@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 12 /2-13

@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 12 /2-13
@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์
ตอนที่ 12 (ต่อจากวานนี้)

ทีฑายุกลับมาที่ห้องปักไหมเห็นสินาตีกำลังบงการนารียาแม่ของเขาให้เร่งมือปักผ้าให้เสร็จทันงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ ทีฑายุไม่พอใจเดินมาดึงผ้าออกจากมือแม่ วางลงตรงหน้าสินาตี

"ถ้ารีบมากก็ให้ข้าหลวงมาช่วยอีก 10 คน"

"ข้าหลวงพวกนั้นมันไร้ฝีมือ" สินาตีสวนทันควัน

"งั้นก็ควรให้เวลาแม่ผมมากกว่านี้ งานปักละเอียดลออต้องใช้ฝีมือไม่ใช่ฝีปาก"

"ไอ้ทีฑายุ" สินาตีโมโหจะเอาเรื่อง นารียารีบลุกขึ้นห้ามลูกชาย บอกว่าแม่ทำได้ กัญญาภัคเห็นว่าเรื่องจะบานปลายจึงขยับมาหานารียา บอกว่าเธอจะเรียกรักเร่มาช่วย แต่ทีฑายุปฏิเสธเสียงแข็ง

"ไม่ต้องหรอกกัญญาที่จริงเธอไม่ควรหวังดี จนพาแม่พี่มาที่นี่ด้วยซ้ำ"

"กัญญาเห็นว่ามันเป็นวันสำคัญของครอบครัวเรา"

"อย่าเรียกมันว่าครอบครัว พวกมันเป็นกาฝากมาพึ่งไม้ใหญ่อย่างเรา" สินาตีขึ้นเสียง สีหน้าเหยียดหยันสองแม่ลูก ทันใดนั้นเองศิศิราก้าวเข้ามาโดยมีญาณีตามหลัง ศิศิราสั่งญาณีไปตามนางข้าหลวงที่ปักผ้าเก่งที่สุดของเธอมาห้องนี้ให้หมด ญาณีรับคำแล้วหันกลับออกไปทันที

ทุกคนในห้องมองศิศิราเป็นตาเดียว กัญญาภัคหมั่นไส้ แขวะศิศิราฉลาดมากที่คิดจะผูกใจแม่สามีด้วยการเป็นสะใภ้ใจบุญ แต่เปล่าเลย ศิศิราอธิบายว่าครั้งหนึ่งนารียาเคยให้ที่พักยามเธอหนีร้อนไปพึ่งเย็น บุญคุณวันนั้นเธอจะขอตอบแทนให้หมดสิ้นกันในวันนี้

"หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ แม่ตัวก็ปกป้องไม่ได้มาคนนึงแล้ว ก็เหลือแต่แม่สามีที่ยังพอจะเหลือรอดให้ช่วย แต่ก็ไม่แน่นักหรอกว่าจะลงเอยแบบเดียวกันหรือเปล่า" ท้ายประโยคกัญญาภัคลดเสียงลงได้ยินกันแค่สองคน...นารียาเห็นสีหน้าศิศิราไม่สู้ดี รู้สึกเห็นใจเธอเหลือเกิน...

ด้านองครักษ์ผู้จงรักภักดีอย่างมาณสิงห์ เวลานี้เขาและธนูเพลิงกำลังถูกทหารทรมานอยู่ในคุก ด้วยวิธีช็อตไฟฟ้าเข้าร่างกายจนดิ้นพราด โดยมีรามปุระกับทาอูผู้บงการยืนดูอย่างสะใจ แต่วิชัยกับสันธิทนดูไม่ไหวเดินหนีไปอย่างหัวเสีย จนกระทั่งรามปุระกับทาอูก้าวออกมาพ้นคุก วิชัยจึงเปิดฉากต่อว่าอย่างไม่เห็นด้วย

"แค่คุมตัวก็พอแล้ว ไม่ถึงกับต้องลงโทษแบบเชลย"

รามปุระเถียงว่า ทหารที่เอาระเบิดผูกติดตัวหวังฆ่าผู้บังคับบัญชาถือว่าเป็นทหารชั้นเลวสุด ไม่ต่างกับเชลยสงคราม สันธิโต้ทันทีว่า ลูกของตนทำตามคำสัตย์ ว่าทหารจะจงรักภักดี

"จงรักภักดีกับใครถึงคิดจะฆ่าประมุขอย่างท่านโกญจนาท" ทาอูตั้งคำถาม วิชัยทำท่าจะเถียง แต่ทาอูชิงดักคอ "นายพลวิชัยอย่าเพิ่งทำหน้าตาอยากเถียงก็เห็นๆกันอยู่ว่า ประมุขในที่ประชุมเสนาบดีทุกครั้งคือท่านโกญจนาท ไม่ใช่กษัตริย์ธราเทพ"

"พวกแอบอ้างพระราชอำนาจ ไม่เคยตายดี" วิชัยคำราม

ทาอูกับรามปุระเหยียดยิ้มไม่กลัว ซ้ำยังปากกล้าเปรยกันว่า หลังงานเลี้ยงแต่งงานของเจ้าหญิง เราจะเปิดศาลทหารสอบสวนไอ้พวกทหารดื้อด้านให้หลาบจำ...วิชัยตาขวางมองตามสองคนไป ก่อนหันมากระแทกเสียงใส่สันธิ

"คนที่ผลักเจ้าหญิงไปสู่นรกขุมนี้...คือลูกชายท่าน"

สันธิฟังแล้วยิ่งเครียด...

ooooooo

หลังจากญาณีไปเกณฑ์นางข้าหลวงฝีมือดีมาช่วยงานนารียาปักผ้าให้สินาตี แม้เหตุผลของศิศิราจะฟังดูไม่ดีนัก แต่นารียาก็ซาบซึ้งเพราะรู้ว่าลึกๆแล้วศิศิราจิตใจดีเพียงใด

"ขอบพระทัยเจ้าหญิงที่ทรงกรุณาหม่อมฉัน...หม่อมฉันขอแสดงความเสียใจกับความสูญเสียของพระองค์ และขอได้โปรดอภัยในสิ่งที่ลูกชายของหม่อมฉันล่วงเกินพระเกียรติยศ"

"เราไม่อยากเห็นคนถูกทำร้ายเหมือนเรา แต่ก็ไม่ได้หวังว่าความดีจะชะล้างจิตใจหยาบกระด้างได้"

ทีฑายุรู้ตัวว่าถูกแขวะ ทำสุ้มเสียงกวนๆใส่ศิศิรา "อื้อหือ ไม่ทวงบุญคุณเลย"

"ลูกควรจะขอบพระทัยเจ้าหญิง"

"เอาไว้หลังงานเลี้ยงพรุ่งนี้ดีกว่าครับ ผมจะขอบพระทัยสองต่อสองให้หนำใจ" ทีฑายุทำตาแพรวพราวใส่ ศิศิราเห็นแล้วโมโหเดินเร็วออกไป

"นิสัยหยาบคายไม่ให้เกียรติผู้หญิงไม่เคยมีอยู่ในสาย เลือดพ่อนะทีฑายุ" ทีฑายุมองแม่ที่ดุด้วยความไม่พอใจ สายตาพลันอ่อนลง เจือด้วยความละอาย "แล้วการแต่งงานสมควรเกิดจากความรักความผูกพันจากใจของคนสองคน"

"เกิดจากความอาฆาตก็ได้ครับแม่ มันจะได้ฝังลงไปในใจไม่ลบไปจากชีวิต"

"แม่ไม่เชื่อว่าองค์กษัตริย์สิปปภาสจะสั่งฆ่าพ่อ"

"แล้วใครล่ะครับ ที่จะใช้อำนาจบัดซบกลบความเลวไว้มิดชิด ขนาดที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง" ทีฑายุย้อนด้วยแววตาคั่งแค้นกับอดีต...ข้างฝ่ายศิศิราหลบไปนั่งหน้าเศร้ารับไม่ได้กับชะตากรรมที่ต้องแต่งงานกับทีฑายุจริงๆ โกญจนาทก้าวมายืนเบื้องหน้า ถามศิศิราว่า เตรียมตัวเตรียมใจพร้อมหรือยังสำหรับงานฉลองที่ตนจัดให้

"มันไม่ใช่งานฉลอง แต่เป็นงานรวมตัวของคนอัปมงคลแก่แผ่นดิน"

"ราชนิกูลต้องเอ่ยแต่วาจาที่มีคุณค่านะพระเจ้าค่ะ ควรจะเตรียมตัวให้พร้อม อย่าให้กระหม่อมต้องอายขายหน้ามหามิตรจากแคว้นนิราษิณอย่างองค์กษัตริย์ราเชนทระ ที่ทรงสนิทชิดเชื้อกับครอบครัวเจ้าหญิงมานาน อย่าให้พระองค์ตำหนิได้ว่าเราดูแลต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัวไม่สมเกียรติหลานสะใภ้" โกญจนาทยิ้มมีความสุข แต่ยิ่งเพิ่มความเกลียดชังให้ศิศิรา...

ooooooo
@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์
ตอนที่ 13

เช้าวันใหม่ ภายในท้องพระโรงถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงามสมกับเป็นงานวิวาห์ โกญจนาทสนทนากับราเชนทระกษัตริย์แห่งแคว้นนิราษิณ ห่างมาคือแม่ทัพสันชัยผู้ติดตามราเชนทระจับกลุ่มอยู่กับรามปุระ ทาอูและไมยาดิน

จากการสนทนากันไม่นานนัก ราเชนทระกับสันชัยก็พอจะรู้ว่า บัดนี้ปัญจารัตน์ตกอยู่ในกำมือโกญจนาทเสียแล้ว

ศิศิรา...เจ้าสาวของงานยังนั่งน้ำตาคลออยู่ในห้องนอน ญาณีต้องปลอบและให้กำลังใจอยู่ครู่ใหญ่ กว่าศิศิราจะยอมแต่งตัวแล้วมุ่งหน้าไปท้องพระโรง แต่ระหว่างทางศิศิราถูกสินาตีกลั่นแกล้ง โดยสั่งให้รักเร่แอบเอาน้ำสาดมาจากชั้นบนจนศิศิราเปียกปอน นารียาต้องรีบพาศิศิราไปเปลี่ยนชุดใหม่ ส่วนญาณีวิ่งตามรักเร่ที่ผลุบหนีหายไปต่อหน้า จนไปเจอรักเร่ จนมุมมาลข่านอยู่ตรงสวนหลังวัง

สินาตีต้องการให้ลูกสาวของตัวเองโดดเด่นที่สุดในงานต่อหน้าราเชนทระ และท่าทางก็จะสมใจสินาตีเสียด้วย เมื่อกัญญาภัคปรากฏตัวก่อนศิศิรา กัญญาภัคเข้ามาแนะนำตัวกับราเชนทระด้วยหูตาแพรวพราว ซ้ำยังพูดคุยทุกเรื่องอย่างฉลาด เฉลียว ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการเมือง จึงได้รับคำชมจากราเชนทระไม่น้อย แต่กับโกญจนาทเขารู้สึกไม่ชอบใจที่กัญญาภัคทำเก่ง จึงพูดหักหน้าก่อนจะสั่งให้ไปตามเจ้าหญิงกับทีฑายุ

ศิศิรายังอิดออดไม่อยากใส่ชุดใหม่ที่ข้าหลวงเอามาให้ จนทีฑายุต้องขู่บังคับและทำท่าจะเปลี่ยนให้ ศิศิราถึงยอมถอยไปหลังม่านจัดการกับตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย ทีฑายุเห็นแล้วถึงกับตะลึงในความงามของเธอ

"สีเหลืองนวล...สมกับเป็นเจ้าสาวแห่งราชวงศ์" ทีฑายุ ก้าวเข้ามา ศิศิราร้องห้ามพร้อมกับจะเบี่ยงตัวหนี แต่ทีฑายุโอบเอวศิศิราอย่างรวดเร็ว แล้วกระซิบกรุ้มกริ่ม "อย่าอะไร...อย่าใจอ่อนหลงรักผมเป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ"

ศิศิราเงื้อมือจะตบแต่ทีฑายุจับมือหมับ แถมกอดแน่นขึ้น กัญญาภัคเข้ามาเห็นภาพนั้นพอดี จ้องศิศิราเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

"ไม่นึกเลยว่าจะยับยั้งอารมณ์ตัวเองไม่ไหว อยากให้ คนอื่นมาเห็นภาพอุจาดตานอกห้องบรรทมเสียจริง"

"แสดงความรักกับเจ้าสาว จะที่ไหน เมื่อไหร่ เขาก็เรียกว่าหวาน" ทีฑายุพูดอย่างไม่แคร์ ศิศิราถือโอกาสนี้ยั่วกัญญาภัค

"นอกซะจากว่าเป็นคนอื่นที่ฝันจะใส่ชุดเจ้าสาว แต่ก็วาสนาไม่ถึง"

"งั้นกัญญาขอให้เจ้าหญิงรักษาวาสนาไว้ให้ได้นานที่สุด เพคะ เพราะรอยยิ้มมักจะตามมาด้วยความหายนะที่แทบไม่เหลือกระทั่งชีวิต"

"ได้เวลาพี่ต้องพาเจ้าสาวไปประกาศตัวแล้ว ว่าเรากำลังจะเป็นผัวเมียกัน" ทีฑายุตัดบท กุมมือศิศิราเดินออกไป กัญญา ภัคแค้นแสนแค้นที่ทีฑายุปกป้องศิศิรา อยากจะอาละวาดให้ทุกอย่างกระเจิง...

เมื่อทีฑายุควงแขนศิศิราเข้ามาในท้องพระโรง ศิศิราผละออกจากทีฑายุตรงไปถอนสายบัวตรงหน้าราเชนทระ

"เราขอนำความยินดีและความชื่นชมจากใจจริงของประชาชนชาวนิราษิณมามอบแด่วันอันเป็นมงคลของเจ้าหญิงศิศิรา"

"ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันดีใจเหลือเกินที่เห็นพระองค์ ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้พบมิตรแท้ของเสด็จพ่อเสด็จแม่อีกครั้ง"

"นิราษิณจะเป็นมิตรที่ดีกับปัญจารัตน์ไม่มีวันเสื่อมคลาย" ราเชนทระกล่าวหนักแน่น

โกญจนาทปั้นยิ้มแนะนำทีฑายุหลานชาย แล้วพยายาม จะพูดเรื่องความร่วมมือทางทหารระหว่างสองแคว้น เพื่อกวาดล้างพวกที่ซ่องสุมทำตัวเป็นภัยกับบ้านเมือง แต่ราเชนทระขอให้พักเรื่องทหารไว้สักครู่ น่าจะคุยกันเรื่องสบายๆในวันมงคล กัญญาภัคเลยฉวยโอกาสนี้แขวะศิศิรา

"เจ้าหญิงคงให้คำแนะนำเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวงดงามของปัญจารัตน์ได้เพคะ เพราะพระองค์กับพี่ทีฑายุชอบใช้เวลาตามลำพังดั้นด้นไปในที่ที่ยังไม่มีใครพบ"

"แสดงว่าปัญจารัตน์ยังมีธรรมชาติที่น่าค้นหาอีกหลายแห่ง"

"หากพระองค์ต้องการทราบเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับราชการงานเมืองที่ปัญจารัตน์ ลูกกัญญาภัคของหม่อมฉันก็ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ถวายงานเพคะ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เวลาใดที่ต้องพระประสงค์" สินาตีเปิดทางเต็มที่ ราเชนทระยิ้มชอบใจ แต่ทว่าโกญจนาทมองเขม่นสองแม่ลูก

ครั้นมีจังหวะอยู่กันตามลำพัง โกญจนาทจึงตำหนิสินาตีทำน่าเกลียด เสนอตัวลูกสาวออกนอกหน้าเหมือนเป็นผักปลาในตลาด

"ไม่ดีเหรอคะ ถ้าลูกกัญญาได้เป็นราชินีแห่งนิราษิณ ก็เท่ากับเราปิดตายทางรอดของศิศิรา"

"ไม่ต้องคิดจะช่วย ฉันมีวิธีของฉัน"

"ด้วยการใช้แค่สายเลือดเดียวกันอย่างทีฑายุเท่านั้น"

"เธอได้ในสิ่งที่เธอต้องการแน่ สินาตี แต่ถ้าฉันรู้ว่าเธอสองแม่ลูกดิ้นรนจะทำอะไรเกินตัว พวกเธอจะไม่มีที่ซุกหัวอยู่บนแผ่นดินนี้" โกญจนาทคาดโทษแล้วเดินจากมา สินาตีเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะถูกทอดทิ้ง

ส่วนอีกด้าน กัญญาภัคกำลังหว่านเสน่ห์ราเชนทระ โดยมีสายตาไมยาดินจับจ้องไม่พอใจ จนเมื่อกัญญาภัคแยกตัวออกมาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ไมยาดินจึงเข้ามาค่อนแคะ

"กษัตริย์ราเชนทระคงมีเรื่องสนุกๆเล่าให้เธอฟังเยอะแยะ ใบหน้าเธอถึงไม่คลายรอยยิ้ม"

กัญญาภัคไม่ตอบโต้ กลับทำท่าลำบากใจ บีบน้ำตาแต่งเรื่องหลอกไมยาดินว่าเธอไม่ได้เต็มใจทำแบบนี้ แต่เป็นความต้องการโกญจนาท ที่ให้สร้างความพอใจเล็กๆน้อยๆแก่ราเชนทระ

"ท่านโกญจนาททำไม่ถูก"

"อย่าว่าท่านเลย เรายินดีสละชีวิตและเลือดเนื้อช่วยเหลืองานของแผ่นดิน"

"นิราษิณตกลงจะช่วยเราปราบปรามพวกใต้ดินที่อาจจะเป็นกองกำลังของสันธิอยู่แล้ว"

"ท่านคงอยากให้แน่ใจยิ่งขึ้น ท่านทำเพื่อความมั่นคงของตำแหน่งประมุขของปัญจารัตน์"

"ยังไงท่านโกญจนาทก็ต้องได้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป"

"ไม่เป็นไรหรอกไมยาดิน เกิดเป็นหญิงอย่างเราต้องทนให้ได้ ต่อให้ยิ้มแย้มทั้งๆที่หัวใจกำลังร้องไห้ เราก็ต้องทำ"

ไมยาดินมองกัญญาภัคด้วยสายตาสงสาร กัญญาภัคลอบยิ้มสมใจ

ooooooo

ขณะงานเลี้ยงยังคงดำเนินไป ศิศิรากลับหลบเข้ามาอยู่กับนารียาที่ห้องปักไหม เมื่อทีฑายุไม่เห็นเจ้าสาวจึงเดินตามหาให้ควั่ก กว่าจะมาพบในห้องนี้ ทีฑายุต่อว่าศิศิราเอะอะก็หนีคนมาหลบอยู่แต่ในห้อง ศิศิราเลยย้อนเข้าให้ว่า เพราะเธอตีสองหน้าไม่เก่งเหมือนเขา

"ก็หัดๆไว้บ้างสิ ซื่อเกินไป ชีวิตถึงได้ลำบาก"

"ทีฑายุ อย่าพูดกับเจ้าหญิงโดยไม่มีความเคารพ" นารียาเตือนลูก

"ผมพูดในฐานะสามีที่ต้องสั่งสอนภรรยาครับ"

"เราไม่เคยคิดว่าตัวเองอยู่ในฐานะภรรยาของศัตรู"

"ทำใจซะศิศิรา ยังไงศัตรูอย่างฉันก็คือที่พึ่งเดียวของเธอ"

"ที่พึ่ง...อย่าพูดเพื่อให้ค่าตัวเองเลยทีฑายุ เพราะทุกวันนี้เรากับคนของเราก็ดูแลตัวเองได้ดีกว่าอยู่แล้ว" ศิศิราเชิดหน้าแววตาถือดี ในขณะที่ทีฑายุก็มองศิศิราอย่างดื้อดึง ถือดีไม่แพ้กัน นารียามองทั้งคู่แล้วพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ได้แต่ ถอนใจกลัดกลุ้ม

ฝ่ายรักเร่ที่บังอาจแกล้งศิศิราจนเปียกปอน ก็ถูกญาณีกับส้มเสี้ยวเอาคืนซะกระอักเลือด ท่ามกลางความขยาดกลัวของพวกมาลข่าน แล้วทั้งสามหนุ่มก็ผละไป เพื่อไปเตรียมตัวบรรเลงเพลงกล่อมหอให้เจ้าหญิงกับทีฑายุ

แต่กัญญาภัคทนไม่ได้ที่จะเห็นศิศิราเข้าหอกับทีฑายุ กัญญาภัคแอบลงไปที่คุกแล้วพูดจาหว่านล้อมมาณสิงห์ให้ออกไปช่วยศิศิรา มาณสิงห์รู้ทันว่ากัญญาภัคจะหลอกให้เขาเข้าไปตายในวังต่อหน้าทุกคน แต่เมื่อกัญญาภัคทิ้งกุญแจห้องขังไว้ให้ก่อนออกไป มาณสิงห์กลับตัดสินใจปล่อยตัวเองออกไปพร้อมธนูเพลิง กัญญาภัคที่แอบดูผลงานตัวเองในมุมมืดถึงกับแสยะยิ้มสะใจสมใจ

"หนีไปเลยไอ้องครักษ์คนซื่อ แล้วก็รีบเข้าไปทำลายงานแต่งงานคืนนี้ให้พังพินาศ แล้วก็พาคนรักของแกหนีไปซะ หรือไม่ก็ตายไปพร้อมๆกัน"

ooooooo

ในงานเลี้ยง โกญจนาทเฝ้าจับตาศิศิราที่ไม่ค่อยอยู่ใกล้ชิดทีฑายุ พอเห็นเธอจะเดินไปทางกลุ่มของราเชนทระ โกญจนาทก็รีบตามประกบ

"เจ้าสาวควรอยู่ใกล้เจ้าบ่าวตลอดเวลา"

"เราไม่ใช่หุ่นที่จะจับนั่งนิ่ง ไม่ต้องพูดจากับใคร"

"ถ้าจะไปพูดจาเล่าเรื่องที่ประสบพบเจอมาให้กษัตริย์ ราเชนทระเห็นใจ ขอเตือนว่าอย่า องค์ธราเทพยังอยู่ในเงื้อมมือเรา อย่าลืม" เห็นทีฑายุเดินเข้ามาหาศิศิรา โกญจนาทจึงสั่งให้ทีฑายุพาเจ้าสาวกลับไปที่โต๊ะ...ทีฑายุทำหน้าเบื่อหน่าย เตือนศิศิราให้อยู่เฉยๆเสียบ้าง ศิศิรากลับยืนทำหูทวนลม

อีกครู่ต่อมา ญาณีก็มากระซิบบอกศิศิราว่าได้ข่าวมาณสิงห์กับธนูเพลิงหนีออกจากคุก ศิศิราจึงนำหน้าญาณีหลบไปทางสวนหลังวัง แล้วก็พบมาณสิงห์ที่นี่จริงๆ

ขณะเดียวกันนั้น ทีฑายุกำลังบรรเลงเพลงร่วมวงกับเพื่อนๆ แต่พอหันมองรอบทิศไม่เห็นศิศิรา จึงผละออกมาเดินหา เมื่อกัญญาภัคยิ้มหวานเข้ามาถามหาเจ้าสาว หรือว่ามีใครมาดักชิงตัวไปเสียแล้ว ทีฑายุนิ่วหน้ามองกัญญาภัคอย่างสงสัย กัญญาภัคเลยกลับคำว่าล้อเล่น...

ศิศิราต้องการให้มาณสิงห์รีบหนีไป ส่วนตัวเธอคงหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว มาณสิงห์รู้สึกผิด ทรุดลงคุกเข่าขอร้อง

"กระหม่อมผิดที่ทำให้เจ้าหญิงต้องแต่งงาน แต่กระหม่อมอยู่ตรงหน้าเจ้าหญิงแล้ว ให้กระหม่อมพาเจ้าหญิงหนีตอนนี้"

"จะพาไป...ขออนุญาตผัวเขาหรือยัง" เสียงทีฑายุดังขึ้นก่อนจะก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างแรง ด้านหลังมีทหารจำนวนหนึ่ง...ญาณีถูกทหารคุมตัว ส่วนที่เหลือประทับปืนเล็งไปที่มาณสิงห์ ทีฑายุผลักมาณสิงห์ออกห่างจากศิศิรา แล้วกระชากเธอมาในวงแขน

"ไม่เคยเข็ด ไม่เคยจำ"

"เอามือแกออกจากเจ้าหญิง" มาณสิงห์ตวาดสั่ง ทีฑายุกลับยิ่งกอดศิศิราแน่นขึ้น

"ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันที่ฉันมีความสุขกับเมีย ฉันก็ควรจะมีความเมตตาปรานีเป็นทานแก่สัตว์ผู้ยากไร้ เร่ร่อนหารัก"

"ไอ้สารเลว..."

ทหารยกปืนพรึ่บ มาณสิงห์จำต้องหยุด

"ฟังดีๆ มาณสิงห์ ฉันเบื่อที่จะด่าให้กะโหลกหนาๆของแกสำนึกเต็มที ฉันจะขอลุงอภัยโทษให้ ถ้าแกคุกเข่าตรงหน้าฉัน เลือกเอา ประหารตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร หรือว่าคุกเข่ามีลมหายใจต่อ...ไว้คิดถึงเมียฉัน"

มาณสิงห์จำใจย่อตัวคุกเข่าลงตรงหน้าทีฑายุ ศิศิราตาแดงก่ำ ทีฑายุเสยเท้าเข้าหน้ามาณสิงห์ แล้วกระทืบซ้ำ พร้อมกับสำทับเสียงกร้าว

"ศิศิรายังเป็นเจ้าหญิงของแก แต่จำไว้ด้วยว่าเจ้าหญิงน่ะเมียฉัน เอามันไปขัง"

"ไหนว่าจะอภัยโทษมาณสิงห์" ศิศิราท้วงขึ้นทั้งน้ำตา

"ไม่ใช่คืนของเรา...ศิศิรา ยังไม่ใช่คืนนี้ เอามันไป"

มาณสิงห์ถูกทหารคุมตัวลากออกไปพร้อมญาณี ทีฑายุสั่งทหารที่เหลือพาเจ้าหญิงกลับไปที่ห้อง อย่าปล่อยให้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีก...จากนั้นทีฑายุกลับเข้ามาในงานพูดคุยกับโกญจนาท กัญญาภัคแกล้งเดินมาหยิบเครื่องดื่มด้านหลังคอยลอบฟัง

"มาณสิงห์หนีมาได้ถึงที่นี่ แต่ตอนนี้ถูกจับตัวไปแล้ว"

กัญญาภัคสีหน้าขัดใจ...โกญจนาทส่งสายตาไปที่รามปุระกับทาอู ทั้งคู่จึงเดินเข้ามาหา

"ไปดูไอ้องครักษ์มันหน่อย ดูแลให้แน่นหนากว่าเดิมด้วย" โกญจนาทสั่งการ เสร็จแล้วจะขยับไปแต่ทีฑายุรีบพูดขึ้น

"ผมขอชีวิตมาณสิงห์"

โกญจนาทไม่ตอบแต่ให้ทีฑายุตามเขาไปที่ท้องพระโรง ทีฑายุจึงก้าวตาม ส่วนรามปุระกับทาอูแยกไปอีกทาง กัญญาภัค มองทุกคนอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วกระแทกแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ

"ไอ้องครักษ์โง่ ทำไมไม่พาเจ้าหญิงหนีไป"

สินาตีซึ่งไม่ชอบใจที่เมื่อครู่เห็นกัญญาภัคส่งสายตาหว่านเสน่ห์ไมยาดิน พอเข้ามาเตือนกึ่งตำหนิ เลยถูกกัญญาภัคเสียงแข็งใส่ก่อนสะบัดจากไป

"หยุดเตือนได้แล้ว ตอนนี้กัญญาไม่มีอารมณ์จะฟัง"

ooooooo

มาณสิงห์ถูกยัดกลับเข้าไปในห้องขัง รามปุระกับทาอูจ้องมองอย่างหงุดหงิด เพราะแทนที่จะได้อยู่ รื่นเริงในงานเลี้ยงกลับต้องมาเฝ้ามาณสิงห์ แล้วยิ่งอารมณ์เสีย เมื่อคาดคั้นมาณสิงห์ให้บอกมาว่าใครเป็นคนปล่อยตัว แต่มาณสิงห์กลับไม่ปริปากสักคำ...

ด้านสองลุงหลานที่อยู่ในท้องพระโรง...โกญจนาทสีหน้าดุดันไม่ชอบใจที่ทีฑายุกล้าเอ่ยปากขอชีวิตมาณสิงห์

"ฉันไม่อภัยโทษให้มาณสิงห์"

"แต่มาณสิงห์จะเป็นตัวล่อชั้นดีให้เราจับพวกที่เหลือ ยังไงมันก็ไม่หนีไปจากเจ้าหญิง"

"จำได้มั้ยว่าเราเคยตกลงกันว่ายังไง" ทีฑายุมองโกญจนาท แววตาวูบไหวเมื่อนึกถึงสัญญา "แผนแรก...คือฉันฆ่าครอบครัวกษัตริย์ทั้งหมด แล้วสถาปนาตัวเอง แต่แกเป็นคนห้ามว่า อาจจะถูกต่อต้าน ทำให้ฉันต้องมีแผนที่สอง"

"ผมต้องทำให้เจ้าหญิงรัก และแต่งงานด้วย"

"ใช่ เพื่อให้กำเนิดสายเลือดที่ช่วยให้ฉันมีสิทธิในมงกุฎแสงจันทร์ แต่แกกลับทำเกินกว่าที่เราตกลง ทำตัวเป็นพระเอกเสียสละเอาอกเอาใจเจ้าหญิงสารพัด นานจนฉันรอไม่ไหว แกมันไม่เด็ดขาด แค่ผู้หญิงคนเดียวจะมีปัญญามีแรงมาขัดขืนอะไรนักหนา"

"ผมไม่ชอบเรื่องบังคับขืนใจ"

"งั้นแกก็อย่ามาขวาง ถ้าฉันจะกลับไปใช้แผนแรก ฆ่าซะให้สิ้นซากทั้งเจ้าหญิงเจ้าชาย แล้วทุกคนที่จงรักภักดีกับมัน"

"ขอเวลาผมหน่อย...อย่าเพิ่งฆ่าใครอีก"

"นั่นหมายความว่า นับตั้งแต่วันนี้ไปอีกแค่ 2 เดือน ฉันจะต้องได้ยินข่าวดีว่าเจ้าหญิงมีลูกกับแก...หรือไม่ก็ให้เลือดนองพื้นวังอีกครั้ง" โกญจนาทยื่นคำขาดแล้วเดินออกไป ทีฑายุหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัด

ooooooo
@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ 13
(อ่านต่อพรุ่งนี้)