@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 7/2
มงกุฎแสงจันทร์ 20/11/52
ตอนที่ 7 (ต่อจากวานนี้)
กัญญาภัคเพิ่งรู้ว่ามาณสิงห์ไม่ได้หนีมากับศิศิรา เพราะสถานที่ที่มาณสิงห์กับธนูเพลิงพาเธอมาไม่มีแม้แต่เงาของศิศิรา หรือพวกทีฑายุสักคน เมื่อไมยาดินและทหารนับสิบตามมาเจอ ธนูเพลิงจึงเร่งมาณสิงห์ให้ตัดหัวกัญญาภัค แต่มาณสิงห์กลับสั่งธนูเพลิงไปเตรียมรถ
ธนูเพลิงหันหลังออกไป กัญญาภัคเหงื่อแตกเต็มหน้า มองมาณสิงห์อย่างสุดจะคาดเดา
"ครอบครัวเธอนี่มันเกิดมาหนักแผ่นดิน" มาณสิงห์ กระแทกเสียงแล้วปล่อยมือจากกัญญาภัค
"ถ้าฉันไม่ตาย แกก็ต้องตายด้วยมีดเล่มนั้น"
พวกไมยาดินเข้ามาใกล้ทุกที มาณสิงห์กำมีดในมือแน่น กัญญาภัคจ้องลุ้นระทึก พลันเสียงไมยาดินก็ร้องเตือนพรรคพวกให้ระวัง มันฝังระเบิดไว้...
ไมยาดินมองไปที่สลักเหนือพื้นดิน ขณะที่ข้างในบ้านร้างเงียบกริบ ไมยาดินและทหารค่อยๆคืบคลานเข้าไป จนเห็นกัญญาภัคถูกปิดปากหัวห้อยมัดโยงอยู่กับขื่อด้วยโซ่ขนาดใหญ่ ทหารรีบตัดเชือก ไมยาดินรอรับกัญญาภัคด้วยวงแขนที่ แข็งแรง ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้แทบสัมผัสลมหายใจของกันและกัน ไมยาดินถึงกับตะลึง แต่อึดใจก็ได้สติเมื่อกัญญาภัคโวยวาย
"มายืนหน้าโง่ทำไม มันหนีไปแล้ว ไปตามมันสิ..." กัญญาภัคพูดไม่ทันขาดคำ ธนูเพลิงก็ขับรถพุ่งเข้ามา มาณสิงห์ ยืนในรถกราดยิงไม่นับ ทหารล้มตายระเนระนาด ไมยาดินคว้าร่างกัญญาภัคโอบและกลิ้งตัวหลบ มาณสิงห์กราดยิงอีกชุด ก่อนรถจะทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง ไมยาดินได้แต่ยิงไล่หลังอย่างเจ็บใจ แล้วหันกลับมาที่กัญญาภัค
"คุณกัญญาเจ็บตรงไหนหรือเปล่า"
"เจ็บตอนที่แกปล่อยให้มันรอดไปนั่นแหละ" กัญญาภัคสะบัดเสียงใส่ ไมยาดินสลด ก้มหน้านิ่ง
เมื่อกลับไปถึงบ้าน สินาตีซึ่งรอคอยลูกสาวสุดที่รักอย่างจดจ่อก็โผเข้ากอดลูก แต่ลูกสาวแกะมือแม่ออก รีบเดินไปหาพ่อ บอกพ่อว่า ศิศิราต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ไม่น่าจะเป็นแถวนั้น
"ขอบใจมาก" โกญจนาทแตะไหล่กัญญาภัคเบาๆ แล้วเดินออกไป
สินาตียังแค้นมาณสิงห์ไม่หาย ขณะเดียวกันก็ชื่นชมไมยาดินที่ไปช่วยลูกสาวของเธอทันเวลา แต่ดูเหมือนกัญญาภัคไม่ได้คิดเช่นนั้น เธอวางท่าเฉยเมยกับไมยาดิน ซ้ำยังตอบกลับอย่างไม่ไยดี เมื่อไมยาดินแสดงความห่วงใย ไมยาดินจึงได้แต่เก็บกดความไม่พอใจที่กัญญาภัคแบ่งชนชั้นพูดจาเหยียดเขา
เมื่ออยู่ลำพังคนเดียว กัญญาภัคอดนึกถึงคำพูดดูถูกหยามหยันของมาณสิงห์ไม่ได้ มาณสิงห์จงรักภักดีต่อศิศิรา แต่กับกัญญาภัค มาณสิงห์บอกว่าเธอสวยก็จริง แต่ยังไงก็เทียบไม่ได้กับหัวใจที่บริสุทธิ์งดงามของศิศิรา อีกทั้งคนอย่างพ่อของกัญญาภัคก็ไม่มีวันเป็นกษัตริย์ได้ เพราะกษัตริย์ทรงมีแต่ความรักความเมตตา
"ทำไมผู้ชายทุกคนถึงยอมตายถวายชีวิตเพื่อเธอ... ศิศิรา" กัญญาภัครำพึงออกมาด้วยความเกลียดชัง...
ทีฑายุก็เป็นอีกคนที่ปกป้องคุ้มครองศิศิราด้วยชีวิต ซึ่งศิศิรารู้สึกซาบซึ้งในความช่วยเหลือของเขาทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บที่ขา เธอจึงช่วยทำแผลให้เขาเป็นการตอบแทน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ถือโอกาสชมธรรมชาติกลางป่า ขณะที่พวกเพื่อนๆทีฑายุ อีกทั้งญาณีและส้มเสี้ยวก็เหมือนจะรู้เห็นเป็นใจ
ตกค่ำ ทีฑายุสร้างความประทับใจให้ศิศิราโดยที่เธอไม่รู้ตัวมาก่อน ทีฑายุและคนอื่นๆช่วยกันตกแต่งจำลองวิหารร้างเป็นวัง แล้วทำมงกุฎดอกไม้ให้ศิศิรา ซึ่งทีฑายุเน้นย้ำว่า นี่คือมงกุฎที่ชายไร้ฐานันดรศักดิ์ถักทอขึ้นจากละอองผิวรอบดวงใจอันต่ำต้อย เป็นเพียงมงกุฎที่สามัญชนคนหนึ่งขอมอบให้ศิศิรา เจ้าหญิงผู้เป็นดังน้ำค้างสดใสงดงามเหนือบัลลังก์ ทั้งๆที่รู้ว่าค่าของมงกุฎดอกไม้ไม่อาจเทียบได้กับค่าแห่งมงกุฎแสงจันทร์
"หากเป็นมงกุฎจากใจ ค่าก็มิด้อยกว่ามงกุฎใดๆเลย" ศิศิราย่อตัวลงให้ทีฑายุสวมมงกุฎดอกไม้บนศีรษะ แล้วทั้งคู่ สบสายตาถ่ายทอดความรักอย่างลึกซึ้งให้แก่กัน
"ขอให้เจ้าหญิงศิศิรา เจ้าหญิงแห่งบัลลังก์แสงจันทร์ ทรงพระเจริญ"
"เจ้าหญิงศิศิราจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก"
ญาณีกับส้มเสี้ยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม...ดรัณย์ ประสันต์ มาลข่าน ก้าวมายืนเบื้องหน้าใกล้ๆกับทีฑายุ แล้วปฏิญาณตนขอเป็นสี่ทหารเสือที่จงรักภักดีต่อเจ้าหญิง พวกเราจะยอมตายเพื่อราชวงศ์
"ขอบคุณทหารกล้าของเราทุกคน ขอบคุณเพื่อนที่ดีที่สุด และขอบคุณสำหรับมงกุฎแสงจันทร์ ที่จะไม่มีวันโรยราไปจากใจเรา"
ศิศิรายิ้มให้ทุกคน และมาหยุดที่ทีฑายุเป็นคนสุดท้าย...
ooooooo
ตอนที่ 8
สายวันใหม่ ขณะทุกคนแยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย ไมยาดินกับทหารกลุ่มหนึ่งได้จู่โจมเข้ามาจับกุมตัวทุกคนอย่างไม่คาดคิด แม้ทีฑายุและเพื่อนทั้งสามพยายามต่อสู้ขัดขืน แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะพวกไมยาดินที่มีอาวุธครบมือได้ ทุกคนบาดเจ็บไปตามกัน ก่อนจะถูกจับเข้าวังพร้อมศิศิรา ญาณี และส้มเสี้ยว
พวกทีฑายุถูกจับขังคุก ส่วนศิศิราถูกนำตัวเข้ามาในท้องพระโรงราวนักโทษรอการสอบสวน แต่เธอไม่แม้แต่จะมองโกญจนาทที่ยืนวางอำนาจอยู่เบื้องหน้า
"เจ้าหญิงบีบให้เราต้องทำเหมือนคนโหดร้าย ไม่มีมนุษยธรรม ยิ่งหนี ยิ่งดิ้นรน ทางออกของเจ้าหญิงก็เหลือน้อยลง เพื่อให้บัลลังก์แสงจันทร์มั่นคง และปัญจารัตน์มีความสงบสุข เราได้เลือกหนทางไว้ให้แล้ว...คือเจ้าหญิงต้องแต่งงาน" ศิศิราเงยหน้ามองโกญจนาทด้วยแววตาตื่นตระหนก "ฟังไม่ผิดหรอก เพื่อบ้านเมือง ขัตติยนารีอย่างเจ้าหญิงศิศิราต้องแต่งงานกับสายเลือดของโกญจนาท"
ศิศิรารู้สึกขยะแขยงที่สุด หันหลังวิ่งออกไปยืนร้องไห้ น้ำตาไหลพราก แล้วยิ่งเจ็บช้ำจนแทบยืนไม่อยู่ เมื่อกัญญาภัคกับสินาตีตามมาเยาะหยันราวกับเธอเป็นทาสก็ไม่ปาน ส่วนไมยาดินซึ่งได้รับคำสั่งจากโกญจนาทก็กำลังปลดปล่อยพวกทีฑายุออกจากคุก เพราะในวังกำลังจะมีงานใหญ่ พวกขี้ข้าขี้ครอกริมถนนพวกนี้จึงไม่สมควรจะถูกขังให้เป็นเสนียด
เมื่อรู้ว่าศิศิรากำลังจะแต่งงานกับเจ้าบ่าวที่โกญจนาทเลือกเฟ้นมาให้ ทุกคนจึงวางแผนให้ทีฑายุแอบเข้าไปพบศิศิรา โดยเพื่อนๆของเขาทุกคนและส้มเสี้ยวจะคอยดูต้นทางให้...เมื่อศิศิราได้ยินเสียงเป่าใบไม้ ก็รู้ทันทีว่าเป็นทีฑายุ เธอจึงแอบออกไปพบเขาที่สวนดอกไม้ แล้วร่ำไห้ขอร้องให้เขาช่วยเธอด้วย เธอไม่อยากแต่งงานกับสายเลือดของโกญจนาท ทายาทของกบฏ...ทีฑายุได้แต่โอบกอดปลอบใจเธอ แต่ไม่รับปาก
วันต่อมา โกญจนาทรุกเร่งศิศิราให้ตัดสินใจเรื่องแต่งงาน ถ้าไม่อยากเห็นธราเทพต้องตาย ศิศิราสุดคับแค้น แต่ยังไม่ตอบรับ จากนั้นก็หาทางพบทีฑายุอีกครั้งเพื่อให้เขาช่วยชิงตัวธราเทพออกมาให้ได้ แต่ทีฑายุท้วงว่า เจ้าชายยังเด็กเกินไปกับความลำบาก
ในที่สุด โกญจนาทก็ข่มขู่บังคับจนศิศิราต้องยอมรับสภาพในวันรุ่งขึ้น...ส่วนมาณสิงห์ที่ถูกไมยาดินตามจับได้พร้อมธนูเพลิง ก็รู้ข่าวการแต่งงานของศิศิราก่อนจะถูกจับยัดคุกหมดอิสรภาพ
ภายในท้องพระโรงที่เต็มไปด้วยทหารน้อยใหญ่ของโกญจนาท ศิศิราถูกควบคุมตัวเข้ามายืนต่อหน้าโกญจนาทและสินาตีที่นั่งคู่กันบนบัลลังก์
"เพื่อความสุขสงบของบ้านเมืองปัญจารัตน์ เจ้าหญิงศิศิราจะทรงอภิเษกสมรส" คำพูดของโกญจนาททำให้หลายคนที่ไม่รู้มาก่อนต่างส่งเสียงฮือฮาสงสัย ไม่เว้นแม้แต่ทาอู
ทหารคนสนิทของโกญจนาท
"ใครกัน ท่านโกญจนาท" ทาอูเอ่ยถาม
"กับคนที่เหมาะสม คู่ควรที่สุดในแผ่นดิน"
"ต้องเป็นเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ต่างเมืองแน่ๆเลย" น้ำเสียงทาอูประชดประชัน
"ไม่ใช่เจ้าชาย แต่พระสวามีของเจ้าหญิงศิศิราคือเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลเรา"
สิ้นเสียงทรงอำนาจของโกญจนาท ทีฑายุก็เดินเข้ามาช้าๆ ท่ามกลางเสียงฮือฮาและสายตาตกตะลึงของทุกคน โดยเฉพาะกัญญาภัคที่ส่ายหน้ารับไม่ได้
"เขาคือทายาทคนเดียวที่จะสืบทอดทุกสิ่งทุกอย่างจากเรา เป็นสายเลือดที่เรารักและไว้วางใจที่สุด"
ทีฑายุก้าวเข้ามายืนเคียงข้างศิศิราที่รู้สึกชาวาบไปทั้งตัว มือที่กำมงกุฎดอกไม้สั่นเทา นึกไม่ถึงกับความจริงที่พลิกผัน....กัญญาภัคจ้องทีฑายุกับศิศิราด้วยแววตาลุกโชนไปด้วยความผิดหวัง ต่างจากโกญจนาทเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสมหวังปลื้มเปรม
"ทีฑายุคือหลานชายคนเดียวของเรา และจะเป็นสวามีของเจ้าหญิงศิศิรา"
"คงดีใจจนอยากร้องไห้ สวมมงกุฎให้เจ้าบ่าวหน่อยสิ" ทีฑายุไม่พูดเปล่า ทำท่าจะหยิบมงกุฎดอกไม้ในมือศิศิรา แต่ ศิศิรายกมงกุฎขึ้นฟาดหน้าเขาเต็มแรง
"เราไม่แต่งงานกับผู้ชายหน้าไหว้หลังหลอก"
"น่าเสียดาย มงกุฎดอกไม้จากใจชายต่ำต้อย" ทีฑายุ ยิ้มกวน
"เห็นทีจะเป็นวิวาห์มหาสนุก" ทาอูเยาะ
"สภาพแบบนี้ จะแต่งกันเข้าไปได้ยังไง" สินาตีเอ่ยอย่างขัดใจ โกญจนาทสวนทันควันว่า
"ทำไมจะแต่งไม่ได้ ในเมื่อเป็นความต้องการของเรา"
"อย่าได้ฝันว่าสองสายเลือดจะผสานกันเลย โกญจนาท เราไม่แต่งงานกับทีฑายุ" ศิศิราประกาศกร้าว ทีฑายุเอียงหน้ามาเน้นย้ำให้ได้ยินกันสองคน
"ไม่แต่ง...น้องชายก็ตาย"
อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 7-8
(อ่านต่อพรุ่งนี้)