@^@..อ่านเรื่องย่อละครเรื่องสูตรเสน่หา ตอนที่ 5


@^@..อ่านเรื่องย่อละครเรื่องสูตรเสน่หา
ตอนที่ 5 (ต่อจากวานนี้)

หมิงเก็บความแค้นไปเล่าให้วายุฟังหลังเห็นข่าว ว่ายังไงหมิงก็ไม่เชื่อว่าอลินทำอาหารได้ เธอสงสัยไอ้คนขับรถ จะต้องสืบให้ได้ว่ามันเป็นใคร วายุติงหมิง ว่า เห็นในรูปชิมอาหารอร่อยปากไม่ว่า...

แน่นอน อลินไปถึงบริษัทอวตาน ทุกคนห้อมล้อมในความสำเร็จของอลิน ทั้งอนุชาและสุวัจน์ต่างชมเชยอลินเป็นการใหญ่ หลังการประชุมจากทุกคนออกจากห้องไปแล้ว อนุชาจึงมาหาอลิน ขอโทษที่ไม่ได้ไปดูแลการถ่ายทำ เพราะคุณแม่ ไม่สบาย อลินเห็นใจเขา พอจะไปเยี่ยมท่าน อนุชารีบร้องห้ามทันทีว่า ท่านหายดีแล้ว...จากนั้นชมเทปรายการทำอาหารแล้ว เขาโชคดีที่ได้เธอมาเป็นพิธีกรที่เหมาะสมที่สุด อลินถามทันทีว่าเหมาะสมรายการ แล้วเหมาะสมคุณเล็กหรือเปล่าคะ... อนุชาว่าอลินน่ารักจริงใจไม่เรื่องมาก...อลินยังเฝ้าแต่จีบอนุชาไม่หยุดปาก ยิ้มอย่างมีความสุข...เหมือนฝัน...

ooooooo

อลินโทร.ไปนัดครูกุ๊กออกมาพบกันที่ร้านอาหาร ซึ่งเป็นครั้งแรกที่อลินโทร.หาครูกุ๊ก โดยไม่มีปัญหามาให้เดือดร้อน...ที่ร้านนั้น พสุเห็นแล้วนึกถึงอลินมาทำให้เขาไม่รับพสุเข้าเป็นกุ๊ก แต่เมื่อเขาจะเดินหนี เสียงผู้จัดการเรียก ว่านั่งรอพสุมานาน ขอคุยเรื่องงาน... พอนั่ง ผู้จัดการชี้แจง

"ตกลงร้านเรารับคุณเข้าทำงานแล้ว คุณพร้อมเมื่อไหร่ เริ่มงานได้เลย"

พสุถามว่าใครมาเคลียร์ปัญหาให้ เสียงอลินดังมา พร้อมเดินมานั่งข้างๆ

"ฉันเป็นคนบอกให้ทางร้านรับครูกุ๊กเข้าทำงานเอง" ว่าแล้วเอียงหูมา "โอเค ฉันขอฟังคำขอบคุณ"

"ฝันไปเถอะ" พสุสับจนอลินผงะ ขยี้หูขัดใจ

"ฉันอุตส่าห์ขอร้อง อ้อนวอน บังคับกว่าเขาจะรับคุณกุ๊กเข้าทำงาน จะขอบคุณสักคำก็ไม่มี"

"ถ้าคุณไม่อาละวาดเรื่องสลัด เขารับผมเข้าทำงานนานแล้ว อย่ามาทำดีเอาหน้า...เอาละ ยังนับว่าดีอยู่บ้างที่ผิดรู้จักแก้ไข ยกโทษให้ก็ได้...แล้วก็ขอบคุณมากสำหรับเรื่องงาน"

พสุยิ้มให้อย่างจริงใจ อลินเห็นแล้วทึ่งถึงกลางอก เป็นคำขอบคุณที่เพราะที่สุดในโลก

"ครูกุ๊กเนี่ย...เวลายิ้มก็หล่อดีเหมือนกันนะ...น่าจะยิ้มบ่อยๆ"

พสุสั่งสอนว่า อย่าหาเรื่องมาให้ก็ยิ้มได้ แล้วสัญญาไว้ว่ายังไง ห้ามลืม

"จำได้...สัญญาอีกก็ได้ จะตั้งใจทำงานมากกว่า...จับผู้ชาย" อลินว่าไปแล้วนึกเสียใจ

"ถ้าคุณผิดสัญญา ผมจะเลิกสอนคุณทันที" อลินหลบตา เสียดายไม่น่าสัญญาบ้าๆแบบนี้...

ooooooo

อนุชาไปเยี่ยมปูเป้ที่โรงพยาบาล แต่โสภิตาพาลูกกลับบ้านแล้ว อนุชาจึงโทร.บอกเธอว่า เขาจะไปเยี่ยมปูเป้ โสภิตาไม่อยากให้เขามาทั้งๆที่ใจนั้นคิดถึง ทั้งลูกอยากพบพ่อ เธอจึงไม่ขัดข้อง

อนุชาคงได้พบลูก ถ้าคุณหญิงไม่ได้ข่าวจากเพรียว... อนุชาบอกว่าคุณหญิงป่วย จึงไม่ไปกองถ่าย คุณหญิงเดือดปุดๆ คิดว่าลูกชายต้องไปหานังโสภิตาแน่ๆ จึงโทร.เรียกลูกชายให้รีบกลับบ้านก่อนที่เขาจะขับรถไปเยี่ยมลูก

คุณหญิงเล่นงานอนุชาอย่างหนัก ที่ห้ามลูกชายติดต่อโสภิตามา 5 ปีแล้ว ลูกยังไม่เชื่อฟัง แม่เกลียดมัน เขาคือความหวังของแม่ที่กำลังจะล้มละลาย เพื่อให้อนุชาหาเมียรวยอย่างอลินให้ได้

"เลิกกับมันซะ ก่อนแม่จะไปจัดการมันทั้งแม่ทั้งลูก ถ้าไม่อยากให้มันสองคนเดือดร้อน เล็กต้องหยุดทุกอย่างเดี๋ยวนี้" นี่คือคำสั่งของคุณหญิงอมรา

อนุชาไปยังร้านเป้หวาน พบกับโสภิตา แล้วขอร้องไม่ต้องปลุกปูเป้ ขอพูดกับโสภิตา

"เรื่องอนาคตของเรา ผมเห็นด้วย มันคงเป็นไปไม่ได้จริงๆ เวลา 5 ปี ผมหวังว่าคุณแม่จะยอมรับเรา แต่ผมต้องยอมรับความจริงเสียที" เขามองน้ำตาของเธอร่วงพรู หยิบซองเช็คมาวางให้ บอกว่าต่อไปคงไม่ค่อยได้มาหา มีอะไรเดือดร้อนบอกเขาได้

โสภิตามองเช็คแล้วบอกว่าไม่ต้อง เธอกับลูกอยู่มาได้ เราแค่ใช้ชีวิตเหมือนเดิม แค่ตัดช่วงเวลาที่รอคอยออกไปเท่านั้น จากนั้นโสภิตาก็ขอตัวไปหาลูก...อนุชาค่อยๆหันหลังเดินออกจากร้าน ทันทีที่กระดิ่งประตูดังขึ้น แสดงว่าอนุชาจากไปแล้ว...โสภิตาปล่อยโฮออกมาเต็มที่ ก่อนที่จะอัดอกตาย

ooooooo

ตอนที่ 6

เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้น โสภิตารีบปาดน้ำตาทิ้ง คิดว่าอนุชาคงกลับมาอีก...แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงของพสุ ถามว่าตาเป็นอะไรหรือเปล่า? ทำนบน้ำตากลับพรูไหลออกมาอีก

"ดิน...." เธอโผเข้าหาอกของเขา สะอื้นเหมือนถูกเขย่าอย่างแรง เสียงของเธอขาดเป็นห้วง "คุณ เล็ก...เขาขอเลิกกับเราแล้ว...เราสองคน...เลิกกันแล้วจริงๆ เราเลิกกันแล้วจริงๆ..." ว่าแล้วปล่อยออกมาอีกโฮ...ความเศร้าหมองชอกช้ำเหมือนกำลังไหลสู่อกของพสุ เขาโอบเธอไว้ด้วยความรักความห่วงใยของเพื่อนอย่างแท้จริง

"ร้องไป...ร้องให้พอ ร้องจนกว่าจะพอใจ..."

ขณะที่ทั้งสองปลอบใจกันอยู่นั้น...ด้านนอกร้าน อนุชายืนมองด้วยอาการนิ่งเป็นหุ่น ไม่กล้าแม้แต่กลืนน้ำลายลงคอที่ตีบตัน...เขานึกถึงคำของโสภิตาที่บอกว่า เธอมีเพื่อนผู้ชาย ที่ไม่ยอมบอกชื่อ เขารักและจริงใจกับเธอมาก ไม่เคยทอดทิ้ง หรือทำให้เสียใจ...อนุชาไม่เห็นหน้าเขาชัด แต่ก็กระจ่างใจที่สุดแล้ว...อนุชาเดินมาที่รถอย่างคนกำลังจะหมดแรง....

อนุชาตระหนักประจักษ์ใจแล้ว...เขากลับไปนั่งในรถ หยิบมือถือออกมากดโทร.ทันที เมื่อมีคนรับจึงพูดอย่างดีใจ

"สวัสดีครับ คุณลิน...พรุ่งนี้ว่างไหมครับ ผมจะเชิญไปทานข้าวกับคุณแม่ที่บ้าน หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจนะครับ" อนุชาตัดสายเหมือนตัดสินใจ..."เดอะ โชว์มัสต์โกออน" แต่หารู้ไม่ว่าอีกด้านหนึ่งของมือถือ อลินรับสายแล้วแทบกระโดดหัวชนเพดาน...กรี๊ดดีใจแทบหลุดโลก บอกเขาไปว่า เธอถือเป็นเกียรติสูงส่งยิ่งแล้ว...

ส่วนโสภิตากับพสุ ทั้งสองต่างพูดคุยให้กำลังใจกัน โสภิตาจะบอกเรื่องนี้ให้ลูกรู้ความจริง ดินอย่าห่วง ตาต้องผ่านมันไปให้ได้ พสุมั่นใจว่าโสภิตาต้องทำได้ ทั้งสองจับมือกัน ยิ้มให้กันอย่างมั่นใจ...เธอขอตัวไปหากาแฟมาให้เขาดื่ม แล้วอย่าลืมบอกข่าวดีของเขาให้รู้

โสภิตาเข้าไปหากาแฟให้เขา พสุหุบยิ้ม ยังห่วงเธอเหมือนเดิม เมื่อมือถือเขามีแสงวาบเตือน เขาหยิบมาดูตกใจ เห็นว่าตั้ง 56 สายเขาไม่ได้รับ พอรับเสียงอลินก็แปร๋นใส่ทันทีที่เขาไม่ยอมรับสาย พสุโต้กลับว่าเขาทำอะไรอยู่ไม่ต้องรายงานเธอ มีธุระอะไรก็ว่ามา ใครป่วยหนักหรือเสียชีวิต มิทราบ? อลินแว้ดใส่...แล้วเปลี่ยนเป็นสดใสเริงร่าว่าพรุ่งนี้มาสอนทำอาหารเร็วหน่อยได้ไหม ตอนเย็นมีนัดสำคัญ พสุจึงบอกว่า งั้นเขาจะไปสอนตอนเที่ยง พอจะวางมือถือ อลินว้ากใส่อีก

"เดี๋ยวสิ...ครูกุ๊กไม่สนเลยรึว่าฉันมีนัดสำคัญมันอะไร...มันสำคัญจริงๆ สำคัญม้ากกก"

"อยากบอกก็บอกมาเลย ไม่ต้องลีลา...ไง มีนัดกับใคร"

"ฉันมีนัดทานข้าวเย็นกับคุณอนุชาและคุณหญิงอมรา" พสุฟังแล้วมีเสียงดังผึง ประสาทแทบขาด "คุณเล็กเพิ่งโทร.มานัดฉันเมื่อกี้นี้เอง"

ขณะที่โสภิตาบอกว่ากาแฟมาแล้ว พสุยังนั่งเครียดจนสมองลั่นงืดๆ อลินได้ยินเสียงโสภิตา จึงถามพสุว่าเสียงใคร เขาบอกว่าเพื่อน อลินซักว่าครูกุ๊กมีเพื่อนผู้หญิงด้วยรึ? พสุไม่สน บอกพรุ่งนี้เจอกัน อลินมองมือถือนิ่ง ปากก็บ่นงุมงำ... "ครูกุ๊ก...ครูกุ๊กเนี่ยนะมีเพื่อนผู้หญิง...เพื่อนหรือว่าแฟน" อลินคิดถึงตรงนี้ อยากจะรู้นักนะว่าแม่คนนั้นเป็นลูกใครหว่า?

ส่วนโสภิตามองพสุแล้วค่อนขอดว่า แฟนโทร.มาละสิ ถึงต้องรายงานละเอียดยิบ พสุรีบบอกว่าแฟนที่ไหน ลูกศิษย์... จริงๆนะ...อย่าสนเลย ฟังข่าวดีของผมดีกว่า...โสภิตาฟังอย่างสนใจที่สุด

ooooooo

เมื่อพสุบอกแม่นงพะงาที่โต๊ะอาหารเช้าว่า เขาได้เป็นเชฟ ซึ่งก็คือกุ๊ก แต่เชฟคิดรายการอาหาร คัดวัตถุดิบ และออกแบบเมนูใหม่ๆ จะเริ่มทำงานอาทิตย์หน้า ด้วยเงินเดือนขยับใกล้แสนไปทีเดียว...วารินผ่านมาทางหน้าบ้าน ได้ยินงานใหม่ของพสุและเงินเดือนแล้ว รีบเอาไปเล่าให้พวกบนตึกฟัง

โดยมีคุณฟ้าและเมฆาอยู่ด้วย...ที่ทุกคนทึ่งคือ เงินเดือนพสุถึง 7 หมื่นกว่า... แล้ววารินก็รับไม่ได้ที่จะเอานามสกุลของคุณพ่อที่เป็นเจ้าสัว ไปตกอับต้องทำงานก้นครัว เมฆาเห็นว่า งานเชฟไม่ใช่กระจอก ฝรั่งมันทำน่ายกย่องทีเดียว แต่ วารินยังไม่พอใจ ถ้านายดินอยากทำงานนั้นต้องเปลี่ยนนามสกุล อย่าดึงครอบครัวตกต่ำ

"พี่ไม่คิดว่าการที่ดินจะเป็นเชฟอยู่ในครัว จะดึงครอบครัวตกต่ำ" ฟ้ายืนยันหนักแน่น "อยู่บ้านเฉยๆ กินกงสีไปวันๆ ผลาญเงินมรดกน่าอายมากกว่า" วารินและสองผัวเมีย ต่างก้มหน้านิ่ง "ถ้าหน้าบางกันนัก พี่จะแบ่งเงินกองกลางมาเปิดร้านให้ดินเอง...ถ้ากลัวไม่สมศักดิ์ศรีเจ้าสัวพจน์ ก็เปิดให้ใหญ่ไปเลย จะได้ไม่ต้องอายใคร"

"พี่ฟ้าคะ ไอ้เงินกองกลาง...มันเป็นเงินของพวกเรานะคะ" วารินยังรับไม่ได้...เสียงอี่เสริม

"แล้ว...พี่ฟ้าบอกให้พวกเราประหยัด เพราะมันเหลือไม่เยอะแล้วนี่คะ"

"ใช่...ของพวกเธอเหลือไม่เยอะ แต่ของดินยังมีอยู่ แค่เปิดร้านอาหารไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ายังเรื่องมากกันนัก พี่จะเปิดร้านให้ดินพรุ่งนี้เลย" สิ้นเสียงสั่งเฉียบของพี่ฟ้า ทุกคนนั่งจ๋องกร๋อยในบัดดล...

ooooooo