดโงะโร่ตบบ่าลูกชายเบา ๆ<br /> <br />“เอาเถอะ พ่อจะเป็นคนพูดให้เอง... เรื่องแบบนี้จะปิดอยู่ได้อย่างไร”<br /> <br />จากนั้นชวนริวโซ่ข้ามกลับมาหาโอชินที่บ้านอาศัยคลอดโอชินเมื่อได้เห็นหน้าสามีก็ส่งยิ้มให้หวานชื่นขณะบิดาของสามีทรุดกายลงนั่งข้างตัว<br /> <br />“ไหนล่ะคะลูกฉัน”<br /> <br />“โอชิน...น่าเสียใจนะ...ที่เธอแท้งเสียก่อน...โอชินเธอยังสาวจะมีลูกอีกกี่คนก็ได้”<br /> <br />“ไม่จริงค่ะ...ไม่จริง ลูกไม่ได้แท้ง... ยัง...ลูกฉันยังไม่ตาย...ฉันเป็นคนตัดสายสะดือเอง...แต่ไม่มีน้ำร้อนจะล้างก็เลยเอาเสื้อห่อไว้... ลูก...ลูกฉันอยู่ไหนคะคุณ”<br /> <br />ริวโซ่อดกลั้นไม่อยู่ เบือนหน้าหนีมิให้โอชินได้เห็นน้ำตาพรากแก้ม โอชินยิ้มปลาบปลื้มเมื่อคิดถึงลูกที่เกิดมา<br /> <br />“ตัวแกยังอุ่น หัวใจก็ยังเต้นตุ้บ ๆ แก ยังไม่ตาย แกมีชีวิต ฉันดีใจจนร้องตะโกนเรียกหาคุณ...จะมาว่าลูกฉันแท้ง ตายได้อย่างไร ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ ฉันคลอดของฉันคนเดียว ลูกเต้นอยู่ในอุ้งมือของฉัน ถึงแกจะตัวเล็กไปหน่อย แกก็มีชีวิต...จริงนะ...เป็นความจริง...”<br /> <br />ไดโงะโร่เองแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ไปด้วย พยักหน้าหงึกหงักกล่าวว่า “โอชิน...ตอนที่ริวโซ่มาพบเธอน่ะ เธอนอนสลบอยู่ด้านหลังของ บ้านใหญ่พอดี สูติแพทย์ยังอยู่ก็เลยช่วยชีวิตได้ทันท่วงทีช้านิดเดียวเธอก็อาจจะต้องเสียชีวิต ไปด้วย...แพทย์พยายามช่วยลูกของเธอเหมือนกัน แต่ตอนที่พบน่ะ...ลูกเธอได้แท้งตายเสีย ก่อนแล้ว”<br /> <br />โอชินนอนฟังหน้าตาเฉย สายตามองดูเพดานที่เต็มไปด้วยหยากไย่ กล่าวออกมาว่า “ไม่จริงค่ะ...ลูกฉันยังไม่ตาย...ยังไม่ตายจริง ๆ ด้วย”<br /> <br />“โอชิน...ตอนฉันอุ้มนั้น ลูกของเราตายแล้ว...”<br /> <br />“หมอบอกว่า เด็กตายตอนคลอดเนื่องมาจากอ่อนแอเกินขนาด อยู่ได้ประเดี๋ยวก็เสีย ชีวิต ตอนอยู่ในท้องเด็กขาดการบำรุง”<br /> <br />“ได้โปรดเถอะค่ะ...ฉันขอเห็นหน้าลูกของฉัน...”<br /> <br />สิ้นคำก็ผุดลุกนั่ง คว้าเอาสามีเป็นหลักไม่ให้ล้ม ริวโซ่กอดรัดภรรยาด้วยความสงสารสุดขีด โอชินหัวเราะพร้อมกับยืนยันจะขอดูหน้า ลูกให้ได้ เพราะได้ตั้งชื่อไว้ให้แล้วด้วยว่าอาอิซึ่ง แปลว่ารัก เพราะโอชินตั้งใจจะให้ลูกที่เกิดมาเป็นที่รักของทุกคน<br /> <br />หลุดอ้อมกอดของผัว โอชินคลาน กระเสือกกระสนด้วยความปรารถนาจะไปพบลูกแรกเกิด ริวโซ่ตะปบเมียเอาไว้อีกครั้ง กอดไว้แน่น<br /> <br />“ลูกจะต้องกินนมแล้วค่ะ แน่ะได้ยินไหม ร้องไห้ใหญ่เลย...อาอิ... อาอิ... อาอิ ลูกแม่...”<br /> <br />ไดโงะโร่ถอนหายใจยาว มองดูหน้าที่เปียกโชกด้วยน้ำตาของริวโซ่ด้วยความเห็นใจ ในความปวดร้าวระบมของชายหนุ่มสุดที่จะพรรณนาได้...<br /><br />---@@@---<br /> <br />บาดแผลทางใจของโอชินสาหัสเกินกว่าที่ทุกคนจะเข้าใจได้ แม้แต่ริวโซ่ผู้เป็นสามี นับแต่ได้ยอมรับรู้ว่าเธอแท้งลูกตายแล้ว โอชินหมดอาลัยตายอยากในชีวิตไม่ยอมพูดจากับผู้ใด เอาแต่นั่งตาลอยมือถือดอกไม้เด็ดกลีบของมันทิ้งเล่นดุจคนที่ไร้สติ<br /> <br />นมสองข้างก็คัด โอชินไม่สนใจในความเจ็บปล่อยให้น้ำนมไหลเปียกโชก ริวโซ่ทนดูไม่ได้ต้องเอาผ้าซับซุกไว้ข้างในทั้งสองข้าง โอคิโย่ นั่งอยู่ที่ขอบธรณีประตูบ้านอาศัยของโอชิน แลดูร่างของโอชินที่นั่งหันหลังให้แสงสว่างจากภายนอกสาดเข้ามาทางบานหน้าต่างนั้นประหนึ่งรูปปั้นด้วยศิลาเก่า ๆ ริวโซ่นั่งอยู่ไม่ห่างไกล กล่าวกับมารดาด้วยความคับแค้นใจเป็นที่สุด<br /> <br />“โอชินอุตส่าห์ตั้งชื่อลูกเป็นอย่างนั้นแสดงว่าภายในจิตใจของเธอต้องการความรัก จากทุกคนในบ้านทาโนะคุระ แต่คุณแม่...”<br /> <br />เสียงของชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายขาดหายไป มันแห้งเหือดดุจน้ำที่ถูกความร้อนผ่าวของผืนทะเลทรายซึมซาบ<br /> <br />“ริวโซ่.. แม่เองใช่ว่าจะใจจืดใจดำกับโอชินนะ แต่แม่บอกแล้วว่า ในบ้านหนึ่งถ้าจะมีการคลอดสองรายพร้อมกันแล้ว จะต้องมีเคราะห์ เสร็จแล้วมันก็เป็นความจริงตามที่แม่วิตก”<br /> <br />โอชินล้วงเอาผ้าซับน้ำนมออกมาจาก อกเสื้อ ริวโซ่ขยับตัวลุกขึ้นช่วยเปลี่ยนผ้าซับ น้ำนม โอคิโย่มองแล้วก็ถอนหายใจยาว<br /> <br />“โลกนี้มันไม่ค่อยจะเป็นไปอย่างที่คิดเลย...โอชินไม่ค่อยจะได้กินอะไร น้ำนมทะลักแล้วทะลักอีก...ส่วนอาจึโกะกินสารพัดแต่ไม่ยอมมีน้ำนมให้ลูกกินเอาเลย”<br /> <br />โอคิโย่ถอนใจอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นเดินซึมกลับมาที่บ้านทาโนะคุระ ได้ยินเสียงทารกของอาจึโกะส่งเสียงจ้า ก็กล่าวกับจึเนะโกะซึ่งกำลังล้างถ้วยชามอยู่ในครัว เพราะรู้ดีว่าลูกของ อาจึโกะกำลังหิวนมอีกแล้ว จึเนะโกะไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ได้แต่ยิ้ม ๆ มองดูมารดาของสามีเดินซึมเข้าไปในห้องพักฟื้นของอาจึโกะบนเรือน<br /> <br />อีกไม่กี่นาทีถัดมาริวโซ่ก็เดินถือถาดน้ำชาเข้ามาในครัวเพื่อขอน้ำร้อนจากจึเนะโกะ อีกฝ่ายจึงถามถึงอาการของโอชิน<br /> <br />“ยังซึม ๆ เหมือนเดิมครับ ไม่ยอมพูดไม่ยอมจา...ปกติโอชินเขาเป็นคนใจแข็งนะครับ ไม่น่าจะมาเป็นแบบนี้เลย”<br /> <br />“ความรักลูกน่ะ มันไม่จำกัดว่าต้องใจแข็งหรือใจอ่อนหรอก แถมโอชินยังต้องมาเจอความทารุณตอนคลอด มันก็นรกชัด ๆ นั่นแหละ ต้องตัดสายสะดือด้วยตัวเองนี่...ฉันว่ามันทารุณเอามาก ๆ...ที่อาจึโกะไม่มีน้ำนม ก็เพราะถูกพระเจ้าลงโทษน่ะ”<br /> <br />ยังไม่ทันริวโซ่จะกลับ ได้ยินเสียงมารดาร้องเรียกขึ้น<br /> <br />“ริวโซ่..แม่อยากจะขอร้องอะไรหน่อย...”<br /> <br />ทันทีอาจึโกะคลานออกมาจากในห้องพักฟื้นร้องบอกมารดาว่า “แม่ไม่ต้องพูด ไม่ต้องขอร้อง...”<br /> <br />โอคิโย่หันกลับไปแว้งกัดลูกสาวทันที “ทำไม แกจะให้ลูกแกตายเพราะไม่ได้กินน้ำนม ยังงั้นรึ”<br /> <br />“ขอร้องคนอื่นก็ได้นี่นา...”<br /> <br />โอคิโย่ไม่ฟังเสียง หันมาทางบุตรชาย กล่าวว่า “แม่อยากให้ลูกของอาจึโกะได้กินน้ำนมของโอชิน...จะได้ไหม”<br /> <br />ริวโซ่ตาขวางขึ้นมาทันที “ทำยังงั้นได้ยังไง คิดถึงหัวอกโอชินเขามั่งซิครับคุณแม่...”<br /> <br />“เหอะน่า ลูกผู้หญิงน่ะเขาไม่ใจแคบหรอก โอชินน่ะเวลานมคัดก็อดจะคิดถึงลูกไม่ได้ ถ้ามีเด็กให้กินนมเสียบ้าง จะเป็นลูกของใครก็ช่างเถอะ...คงจะทำให้โอชินคลายความคิดถึงไปบ้างนั่นแหละ”<br /> <br />ริวโซ่โกรธแค้นสุดขีดตะเบ็งออกมาว่า “พูดเอาแต่ได้...ไม่ตกลงครับ” สิ้นคำฉวยเอาถาดน้ำร้อนออกไปจากบ้านทาโนะคุระ...ก้าวพ้นชายคามาได้ยินเสียงฝีเท้าติดตามมาติด ๆ หันไปพบจึเนะโกะ เรียกเอาไว้<br /> <br />“คุณริวโซ่...นี่ฉันคิดเอาเองนะ...ตอนนี้โอชินเขาก็ไม่มีกะจิตกะใจ ถ้าได้สัมผัสอุ้มเด็กอุ้มเล็กให้กินนมบ้าง อาจจะเป็นการดีสำหรับโอชินอย่างที่คุณแม่พูดก็ได้”<br /> <br />ริวโซ่ชะงัก เสียงจึเนะโกะกังวานสืบไปว่า “ที่พูดนี้ ก็ด้วยความปรารถนาดีต่อโอชิน”<br /> <br />ริวโซ่คล้อยตาม อีกไม่นานจึงยินยอมให้มารดาอุ้มเอาทารกของอาจึโกะมาหาโอชิน... เลื่อนบานประตูเข้าไปรับเอาทารกจากอุ้งมือกอดของมารดา ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาภรรยาด้วยไม่แน่ใจว่าจะเป็นการถูกต้องดีหรือไม่อย่างไร...นั่งลงข้างภรรยาอย่างเงียบเชียบ กล่าวเสียงแผ่วเบา<br /> <br />“โอชิน...ขอให้เด็กคนนี้กินนมเธอหน่อยนะ...”<br /> <br />โอชินยังคงนั่งตาลอยเหมือนไม่ได้ยินความที่ริวโซ่ได้กล่าวขึ้น<br /> <br />“เด็กมันหิวนมน่ะ...”<br /> <br />โอชินนิ่ง ค่อย ๆ หันมามองดูริวโซ่ ด้วยสายตาไม่กะพริบ ความเงียบระทึกอยู่ในใจของโอคิโย่ที่เฝ้ามองดูอยู่ใกล้ ๆ ที่สุดโอชินก็ค่อย ๆ ยื่นแขนออกไปรับเอาทารกนั้นเข้ามาแนบไว้กับทรวงอก โอคิโย่ยิ้มสดใส พร้อมกับเสียงถอนหายใจใหญ่ของริวโซ่ดังขึ้น<br /> <br />เมื่อไดโงะโร่กลับมาจากสมาคมทะเล ได้ทราบว่าโอคิโย่อุ้มเอาทารกไปขอน้ำนมโอชินกินก็เดือดแค้น ถอดเสื้อนอกออกพลางกล่าวกับอาจึโกะว่า<br /> <br />“ทำไมถึงได้ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้น รู้ก็รู้ว่าโอชินมันเสียอกเสียใจแค่ไหน ไอ้แบบนี้มันเท่ากับซ้ำเติมกันนี่”<br /> <br />ยังไม่ทันสืบเท้าออกไปก็เห็นโอคิโย่เดินอุ้มทารกลูกของอาจึโกะเข้ามาในบ้านยิ้มแฉ่งร่าเริง ส่วนทารกนั้นหลับปุ๋ย<br /> <br />“อาจึโกะเอ๊ย...เด็กกินนมซะอิ่มเลยแหละ โอชินให้เด็กดูดนมเฉย...หน้าตาของเขาตอนนั้นไม่ผิดอะไรกับแม่ของเด็กที่กำลังกินนม...คงจะคิดว่าเป็นลูกของตนเองน่ะ... เฮ้อ...ก็คงจะต้องให้กินนมโอชินไปสักพักหนึ่ง... อาจึโกะ...”<br /> <br />อาจึโกะหน้าตาไม่สบาย เสียงมารดา กล่าวกับตนว่า “แกต้องระลึกถึงบุญคุณของ โอชินเขานะ เขาให้นมเลี้ยงลูกของแกไว้”<br /> <br />พลางหันมาทางจึเนะโกะในครัว บอกว่า “จึเนะโกะ...ช่วยหาอาหารดี ๆ ที่มันบำรุงร่างกายของโอชิน เอาไปให้เขากินหน่อย...ไม่ต้องเสีย ดายเงินหรอกนะ ต้องประคบประหงมให้โอชินเขากลับฟื้นคืนดีแข็งแรงเหมือนเดิมเข้าใจไหม”<br /> <br />จึเนะโกะยิ้มดีใจกล่าวรับ โอคิโย่อุ้มหลานอย่างสบายใจ ไดโงะโร่เลยยืนเซ่อ เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของโอคิโย่ที่มีต่อโอชินผู้อาภัพ จึงลืมเสียสิ้นที่จะต่อว่าต่อขานภรรยาของตน...<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 30 กันยายน 2553 <br />ที่มา เดลินิวส์สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-27720264167587158792010-09-30T17:33:00.001+07:002010-09-30T17:36:26.535+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 30 กันยายน 2553อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 30 กันยายน 2553 <br />บัลแฮ เข้ามารายงานพระนางชอนชู ว่า เมื่อคืนนี้มีเรือพวกหนี่เจินอยู่สองลำ ล่องผ่านแม่น้ำซัลซูแล้วก็ล่องไปจอดอยู่แถวอันบุก<br /> <br />“ที่นั่นไม่มีหน่วยงานทางการทหารอยู่ เลยนี่”<br /> <br />“ออกจากแถวอันบุกแล้ว...พวกมัน ไปที่ไหนกันต่อล่ะ” กัมชัน ถาม<br /> <br />“เรื่องนี้ข้าน้อยก็ไม่แน่ใจขอรับ แต่ได้ส่งคน 2 คน ออกไปสืบเรื่องราวแล้ว เมื่อเราไปถึงที่นั่นคงจะรู้”<br /> <br />“พวกเราจะเดินทางไปต่อยังไงหา” พระ นางชอนชู ตรัสถาม<br /> <br />“เมื่อพวกมันเลือกเดินทางทางน้ำ พวกเราเองก็คงจะต้องเดินทางไปทางน้ำด้วยเหมือนกัน ตอนนี้ กระหม่อมหาเรือได้ลำนึง ที่จะ..พาพวกเราไปอันบุก เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว ค่อยไปหาคนของเจ้า” กัมชัน กล่าว<br /> <br />“ได้ขอรับใต้เท้า”<br /><br />---@@@---<br /> <br />แฮงซูให้โจซังกุงออกมาหาที่นอกวัง และสั่งให้นางรายงานเรื่องขององค์ชายแคลองทั้งหมดให้กับพวกตนได้รับรู้ โดยโจทูจะเป็นคนที่คอยไปฟังข่าวทุกวัน แต่โจซังกุงบอกว่าไม่ใช่เรื่อง ง่าย วอนซุงสั่งกำชับว่า เรื่องนี้จะปล่อยให้พระสนมรู้เรื่องไม่ได้เด็ดขาด ถ้าหากกล้าให้เรื่องหลุดไปแม้แต่ครึ่งคำ ชีวิตของเจ้ากับนางจะอยู่ในอันตราย<br />---@@@---<br /> <br />พระเจ้าซองจงตรัสถามโกฮอนว่า ตอน นี้ท่านคังกับพระนางซุงด๊อกบุกไปในพื้นที่พวกหนี่เจินหรือ เมื่อรู้ว่าเป็นความจริง จึงถามถึงจำนวนผู้บาดเจ็บและล้มตาย พร้อมถามถึงจิตใจประชาชนเป็นยังไงบ้าง <br /> <br />“ทำไมเจ้าถึงไม่ตอบข้า...”<br /> <br />“คือ...ท่านอ๋อง ขอพระองค์อย่าได้... สนใจเรื่องนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”<br /> <br />“ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้ จิตใจของผู้คนที่ฮวางจูเป็นไงบ้าง”<br /> <br />“เอ่อ..กระ กระหม่อม ไม่กล้าทูลเลยพ่ะย่ะค่ะ โปรดให้อภัยกระหม่อมด้วยเถิด”<br /> <br />“ก็ได้ ไม่ต้องบอกก็ได้ พวกนั้นคงจะด่าว่าข้าเป็นคนทรยศบรรพชน เป็นคนต่ำทราม เฮ้อ..แม้แต่เสด็จย่า ก็คงกำลังโกรธแค้นข้าจากปรโลกสินะ” พระเจ้าซองจง ตรัส<br /><br />---@@@---<br /> <br />บัลแฮจับคนของเผ่าหนี่กลับมาคนหนึ่ง ที่บอกว่า เห็นเรือของเผ่าหนี่เจินผ่านไปลำนึง แต่เมื่อคังโจเค้นถาม กลับบอกว่าไม่รู้ว่าเรือล่องไปทางไหน แต่ห่างจากไปสองชั่วยาม มีชนเผ่านึงที่น่าจะรู้ คังโจ กัมชัน จึงพากำลังทหารออกไปตามก็พบกับกามุน กัมชันจึงแสดงตัวว่าเป็นชาวโครยอจากฮวางจู สองวันก่อนมีพวกหนี่เจิน กลุ่มหนึ่ง ที่โจมตีวังที่ฮวางจู แล้วมาจับตัวคนของพวกตนไปด้วย แต่กามุนบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกตน จากนั้นก็พาทั้งหมดไปพบหัวหน้าเผ่า<br /> <br />“ไหนบอกพวกเรามาซิ ว่าใครเป็นคนที่...ไปโจมตีฮวางจู” กัมชัน ถาม<br /> <br />“พวกเราเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” หัวหน้าเผ่า กล่าว<br /> <br />“ไม่ต้องมาโกหกเลย คนที่พาพวกเรามา บอกว่าพวกเจ้ารู้เรื่องนี้อย่างดี ถ้าไม่ใช่ฝีมือพวกเจ้า ก็บอกมาซะ” คังโจ กล่าว<br /> <br />“ข้าคือพระมเหสีของพระเจ้าคยองจง ถ้าพวกท่านช่วยเราตามหาเชลย เราจะขอบคุณท่านอย่างมาก” พระนางชอนชู ตรัส<br /> <br />“แต่..ถ้าหากพวกท่านปฏิเสธ เราคงต้องส่งทัพใหญ่มาโจมตีท่านแทน และชนเผ่าของท่านอาจจะต้องถูกทำลายก็ได้” กัมชัน ขู่<br /> <br />“ถ้าหากเราช่วยท่านได้ ท่านจะรับข้อเสนอสักข้อได้มั้ย” ชียัง ถาม<br /> <br />“ชียัง” หัวหน้าเผ่า เรียก<br /> <br />“ท่านพ่อ เรามีชีวิตแบบนี้ต่อไปไม่ได้ นี่อาจจะเป็นโอกาส”<br /> <br />“มีเงื่อนไขอะไร?” พระนางชอนชู ตรัส<br /> <br />“เรื่องนี้ เอาไว้ช่วยคนของพระมเหสีได้ก่อนค่อยว่ากัน”<br /> <br />“พวกนั้นเป็นใครจะตามหาได้ที่ไหน”<br /> <br />“ถิ่นของพวกมันอยู่ห่างจากสถานที่แห่ง นี้มาก พวกเราเองก็เป็นศัตรูกับมัน มันเป็นพวก ที่ถูกกองทัพชี่ตันขับไล่ลงไปทางใต้” ชียัง กล่าว<br /><br />---@@@---<br /> <br />พระนางชอนชู คังโจ และกัมชัน ยังไม่แน่ใจในข้อมูลที่ชียังให้ แต่ทั้งหมดตกลงที่จะเชื่อ และติดตามไป แต่พระนางชอนชู ก็รับสั่งให้คอยจับตาดูพวกนี้ลับ ๆ ด้วย ด้านวังอุก ได้มาหาพระมเหสีฮอนจอง <br /> <br />“ไม่เจอกันเสียนานนะ....ท่าน...ท่านจำข้าไม่ได้แล้วเหรอ” วังอุก กล่าว<br /> <br />“ใครว่าล่ะ...ไม่ใช่อย่างนั้น นี่เป็นไปได้ยังไงกันเนี่ย”<br /> <br />“เสียงผีผาเมื่อครู่ไพเราะจริง ๆ ไพเราะกว่าที่ข้าเล่นเองอีก เสียงนั้นเป็นเสียง...ที่พระนางบรรเลงใช่มั้ย”<br /><br />---@@@---<br /><br />พระนางชอนชู และพวก ให้ชียังและพวกพาเดินทางมาเพื่อตามหาพวกที่ถูกจับตัวมาระหว่างเดินทางก็ถูกกับดัก จนเกิดการต่อสู้กันขึ้น สุดท้ายก็สามารถช่วยฮยังบีและตัวประกันที่ถูกจับตัวมาได้<br /> <br />“หยุดได้แล้ว” อิลลา กล่าว<br /> <br />“ข้าเป็นหัวหน้าเผ่าเผ่านี้ หยุดโจมตีเราได้แล้ว พวกเราขอยอมแพ้แล้ว” หัวหน้าเผ่า กล่าว<br /> <br />“เจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าที่นี่เหรอ?” พระนางชอนชู ตรัสถาม<br /> <br />“ท่านเข้าใจถูกแล้ว”<br /> <br />“แล้วทำไมต้องมาโจมตีวังมองบ๊อก มาแก้แค้นที่เราต่อต้านพวกชนเผ่าหนี่เจินรึไงหา”<br /> <br />“ไม่ใช่หรอก พวกเราแค่ทำไปเพื่อความอยู่รอดของชนเผ่าเท่านั้น”<br /> <br />“หมายความว่ายังไง? ไปโจมตีวังของเชื้อพระวงศ์ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับความอยู่รอดหา”<br /> <br />“เราคิดจะจับพระมเหสีเพื่อเรียกเอาเงินค่าไถ่จากราชสำนักโครยอ”<br /> <br />“ว่าไงนะ” พระนางชอนชู ตรัสถาม <br /> <br />“ข้าเป็นหัวหน้าเผ่า ข้าขอรับผิดชอบเอง ได้โปรดปล่อยคนในเผ่าของข้าไปด้วย เพราะพวกเค้าไม่ได้มีความผิดอะไรเลย”<br /> <br />“อย่าฆ่าตัวตายนะ” คังโจ กล่าว<br /> <br />“อา...”<br /> <br />“เจ้าเป็นอะไรไป” พระนางชอนชู ตรัส <br /> <br />“นายน้อย” อิลลา กล่าวเรียก<br /><br />---@@@---<br /> <br />พระสนมยอนฮึงทูลพระเจ้าซองจง ให้เสด็จไปเยี่ยมพระมเหสีที่กำลังประชวรอยู่ที่วังหลังบ้าง เมื่อเสด็จไปก็พบกับองค์หญิงซอน ดูแลพระมเหสีมุนด๊อกอยู่ จึงรับสั่งให้ออกไปก่อน <br /> <br />“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันไม่สามารถจะลุกขึ้นมาถวายพระพรได้”<br /> <br />“ไม่เป็นไร เจ้ากินยาที่ทางหมอหลวง จัดเตรียมมาให้จนหมดรึเปล่าหา”<br /> <br />“ไม่มีประโยชน์อีกแล้วเพคะ หม่อมฉันมักจะสร้างความเดือดร้อนให้พระองค์เสมอเลย”<br /> <br />“ข้า..ได้ยินว่าเจ้าอยากพบข้า”<br /> <br />“เพคะ”<br /> <br />“มีเรื่องอะไรรึเปล่า”<br /> <br />“อนาคตของลูกสาวหม่อมฉันเพคะ”<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 30 กันยายน 2553 <br />ที่มา เดลินิวส์สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-68693652245793657872010-09-30T17:21:00.001+07:002010-09-30T17:23:26.447+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 30 กันยายน 2553อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 30 กันยายน 2553 <br />“เจ้าเกือบตายเพราะช่วยเรา” พชรเอ่ยปากหลังจากจัดการกับทหารสอดแนมเสร็จ<br /><br />“หากมินาลินไร้เจ้าชายรัชทายาท แล้วใครที่จะโค่นดารัณลงได้ แม้ต้องตายเพื่อท่านก็นับเป็นเกียรติสูงสุด”<br /> <br />“เราคงต้องแยกกันตรงนี้ เจ้ารีบไปเถอะก่อนที่ดารัณมันจะสงสัยในตัวเจ้ามากไปกว่านี้”<br /><br />---@@@---<br /> <br />บาจรีย์หมกมุ่นค้นหาข้อมูลการรักษาโรคเกี่ยวกับสมองจากทางอินเทอร์เน็ต มุ่งมั่นอยากช่วยฟื้นความจำให้วาสิน ตัดหน้าลำธาร บาจรีย์คิดว่าถ้าวาสินได้อยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคยอาจจะฟื้นความจำได้ดีกว่า พอรู้จากภูษณะว่าวาสินเคยมาล่าสัตว์กับมาดิสร์ที่ภูเขาด้านใต้ ของป่าแถบนี้อยู่บ่อย ๆ จึงแอบพาวาสินเข้าไปในป่าโดยไม่ยอมบอกให้ใครรู้ <br /> <br />พอรู้ว่าวาสินหายตัวไป ลำธารก็นึกถึงคำพูดบาจรีย์ที่บอกจะหาทางช่วยวาสินขึ้นมาได้ ลำธารสังเกตเห็นมีรอยเท้าผู้ชายกับผู้หญิงย่ำออกไปนอกค่าย จึงแอบตามไป โดยไม่ลืมทำสัญลักษณ์ทิ้งไว้บนต้นไม้ ตามประสบการณ์ที่ได้จากการเดินป่าหลบพวกทหารดารัณกับพชร <br /> <br />บาจรีย์พาวาสินไปรื้อฟื้นความทรงจำที่นั่งร้านส่องสัตว์กลางป่า วาสินเห็นเชือกที่ผูกติดกับนั่งร้านห้อยลงมา แทนที่จะนึกถึงเหตุการณ์ตอนล่าสัตว์กับมาดิสร์ได้ กลับนึกถึงเรื่องที่ถูกดารัณจับมัดกับรถแล้วลากไปทั่ว เมืองแทน <br /> <br />วาสินเริ่มมีอาการหวาดกลัว คลุ้มคลั่ง มองเห็นบาจรีย์บิดเบี้ยวเพี้ยนไปอย่างน่ากลัว บาจรีย์พยายามจะเข้าไปปลอบ วาสินหยิบไม้ขึ้นมาถือเป็นอาวุธ พลางเหวี่ยงแขนไปมากันไม่ให้บาจรีย์เข้าถึงตัว ส่งผลให้ท่อนไม้ฟาดหน้าบาจรีย์จนล้มลง <br /> <br />วาสินวิ่งกระเซอะกระเซิงหายเข้าป่าไป บาจรีย์ฝืนลุกขึ้น แล้ววิ่งตามวาสินไป ลำธาร ตามมาเจอ พยายามจะเข้าไปปลอบให้วาสินสงบลง บาจรีย์ดื้อดึงไม่ยอมเชื่อลำธาร ทำให้วาสินคลั่งหนักขึ้นกว่าเก่า บาจรีย์จะเข้าไปจับตัววาสิน วาสินถอยหนีจนเสียหลัก ร่วงไถลลงไปตามทางลาด หัวฟาดกับต้นไม้อย่างแรง ล้มลงสลบที่โคนต้นไม้<br /> <br />ลำธารช่วยห้ามเลือดให้วาสิน แล้ว ปลอบบาจรีย์ที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ให้มาช่วยกันประคองพาวาสินกลับไปรักษาตัวต่อที่ค่าย ธามกับพชรอาศัยสัญลักษณ์ที่ลำธารทำไว้ ตามมาช่วยกันพาวาสินกลับไปรักษาตัวต่อที่ค่ายได้ทันเวลา <br /> <br />บาจรีย์รู้สึกผิด เดินเข้าไปเกาะแขนพชร ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้วาสินได้รับบาดเจ็บ พชรเครียดจัดตวาดใส่ บาจรีย์น้ำตาคลอ นึกน้อยใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่ธีรัชเดินออกมา บอกว่าวาสินพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังคงต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด เพราะวาสินเสียเลือดไปมาก โชคดีที่ลำธารมีกรุ๊ปเลือดเดียวกันได้บริจาคเลือดช่วยชีวิตวาสินไว้ บาจรีย์อึ้งไป ที่ความดีความชอบทั้งหมดไปตกอยู่ที่ลำธาร! <br /> <br />บาจรีย์หันหลังปาดน้ำตา เดินหนีจากทุกคนไปอย่างเจ็บช้ำ ธามนึกเป็นห่วง รีบเดินตามไปพูดจาเย้าแหย่ปลอบใจ แต่บาจรีย์กลับร้องไห้โฮออกมาด้วยความเสียใจ ธามนึกสงสารจึงหลอกให้บาจรีย์ทำข้าวต้มหม้อโตให้ทุกคนในค่ายกิน เพื่อให้บาจรีย์ได้รู้สึกว่าตนเองมีค่า มีความสำคัญกับคนอื่น ๆ นอกเหนือจากพชร บาจรีย์เห็นทุกคนในค่ายกินข้าวต้มกันอย่างเอร็ดอร่อยก็ค่อยรู้สึกดีขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกเสียใจเรื่องพชรไม่หาย <br /> <br />“บาจรีย์ คุณหมกมุ่นแต่เรื่องของตัวเองมากเกินไป คุณสนใจก็แต่พชร อะไร ๆ ก็พชร แต่คุณรู้มั้ยว่า คุณยังมีประโยชน์คุณน่ะทำดีให้กับคนอื่น ๆ ได้อีกตั้งเยอะ แบ่งเวลาเอาใจพชร หันมาใส่ใจคนอื่น ๆ รอบตัวคุณบ้าง แล้วคุณจะมีความสุขมากขึ้น”<br /> <br />“แต่ความสุขอย่างเดียวของฉัน คือได้เป็นคนพิเศษของพี่พชร” <br /> <br />ธามได้แต่มองตามหลังบาจรีย์ที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกสงสาร “แต่คนพิเศษของพชร มีได้แค่คนเดียว แล้วอาจจะไม่ใช่คุณก็ได้”<br /><br />---@@@---<br /> <br />ลำธารเป็นห่วงพชรที่คอยนั่งเฝ้าวาสินอยู่ข้างเตียง ไม่ยอมกลับไปนอนหลับพักผ่อน จึงตัดสินใจเข้าไปเปลี่ยนเวรช่วยเฝ้าวาสินแทน พชรดีใจมากที่รู้ว่าลำธารเป็นห่วง<br /> <br />“ลำธารความรู้สึกที่คุณมีให้ผม มันยังไม่เปลี่ยนไปใช่มั้ยครับ”<br /> <br />“ฉันไม่พร้อมจะคุยปัญหาที่มันผ่านมาแล้ว ฉันไม่อยากรื้อฟื้นมัน ปล่อยให้มันเป็นสายลมที่พัดผ่านไปเถอะพชร”<br /> <br />“แม้ว่าเราจะไม่เข้าใจกันอย่างนั้นเหรอ”<br /> <br />“บางทีการที่ฉันไม่รับรู้ปัญหาของนายมากไปกว่านี้ คงทำให้ฉันอยู่ที่นี่ด้วยความทุกข์ที่น้อยลง”<br /> <br />พชรเศร้าลง ก่อนหันหลังเดินจากไป ลำธารถอนใจระบายความกลัดกลุ้มกับปัญหาหัวใจที่คาราคาซัง<br /> <br />“พชรฉันกลัวที่จะรู้เหตุผลว่าทำไมเราถึงรักกันเหมือนเดิมไม่ได้”<br /> <br />พาริณที่แอบดูอยู่รีบเดินออกมาหา ลำธาร “ฉันเห็นด้วยที่เธอไม่ควรรับรู้ แต่ความจริง มันก็คือความจริง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับความรักก็คือการที่ไม่มีวันรักกันได้ อีกไม่นานหรอก เธอจะเข้าใจมันเอง”<br /> <br />พาริณเดินจากไป แอบสะใจอยู่ลึก ๆ<br /> <br />“ไม่มีวันรักกันได้ เธอหมายความว่ายังไง” ลำธาร มองพาริณเดินจากไปอย่างคาใจ ข้องใจในสิ่งที่พาริณต้องการจะสื่อ!!!<br /><br />---@@@---<br /><br />ตอนที่ 14<br /> <br />พาริณแอบเข้าไปขโมยสร้อยรักเท่าชีวิตจากห้องพักของพชรมาเก็บไว้ เพราะไม่อยากให้พชรมอบสร้อยเส้นนี้ให้ใครอีก<br /><br />---@@@---<br /> <br />ชาครวางแผนให้พชรพากองกำลังใต้ดินบุกเข้าไปในคลังแสงของดารัณทางเส้นทางลับที่ใช้สำหรับลำเลียงกำลังและหลบหนีศัตรู หลังจากบุกยึดและทำลายคลังแสงได้แล้วก็ค่อยขนอาวุธออกทางประตูทางเข้าปกติที่มีทหารดารัณคอยเฝ้าอยู่ แต่ชาครจะช่วยมอมเหล้าพวกทหารเตรียมพร้อมไว้ให้ <br /> <br />ก่อนออกไปรบ พชรพยายามจะปรับความเข้าใจกับลำธารอีก แต่ลำธารไม่เปิดโอกาส ให้ ด้านบาจรีย์พยายามทำอาหารไปง้อพชร แต่พชรกลับไม่สนใจ ภูษณะรู้สึกสงสารที่เห็นพชรยกอาหารที่บาจรีย์ตั้งใจทำมาให้เป็นพิเศษให้จ่าแสงกิน จึงรีบเดินตามไปปลอบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้บาจรีย์รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่<br /> <br />ธีรัชรู้ว่าพชรคงอยากได้กำลังใจจาก ลำธารก่อนออกไปรบ จึงพูดเตือนสติให้ลำธารได้คิด และตัดสินใจซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ธีรัชไปดักรออวยพรให้พชรโชคดีกลางทาง พชรยิ้มกว้างอย่างมีความสุขจนแทบล้นทะลัก ผิดกับพาริณที่ได้แต่ยืนมองดูพชรกับลำธารอย่างหงุดหงิดกับภาพบาดหัวใจ<br /><br />---@@@---<br /> <br />อดิศรบุกเดี่ยวไปหาดารัณที่พระราชวัง มินาลิน ดารัณไม่กล้าทำอะไร เพราะอดิศรอ้างว่ามาคอยดูแลรับผิดชอบหน่วยแพทย์สากลที่มาปฏิบัติงานเพื่อมนุษยธรรมอยู่ในมินาลิน สองฝ่ายใช้จิตวิทยาสงครามประสาทเข้าห้ำหั่นกัน ในขณะที่ใบหน้ายิ้มแย้ม <br /> <br />พชรนำกองกำลังบุกเข้าโจมตีคลังแสงของดารัณตามแผนการที่ชาครวางไว้ ราชิตรู้ข่าว รีบเตรียมกำลังทหารจะไปจัดการกับพวก พชร อดิศรสบโอกาสช่วยเหลือพชร ด้วย การพูดจาดูถูกว่ากองกำลังของดารัณคงไม่มีประสิทธิภาพถึงปราบกบฏไม่ได้เสียที ดารัณเสียหน้ามาก จำต้องสั่งให้ราชิตไปจัดการกับพวกพชรตามลำพัง ไม่ให้เอากองกำลังติดตามไปด้วย <br /> <br />แผนที่ชาครวางไว้ให้ ทำให้พวกพชรสามารถจัดการกับพวกทหาร และทำลายคลังแสงของดารัณได้อย่างง่ายดาย ดารัณไม่พอใจมาก แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานว่าอดิศรเข้าร่วมกับพวกพชรก็จำต้องปล่อยตัวอดิศรกลับไป <br /> <br />หลังทำลายคลังแสงเสร็จ พวกพชรช่วยกันลำเลียงอาวุธขึ้นรถยีเอ็มซีเตรียมขนกลับไปค่าย ราชิตเดินทางมาถึงคลังแสงพอดี พชรอยากให้ชาครกลับไปที่ค่ายด้วยกันเพราะรู้ว่าราชิตคงไม่ปล่อยชาครให้รอดไปได้ แต่ชาครอาสาอยู่คอยกันราชิตให้ <br /> <br />ราชิตบุกยิงเข้าใส่พวกพชร พวกพชรยิงต่อสู้ ก่อนรีบขึ้นรถกันหมด ไม่นานนักรถยีเอ็มซีแล่นออกไป ชาครควักปืนขึ้นยิงกราด โยนระเบิดใส่พวกราชิต ก่อนวิ่งหนีไปอีกทาง ราชิตสั่งพวกทหารให้ตามพวกพชรไป ส่วนตัวเองวิ่งตามชาครไปด้วยความโกรธแค้น<br /> <br />พวกพชรจัดการฆ่าทหารดารัณที่ตามมาจนเกลี้ยง พชรเป็นห่วงชาครมาก ตัดสินใจขับรถยีเอ็มซีย้อนกลับไปช่วยชาคร แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตชาครไว้ได้ทัน ทุกคนรู้สึกโศกเศร้ากับการจากไปของชาครเป็นอย่างมาก <br /><br />ตอนที่ 15<br /> <br />พชรนำศพชาครกลับมาทำพิธีเผาที่ค่าย วาสินเศร้าสลดมากกว่าใครกับการจากไปของชาคร อดิศรเห็นทุกคนอยู่ในอาการเศร้าสลด ไม่ลืมกำชับเตือน<br /><br />“หมดเวลาแห่งความเสียใจแล้ว แม้จะทำลายคลังแสงได้แต่ยังห่างไกลจากชัยชนะ” <br /> <br />“ซ้ำยังเติมเพลิงแค้นให้แก่ดารัณ นับแต่วินาทีนี้เตรียมรับมือการโจมตีของมันให้ดี” พชรหันไปบอกทุกคนให้เตรียมตัวให้พร้อมกับปัญหาใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น!<br /><br />---@@@---<br /> <br />ดารัณโกรธมากสั่งรัฐมนตรีคลังให้เอาเพชรพลอยที่มีอยู่ในคลังออกมาขายเพื่อซื้ออาวุธใหม่ไว้ใช้ต่อกรกับพวกพชร รัฐมนตรี คลังไม่เห็นด้วยกับการนำเอาเพชรพลอยสำรองที่มีไว้ใช้ในยามฉุกเฉินออกมาซื้ออาวุธ จึงถูกดารัณฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหด <br /> <br />คเชนทร์และคามินคือคู่หูนักฆ่าจอมเหี้ยมโหด อดีตคือทหารผู้เชี่ยวชาญการสู้รบ ในป่า ทั้งสองเคยถูกวาสินสั่งจำคุกตลอดชีวิต แต่แหกคุกหนีไปได้ คเชนทร์ชอบการเข่นฆ่า บ้าคลั่ง อาวุธคือกริชคู่ ส่วนคามินเงียบขรึม เลือดเย็น แต่ก็โหดเหี้ยมสุด ๆ มีอาวุธเป็นขวาน สับแหลก<br /> <br />คเชนทร์และคามินบุกเข้ามาลอบฆ่าวาสินในวังด้วยความแค้น แต่กลับได้เจอกับ ดารัณและราชิตแทน ดารัณรีบเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส หลอกใช้คเชนทร์และคามินให้ไปจัดการฆ่าพชรแทนราชิตทันที<br /><br />---@@@---<br /> <br />ลำธารเป็นห่วงพชร จึงทำน้ำสมุนไพรมาให้พชรดื่มแก้เครียด พชรพยายามจะปรับความเข้าใจกับลำธาร แต่ลำธารยังทำใจแข็งเดินหนีกลับออกไปจากเรือนพักพชร โดยไม่รู้ว่า ภูษณะบังเอิญผ่านมาเห็นพชรสารภาพรักลำธารเข้าพอดี <br /> <br />ภูษณะโกรธมากท้าพชรประลองดาบ ภูษณะฟาดฟันดาบใส่พชรไม่ยั้ง พชรเอาแต่ตั้งรับไม่ยอมสู้ ธามกับบาจรีย์เดินผ่านมาเห็น พากันแปลกใจ แล้วพชรก็ทนไม่ไหวโยนดาบทิ้งลงกับพื้น ภูษณะเกือบยั้งมือไม่ทัน คมดาบห่างจากใบหน้าพชรนิดเดียวเท่านั้น<br /> <br />“หยิบดาบขึ้นมาสิวะ”<br /> <br />“ไม่ นายคงไม่ได้อยากประดาบกับฉัน จริง ๆ มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะ”<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 30 กันยายน 2553 <br />ที่มา เดลินิวส์สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-49005741950144099142010-09-30T17:20:00.000+07:002010-09-30T17:21:38.054+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 30 กันยายน 2553อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 30 กันยายน 2553 <br />“เหมยสวีทกิ๊กหนุ่มไฮโซ ควงกันจองเรือนหอ” แต้วอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเช้านี้ เหมยเดินออกมาแต้วจึงส่งให้เหมยดู เหมย หงุดหงิดที่นักข่าวเต้าข่าวโดยที่ไม่เป็นความจริงสักนิด เพราะเขากับไม้เป็นพี่น้องกัน แต้วพยายามบอกว่าไม้ชอบเหมย แต่เหมยยืนยันว่าไม้เป็นน้องชาย แต้วบอกว่าไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน เหมยชะงักเพราะจริงอย่างที่แต้วพูด แต่ยังไงเหมยก็ยืนยันว่าเหมยไม่เคยคิดกับไม้แบบนั้น และไม่มีวันคิดด้วย เหมยหันหน้าจะเดินออกจากบ้าน ก็ชะงักเมื่อเห็นไม้ยืนจ้องเธออยู่ เหมยและไม้มองหน้ากัน คราวนี้ทั้งสองคนมีเรื่องต้องคุยกันซะแล้ว<br /><br />---@@@---<br /> <br />ด้านปยุตรอ่านข่าวและภาพที่ลงหนังสือ ปยุตรรู้ดีว่าไม้คิดยังไงกับเหมย และแม้ว่าข่าวที่ออกมาจะเป็นเพียงการขายข่าว แต่ความรักที่ไม้มีให้เหมยมันเป็นเรื่องจริงที่ปยุตรอดหึงไม่ได้<br /><br />---@@@---<br /> <br />เหมยกับไม้นั่งคุยกันแบบเปิดใจ เหมย บอกว่าไม่ได้คิดอะไรนอกจากเห็นไม้เป็นน้องชายและไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น <br /> <br />“เพราะพี่เหมยมีพี่ยุตรใช่มั้ย พี่เหมย ถึงรักผมไม่ได้”<br /> <br />“ฟังพี่นะไม้ ถึงพี่ยุตรเขาจะไม่เข้ามาในชีวิตพี่ พี่ก็ไม่มีวันคิดแบบนั้นกับไม้ ลองกลับไปคิดดูดี ๆ ว่าความรู้สึกที่ไม้มีให้กับพี่ มันใช่ความรักแบบหนุ่มสาวหรือเปล่า หรือจริง ๆ แล้วมันเป็นแค่ความผูกพันที่ไม้เข้าใจผิดไปเอง”<br /> <br />ไม้พูดไม่ออก เหมยเสยผมไม้ปลอบอย่างเอ็นดู “เรากลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมนะ”<br /> <br />ไม้มองหน้าเหมย เหมยยิ้มให้อย่างจริงใจและว่าสักวันไม้จะต้องเจอคนที่ใช่ เหมยจับมือไม้ให้กำลังใจ ก่อนที่จะค่อย ๆ เดินออกไป แต่ไม้เรียกไว้ก่อนจะบอกว่าเขาจะพยายามทำอย่างที่เหมยบอก แม้ว่าจะยากก็ตาม เหมยยิ้มกว้าง ทั้งคู่เหลือเพียงความบริสุทธิ์ใจให้แก่กัน เหมยโผเข้าไปกอดน้องชายอย่างสุดรัก ไม้กอดตอบ แต่จังหวะนั้นปยุตรเดินเข้ามาเห็นช็อตเด็ดพอดี แอบจี๊ดในใจ!!! เหมยหันมาเห็นปยุตร จึงผละตัวออกจากไม้ <br /> <br />“ผมมารับเหมยไปกองถ่าย ป่านนี้นักข่าวคงรอเหมยอยู่เต็มกองแล้วล่ะ เหมยสูดลมหายใจหนัก ๆ พร้อมเจอกับปัญหา เหมยนำเดินออกไป ปยุตรมองไม้อย่างข้องใจนิด ๆ แต่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่กว่า ปยุตรจึงไม่พูดอะไร และจะเดินออกไป แต่ปยุตรต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงไม้ดังขึ้นมา<br /> <br />“ฝากดูแลพี่เหมยแทนผมด้วยนะพี่ยุตร” ปยุตรหันกลับมา ไม้ยิ้มน้อย ๆ ให้ ปยุตรยิ้ม ออกมาได้บ้างเหมือนกัน<br /><br />---@@@---<br /> <br />ป้องนั่งสับสนจมกับความคิดของตัวเอง สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจโทรฯ หากันต์ กันต์ซึ่งกำลังดูแลแม่กุ้ง เห็นป้องโทรฯ เข้ามาก็ไม่อยากรับเพราะยังน้อยใจเรื่องที่ป้องแถลงข่าวว่าไม่ได้คิดอะไรกับกันต์ กันต์เดินออกจากห้องมารับโทรศัพท์ เสียงกันต์เรียบนิ่งพร้อมรับฟังทุกอย่าง ป้องไม่ได้บอกอะไรมากแค่บอกว่าตอนเย็นจะไปหาที่โรงพยาบาล หลังวางสาย ทั้งคู่ต่างก็หนักใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น<br /><br />---@@@---<br /> <br />เหมยตอบคำถามนักข่าวตามความจริงว่าบ้านที่จะซื้อ เธอและไม้น้องชายตั้งใจเพื่อเป็นอนาคตให้น้อง ๆ และครอบครัว ทำให้เหมย ได้คะแนนไปอีกในสายตานักข่าว น้ำหวานเห็นแล้วก็ยิ่งหมั่นไส้ มดแดงพอจะรู้ว่างานนี้เป็นฝีมือเต้าข่าวของน้ำหวานจึงพูดแดก น้ำหวาน ไม่ยอมแว้ดใส่ มดแดงอารมณ์เสียเดินปลีกตัวไป น้ำหวานเดินมาประจันหน้ากับเหมย<br /> <br />“สงครามระหว่างเธอกับชั้นมันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น เตรียมตัวไว้ได้เลย!!!” พูดจบก็สะบัดเดินออกไปทันที <br /> <br />เหมยอึ้งไป รู้แน่ชัดว่าเป็นฝีมือน้ำหวานแน่ สุดจะเหนื่อยหน่ายใจ<br /><br />---@@@---<br /> <br />นักข่าวทยอยกันกลับหลังสัมภาษณ์เสร็จ น้ำหวานเห็นปยุตรก็ปรี่เข้ามาทักเสียงหวาน ปยุตรทำหน้าเซ็ง ๆ ไม่อยากเสวนาด้วย น้ำหวานแหย่เรื่องเหมยกับไมค์ที่ไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ ปยุตรบอกเขารู้ดีว่าเหมยเป็นคนอย่างไร น้ำหวานส่งสายตาหวานเชื่อมให้ปยุตรอย่างเปิดเผย ทันใดนั้นไฟที่เซตฉากก็ล้มคว่ำลงมาตรงหน้าน้ำหวาน ด้วยความตั้งใจของใครคนหนึ่ง ปยุตรคว้าตัวน้ำหวานหลบ ไฟเฉียดน้ำหวานไปนิดเดียว แต่ขาไฟก็ล้มมากระแทกแขนปยุตรที่เอาตัวบังน้ำหวานอยู่<br /> <br />หน้าของปยุตรแนบกับหน้าน้ำหวาน น้ำหวานรู้สึกอบอุ่นจากสัมผัสของปยุตรขึ้นมาในฉับพลัน เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยยกไฟขึ้นจากตัวปยุตร ทีมไฟขอโทษขอโพยและรีบยกไฟออกไปจากตรงนั้น น้ำหวานกล่าวขอบคุณปยุตรและมองอย่าง ชื่นชม เหมยเดินออกมาจากห้องแต่งตัว และต้องชะงักเมื่อเห็นน้ำหวานยืนอยู่กับปยุตร<br /> <br />น้ำหวานเหลือบเห็นเหมยจึงจงใจแกล้งโดยการจับแขนปยุตรด้วยความเป็นห่วง ปยุตรว่าไม่เป็นไร น้ำหวานทำทีจะเดินไปแต่แกล้งเดินล้ม ปยุตรต้องเข้าไปประคองอีกครั้ง คราวนี้น้ำหวาน กอดซบอกปยุตรให้เหมยเห็นจัง ๆ น้ำหวาน ส่งสายตาท้ารบ เหมยอึ้งไป ก้มหน้าพยายามไม่คิดมาก แต่ก็ความน้อยใจมันมีมากกว่า น้ำตาเอ่อ ขึ้นมาทันที เหมยรีบปาดน้ำตา และเดินเลี่ยงไปทางอื่น น้ำหวานยิ้มสะใจ ก่อนที่จะหันมองตาม ปยุตรอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่แปลกไป <br /> <br />ชายลึกลับคนที่ตั้งใจทำไฟล้มใส่น้ำหวาน มองเหตุการณ์ที่ไม่เป็นอย่างที่ใจหวังด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านโกรธแค้น<br /><br />---@@@---<br /><br />ตอนที่ 21<br /> <br />ไม้นั่งซึมอยู่หน้าบ้าน แต้วเดินออกมา เห็นเลยลงนั่งปลอบไม้ <br /> <br />“ถ้าเรารักใครสักคน แล้วไม่ได้รับความรักนั้นตอบ มันก็เจ็บแบบนี้ล่ะ แต่เราก็ยังมีความสุขที่ได้รักเขาไม่ใช่เหรอ เพียงแต่ว่ามันคงต้องยอมเป็นทุกข์ที่ต้องรอว่าเมื่อไหร่เค้าจะรักเรา”<br /> <br />ไม้ยิ้มเข้าใจที่แต้วพูดหมดทุกอย่างแล้วแซวแต้ว “แก่แดด พูดยังกับเข้าใจความรักได้ดีนักนี่” แต้วหัวเราะเบา ๆ “ก็แต้วเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน” ไม้ชะงักกึก ลึก ๆ แล้วไม้ก็รู้ว่าแต้วรักเขา แต่ไม้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันไหนที่ เขาจะรักแต้วได้เหมือนอย่างที่เขารักเหมย แต่อย่างน้อยวันนี้เขาก็มีแต้วคอยนั่งเป็นเพื่อนยามที่เขาทุกข์ใจ<br /><br />---@@@---<br /> <br />ที่สวนหย่อมในโรงพยาบาล ป้องบอกกันต์ว่าคุณพิงค์เรียกเข้าไปพบ เตือนให้รักษา ภาพลักษณ์ เพราะกลัวคนดูรับไม่ได้ กันต์เห็นใจป้องจึงขอยุติความสัมพันธ์ กันต์ค่อย ๆ เดินจากไป แต่ป้องคว้ามือเอาไว้ ป้องบีบมือกันต์แน่น “ผมไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น และผมอยากให้คุณอยู่ข้าง ๆ ผมแบบนี้” กันต์ยิ้มปนเศร้า เหมยที่ยืนมองทั้งคู่อยู่ห่าง ๆ รู้สึกเข้าใจ จึงเดินเข้าไปหาน้องชาย<br /> <br />“พี่ไม่รู้ว่าเรื่องระหว่างกันต์กับคุณป้อง ความจริงมันเป็นยังไง แต่พี่แค่อยากจะบอกว่า ความสุขของคนเราคือการได้ยืนอยู่บนความจริง ไม่โกหกคนอื่น และที่สำคัญต้องไม่โกหกตัวเอง” เหมยพูดเหมือนสะท้อนใจเรื่องของตนเอง กันต์และป้องมองหน้ากันรู้สึกผิดที่หลอกตัวเอง “บางครั้งความจริงมันก็ไม่ได้มาพร้อมกับการยอมรับ แต่จำไว้นะความจริงมันมาพร้อมกับความสุขเสมอ เชื่อพี่นะกันต์” เหมยพูดจบก็ให้กำลังใจกับทั้งสองคน ด้วยการแตะบ่า แล้วก็เดินไปทางห้องคนไข้แม่กุ้ง ทั้งป้องและกันต์ยังยืนนิ่งทบทวนสิ่งที่เหมยพูด เพียงชั่วครู่ ทั้งสองมองหน้ากัน แต่คราวนี้เห็นประกายในแววตาของทั้งคู่เปล่งออกมาอย่างชัดเจน<br /><br />---@@@---<br /> <br />ในห้องพัก เหมยป้อนข้าวแม่กุ้ง แต่ หน้าตามีแววกังวล ยังคิดวนเวียนถึงเรื่องปยุตร และน้ำหวาน แม่กุ้งจับสังเกตได้ เหมยสารภาพ ทั้งน้ำตา “เหมยไม่เข้าใจคุณยุตรเค้าเลยค่ะแม่ เหมยเห็นว่าเขาจับมือถือแขนกับน้ำหวาน แต่พออยู่ต่อหน้าเหมย เขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมยไม่เข้าใจจริง ๆ” <br /> <br />“ไม่เข้าใจ ก็ต้องหาทางทำความเข้าใจ ให้เร็วที่สุด ความรักน่ะถือทิฐิไม่ได้นะลูก ถ้าเหมยรักคุณยุตร เหมยก็ต้องเปิดใจกับเขา” เหมยพยักหน้ารับฟังสิ่งที่แม่กุ้งสอน แต่ลึก ๆแล้วก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้จะเคลียร์กับปยุตรได้จริงหรือ<br /><br />---@@@---<br /> <br />ที่คอนโดฯ น้ำหวานนั่งอยู่บนโซฟา นึกถึงเหตุการณ์ที่ปยุตรช่วยเธอไว้ น้ำหวานยิ้มละไม สัมผัสอันอบอุ่นแบบนั้น เธอไม่เคยได้ รับจากใครนอกจากความรู้สึกที่ได้จากปยุตร น้ำหวานตัดสินใจกดโทรฯหาปยุตรทันที ปยุตรที่กำลังนั่งเขียนข่าวอยู่รับสาย น้ำหวานขอบคุณปยุตรยกใหญ่พร้อมหยอดคำหวาน ปยุตรชะงักไป ฝ่ายเหมยหยิบมือถือออกมากดโทรฯหา ปยุตร แต่เป็นสายเรียกซ้อน ปยุตรมองมือถือเห็นว่าเป็นสายเรียกซ้อนจากเหมยก็จะหา ทางวางสายจากน้ำหวาน แต่ไม่มีจังหวะ ปยุตร พะวงกับสายของเหมยตลอดเวลา ฝั่งเหมยก็ถือสายรออยู่อย่างอดทน ปยุตรตัดบทจากน้ำหวานจังหวะที่ปยุตรตัดสายน้ำหวานทิ้ง เหมยก็วาง สายไป แล้วก็ปิดเครื่อง “ไม่คุยก็ไม่ต้องคุย คนบ้า” ปยุตรโทรฯกลับไปหาเหมยแต่เหมยปิดเครื่องไปแล้ว ทางฝั่งน้ำหวานที่ถูกปยุตรตัด สายทิ้ง ก็เริ่มหงุดหงิด “คุณยุตร น้ำหวานจะ ทำให้คุณเห็นว่าน้ำหวานมีดีกว่านังเหมยเป็นไหน ๆ” ดวงตาน้ำหวานวาวโรจน์ ครั้งนี้เธออยากได้ปยุตรจริง ๆ<br /><br />---@@@---<br /> <br />ที่วัด พีทและรมมี่มาไหว้พระด้วยท่า ทีสบายใจ รมมี่ไม่ได้มีท่าทางเปรี้ยวฉูดฉาดเหมือนเดิม จากนั้นทั้งคู่ไปให้อาหารปลากันต่อด้วยท่าทางนิ่ง ๆ แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม<br /> <br />“ให้อาหารปลาเสร็จแล้วเราไปนมัสการ หลวงพ่อกันนะคะ ฉันอยากให้ท่านช่วยดูฤกษ์ให้”<br /> <br />“ฤกษ์อะไร?”<br /> <br />“ก็งานแต่งงานของเราน่ะสิคะ” <br /> <br />พีทอ้าปากค้างแบบคาดไม่ถึง รมมี่ถามเย้า ๆ <br /> <br />“หรือจะไม่แต่ง?”<br /> <br />“แต่งสิ ผมอยากแต่งงานกับคุณ ไชโย” พีทตะโกนเสียงดัง พีทมองหน้ารมมี่แล้วยิ้มกว้าง สองหนุ่มสาวประสานสายตากัน ก่อนหันไปให้อาหารปลาต่ออย่างมีความสุข <br /><br />---@@@---<br /> <br />รมมี่กับพีทนัดเหมยกับปยุตรออกมาทานข้าวนอกบ้าน เพื่อบอกข่าวดี เหมยยังงอนปยุตรอยู่เลยไม่ค่อยสบตา<br /> <br />“คือว่า..ผมกับรมมี่จะแต่งงานกัน”<br /> <br />เหมยกับปยุตรประหลาดใจไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ เหมยยิ้มกว้างแสดงความยินดีกับ ทั้งคู่<br /> <br />“ดีใจด้วยนะรมมี่ คุณพีท”<br /> <br />“ขอแสดงความยินดีกับว่าที่เจ้าบ่าวครับ”<br /> <br />“โห ยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้หรอก ต้องขอดูพฤติกรรมก่อน เรื่องเก่าชั้นไม่สน แต่ถ้ามีเรื่องใหม่มาชั้นเอาตายแน่”<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 30 กันยายน 2553 <br />ที่มา เดลินิวส์สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-70753204702464716422010-09-30T17:18:00.000+07:002010-09-30T17:20:01.698+07:00อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 30 กันยายน 2553อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 30 กันยายน 2553 <br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjd8NEWq9dpOkJJBQSbnCUuv7ci5qqNub0oUYCWhKloypRZZPz19KiwbWFu1qk7Cxp54xix_MKEWCkFINs_WYkMlaM1fvQqBpIPPnRDNjdDkcsJ1SLf8XHzY4abX1L_GqOemg0VMasDbEs/s1600/01.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 260px; height: 105px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjd8NEWq9dpOkJJBQSbnCUuv7ci5qqNub0oUYCWhKloypRZZPz19KiwbWFu1qk7Cxp54xix_MKEWCkFINs_WYkMlaM1fvQqBpIPPnRDNjdDkcsJ1SLf8XHzY4abX1L_GqOemg0VMasDbEs/s400/01.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5522649053434364850" /></a>“ชุมศรีเอ๊ย...พี่มีเธอเป็นน้องอยู่คนเดียว พี่ก็ต้องรักต้องห่วงเธอ...ฉะนั้นพี่ไม่มีวันยอมให้น้องต้องไปทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย อย่างนั้นหรอก”<br /> <br />“แต่..คุณประจวบ”<br /> <br />“อย่าห่วงเลย...พี่ไม่ปล่อยให้ว่าที่น้องเขยไปเสี่ยงตายเหมือนกันน่า”<br /> <br />ชุมศรีมองดูพี่ ซึ้งใจจนน้ำตาแทบไหล ตื้นตัน...ประจวบเดินเข้ามา ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น<br /> <br />“พี่ชวนเรียกผมเหรอครับ”<br /> <br />“อืม...ชุมศรีออกไปข้างนอกก่อนไป ผู้ชายเขาจะคุยกัน”<br /> <br />ชุมศรีออกไป ประจวบมองตาม ชวนหยิบซองเงินในลิ้นชักออกมา แล้วยื่นให้ประจวบ<br /> <br />“เอาเงินนี่ไปใช้หนี้ซะ”<br /> <br />ประจวบอึ้ง ระคนตกใจ “แต่...”<br /> <br />ชวนยัดซองเงินใส่มือประจวบ “ไม่ต้องแต่ ฉันไม่ได้ให้เงินนายไปเปล่า ๆ ฉันมีงานให้นายทำด้วย” <br /> <br />“งานอะไรครับ”<br /> <br />“อืมมม...พี่จะให้นายทำงานในหน้าที่ดูแลผู้หญิงที่น่ารัก ๆ ซักคนนึง นายจะทำได้มั้ย”<br /> <br />“ดูแลผู้หญิง!! งานอื่นไม่ได้เหรอครับ ผม...”<br /> <br />“ทำไม กลัวอะไร ถ้าผู้หญิงคนนั้นคือชุมศรีน้องพี่เองล่ะ”<br /> <br />“พี่ชวน...”<br /> <br />“นายพอจะคุ้มครองชุมศรีให้เขาอยู่ดีมีสุข และซื่อสัตย์กับเค้าไปตลอดได้มั้ย”<br /> <br />“ได้ครับ” ประจวบรับปากอย่างมั่นใจ<br /> <br />“ถ้าอย่างนั้น ก็รีบเอาเงินไปใช้หนี้ซะ แล้วรีบกลับมาที่นี่นะน้องเขย” <br /> <br />ประจวบยิ้มตื้นตันกับความมีน้ำใจของสองพี่น้องคู่นี้ <br /><br />---@@@---<br /> <br />วันต่อมาประจักษ์ประคองวนิดา สีหน้าดีขึ้นแล้ว เข้ามาในบ้านมหศักดิ์ ป้าทอง จวง ตามมา<br /> <br />“ระหว่างที่ฉันไปทำงาน เธอต้องทานข้าว ทานยาให้ตรงเวลา ถ้ารู้สึกไม่ดี รีบโทรฯ หาฉันทันที” <br /> <br />ป้าทองกับจวงมองประจักษ์กับวนิดาแล้วอมยิ้ม<br /> <br />“ฉันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะคะ ฉันดูแลตัวเองได้ แผลที่ขาแค่นี้ ยังไกลหัวใจอีกเยอะ” <br /> <br />“ไกลหัวใจเธอ แต่ใกล้หัวใจฉัน...ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา ใจฉันคงทนไม่ได้” <br /> <br />“คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ มีป้าทองกับจวงคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ” <br /> <br />“มันก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี ใครจะดูแลเธอได้ดีเท่าฉัน” <br /> <br />ประจักษ์มองวนิดาแววตาเป็นห่วงอย่างจริงจังจนวนิดาพูดไม่ออก ป้าทองกับจวงหัวเราะคิกคักเขินอายแทน ทำเอาเสียบรรยากาศ ประจักษ์กับวนิดาได้ยินหันไปมอง ป้าทองกับจวงรีบปิดปากแล้วอมยิ้มแทน ประจักษ์ผละออกห่างวนิดา <br /> <br />“ฉันไปนะ แล้วจะรีบกลับมา” <br /> <br />“ค่ะ” <br /> <br />ประจักษ์ยิ้มแล้วเดินออกไป วนิดายิ้มค้าง เห็นป้าทองกับจวงมองอยู่ วนิดาเขินอายหน้าแดง...ประจักษ์เดินออกมาเจอกับพิสมัยที่เดินออกมา <br /> <br />“เย็นนี้เธอว่างมั้ย ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย” <br /> <br />พิสมัยมองประจักษ์นิ่งอึ้ง เพราะรู้ว่าประจักษ์จะคุยเรื่องอะไร ถึงตัวเย็นใจสั่น แต่พยายามไม่แสดงออก พิสมัยถามจะคุยเรื่องอะไร ประจักษ์บอกจะคุยเรื่องของเรา พิสมัยใจเสียแต่ก็รับปาก<br /><br />---@@@---<br /> <br />ปราณีเปิดประตูเห็นพิสมัยร้องไห้ฟูมฟายก็ตกใจ ถามว่าเป็นอะไร พิสมัยโผเข้ากอดปราณี<br /> <br />“ปราณีช่วยฉันด้วย คุณพี่ไม่รักฉันแล้ว คุณพี่ไม่รักฉัน ฉันจะทำยังไงดี ฉันจะทำยังไงดี ฮือฮือ” <br /> <br />“ใจเย็น ๆ ก่อนพิสมัย เธอพูดอะไรของเธอ คุณใหญ่จะไม่รักเธอได้ยังไง” <br /> <br />พิสมัยเอาแต่ร้องไห้ ปราณีดึงพิสมัยออกมามอง <br /> <br />“ตอนที่คุณพี่ ฉัน แล้วก็นังวนิดาติดอยู่ในวิหารพระฯ คุณพี่ไม่สนใจ ไม่ห่วงฉัน คุณพี่เอาใจแต่นังวนิดา ดูแลมันจนออกนอกหน้า ทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน สิ่งที่คุณพี่ทำมันทำให้ฉันมั่นใจว่าคุณพี่รักนังวนิดา...เย็นนี้คุณพี่นัดฉันให้ออกไปพบ คุณพี่บอกว่าจะคุยเรื่องของเรา คุณพี่ต้องบอกเลิกฉันแน่ ๆ ปราณี ฉันจะทำยังไงดี ฉันไม่อยากเสียคุณพี่ไป ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าขาดคุณพี่ ฉันอยู่ไม่ได้ ฉันอยู่ไม่ได้” พิสมัยร้องไห้หนักมาก <br /> <br />“พิสมัย! ตั้งสติแล้วฟังฉัน...เธอจะอ่อน แอแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเธออ่อนแอ เธอจะเสียคุณใหญ่ให้นังวนิดา เธอจะยอมแพ้มันเหรอพิสมัย!” <br /> <br />พิสมัยนิ่งคิดตามที่ปราณีพูด “แล้วเธอ จะให้ฉันทำยังไง?” ปราณียิ้มร้าย มีแผนการ พิสมัยมองสงสัย <br /><br />---@@@--- <br /> <br />อำไพนั่งคุยอยู่กับวนิดา ไม่นานมนตรีวิ่งหน้าตาตื่นเต้นดีใจเข้ามา วนิดากับอำไพหันไปมองมนตรีที่ตรงปรี่เข้ามาจับมือวนิดาแน่น วนิดาชะงัก อำไพตกใจ <br /> <br />“พอรู้ว่าคุณนิดกลับมา ผมก็รีบมาหาคุณ นิดทันทีเลย ไม่ได้เจอหน้าคุณนิดตั้งหลายวัน ผมจะขาดใจตายให้ได้ ผมคิดถึงคุณนิดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ”<br /> <br />“หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มีด้วยรึเปล่าคะ” <br /> <br />มนตรีเคลิ้ม “ครับ...เย้ยย!! นั่นมันคนตายแล้ว” พอนึกได้หันตาเขียวใส่อำไพ<br /> <br />“ถ้าคุณยังไม่ปล่อยมือคุณนิด คุณประจักษ์ ได้เล่นงานคุณตายแน่” <br /> <br />มนตรีผงะ ตกใจ รีบปล่อยมือจากวนิดาแล้วยิ้มแหย ๆ <br /> <br />“ขอโทษครับ ผมลืมตัว ดีใจมากไปหน่อย วันนี้คุณนิดว่างมั้ยครับ...ผมอยากชวนไปดูหนัง” <br /> <br />“ขอบคุณนะคะที่ชวน แต่นิดไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ” <br /> <br />“ไม่สบาย!! คุณนิดไม่สบายเป็นอะไร ครับ แล้วไปหาหมอรึยัง” <br /> <br />อำไพทนไม่ไหว “โอ๊ย! ถามไม่หยุดแบบ นี้ คุณนิดจะตอบได้ยังไง” <br /> <br />มนตรีเงียบ วนิดาอมยิ้มขำ ๆ กับท่าทางของมนตรีกับอำไพ<br /> <br />“คุณนิดหกล้มตอนที่ไปบางปะอิน หยุด!..ฟังฉันพูดให้จบก่อนแล้วค่อยถาม ตอนนี้อาการคุณนิดดีขึ้นแล้ว แต่ยังไม่สมควรออกไปไหน เอ้า อยากถามอะไรก็ถาม” <br /> <br />มนตรีอึ้งเพราะไม่มีอะไรจะถามแล้ว “ขอให้หายเร็ว ๆ นะครับ น่าเสียดายกว่าผมจะได้ตั๋วหนังรอบแรกมา เลือดตาแทบกระเด็น”<br /> <br />“งั้นให้คุณจี๊ดไปดูหนังเป็นเพื่อนคุณมนตรี สิคะ” <br /> <br />อำไพกับมนตรีตกใจ <br /> <br />“จี๊ดเหรอคะ?” <br /> <br />มนตรีรีบปฏิเสธจนดูเหมือนรังเกียจ “โอ๊ย ไม่เอาหรอกครับ” <br /> <br />อำไพหมั่นไส้ ดึงตั๋วมาจากมือมนตรีทั้งสองใบ “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปดู จี๊ดไปนะคะคุณนิด”<br /> <br />อำไพลุกเดินออกไป มนตรีเหวอ หันไปตะโกนไล่หลังอำไพ <br /> <br />“เฮ้ยได้ไง!!...ผมไปก่อนนะครับ” มนตรีบอกวนิดา แล้วรีบวิ่งตามอำไพไป<br /><br />---@@@---<br /> <br />ในที่สุดมนตรีกับอำไพก็ต้องดูหนังด้วยกัน อำไพกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะดูเพราะเป็นหนังผี ยกมือขึ้นมาปิดตา แต่ก็กางนิ้วออกดู เสียงดังโครม! ออกมาจากในหนัง อำไพกรี๊ดลั่น มนตรีสะดุ้งเฮือก! มนตรีกระซิบ “นี่ เบา ๆ หน่อยได้มั้ย อายคนอื่นเค้า” <br /> <br />“ก็มันน่ากลัวนี่นา... นั่นไง ๆ ผีมาแล้ว”<br /> <br />อำไพจิกแขนมนตรีแน่นโดยไม่ตั้งใจ มนตรีสะดุ้งโหยง ร้อง โอ๊ย! <br /> <br />“กลัวเหมือนกันเหรอ” <br /> <br />“กลัวบ้าอะไร เธอจิกแขนฉันอยู่” <br /> <br />อำไพก้มมองเห็น ตกใจ รีบปล่อย ยิ้มแหย ๆ มนตรีหัวเสีย อำไพหันไปดูหนังเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยง อำไพกรี๊ดลั่นพร้อมจิกแขนมนตรีซ้ำรอยเดิม มนตรีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด... หลังดูหนังจบ อำไพยังตื่นเต้นกับหนังที่ดูเมื่อกี๊ <br /> <br />“หนังอะไรก็ไม่รู้ทั้งสนุกทั้งน่ากลัว วันหลังถ้ามีหนังสนุก ๆ แบบนี้อีก บอกกันบ้างนะ”<br /> <br />มนตรีไม่ตอบ เซ็ง อำไพหันไปมองแปลกใจ <br /> <br />“ทำไมคุณมนตรีทำหน้าแบบนี้ หนังไม่สนุกเหรอ” <br /> <br />“จะสนุกได้ยังไง มีคนมาจิกแขน ร้องกรี๊ด ๆ ๆ อยู่ข้างหู ฉันเจ็บไปหมดทั้งแขนแล้วเห็นมั้ย” <br /> <br />อำไพก้มมองเห็นแขนมนตรีเป็นรอยแดง อำไพตกใจ <br /> <br />“อุ๊ย! ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” <br /> <br />มนตรีส่ายหน้าเซ็ง เดินออกไป อำไพจ๋อย รู้สึกผิด <br /><br />---@@@--- <br /> <br />วนิดากำลังทานข้าวอยู่ ป้าทองนั่งอยู่ ใกล้ ๆ ไม่นานถมเข้ามาบอกว่ามีโทรศัพท์ถึงวนิดา ป้าทองกับวนิดามองหน้ากันด้วยความ สงสัย <br /> <br />“จากใคร?” <br /> <br />“ไม่ใช่ธุระที่ฉันต้องถาม” <br /> <br />ถมสะบัดก้นเดินออกไป ป้าทองขมุบขมิบปากด่า วนิดาแปลกใจว่าใครโทรฯ หาเธอ... วนิดารับสายโทรศัพท์สีหน้าแปลกใจ <br /> <br />“คุณพิสมัย??” <br /> <br />ป้าทองยืนอยู่ด้านหลัง ได้ยินชื่อพิสมัยก็สงสัย<br /> <br />“ได้สิคะ คุณต้องการพบฉันที่ไหน... ตกลงค่ะ” <br /> <br /><br />วนิดาครุ่นคิดสงสัยว่าพิสมัยนัดเธอออกไปทำไม?<br /><br />---@@@---<br /> <br />ประจักษ์เดินเข้ามาเห็นพิสมัยยืนรออยู่ที่ในสวนหย่อม ประจักษ์หน้าเครียดเดินมาหาพิสมัย ทันทีที่พิสมัยหันมาเห็นประจักษ์ ก็แกล้งตีหน้าเศร้าเสียใจ<br /><br />“น้องขอโทษที่น้องทำตัวไม่ดีกับคุณพี่แล้วก็วนิดาตอนที่เราติดอยู่ในวิหารพระด้วยกัน” <br /> <br />พิสมัยรีบพูดต่อ เข้ามาจับมือประจักษ์ น้ำตารื้นขึ้นมา สีหน้าเศร้าสร้อยดูน่าสงสาร<br /> <br />“คุณพี่อย่าโกรธน้องนะคะ ที่น้องทำไป เพราะน้องกลัว กลัวจะออกไปจากที่นั่นไม่ได้ และที่สำคัญ...น้องกลัวว่าคุณพี่จะทิ้งน้องไปหา วนิดา” <br /> <br />ประจักษ์ชะงักถูกจี้ใจดำ น้ำตาพิสมัยไหลออกมาพอดี<br /> <br />“ยิ่งเห็นคุณพี่เอาใจใส่ ดูแล เป็นห่วงวนิดา ทำเอาน้องทนไม่ได้ หัวใจของน้องมันจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ จนทำให้น้องแสดงความก้าวร้าวออกไป คุณพี่อภัยให้น้องนะคะ” พิสมัยแกล้งร้องไห้ แล้วทรุดเข่าลงกับพื้นทำท่าจะกราบเท้าประจักษ์ ประจักษ์ตกใจ รีบย่อตัวลงมาจับไหล่พิสมัย<br /> <br />“พิสมัย...เธอจะทำอะไร” <br /> <br />“น้องทราบดีว่าคุณพี่คงไม่หายโกรธน้องง่าย ๆ น้องก็เลยจะแสดงความบริสุทธิ์ใจให้คุณพี่เห็นจะให้น้องไปกราบขอโทษวนิดาด้วยอีกคน น้องก็ยอม”<br /> <br />ประจักษ์พูดไม่ออกเมื่อพิสมัยมาไม้นี้ ประจักษ์ดึงพิสมัยให้ลุกขึ้นยืน <br /> <br />“เธอไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ ฉันกับนิดไม่โกรธเธอหรอก” <br /> <br />“จริงนะคะคุณพี่ คุณพี่กับวนิดาไม่โกรธน้องจริง ๆ นะคะ” <br /> <br />ประจักษ์พยักหน้า พิสมัยโผกอดประจักษ์แน่นด้วยความดีใจ หน้าเปลี่ยนเป็นร้ายทันที ประจักษ์ยิ่งเครียดหนัก เหมือนมีอะไรมาจุกที่คอหอย พิสมัยผละออกมามองประจักษ์ด้วยสีหน้าสำนึกผิด พิสมัยเน้นน้ำเสียงย้ำ “คุณพี่ยังจำสัญญาที่ว่าจะแต่งงานกับน้องคนเดียวได้มั้ยคะ” <br /> <br />ประจักษ์ชะงัก กลืนน้ำลายด้วยความลำบากใจ “จำได้สิ” <br /> <br />“ชายชาติทหารอย่างคุณพี่รักษาคำมั่นสัญญายิ่งชีพ น้องจะรอวันนั้น วันที่เราจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันนะคะ...ขอให้คุณพี่รู้ไว้ นะคะ ว่าน้องเป็นคนเดียวที่รักคุณพี่ด้วยหัวใจที่แท้จริง ไม่มีผู้หญิงคนไหน ที่จะยอมทำทุกอย่างเพื่อคุณพี่ได้เท่าน้องอีกแล้ว” <br /> <br />พิสมัยกอดประจักษ์แน่นด้วยความรัก ประจักษ์พูดอะไรไม่ออกอยู่ในสภาวะน้ำท่วมปาก หลุบตามองพิสมัยลำบากใจ...วนิดาเห็นประจักษ์กับพิสมัยกอดกัน รู้สึกเจ็บปวด พิสมัยหันมาเห็นวนิดายืนอยู่ ยิ้มเยาะเย้ยวนิดาอย่างผู้ชนะ วนิดาเศร้าและเสียใจสุด ๆ<br /><br />---@@@--- <br /> <br />วนิดานั่งเศร้าอยู่ที่ศาลาบ้านมหศักดิ์ ยังอึ้ง ๆ งง ๆ รู้สึกเสียใจและเจ็บปวดไม่หาย ประจักษ์เดินหน้าเครียดมาหยุดยืน โดยไม่รู้ว่า วนิดานั่งอยู่ที่ม้านั่งหลังพุ่มไม้และบังเอิญหันมาเจอหน้ากัน ชะงักกันไป วนิดาลุกขึ้นยืน ทั้งคู่ดูเก้อ ๆ เขิน ๆ <br /> <br />“ยังไม่นอนอีกเหรอ”<br /> <br />“ค่ะ เอ่อ...แต่ฉันกำลังจะไปนอนแล้ว”<br /> <br />วนิดาหันหลังจะเดินไป ประจักษ์รีบเรียกไว้<br /> <br />“นิด” ประจักษ์มองสบตา รู้สึกสับสน เงียบไปนาน จนวนิดาแปลกใจ<br /> <br />“คุณมีอะไรจะพูดเหรอคะ”<br /> <br />“เอ้อ...ราตรีสวัสดิ์”<br /> <br />“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”<br /> <br />วนิดาเดินออกไปตามทาง เจอพิสมัยยืนรออยู่มุมหนึ่ง วนิดาชะงัก ไม่อยากมีเรื่องจะเดินหนี<br /> <br />“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”<br /> <br />“ถ้าเป็นเรื่องคุณประจักษ์ ขอให้คุณสบายใจว่าฉันจะไม่มีวันเป็นมือที่สามมาจากคุณ ถ้าทุกอย่างสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ฉันจะหย่ากับคุณประจักษ์ทันที และคุณประจักษ์ก็จะไม่มีวันได้พบหน้าฉันอีก”<br /> <br />“รู้เองอย่างนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาพูด จำคำพูดของเธอวันนี้เอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน วนิดา” พิสมัยจิกตามองวนิดาอย่างผู้ชนะ ก่อนจะเดินออกไป วนิดารู้สึกเศร้าขึ้นมา<br /><br />---@@@---<br /> <br />เช้าวันใหม่ น้อมหัวเราะเสียงดังลั่นมีความสุขสุด ๆ ในมือมีจดหมายจากประจวบ <br /> <br />“ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ตาเล็กเขียนมาบอกว่าภายในอาทิตย์นี้จะกลับมาใช้หนี้นายดาว”<br /> <br />น้อมหันไปยิ้มร่ากับพิสมัยและถม <br /> <br />“นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาเลยนะคะคุณแม่” <br /> <br />“ใช่ลูก แม่ดีใจจริง ๆ นังวนิดามันจะได้ขนข้าวขนของออกไปจากบ้านเราสักที” <br /> <br />น้อมนิ่งไป แล้วก็นึกอะไรชั่ว ๆ ออกยิ้มมุมปาก หันไปมองพิสมัยกับถมอย่างมีแผนการ...เมื่อวนิดากับประจักษ์กลับมาด้วยกัน จากการที่วนิดาไปไหว้กระดูกย่ามณฑาที่วัด ระหว่างนั้นน้อม พิสมัยเดินออกมา พิสมัยมองวนิดากับประจักษ์ไม่พอใจ <br /> <br />“พ่อใหญ่...ทำไมถึงมาด้วยกัน ไปไหนกันมาเหรอ” <br /> <br />“ไปไหว้คุณป้ามณฑามาครับ” <br /> <br />“แหม...น่าเสียดายที่ฉันมาช้าไปหน่อย ไม่งั้นแกจะได้ไปบอกข่าวสำคัญกับกระดูกย่าของแก”<br /> <br />ประจักษ์กับวนิดามองน้อมสงสัย<br /> <br />“คุณแม่พูดอะไร?” <br /> <br />“คุณเล็กเขียนจดหมายมาบอกว่าจะกลับมาภายในอาทิตย์นี้ค่ะ”<br /> <br />วนิดา ประจักษ์ อึ้ง ตกใจ มองหน้ากันเพราะมันเร็วกว่าที่คิดเอาไว้มาก <br /> <br />“ยินดีด้วยนะวนิดา เธอจะได้เป็นอิสระ ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับคนที่เธอไม่ได้รักอีกต่อไปแล้ว” <br /> <br />พิสมัยปรายตามองประจักษ์ ประจักษ์มองวนิดาไม่วางตา วนิดาพูดอะไรไม่ออก <br /> <br />“พ่อใหญ่ เงียบทำไมล่ะลูก ดีใจจนพูดไม่ออกเหรอที่น้องจะกลับมา” <br /> <br />ประจักษ์ยังเงียบ พิสมัยเข้ามาควงแขนประจักษ์แนบแน่น <br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 30 กันยายน 2553 <br />ที่มา เดลินิวส์สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-85498516518707972942010-09-29T10:21:00.001+07:002010-09-29T10:22:39.605+07:00อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 29 กันยายน 2553อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 29 กันยายน 2553 <br />“ขอให้คลอดปลอดภัยนะจ๊ะ”<br /> <br />จึเนะโกะกล่าวแล้วหันกายกลับเข้าไปในบ้านหลังใหญ่...โอชินรับเอาผ้าปูพื้นมาถือไว้กล่าวกับสามีว่า<br /> <br />“แม้แต่พี่จึเนะก็ยังเป็นห่วงเป็นใยฉัน ฉันจะต้องคลอดเองให้ได้โดยจะไม่รบกวนผู้อื่นให้เดือดร้อนเลย”<br /> <br />“เว้นแต่ฉันคนเดียวนะโอชิน” ริวโซ่เติม ประโยคของภรรยาพลางยิ้มให้อย่างมั่นใจและหนักแน่น<br /><br />---@@@---<br /> <br />ถึงฤดูเก็บเกี่ยวก็ถึงกาลกำหนดคลอดของโอชิน นาทีแห่งการคลอดชีวิตใหม่อาจจะเกิดขึ้นได้ไม่วันนี้ก็วันพรุ่งนี้ แต่โอชินมิได้คำนึงยังคงช่วยสามีเก็บเกี่ยวข้าวสาลีอยู่ในนา...อันว่าเรานี้มิใช่ใครอื่น นอกเสียจากเป็นลูกสาวของแม่ที่เป็นชาวนาผู้ยากจน แม่ซึ่งเคยคลอดในกลางนามาแล้ว...ทำไมเราจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้...โอชินคะนึงไปในระหว่างทำงาน<br /> <br />ผืนนามีน้ำเจิ่งนองด้วยฝนตกชุก แต่ข้าวสาลีก็งอกงามเก็บเกี่ยวไปแทบจะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยด้วยความปราโมทย์ในผลผลิตที่แรงแห่งสองมือกระทำมันขึ้นมา...เขากับเธอช่วยกันเกี่ยวตลอดทั้งวัน โอชินก้มหลังตัดต้นข้าวด้วยเคียวด้ามสั้น ก้มหลังได้อย่างลำบากเพราะท้องอันใหญ่โต การทำงานจึงล้าหลังริวโซ่ ชั่วระยะไม่นานนักเขาก็รุดหน้าไปกว่าเธอทิ้งเธอไว้ข้างหลัง แต่ริวโซ่ก็มิได้ลืมว่าโอชินตก อยู่ในสภาวะใดแล้ว บ่อยครั้งเขาจะเหลียวกลับมาดูเมียข้างหลัง...บางครั้งเคียวหลุดจากมือ หลังจากอัตราความรวดเร็วของการเกี่ยวข้าวนั้นช้าลง ๆ<br /> <br />ริวโซ่จะพลอยหยุดระงับการทำงานของเขาไปด้วย ยืนมองด้วยความห่วงใย จนกระทั่ง โอชินก้มไปจับเคียวขึ้นมาใหม่แล้วเกี่ยวเก็บสืบไปโดยมิได้ปริปากเขาจึงถอนใจพลอยโล่งอก... งานของเขาวันนั้น เสร็จเกือบค่ำมืด เมื่อมาถึงบ้านที่อยู่นอกเขตบ้านหลังใหญ่ ตะวันก็ตกดินแล้ว ทิ้งรัศมีมีแผดจ้าสุดท้ายก่อนความมืดจะเข้ามาแทนที่...เขาพากันล้างแข้งขาอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านเหมือนเคย ริวโซ่กล่าวกับภรรยา<br /> <br />“วันนี้รู้สึกเจ็บท้องหรือไง”<br /> <br />“พอทนได้ค่ะ...ท้องคราวนี้รู้สึกเด็กไม่ค่อยดิ้นเลย ผิดกับยิ่ว...ตอนนั้นถีบแม่ยังกะอะไรดี...”<br /> <br />“คงจะเป็นผู้หญิงสมใจฉันแน่เลย”<br /> <br />ระหว่างนั้นมีเสียงฝีเท้าอันร้อนรนของใครคนหนึ่งดังออกมาจากในบ้าน คนทั้งสองเงยหน้าขึ้นพบจึเนะโกะหน้าตาตื่น ในมือถือคบไฟที่ยังไม่ได้จุด<br /> <br />“อาจึโกะเจ็บท้องนานแล้ว อยากให้ช่วยไปรับหมอตำแยที่ปากทางเข้าหมู่บ้าน มันมืดแล้ว หมอมาไม่ถูก...ถ้ามีคนไปรอรับก็จะสะดวกขึ้น เป็นหมอตำแยที่มาจากในเมือง ถ้าเป็นคนบ้านเดียวกันนี้ก็คงไม่ต้องรบกวน...ช่วยหน่อยนะ”<br /> <br />ริวโซ่รับคบไฟมาพร้อมด้วยชนวนจุดไฟ เร่งฝีเท้าออกจากบ้านทาโนะคุระไปทันที จึเนะโกะว่าอาจึโกะคงจะคลอดก่อนโอชิน โอชินเสนอตัวจะช่วยเหลือแต่จึเนะโกะว่าไม่ต้องเพราะรู้ว่าโอชินเหนื่อยมามากแล้ว พร้อมกับบอกว่าทำกับข้าวไว้ให้โอชินแล้วด้วยเพราะกลัวว่าจะยุ่งเรื่องอาจึโกะคลอดลูกจนไม่มีเวลาหาให้<br /> <br />เมื่อจึเนะโกะกลับเข้าบ้านหลังใหญ่ไปแล้ว โอชินก็เข้าไปที่บ้านพักของตนเองหาไม้ขีดมาจุดตะเกียง แต่แล้วโอชินก็เกิดอาการเจ็บท้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน ความเจ็บร้าวนั้นเตือนสติให้โอชินระลึกว่านาทีสำคัญกำลังจะมาถึง...เอามือกุมหน้าท้องพลางกล่าวเสียงสั่นเครือกับตัวเอง เบา ๆ<br /> <br />“ยังนะ...ยังหรอก...เจ็บแค่นี้ยังไม่คลอดหรอก...”<br /> <br />โอชินเอามือควานไปจนถึงกระดาษน้ำมันที่พับเรียบร้อย นำมันออกมาคลี่ปูไปบนพื้น จากนั้นค่อยไปหยิบผ้าอ้อมที่มารดาจากยามางาตะ ส่งมาให้ เอาขึ้นมาแนบแก้มด้วยความคิดถึงแม่อย่างชนิดที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน<br /> <br />“แม่จ๋า...ถ้ามีแม่อยู่ใกล้ ๆ...”<br /> <br />เสียงขาดหายเพราะความเจ็บทวีความรุนแรงมากขึ้น...โอชินรู้สึกใจหายวาบเมื่อคิดไป ว่าขณะนี้เสมือนตนอยู่ตามลำพังผู้เดียว ด้วย ริวโซ่เพิ่งจะออกไปรอรับหมอตำแยให้อาจึโกะ ความวุ่นวายและกังวลใหญ่หลวงในบ้านหลังใหญ่มีมาโดยตลอด จนกระทั่งเวลาผ่านไปถึงสองยาม หมอตำแยก็ยังเอาลูกออกจากท้องของอาจึโกะไม่ได้ ริวโซ่อยู่กับพี่ชายใหญ่ข้างเตาไฟด้วยจิตใจกระวนกระวายเพื่อให้น้องสาวคลอดลูกโดยเรียบร้อย...<br /> <br />“นานไม่ใช่เล่นนะ...!”<br /> <br />ริวโซ่รำพึงออกมา พอดีกับมารดาเดินหน้า ซึมออกมาจากห้องข้างใน ทรุดกายลงนั่งเหมือนคนที่สิ้นแรง กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ<br /> <br />“หัวเด็กมันโตมาก...อาจึโกะเป็นลมไปหลายตลบแล้ว...แม่สมเพชจนทนดูไม่ไหว”<br /> <br />ความผิดปกติของแรงคลอด ทำให้อาจึโกะประสบอยู่ยามนั้น...หัวเด็กไม่ยอมเข้าอุ้งเชิง กรานแสดงให้เห็นว่ามีการหดรัดตัวของมดลูกที่ผิดปกติ หากปล่อยทิ้งเนิ่นนานก็จะเกิดอาการขั้นต่อไปคือมดลูกเปลี้ยแรง อันตรายยิ่งกว่านี้คือ ถ้าการผิดสัดส่วนระหว่างหัวเด็กกับเชิงกรานแม่แล้วแทนที่มดลูกจะหดรัดตัวเฉื่อยลง กลับจะหดตัวแรงขึ้นจนทำให้มดลูกแตกได้ ไดโงะโร่เดินเหงื่อเต็มใบหน้าออกมาอีกคนหนึ่ง<br /> <br />“เข้าไปเป็นกำลังใจให้อาจึโกะหน่อยซิ ...โอคิโย่...”<br /> <br />“แย่ถึงเพียงนั้นเทียวหรือครับ”<br /> <br />“แม่นึกแล้วมันผิดที่ไหน นี่เป็นเพราะมาคลอดพร้อมกับโอชินพระเจ้าถึงได้ลงโทษ... ถ้าโอชินมันเชื่อแม่ยอมไปคลอดซะที่อื่น...”<br /> <br />“ยังจะมาพูดเรื่องไร้สาระอยู่อีก”<br /> <br />โอคิโย่ลุกขึ้นยืน สายตาที่มองมายัง ริวโซ่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “คอยดูนะ ถ้า อาจึโกะหรือลูกมันเป็นอะไรไปล่ะก็ ฉันจะฆ่านัง โอชิน”<br /> <br />“โอคิโย่...”<br /> <br />จึเนะโกะวิ่งถลันออกมาจากในห้องหน้าตาตื่นราวกับถูกไฟไล่มาข้างหลัง ร้องบอกโอคิโย่ เสียงหลง<br /> <br />“คุณแม่...คุณอาจึโกะเรียกหาค่ะ...”<br /> <br />“เห็นลูกได้รับความทรมานแบบนั้น ฉันทนดูไม่ไหว...”<br /> <br />“ไป...เข้าไปดูทำไมจะดูไม่ได้ ในเมื่อเธอส่งเสริมอาจึโกะให้มันเอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ ผลมันก็เกิดอย่างที่เห็นนี่แหละ”<br /> <br />“ริวโซ่...เพราะแกทีเดียว แกพานังโอชิน มา อาจึโกะมันจึงต้องทรมานเบบนี้...”<br /> <br />“บ้า...พูดบ้าอีกคำเดียวเป็นต้องเห็นดีกัน”<br /> <br />โอคิโย่กัดฟันด้วยความโกรธแค้น รีบเข้าไปข้างในห้องตามหลังไปติด ๆ ก็คือจึเนะโกะ ไดโงะโร่หันมาทางริวโซ่<br /> <br />“นี่มันเที่ยงคืนกว่าแล้ว แกไม่ไปดูโอชิน เขาบ้างรึ”<br /> <br />“ยังไม่มีทีท่าเลยครับ คุณพ่อ ถ้าเขามีอะไรเขาก็คงจะมาเรียกเองนั่นแหละ ตอนนี้คุณแม่เป็นห่วงอาจึโกะมาก ขออยู่ดูให้คลอดเสร็จก่อนก็แล้วกันครับ”<br /> <br />ระหว่างนั้นโอคิโย่ก็วิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องบอกว่าหมอตำแยเอาไม่อยู่แล้วจะต้องไปตามสูติแพทย์ในเมือง ริวโซ่รีบอาสาจะไปตามมาให้ทันที เขาวิ่งฝ่าสายฝนออกไปโดยไม่มีคบไฟส่องสว่างทางอย่างไม่คิดชีวิต<br /> <br />ถึงตอนนี้โอชินก็เจ็บร้าวสุดขีดบนใบหน้ามีเหงื่อโทรมเป็นเหงื่อที่เกิดจากความเจ็บร้าว...โอชินเลื้อยคลานไปตามพื้นห้องด้วยความลำบากยากเย็น...จนกระทั่งมือเอื้อมถึงบานประตูใหญ่...พยายามออกแรงเลื่อนจนสำเร็จ... สายฝนสาดกระเซ็นเข้ามาต้องแสกหน้าพร้อมด้วยพายุที่โหมกระหน่ำ...<br /> <br />โอชินพูดอะไรไม่ออก...ตั้งใจจะเปิดบานประตูส่งเสียงเรียกหาสามีสุดที่รัก...แต่รู้สึกปวดร้าวจนแทบจะทนต่อไปมิได้...ดวงตาพร่าพราวด้วยสายฝน...หอบหนักดุจดังเสียงหอบของสัตว์ป่าที่ได้วิ่งมาเป็นระยะทางไกลแสนไกล โอชินพยายามทรงตัวแนบกับเสาต้นใหญ่หน้าประตู...อ้าปากอย่างยากเย็นแล้วตะโกนสุดเสียง<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 29 กันยายน 2553 <br />ที่มา <a href="http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=94694&categoryID=414"> dailynews</a>สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-86895277603370879992010-09-29T10:20:00.000+07:002010-09-29T10:21:15.094+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 29 กันยายน 2553อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 29 กันยายน 2553 <br />น่าสงสัยอย่างนั้นรึ” จีแบก ถาม<br /> <br />“พระนางซุงด๊อกขัดรับสั่งของท่านอ๋องมาหลายครั้ง ไปทำสงครามกับพวกหนี่เจิน โดยไม่สนใจว่าเหมาะสมหรือไม่ จะไม่ทำให้พวกหนี่เจินโกรธได้ยังไงกัน อีกอย่างในอดีตตอนที่ พระอัยยิกายังมีพระชนม์ชีพ พระนาง ซุงด๊อกกับฮวางจู...ยังเคยทำท่าจะกระด้างกระเดื่อง อีกต่างหาก”<br /> <br />“อะไรกัน ตอนนี้วังมองบ๊อกกำลังเป็นเป้าโจมตี ทำไมต้องมาพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวด้วย” จีแบก กล่าว<br /> <br />“เพราะว่าข้าสงสัยว่าพวกเขาอาจจะอาศัยเรื่องนี้ เพื่อจะก่อตั้งกองกำลังส่วนตัวขึ้นมาใหม่ โดยมีจุดประสงค์แอบแฝงยังไงล่ะ”<br /> <br />“ใช่พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมไม่ สามารถคาดเดาได้เลยว่าพวกหนี่เจิน จะมีความกล้าบุกเข้ามาในวังของพระอัยยิกาได้อย่างไร ไม่น่าเป็นไปได้พ่ะย่ะค่ะ” ซิมอูน กล่าว<br /> <br />“นี่พวกเจ้าพูดเหลวไหลอะไรกันเนี่ยตอนนี้วังมองบ๊อกถูกโจมตีอยู่ พวกเจ้ารู้บ้างรึเปล่า”<br /> <br />“ฝ่าบาท วังมองบ๊อก เป็นสถานที่ที่พระองค์ประสูติ และเติบโตมานะพ่ะย่ะค่ะ ขอพระองค์ทรงใคร่ครวญให้ดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ” กัมชัน ทูล<br /> <br />“แต่ว่าท่านอ๋อง แม้ว่าวังมองบ๊อกจะเป็นสถานที่ประสูติของพระองค์ก็จริง แต่ก่อนที่จะทำเรื่องราวให้กระจ่างนั้น การส่งทหารไปเป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ” ชอยรัง ทูล<br /> <br />“มันก็จริง แต่ว่า...ตอนนี้น้องสาวข้าเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ จะให้ข้านั่งเฉยได้ยังไง ข้าจะให้ท่านคังกัมชัน เดินทางไปยังฮวางจู เพื่อไปตรวจสอบเรื่องนี้มาให้ชัดเจน” พระเจ้าซองจง ตรัส<br /> <br />“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”<br /><br />---@@@---<br /> <br />เมื่อพระนางชอนชู มาถึงวังมองบ๊อก ซอลฮวาก็รายงานเรื่องที่เกิดขึ้น มีคนเสียชีวิตทั้งหมด 20 คน มีคนบาดเจ็บอีก 40 กว่าคน อีก 15 คนถูกจับเป็นเชลย และสามารถฆ่าผู้บุกรุกไปได้ 20 คน <br /> <br />“มันจับฮยังบีไป ที่ฮยังบีต้องถูกจับ ก็เพราะว่านางต้องการปกป้องข้า” ฮวางโบซอล กล่าวทูล<br /> <br />“ไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ ฮยังบีไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา เมื่อก่อนนางเคยลำบากมายิ่งกว่านี้ นางคงไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ ไม่เป็นไร” คังโจ กล่าวทูล<br /> <br />“พระมเหสี ท่านคังกัมชันมาเพคะ” แม่นมยูน เข้ามาทูล<br /> <br />เมื่อคังกัมชัน มาถึงก็รายงานพระนางชอนชู ว่าพวกขุนนาง หาว่าพระนางเป็นคนก่อเรื่องขึ้น<br /> <br />“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้ ท่านอ๋องลืมแล้วเหรอ ว่าที่นี่คือที่ประสูติของพระองค์ ตอนนี้คนที่เคยดูแลเค้ามาตั้งแต่เล็กตายไป ยังมาพูดแบบนี้”<br /> <br />“ท่านอ๋องต้องการให้กระหม่อมเดินทางมาเพื่อสืบหาความจริง เมื่อไหร่ที่ราชสำนัก ตรวจสอบเรื่องเสร็จ ก็จะส่งทหารมา เพื่อช่วยในการตามจับคนร้ายพ่ะย่ะค่ะ”<br /> <br />“ไปบอกเค้าว่าข้าไม่ต้องการ”<br /> <br />“พระมเหสี”<br /> <br />“ถ้ามัวรอให้เค้ามาทำการตรวจสอบ คนของเราอาจถูกฆ่าหมดก็ได้ กลับไปบอกท่านอ๋องของท่าน ว่าพวกเราไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเค้า”<br /> <br />“พระมเหสี แต่พวกเราไม่ได้มีกำลังทหารมากขนาดนั้นพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้บาดเจ็บกันไปหลายคน และอีกหลายคนถูกจับตัวไป แถมถูกขังที่ไหนเราก็ไม่รู้” คังโจ ทูล<br /> <br />“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ครูฝึกคังพูดถูก เขตพื้นที่ที่พวกหนี่เจินทำการยึดครองอยู่ มันกว้างเกินกว่าที่จะตามหาได้ง่าย ๆ นะพระมเหสี” กัมชัน ทูล<br /> <br />“ก็เพราะพื้นที่ของพวกหนี่เจิน กว้าง จนหาไม่ได้ง่าย ๆ ทางราชสำนักก็เลยไม่ยอมส่งทหารมาช่วย อีกอย่างถ้าต้องออกไปตาม หาหลายกันหลายอาทิตย์ ถ้ายังรอต่อไปอีกพวกฮยังบีอาจจะตายกันหมดก่อนก็เป็นไปได้ ข้าพูดผิดรึเปล่า”<br /> <br />“เฮ้อ...”<br /> <br />“เอาคำพูดข้าไปบอกกับท่านอ๋อง ว่าถ้าหากตอนนั้นพระองค์ไม่สั่งปลดทหารรักษาการณ์ที่นี่ ก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อีกอย่าง ถ้าหากประเทศเราใช้ไม้แข็งกับพวกหนี่เจินแต่แรก พวกนั้นคงไม่กล้าโจมตีวังมองบ๊อกแบบนี้ ดังนั้น กลับไปทูลกับพระองค์ว่า ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของฮวางจู ไปนั่งถกแนวความคิดปรัชญา กับพวกขุนนางกลุ่มชิลลาต่อไปให้พอเถอะ”<br /> <br />“กระหม่อม จะกลับไปพร้อมกับพระองค์ พ่ะย่ะค่ะ”<br /> <br />“ท่านคัง จะยังไม่กลับราชสำนักเหรอ” คังโจ ถาม<br /> <br />“ข้าอยากกลับไปพร้อมพระมเหสี ถ้าหากท่านคิดจะออกไปตาม หาร่องรอยของพวกหนี่เจินจริงละก็ ท่านก็ต้องมีคนคุ้นเคยกับพวกหนี่เจินอย่างข้า”กัมชัน กล่าว<br /><br />---@@@---<br /> <br />ซอฮุย เชิญเหล่าขุนนางมาประชุม<br /> <br />“ข้าเชิญทุกคนมาเพื่อจะมาหารือเรื่อง วังมองบ๊อกถูกโจมตีโดยพวกชนเผ่าหนี่เจิน ว่าควรทำไง ข้าเกรงว่าท่านอ๋องอาจจะ...ไม่ค่อยให้ความสำคัญ เพราะมีความขัดแย้งอยู่กับพระนางซุงด๊อกอยู่ เช่นนี้อาจจะทำให้เกิดความเสียหายขึ้นอย่างใหญ่หลวงต่อบ้านเมืองก็ได้”<br /> <br />“แต่ว่าท่านอ๋องก็ได้ส่งท่านคังกัมชันไป ทำการตรวจสอบแล้วนี่นา” อินคอง กล่าว<br /> <br />“แต่แค่นี้น่าจะยังไม่พอ พักนี้ พวกหนี่เจินได้มารุกรานคนของเราหลายสิบครั้ง และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแต่ละครั้ง ท่าทีของทางเราก็ไม่กระตือรือร้นซักเท่าไหร่ แล้วเมื่อสามปีก่อน หน้านี้ ก็มีการประกาศกฎหมายที่สั่งให้พวกทหารกลับไปทำไร่ทำนากันเกือบหมด แทบจะเป็นการสลายกำลังกองทัพที่เรามีอยู่เลยนะ” จีแบก กล่าว<br /> <br />“แต่แบบนี้ มันก็ทำให้ประชาชนต่างมีอาหารเพิ่มขึ้น รู้สึกดีใจกันถ้วนหน้านี่” เอินคง กล่าว<br /> <br />“เรื่องนั้นมันก็จริงอยู่ แต่เราไม่มีนโยบาย ที่มารองรับสถานการณ์ฉุกเฉินเลย ถ้าหากวันไหนเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมา พวกเราก็อาจถูกโจมตีได้อย่างง่ายดาย” คอมอึย กล่าว<br /> <br />“แต่ว่าท่านอ๋อง เป็นคนที่รังเกียจ การใช้กำลังและความรุนแรงอย่างยิ่ง เป้าหมายของพระองค์อยู่ที่การนำมาซึ่งชีวิตที่สงบสุขได้ ดังนั้น ข้าคิดว่าพวกเราอย่ามาหารือกันเรื่องทำสงคราม อีกเลย” ยังยู กล่าว<br /><br />---@@@---<br /> <br />พระนางซองจง คังโจ และกัมชัน วิเคราะห์ว่าพวกหนี่เจินที่มาคงไม่ใช่พวกโจรหนี่เจินธรรมดา น่าจะเดินทางมาด้วยเส้นทางน้ำ เพราะทางบก ไม่มีทางพากันมาได้เยอะ คังโจ เสนอให้ลองไปดูที่ท่าเรือแพซูก่อน กัมชัน จึงบอกให้ซอลฮวา กลับไปที่ที่ราชสำนักแล้วกราบทูลท่านอ๋องก่อน ส่วนตนจะอยู่ เพื่อจับกุมตัวพวกโจรก่อน<br /><br />---@@@---<br /> <br />พระมเหสีฮยังบีถูกจับตัวมา ถูกโจรหนี่เจิน สอบสวนว่านางเป็นพระมเหสีของพระราชาคยองจงใช่หรือไม่ ระหว่างนั้นลูกน้องโจร ก็เข้ามาบอกว่า คนที่ถูกจับตัวมาไม่ใช่พระมเหสี หลังจากเอาไปเทียบกับรูปวาดแล้ว พบว่าไม่ใช่...พระมเหสี แต่ว่าเป็นนางกำนัล เรื่องนี้ทำให้หัวหน้าเผ่าไม่พอใจอย่างมาก เพราะทำให้ความพยายามสามปีสูญเปล่า อิลลา เสนอให้ฆ่าพวกนางทิ้งแล้วยกเลิกภารกิจ แต่ชียังไม่เห็นด้วย เพราะเดาว่า พวกนั้นจะต้องมาตามเชลย เหล่านี้ ให้อดทนรอกันอีกหน่อย ถ้าไม่มาค่อยฆ่าเชลยทั้งหมดทิ้ง <br /><br />---@@@---<br />อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 29 กันยายน 2553 <br />ที่มา <a href="http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=94695&categoryID=414">เดลินิวส์</a>สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-51874403116444336202010-09-29T10:18:00.000+07:002010-09-29T10:19:46.649+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 29 กันยายน 2553อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 29 กันยายน 2553<br />“เออ ให้มันได้ยังงี้...ถ้าคุณรักเค้า รู้มั้ยว่าผู้ชายเค้าต้องการอะไร เค้าต้องการให้ผู้หญิงที่เค้ารัก เชื่อมั่นในตัวเค้า ไม่ว่าจะยังไงก็ตามคุณจะไม่เชื่อก็ได้ แต่ที่ผมพูด จริงหรือไม่จริง ลองคิดดู คุณก็จะรู้” <br /><br />ธามทำเป็นเดินไปอย่างแมน ๆ เหมือน ยอมให้บาจรีย์ตัดสินใจเอง แต่จริง ๆ แล้วแอบเดินไปหลบอยู่หลังต้นไม้ คอยมองว่าบาจรีย์จะทำยังไง พอเห็นบาจรีย์ตัดสินใจเดินกลับไปเรือนพัก ธามก็ค่อยโล่งอก<br /> <br />“ก็เป็นเด็กดีเหมือนกันนี่นา” ธามมอง บาจรีย์ที่เดินกลับไป อดยิ้มนิด ๆ ไม่ได้<br /><br />---@@@---<br /> <br />วันรุ่งขึ้น พชรกลับมานำสหายใต้ดินออกฝึกซ้อมแต่เช้า ภูษณะและบาจรีย์พากันดีใจมาก พชรขอโทษธามที่พูดจาไม่ดีใส่ แถมยังไล่ให้ธามกับพวกกลับไปเมืองไทยอีก ธามทำเป็นเก๊กเดินหนีไป ทำเอาทุกคนใจคอไม่ดี ภูษณะร้องถามว่าธามจะไปจริง ๆ เหรอ ธามหันกลับมาบอกว่าใช่ ทุกคนหน้าเสียหนักขึ้น แต่พอได้ยินธามพูดต่อว่าจะไปเอาอาวุธใหม่มาให้ใช้ ทุกคนก็ค่อยโล่งอก <br /> <br />“ว่าแต่..อะไรกันที่เปลี่ยนใจนายให้หาย เป็นบ้าเป็นบอได้” ภูษณะนึกสงสัย<br /> <br />พชรนิ่งอึ้งไป ตอบไม่ได้ แต่สายตาเหลือบไปเห็นลำธารที่ยืนหลบอยู่ไม่ไกล...อึ้งไป ทันที พชรกับลำธารสบตากันในชั่วอึดใจ เหมือน กับโลกได้หยุดหมุนไป พาริณมองตามสายตาของพชรไป เห็นลำธารที่กำลังจะผละไปพอดี พาริณชะงักไปทันที <br /><br />---@@@---<br /> <br />ทหารของดารัณกลับไปเล่าเรื่องชาครให้ ราชิตฟัง ราชิตใช้ให้ทหารคนดังกล่าวย้อนกลับไปสืบดูว่าในบ้านหลังนั้นมีอะไร ชาครพยายามปกปิดอะไรอยู่ ทหารคนดังกล่าวย้อน กลับมาอีกครั้ง พบวาสินอยู่ในบ้านตามลำพัง โชคดีทหารคนดังกล่าวจำหน้าวาสินไม่ได้ วาสิน กลัวมากคว้าหินที่อยู่ใกล้มือเป็นอาวุธฟาดใส่ หัวหทารคนดังกล่าวจนตาย ชาครกลับมาเห็น จึงตัดสินใจพาวาสินไปหาพชรที่ค่าย <br /> <br />ไม่มีใครจำวาสินได้ มีเพียงพชรกับพาริณ เท่านั้นที่จำได้ ภูษณะกับธามยังคงไม่ไว้ใจชาคร คิดว่าการที่ชาครพาวาสินมาอาจเป็นแผนตบตาหลอกให้เชื่อใจ ชาครเล่าว่าวาสินเกิดความแคลง ใจในตัวดารัณมานานแล้วจึงได้ส่งตนไปเป็นไส้ศึก ความเคลื่อนไหวของดารัณทั้งหมดมีเพียงชาครเท่านั้นที่ล่วงรู้ <br /> <br />“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าไม่ใช่นกสองหัว”<br /> <br />“ไม่ใช่แค่พวกท่านหรอกที่ระแวงข้า ข้ารู้ดีว่าราชิตเองก็คงคิดเช่นเดียวกัน แต่มันต่างกันตรงที่นกสองหัวตัวนี้ เลือกที่จะภักดีต่อกษัตริย์วาสินต่างหาก ข้าต้องไปแล้ว ถ้ามีความ เคลื่อนไหวของดารัณ ข้าจะรีบรายงานทันที”<br /> <br />พอชาครกลับไปแล้ว พชรก็รีบพาวาสิน ไปให้ลำธารตรวจร่างกาย ลำธารบอกว่าสิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือต้องพยายามเรียกความทรงจำจากสิ่งที่คุ้นเคย ข้าวของ ผู้คน เรื่องราวต่าง ๆ พชรต้องคอยอยู่เคียงข้างช่วยฟื้นความทรงจำให้กับวาสิน พชรขอให้ลำธารช่วย บาจรีย์จ้องมองพชรที่มองดูลำธารอย่างชื่นชมด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบ<br /><br />---@@@---<br /> <br />ชาครย้อนกลับมาเก็บ ทำลายหลักฐานทุกอย่างที่บ้านพักวาสิน เสร็จแล้วถึงค่อยกลับไปหาราชิตในเมือง แต่พอไปถึงกลับถูกราชิตจับตัวไว้ในฐานะไส้ศึก โดยมีศพของทหารที่ราชิต ใช้ให้ไปตามสืบเรื่องวาสินเป็นหลักฐาน ชาครคิดหาทางรอดด้วยการหยิบตราประจำตำแหน่งของตัวเองออกมา แล้วโยนไปที่ศพทหาร <br /> <br />“ทำอะไร คืนตำแหน่งให้ก่อนตายยังงั้นเหรอ”<br /> <br />“ข้าให้มันไงล่ะ มันอยากจะได้ตำแหน่ง ของข้านักถึงกับไปเป่าหูท่าน ว่าข้าเป็นไส้ศึก มันเข้ามาจู่โจมจะเอาชีวิตข้า คงกะว่าข้าตาย มันจะได้ขึ้นแทน”<br /> <br />ราชิตฟังชาคร นิ่งอยู่ ใจยังไม่เชื่อ “ปาก ดีนัก คิดว่าข้าจะเชื่อรึไง ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าถึงไม่รีบไปรายงาน” <br /> <br />“ก็ข้าตกผาไปพร้อมกับมัน กว่าจะกลับขึ้นมาได้” <br /> <br />“เจ้าคิดว่า ข้าจะใจอ่อนงั้นเหรอ รู้มั้ย ว่าทำไมข้าสวามิภักดิ์แก่ท่านดารัณ นอกจากลาภยศ นั่นก็เพราะข้าชอบความเด็ดขาดของท่าน อะไรที่ไม่ชอบมาพากล ก็ต้องปราบให้ราบคาบ”<br /> <br />ราชิตสั่งให้ทหารยิงชาครทิ้ง แต่แล้วจู่ ๆ ชาครก็หยิบเอามีดขึ้นมาปาดดวงตาข้างหนึ่ง เลือดสาดกระจาย <br /> <br />“ข้าไม่มีอะไรให้ท่านเชื่อ นักรบที่นายไม่เชื่อใจ ก็มืดมนดังคนตาบอด ข้าโง่ที่ปล่อยให้เพื่อนมาทรยศได้ ต้องได้รับผลตอบแทนเช่นนี้” <br /> <br />ชาครลุกขึ้นอย่างไม่กลัวเกรง ทิ้งอาวุธ ทั้งหมด เดินโซเซไปอย่างไม่สนใจไยดีใด ๆ ไม่สนว่าข้างหลังมีกระบอกปืนจ่ออยู่ถึง 3 กระบอก ชาครเดินไปเรื่อย ๆ และเริ่มเจ็บมากขึ้นมากขึ้น...จนทรุดลง ราชิตกับพวกทหารปล่อยชาครทิ้งไว้อย่างนั้น ชาครโล่งอกที่สามารถหนีรอดจากเงื้อมมือราชิตไปได้<br /> <br />“ท่านวาสิน ท่านจะต้องกลับมาจำความได้และกลับมาเป็นมิ่งขวัญให้แก่มินาลินของเรา” <br /><br />---@@@---<br /><br />ธามได้ข่าวว่ามีกลุ่มคนแปลกหน้าแบกโลงไม้เดินผ่านมาใกล้ค่ายกองกำลังใต้ดิน จึงพาจ่าแสงกับกองกำลังจำนวนหนึ่งไปตรวจดู พบอาวุธจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ในโลง ทุกคนพากันตกใจ แต่พอรู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนของอดิศร ก็ค่อยโล่งใจ<br /><br />---@@@---<br /><br />ตอนที่ 13<br /> <br />ลำธารดีใจมากที่ได้พบกับอดิศร พชรมองลำธารที่กอดอดิศรแน่น ด้วยแววตาเศร้าระคนเอ็นดู เมื่อเห็นหญิงที่เขารัก กลับเป็นเหมือนเด็ก ๆ อดิศรเห็นลูกสาวดูผอมลง อดเป็นห่วงไม่ได้ ลำธารไม่อยากให้พ่อเป็นห่วง จึงโกหกว่าเธอสบายดี ที่ดูผอมอาจเป็นเพราะไม่ได้ทานอาหารฝีมือแม่มานาน <br /> <br />พชรเดินมาหาอดิศร ตั้งใจจะชวนไปพบกับวาสิน ลำธารรีบปาดน้ำตาอย่างไม่ให้มีพิรุธ พชรเห็นลำธารร้องไห้ก็ตกใจจะเข้ามาแตะไหล่ปลอบ ลำธารผงะหนีไม่ให้พชรสัมผัสตัว อดิศรเห็นอาการคนทั้งสองก็สงสัยในความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก<br /> <br />วาสินจำอดิศรไม่ได้ พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก พชรมุ่งมั่นอยากช่วยวาสินฟื้นความจำ จึงพาลำธารไปที่เรือนพัก ค้นหาข้าวของของวาสินที่เก็บรวบรวมมาได้ให้ลำธารดู <br /> <br />“ตอนที่ดารัณก่อกบฏ เราไม่สามารถจะรวบรวมอะไรมาได้ นี่เป็นของที่ท่านพ่อให้ผม มันน้อยเกินไปใช่มั้ย”<br /> <br />“แต่การที่จะฟื้นความทรงจำของท่าน ของพวกนี้อาจไม่จำเป็น คนไข้ส่วนมาก มักจดจำฐานะหน้าที่ของตัวเอง ได้ไม่เท่ากับจดจำครอบครัว หรือคนที่รัก แต่บางที ครอบครัวของท่านอาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้” <br /> <br />“ผมก็เหมือนคนอื่น ๆ ถึงจะแบกรับ หน้าที่ไว้ขนาดไหน แต่ส่วนที่หล่อเลี้ยงหัวใจ ก็คือคนที่เรารัก”<br /> <br />ลำธารเห็นสีหน้าแววตาของพชร ที่สื่อสารความในใจ ถึงกับมือไม้อ่อน จนเผลอทำของ หล่น พชรก้มช่วยจับไว้ มือของทั้งสองสัมผัสกัน ใบหน้าประชิดกันเพียงแผ่นกระดาษคั่นกลาง ลำธารเคลิ้มไปชั่วขณะ แต่พอนึกขึ้นได้ รีบชักมือออกแล้วเดินหนีกลับไปที่เรือนพักของวาสินทันที พชรมองตามลำธาร ถอนใจด้วยความว้าวุ่น ที่แทบจะเก็บเอาไว้ไม่อยู่<br /> <br />พชรค้นหารูปของเนตราไปให้วาสินดู แม้วาสินจะจำไม่ได้ว่าเนตราเป็นใคร แต่ก็รู้สึกผูกพันกับเนตราเป็นอย่างมาก รู้สึกเหมือนกับว่า “รักเท่าชีวิต” ลำธารเห็นว่าวาสินเริ่มจำอะไรได้บ้าง จึงบอกให้วาสินลองคิดทบทวนดูอีกที ว่ามีภาพความทรงจำอะไรที่เกี่ยวโยงกับสร้อยรักเท่าชีวิตที่เนตราใส่อยู่บ้าง<br /> <br />วาสินมองภาพสร้อยรักเท่าชีวิต พยายาม นึกทบทวน แต่บาจรีย์กลับโผล่เข้ามาขัดจังหวะ วาสินไม่มีสมาธิรวบรวมความคิด พชรขอให้บาจรีย์ออกไปจากเรือนพัก ปล่อยให้การฟื้นความทรงจำเป็นหน้าที่ของลำธาร บาจรีย์น้อยใจมาก เดินหงุดหงิดออกมาระบายอารมณ์นอกเรือนพัก แต่กลับมาเจอ กับธาม สองคนปะทะคารมกันอีก บาจรีย์น้อย ใจมากยิ่งขึ้น ที่ใคร ๆ ก็ไม่รัก ไม่ชื่นชม ไม่เหมือนกับลำธาร <br /><br />---@@@---<br /> <br />เวคินสืบรู้มาว่าคลังอาวุธที่ใหญ่ที่สุดของดารัณ ตั้งอยู่ไม่ห่าง จากวังมินาลินมากนัก แต่การจะบุกเข้าไปโจมตีคลังอาวุธของดารัณกลับไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะดารัณวางกองกำลังคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนา ทุกคนพากันท้อใจ แต่อดิศรกลับเห็นต่าง มั่นใจว่าไม่มีที่ไหนที่ไม่มีจุดอ่อน ถ้ารู้ว่าจุดอ่อนของคลังอาวุธของดารัณอยู่ตรงไหนก็จะสามารถโจมตีคลังอาวุธได้ พชรนึกถึงชาครขึ้นมาทันที <br /> <br />การเสียสละดวงตาหนึ่งข้าง ทำให้ชาครรอดชีวิตมาได้ แต่ดารัณยังคงไม่เชื่อใจชาคร ราชิตจึงส่งคนไปคอยจับตาดูพฤติกรรมชาคร อย่างใกล้ชิด พชรแอบส่งข่าวผ่านเจ้าของร้านเหล้าในเมือง บอกให้ชาครช่วยสืบหาจุดอ่อนของคลังอาวุธของดารัณมาให้<br /><br />---@@@---<br /> <br />ชาครแอบหลบออกมาพบกับพชรที่เนินเขาชานเมืองมินาลิน เพื่อมอบแผนที่ฐานทัพที่ซ่อนคลังอาวุธ พร้อมอธิบายแผนการบุกเข้าโจมตีคลังอาวุธให้พชรฟัง โดยไม่รู้ว่าทหารสอดแนมของดารัณแอบติดตามมาคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของชาครอย่างใกล้ชิด <br /> <br />ทหารสอดแนมบุกจู่โจมเข้าจับกุมพชรกับชาคร จะเอาตัวไปให้ดารัณ พชรกับชาครช่วยกันจัดการทหารสอดแนม พชรเกือบพลาดท่า โดนทหารสอดแนมแทง ชาครโผเข้าบัง โดนกริชแทงถากสีข้างแทนพชร พชรรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 29 กันยายน 2553<br />ที่มา <a href="http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=94696&categoryID=414">เดลินิวส์</a>สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-1551744056470163492010-09-29T10:16:00.000+07:002010-09-29T10:17:29.447+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 29 กันยายน 2553อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 29 กันยายน 2553 <br />รมมี่กับพีทมานั่งคุยกันที่สวนแห่งหนึ่ง รมมี่บอกว่าผู้ชายที่พีทเห็นเป็นลูกเจ้าของสินค้าที่รมมี่กำลังจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ แต่พีทยังหึง ๆ บ่นว่ารมมี่ทำตัวสนิทสนมมากเกินไป รมมี่งอนตอกกลับว่าจะให้ทำหน้าบึ้งใส่หรือไง พีท รีบเดินตามไปง้อ <br /> <br />“แล้วเรื่องแค่นี้เหรอที่คุณบอกว่าลำบาก ใจที่จะบอกผม?”<br /> <br />รมมี่ชะงัก พีทจับสังเกตได้และว่า รมมี่มีเรื่องปิดบังเขาอยู่ รมมี่อึกอัก ลำบากใจที่จะพูดแต่ก็จำใจบอก “ถ่ายโฆษณาตัวนี้ มันได้เงินเยอะ แต่มีเงื่อนไขว่า รมมี่ต้อง...ต้องเสริมหน้าอก”<br /> <br />“เสริมหน้าอก!!” พีทเหวอ มองรมมี่อย่างไม่เข้าใจ รมมี่ไม่รู้จะพูดยังไงต่อ ผลุนผลันออกไปจากตรงนั้น พีทวิ่งตามไปทันที<br /><br />---@@@---<br /> <br />แฟชั่นโชว์เริ่มต้นขึ้น นางแบบและนายแบบทยอยกันอวดโฉม ถึงคิวของไม้และน้ำหวาน ทั้งคู่ออกไปยืนโพสกลางเวที น้ำหวานส่งสายตาหวานเชื่อมใส่ไม้ ประหนึ่งว่าเป็นแอ๊คติ้งของการเดินแบบ ไม้รู้ธาตุแท้ของน้ำหวาน เขาจึงไม่สบตาด้วย แต่น้ำหวาน ก็ยังพยายามส่งสารทางสายตาไม่ได้หยุดหย่อน<br /><br />---@@@---<br /> <br />พีทวิ่งเข้ามาคว้ารมมี่ไว้บอกให้คุยกันให้รู้เรื่องก่อน รมมี่หันขวับมาบอกว่าพอบอกความจริงพีทก็รับไม่ได้ พีทว่าไม่ใช่ว่าเขารับไม่ได้ เพราะตอนนี้ใคร ๆ เขาก็ทำหน้าอกกันทั้งนั้น<br /><br />“แต่..มันเป็นของปลอม..” รมมี่หวั่น ๆ <br /> <br />“ของปลอมแล้วไง?” พีทถามกลับ รมมี่ ตาโตแปลกใจ “หมายความว่าคุณโอเคที่ชั้นจะทำหน้าอก?”<br /> <br />“ไม่โอเค!!!” พีทพูดตามตรงรมมี่เหวอ พีทจ้องหน้ารมมี่ “ผมถามคุณหน่อย จริง ๆ แล้วคุณอยากทำหน้าอกรึเปล่า” รมมี่ทำหน้าอึกอัก พีทยิ้มเพราะรู้ว่ารมมี่ก็ไม่อยากทำ <br /> <br />“แต่เงินเป็นล้านเลยนะ...”<br /> <br />“ก็เลยยอมเจ็บตัวงั้นเหรอ?! คุณยกเลิกถ่ายโฆษณาบ้าบออะไรนั่นไปเลย” พีทสรุป<br /> <br />“พูดง่ายนี่ คุณก็เห็นว่าเงิน....” รมมี่ยังพูดไม่จบ พีทก็สวนขึ้น “คุณเป็นแฟนผม ผมเลี้ยงคุณได้!! ผมไม่ปล่อยให้แฟนผมต้องไปเจ็บตัวเพราะเงินแค่นั้นหรอก”<br /> <br />รมมี่เถียงไม่ออก แต่ก็ยังทำเฉไฉ “อย่า มาปากดีเลย แฟน...สุดท้ายมันก็เป็นคนอื่น”<br /> <br />“ผมจะไม่ใช่ “คนอื่น” สำหรับคุณ เราจะเป็น “คนคนเดียวกัน” ถ้าคุณให้โอกาสผม” รมมี่หันขวับ พีทพูดต่อจริงจัง “แต่งงาน กับผมนะรมมี่!! ถึงแม้ว่าเราจะรู้จักกันไม่นาน แต่ผมมั่นใจ ว่าคุณคือ “คนที่ใช่” สำหรับ ผม” รมมี่ยิ้มกว้าง จ้องหน้าพีทอย่างคาดไม่ ถึง พีทจูบมือรมมี่ และยิ้มให้อย่างจริงใจ<br /><br />---@@@---<br /> <br />ไม้เปลี่ยนชุดเสร็จเดินไปหามดแดง น้ำหวานเห็นไม้จะกลับจึงหาเรื่องเข้าไปทัก มดแดงชะงักแต่ก็รู้ได้ทันทีถึงจุดประสงค์ของน้ำหวาน จึงบอกให้บอกลาซูเปอร์สตาร์หน่อย เพราะดูเหมือนว่าน้ำหวานอยากเข้ามาทักทายทายาทนักธุรกิจพันล้าน น้ำหวานรู้ว่ามดแดงแดกดันแต่ก็เฉไฉ ทำเป็นไม่สนใจ<br /> <br />“เรียกน้ำหวานก็ได้นะคะ คำว่าซูเปอร์ สตาร์น่ะ คนอื่นเค้าเรียกกัน คนกันเองอย่างเรา เรียกชื่อดีกว่าค่ะ” น้ำหวานทำท่าอ่อนหวาน<br /> <br />“คนกันเอง?? โอ๊ะ โอ เป็นคนกันเองตั้งแต่เมื่อไหร่ค้า น้องน้ำหวาน” มดแดง แดกดันอีก<br /> <br />น้ำหวานหน้าตึง แต่ปรับน้ำเสียงหวาน ว่ารู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหาย มดแดงยังแดกดันไม่เลิก “ค่ะ!!! ไม่เสียหาย ถ้าไม่คิดจะทำเรื่องให้มันเสียหาย อ้อ!!! แล้วถ้าอยากจะทำความรู้จักไมค์เค้ามากกว่านี้ ก็คงต้องไปขออนุญาตพี่สาวเค้าก่อนนะคะ”<br /> <br />น้ำหวานยิ้มได้ ดีใจคิดว่ามดแดงจะเปิด ทางให้ มดแดงรีบบอก “เพราะว่าไมค์น่ะเค้าเป็นน้องชายของเหมย ขีดเส้นใต้คำว่า น้องชายของเหมย เหมือนฝัน น่ะรู้จักมั้ย” พูดจบ ก็พาไม้เดินออกไป น้ำหวานหน้าเสียไม่อยากเชื่อ ว่าไม้จะเป็นน้องชายของ นังเหมย!!!<br /><br />---@@@---<br /> <br />กันต์โทรฯ หาป้อง แต่ป้องไม่ยอมรับสาย แม้กันต์จะกระหน่ำโทรฯ เท่าใดแต่ก็ไร้วี่แวว ด้านป้องเห็นกันต์โทรฯ หาก็ลำบากใจมาก ไม่รู้จะตัดสินใจชีวิตออย่างไร<br /> <br />ป้องมาหาคุณพิงค์ตามที่คุณพิงค์เรียกให้มาพบ คุณพิงค์พูดเรื่องข่าวที่ว่าป้องเป็นเกย์ กับกันต์ ป้องสับสนมาก เพราะหากเรื่องเขากับกันต์เปิดเผยอนาคตคงจบเห่ ป้องจึงบอกคุณพิงค์ว่าเขากับกันต์ไม่มีอะไรกัน คุณพิงค์ว่าเรื่องระหว่างกันต์และป้องจะไม่ขอยุ่งเพราะเป็น เรื่องส่วนตัว แต่อยากเตือนป้องว่าให้วางตัวให้ดีเพราะทุกอย่างอยู่ในสายตาประชาชน<br /> <br />“ต่อไปผมจะระวังให้มากกว่านี้ครับ แต่ ผมกับกันต์ไม่ได้มีอะไรกันจริง ๆ ครับ” คุณพิงค์ จ้องหน้าป้องอย่างรู้ทัน “จำไว้นะป้อง คำพูดเป็นนายเรา ก่อนจะพูดอะไรคิดให้ถี่ถ้วน ถ้าคนอื่นเค้าจับได้ว่าเราโกหก เราจะไม่มีที่ยืนในวงการนี้!!” ป้องไม่แน่ใจว่าที่พิงค์พูดแบบนี้ เป็นเพราะว่ารู้ความจริง หรือพูดเพื่อเตือนสติให้ป้องพูดความจริงกันแน่?!!<br /><br />---@@@---<br /> <br />ไม้มาหาเหมยที่กองถ่ายยอดยาหยี น้ำหวานเห็นก็ปรี่เข้ามารับ แต่ถูกเจ๊มดแดงเข้ามาขัดบอกเหมยเข้าฉากอยู่ และแกล้งย้ำต่อหน้าน้ำหวานว่าไมค์น่ารักที่เป็นห่วงพี่สาวคือเหมย น้ำหวานเสียอารมณ์ที่มดแดงมาขัดจังหวะทุกที ถ่ายจบซีน ไม้ชวนเหมยไปธุระ เหมยรับปาก ว่าจะไปด้วย พอดีปยุตรเดินเข้ามา ไม้บอกว่าวันนี้เหมยคงไปกับปยุตรไม่ได้เพราะวันนี้เหมย “มีเดท” กับเขา ปยุตรติดใจคำว่ามีเดท เพราะ ไม่เหมือนพี่กับน้องใช้พูดกัน<br /> <br />“ก็คงอย่างนั้น!!!” ไม้เปิดเผยจริงจัง แบบไม่กลัวเกรง<br /> <br />“แล้วเหมยเค้าคิดแบบเดียวกับที่ไม้คิดหรือเปล่า?” ปยุตรถามตรง ๆ ไม้ชะงัก “พี่เหมยคิดยังไงไม่รู้ ผมรู้อย่างเดียวว่า ผมรักพี่เหมย!!”<br /> <br />ปยุตรอึ้งไป ขณะเดียวกันน้ำหวานแอบฟังอยู่พอจะเดาเหตุการณ์ออก เป็นเวลาเดียวกับที่เหมยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและเดินออกมา เหมยบอกว่าจะไปธุระกับไม้และชวนปยุตรไปด้วย ไม้รีบกันโดยบอกว่าปยุตรไม่ไป และนาน ๆ พี่น้องจะได้อยู่ด้วยกัน ปยุตรอึ้ง ๆ และบอกเหมยว่าวันหลังนัดกันใหม่ก็ได้ เหมย ยิ้มและเดินออกไปกับไม้ ปยุตรมองตามแบบน้อยใจนิด ๆ น้ำหวานหาโอกาสซ้ำเติมเหมย อยู่แล้วจึงคิดแผน โดยโทรฯ ไปบอกนักข่าว<br /><br />---@@@---<br /> <br />ไม้พาเหมยมาที่สำนักงานบ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง โดยบอกว่าจะซื้อบ้านให้แม่กุ้งและครอบครัว เหมยยิ้มให้ไม้อย่างตื้นตันใจ เหมย กับไม้เดินดูบ้านแบบต่าง ๆ เหมยบอกว่าจะช่วยออกเงิน ไม้จับไหล่เหมยให้หันมามองหน้ากัน ไม้ว่าเหมยเหนื่อยมากกว่าแล้ว เขาก็ควรจะช่วยเหลือ ทั้งคู่จึงตกลงที่จะช่วยกันซื้อบ้านให้แม่กุ้ง สายตาที่ไม้มองเหมยไม่เหมือนกับที่พี่น้องควรจะเป็นจริง ๆ แต่เหมยไม่ได้คิดอะไร ขณะที่ปาปารัซซี แอบถ่ายภาพของสอง คนไว้ทุกอิริยาบถ<br /><br />---@@@---<br /> <br />รมมี่มาหาเป้ยคนที่ติดต่องานโฆษณาให้ โดยรมมี่บอกว่าจะไม่รับงานชิ้นนี้ เป้ยว่าน่าเสียดายเพราะค่าตัวสูงถึง 7 หลัก รมมี่ว่าเงินอาจมีค่า แต่มันไม่มีค่าเท่ากับคนที่รักรมมี่ เป้ยเหวอ ๆ ไม่เข้าใจคำพูดรมมี่ รมมี่เลยตัดบทสรุปว่าไม่รับงานนี้ก่อนจะเดินออกไป รมมี่เดินออกมาหาพีท ที่ยืนรออยู่ พีทยิ้มให้พร้อมตั้งแขนให้รมมี่ควง รมมี่ยิ้มกว้างควงแขนกันเดินไปหวานชื่น<br /> <br />เป้ยวิ่งกระเซอะกระเซิงตามออกมา หวังจะเปลี่ยนใจ แต่รมมี่หันมาโบกมือให้เป้ย “แล้วชั้นจะหาใครมาเป็นพรีเซ็นเตอร์แทนล่ะเนี่ย” เป้ยมองหน้าอกตัวเอง “โอ๊ย..ยังตู้มไม่พอ!!!”<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 29 กันยายน 2553 <br />ที่มา <a href="http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=94697&categoryID=414">dailynews</a>สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-23252906834134825442010-09-29T10:14:00.001+07:002010-09-29T10:15:55.438+07:00อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 29 กันยายน 2553อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 29 กันยายน 2553 <br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3xYNCkELFGYcjR4pIfihmYhXzjI8DBDQDoHnJ_ErYKdbuhZn8OeTVq1P6gjquUtzaRPLhaq5zNJwo7WFSpFoB06xvVXr6AUxVvu7h3phb0PN0QFa_3C19v-ReymsM8WaLenpOlt8ff8w/s1600/01.jpg"><img style="float:right; margin:0 0 10px 10px;cursor:pointer; cursor:hand;width: 260px; height: 105px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj3xYNCkELFGYcjR4pIfihmYhXzjI8DBDQDoHnJ_ErYKdbuhZn8OeTVq1P6gjquUtzaRPLhaq5zNJwo7WFSpFoB06xvVXr6AUxVvu7h3phb0PN0QFa_3C19v-ReymsM8WaLenpOlt8ff8w/s400/01.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5522168622585014354" /></a>ประจักษ์กับพิสมัยพากันออกมาจากวิหาร ประจักษ์กวาดตามองหาวนิดา จนเห็นร่างวนิดาล้มลงอยู่ตรงกำแพงวิหารรีบวิ่งไปดูวนิดาด้วยความเป็นห่วงใย <br /> <br />“นิด เธอเป็นยังไงบ้าง”<br /> <br />“ไม่เป็นไรค่ะ”<br /> <br />ทันใดนั้น เลือดก็ไหลซึมลงมาที่หน้าผากวนิดา ประจักษ์ตกใจ “เธอหัวแตก”<br /> <br />“คงโดนประตูกระแทกแรงไปน่ะค่ะ”<br /> <br />ประจักษ์รีบใช้ผ้าเช็ดหน้านั้น เช็ดเลือดให้ทันที<br /> <br />“โธ่ นิดของฉัน ฉันทำให้เธอเจ็บตัวอีกจนได้”<br /> <br />วนิดามองประจักษ์ดีใจลึก ๆ ในคำพูดของเขา ขณะที่พิสมัยยืนดูอย่างสมน้ำหน้า ก่อนจะรีบวิ่งไปที่เรือ โดยไม่รั้งรอใคร วนิดาขยับตัวจะลุกขึ้นเดินตาม แต่ก็ลุกไม่ไหว ขาเจ็บแปล๊บขึ้นมา แล้วเซล้มลงไปกับพื้น ประจักษ์เข้ามาอุ้มวนิดากลับมาที่เรือ<br /><br />---@@@---<br /> <br />ประจักษ์อุ้มวนิดาเข้ามาในบ้าน พิสมัยกับไปล่ตามเข้ามา น้อมถึงกับอึ้ง ป้าทองกับจวงรีบออกมารับด้วยความตกใจ<br /> <br />“คุณนิดเป็นอะไรคะ” <br /> <br />“ฉันหกล้มน่ะป้า ไม่เป็นอะไรมากหรอก” <br /> <br />“ไม่เป็นอะไรมาก แล้วทำไมถึงเดินเองไม่ได้” <br /> <br />“ผมขอตัวพานิดไปทำแผลก่อนนะครับ” <br /> <br />ประจักษ์ตัดบทพาวนิดาเดินเข้าไปเลย ป้าทอง จวง ไปล่รีบตาม...น้อมหันไปมองตามด้วยความโมโห ก่อนจะหันมาทางพิสมัยที่ยืนตาแดงก่ำ น้ำตารื้นด้วยความโกรธ <br /> <br />“มันเกิดอะไรขึ้น?”<br /> <br />พิสมัยกัดกรามแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความแค้น...ประจักษ์อุ้มวนิดาขึ้นไปบนห้องและทำแผลให้วนิดาจนเสร็จเรียบร้อยจึงเดินออกมาจากห้องเจอน้อมยืนรออยู่ <br /> <br />“นึกยังไงถึงไปที่วิหาร” <br /> <br />“ก็ไม่นึกอะไรนี่ครับ” <br /> <br />น้อมฉุนทันที “พ่อใหญ่!! เราอย่ามากวน แม่นะ ในนั้นมีแต่กระดูกผี มันน่าสำราญตรงไหนฮะ!!” <br /> <br />“มันไม่น่าสำราญหรอกครับ แต่ในนั้นเป็นที่เก็บกระดูกคุณปู่คุณย่าคุณลุงบรรพบุรุษของเรา การที่ผมจะไปเคารพพวกท่าน มันน่าแปลกตรงไหน คุณแม่ต่างหากล่ะครับที่แปลก...ทำไมคุณแม่ถึงไม่ยอมไปที่นั่น หรือว่าคุณแม่กลัวอะไร”<br /> <br />ประจักษ์มองแม่อย่างจับผิด น้อมชะงัก ก่อนจะพูดเสียงแข็ง “ทำไมแม่ต้องกลัว?!!”<br /> <br />“ไม่รู้สิครับ ผมก็พูดไปเรื่อย” <br /> <br />ประจักษ์จะเดินออกไป น้อมเรียกไว้<br /> <br />“จะไปไหน แม่ยังพูดไม่จบ นับวันเราชักเหลวไหลใหญ่ ทำอะไรไม่ไว้ตัว ไปอุ้มชูนังวนิดามันทำไม นังนั่นมันมารยาทำตัวน่าสงสาร พ่อใหญ่ดูไม่ออกเหรอไง” <br /> <br />ประจักษ์สุดทนหันมาทางน้อม “คนที่ผมดูไม่ออก คือคุณแม่ต่างหาก” <br /> <br />น้อมงงมองประจักษ์งง ๆ ไม่เข้าใจ <br /> <br />“พูดอย่างนี้ หมายความว่ายังไง” <br /> <br />“คุณแม่แน่ใจเหรอครับว่าป้ามณฑามีชู้ และล้างผลาญสมบัติของคุณลุงจริง” <br /> <br />น้อมหน้าถอดสี ประจักษ์มองหน้าแม่เย้ยหยัน ก่อนจะเดินออกไป <br /> <br />“พ่อใหญ่ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน พ่อใหญ่!!” <br /> <br />น้อมงงกับที่ประจักษ์พูด นิ่วหน้าด้วยความสงสัย...<br /><br />---@@@---<br /> <br />ร้านตัดเสื้อสองอนงค์ มนตรีเดินไปเดินมา ชะเง้อรอวนิดา ลูกค้าที่เปิดประตูเข้ามาในร้านเกือบชนมนตรี อำไพทนไม่ไหวเดินมาหาต่อว่า <br /> <br />“คุณมนตรีคะ คุณเดินไปเดินมาหน้าประตูจนลูกค้าจะชนคุณหลายรอบแล้วนะคะ” <br /> <br />“ฉันกำลังมองว่าเมื่อไหร่คุณนิดจะมา” <br /> <br />“วันนี้คุณนิดยังไม่มาหรอกค่ะ เธอยังไม่กลับจากบางปะอิน” <br /> <br />“เธอเป็นเพื่อนภาษาอะไร ทำไมถึงไม่รู้ว่าคุณนิดจะกลับวันไหน เวลาอะไร” <br /> <br />มนตรีเสียงดังทำให้อำไพไม่พอใจ เพราะ เธอพูดกับเค้าดี ๆ <br /> <br />อำไพชักฉุนกึก “แล้วคุณเป็นเพื่อนสนิทคุณประจักษ์ภาษาอะไร ทำไมถึงไม่รู้ว่าคุณประจักษ์จะกลับวันไหน เวลาอะไร”<br /> <br />มนตรีถึงกับผงะ ที่โดนย้อน “ทำไมเธอต้องเสียงดังใส่ฉันด้วย” <br /> <br />อำไพไม่พอใจ “คุณอยากเสียงดังใส่ฉันก่อนทำไม” <br /> <br />“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณนิดคบเธอเป็นเพื่อนได้ยังไง...คุณนิดออกจะน่ารัก อ่อนหวาน แต่เธอ...”<br /> <br />มนตรีมองสำรวจอำไพหัวจดเท้าสายตาดูถูก...” สวยก็ไม่สวย กิริยาก็กระโดกกระเดก ไม่มีความเป็นผู้หญิง...หาดีไม่ได้สักข้อ”<br /> <br />อำไพกำมือแน่นด้วยความโมโห “ออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้!!” <br /> <br />มนตรี จ้องหน้าอำไพ “ฉัน-ไม่-ไป!” <br /> <br />อำไพหยิบหมอนบนเก้าอี้ขึ้นมา ปาใส่หน้ามนตรี มนตรีผงะ <br /> <br />“เธอจะบ้าเหรอไง?!” <br /> <br />“จะออกไปมั้ย” <br /> <br />อำไพจ้องหน้า มนตรีเดินมาประจันหน้า “ไม่ไป”<br /> <br />อำไพหยิบจับอะไรได้ก็ปาใส่มนตรีไม่ยั้ง มนตรีตาเหลือกตกใจ หลบซ้าย หลบขวา หลบไปหลบมาแต่ก็ไม่พ้นโดนของปาใส่หัว เสียฟอร์มสุด ๆ มนตรีจะออกไป เจอลูกค้าเปิดประตูเข้าร้าน ประตูกระแทกหน้ามนตรีอย่างแรง อำไพตกใจ<br /><br />---@@@---<br /> <br />ด้านประจวบตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำ เพื่อไปทำงานเหมืองซึ่งรายได้ดีกว่า ชุมศรีตกใจมากเมื่อรู้ว่าประจวบจะไปทำงานเหมือง เพราะมันอันตรายมาก เธอเป็นห่วงและกังวลสุด ๆ <br /> <br />“คนเราถ้าถึงที่ตาย มันก็ต้องตาย ฉันไม่กลัวหรอก”<br /> <br />“แต่ดิฉันกลัวค่ะ ทำไมคุณต้องเสี่ยงถึงขนาดนี้ หรือว่าคุณเบื่อ อึดอัดใจกับงานที่นี่คะ”<br /> <br />“ชุมศรี...ฉันเคยบอกเธอแล้วไงว่า ฉันมีความสุขที่สุดที่ได้อยู่ที่นี่”<br /> <br />“ถ้าอย่างนั้นคุณจะหนีไปจากที่นี่ทำไม”<br /> <br />“ฉันไม่ได้หนี...แต่ยิ่งฉันมีความสุขมากเท่าไหร่ ฉันก็อดนึกไม่ได้ว่าฉันกำลังเห็นแก่ตัว กำลังเอาเปรียบพี่ใหญ่ที่กำลังเดือดร้อนอยู่ ฉันควรจะรีบหาเงินไปให้เขาเร็วที่สุด”<br /> <br />“ถ้าคุณจะไปทำงานเหมืองจริง ๆ ดิฉันจะไปด้วย”<br /> <br />ประจวบถึงกับอึ้ง ชุมศรีบอกเธอคงอยู่ไม่ได้ถ้าประจวบเป็นอะไรไป<br /> <br />“ชุมศรี ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ฉันสัญญา”<br /> <br />“ไม่ค่ะ ดิฉันไม่ต้องการคำสัญญา ดิฉันต้องการเพียงแค่ได้อยู่ใกล้ ๆ คุณ ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน <br /> <br />ขอให้ดิฉันได้คอยอยู่ช่วยเหลือดูแลคุณเถอะนะคะ”<br /> <br />ประจวบมองชุมศรีด้วยความรักและซึ้งใจ<br /><br />---@@@---<br /> <br />ชุมศรีมาคุยเรื่องนี้กับชวน และขออนุญาต พี่ชายไปอยู่ที่เหมืองกับประจวบ ชวนจึงถามชุมศรีตรง ๆ ว่า รักประจวบใช่ไหม ชุมศรียอมรับ<br /> <br />“แล้วเขารักเธอรึเปล่า”<br /> <br />“รัก...มั้งคะ พี่ชวน ให้น้องไปทำงานเหมืองกับคุณประจวบเถอะนะพี่”<br /><br />อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 29 กันยายน 2553 <br />ที่มา <a href="http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=414&contentID=94698">dailynews</a>สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-17692213666515096992010-09-28T21:01:00.001+07:002010-09-28T21:01:57.338+07:00อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 28 กันยายน 2553อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 28 กันยายน 2553 <br />“คนพรรค์นั้นทำอะไรเป็น...จับเข็มก็ไม่ติดมือ ซักผ้าก็บิดน้ำไม่แห้ง กวาดบ้านกวาดเรือนก็พอจะทำได้อยู่...แต่แม่ไม่อยากให้เข้าไปทำข้าวของในห้องแม่เสีย ๆ หาย ๆ ก็เลยต้องเลี้ยงเสียข้าวสุกไปแบบนี้”<br /> <br />โอชินลุกจากห้องเดินผ่านได้ยินเสียง สองคนแม่ลูกนั่งชยันโตถึงตนอยู่ในห้องกลาง พยายามเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง แล้วย้อนกลับมายังได้ยินเสียงเขาสนทนากันชัดเจน<br /> <br />“พี่ริวโซ่ก็เหลือเกิน ไปคว้าผู้หญิงยังงั้นมาเป็นเมียได้”<br /> <br />“เอาเถอะ ปล่อยให้มันอยู่เฉย ๆ อีกหน่อยมันก็คงรู้สึกตัว ถ้าไม่รู้สึกก็เห็นต้องออกปากไล่กันบ้าง บ้านทาโนะคุระไม่ต้อนรับคนที่เลี้ยง เสียข้าวสุกนะ”<br /> <br />โอชินย่างเท้ามาถึงห้องเฉลียงรับลมจากภายนอก มองเข้าไปภายในหัวใจเต้นระทึก ยิ่วกำลังนอนหลับอยู่อย่างสบาย มีมุ้งครอบปกคลุมอยู่ หัวใจเต็มไปด้วยความทรมานด้วยความคิดถึง ค่อยเขยิบปลายเท้าแผ่วเบาตรงเข้าไปเพื่อจะกอดจูบลูกให้สมกับความคิดถึง ทันทีเสียงจึเนะโกะร้องเรียก โอชินชะงัก รีบหันกลับย้อนไปทางเดิมตรงไปหาจึเนะโกะในห้องครัว<br /> <br />จึเนโกะทำอุด้งให้กิน โอชินตรงเข้าไปจัดการเพราะรู้สึกหิว ยังไม่ทันจะปรุงอะไรให้เข้าที่เข้าทาง เสียงโอคิโย่ซึ่งนั่งอยู่กับบุตรสาวในห้องกลางติดห้องครัวก็ดังขึ้นมาว่า<br /> <br />“เฮ้อ...นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย คนเอาแต่นอนทั้งวันกลับมีแรงกินกลางวันหน้าตาเฉย”<br /> <br />“กรรมของคุณพ่อและพวกพี่ ๆ ใจอ่อน จนเกินไปก็ถูกผู้หญิงหลอกง่าย ๆ แบบนี้แหละค่ะ”<br /> <br />“สมัยที่แม่เป็นสะใภ้ คุณย่าของลูกดุยังกะอะไรดี แม่ขนาดเป็นไข้ตัวร้อนจัดยังไม่กล้าคิดจะล้มตัวนอนเลย เมื่อถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ หิวแค่ไหนก็ไม่กล้ากินหรอก สะใภ้เมืองซาง่าเขาเป็นแบบนี้ แต่นี่อะไรกันเหนื่อยนิดหน่อย โอ๊ย...ทำงานไม่ไหวขึ้นมาละ...จะกินท่าเดียว”<br /> <br />“พี่จ๋า...ขอบคุณนะคะ...แต่กินไม่ลงแล้วค่ะ” พลางลุกขึ้นจะกลับไปที่ห้อง<br /> <br />โอคิโย่เรียกโอชินเสียงลั่นก่อนจะสั่งให้กลับมากินอุด้งที่ปรุงไปแล้ว<br /> <br />“เมื่อไม่กิน ทำไมมาผสมให้เสียของ อ้อ...ไม่พอใจคำพูดของฉันล่ะซี...เดี๋ยวก็คงจะต้องไปสำออยกับริวโซ่ ว่าถ้านอนอยู่เฉย ๆ ก็จะไม่ให้กินข้าว...ฉันไม่เคยพูดนะว่าไม่ให้แก กินข้าวน่ะ “จึเนะโกะ...เอาไปให้เขาหน่อยสิ... ประเคนหน่อย...ทำแล้วอย่าให้เสียของฉันไม่ชอบ ให้กินจนพอเลยก็แล้วกัน...”<br /> <br />โอชินยืนค้างทำอะไรไม่ถูก จิตใจเต็มไปด้วยความแค้นใจหาทางระบายไม่ได้<br /> <br />“ทำไมไม่รีบกินเข้าไปล่ะ”<br /> <br />โอชินจึงค่อย ๆ สืบเท้ามานั่งลงข้างชามอุด้ง จับตะเกียบกล่าวขอบคุณเสียงแผ่วเบา แล้วตักอุด้งกลืนกินผสมน้ำตาที่ตกคลั่กอยู่ในทรวงอก<br /><br />---@@@---<br /> <br />ในวันต่อมาไดโงะโร่จึงพบโอชินเข้ามาที่ห้องกลางเพื่อบอกว่าจะออกไปทำงานอย่างเคย โอชินอ้างว่าได้พักวันหนึ่งแล้วจึงรู้สึกสบายขึ้นมาก วันนี้จึงจะออกไปทำงานในไร่ต่อ ไดโงะโร่ย้อนถามด้วยความไม่เข้าใจ คำถามของไดโงะโร่ดังพอที่จะเข้าหูโอคิโย่ซึ่งนั่งอยู่เคียงข้าง แต่โอคิโย่ทำเป็นไม่ได้ยิน โอชินน้อมคำนับอีกครั้งก่อนจะถอยออกไป เมื่อโอชินไปแล้ว ไดโงะโร่หันมาถามภรรยา<br /> <br />“มีอะไรกันอีกล่ะ โอคิโย่ ต้องพูดกันเท่าไรจึงจะฟังกันบ้างนะ”<br /> <br />โอคิโย่รินน้ำชาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิด ขึ้น ไดโงะโร่จึงส่งเสียงดัง<br /> <br />“เอ...คุณนี่ก็...ฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไงเล่า มันไม่ได้ออกไปทำงานวันหนึ่ง มันอาจจะหายเหนื่อยของมันก็ได้นี่นา...”<br /> <br />ไดโงะโร่รู้ดีว่ามันไม่ได้เป็นอย่างภรรยาบอก แต่วันเวลาก็ผ่านไปอีก โดยนับตั้งแต่วันนั้นโอชินไม่ยอมหยุดงานอีกเลย ออกไปทำงานที่ไร่กับริวโซ่ทุกวันจนกระทั่งถึงฤดูใบไม้ร่วง การ เก็บเกี่ยวข้าวเพื่อเก็บผลผลิตของชาวเมืองซาง่ากำลังจะมาถึง เช่นเดียวกับการกำหนดคลอดของโอชิน...ที่ใกล้เข้ามา<br /> <br />จู่ ๆ โอคิโย่ก็เรียกโอชินเข้ามาพบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอีก โอชินได้แต่นึกในใจว่าแม่สามีจะมาไม้ไหนอีก โอคิโย่ถามว่าเตรียมทุกอย่างพร้อมหรือยังก่อนจะเข้าเรื่องเมื่อโอชินบอกว่าพร้อมแล้ว<br /> <br />“ดี...ฉันจะบอกให้นะ...ห้องเก็บของน่ะ จะใช้เป็นห้องคลอดของอาจึโกะเขา...ส่วนเธอฉันอนุญาตให้ใช้บ้านหลังใน ตอนนี้ถึงมันจะผุพัง ไปบ้างก็ยังใช้เป็นห้องคลอดได้ พรุ่งนี้หยุดงานซะครึ่งวันไปทำความสะอาด...”<br /> <br />บ้านหลังใน เดิมทีสมัยที่ทาโนะคุระยังเป็นราชาที่ดิน ใช้เป็นสถานที่พักอาศัยของคนงาน ปัจจุบันเป็นห้องเก็บของที่รกรุงรังไม่ได้ทำความสะอาดมาแรมเดือนแรมปี ตั้งอยู่นอกอาณาเขตของบ้านทาโนะคุระ แต่ก็ติดกันแค่ข้ามประตูมาก็ถึงแล้ว<br /> <br />โอชินเข้าใจดีว่าเพราะเหตุใดมารดาของสามีจึงระเห็จตนไปคลอดลูกนอกเขตบ้านทาโนะคุระ มันเป็นเพราะนิยายงมงายเรื่องนั้นเอง ที่จะให้มีการคลอดพร้อม ๆ กันทีเดียวสองคนไม่ได้ในบ้านหลังเดียวกัน...<br /> <br />ริวโซ่ถึงกับแทบลมจับ เมื่อค่อย ๆ ผลักบานประตูออกและมองเข้าไปข้างในเห็นหยากไย่เต็มไปทั้งห้องมืดมิด<br /> <br />“ไอ้แบบนี้มันจะอยู่กันได้ยังไง”<br /> <br />“ช่างเถอะค่ะ เราเก็บกวาดเฉพาะตรงส่วน ที่จะพอคลอดก็แล้วกัน ใช่ว่าจะต้องอยู่ที่นี่ไปจนตายเมื่อไรกันคะ”<br /> <br />โอชินตอบสามีอย่างไม่สะทกสะท้าน จิตใจแห่งความเป็นแม่กำลังสมบูรณ์เต็มขีดสุด อีกไม่ช้าสายเลือดก้อนหนึ่งของเธอก็จะออกมาผจญ โลกแล้ว...ชีวิตในวันข้างหน้าไหนเลยจะต้องเลี้ยงลูกน้อย ทารกไม่เดียงสา ไหนเลยจะต้องทำงานราวกับทาส คงจะต้องลำเค็ญเหนือกว่าที่เป็นอยู่หลายเท่านัก...<br /><br />---@@@---<br /><br />ตอนที่ 34 <br /> <br />วันรุ่งขึ้นโอชินกับริวโซ่ได้พักงานครึ่งวันเอาเวลาไปชำระคราบสกปรกอันเรื้อรังมาแรมปีของบ้านหลังใน นอกเขตบริเวณบ้านทาโนะคุระ ทันทีที่เห็นสภาพบ้านริวโซ่ก็แทบทรุดรู้สึกราวกับตัวเองไม่ใช่ทายาทคนหนึ่งของตระกูลที่สามารถติดดาบได้อย่างสมเกียรติยศซามูไร ทุกครั้งที่เขามองดูเมียท้องแก่หยิบโน่นฉวยนี่อย่างฉับไวและกระฉับกระเฉงเขาอดแปลกใจในความอดทนแห่งการสู้กับชีวิตของเธอมิได้<br /> <br />เขาอาจจะกระทำความผิดอย่างใหญ่หลวงในการที่เขาตัดสินใจนำโอชินมาที่เมืองซาง่า ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนเรื่องใหญ่โตล้วนแล้วแต่ผิดความคิดหมายไปเสียทั้งสิ้น สำหรับ โอชินแล้วเธอคุ้นเคยดินมาแต่เล็กแต่น้อย ชีวิตของเธอดูเหมือนจะเป็นหนี้บุญคุณแก่ดินอย่างมากมาย อย่างชนิดจะใช้เอาไม่หมดทีเดียว ชีวิตที่ดำเนิน มาบางครั้งเท้าลอยเหนือดินแต่แล้วมันกลับจมดินลงอีกครั้งและอีกครั้ง<br /> <br />โอชินถือเป็นเรื่องเคราะห์กรรมที่เธอจะต้องมาคลอดนอกเขตบ้านทาโนะคุระ แต่เป็นการดีแล้วที่เคราะห์ร้ายเสียก่อนจะเคราะห์ดีได้ คลอดลูกอย่างปลอดภัย...สำหรับเธอ...ดูเหมือนดินฟ้าอากาศช่างเต็มไปด้วยวิญญาณที่ร้ายกาจนักหนา ไม่สามารถจะทนดูโอชินมีความสุขได้ ริวโซ่กับ โอชินช่วยกันชำระส่วนหนึ่งของบ้านหลังนั้นจนสะอาดเรียบร้อยในเวลาโพล้เพล้ โอคิโย่ เดินซอยเท้ามาจนถึงข้างในแลดูความเรียบร้อยที่ไม่น่าเชื่อ<br /> <br />“จัดการได้เรียบร้อยดีนี่”<br /> <br />“ก็ได้คุณริวโซ่ช่วยแหละค่ะ”<br /> <br />“บ้านสมัยก่อนนี้สร้างแข็งแกร่งดีจังครับคุณแม่...ได้เห็นเนื้อไม้แล้วแบบนี้ไต้ฝุ่นยังไม่ต้องไหวหวั่นเลยนะครับ”<br /> <br />“โอชินอาจจะเจ็บท้องเมื่อไรก็ได้ ถ้ายังไงริวโซ่มานอนเสียด้วยกันก็ได้นะ”<br /> <br />“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เจ็บท้องก็ยังมีเวลาเรียกหาทันถมไปค่ะ”<br /> <br />“แต่เธออาจจะเจ็บตอนเที่ยงนางกลางคืนก็ได้ ฉันมานอนเป็นเพื่อนจนกว่าจะคลอดก็แล้วกัน”<br /> <br />“ดี...แม่ค่อยสบายใจหน่อย นี่เป็นกระดาษ น้ำมัน...รู้แล้วไม่ใช่รึว่าเวลาคลอดจะต้องปูกระดาษนี้ไปข้างบนพื้น”<br /> <br />“ทราบค่ะ”<br /> <br />“อาจึโกะก็ ต้องเตรียมกระดาษน้ำมันให้เหมือนกัน...ก็เลยซื้อมาให้ด้วย”<br /> <br />“ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง”<br /> <br />“เฮ้อ...เธอกับอาจึโกะนี่ ไม่รู้ใครจะคลอดก่อนใคร...อยากให้มันเสร็จไปซะเร็ว ๆ แม่ละก็หายใจไม่ทั่วท้องมาหลายวันแล้ว”<br /> <br />โอคิโย่เดินกลับเข้าไปในบ้านทาโนะคุระส่งเสียงหัวเราะทับถมความกังวลอันใหญ่หลวงสืบเนื่องมาแต่ความเชื่อที่ว่า ถ้าคลอดพร้อมกันสองคนในบ้านเดียวกัน...จะมีความตายเกิดขึ้น...<br /> <br />“เฮ้อ บ้านใหญ่ ละก็ตื่นเต้นเสียจริง ๆ”<br /> <br />“แต่ถึงไง คุณแม่ก็ยังกรุณาเป็นห่วงฉันนะคะคุณ”<br /> <br />“ใช่ละซี...ก็อุตส่าห์ไล่เธอออกมาจากบ้านนี่...”<br /> <br />โอชินยิ้มฝืดเคืองพอดีกับจึเนะโกะปรากฏ ที่ประตูบ้าน “อ้อ...พี่จึเนะ...”<br /> <br />“คิดว่าเข้านอนแล้ว น่าสังเวชโอชินเสียจริง เผอิญจะต้องมาคลอดพร้อมกับอาจึโกะด้วย... ไม่งั้นก็ไม่ต้องออกมาลำบากที่นี่หรอก เอาผ้าผืนนี้ปูพื้นชั้นหนึ่งก่อนค่อยปูกระดาษน้ำมันทับ เวลาคลอดหัวเด็กจะได้ไม่กระแทกพื้น ข้างในยัดปอไว้ถือว่าเป็นคาถากันผี...เมื่อเตรียมให้อาจึโกะฉันก็เลยทำเผื่อเธอด้วย”<br /> <br />“ให้ฉันรึคะ พี่”<br /> <br />“ฉันมันแค่สะใภ้ ทำอะไรให้มากกว่านี้ก็ไม่ได้ทั้ง ๆ ที่อยากจะทำ คิดว่าเป็นน้ำใจก็แล้วกันนะ”<br /> <br />“ขอบคุณค่ะ”<br /><br />ที่มา <a href="http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=94498&categoryID=414">เดลินิวส์</a>สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-8187384538625938882010-09-28T20:59:00.001+07:002010-09-28T21:00:43.230+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 28 กันยายน 2553อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 28 กันยายน 2553 <br />“กระหม่อม..จำไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”<br /> <br />“นั่นสิ เห็นแม่ครั้งสุดท้ายก็ 3 ปีแล้ว ตอนนี้เจ้าหิวรึเปล่าหา ไหนบอกแม่สิ แล้วเจ้า.. อยากจะกินอะไรรึเปล่า บอกกับแม่มาได้เลยนะ”<br /> <br />“หม่อมฉัน ชอบอาหารที่พระสนมยอนฮึงจัดเตรียมไว้ให้ ..อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”<br /> <br />“ไม่เป็นไร ไหนลองชุดดูหน่อย นี่เป็นชุดที่แม่ตัดเย็บให้เองกับมือ”<br /> <br />“โอ๊ย..”<br /> <br />“แม่ แม่ขอโทษนะ แม่ไม่รู้ขนาดตัวของลูก คงจะเล็กเกินไปมั้ง”<br /> <br />“ท่านอ๋องเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ”<br /> <br />“วังซง ออกไปข้างนอกก่อน” พระเจ้าซองจง ตรัส<br /> <br />“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่ได้เจอลูก 3 ปีแล้วนะ”<br /> <br />“รีบออกไปเร็วเข้าสิ”<br /> <br />“พะ..พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” วังซง กล่าวทูล<br /><br />---@@@---<br /> <br />พระเจ้าซองจง รับสั่งให้พระนางชอนชู กลับไป<br /> <br />“หึ 3 ปีแล้วนะ 3 ปีแล้วที่หม่อมฉันไม่เจอลูก ตอนแรกพระองค์บอกว่าให้เจอหน้าทุก 3 เดือน แล้วกลายเป็น 6 เดือน หนึ่งปี แล้วกลายเป็น 2 ปี แล้วก็ 3 ปีในที่สุด เพิ่งเจอลูกในรอบ 3 ปี ยังจะทรงขับไล่อีกเหรอ”<br /> <br />“พรุ่งนี้ ในพิธีสถาปนาเจ้าจะได้เจอวังซง ดังนั้นตอนนี้เจ้าต้องออกไปก่อน”<br /> <br />“ไม่ใช่รัชทายาท แถมไม่ได้เป็นองค์ชายแห่งฮวางจู แต่กลับเป็นองค์ชายแห่งแคลองงั้นเหรอ ทำไมไม่แต่งตั้ง ในนามฮวางจูของเสด็จย่าเราล่ะ ทำไมถึงได้ตั้งชื่อด้วยเขตพื้นที่ของกลุ่มชิลลา”<br /> <br />“แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ บรรพชนรวม 3 อาณาจักรมา 60 ปีแล้วนะ ตอนนี้ไม่ มีแผ่นดินของชิลลาอีกต่อไป จะพื้นที่ชิลลา ฮวางจูก็เป็นพื้นที่ของโครยอ เหมือนกันทั้งนั้นแหละ”<br /> <br />“ถ้างั้นทำไมถึงทอดทิ้งดินแดนทางเหนือ แล้วให้ความสำคัญกับชิลลานักล่ะ”<br /> <br />“นี่แหละคือ สาเหตุที่ข้าต้องเรียกให้เจ้ามาเข้าเฝ้า คังกัมชันบอกกับเจ้าแล้วใช่มั้ย ว่าให้เจ้าอยู่เฉย ๆ ในฐานะมเหสีราชาองค์ก่อน ถ้าหากเจ้ายังก่อเรื่องวุ่นวายในทางเหนือ ยังทำสงครามกับหนี่เจินอีกข้าจะไม่ปล่อยเจ้าแน่”<br /> <br />“ก่อความวุ่นวายงั้นเหรอ ก็เพราะท่าน อ๋องทำเหมือนคนตาบอด ไม่สนใจชาวบ้านที่ ถูกเผาบ้าน ถูกปล้นชิงแถมยังต้องถูกฆ่านั่น ทิ้งประชาชนกับดินแดน แล้วเอาแต่ไปหมกมุ่นอยู่กับพวกขุนนางฉ้อฉลพวกนั้น”<br /> <br />“นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องมายุ่ง ผู้หญิงอย่างเจ้าจะไปรู้เรื่องอะไรกัน”<br /> <br />“มีอะไรที่หม่อมฉันไม่รู้บ้างล่ะ”<br /> <br />“สงครามระหว่างต้าซ่งกับชี่ตันได้สงบเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ในช่วงก่อน ราชสำนักซ่งได้ร้องขอทหารและเสบียงจากประเทศเรา แต่เราปฏิเสธไปว่าขาดกำลังและเสบียง แต่เจ้ากลับไปสู้รบกับพวกหนี่เจินแบบนี้ คิดดูสิว่า การอยู่ระหว่างสองประเทศใหญ่ควรจะทำตัวยังไง”<br /> <br />“ด้วยเหตุผลนี้พระองค์ก็เลยสลายกองกำลังทหารแล้วก็วางอาวุธทิ้งเหรอ พระองค์ควรระดมกำลังทหาร สร้างกองทัพให้แข็งแกร่งจนไม่มีใครกล้าที่จะรุกราน พวกนั้นไม่ได้เข้มแข็งกว่าประเทศเราหรอก”<br /> <br />“เลิกพูดได้แล้ว ต่อให้เจ้ามีชีวิตอยู่เพื่อการทำสงคราม แต่ข้าก็ไม่อยากได้ยินเจ้าพูดเรื่องนี้แล้ว เจ้าจงกลับไปอยู่ฮวางจูอย่างผู้หญิงคนนึงดีกว่า”<br /> <br />“ไม่ได้ หม่อมฉันไม่มีวันทำแบบนั้น”<br /> <br />“นี่เจ้ากล้าขัดโองการของข้าอย่างนั้นรึ”<br /> <br />“ก็เฉพาะโองการที่ไม่เอาไหน” พระนาง ชอนชู ตรัส<br /> <br />“ถ้าเจ้ายังยืนยันจะทำแบบนั้น เจ้าก็ต้องรับผลเอาเอง”<br /> <br />“ทำไม พระองค์จะสั่งคุมขังหม่อมฉันงั้นรึ”<br /> <br />“ถ้าเจ้ายังขัดขืนต่อไป เจ้าจะไม่ได้เจอวังซงอีก เชื่อฟังข้าดีกว่า ตอนนี้ข้าเป็นอ๋องนะ เจ้าอย่าเพิ่งลืมสิ” พระเจ้าซองจง ตรัส แล้ว พระนางชอนชู ร้องไห้<br /> <br />“พระมเหสี” คังโจ ทูล<br /> <br />“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ร้องไห้ ต้องไม่ร้อง ข้าควรจะไปเยี่ยมพระมเหสีซะหน่อย อุตส่าห์ได้เข้ามาในวังหลวงทั้งที” พระนางชอนชูตรัส แล้วไปเข้าเฝ้าพระมเหสีมุนด๊อก<br /><br />---@@@---<br /> <br />จูจอง เข้ามาเกี้ยวพาราสี ยูนซังกุง โดยนำสิ่งของมามอบให้พร้อมบอกความรู้สึกที่มีต่อนาง แต่ระหว่างนั้นได้มีพวกหนี่เจินแอบลอบเข้ามาในวังจับตัวพระมเหสีฮยังบี กับคนจากวังมองบ๊อกไป<br /><br />---@@@---<br /> <br />กามุน กลับมารายงานชียังว่าได้ทำภารกิจสำเร็จจับตัวพระมเหสีมา พร้อมกับทิ้งหลักฐานไว้แล้ว ด้านจูจองกลับมารายงานพระนางชอนชู ที่กำลังจะเสด็จไปร่วมงานพิธีสถาปนารัชทายาท<br /> <br />“เกิดเรื่อง...แล้วพระมเหสี....”<br /> <br />“ท่านพ่อบ้านอีก เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไม ท่านถึงบาดเจ็บล่ะ” คังโจ ถาม<br /> <br />“เกิดเรื่องใหญ่พ่ะย่ะค่ะ วังมองบ๊อกถูกพวกโจรชั่ว บุกเข้ามาโจมตีถึงในวังพ่ะย่ะค่ะ..”<br /> <br />“เจ้าว่าไงนะ” พระนางชอนชู ตรัสถาม<br /><br />---@@@---<br /><br />ตอนที่ 10....<br /> <br />พระนางชอนชูรีบถามถึงฮวางโบซอล ว่าเป็นอย่างไรถูกจับตัวไปด้วยหรือไม่ จูจองทูลว่า ตนเองรีบหนีออกมาก่อนจึงยังไม่ทันได้ตรวจสอบ คังโจจึงทูลเสนอให้พระนางชอนชู เข้าวังไปงานสถาปนาองค์ชาย ส่วนเรื่องที่วังมองบ๊อก ตนเองจะเป็นคนไปจัดการเอง<br /><br />---@@@---<br /> <br />ที่วังหลวง พระเจ้าซองจงประกาศในพิธีสถาปนาองค์ชาย <br /> <br />“วังซงโอรสพระนางซุงด๊อก ผู้เป็นพระนัดดาพระเจ้าซองจง ในขณะที่กำลังเจริญชันษา มีคุณธรรม ที่ไม่เคยด่างพร้อย อีกทั้งเป็นผู้ที่มุ่งมั่น ฝักใฝ่ในการศึกษาอย่างยิ่ง วันนี้จึงมีพิธีสถาปนาเป็นองค์ชายแห่งแคลอง จงเห็นบ้านเมืองสำคัญกว่าครอบครัวของตนเอง เคารพกฎเกณฑ์สำคัญระหว่างผู้ปกครองกับ ขุนนาง เคารพในคำสอนแห่งจารีตประเพณี จงปฏิบัติ และรักษาเอาไว้”<br /><br />---@@@---<br /> <br />คังโจ รีบเดินทางไปวังมองบ๊อก ในขณะที่กำลังเดินทาง พระนางชอนชู ก็ควบม้า ตามมาทัน ตรัสกับคังโจว่า นางยังมีโอกาสได้พบลูก แต่เรื่องวังมองบ๊อกถูกโจมตีไม่ใช่เรื่องธรรมดา จากนั้นทั้งสองจึงรีบเดินทางต่อไปทันที<br /><br />---@@@---<br /> <br />พระเจ้าซองจง ตกพระทัยเมื่อรู้ว่าวังมองบ๊อกถูกคนมาโจมตี รับสั่งให้กัมชันอธิบายว่าเป็นฝีมือพวกไหน<br /> <br />“ตอนนี้ ยังสืบไม่ได้พะย่ะค่ะ แต่ดูจากลักษณะภายนอกแล้ว น่าจะเป็นพวก หนี่เจินพะย่ะค่ะ เรื่องนี้ ทำให้พระนางซุงด๊อกไม่อาจ... มาเข้าร่วมพิธีสถาปนา เพราะต้องเสด็จกลับฮวางจูในทันที”<br /> <br />“ท่านอ๋อง เรื่องนี้ถือว่าร้ายแรงมาก พวกเราจะต้องรีบส่งทหารไปจับกุมคนร้ายและก็ช่วยเหลือตัวประกันออกมาพะย่ะค่ะ เราคงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของการรับมือเผ่าหนี่เจินให้มากขึ้น” ซอฮุย ทูล<br /> <br />“ใช่พะย่ะค่ะท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้เผ่าหนี่เจิน ได้โจมตีประชาชนของเรามาหลายครั้ง ตอนนี้พวกมันถึงกับกล้าบุกรุกเข้าประเทศเรา และโจมตีวังของเชื้อพระวงศ์แล้วพะย่ะค่ะ พวก เราจำเป็นต้องรีบจัดการโดยด่วน” คอมอึย ทูล<br /> <br />“ท่านอ๋อง แม้ว่าเรื่องนี้อาจจะดูเป็น เรื่องที่ร้ายแรงมากก็จริง แต่กระหม่อมคงต้อง กราบทูลว่ามันเกิดขึ้นมาจากพระนางซุงด๊อกเอง กระหม่อมยังคิดว่าพระนางน่าสงสัยอีกด้วย” ชอยซอม ทูล<br /><br />ที่มา <a href="http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=94498&categoryID=414">เดลินิวส์</a>สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-58228180265263438162010-09-28T20:57:00.000+07:002010-09-28T20:58:58.464+07:00อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 28 กันยายน 2553อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 28 กันยายน 2553 <br />จิมมี่หายใจหอบ ๆ และพยายามพยุงร่างกายตัวเองขึ้น แต่ความที่งุนงงทำให้จิมมี่เซร่างกระแทกข้าวของเก้าอี้ในห้องล้มลงเกิดเสียงดัง ปยุตรหันขวับไปตามต้นเสียง ก่อนวิ่งเข้าไปด้านในรวดเร็ว พอเข้าไปถึงห้องนอนก็เห็นจิมมี่นอนแน่นิ่งกับพื้นด้วยสภาพเนื้อตัวบาดเจ็บอ่อนแรง<br /> <br />“เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับเฮีย!!!” ปยุตร โทรฯ รายงานเฮียใหญ่อย่างตกใจ<br /><br />---@@@---<br /><br />ตอนที่ 20<br /> <br />ปยุตรและเฮียใหญ่รีบนำตัวจิมมี่ส่งโรงพยาบาล จิมมี่นอนลืมตาโพลงดูเลื่อนลอย หมอบอกว่าจิมมี่ถูกทำร้ายด้วยของแข็งที่ศีรษะและถูกแทงที่ท้องกับต้นขา แต่หมอไม่ห่วงอาการภายนอกแต่ห่วงอาการภายในโดยต้องรอผลจากห้องแล็ปก่อนจึงจะทราบแน่ชัดว่าจิมมี่เป็นอะไร <br /> <br />ปยุตรบอกเฮียใหญ่ว่าคนที่ทำร้ายจิมมี่ไม่น่าจะใช่เจ้าหนี้ เพราะตำรวจไม่พบพิรุธของเจ้าหนี้เลยและตำรวจของให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เฮียใหญ่ว่าตำรวจคงจะกลัวคนร้ายไหวตัวทัน<br /><br />---@@@---<br /> <br />รมมี่ถ่ายละครเสร็จก็จะชิ่งหนี แต่พีท มาดักรอที่จอดรถและลากให้รมมี่กลับบ้านพร้อมกัน รมมี่บอกมีธุระต้องไปต่อและรีบขับรถออกไปเลย พีทหัวเสียมาก น้ำหวานออกมาเยาะเย้ยบอกว่ารมมี่มีผู้ชายคนใหม่ และให้พีทตามไปดู พีทมองหน้าน้ำหวานไม่ไว้ใจและ ถามว่าต้องการอะไร น้ำหวานยักไหล่บอกแค่อยากให้พีทตาสว่าง<br /> <br />พีทและน้ำหวานแอบตามรมมี่มาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง รมมี่นัดผู้ชายคนหนึ่งมานั่งคุยกันอย่างออกรส น้ำหวานใส่ไฟยกใหญ่ พีทเห็นเข้าก็ต่อมหึงแตก โมโหจัดเดินออกจาก ร้านไปเลย น้ำหวานรีบตามพีทออกไปทันที<br /> <br />ด้านผู้ชายที่กำลังคุยกับรมมี่ที่แท้คือคนที่จะจ้างรมมี่เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา โดยทั้งสองพูดคุยกันเรื่องงานที่รมมี่จะทุ่มสุดตัวโดยจะไปเสริมหน้าอกเพื่องานนี้โดยเฉพาะ โดยที่รมมี่ไม่ รู้เลยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้พีทเข้าใจผิดไปเต็ม ๆ <br /><br />---@@@---<br /> <br />พีทเสียใจมากินเหล้าจนเมามายที่ผับหรูแห่งหนึ่ง น้ำหวานยิ้มและประคองพีทออกมาจากผับ ปยุตรซึ่งมาหาข่าวก็อตซิปเห็นเข้าพอดีจึงขับรถตามไปโดยที่น้ำหวานไม่รู้ตัว ระหว่างทางมอเตอร์ไซค์ของปยุตรถูกรถคันหนึ่งตัดหน้า ทำให้ปยุตรตามน้ำหวานไม่ทัน ด้วยความเป็นห่วงพีท ปยุตรจึงตามไปที่คอนโดฯน้ำหวานแต่ พนักงานคอนโดฯบอกน้ำหวานยังไม่กลับมา ปยุตรจึงรีบบึ่งไปที่คอนโดฯของพีท<br /> <br />ที่คอนโดฯพีทน้ำหวานประคองพีท นอนลงบนโซฟาและหาผ้ามาเช็ดหน้าให้ พีท โวยวายตัดพ้อรมมี่ด้วยอาการเมา “คุณไม่เป็นผม คุณไม่เข้าใจหรอก ผมรักเขา คุณได้ยินมั้ยว่าผมรักรมมี่”<br /> <br />“รักกันเหลือเกิ๊น เดี๋ยวชั้นจะทำให้แกสองคนเกลียดกันจนมองหน้ากันไม่ติดเลย!!!” น้ำหวานเบ้ปาก ก่อนจะปรับท่าทีเป็นยิ้มและโผเข้ากอดพีท “ใครไม่รักคุณแต่น้ำหวานรักคุณนะ คุณพีท..” น้ำหวานลูบไล้ไปตามตัวพีท จนพีทไม่อาจยั้งใจได้ พีทระดมจูบใส่น้ำหวาน วงจรปิดซึ่งติดไว้ที่มุมตึก บันทึกภาพของทั้งสองคนเอาไว้ได้อย่างถนัดถนี่<br /><br />---@@@---<br /> <br />ปยุตรไปที่คอนโดฯพีท แต่กลัวว่าพนัก งานที่ดูแลคอนโดฯจะไม่ให้เข้า จึงโกหกว่านัดสัมภาษณ์พีทไว้ พร้อมกับชูบัตรนักข่าวไทยนิวส์ พนักงานออกอาการงงว่านัดสัมภาษณ์อะไรกันตอนตีสอง แต่ก็ยอมให้ปยุตรเข้าคอนโดฯไป<br /> <br />ปยุตรมากดกริ่งหน้าห้อง พีทสะดุ้งตื่นแต่ก็ต้องตกใจเพราะน้ำหวานนอนเปลือยกาย อยู่ข้าง ๆ เสื้อผ้าของเขาก็ไม่ติดอยู่บนร่างกายสักชิ้น พีทจำอะไรไม่ได้แต่ก็พอจะเดาเหตุการณ์ออก พีทมึนตึ้บ!! รีบจับน้ำหวานใส่เสื้อผ้า แล้วพยายามลากน้ำหวานให้ออกไป น้ำหวานขัดขืนไม่ยอมไป พีทดึงน้ำหวานไปที่ประตู เมื่อเปิดออกก็เจอปยุตรยืนอยู่ ต่างคนต่างช็อก น้ำหวานตกใจเหมือนกันแต่ต้องรีบเล่นละครใส่ปยุตรบอกว่าพีทพาเธอมาที่ห้องและปล้ำเธอ แต่ปยุตรไม่เชื่อลมปากของน้ำหวานและบอกให้น้ำหวานกลับบ้าน<br /> <br />“ไม่...น้ำหวานไม่ไปไหนทั้งนั้น คุณ พีท ต้องรับผิดชอบน้ำหวาน!!”<br /> <br />“ผมไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยังไง แต่ผมไม่ได้ปล้ำเค้า!!” พีทมองหน้าปยุตรขรึม<br /> <br />ปยุตรเชื่อในคำพูดของพีท “เรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะครับ”<br /> <br />ปยุตรหันไปดึงมือน้ำหวาน น้ำหวานมือเป็นปลาหมึกคว้าทั้งพีท ทั้งปยุตร ปยุตร บอกว่าจะพาน้ำหวานไปส่งบ้าน น้ำหวานไม่ยอมไป แต่ในที่สุดปยุตรก็ลากน้ำหวานออกมาจากห้องพีทจนได้<br /> <br />ปยุตรลากน้ำหวานมาหน้าลิฟต์ น้ำหวานยื้อยุดเสียงดังทำให้มีคนออกมาแอบดู แล้วก็แจ๊กพอต เมื่อมีมือดีคนหนึ่งถ่ายคลิปไว้ได้ เป็นภาพปยุตรกำลังลากและน้ำหวานไม่ยอม แต่ดูยังไงก็เหมือนปยุตรกับน้ำหวานนัวเนียกัน<br /><br />---@@@---<br /> <br />วันรุ่งขึ้น พีทมาหาปยุตรที่คอนโดฯแต่เช้าเพื่อขอร้องปยุตรให้ปิดเรื่องเขากับน้ำหวาน โดยเฉพาะห้ามให้รมมี่รู้ เขายอมจ่ายเท่าไหร่ก็ได้ ปยุตรหน้าตึงที่พีทกำลังดูถูกเขา ปยุตรว่าเขาเป็นนักข่าวมีจรรยาบรรณที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร พีทดีใจที่ปยุตรจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ปยุตรพยักหน้า<br /> <br />“แม้แต่กับเหมย?!” พีทโพล่งขึ้น ปยุตรอึ้งไป เพราะสัญญากันไว้กับเหมยว่าจะไม่มีอะไรปิดบังกัน แต่ก็ต้องยอมรับปากพีท พีทขอบคุณปยุตรและยิ้มกว้างออกมา<br /> <br />“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ”<br /> <br />พีทยื่นมือมาให้ปยุตรจับ ทั้งสองจับมือกันให้สัญญาลูกผู้ชาย<br />---@@@---<br /> <br />กองถ่ายละครยอดยาหยี ศิลป์แดกดันและว่าเหมยตลอดเวลา ปุ๊โกะและฟรุตตี้กระซิบนินทาที่ไม่ว่าเหมยจะทำอะไรก็ถูกศิลป์ว่าทุกที เหมยแสดงสุดความสามารถพอจบซีนทุกคนปรบมือชื่นชมเหมย ตอนแรกน้ำหวานคิดว่าทุกคนปรบมือให้ตัวเอง แต่พอเห็นคน เข้าไปหาเหมย ก็เบ้ปากใส่ ศิลป์เดินเข้าไปและชมน้ำหวานเสียงดังประชดเหมยเพื่อให้ทุกคนได้ยิน เหมยรู้ตัวว่าศิลป์ตั้งใจพูดประชด แต่ก็ไม่ใส่ใจ <br /><br />---@@@---<br /> <br />ศิลป์และน้ำหวานส่งสายตาปิ๊ง ๆ ในกองถ่าย ทนไม่ไหวจึงตามมาพลอดรักกันในห้องน้ำหญิง น้ำหวานเอามือยันศิลป์ไว้เพราะกลัวคนมาเห็น ก่อนจะสำรวจความเรียบร้อยของตนเองและเดินออกไป ศิลป์กำลังจะเปิดประตูออกมา แต่ปุ๊โกะและฟรุตตี้เดินเข้ามาเสียก่อน ศิลป์จึงต้องผลุบเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง ฟรุตตี้โต้เถียงและไล่ปุ๊โกะให้ไปเข้าห้องน้ำชาย แต่ปุ๊โกะไม่สนใจรีบเข้าห้องน้ำไป ฟรุตตี้หัวเสียเดินเข้าอีกห้อง ศิลป์แง้มประตูออกมาเห็นว่าปลอดคนจึงรีบออกมาจากห้องน้ำหญิงอย่างฉิวเฉียด<br /><br />---@@@---<br /> <br />พีทมาดักรอรมมี่หลังเลิกกอง พีทบอกขอคุยด้วย รมมี่เกรงว่าพีทจะรู้เรื่องการทำหน้าอกของตัวเองก็พยายามเลี่ยง พีทถามว่ารมมี่กำลังทำอะไร รมมี่คิดว่าพีทรู้เรื่องแล้วเลยบอก ถ้าจะพูดเรื่องนี้เธอขอตัว แต่พีทดึงมือไว้<br /> <br />“ผมรบกวนเวลาคุณไม่นานหรอก ผมรู้ว่าเวลาของคุณมีค่า”<br /> <br />“ใช่ เวลาของชั้นมีค่า และก็ไม่มีเวลามาฟังเรื่องไร้สาระที่คุณจะพูดด้วย”<br /> <br />“ผมมันไร้สาระมากใช่มั้ย คุณถึงต้องไปหาเรื่องที่มันมีสาระคุยกับคนอื่นน่ะ” พีท น้อยใจมาก<br /> <br />“นี่คุณเป็นอะไร อยู่ดี ๆ ก็มาพาลใส่ชั้น” รมมี่พยายามเก็บอารมณ์ พีทถามว่าหลบหน้าเขาทำไม รมมี่บอกไม่ได้หลบแต่ไม่มีอะไรจะคุย<br /> <br />“ทีกับคนอื่นคุณมีเรื่องคุยตั้งเยอะ แต่กับผมคุณไม่มีอะไรจะคุย” พีทแขวะอีก<br /> <br />“เออ...มีก็ได้” รมมี่พีทจ้องหน้านิ่ง ก่อนหลบตา<br /> <br />“แต่ชั้นไม่รู้จะบอกคุณยังไง” รมมี่จะ เดินหนี แต่พีทคว้าหมับ “มันยากนักใช่ไหมที่จะบอกผมว่าคุณกำลังมีคนอื่น!!!”<br /> <br />รมมี่ตาโต พีทพูดอะไร?!!<br /><br />---@@@---<br /> <br />ในงานเดินแบบ มดแดงพาไม้มาแนะนำให้คนโน้นคนนี้รู้จักในฐานะนายแบบคนใหม่ และดาวรุ่งในแวดวงไฮโซ โดยแนะนำว่าชื่อไมค์ น้ำหวานซึ่งกำลังแต่งหน้าอยู่แอบเหล่ ๆ มดแดงเหลือบไปเห็นจึงาพาไม้มาแนะนำให้น้ำหวานรู้จัก น้ำหวานจำไม้ไม่ได้แต่ไม้จำได้ขึ้นใจกับคนที่ดูถูกครอบครัวเขา มดแดงพาไม้ไปแต่งตัว น้ำหวานได้ยินช่างแต่งหน้าเมาท์กันว่าไมค์เป็นลูกชายคนเดียวของมหาเศรษฐีพันล้านที่เพิ่งเดินทางกลับมาเมืองไทย น้ำหวานได้ยินถึงกับหูผึ่ง<br /><br />---@@@---<br />ที่มา <a href="http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=94500&categoryID=414">เดลินิวส์</a>สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3881370386644212858.post-65551100896291196762010-09-28T20:55:00.001+07:002010-09-28T20:57:25.723+07:00อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 28 กันยายน 2553<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3tFYZRJBVpNvXdKD9tMfFt755DhuZYOuAtQJpVM3ch6RT9HmVsqfUqVezGI5npgn7SKG3XcILxZFg_eFm5BeY0VmVRLScApORpsAR9SIO91A0mHiUc3tFc_LgAFkrMJQK2i48Xgl5fsA/s1600/01.jpg"><img style="float:left; margin:0 10px 10px 0;cursor:pointer; cursor:hand;width: 260px; height: 105px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg3tFYZRJBVpNvXdKD9tMfFt755DhuZYOuAtQJpVM3ch6RT9HmVsqfUqVezGI5npgn7SKG3XcILxZFg_eFm5BeY0VmVRLScApORpsAR9SIO91A0mHiUc3tFc_LgAFkrMJQK2i48Xgl5fsA/s400/01.jpg" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5521962781646891602" /></a>อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 28 กันยายน 2553 <br />“ข้าพเจ้าขับไล่มณฑาออกไปโดยไม่มีทรัพย์สินติดตัว ภายหลังข้าพเจ้าจึงทราบว่าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายเข้าใจผิด แต่ข้าพเจ้าไม่มี โอกาสรับหล่อนคืนมาดังเก่าเสียแล้ว.....ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังป่วยหนัก และถูกกีดกันการติด ต่อทุก ๆ ทางกับมณฑา โดยผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ทำให้ข้าพเจ้าเป็นบ้าด้วยความหึงหวง ภายหลังข้าพเจ้าได้รับเครื่องเพชรที่หายไปคืนมาจาก “เจริญ” ชายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้กับมณฑา ข้าพเจ้าจึงได้ซ่อนเครื่องเพชรทั้งหมดไว้กับจดหมายฉบับนี้...ข้าพเจ้าขอยกทรัพย์สินทั้งหมดให้กับนางมณฑา มหศักดิ์ ภรรยายอดรักของข้าพเจ้า ถ้าท่านผู้ใดมาพบขอให้นำไปมอบคืนให้แก่มณฑา และขอได้กรุณาประกาศให้ได้ทราบถึงความบริสุทธิ์ของมณฑาด้วย...วิญญาณของข้าพเจ้าจะขอบคุณอย่างยิ่ง พระยามหศักดิ์ธำรง ประจักษ์อ่านจดหมายจบก็นิ่งไป พูดไม่ออก วนิดาน้ำตารื้นด้วยความตื้นตันและดีใจที่ได้รู้ว่าย่ามณฑาของเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ ประจักษ์เก็บจดหมาย เงยหน้ามองวนิดา <br /> <br />“ฉันยินดีด้วย ในที่สุดคุณย่าของเธอก็เป็นผู้บริสุทธิ์”<br /> <br />“ขอบคุณนะคะ คุณย่าขา คุณย่าพ้นมลทินแล้วนะคะ”<br /> <br />“นิด ฉันละอายใจเหลือเกินที่แม่ของฉันใส่ร้ายคุณย่าของเธอเพียงเพราะความอิจฉา อยากมีอยากได้ ฉันจะทำตามที่คุณลุงท่านสั่ง ฉันจะประกาศให้ทุกคนได้รับรู้” <br /> <br />วนิดามองประจักษ์รู้สึกเห็นใจ และรู้ว่าประจักษ์ลำบากใจและเสียใจมากขนาดไหน... ประจักษ์เศร้า วนิดาจับแขนประจักษ์ ประจักษ์หันมา <br /> <br />“ดิฉันยกให้คุณเป็นผู้ตัดสินใจก็แล้วกัน ...สิ่งที่ฉันต้องการ คือ ได้รู้ว่าคุณย่าของฉันไม่เคยทำให้มหศักดิ์ของคุณต้องเสียเกียรติ แค่ดิฉันรู้ว่าคุณย่าบริสุทธิ์จริง และอย่าให้ใครมาพูดจาใส่ร้ายคุณย่าอีกเท่านั้น ดิฉันก็พอใจแล้ว”<br /> <br />ประจักษ์มองวนิดาอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ<br /><br />“ดิฉันพูดจริง ๆ ค่ะ”<br /> <br />วนิดามองหน้าประจักษ์ด้วยสายตาที่แจ่มใสหมดสิ้นความกังวลใด ๆ<br /> <br />“ถึงอย่างไรฉันก็จะต้องเปิดเผยเรื่องนี้... คุณป้ามณฑาท่านควรจะได้รับการยกย่อง และกอบกู้เกียรติของท่านกลับมา อัฐิของท่านก็ควรที่จะนำมาเก็บไว้เคียงข้างกับคุณลุงของฉันที่นี่”<br /> <br />“ดิฉันว่าคุณใช้เวลาไตร่ตรองดูให้ถ้วนถี่ก่อนเถอะค่ะ..อย่าลืมนึกถึงแม่คุณด้วยนะคะ”<br /> <br />“ขอบใจนะนิด” <br /> <br />วนิดายิ้มให้ประจักษ์อย่างจริงใจ ประจักษ์ จับมือวนิดา มองด้วยความซึ้งใจ<br /> <br />“คุณยังมีเวลา จนกว่าจะถึงวันที่คุณประจวบกลับมา และดิฉันต้องไปจากมหศักดิ์”<br /> <br />ยิ้มของทั้งคู่ดูเจื่อนไปโดยไม่ได้ตั้งใจ<br /><br />---@@@---<br /> <br />ขณะที่ พิสมัยกำลังเดินทางมาที่วิหารกลางน้ำ...ประจักษ์หยิบลูกกุญแจถูกสอดไขเพื่อเปิดหีบ แล้วฝาหีบก็ถูกยกเปิดขึ้นมา...เครื่องเพชรมากมายกองอยู่แน่นหีบ ประจักษ์ วนิดา ยืนดูอยู่หน้าหีบนี้ ตาลุกโพลงด้วยกันทั้งคู่<br /> <br />“นี่ใช่มั้ยคะ...เครื่องเพชรของตระกูล”<br /> <br />“คงใช่”<br /> <br />“คุณย่าไม่ได้เอาไปไหนเลย”<br /> <br />“ทั้งหมดนี้เป็นของเธอ”<br /> <br />“ควรเป็นของคุณค่ะ เพราะมันอยู่ในวิหารนี้ซึ่งเป็นของมหศักดิ์”<br /> <br />“ผิดแล้ว คุณลุงยกเครื่องเพชรพวกนี้ให้คุณป้า เธอเป็นหลานของท่าน เพราะฉะนั้นมันต้องเป็นของเธอถึงจะถูก”<br /> <br />“ฉันไม่ต้องการของเหล่านี้มากไปกว่าได้พบจดหมายที่แสดงความบริสุทธิ์ของคุณย่า เราเก็บของพวกนี้ไว้ที่นี่ตามเดิมเถอะนะคะ... แล้วก็กรุณาอย่าให้ใครทราบเรื่องนี้”<br /> <br />“เราจะเก็บเป็นความลับ”<br /> <br />วนิดาเกี่ยวนิ้วก้อยประจักษ์ให้สัญญากัน วนิดามอบให้ประจักษ์เป็นผู้เก็บจดหมายเอาไว้ ส่วนเครื่องเพชรเก็บไว้ที่เดิม...ขณะเก็บวนิดาถูกเสี้ยนตำนิ้วเลือดไหล ประจักษ์ดูดเลือดที่นิ้ววนิดา ประจักษ์กับวนิดามองหน้ากัน...จังหวะนั้น พิสมัยเดินมาเห็นพอดี<br /> <br />“คุณพี่ !!” <br /> <br />ประจักษ์กับวนิดาหันไปเห็นพิสมัยก็ตกใจ ประจักษ์รีบปล่อยมือวนิดา พิสมัยจ้ำเดินเข้ามาด้วยความรีบทำให้สะดุด คว้าประตูเอาไว้ ประจักษ์และวนิดาตาโต ร้องเสียงหลง<br /> <br />“อย่า..!!!”<br /> <br />ประจักษ์กับวนิดายื่นมือไปสุดตัว หวังจะรั้งประตูไว้ แต่ไม่ทัน ประตูเคลื่อนเข้ากรอบ วงกบอย่างสนิท ปิดดังปัง !!!!! ทั้งคู่ตกใจ หันมามองหน้ากัน อย่างรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น....และจังหวะนั้นเองพิสมัยพุ่งเข้ามาตบหน้าวนิดา เพียะ!! วนิดาหน้าหัน ประจักษ์ตกใจ <br /> <br />“หน้าด้าน! ไม่อายผีอายสางบ้างเหรอไง น่าไม่อาย”<br /> <br />“หยุดนะพิสมัย!! เธอก้าวร้าวนิดมากไปแล้ว” <br /> <br />“น้องก้าวร้าวตรงไหน เห็น ๆ อยู่ว่ามัน กำลังให้ท่าคุณพี่”<br /> <br />“นิดไม่ได้ให้ท่าฉัน” ประจักษ์จับมือวนิดาข้างที่เป็นแผลขึ้นมาให้ดู “นิ้วเค้าเจ็บ ฉันก็เลยดูให้” พิสมัยเห็นแต่ก็เชิดไม่สำนึกผิด<br /> <br />“งั้นก็ถือเป็นคราวเคราะห์ของเธอไปก็แล้วกัน...เรากลับกันเถอะค่ะคุณพี่” พิสมัยเข้าไปควงแขนประจักษ์ <br /> <br />“กลับไม่ได้” <br /> <br />“ทำไมคะ!!” <br /> <br />“ประตูนี้เป็นประตูกล ปิดแล้วคนข้างในเปิดไม่ได้ แล้วเมื่อตะกี้เธอเพิ่งดึงประตูปิดเข้ามา เข้าใจหรือยัง?”<br /> <br />พิสมัยตาเหลือก โผกอดประจักษ์ โวย วายลั่น “ไม่นะคะคุณพี่ น้องไม่อยากติดอยู่ในนี้ น้องกลัว” <br /> <br />ประจักษ์เลี่ยงตัวหนีออกมา ไม่สนใจพิสมัย คิดหาทางออก<br /> <br />“เราจะออกไปยังไงคะ”<br /> <br />“เธอช่วยดูทีว่าพอจะมีอะไรแข็ง ๆ มาใช้งัดได้บ้าง”<br /> <br />ประจักษ์เดินไปสำรวจที่ประตู พิสมัยยังโวยวายต่อ<br /> <br />“นี่เราต้องอยู่กับกระดูกผีจริง ๆ เหรอคะ...น้องไม่ยอม ไม่ยอมจริง ๆ ด้วย”<br /> <br />วนิดาเดินไปหาอุปกรณ์งัดประตู...ไม่มีใครสนใจพิสมัยที่กำลังโวยวายอยู่เลย จู่ ๆ พิสมัย เกิดร้องกรี๊ดขึ้นมา วนิดากับประจักษ์ตกใจ หันไปมอง<br /> <br />“คุณพี่คะ ช่วยด้วยค่ะตัวอะไรอยู่ที่เท้าน้องไม่รู้ค่ะ ผีแน่ ๆ เลย ผีเกาะขาน้อง ช่วยด้วยค่ะคุณพี่”<br /> <br />มีแมงมุมเกาะอยู่ที่ฝ่าเท้าของพิสมัย<br /> <br />“คุณพี่คะคุณพี่ ช่วยน้องด้วย” พิสมัย ส่งเสียงโวยวายไม่เลิก<br /> <br />ประจักษ์ส่ายหน้าเหนื่อยหน่าย เดินเข้าไปเขี่ยแมงมุมออกจากเท้าพิสมัย เห็นเป็นแมงมุม พิสมัยยิ่งกรี๊ดเข้าไปอีก<br /> <br />“นี่พิสมัย! หยุดโวยวายสักทีเถอะ แค่ นี้ฉันก็ปวดหัวมากพอแล้วนะ”<br /> <br />พิสมัยหยุดโวยวาย ประจักษ์เดินกลับไปหาทางออกที่ประตูต่อ วนิดาเดินบอกว่าไม่มีอะไรมาใช้งัดได้เลย แล้ววนิดาก็ช่วยประจักษ์ออกแรงดันประตูอย่างสุดแรง แต่ก็ไม่มีวี่แววที่ประตูจะเปิดออก<br /><br />---@@@---<br /><br />ตอนที่ 21 <br /> <br />ฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งคืน ดังนั้นทั้งสามคนจึงต้องค้างคืนที่วิหารจนกระทั่งเช้า วนิดาเดินสำรวจดูรอบ ๆ และหาทางปีน ออกจากวิหารเพื่อไปเปิดประตู....แต่ระหว่างที่ปีนออกมาวนิดาเกิดพลัดตกลงมาจนได้รับบาดเจ็บ แต่เธอก็ฝืนทนเจ็บไปเปิดประตูได้สำเร็จ ...จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทำให้ประจักษ์เห็นธาตุแท้ความเห็นแก่ตัวของพิสมัย จนรับไม่ได้อีกต่อไป<br />ที่มา <a href="http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=414&contentID=94501">เดลินิวส์</a>สายกลางhttp://www.blogger.com/profile/01339792549523403164noreply@blogger.com