@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 13/2-14
ตอนที่ 13 (ต่อจากวานนี้)
ทีฑายุกลับมาที่ห้องศิศิรา เห็นเจ้าของห้องนั่งถือมีดในเงามืด ซึ่งมีดเล่มนี้เป็นของมาณสิงห์ที่เพิ่งให้ศิศิรามาเมื่อสองวันก่อน ทีฑายุไม่พอใจศิศิราที่อึกอักอะไรก็จะฆ่าตัวตาย พอเขาเดินเข้ามาใกล้ เธอก็ทำท่าจะกดมีดลงที่ข้อมือตัวเอง
"มาณสิงห์จะต้องไม่ตาย..."
"มันยังอยู่ให้เจ้าหญิงเห็นอีกนาน"
"เธอยังมีความสัตย์ให้เราเชื่อได้อีกหรือเปล่า"
"มีแน่ แต่เจ้าหญิงก็ช่วยมีศักดิ์ศรีของตัวเองไว้ด้วย อย่าให้คนเขาโจษจันได้ว่าน้ำค้างใสบนยอดมงกุฎ...เจ้าหญิงที่เพิ่งแต่งงานเห็นแก่องครักษ์ชายชู้ จนยอมทิ้งน้องลักลอบไปครองรักกันกลางป่ากลางเขา" ทีฑายุพูดจบก็หันกลับออกไปทันที ศิศิราปล่อยมีดหล่นลงพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างคับแค้นใจ
ooooooo
เช้าวันใหม่ ทีฑายุไประบายความกลัดกลุ้มใจกับจตารี พอจตารีถามว่าเขารักเจ้าหญิงหรือเปล่า ทีฑายุกลับพูดเลี่ยงไปเลี่ยงมา แต่จตารีก็จับสีหน้าและแววตาของทีฑายุได้ว่ารักและเป็นห่วงเจ้าหญิงแค่ไหน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ยื้อชีวิตเจ้าหญิงให้พ้นจากเงื้อมมือโกญจนาทมาตั้งแต่ต้น ซึ่งจตารีเห็นว่าเจ้าหญิงควรจะรับรู้เรื่องนี้
"ไม่ต้อง" ทีฑายุเสียงแข็ง
"งั้นเธอก็ทรมานต่อไป ที่ถูกเจ้าหญิงตราหน้าว่าเป็นชายผู้ทรยศ"
"เราทนได้"
จตารีถอนใจกับความปากแข็งของทีฑายุ จนต้องเอ่ยเตือน "ก็คงจะเหลือทางออกเดียว เธอควรจะมีลูกกับเจ้าหญิงให้เร็วที่สุด เพื่อให้เจ้าหญิงศิศิราไม่ต้องตายอย่างองค์กษัตริย์ และราชินี"
ทีฑายุทุบกำปั้นลงบนผนัง ทั้งกลุ้มทั้งหนักใจ...ด้านศิศิรา สายวันเดียวกันนี้เธอได้พบธราเทพอีกครั้งในสวน โดยการนำพาของพวกประสันต์ ครั้นสามหนุ่มเห็นทีฑายุตามเข้ามานั่งซึมหน้าเครียด จึงผละไปซักถามจนทีฑายุยอมปริปากว่า ถ้าตนไม่มีลูกกับศิศิรา ลุงโกญจนาทจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด
ไม่ทันที่สามหนุ่มจะพูดหรือแนะนำอะไร ธนูเพลิงซึ่งซุ่มอยู่แถวพุ่มไม้ก็เล็งปืนลั่นกระสุนหมายเอาชีวิตทีฑายุตามคำสั่งมาณสิงห์ แต่พริบตานั้นศิศิรามองไปเห็น จึงร้องบอกทีฑายุให้ระวัง ทีฑายุเอี้ยวตัวหลบ แต่กระสุนก็เจาะเข้าที่ไหล่ จนเลือดโชก ศิศิราจะให้พวกประสันต์พาทีฑายุเข้าไปข้างใน แต่ทีฑายุรีบห้าม เพราะถ้าลุงรู้ว่าเป็นฝีมือมาณสิงห์ ศิศิราจะไม่รอด...
ในเวลาต่อมา เมื่อกัญญาภัคมาถามหาทีฑายุกับศิศิราจากส้มเสี้ยวและญาณี หลังจากพยายามตามหาทั้งคู่แต่ไม่พบแม้เงา ญาณีกับส้มเสี้ยวซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ทีฑายุถูกยิง ก็ช่วยกันโกหกว่าทีฑายุพาเจ้าหญิงไปเที่ยวนอกเมือง ทั้งที่ความจริงทั้งคู่ หลบไปที่หอคณิกาของจตารี กัญญาภัคไม่อยากเชื่อ ยังคาดคั้นสองสาว โกญจนาทเห็นแล้วรำคาญ กำราบกัญญาภัคว่าเรื่องของผัวเมีย
เขาจะไปฮันนีมูนกันที่ไหนก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับใคร
กัญญาภัคไม่พอใจ หันมองตามโกญจนาทที่เดินผ่านไปด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
"ท่าทางคุณกัญญาจะเป็นจะตาย เหมือนแอบรักสวามีเจ้าหญิงอยู่เลยนะคะ"
กัญญาภัคหันขวับมาจ้องญาณีที่แกล้งเปรยกับส้มเสี้ยว แล้วสองสาวก็หัวเราะกันเบาๆ ก่อนเดินจากไปอย่างไม่แคร์ สายตาขวางๆของกัญญาภัคสักนิด กัญญาภัคโกรธกำมือแน่น อยากจะหักคอสองคนนั้นให้ตายคามือ
ooooooo
ที่หอคณิกา มาลข่าน ประสันต์ และดรัณย์ช่วยกันเอากระสุนออกจากไหล่ทีฑายุ และทำแผลให้เสร็จเรียบร้อย โดยมีศิศิรากับจตารีเฝ้าดูอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วง...จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยิ่งทำให้สามหนุ่มและจตารีมั่นใจว่าทีฑายุและศิศิราต่างก็รักกันมากเพียงใด จึงไม่แปลกเมื่อสองคนอยู่กันตามลำพังแล้วจะปล่อยใจปล่อยกายอย่างที่ใจปรารถนามาแสนนาน ทิ้งเรื่องบาด
หมางทั้งหมดไว้ชั่วขณะ...
แต่คนที่เจ็บช้ำก็คือผู้หญิงที่รักทีฑายุสุดหัวใจ
อย่างจตารี แต่จตารีก็ไม่เคยเรียกร้องความรักจากทีฑายุ เพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นได้แค่หมอนอิงเก่าๆใบหนึ่ง ยามที่ทีฑายุต้องการความนุ่มชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งก่อนนี้จตารีมีโอกาสได้พูดคุยกับศิศิรา ในช่วงที่พวกดรัณฑ์ทำแผลให้ทีฑายุ จตารีบอกให้ศิศิรารู้ว่า เธอกับทีฑายุเป็นแค่เพื่อนกัน เป็นเพื่อนที่จะรับฟังความทุกข์ใจของเพื่อนได้ ขณะที่ศิศิราก็บอกจตารีว่า เธอกับทีฑายุ
แต่งงานกันแค่ในนาม...
ส่วนที่วัง ญาณีมีโอกาสเจอมาณสิงห์ตามลำพังในมุมปลอดคน มาณสิงห์ซึ่งถูกโกญจนาทสั่งปล่อยตัว หลังจากโกญจนาททำความตกลงกับทีฑายุไปเมื่อคืนก่อน...ญาณีถามกึ่งตำหนิมาณสิงห์ ที่ทีฑายุถูกยิงเป็นผลงานของเขาใช่ไหม?
"ทำไมถึงไม่เอาศพทีฑายุเข้าวัง"
"เพราะว่าทีฑายุยังไม่ตาย เมื่อไหร่จะคิดได้สักทีว่าทุกครั้งที่เธอลงมือโดยอ้างความหวังดี มันคือการทำลายโอกาสและชีวิตเจ้าหญิง"
มาณสิงห์เงียบงัน มองญาณีที่น้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก
ooooooo
ตอนที่ 14
หลังจากส่งทหารไปสืบเสาะจนรู้แหล่งที่อยู่ของทีฑายุกับศิศิรา ไม่ช้าไม่นานกัญญาภัคก็พาทหารบุกไปที่หอคณิกาของจตารี และไม่ฟังเสียงทัดทานห้ามปรามของจตารีด้วย กัญญาภัคพุ่งเข้าไปถึงห้องที่ทีฑายุกับศิศิราเพิ่งจะมีความสุขผ่านไปไม่นาน
ภาพของทั้งคู่บนเตียงทำให้กัญญาภัคแทบอกระเบิด ส่วนทีฑายุกับศิศิราก็ตะลึงคาดไม่ถึง
"ในวังคงไม่เร้าใจ เจ้าหญิงถึงเลือกหอนางโลมเป็นห้องหอ จากสภาพ...คงปล่อยกายปล่อยใจได้มากกว่าอยู่ในวัง" กัญญาภัคยิ้มเหยียด
ทีฑายุลุกขึ้น และหยิบเสื้อผ้าโยนใส่หน้าศิศิรา "ใส่ซะ" ความอ่อนโยนนุ่มนวลเมื่อครู่ของเขาหายไปอย่างสิ้นเชิงจนศิศิราตกใจ จตารีเองก็ไม่อยากเชื่อว่าทีฑายุจะทำถึงได้เพียงนี้
"กัญญามารับพี่พอดี" ทีฑายุเอ่ยขึ้น
"เธอให้กัญญาภัคมารับ?" ศิศิราถามเสียงแผ่ว
"พี่ทีฑายุเสร็จธุระแล้ว ก็รีบออกไปจากสถานที่โลกีย์ เถอะค่ะ ผู้หญิงคนอื่นจะได้มีเวลาปรับทุกข์กันประสาของเล่นข้ามคืน" กัญญาภัคไม่พูดเปล่า ควงแขนทีฑายุอย่างสนิทสนม... ทีฑายุหันมองศิศิราที่ทั้งอาย ทั้งไม่เข้าใจ
"ได้คำตอบแล้วใช่มั้ย ว่าทีฑายุคนที่จะอยู่เคียงข้างเธอ ไม่ใช่เทพบุตรในฝัน" รอยยิ้มเยาะผุดบนใบหน้าทีฑายุ ก่อนเดินควงแขนกัญญาภัคออกไป ศิศิราหน้าเสีย มองจตารี อย่างสับสน
"อย่าถามฉันเลยค่ะ เจ้าหญิงควรจะไปถามทีฑายุเองว่าเขากำลังคิดอะไร" จตารีชิงตัดบท...
พ้นจากห้องมาแล้ว ทีฑายุเดินตัวปลิวทิ้งห่างกัญญาภัค จนสาวเจ้าต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาดึงแขน
"หนีมาหลบที่นี่ทำไม"
"พี่ไม่ได้หลบ พี่แค่อยากทำให้ศิศิราเขาดีใจบ้างว่ายังมีคนสนใจเขา"
"พี่ทีฑายุทำลงไปเพราะแค่หน้าที่สามีเหรอคะ"
"ใช่ ไม่มีความหมายพิเศษอะไร นอกจากหน้าที่"
กัญญาภัคยิ้มใจชื้น หารู้ไม่ว่าทีฑายุกำลังปกปิดความในใจ ส่วนศิศิราที่ตามออกมาแอบฟัง ขมขื่นใจเป็นที่สุด ไร้เรี่ยวแรงแทบยืนต่อไปไม่ไหว จตารีต้องเข้ามาประคองอย่างเห็นใจ
"ถ้ากลับไม่ไหว เดี๋ยวหม่อมฉันจะให้คนไปส่งเพคะ"
"ไม่ต้อง..." ศิศิราเสียงแหบโหย ค่อยๆขยับตัวออก ทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง
"หอนางโลมคงไม่ใช่สถานที่ดีนักสำหรับคนระดับเจ้าหญิงศิศิรา แต่ถ้าเป็นแค่ผู้หญิงหัวใจสลายคนนึง ในนี้ก็ยัง มีคนเข้าใจซึ่งกันและกัน" จตารียิ้มให้ แต่แล้วเข้าใจเมื่อเห็นศิศิราเมินหน้าหนีอย่างอับอาย จตารีจึงเดินออกไปเงียบๆ
ooooooo
ทีฑายุกลับมานั่งหน้าเครียดอยู่ในท้องพระโรง ครุ่นคิดวนเวียนเรื่องราวต่างๆอย่างหาทางออกที่ดีไม่ได้ สักครู่โกญจนาทเดินเข้ามาเมียงมอง ก่อนตั้ง คำถามขึ้นว่า
"แกกับเจ้าหญิงจะมีลูกกันเมื่อไหร่"
"ผมไม่รู้"
"ตั้งใจหน่อยสิ ที่ผ่านมาฉันไม่เคยก้าวก่ายเรื่องที่แกไปขลุกอยู่ในหอนางโลม แต่ตอนนี้แกมีหน้าที่สำคัญ ลูกของแกจะเขี่ยธราเทพให้ร่วงจากบัลลังก์แสงจันทร์โดยปริยาย"
"ยังไงลุงก็ต้องได้สวมมงกุฎแสงจันทร์"
"แต่ฉันไม่ใช่คนประมาท เพราะวันนึงความรักอาจจะอยู่เหนือความกตัญญู...ระหว่างรอความชักช้าของแก เรื่องแรกที่ฉันต้องสะสางคือการปลดสันธิ" โกญจนาทยิ้มเย็น แต่ทีฑายุหน้าเครียดลุกขึ้นหันหลังเดินออกไปทันที โกญจนาทมองตาม
อย่างประเมินสถานการณ์
ข้างฝ่ายกัญญาภัค พอรู้ข่าวว่าโกญจนาทกำลังจะปลดแม่ทัพสันธิ ทำให้เธออยากรู้ต่อไปว่า แล้วใครกันที่จะมาดำรงตำแหน่งแทน แต่สินาตีเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงจะต้องรู้ เพราะมันเป็นเรื่องของทหาร
"ก็เรื่องทหารนี่แหละที่มันจะเป็นชัยชนะหรือความพ่ายแพ้" กัญญาภัคยอกย้อน "โกญจนาทกำลังจะคุมทหารทั้งหมด โดยเฉพาะถ้าตำแหน่งแม่ทัพควบกับตำแหน่งผู้บัญชาการ ทหารบก เท่ากับว่าจะมีกองกำลังรบฝีมือดีที่สุด"
"อย่าบอกฉันนะว่าแกอยากเป็นแม่ทัพกับเขาด้วย"
"กัญญาไม่เป็นแม่ทัพหรอก เพราะกัญญาจะเป็นให้ เหนือกว่าแม่ทัพ" ว่าแล้วกัญญาภัคเดินลิ่วจากไป ทิ้งสินาตียืนหน้าตื่นตกใจ และไม่เข้าใจความคิดลูกสาว
ดรัณย์ ประสันต์ มาลข่าน เห็นทีฑายุจมอยู่กับปัญหาที่ขบไม่แตก พวกเขาจึงแสดงความคิดเห็น ทั้งแนะนำไปพร้อมกัน ด้วยเรื่องที่โกญจนาทจะปลดแม่ทัพสันธิ เพราะถ้าปลดเมื่อไหร่ เจ้าหญิงก็หมดความหมายเมื่อนั้น ซึ่งพวกเขาเห็นว่าทีฑายุควรจะทำอะไรบ้าง เพราะทีฑายุมีสิทธิ์มีเสียงสูงกว่าแม่ทัพหรือพวกเสนาบดีด้วยซ้ำ จะปล่อยให้ลุงชี้นิ้วสั่งเป็นสั่งตายเจ้าหญิงซึ่งเป็นเมียของทีฑายุทำไม
ทีฑายุรับฟังแล้วครุ่นคิด แล้วอีกพักก็ตัดสินใจเดินตรงไปทางท้องพระโรง ซึ่งเวลานี้โกญจนาทกำลังประชุมผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องแก่บ้านเมือง เพื่อปลดแม่ทัพสันธิ แล้วแต่งตั้งคนใหม่ขึ้นแทน แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะยังมีสันธิกับวิชัย และมาณสิงห์ที่ยังจงรักภักดีต่อศิศิราคอยคัดคานอำนาจโกญจนาทชนิดหัวชนฝา ขณะที่ทหารฝ่ายของโกญจนาทอย่างรามปุระกับทาอู
และไมยาดินก็ถือหางโกญจนาทเสียงแข็งเหมือนกัน
ขณะสองฝ่ายกำลังทุ่มเถียงกันดุเดือด ทีฑายุก็ก้าวเข้ามาค้านคำสั่งโกญจนาทที่สั่งปลดแม่ทัพสันธิ ซึ่งทีฑายุอ้างว่า ยังไม่มีใครเหมาะสมจะเป็นแม่ทัพแทนท่านสันธิ
"ปลดไปก่อน เดี๋ยวคนเหมาะสมก็หามาได้เอง" ทาอูสวนขึ้นมา
"นี่เหรอความคิดเสนาบดีใหญ่ เห็นกองทัพเป็นสนามเด็กเล่น" คำพูดดูหมิ่นของทีฑายุทำเอาทาอูหน้าเจื่อน โกรธจี๊ด...รามปุระทนไม่ไหว เถียงแทน
"ก็ไม่ใช่เรื่องเด็กเมื่อวานซืน ที่ริจะลุกขึ้นมาคัดค้านความเห็นของท่านผู้สำเร็จราชการเหมือนกัน"
"เห็นทีพวกท่านจะความจำสั้น ว่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้มันมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะคัดค้านในฐานะสวามีเจ้าหญิง"
โกญจนาทจ้องมองทีฑายุด้วยสายตาคมกริบ แต่ทีฑายุหาได้ลดบทบาทสำคัญ
"ในฐานะสามีที่ดี ก็ต้องดูแลผลประโยชน์ของภรรยา"
"เป็นสามีเจ้าหญิงก็อยู่แต่ในห้อง เรื่องปกครองไม่ใช่เรื่องของแก"
"ระวังปากหน่อย รามปุระ ท่านกำลังดูถูกเรา ผู้ที่มีฐานะสูงกว่าทุกคนในนี้ เรื่องของบ้านเมืองเป็นเรื่องที่น่าจะช่วยกันคิด ไม่ใช่ตกอยู่ในมือคนคนเดียว"
โกญจนาทยังนิ่งทั้งที่ใจพลุ่งพล่าน แต่ไมยาดินทนไม่ได้ เต้นแทนนาย
"แต่ก็เป็นคนคนเดียวที่มีอำนาจสูงสุด ยังไงแม่ทัพสันธิก็ต้องถูกปลด แล้วท่านโกญจนาทจะเป็นคนแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่เอง"
ทีฑายุไม่สน กวาดตามองเหมือนออกคำสั่ง "ส่วนเรื่องผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ เราเห็นว่าสมควรจะเป็น..."
"เป็นสันธิไม่ได้" รามปุระแทรกขึ้นเร็วจี๋
"ท่านก็เป็นไม่ได้เหมือนกัน" ทีฑายุตอกหน้ารามปุระ แล้วหันไปทางโกญจนาท "ผมอาจจะไม่ได้ปรึกษาลุงไว้ก่อน แต่คิดว่าด้วยฐานะที่มีอยู่ และทุกคนก็รับรู้กันทั่ว ผมก็มีสิทธิ์จะดูแลปัญจารัตน์ได้เต็มที่คนนึง ผมขอเสนอแต่งตั้ง แม่ทัพวิชัยให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่"
"ทำไมต้องเป็นวิชัย" รามปุระไม่พอใจอย่างแรง ทีฑายุไม่สน ถามความเห็นคนอื่นๆ มีใครอยากจะคัดค้านอะไรไหม?
มาณสิงห์กับสันธิมองสบตากันอย่างไม่เข้าใจการกระทำของทีฑายุ ขณะที่โกญจนาทไม่พูดอะไรสักคำ แต่แววตา
จ้องทีฑายุแทบลุกเป็นไฟ
ขณะเดียวกันนั้น ศิศิราถูกสินาตีและกัญญาภัครุมพูดจาถากถาง และขับไล่ไม่ให้เข้ามาเหยียบที่ห้องปักไหมอีก ศิศิราเจ็บช้ำ เพราะห้องนี้เป็นห้องที่แม่รักมาก แต่เธอซึ่งเป็นลูกกลับถูกคนอื่นขับไล่ แล้วจะยึดเอาไว้ใช้งานกันเสียเอง โดยที่ญาณีซึ่งพยายามช่วยนายของตัวเองเต็มที่ แต่ก็ทัดทานความโอหังของสองแม่ลูกไม่ได้ หนำซ้ำสองแม่ลูกยังจะปลดภาพครอบครัวของศิศิรา
ลงจากผนังด้วย
เมื่อออกจากที่ประชุม มาณสิงห์กับสันธิเดินตามหลังทีฑายุออกมา มาณสิงห์ดักคอทีฑายุว่า
"อย่าคิดจะหาบุญคุณกับเรา ด้วยการแสดงอำนาจเหนือ โกญจนาท"
"เธอทำเพื่อเจ้าหญิง หรือเพื่อตัวเองกันแน่" สันธิเอ่ยถามเสียงเรียบ ทีฑายุยังไม่ทันตอบ วิชัยเดินออกมาสมทบ
"มันจะแตกต่างกันตรงไหน ในเมื่อเจ้าหญิงกับทีฑายุคือคนคนเดียวกัน"
"หวังว่าท่านแม่ทัพผู้จงรักภักดีกับลูกชายคงจะใช้โอกาสสุดท้ายที่เราให้อย่างคุ้มค่าหน่อย...อย่าโง่วิ่งเข้าไปรนหาที่ตายอีกล่ะ มาณสิงห์" ว่าแล้วทีฑายุเดินลิ่วไป
"มันกำลังวางอำนาจเหนือเจ้าหญิง" มาณสิงห์พูดอย่างมั่นใจ
"ก็ยังดีไม่ใช่เหรอ ที่ทีฑายุใช้อำนาจยื่นมือมาในเวลา ที่เหมาะ เพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่หุ่นเชิดของลุง" วิชัยเอ่ยเตือนแล้วผละไปทันที มาณสิงห์มองสบตาพ่อที่ยืนนิ่งอย่างใช้ความคิดพิจารณา
ส่วนโกญจนาทกับลูกน้องคนสนิททั้งสามยังอยู่ในท้องพระโรง รามปุระมั่นใจว่าครั้งนี้ทีฑายุตั้งใจท้าทายพวกเรา มันเหมือนหมาบ้าที่เลี้ยงไม่เชื่อง พร้อมจะแว้งกัดมือที่ขุนมันมา
"เท่ากับว่า ทีฑายุส่งวิชัยขึ้นขวางทางท่าน" ไมยาดินแค้น
"สงสัยจะหลงมารยาเจ้าหญิง ปล่อยไว้ไม่ได้ มันกำลังจะเหลิงข้ามหัวพวกเรา" ทาอูพูดแล้วสงสัยเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าโกญจนาท "ท่านยังยิ้มออก?"
"เพราะฉันรู้จักทีฑายุมันดีน่ะสิ ถ้ามันอยากลองดี ฉันก็จะสั่งสอนให้มันรู้ว่าคนที่ควบคุมทุกอย่างได้ต้องเป็นฉันคนเดียว" โกญจนาทแสยะยิ้ม ในสมองคิดวางแผนดัดหลังทีฑายุ...
กัญญาภัคเดินเร็วรี่มาหาทีฑายุที่กำลังจะเลี้ยวไปห้องศิศิรา แล้วตั้งคำถามเรื่องการประชุม ที่มีเสียงร่ำลือกันว่าทีฑายุกล้าขัดคำสั่งโกญจนาท ซึ่งกัญญาภัคอยากรู้ว่าทีฑายุกำลังทำเพื่อเราใช่ไหม?
"ทำไมกัญญาใช้คำว่า...เรา"
หญิงสาวชะงัก หุบยิ้มทันที "แสดงว่าพี่กำลังทำเพื่อ...ศิศิรา" ทีฑายุไม่ตอบ จะเดินไป กัญญาภัครั้งมือไว้ แล้วแสร้งตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ "กัญญามีเรื่องด่วนต้องรายงานพี่ เจ้าหญิงไม่พอใจที่กัญญาไปพาพี่ทีฑายุกลับมาจากหอนางโลม ทรงเอ่ยปากว่าจะไม่เหยียบไปห้องปักไหมอีก ถ้ายังเห็นกัญญาอยู่ที่นี่ พี่ทีฑายุเข้าใจกัญญาด้วยนะคะ ที่กัญญาอยู่ ก็เพราะอยากช่วยงานพี่
ทีฑายุ เราก็รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ จะให้นิ่งดูดาย กัญญาก็คงเป็นประชาชนที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี"
ตอนที่ 14 (ต่อจากวานนี้)
"พี่จะหางานให้กัญญาทำ"
"ให้กัญญาดูแลเจ้าหญิงนะคะ"
"ไม่ต้อง กัญญามาช่วยพี่ดีกว่า พี่จะให้กัญญาเป็นเลขากรมวัง ทำงานรับคำสั่งจากพี่โดยตรง"
"พี่ทีฑายุดีกับน้องที่สุดเลย" กัญญาภัคดีใจ เข้าหอมแก้มทีฑายุทันที ทีฑายุจะขยับถอยออกห่าง แต่กัญญาภัคยังควงแขน ไว้ด้วยสีหน้าสุขใจ...
ญาณีเอารูปครอบครัวศิศิราซึ่งถูกสองแม่ลูกตัวร้ายปลดออกจากห้องปักไหมเข้ามาเก็บที่ห้องศิศิรา พลางก็บ่นอย่างอาฆาตแค้น
"ถ้าทำให้กัญญาภัคก้มลงกราบแทบเท้าเจ้าหญิงไม่ได้ ญาณีคงตายตาไม่หลับ" ศิศิราหันหน้าหนี ไม่อยากฟัง ญาณีขยับเข้ามาใกล้ "เห็นว่าวันนี้ทีฑายุคัดค้านการปลดท่านสันธิ หรือว่าทีฑายุกำลังเปลี่ยนใจคิดจะมาช่วยเราเพคะ"
"คนอย่างทีฑายุไม่เคยมีความจริงใจ จำไว้ว่าเขาคือสายเลือดของโกญจนาท" ศิศิราน้ำตาปริ่ม ญาณีได้แต่มองเห็นใจ...
ตกเย็นโกญจนาทกลับมาบ้าน เห็นสินาตีและกัญญา-ภัคหน้าระรื่น โดยเฉพาะสินาตีนั้นท่าทางมีความสุขเอามากๆ จีบปากเล่าเรื่องที่เข้าไปอาละวาดศิศิรามาเมื่อตอนกลางวันให้โกญจนาทฟัง
"ท่านคะ วันนี้ฉันเพิ่งไล่เจ้าหญิงออกจากห้องปักไหม แล้วห้ามไม่ให้เหยียบเข้าไปอีก อีกหน่อยเราก็จะเฉดหัวออกจากวัง"
"ทำได้สมสติปัญญามาก วันๆคิดจะทำประโยชน์อะไรบ้างมั้ย"
"เอ๊ะท่าน อารมณ์เสียแล้วอย่ามาพาลใส่ลูกเมีย"
"ใครทำให้ท่านหงุดหงิดมาเหรอคะ หรือว่ามีคนไม่เชื่อฟัง" กัญญาภัคแกล้งยั่ว
โกญจนาทโดนจี้ใจเดินหนีไม่ยอมตอบ กัญญาภัคยิ้มเยาะ แต่สินาตีร้อนใจอยากรู้ว่าใครกันช่างกล้าขนาดนั้น?
ooooooo
ทีฑายุเชื่อในคำพูดของกัญญาภัคถึงขนาดมาตำหนิศิศิราให้เจ็บช้ำน้ำใจยิ่งขึ้นไปอีก...ในขณะที่ศิศิราจมอยู่กับน้ำตา กัญญาภัคกลับหน้าระรื่นพอใจกับตำแหน่งที่ทีฑายุมอบหมาย คุยอวดรักเร่ว่าเธอไม่จำเป็นต้องไปตบตีแย่งชิงทีฑายุกับใครอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนางโลมหรือเจ้าหญิง เพราะต่อไปนี้คนที่ ได้สิทธิ์ใกล้ชิดทีฑายุตลอดเวลาคือเธอคนเดียว
ใช่ว่าตำหนิศิศิราแล้วทีฑายุจะสบายใจ...ทีฑายุไปบ่นให้จตารีฟังอย่างกลุ้มๆ และเล่าเรื่องมอบหมายตำแหน่งเลขาให้กัญญาภัค จตารีไม่ค่อยเห็นด้วยเพราะการทำแบบนี้กัญญาภัคมีโอกาสเข้าใกล้ทีฑายุมากขึ้น แต่จะยิ่งทำให้ศิศิราเสียใจ ทีฑายุยืนยันว่ากัญญาภัคเป็นน้องสาวที่น่าสงสารมาก เธอไม่เคยได้รับความรักจากใคร จตารีเลยประชดเขาว่า ช่างเป็นพี่ชายพี่แสนดี พอๆกับเป็น
สามีที่ห่วงใยภรรยา ส่วนเรื่องโกญจนาท จตารีมั่นใจเขาไม่ใช่คนที่ใครจะลูบคมได้ เธออยากให้ทีฑายุ ระวังตัวด้วย
ทีฑายุฟังแล้วนิ่งคิด ก่อนเอ่ยปากกับจตารีว่า ถ้าเขาเป็นอะไรไป ขอฝากศิศิราด้วย จตารีกระเซ้าเขาว่า ใครรู้เข้าคงหัวเราะเยาะที่เขามาฝากเจ้าหญิงกับนางโลม แต่ทีฑายุมั่นใจว่าจตารีจะพูดให้ศิศิราเข้าใจในตัวเขาได้ แม้เขาจะเป็นคนเลวที่สุดในสายตาของศิศิรา...
รุ่งขึ้น ความวุ่นวายบังเกิดขึ้นอีกด้วยฝีมือของโกญจนาทที่สั่งพวกทาอูเอาเงินไปแจกจ่ายชาวบ้าน ซึ่งมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยที่มารับเงินแล้วชื่นชมโกญจนาทอย่างมาก ทำให้ดรัณย์ กับจตารีที่ยืนดูอยู่รอบนอกรู้สึกหนักใจแทนทีฑายุกับศิศิรา
เมื่อทีฑายุรู้เรื่องนี้จากดรัณย์ก็ทนอยู่เฉยไม่ได้ มาเจรจากับโกญจนาทจะให้หยุดแจกเงินชาวบ้าน กัญญาภัคเองก็ยืนข้างทีฑายุ ช่วยพูดอีกแรง ทำให้โกญจนาทไม่พอใจทั้งคู่ และดึงดันไม่ยอมยุติการแจกเงิน อ้างเหตุผลว่าตนต้องการให้เงินชาวบ้านเอาไปตั้งตัว ทีฑายุจึงต้องใช้อำนาจฐานะสามีศิศิรา ให้กัญญาภัค ไปตามเสนาบดีทั้งหมดรอที่ท้องพระโรง เสร็จธุระแล้วเขาจะกลับมาประชุม
โกญจนาทยังยิ้มได้ ขณะมองตามทีฑายุและกัญญาภัคที่เดินออกไป รามปุระเห็นแล้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
"โดนหลานชายกับลูกสาวท้าทาย ท่านยังหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น"
"รออีกเดี๋ยว ความเหิมเกริมของมันนั่นแหละที่จะจุดไฟให้ลุกทั้งเมือง" โกญจนาทยิ้มมั่นใจ
แล้วสิ่งที่โกญจนาทมั่นใจก็เป็นจริง เมื่อทีฑายุออกไป ห้ามพวกทาอูให้หยุดแจกเงินชาวบ้าน กลับถูกชาวบ้านกลุ่มใหญ่ ร้องด่าขับไล่อย่างไม่พอใจ ทั้งยังคว้าข้าวของที่พอหาได้ขว้างปาทีฑายุจนจตารีกับดรัณย์ต้องพาถอยออกมาอย่างทุลักทุเล ส้มเสี้ยวเองที่อยู่ในเหตุการณ์แต่แรกก็โกรธชาวบ้านที่พาลร้องด่าเจ้าหญิงศิศิราด้วย หาว่าทั้งผัวทั้งเมียไม่รักประชาชน คนที่รักและห่วงใยประชาชนคือโกญจนาทต่างหาก
ทีฑายุกลับเข้าวังในสภาพเลือดเปรอะแขน เพราะถูกชาวบ้านขว้างสิ่งของโดนแผลเก่าที่ถูกยิงซึ่งยังไม่หายดี ขณะกัญญาภัคช่วยทำแผลให้ทีฑายุ ศิศิราผ่านมาเห็นความใกล้ชิดของทั้งคู่ รู้สึกเสียใจจนต้องเร่งฝีเท้าเดินหนี มาณสิงห์ที่มาด้วย แอบพอใจอยู่ลึกๆ ส่วนกัญญาภัคกับทีฑายุที่หันไปเห็น
สองคนเดินตามกันไป กัญญาภัคยิ้มสมใจ ต่างจากทีฑายุที่หน้าเครียดขุ่นมัวขึ้นมาทันทีที่เห็นมาณสิงห์เกาะติดศิศิราเหลือเกิน
มาณสิงห์พูดเรื่องที่ทีฑายุบาดเจ็บเพราะออกไปห้ามการแจกเงินประชาชน และท่าทางเขากำลังเอนเอียงออกห่างจากอำนาจของลุง แถมยังแต่งตั้งกัญญาภัคเป็นเลขาส่วนตัว ศิศิราน้อยใจที่ทีฑายุไม่เคยบอกเรื่องแต่งตั้งกัญญาภัค และเธอก็ไม่เชื่อด้วยว่าทีฑายุจะจริงใจ เขากำลังเล่นละครตบตาหลอกเธอต่างหาก
"เราเบื่อในวังนี่เหลือเกิน มาณสิงห์ช่วยพาเราออกไป นอกวังบ้างได้มั้ย"
มาณสิงห์ยิ้มรับด้วยใบหน้ามีความสุขที่จะได้ใกล้ชิดศิศิรา ส่วนกัญญาภัคที่อยากได้พี่ทีฑายุของเธอกลับคืน พอรู้เรื่องนี้ จากมาณสิงห์ กัญญาภัคจึงยินดีให้ความร่วมมือ โดยเธอจะบอกทหารให้เปิดทางสำหรับมาณสิงห์กับเจ้าหญิงที่จะออกไปเที่ยวนอกวัง แต่การไปครั้งนี้ต้องให้ทีฑายุรู้เห็นด้วย เพราะมันจะทำให้ทั้งเธอเองและมาณสิงห์ได้ในสิ่งที่ต้องการ...มาณสิงห์ฟังแผนแยบยลของกัญญาภัคแล้วถึงกับออกปากว่า
"เธอนี่เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมาก"
"ใช่ น่ากลัวสำหรับศัตรู แต่กับมิตร...เธออาจจะได้สิ่งพิเศษสุดที่หาไม่ได้จากผู้หญิงทั่วไป"
มาณสิงห์มองรอยยิ้มยั่วยวนของกัญญาภัคแล้วใจกระตุก รีบถอยออกไป กัญญาภัคมองตามยิ้มๆ แล้วชะงักเล็กน้อย เมื่อหันมาเจอไมยาดินที่ก้าวมายืนมอง
"จะยกอะไรให้มาณสิงห์"
"โธ่...ไมยาดิน เครียดไปได้ เราคงไม่ยกหัวใจให้มาณสิงห์หรอก เขาแค่มาขอพาเจ้าหญิงออกไปพักผ่อนนอกวัง"
"มาณสิงห์อาจจะพาเจ้าหญิงหนีอีก"
"เรารู้ แต่เราคิดว่ามาณสิงห์คงไม่กล้าแล้วล่ะ เราเห็นใจผู้หญิงด้วยกันนะ ศิศิราคงทุกข์มากที่ต้องฝืนใจอยู่กับพี่ทีฑายุ" กัญญาภัคตีหน้าเศร้า แกล้งให้ไมยาดินเห็นมุมอ่อนโยนสงสารคนอื่น ซึ่งได้ผล ไมยาดินมีท่าทีคลายความกังวล...
ooooooo
ตอนที่ 15
จากเหตุการณ์ที่ประสบกับตัวเอง ทีฑายุเป็นห่วงศิศิราอยากให้อยู่แต่ในวัง เพราะช่วงนี้ในเมืองไม่ค่อยปลอดภัย แต่ศิศิราที่ขุ่นเคืองใจเรื่องระหว่างทีฑายุกับกัญญาภัคกลับดื้อรั้นดึงดันอย่างถือดี จะไม่ยอมทำตามคำพูดของทีฑายุ
ขณะเดียวกันนั้น โกญจนาทกำลังวางแผนปั่นป่วนบ้านเมืองอีก สั่งไมยาดินไปเผาบ้านแถวชายแดน แล้วให้ปล่อยข่าวว่าคนร้ายเป็นพวกโจรนิราษิณ เขาอยากรู้ว่าทีฑายุจะเต้นสักเพียงไหน...เมื่อทีฑายุทราบเหตุร้ายในเช้าวันรุ่งขึ้นก็ร้อนใจ จนอยู่ไม่ติด จะไปลากตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว
ด้านศิศิราเมื่อรู้ข่าวนี้ก็ร้อนใจเช่นกัน อยากรู้ว่าใครกัน ที่ฆ่าประชาชนของเธอ จึงเปลี่ยนแผนจากการไปเที่ยวนอกวัง
ไปค้นหาความจริงแทน แต่ไปไม่ทันพ้นเขตวัง ศิศิราและมาณสิงห์ ก็ต้องหลบพวกดรัณย์ที่กำลังจะตามทีฑายุออกไปชายแดน
ทีฑายุ ดรัณย์ ประสันต์ มาลข่าน ทุกคนมีอาวุธครบมือมุ่งหน้าไปชายแดนที่ได้รับความเสียหาย แต่แล้วทีฑายุที่มุทะลุไม่ฟังเสียงห้ามของเพื่อนๆเดินข้ามเขตรอยต่อแคว้นปัญจารัตน์กับแคว้นนิราษิณเข้าไป จึงถูกทหารของนิราษิณควบคุมตัวไว้ ราเชนทระกษัตริย์แห่งนิราษิณเห็นว่าทีฑายุคือหลานของโกญจนาท และยังเป็นพี่ชายของกัญญาภัค หญิงงามที่น่ารักน่าทะนุถนอม จึงเรียกสันชัยมาสั่งเฉียบ
"ปล่อยตัวทีฑายุกลับไป แต่เราต้องแสดงท่าทีให้ปัญจา-รัตน์รู้ว่า ถึงจะเป็นบ้านใกล้เรือนเคียง ปัญจารัตน์ก็ต้องเคารพในทุกตารางนิ้วของนิราษิณเหมือนกัน สั่งลงไปว่าเราให้ปิดด่านการค้าของสองแคว้นทุกด่าน ไม่มีกำหนด"
ไม่ทันข้ามวัน คำสั่งปิดด่านการค้าก็ส่งผลให้ทั้งชาวบ้านและพ่อค้าแม่ขายของปัญจารัตน์เดือดร้อน ออกมาโวยวายที่หมดทางทำมาหากินอย่างคับแค้นใจ ศิศิราที่แอบปลอมตัวออกจากวังมากับมาณสิงห์ พร้อมด้วยญาณีและส้มเสี้ยวจึงโดนลูกหลง เมื่อญาณีกับส้มเสี้ยวเกิดมีปากเสียงกับชาวบ้านที่อยู่ฝ่ายโกญจนาท มาณสิงห์ตกใจที่เห็นศิศิราที่อยู่ในกลุ่มญาณีจะถูกทำร้าย เผลอร้อง
เรียกเจ้าหญิงขึ้นมา ทำให้ชาวบ้านกลุ่มนั้นเพ่งเล็งศิศิรา ด้วยความโกรธแค้น ด้วยเข้าใจว่าศิศิราไม่รักประชาชนอย่างโกญจนาท มาณสิงห์เลยต้องกันศิศิราออกมา ท่ามกลางความวุ่นวายโกลาหล
ขณะเดียวกัน โกญจนาทอยู่ในวังอย่างสบาย เมื่อรู้เห็นว่าทีฑายุถูกทหารนิราษิณปล่อยตัวกลับมา ก็รีบมาเยาะหยัน ท่ามกลางทหารฝ่ายของตน และฝ่ายศิศิราอย่างนายพลวิชัย
"เป็นยังไงล่ะ ความมุทะลุไม่ฟังใครของสามีเจ้าหญิง เกือบจะก่อสงครามระหว่างแคว้น ดีว่าเอาตัวรอดมาได้ แต่คนรับเคราะห์แทนกลับเป็นประชาชนตาดำๆ ที่ทำมาค้าขายไม่ได้"
"เรากับนิราษิณไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง ส่งคนไปเจรจาทำความเข้าใจกัน ด่านต่างๆก็น่าจะเปิดได้" วิชัยเอ่ยขึ้น
"ส่งใครไปดีล่ะ" โกญจนาทสีหน้าเยาะหยัน "ผองเพื่อนของท่านพระสวามีดีมั้ย สารรูปนักดนตรีข้างถนนคงขับกล่อมเพลงทำให้กษัตรย์ราเชนทระใจอ่อน"
"เราจะไปเอง" ทีฑายุสวนทันที
"ช่างมีความรับผิดชอบ...อย่างคนสิ้นคิด" ทาอูเหยียดยิ้ม ดูถูก...โกญจนาทกระหน่ำทีฑายุอีก
"นิราษิณจะได้หัวเราะเยาะผู้นำหนุ่มของปัญจารัตน์ สะพายปืนเข้าไปไล่ยิงทหารเหมือนคนบ้า นี่เหรอผู้ที่คิดจะนำบ้านเมือง"
"เราจะช่วยแก้ปัญหานี้" วิชัยพูดโพล่ง
"ไหวเหรอท่าน ท่าทางผู้นำของท่านป้อแป้เหลือเกิน เห็นทีคืนนี้ก็คงไปวางแผนแก้ปัญหาบ้านเมืองในหอนางโลม"
ทีฑายุทนไม่ไหวพุ่งเข้าไปจะเอาเรื่องทาอูที่ปากดี แต่พวกประสันต์รีบดึงทีฑายุไว้ โกญจนาทเห็นแล้วสะใจเป็นที่สุด เอ่ยสรุปด้วยเสียงทรงอำนาจอย่างผู้ชนะในเกมนี้แบบพับกระดาน
"เห็นแล้วใช่มั้ย ว่าผลงานสวามีของเจ้าหญิงกำลังจะพาปัญจารัตน์ไปสู่ความวิบัติ"
ooooooo
ตกกลางคืน กัญญาภัคมีโอกาสพูดคุยกับทีฑายุ ตามลำพัง กัญญาภัคคาดว่าเหตุการณ์ทั้งหมดอาจจะเป็นฝีมือของโกญจนาทที่จงใจทำให้ทีฑายุกลายเป็นตัวตลก ซึ่งเธอต้องขอโทษทีฑายุที่เธอช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย
"ไม่เป็นไร" ทีฑายุลูบผมกัญญาภัคเบาๆ ขณะเธอเข้ามาซบอก
ศิศิรายืนมองทั้งคู่อยู่ในมุมมืด เธอไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน รู้แต่ว่าภาพที่เห็นช่างบาดตาบาดใจจนเธอยืนอยู่ตรงนั้น ต่อไปไม่ได้ ต้องหันหลังเดินออกไปเงียบๆ
"พี่จะไปคุยกับลุง" ทีฑายุตัดสินใจ แต่กัญญาภัค รีบห้ามด้วยความห่วงใยทีฑายุจริงๆ
"อย่าเพิ่งเลยค่ะ กัญญากลัว ท่านไม่เคยให้อภัยใครง่ายๆ อย่าเพิ่งไปเลยนะคะ"
"ปัญหานิราษิณเป็นเรื่องใหญ่"
"พี่ทีฑายุไว้ใจกัญญาหรือเปล่าคะ ถ้าไว้ใจ กัญญาขอช่วยแก้ปัญหานี้เอง"
"กัญญาจะทำยังไง"
"อย่าเพิ่งถามเลยค่ะ กัญญาไม่อยากเห็นใบหน้าที่มีแต่ความกังวลของพี่ กัญญาจะเอารอยยิ้มและความสบายใจกลับคืนมาให้พี่ทีฑายุเอง" กัญญาภัคยิ้มอย่างมั่นใจ...
(อ่านต่อพรุ่งนี้)