@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 10/2
ตอนที่ 10 (ต่อจากวานนี้)
"เธอก็เป็นประชาชนของเรา"
"เจ้าหญิงศิศิราต้องเป็นน้ำค้างใสกลางใจทุกคน...รีบหนีไปเร็ว"
"ไม่...มาณสิงห์ เราต้องไปด้วยกัน"
"จะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น!" น้ำเสียงเฉียบขาดดังขึ้น ไมยาดินก้าวเข้ามาพร้อมทหารจำนวนหนึ่งที่กระจายตัวล้อมทั้งคู่ไว้ "แกนี่มันอึดทนทายาดดีจริงๆมาณสิงห์"
"ฉันคงตายตาไม่หลับ ถ้าไม่ได้กำจัดเสี้ยนหนามแผ่นดิน"
"งั้นแกจะได้ตายสมใจในสภาพนั้น แต่สำหรับเจ้าหญิง อย่าให้พระองค์ต้องตายเป็นผีเฝ้าป่าเหมือนพ่อ"
"ไอ้ทหารเลว" มาณสิงห์ตะโกนด่า ไมยาดินเล็งปืนยิงไปที่เชือกขาดกระจุย ร่างมาณสิงห์หล่นลงกับพื้นดิน...มาณสิงห์ ฉวยจังหวะตวัดเท้าเตะปืนในมือไมยาดินกระเด็น แล้วถีบเข้ากลางอกอย่างว่องไว ศิศิราพยายามช่วยอีกแรง ด้วยการจะหยิบปืนที่พื้นยิงไมยาดิน แต่ไมยาดินกลับพลิกเกมคว้าปืนจากทหารมาจ่ออกมาณสิงห์
"ยกปืนขึ้นมายิงเลย ถ้าอยากให้หัวใจองครักษ์คนสนิทแหลกกระจุย"
ศิศิราตื่นตระหนก มองปืนสลับกับมาณสิงห์ที่ถูกไมยาดินเหยียบอกกดไว้หมดทางต่อสู้
ในที่สุดศิศิรากับมาณสิงห์ก็ถูกพวกไมยาดินควบคุมตัวกลับเข้ามาในวัง ศิศิราไม่แม้แต่จะเหลือบมองกบฏโกญจนาทที่นั่งบนบัลลังก์ และรายล้อมไปด้วยลูกหลานและทหารใจคด... กัญญาภัคเปิดฉากแขวะศิศิราที่อุตส่าห์หนีไปกับองครักษ์หนุ่ม แต่ก็ไม่รอด มาณสิงห์ทนฟังศิศิราถูกหยามเกียรติไม่ไหว ออกรับแทนศิศิราและท้าทายว่าจะทำอะไรก็ทำตนเลย แต่เจ้าหญิงไม่เกี่ยว
"ห่วงใยกันเหลือเกิน ห่วงเสียยิ่งกว่าเจ้าบ่าวตัวจริง" คำพูดของกัญญาภัคสร้างรอยยิ้มหยันและเสียงหัวเราะขบขันให้ทาอูและรามปุระ ทีฑายุถึงกับหน้าตึงไม่พอใจ ขออนุญาตลุงโกญจนาทนำตัวศิศิราไปสอบสวนสองต่อสอง แต่โกญจนาทต้องการให้สอบสวนที่นี่ ว่าแล้วก็เดินลงมารับปืนจากรามปุระเอาไปยื่นให้ทีฑายุ
"โทษของเจ้าหญิงคราวนี้อภัยกันลำบาก ปล่อยไปก็จะเป็นเยี่ยงเป็นอย่างให้พวกท้าทายอำนาจ...พิสูจน์สิว่าแกคือสายเลือดของโกญจนาทผู้ยิ่งใหญ่เหนือทุกคนในแผ่นดินนี้ ลงโทษเจ้าสาวของแกต่อหน้าทุกคน"
ทีฑายุมองหน้าศิศิราสลับกับมองปืนในมือโกญจนาท ทันใดมาณสิงห์ก็ทำลายความเงียบ ตะโกนห้ามไม่ให้ทีฑายุฆ่าเจ้าหญิง ให้มายิงตนนี่ คนที่ต้องตายคือตนไม่ใช่เจ้าหญิง...
"ลงโทษคนของแกซะทีฑายุ เรื่องนี้จะได้จบซักที" โกญจาทสั่งเฉียบ ทีฑายุรับปืนมาจ่อไปที่ศิศิรา มาณสิงห์ทนไม่ได้ เกิดแรงฮึดพุ่งเข้าปัดปืน แต่ทีฑายุเบี่ยงตัวหลบพร้อมกับเหนี่ยวไกกระสุนจึงเฉียดปลายผมศิศิราไปเจาะผนังห้อง
ทุกคนอึ้งตะลึง ศิศิรายืนตัวแข็ง ไมยาดินตามล็อกตัวมาณสิงห์อย่างรวดเร็ว
"เด็ดขาดสมกับเป็นหลานท่านโกญจนาท เสียแต่ว่าฝีมือยิงยังไม่แม่น เจ้าหญิงก็เลยยังมีลมหายใจรอเป็นเจ้าสาวได้อีกครั้ง" กัญญาภัคยิ้มเยาะ...ทาอูเสริมว่า
"ส่วนองครักษ์ชั้นเลว โยนให้หมามันกัดตาย อย่าให้ เปลืองกระสุน"
ศิศิราเสียงแข็งไม่ยอม อ้างว่ามาณสิงห์ทำตามคำสั่งของเธอ
"เจ้าหญิงกำลังจะบอกว่าลงโทษนายแล้ว ก็ควรละเว้นโทษข้ารองบาท" รามปุระแทรกขึ้น มาณสิงห์หันมองโกญจนาท แต่โกญจนาทกลับยิ้มอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องต้องอนาทรร้อนใจ
"ถือว่าทำเพื่อความสบายใจของเจ้าหญิงสักครั้ง อย่าให้ คนเอาไปพูดได้ว่าโกญจนาทผู้ยิ่งใหญ่โหดเหี้ยมไร้เมตตา
กับผู้น้อยที่คอยพึ่งบุญญาบารมี"
"ไม่ต้อง" มาณสิงห์สวนทันที "ฉันไม่ขอรับน้ำใจสกปรกโสมมของแกเพราะฉันไม่ใช่ทาสรับใช้คนโกง"
"ตรงนี้ไม่มีทาส มีแต่ข้าแผ่นดินคนซื่อมือสะอาดทั้งนั้น"
มาณสิงห์เล่นงานทาอูที่ปากดี แต่ถูกไมยาดินสกัดจนขยับไม่ออก
"ไม่สำนึกในความเมตตาของท่านโกญจนาท ก็ไม่สมควรจะอยู่ในที่ที่สบายๆ" ว่าแล้วไมยาดินจะลากมาณสิงห์ไปขังคุก แต่ทีฑายุชิงเรียกทหารมาคุมตัวมาณสิงห์ไปขัง ไมยาดินจ้องทีฑายุอย่างไม่พอใจ ก่อนจะถีบมาณสิงห์ให้ทหารที่ก้าวเข้ามาคุมตัวออกไป...ศิศิรากวาดตามองโกญจนาทและทีฑายุด้วยความเกลียดถึงที่สุด แล้วเดินตามมาณสิงห์ออกไปทันที
มาณสิงห์ถูกทหารผลักเข้าไปในห้องขัง ศิศิรายืนอยู่ตรงข้ามต่างคนต่างมองกันด้วยความเศร้าสลด แต่มาณสิงห์ต้องเข้มแข็งเป็นกำลังใจให้ศิศิราในยามนี้
"อย่าเสียใจ...เจ้าหญิงต้องไม่มีน้ำตาให้ไอ้คนที่กล้าเหนี่ยวไกปลิดชีวิตพระองค์"
ศิศิราเชิดหน้ากลบเกลื่อนความผิดหวัง ขยับมาเกาะลูกกรงตรงหน้ามาณสิงห์
"ต่อไปนี้สิ่งที่เราจะนึกถึงคือความเลวที่ทีฑายุก่อกรรม ทำเข็ญกับเรา"
มาณสิงห์กุมมือศิศิราให้กำลังใจ ทีฑายุเข้ามาเห็นเต็มสองตา คำรามด้วยความแค้น
"อย่าแค่นึกถึง สมควรที่จะประทับรอยความเลวไว้ในใจด้วย...น่าประทับใจกับความรักความเสียสละอย่างสุดซึ้ง" ทีฑายุเดินมาดึงศิศิราออกห่าง "มีแรงยืนไหวหรือเปล่ามาณสิงห์ ถ้าไม่ไหวจะส่งเจ้าหญิงเข้าไปประคองพยาบาลกันในคุกข้ามวันข้ามคืนอีกสักหน่อย ไอ้ที่ค้างๆคาๆเพราะไมยาดินไปลากตัวกลับมาซะก่อน จะได้สานต่อกันจนเสร็จ"
"หยุดความคิดชั่วๆของแกซักที"
"ไม่ต้องห้ามหรอกมาณสิงห์ เพราะสายเลือดเขาสั่งสอนกันมาให้คิดแต่เรื่องชั่วช้าสกปรก"
ศิศิรายิ้มเหยียดสะบัดถอยห่าง ทีฑายุหน้าร้อนผ่าว มองอาฆาตมาณสิงห์แล้วหันหลังกลับออกไป...กัญญาภัคซึ่งจับจ้องความเคลื่อนไหวของทีฑายุ แสร้งเข้ามาแสดงความเห็นใจทีฑายุที่โดนเจ้าหญิงเกลียดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพียงเพราะทำตามคำสั่งโกญจนาท
"ทุกคำสั่งของลุงคือความถูกต้อง"
"คงไม่มีหลานคนไหนประเสริฐเท่าพี่ทีฑายุอีกแล้ว ที่ให้ความกตัญญูอยู่เหนือความรัก" กัญญาภัคยิ้มน้อยๆเดินออกไป ทิ้งให้ทีฑายุจมนิ่งกับความคิดรู้สึกทุกข์ทรมานใจไม่น้อยกับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป จนเกือบจะทำให้ศิศิราสิ้นลมหายใจ... จึงกระหน่ำฟาดมือข้างที่ถือปืนกับเสาไม่นับ
ไมยาดินดักเจอกัญญาภัคตรงหน้าบ้านในตอนค่ำ ไมยาดินยกความดีให้กัญญาภัคที่คราวนี้เธอทำให้เจ้าหญิงถูกจับกลับมา และไมยาดินก็จะบอกโกญจนาทด้วยว่ากัญญาภัคช่วยบอกเส้นทางการหนีของเจ้าหญิงแก่เขา
"อย่านะไมยาดิน อย่าบอกท่านโกญจนาท" น้ำเสียงกัญญาภัคร้อนรนจนไมยาดินแปลกใจ "คือ...ที่จริงเราเองก็มีความผิดที่ปล่อยให้ศิศิราหนีไป แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็จะพิสูจน์ ไม่ได้เลยว่าใครกันแน่ที่มีฝีมือเก่งพอที่จะยืนอยู่ข้างผู้นำที่แข็งแกร่งอย่างท่านโกญจนาท พี่ทีฑายุน่ะใจอ่อนเกินไป คนที่ท่านโกญจนาทสมควรจะเห็นความดีคือเธอ...ยังไม่ต้องเชื่อเราวันนี้หรอกไมยาดิน แต่ขอให้เธอมั่นใจว่ามีใครคนนึงที่มองเห็นและพร้อมจะสนับสนุนให้ทหารดีอย่างเธอได้รับในสิ่งที่สมควรได้"
กัญญาภัคยิ้มหวานเสียจนไมยาดินหวั่นไหว หัวใจพองโตกับคำชื่นชม แต่ในขณะเดียวกันรามปุระกับทาอูซึ่งยังอยู่ในท้องพระโรงกับโกญจนาท ทั้งคู่ไม่เห็นด้วยที่โกญจนาทปล่อยให้มาณสิงห์มีลมหายใจต่อไป เพราะมาณสิงห์เปรียบเหมือนงูพิษจะแว้งกัดเราเมื่อไหร่ก็ได้ โกญจนาทไม่พอใจสองคนสนิท หาว่าไม่มีสมอง คนที่น่ากลัวกว่ามาณสิงห์คือตัวหัวหน้าที่พร้อมจะยอมถวายหัวเพื่อราชวงศ์ ซึ่งก็คือแม่ทัพสันธิพ่อของมาณสิงห์
เช้ารุ่งขึ้นทาอูกับรามปุระจึงไปพาสันธิออกจากค่ายทหาร อ้างเพื่อมาปรึกษาหารือเรื่องบ้านเมืองกับท่านผู้สำเร็จราชการซึ่งก็คือโกญจนาท แต่พอสันธิมีท่าทีแข็งข้อทั้งที่ยังไม่ได้เผชิญหน้าโกญจนาท สันธิก็ถูกจับไปกักขังรวมกับมาณสิงห์ทันที
สายวันเดียวกัน ทีฑายุจงใจทำให้ศิศิราหึงหวง เขาพาจตารีเข้ามาเล่นเชลโลอย่างแนบชิดเหมือนครั้งหนึ่งที่เขากับศิศิราเคยเล่น...แรกเห็นศิศิราก็ยากทำใจ แต่จำต้องสะกดอารมณ์เอาไว้ไม่ต่อปากต่อคำกับทั้งคู่ แม้ญาณีอยากจะตบจตารีสักฉาดสองฉาดก็ยังต้องผละจากมาพร้อมศิศิรา แต่อีกครู่เดียวญาณีก็ยิ้มกริ่ม เมื่อกัญญาภัคกับรักเร่โผล่เข้ามา ญาณีคิดจะยืมมือกัญญาภัคจัดการจตารี ถึงจะสมน้ำสมเนื้อคนระดับเดียวกัน...ญาณีทำเป็นพูดมีเลศนัยแล้วบุ้ยใบ้ไปทางห้องดนตรี
ได้ผล กัญญาภัคเดินนำหน้ารักเร่ไปทางห้องนั้น เป็นเวลาที่จตารีกำลังแนบชิดทีฑายุอย่างเข้าใจความรู้สึกของคนรุ่มร้อนด้วยความรัก รักเร่เห็นภาพนั้นแล้วร้องกรี๊ดว่า
"มันปล้ำคุณทีฑายุค่ะ"
จตารีผละจากทีฑายุ มองกัญญาภัคอย่างไม่เกรง กัญญาภัคพยายามคุมอารมณ์ฝืนยิ้ม ทั้งที่ใจกรุ่น อยากเข้าไปกระชากจิกทึ้งจตารี
"ไม่รู้เลยนะคะ ว่าเดี๋ยวนี้ในวังจะอนุญาตให้นางกลางเมืองเข้ามาบำรุงบำเรอเสนอถึงที่ นี่ถ้ามีคนอื่นมาเห็นคนเสื่อมเสียจะเป็นพี่ทีฑายุนะคะ เพราะอีกคน...เสียจนไม่มีอะไรเหลือดี"
"จตารีเป็นเพื่อนพี่" ทีฑายุออกรับแทน
"เพื่อนแก้ขัดยามอารมณ์เปลี่ยวไม่สมควรพาเข้ามาในวัง แค่มุมไหนที่ปลอดคนก็น่าจะพอ"
"แต่เมื่อกี้เจ้าหญิงศิศิรายังไม่เห็นเดือดร้อนขนาดคุณเลยนะ เจ้าสาวหรือก็ไม่ใช่ แค่น้องสาวญาติห่างๆ"
"จัดการมันเลยค่ะ มันบังอาจมาด่าคุณกัญญาว่าสะเออะ"
"รักเร่จ๊ะ เรากับเขาคนละระดับ" กัญญาภัคพูดเน้นหนัก
"ถ้ารู้อย่างนี้ก็ไม่ควรปล่อยให้คนรับใช้โวยวายให้ หนวกหูเหมือนคนไร้สติ" ทีฑายุย้อนแล้วผลุนผลันออกไป จตารียิ้มเชิดเดินมาหยุดตรงหน้ากัญญาภัค เอ่ยเยาะเบาๆ
"เพิ่งรู้นะว่าในวังเขาชอบเลี้ยงหมาพันธุ์หวงก้าง"
รักเร่มองตามจตารีตาขวาง พลางบ่นกัญญาภัคไม่น่าห้ามเลย น่าจะให้รักเร่ตบจิกกรีดหน้านังจตารีให้หายแค้น
"ผู้หญิงอย่างมันไม่เหมาะที่เราจะเสียมือ ปล่อยให้คนอื่นจัดการดีกว่า ฉันอยากเห็นเจ้าหญิงถูกนางโลมตบให้สะใจสักครั้ง" กัญญาภัคยิ้มกริ่ม รักเร่เห็นแล้วค่อยๆคลี่ยิ้ม เดาออกว่านายกำลังจะมีแผนร้าย
ooooooo
หลังจากจับสันธิยัดคุกไว้เมื่อเช้า ตกบ่ายโกญจนาทก็ประกาศต่อหน้าทหารน้อยใหญ่ที่เข้าประชุมว่า ตั้งแต่ บัดนี้ตนขอปลดสันธิออกจากตำแหน่งแม่ทัพแห่งปัญจา-รัตน์ ทุกคนเห็นด้วยยกเว้นนายพลวิชัยที่ค้านขึ้นว่า คำสั่งนี้ไม่ถูกต้อง
"ทำการสะเพร่าเหมือนคนถ่อยไม่รู้จักกฎบ้านเมือง ปลดแม่ทัพต้องได้รับความเห็นชอบจากองค์กษัตริย์เท่านั้น"
"นายพลวิชัย ท่านกำลังยืนอยู่ต่อหน้า..." ไมยาดินพูดไม่ทันจบ วิชัยแทรกขึ้นมาว่าผู้สำเร็จราชการโกญจนาท แต่ ไม่ใช่องค์กษัตริย์...ไมยาดินไม่พอใจถึงกับชักสีหน้าก่อนโต้ "ต่างกันตรงไหนหรือนายพลวิชัย ทุกวันนี้ท่านโกญจนาทก็ทำงานทุกอย่างแทนองค์ธราเทพ"
"ทำงานรับใช้ ไม่ใช่แทนและไม่มีสิทธิ์แอบอ้างอำนาจทำการไม่ชอบ แม่ทัพสันธิกับมาณสิงห์ควรจะถูกปล่อยตัวออกมาสอบสวนให้ถูกต้อง เพราะตำแหน่งแม่ทัพปัญจารัตน์สูงเกินกว่าจะมารับโทษแห่งองครักษ์"
"ตำแหน่งสูงก็สมควรจะสั่งสอนลูกให้ดีกว่านี้ ไม่งั้นจะอายขายขี้หน้าพลทหาร" รามปุระผสมโรง
"ถ้าเปรียบกันอย่างนั้น ในที่นี้คงมีทหารใหญ่หลายคนที่ต้องละอายต่อพลทหาร ที่ให้คำสัตย์สาบานว่าจะสัตย์ซื่อ ไม่คิดล้มล้างอำนาจสูงสุดของแผ่นดิน" วิชัยกวาดตามองทุกคนอย่างไม่เกรงกลัว แล้วร้องสั่งทหารไปพาตัวแม่ทัพสันธิกับมาณสิงห์ออกจากคุก
"นายพลวิชัย ท่านกำลังฝ่าฝืนคำสั่งท่านโกญจนาท" ทาอูเสียงกร้าว แต่วิชัยสำทับเฉียบกว่า
"เรื่องของทหารสิทธิ์ขาดอยู่ที่แม่ทัพ ผู้สำเร็จราชการเป็นแค่ข้าที่ทำงานต่างพระเนตรพระกรรณ แต่ไม่ใช่สมมติเทพเช่นองค์กษัตริย์"
โกญจนาทมองวิชัยอย่างเดือดดาลที่กล้าเอากฎบ้านเมืองมาขัดขวางต่อหน้าทุกคน
อีกพักวิชัยก็นำทหารลงไปทำการปล่อยตัวสันธิกับมาณสิงห์ออกจากคุก ศิศิราขอบใจวิชัยซึ่งวิชัยยืนยันว่าเขาทำตามความถูกต้อง ประโยชน์บ้านเมืองคือเรื่องใหญ่ที่ทหารต้องนึกถึง ไม่ใช่การกระทำเพราะความพอใจส่วนตัว พูดพลางชำเลืองมองมาณสิงห์ด้วยสายตาตำหนิ มาณสิงห์รู้ตัวจึงก้มหน้า
"ครั้งนี้เรากับมาณสิงห์ได้ความซื่อตรงของท่านช่วยไว้" สันธิเอ่ยขึ้น
"บ้านเมืองวิปริต คนจัญไรเหิมเกริม เราต้องช่วยกันรักษาความซื่อตรงให้เป็นหลัก ไม่งั้นแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ" พูดจบวิชัยค้อมตัวก่อนเดินผ่านศิศิราออกไป
"โกญจนาทคงระแคะระคายเรื่องที่เรากำลังกอบกู้บัลลังก์ ให้เจ้าหญิง ถึงคิดปลดกระหม่อม ยังไงมันก็ต้องทำให้สำเร็จด้วยการบังคับให้องค์ธราเทพเซ็นคำสั่ง"
"ธราเทพจะต้องฟังเรา" ศิศิรามั่นใจในตัวน้องชาย
"แต่เราไม่เคยได้เจอองค์ธราเทพเลยนะเพคะ" ญาณีสีหน้าเป็นกังวล มาณสิงห์ขออนุญาตศิศิราไปชิงตัวธราเทพ แต่ญาณีไม่เห็นด้วย "เดือดร้อนแค่นี้ยังน้อยไปหรือมาณสิงห์ ตอนนี้พวกมันจับตาดูเราอยู่ทุกฝีก้าว"
สันธิพอจะมองออกว่าญาณีมีแผนบางอย่าง จึงให้ญาณีพูดมา ญาณีบอกว่าตนเคยได้ยินนางข้าหลวงพูดกันว่า พวกดรัณย์ยังสอนดนตรีองค์ธราเทพอยู่...จากนั้นไม่นานญาณีก็วางแผนให้ส้มเสี้ยวไปตีซี้ดรัณย์ ซึ่งญาณีสังเกตมาตลอดว่าดรัณย์มีใจกับส้มเสี้ยว ครั้นส้มเสี้ยวไปออดอ้อนและยอมให้ ดรัณย์กอดนิดกอดหน่อย ดรัณย์ก็ใจอ่อนยวบรับปากคืนนี้จะช่วยให้ศิศิราได้พบธราเทพ
รักเร่แอบเห็นภาพสวีตวี้ดวิ้วระหว่างส้มเสี้ยวกับดรัณย์ แล้วตามมาตอแยหาเรื่องส้มเสี้ยว เพราะมีจุดประสงค์จะแอบจิ๊กสิ่งของในตัวส้มเสี้ยวเพื่อเอาไปให้กัญญาภัค ขณะสองคนทุ่มเถียงจนกลายเป็นฟ้อนเล็บใส่กัน รักเร่ก็รูดกำไลข้อมือส้มเสี้ยวไปอย่างรวดเร็วโดยที่ส้มเสี้ยวไม่รู้ตัว แล้วมารู้อีกทีว่ากำไลหายไปก็ตอนไปพบญาณีกับศิศิรา แต่ก็ไม่มั่นใจว่ามันหายไปตอนไหน ญาณีเลยรับปากว่าเดี๋ยวจะซื้อกำไลให้ ส้มเสี้ยวใหม่
ในคืนนี้เองกัญญาภัคซึ่งอยากจะเห็นนางโลมตบหน้าเจ้าหญิง ก็ให้รักเร่ปลอมตัวพรางใบหน้าเข้าไปในหอคณิกา แล้วแอบวางเพลิงก่อนจะวิ่งหนีออกมา โดยทิ้งกำไลของรักเร่ ไว้ให้ดูต่างหน้า...
ส่วนที่สวนดอกไม้ซึ่งเป็นสถานที่ที่ดรัณย์นัดส้มเสี้ยวเอาไว้...ส้มเสี้ยวกับญาณีพาศิศิรามารอธราเทพ แต่แล้วทีฑายุกลับก้าวเดินออกมาประชิดตัวศิศิราอย่างไม่คาดคิด ส่วนส้มเสี้ยวกับญาณีที่คอยดูต้นทางก็ถูกพวกดรัณย์รวบตัวไป
อีกด้าน
"มาคนเดียว มาณสิงห์สุดที่รักหายไปไหนซะล่ะ" ทีฑายุถามกวนๆ
"ดีแล้วที่มาณสิงห์ไม่ต้องมาติดกับคนชั่ว" ศิศิรายอกย้อนอย่างเจ็บใจ
"ยังหาเรื่องเดือดร้อนไม่พอใช่มั้ยศิศิรา รู้หรือเปล่าว่ากำลังเล่นกับไฟ"
"ยังไงเราก็มีมาณสิงห์เป็นน้ำใสไว้ดับไฟชั่วช้า ที่กำลังลุกไหม้บัลลังก์ของน้องธราเทพ"
"น้ำใส...แต่น้อยนิดเท่าหยิบมือ ยังไงก็ต้องแพ้ไฟแห่งอำนาจ หรือไม่ก็ไฟเสน่หาที่เจ้าหญิงเคยมีใจให้ทีฑายุ"
ทีฑายุโกรธจี๊ดกระชากศิศิราปะทะอก ศิศิราพยายามผลักไสและตบหน้าทีฑายุสุดแรง
"อย่าคิดว่าเราไล่เธอออกจากวังไม่ได้ แล้วเธอจะมีอำนาจบงการที่นี่ คนชั่วเจ้าเล่ห์อย่างเธอไม่มีความดีหลงเหลืออยู่ในใจเราอีกแล้ว" ศิศิราเชิดหน้าท้าทายความโกรธที่ลุกโชนในดวงตาทีฑายุ...
ทางด้านส้มเสี้ยวกับญาณีที่โดนพวกดรัณย์ลากไปอย่างไม่ปราณีปราศรัย ส้มเสี้ยวกัดมือดรัณย์จมเขี้ยว ขณะที่ประสันต์ ก็หวาดๆฤทธิ์เดชของญาณี ยอมปล่อยมือออกจากเธอ
"ไอ้ดรัณย์ ไหนแกว่าจะช่วย" ส้มเสี้ยวชี้หน้าเอาเรื่อง
"คิดว่าฉันจะหลงปลื้มไปกับกอดปลอมๆของแกจนกล้าทรยศเพื่อนเหรอ" ดรัณย์โต้ด้วยรอยยิ้มกวนโอ๊ย
"ลงทุนมากกว่ากอดหน่อยสิส้มเสี้ยว ถ้าถึงกับจูบลูบคลำล่ะก็ไม่แน่" มาลข่านพูดกระลิ้มกระเหลี่ย
"ไอ้ทุเรศ ไอ้ลามก ไอ้จกเปรต จำไว้เลยไอ้ดรัณย์ ชาตินี้แกกับฉันไม่มีวันเผาผี"
"คนอย่างพวกแกไม่น่าเกิดมาให้หนักแผ่นดิน" ญาณีเดือดดาล
"แต่เท่าที่เห็นคนดีชิงตายก่อนพวกหนักแผ่นดินทุกที" ประสันต์พูดจบก็หัวเราะร่าไปกับเพื่อนทั้งสอง ญาณีกับส้มเสี้ยวเห็นแล้วอยากจะกระโดดหักคอพวกมันให้รู้แล้วรู้รอด...
ooooooo
ตอนที่ 11
จตารีเดินหน้าทมึงถึงเข้ามาในวังแต่เช้า เจอทหารทำท่าจะกางกั้น พอจตารีอ้างชื่อทีฑายุทหารก็กลัวหัวหดถอยฉากไปทันที แต่คนที่ไม่กลัวจตารีคือกัญญาภัคกับรักเร่แล้วทั้งคู่ก็รู้ด้วยว่าจตารีมาหาทีฑายุด้วยเรื่องอะไร แต่ยังทำไก๋แกล้งถามจตารีจึงยื่นกำไลให้ดู เธออยากรู้ว่าเป็นของคนในวังหรือเปล่า
"รักเร่จ๊ะ จำได้หรือเปล่าว่ากำไลอันนี้ของใคร"
รักเร่ยื่นหน้ามามอง ทำเป็นนิ่วหน้าคิดสักครู่ก่อนเฉลยอย่างมั่นใจ...หลังจากนั้นสองคนก็นำพาจตารีไปยังห้องปักไหมที่ศิศิราอยู่พร้อมหน้ากับญาณีและส้มเสี้ยว จตารีไม่พูดพล่ามทำเพลง พุ่งเข้าตบหน้าส้มเสี้ยวทันทีที่รักเร่ชี้ตัวเจ้าของกำไล ศิศิราพยายามห้ามก็ไม่ฟัง แถมจตารียังเหวี่ยงแขนโดนศิศิราจนล้มลง ญาณีเป็นเดือดเป็นแค้นโผนเข้าบีบคอจตารี เป็นจังหวะที่ทีฑายุโผล่เข้ามา กัญญาภัคเห็นก่อนใครแสร้งทำเสียงตกใจ บอกทีฑายุว่าเธอห้ามแล้วแต่ไม่มีใครฟังเลย
ทีฑายุเข้ามาแยกจตารีออกมา ขณะที่ญาณีกับส้มเสี้ยวรีบไปประคองศิศิราลุกขึ้น
"มีอะไรจตารี...ถึงต้องลงไม้ลงมือ" ทีฑายุสอบสวน
"เมื่อคืนคนของเจ้าหญิงไปเผาที่ทำมาหากินของฉัน"
"ที่โลกีย์อย่างนั้นไม่มีใครอยากเข้าไปให้คาวมันติดเหมือนกลิ่นตัวแก" ญาณีย้อนเจ็บแสบ
"แต่มัน..." จตารีชี้ไปที่ส้มเสี้ยว "ไปจุดไฟเผาหอนางโลม กำไลของมันฉันกระชากติดมือก่อนมันจะหนี แก้ตัวมาสิว่าเจ้าหญิงไม่ได้ใช้ให้ทำ"
"จะตัดสินยังไงดีคะพี่ทีฑายุ คนนึงก็ใจรักคือเจ้าหญิง คนนึงก็ใจปองคือของบำเรอความใคร่"
"เดือดร้อนแทนเกินไปหรือเปล่า กัญญาภัค" ถูกศิศิราดักคอ กัญญาภัคถึงชะงักไปนิด
"ก็...เห็นพี่ทีฑายุอยากได้ทั้งคู่ ฉันเลยพูดตามหลักฐาน"
"เมื่อคืนส้มเสี้ยวถูกขังอยู่ที่ห้องศิศิรา" ทีฑายุโพล่งขึ้นมา ศิศิราจึงหันไปพูดกับจตารีว่าคำตอบชัดเจนขนาดนี้คงหายข้องใจ หรือยังจะมีหลักฐานอื่นๆอีก พูดพลางศิศิราก็ปรายตาไปทางกัญญาภัคที่เริ่มร้อนๆหนาวๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์ เถียงอย่างไม่ยอมแพ้
"ถ้าเป็นฉัน ฉันก็ต้องปกป้องคนของตัวเอง"
"เธอเคยเป็นคนมีเหตุผลมากกว่านี้นะ จตารี"
จตารีหน้าเสียที่ถูกทีฑายุดุซึ่งหน้า แล้วเดินออกไปเงียบๆ ส่วนญาณีกับส้มเสี้ยวก็รีบตามนังนกรู้อย่างรักเร่ออกไปเหมือนกัน ทีฑายุทอดสายตามองตามศิศิราที่ขยับไปอีกมุมของห้อง กัญญาภัคเห็นแล้วขุ่นเคืองใจเป็นที่สุด
อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 10/2
(อ่านต่อพรุ่งนี้)