@^@..อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 15-16
อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 15
หน้าทางเข้าสวนรถไฟ รปภ.เปิดไม้กั้นให้รถออก รถของโป้งแล่นสวนเข้าไปทันที รปภ.ร้องเรียกให้รับบัตรก่อน ไม่ทันไร รถตำรวจแล่นตามเข้ามา รปภ.ถึงกับยืนเกาหัวด้วยความงง...
โป้งจอดรถให้ต้อมพาวีสี่ลงไปกับวีสามก่อน เขากับลิซ่าจะไปสกัดรถตำรวจไว้ ลิซ่ามองไปเห็นหัวฉีดดับเพลิงแถวนั้นจึงคิดอะไรได้
ต้อมกับวีสามประคองวีสี่มุ่งหน้าหาลานกว้าง เผอิญเจอสำเริง สิน และอ๊อดกำลังเดินหาวีสี่อยู่พอดี
"ป๊า พวกมันอยู่นั่น" สินชี้บอกสำเริง
"ไอ้ต้อม ส่งตัววีสี่มาให้ข้าเดี๋ยวนี้"
"อ๊อดจัดการเองครับเสี่ย" อ๊อดคว้าไม้แถวนั้นวิ่งเข้าไป จะทำร้ายต้อม
วีสามใช้พลังจากฝ่ามือซัดร่างอ๊อดกระเด็นไป แล้วบอกต้อมให้พาวีสี่หนีไปก่อน สำเริงกับสินช่วยประคองอ๊อดให้ลุกขึ้น สินถามสำเริงว่าจะทำอย่างไร สำเริงบอกให้ลุยทั้งสามคนดาหน้าเข้าหาวีสาม วีสามใช้พลังซัดทั้งสามคนกระเด็นไปพร้อมกัน
ด้านรถตำรวจที่แล่นตามมา เห็นรถของโป้งจอดอยู่ จ่ารีบรายงาน "มันต้องเข้าไปในอาคารแล้วแน่ๆเลยครับสารวัตร"
สารวัตรวินัยพยักหน้าเชิงว่าให้ลงจากรถ พลันโป้งกับลิซ่าที่ซุ่มอยู่ เอาหัวฉีดดับเพลิงมาช่วยกันฉีดใส่ตำรวจ ทั้ง สารวัตรและจ่าไม่ทันตั้งตัวหงายล้มกลับเข้าไปในรถ สองคนฉีดกันอย่างเมามัน
"ฮ่าๆๆๆให้มันรู้ซะบ้าง เล่นกะใครไม่เล่นมาเล่นกับไอ้โป้ง เก่งจริงก็ออกมาจากรถสิวะ ออกมาเลย"
"อุ๊ย สนุกดีเหมือนกันนะโป้ง"
"ใช่ลิซ่า ตอนเด็กๆอยากเล่นแบบนี้มานานแล้ว
ฮ่าๆๆๆ"
อารามเมามัน โป้งดึงจนสายยางหลุดจากขั้ว เขาร้องเฮ้ย! เป็นโอกาสให้สารวัตรและจ่าออกมาจากรถได้ โป้งกับลิซ่าทิ้งของวิ่งหนีไปทันที...
ooooooo
บริเวณทางเดินในสวน ต้อมแบกร่างวีสี่หนีมา โดยวีสามคอยระวังหลัง สำเริง สิน และอ๊อดยังคงตามมาห่างๆ วีสามถามต้อมว่าอีกไกลไหมกว่าจะถึงลานกว้าง ต้อมตอบว่าไม่เกินสิบเมตร สินเห็นต้อมกับพวกวิ่งห่างออกไปทุกที จึงถามสำเริงว่าจะทำอย่างไรดี
"ไม่สนใจแล้วโว้ย วันนี้เป็นไงเป็นกันข้าขอสู้ตายเพื่อเรดาร์เรคคอร์ด พวกเราต้องแย่งตัววีสี่กลับมาให้ได้" สำเริงร้องสั่ง
"จะลุยอีกเหรอเสี่ย จะไหวเหรอครับ" อ๊อดชักหวั่น
"ลุยไม่ได้ก็ใช้เครื่องทุ่นแรงสิวะ" สำเริงคว้าก้อนหินปาใส่พวกต้อมทันที
วีสามจึงหันมาใช้พลังสกัดก้อนหินกระเด็นกลับไปใส่สำเริงถึงกับหงายหลังตูม สำเริงร้องลั่น สินกับอ๊อดรีบเข้าประคอง วีสามกับต้อมพาวีสี่หนีต่อเพราะใกล้จะถึงที่หมายเข้าไปทุกที
บนยานอวกาศ วีหนึ่งและวีสองติดต่อวีสามว่าอีกไม่เกินสิบนาทีจะถึงที่หมาย วีสามตอบกลับว่าเขาก็ใกล้ถึงจุดนัดพบเช่นกัน
"เร่งมือด้วย ตอนนี้สหายวีสี่อาการสาหัสมาก" วีสามรายงานไปที่ยานแม่
วีสี่ซึ่งอยู่บนหลังต้อมค่อยๆอ่อนแรงลงทุกที แขนเธอร่วงลงข้างตัว ต้อมตกใจ
"วีสี่เป็นอะไรรึเปล่า วีสี่"
"วีสี่โอเคพี่ต้อม วีสี่...โอเค" วีสี่คราง
ต้อมใจหาย พอดีวีสามชี้ไปที่ทางเข้าว่ามีแม่กุญแจอันใหญ่คล้องอยู่ ทันใดเสียงคนวิ่งตามมา พวกต้อมสะดุ้งหันไปมอง โชคดีที่เป็นโป้งกับลิซ่า โป้งถามต้อมว่ารออะไรอยู่ ต้อมชี้ที่ประตูให้ดูว่ามันถูกล็อก
ลิซ่าร้องลั่น "ตาเถร ทำไงดีฮะเนี่ย อ้อมไปอีกทางคงไม่ทันแน่ๆเลยฮ่ะ"
"ทุกคนหลีกไป เดี๋ยวผมจัดการเอง" วีสามให้ทุกคนถอยออกห่างเพื่อใช้พลัง
แต่แล้วพลังของวีสามอ่อนลง จึงทำให้แม่กุญแจแค่ แกว่งไปมาเท่านั้น โป้งจึงรีบไปหาอะไรมางัด
ooooooo
ขณะที่อ๊อดกับสินปฐมพยาบาลสำเริงอยู่ สารวัตรกับจ่าวิ่งมา จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น สำเริงโยนความผิดให้ต้อมว่าเป็นคนทำร้ายเขาแล้วพาวีสี่หนีไปอีก ตำรวจจึงรีบวิ่งตามไป สินบอกอ๊อดให้รีบตามไปดู จึงลืมสำเริงทิ้งโครมลงกับพื้น สำเริงร้องลั่นให้พาเขาไปด้วย
เมื่อโป้งใช้ก้อนหินทุบแม่กุญแจจนพัง ต้อมรีบแบกวีสี่เข้าไปในลานอเนกประสงค์ วีสามแจ้งให้ยานแม่ทราบ "ยานแม่ พวกคุณอยู่ที่ไหน ตอนนี้เรามาถึงจุดนัดแล้ว"
"ขณะนี้ยานแม่กำลังรีบเดินทาง จะถึงที่หมายในอีกห้านาที...สหายวีสองเร่งเครื่องเต็มกำลัง" วีหนึ่งสั่งวีสอง
"สหายหัวหน้าครับ ถ้าเกิดชาวโลกเห็นยานของพวกเรา..."
"ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น มาถึงขั้นนี้แล้วต้องช่วยสหายวีสามกับวีสี่กลับมาให้ได้"...
ต้อมประคองวีสี่นอนบนตักกลางสนามหญ้า เขาพยายามปลอบวีสี่ว่ายานแม่กำลังมา เธอจะได้กลับบ้านแล้ว แต่แล้วต้อมต้องตกใจเมื่อเห็นเลือดทะลักออกจากแผลของวีสี่อย่างมาก วีสี่ดูอาการแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
"เธอได้ยินใช่มั้ยวีสี่ อย่าเพิ่งเป็นอะไรตอนนี้นะ"
"วีสี่ไม่อยากกลับบ้านเลยพี่ต้อม วีสี่อยากตายอยู่ที่นี่" วีสี่พูดอย่างอ่อนแรง
"ไม่มีเวลาเปลี่ยนใจแล้ววีสี่ วีสี่ต้องรีบไป ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้"
"แต่เราจะไม่ได้เจอกันอีก..."
"ต้องเจอสิวีสี่ ตราบใดที่เรายังไม่ตาย ตราบนั้นเราก็ยังมีความหวัง" ต้อมกอดวีสี่ให้กำลังใจ
ในขณะที่วีสามเฝ้ามองอย่างปวดร้าว ลิซ่าเหลือบเห็นตำรวจกับพวกสำเริงมา สะกิดบอกโป้ง ทั้งสองรีบไปหาทางขวาง โป้งกับลิซ่าพยายามดันประตูไม่ให้เข้ามา สำเริงตะคอก
"ไอ้โป้ง นังลิซ่า แกถอยไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะไล่ พวกแกออก"
"ออกก็ออกครับเสี่ย คนอย่างโป้ง เสียงานแต่ไม่ยอมเสียเพื่อนหรอกครับ"
"ลิซ่าด้วยค่ะ คนอย่างลิซ่าก็ไม่ทิ้งเพื่อนเหมือนกัน"
สินสั่งอ๊อดให้ออกแรงดัน สารวัตรกับจ่าช่วยกันดันด้วย วีสามเห็นท่าไม่ดีจึงใช้พละกำลังอีกเฮือกดันประตูจนพวกสำเริงไม่สามารถเข้ามาได้ วีสามยังคงติดต่อยานแม่
"สหายหัวหน้า ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหน ทางนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว"
"ไม่ต้องห่วงสหายวีสาม เราจะถึงเป้าหมายในอีกสามนาที" วีหนึ่งสั่งวีสองเร่งเครื่องสุดกำลัง เตรียมเครื่องขนย้ายมวลสารให้พร้อม
วีสองรับคำสั่งปฏิบัติตาม...วีสามบอกโป้งกับลิซ่าให้ อดทนอีกนิด ยานแม่ใกล้เข้ามาแล้ว
สินเกรงว่าจะเสียวีสี่ไปจึงบอกตำรวจ "โธ่เอ๊ย คุณตำรวจ เอาปืนยิงมันเลยสิครับ"
"ฮึยไม่ได้นะคุณ ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ตำรวจก็ติดคุกได้เหมือนกันนะ"
"แต่ว่ามันจะพาวีสี่หนีไปแล้วนะคุณตำรวจ" สำเริงกลัวเสียวีสี่ไป
"ก็ต้องให้หนีก่อนสิครับ ถึงจะมีสิทธิ์ใช้ปืน"
สำเริงกับสินฮึดฮัดขัดใจ
ooooooo
ขณะที่ต้อมพะวักพะวนระหว่างวีสี่กับพวกโป้ง เขาหันมาทางวีสี่ก็พบว่าเธอนิ่งไป ต้อมใจหายวาบ ร้องเรียกวีสี่เสียงดัง วีสี่พึมพำว่าเธอง่วงมาก
"อย่าเพิ่งหลับตอนนี้นะวีสี่ ยานแม่กำลังมาแล้ว เข้มแข็งเข้าไว้ วีสี่จะตายตอนนี้ไม่ได้นะ...วีสี่ลืมตาสิ มองหน้าฉันไว้นะวีสี่ แล้วพูดว่าโอเค พูดสิ..." วีสี่ทำท่าจะหมดสติ ต้อมเขย่าตัวเธอให้ลืมตาขึ้นมา
"วีสี่...วีสี่...เสียใจ เราไม่น่ารักกันเลยพี่ต้อม" วีสี่ยกมือลูบหน้าต้อม น้ำตาไหลพราก
"ทำไม...ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะวีสี่"
"ถ้าเราไม่รักกัน เราก็คงไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้"
ต้อมกลั้นน้ำตาก่อนจะพูด "ไม่จริงหรอกวีสี่ ทุกอย่างมันคุ้มกันที่สุดแล้ว ทุกอย่างที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ พี่ไม่เคยเสียใจ...จำที่เราเคยสัญญากันได้มั้ย ที่เราเคยพูดว่าจะมีความสุขด้วยกันจนถึงวินาทีสุดท้าย"
พลันท้องฟ้ามืดครึ้ม เพราะการมาของยานอวกาศทำให้ ท้องฟ้าแปรปรวน
"พี่ต้อม..." วีสี่คราง
"พี่รักวีสี่ พี่ไม่เคยเสียใจที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับวีสี่ ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแค่ไม่กี่เดือน แต่มันก็มีความหมายสำหรับพี่ไปจนชั่วชีวิต พี่จะไม่ลืมวีสี่ พี่จะรอวีสี่จนกว่าเราจะได้พบกันอีก"
ยานอวกาศเคลื่อนตัวลงต่ำ ปรากฏตัวเด่นชัดอยู่บนท้องฟ้า สำเริง สิน อ๊อด สารวัตร และจ่า รวมทั้งโป้งและลิซ่าต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง หยุดการใช้กำลังต่อกัน วีสามรีบวิ่งมาตรงกลางลานแล้วชูมือให้สัญญาณ
"สหายวีสาม รีบพาสหายวีสี่มาประจำตำแหน่ง เครื่องขนย้ายมวลสารพร้อมแล้ว"
วีสามรับคำสั่งจากวีหนึ่ง หันไปตะโกนบอกต้อม "สหายต้อม เราต้องเดินทางแล้ว"
ต้อมสบตากับวีสี่ก่อนจะออกแรงอุ้มเธอขึ้น วีสี่ครางเรียกต้อมเป็นเชิงว่าเธอไม่อยากไป ต้อมพยายามกลั้นน้ำตาไม่มองตาวีสี่ เขาค่อยๆก้าวไปหาวีสาม ทุกย่างก้าวของต้อม เขานึกถึงตั้งแต่ที่วีสี่มาถึงโลกและที่ผ่านมา ซึ่งเขามีความสุขกับวีสี่ จนน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมา
"พี่โอเควีสี่ พี่ต้อมโอเค พี่ต้อมจะอยู่รอวีสี่ที่นี่ วีสี่ต้อง กลับมานะ"
"วีสี่จะกลับมา ไม่ว่าอยู่หรือตาย วีสี่จะกลับมาหาพี่ต้อม"
ทั้งสองสบตากัน ต้อมเดินมาถึงวีสาม เขาส่งร่างวีสี่ให้กับวีสาม "ฝากดูแลวีสี่ด้วยสหายวีสาม"
วีสามพยักหน้าก่อนจะมองไปทางโป้งและลิซ่า "โชคดีนะสหายชาวโลกทุกท่าน ขอบคุณมากสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง"
"โชคดีครับคุณวีสาม" โป้งโบกมือลา
"แล้วเจอกันใหม่นะ ตะเอ๊ง..." ลิซ่าจีบปากจีบคอ
"วีสี่จะไปแล้วนะป๊า" สินเตือนสำเริง
"เออ...ปล่อยเค้าไปเถอะ" สำเริงยังช็อกอยู่
"สารวัตรเห็นอย่างที่ผมเห็นรึเปล่าครับ" จ่าถาม
"เห็น เห็นเต็มๆเลยจ่า ยานอวกาศ มนุษย์ต่างดาว"
อ๊อดไม่ลืมที่จะหยิบมือถือมาถ่ายภาพไว้ พร้อมกับพึมพำ "กูไม่อยากเชื่อเลยจริงจริ๊ง..."
ooooooo
ห้องบังคับยาน วีสองรายงานวีหนึ่งว่าเครื่องขนย้ายมวลสารเริ่มทำงานแล้ว วีสามอุ้มวีสี่มายืนที่จุดกำหนด ลำแสงจากยานส่องลงมาบนร่างทั้งคู่ ทุกคนไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
แม้ว่าเป็นโอกาสสุดท้าย ต้อมยังคงมองหน้าวีสี่ซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของวีสาม วีสี่พยายามยกมือที่อ่อนล้าชูนิ้วให้เป็นสัญญาณว่าเธอโอเค และพยายามเปล่งเสียงบอกว่าเธอโอเค
"พี่จะรอ พี่จะรอเธอวีสี่ พี่ต้อมโอเค..." ต้อมพยักหน้ารับ
วีสี่ยิ้มให้ทั้งน้ำตา ก่อนที่ร่างเธอและวีสามจะถูกดึงขึ้นไปบนยาน แขนวีสี่ค่อยๆหมดแรงร่วงผล็อยลงข้างตัว ต้อม ตกใจรีบวิ่งเข้าไปหา โป้งกับลิซ่าตกใจ
"เฮ้ย! ไอ้ต้อมอย่าเข้าไป" โป้งกับลิซ่าช่วยกันดึงต้อมไว้
ต้อมร้องเรียกวีสี่ใจแทบขาด โป้งดึงรั้ง "ไอ้ต้อม เอ็งจะบ้าหรือไง วีสี่เค้าไปดีแล้ว ปล่อยเค้าไปเถอะ"
"อย่าทำแบบนี้สิต้อม ทำแบบนี้วีสี่เค้าจะเป็นห่วงต้อม นะ" ลิซ่าเตือนสติ
ต้อมจึงได้แต่คร่ำครวญหาวีสี่น้ำตาไหลพราก มองลำแสงที่เลือนหายไป ชั่วพริบตายานแม่ก็หายไปจากท้องฟ้า ต้อม สะเทือนใจอย่างมากที่ต่อไปนี้ไม่มีวีสี่บนโลกนี้อีกแล้ว...
บนยานอวกาศ ร่างวีสามกับวีสี่ปรากฏขึ้น วีสองรายงานวีหนึ่งว่าทั้งสองคนมาถึงเรียบร้อย วีหนึ่งจึงบอกทุกคน "เสร็จสิ้นภารกิจแค่นี้ รีบเดินทางกลับดาว"
"รับทราบ"
ในขณะที่วีสามยังคงปลอบใจวีสี่ ซึ่งยังเสียใจจากการที่ต้องจากต้อม
"เราปลอดภัยแล้วนะวีสี่ ทุกอย่างมันจบลงแล้ว"
แต่ร่างวีสี่กลับแน่นิ่งไม่ไหวติง วีสามตกใจร้องเรียกวีสี่อย่างใจหาย...
ooooooo
อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 16
ตอนที่ 16
เสียงเคาะประตูของตาชื่นดังขึ้น แต้มกับตั้มสะดุ้งตื่นเพราะตาชื่นตะโกนปลุก ทั้งสองงัวเงียลุกมาเปิดประตูถามว่ามีอะไร ทำไมต้องปลุกแต่เช้าแบบนี้
"ไอ้ต้อมมันถูกตำรวจจับ ตาจะรีบไปประกันตัว เราสองคนจะไปกับตารึเปล่า"
"ฮ้า! จริงเหรอคะคุณตา"
"ไปครับไป เดี๋ยวตั้มกับพี่แต้มขอตัวไปอาบน้ำก่อนครับ"
ตาชื่นจึงลงมารอหลานข้างล่าง สองคนรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเตรียมอาบน้ำ...
พอมาถึงโรงพัก ตาชื่นมองไปทั่วว่าจะติดต่อตรงไหนดี แต้มแนะให้ไปที่ประชาสัมพันธ์ ตาชื่นพยักหน้า
"คุณตำรวจครับ ผมจะมาประกันตัวหลานชายผมที่ชื่อต้อมน่ะครับ ไม่ทราบว่าต้องติดต่อที่ไหน"
"คดีอะไรครับคุณลุง?"
"เอ่อ รู้สึกจะเป็นคดีลักพาตัวนักร้องที่ชื่อวีสี่ค่ะ" แต้มตอบแทน
"อ๋อ ถ้างั้นไม่ต้องหรอกครับ เพราะว่าสารวัตรวินัยเพิ่งมีคำสั่งให้ปล่อยตัวเมื่อกี๊นี้เอง"
"ปล่อยตัว! ตกลงพี่ต้อมไม่ถูกดำเนินคดีเหรอครับ" ตั้มท่าทางดีใจ
สิบเวรพยักหน้ายิ้มให้อย่างเอ็นดู...ต้อม โป้ง และลิซ่าเดินออกจากกรงขังเมื่อจ่ามาเปิดประตูให้ ลิซ่าถามว่ามีคนมาประกันตัวแล้วหรือ จ่าส่ายหน้า
"เปล่า แต่สารวัตรมีคำสั่งให้ปล่อยตัวพวกคุณ"
ทั้งสามมองหน้ากันงงๆ ต้อมฉุกคิดอะไรขึ้นได้...
ขณะเดียวกัน สารวัตรวินัยกำลังหารือกับสำเริง สิน และอ๊อด "บอกตามตรงนะ ตอนนี้ผมมืดแปดด้านไม่รู้จะสรุปคดีนี้ ยังไง"
"ก็สรุปไปตามความจริงสิครับสารวัตร พวกเราทุกคนก็เห็นเหมือนๆกันหมดว่าวีสี่ไปกับมนุษย์ต่างดาว" สำเริงแนะ
"แล้วไง จะให้ผมบอกนักข่าวว่าวีสี่ถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไปงั้นเหรอ"
"เอ่อ ผมขอแก้ข่าวครับคุณตำรวจ เห็นไอ้โป้งมันบอกว่าวีสี่เค้าเป็นมนุษย์ต่างดาวครับ ที่เค้าขึ้นยานอวกาศไปก็เพราะจะหนีกลับบ้าน ไม่ได้ลักพาตัว" อ๊อดแทรกขึ้นมา
"ก็นั่นแหละ ถึงจะเป็นแบบนั้นผมก็บอกนักข่าวไม่ได้ อยู่ดี แล้วที่สำคัญถ้าผู้ใหญ่จี้เรื่องนี้ขึ้นมา จะให้ผมเขียนรายงานว่ายังไง"
"ตอนนี้วีสี่มีคิวออกงานยาวเป็นหางว่าวเลยนะป๊า ถ้าเราไปบอกเจ้าของงานแบบนี้รับรองต้องไม่มีใครเชื่อเราแน่" สินเป็นกังวล
"ถ้างั้นจะให้ป๊าทำยังไงวะ"
"ในเมื่อพูดความจริงไม่ได้ เราก็คงต้องโกหกแล้วล่ะป๊า โกหกยังไงก็ได้ขอให้นักข่าวเชื่อก็แล้วกัน"
และแล้ว สำเริง สิน อ๊อด และสารวัตรวินัยพร้อมด้วยจ่าคนสนิท ก็ยืนแถลงข่าวต่อหน้านักข่าวที่กรูกันมาที่โรงพัก พวกเขาถามเรื่องที่วีสี่ถูกลักพาตัวไปตกลงเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือ
"ใช่ครับ ทางเราก็เพิ่งได้ทราบความจริงเมื่อเช้านี้เอง คือน้องวีสี่เค้าต่อสายตรงมาคุยกับ เอ่อ...กับเจ้าสินลูกชายผมเองครับ"
สินหันขวับมองหน้าพ่อทำนองว่าโยนกันแบบนี้เลยหรือ สำเริงพยักหน้าขอให้ช่วยหน่อย นักข่าวหันมาถามสินว่าวีสี่หายตัวไปไหน
"เอ่อ...พอดีตอนที่วีสี่โทร.มา ผมไปเข้าห้องน้ำครับ ก็เลยให้ผู้ช่วยผมรับสายแทน อ๊อดครับอ๊อด" สินโบ๊ยให้อ๊อดรับหน้าแทน
อ๊อดหน้าเหวอโยนกันดื้อๆแบบนี้เลยหรือ สินพยักหน้าเช่นกัน อ๊อดก้มหน้ารำพึงกับตัวเอง "ซวยเลย ทั้งพ่อทั้งลูก โยนอุจจาระให้ไอ้อ๊อดอีกจนได้"
นักข่าวถามอ๊อดอีกครั้ง อ๊อดอ้ำอึ้ง "อ่า...คือว่าความจริงน้องวีสี่เป็นคนต่างประเทศครับ พอเอกสารเดินทางของเค้าหมดอายุ เค้าก็เลยต้องถูกส่งตัวกลับบ้าน"
"แล้วบ้านคุณวีสี่อยู่ที่ไหนคะคุณอ๊อด"
"อ่า...อยู่ อยู่ที่..." พอดีมองไปเห็นแม่ค้าขายกล้วยแขกหน้าโรงพัก จึงพูดออกไปว่า "อยู่ที่เนปาลครับ"
สำเริงกับสินหันขวับมองหน้าอ๊อด สารวัตรกับจ่าพลอยหันไปมองด้วย ทำไมต้องแถกไปด้วย พอนักข่าวถามว่าวีสี่จะกลับมาเมื่อไหร่ อ๊อดคิดสักพักก่อนจะตอบไปว่า
"เอ่อ...คิดว่าคงไม่กลับมาแล้วล่ะครับ เห็นว่าทางโน้นมีบริษัทหนังเค้าสนใจจะจ้างให้วีสี่เล่นหนังประกบดาราฮอลลีวูด กว่าจะปิดกล้องคงอีกหลายปี"
"หลายปีเลยเหรอคะ?"
"ครับ แบบว่าเป็นหนังไตรภาคครับ"
พอนักข่าวถามว่าหนังชื่อเรื่องอะไร อ๊อดก็อึกอักอีกครั้ง เผอิญเห็นนักข่าวคนหนึ่งใส่รองเท้าสีแดง จึงบอกไปว่าชื่อเรื่อง...เจ้าหญิงรองเท้าแดง...นักข่าวถ่ายภาพกันพรึบพรับ
ต้อม แต้ม ตั้ม ตาชื่น โป้ง และลิซ่าเบื่อที่จะฟังจึงพากันเดินออกมาจากโรงพัก ตาชื่นถามเศร้าๆว่าวีสี่จะไม่กลับมาอีกแล้วใช่ไหม ต้อมพูดไม่ออก ลิซ่าจึงตอบแทนว่าคงจะเป็นอย่างนั้น แต่ก็ไม่แน่ เพราะวีสี่สัญญาว่าจะกลับมาหาต้อมให้ได้ ต้อมถอนใจปลงว่าคงเป็นไปไม่ได้ ทุกคนมองต้อมด้วยความสงสาร
ooooooo
เมื่อโป้งกับลิซ่าแยกกลับไป ต้อมพาทุกคนมาที่รถ ต้อมยืนซึมยังไม่ขึ้นรถ ตาชื่นปลอบใจ "ฮึย ไม่เอาน่า แต่ก่อนพวกเราก็เคยมีกันแค่นี้นี่หว่า แล้วทำไมจะอยู่แบบเดิมไม่ได้วะ"
"จริงด้วย ถึงไม่มีวีสี่ พวกเราก็อยู่กันได้นี่" แต้มทำเป็นครึกครื้น
"กลับบ้านกันเถอะ พี่อยากพักแล้วล่ะ" ต้อมพยายามตัดใจ ขึ้นนั่งประจำที่คนขับ
และในตอนกลางคืนเขาก็นอนไม่หลับ พลันต้องตกใจเมื่อเห็นแสงไฟฉายเข้ามา เขานึกว่าวีสี่กลับมา หลงดีใจแต่ กลายเป็นตาชื่นหอบหมอนมานอนเป็นเพื่อน
"ตากลัวเอ็งจะเหงา ก็เลยจะย้ายมาอยู่เป็นเพื่อน นี่ไอ้ต้อม ตาน่ะเข้าใจความรู้สึกของเอ็ง ตอนที่ยายของเอ็งเค้าเสียไป ตาก็เป็นแบบเอ็ง"
"จริงเหรอครับคุณตา"
อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 16
อ่านบทย่อละครทีวี,อ่านละครทีวีเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง,ธรณีนี่นี้ใครครอง,เรื่องทั่วไป,ดวง, ดูดวง, ดูดวงความรัก, เนื้อคู่,ดารา,gossipstar
@^@..อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 6
@^@..อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 5
ตอนที่ 5 (ต่อจากวานนี้)
อารยะด่าว่าเงินตั้งยี่สิบล้านพูดออกมาได้ว่าเงินแค่นี้ ช่างเป็นลูกล้างลูกผลาญจริงๆ ดนตร์หงุดหงิดปรามพ่อว่าถ้าจะมาซ้ำเติมกันแบบนี้เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน พลางลุกขึ้นจะไป อารยะเลยบอกว่าไม่ต้องไปไหนตนจะช่วย ดนตร์หันถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่า "พูดผิดหรือเปล่า"
"ฉันช่วยแกมากี่ครั้งแล้วไอ้ดนตร์ ถึงแกจะล้างผลาญฉันขนาดไหน หน้าที่ฉันก็ต้องตามเช็ดก้นแกนี่แหละ ฉันพอจะรู้จักกับเจ้าของบ่อนที่แกไปเล่นนั่นอยู่แล้ว ฉันจะลองคุยกับเขาดู แต่ตอนนี้ฉันว่าแกควรหลบไปที่ไหนไกลๆสักพัก ก่อนที่พวกมันจะย้อนกลับมาเล่นงานแก"
ดนตร์ไม่เข้าใจว่าในเมื่อจ่ายแล้วทำไมต้องหลบด้วย อารยะอ้างว่าต้องใช้เวลาเพราะเงินคราวนี้มันเยอะ แล้วเร่งให้ ดนตร์รีบไปเก็บเสื้อผ้าหลบไปก่อน ช่วงนี้อย่าติดต่อใครและอย่าให้ใครรู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เพราะเส้นสายของเจ้าของบ่อนมีเยอะ อาจจะสืบรู้ว่าดนตร์ไปกบดานที่ไหน
ดนตร์รับฟังด้วยสีหน้าหนักใจ เพราะใจยังหมกมุ่นกังวลเรื่องตะวันฉายอยู่
ooooooo
อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 6
ชัคกลับจากทำงานตอนเย็นเจอดาลัดรออยู่เพราะแม่ฝากโจ๊กมาให้กิน เธอถามพี่ชายว่าหายไปไหนมาทั้งวัน ชัคไม่ตอบแต่กลับถามว่าดนตร์หายไปไหน
"ออกไปบ้านคุณตะวันตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ"
พอชัครู้และเห็นว่าดนตร์ยังไม่กลับก็คว้าโทรศัพท์โทร. หา ปรากฏว่าดนตร์ปิดเครื่อง ทำให้ชัคยิ่งเป็นห่วง
ที่แท้ดนตร์ถูกอารยะเอาตัวไปเก็บที่บ้านให้เตรียมหลบไปกบดาน กรองทิพย์กลับมาเห็นลูกชายอยู่บ้านก็ทักอย่างประชดประชันว่า เซอร์ไพรส์จริงๆวันนี้ลูกชายอยู่บ้านในรอบหนึ่งเดือน
เห็นดนตร์เก็บเสื้อผ้าก็ถามว่าจะไปไหน อารยะเข้ามาขัดจังหวะตอบแทนลูกชายว่าจะไปเมืองนอก ไล่กรองทิพย์ว่าเมาก็ไปนอนเสีย หัดเป็นตัวอย่างที่ดีของลูกบ้าง
"ค้า...คุณพ่อดีเด่น เด่นให้ตลอดไปแล้วกัน" กรองทิพย์ ประชดแล้วเดินสะบัดออกไป
"ฉันโทร.บอกผู้จัดการทางโน้นให้แล้วนะว่าแกจะไป" อารยะปิดประตูแล้วจึงเดินมาบอกดนตร์ ส่งเงินดอลลาร์ให้ปึกหนึ่ง "เอาไว้ใช้ตอนอยู่ที่โน่น แต่ถ้าไม่พอก็โทร.มาบอกแล้วกัน ฉันจะได้โอนไปให้อีก"
เมื่อดนตร์รับเงินแล้ว อารยะกำชับว่าอยู่ทางโน้นก็กบดาน ให้ดี ห้ามติดต่อใครเด็ดขาด โดยเฉพาะชัคกับตะวันฉาย เพราะสองคนนั้นอาจจะซวยเพราะเขาไปด้วย ดนตร์ฟังแล้วเอาโทรศัพท์ มือถือมากดปิดเครื่องโยนทิ้งบนเตียง บอกพ่อเซ็งๆว่า
"พ่อไม่ต้องมาสอนผมหรอกน่า ที่ผมยอมไปเนี่ย เพราะผมมีเหตุผลของผมบางอย่างที่ทำให้ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ กลัวเรื่องไอ้หนี้เฮงซวยนั่นหรอก"
ooooooo
เพราะเจอเรื่องกระทบกระเทือนใจหลายเรื่องติดต่อกัน ทำให้ตะวันฉายกลายเป็นคนเครียดๆ จนวันนี้พรสาวใช้ที่บ้านทักว่าหน้าตาดูไม่สดใสเลย เธอตอบเลี่ยง ไปว่าเครียดเรื่องงาน
พอพรออกจากห้องแล้ว ตะวันฉายนั่งคิดถึงคำพูดของชัคที่ว่าเธอทำให้ดนตร์อกหัก แม้จะโต้ตอบไปอย่างดุดัน แต่เมื่อคิดถึงดนตร์แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. หาเขา ปรากฏว่าปิดเครื่อง
ทั้งชัคและตะวันฉายต่างเป็นห่วงดนตร์ที่โทร.แล้วปรากฏว่าเขาปิดเครื่อง
จนวันรุ่งขึ้นชัคไปทำงาน เจอโสมศรีกำลังประคองโสมสุรางค์มาทำงาน พอเห็นชัค โสมศรีทำเป็นฟ้องว่า โสมสุรางค์ไม่สบาย บอกให้พักก็ไม่ยอมจนตนต้องพามาส่ง ส่วนโสมสุรางค์ทำท่าเหมือนจะตาย แต่ทำเป็นปากแข็งว่าตนไม่เป็นอะไรมาก
โสมศรีบ่นๆว่าตนเป็นห่วงเลยต้องมาส่ง แต่เย็นนี้ยังไม่รู้จะกลับอย่างไร จะขึ้นรถเมล์ก็กลัวลูกจะเป็นลมกลางทาง จะขึ้นแท็กซี่ก็อันตราย ตนเองก็ไม่ว่าง แล้วเอ่ยปากอย่างเกรงใจว่า
"จะเป็นการรบกวนเสี่ยไหมคะ ถ้าเย็นนี้ศรีจะรบกวนให้เสี่ยช่วยไปส่งยายโสมที่บ้านหน่อย"
แม่พูดแล้ว ลูกสาวก็ทำเป็นไอทำท่าเซๆจะเป็นลม แต่ก็ยังทำเป็นปากแข็งว่าไม่เป็นไรตนกลับเองได้ เกรงใจเสี่ยชัค โสมศรีโผเข้าประคองลูกแล้วถามชัคอีกว่าไปส่งโสมสุรางค์ ได้ไหม
"เห็นท่าจะไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเย็นนี้พี่ชัคมีประชุมกับลูกค้าวีไอพี" ดาลัดแทรกเข้ามา
โสมศรีไม่พอใจมาก บอกดาลัดว่าตนขอความเห็นใจจากเสี่ยไม่ใช่เธอ
"มันก็เหมือนกันล่ะค่ะ ดิฉันเป็นน้องสาวของเสี่ยชัค ดิฉันย่อมรู้ทุกเรื่องของพี่ชายอยู่แล้ว และรู้ใจด้วยนะคะว่า พี่ชัคชอบหรือไม่ชอบอะไร"
"งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวดิฉันสละเวลามารับยายโสมกลับเองก็ได้" โสมศรีปั้นยิ้มแล้วพาโสมสุรางค์เข้าไป
พอไปถึงเคาน์เตอร์โอปะเรเตอร์ สองแม่ลูกก็พูดกันอย่างเจ็บใจที่แผนไม่สำเร็จเพราะถูกดาลัดมาขวางคอ โสมสุรางค์ บอกแม่อย่างมุ่งมั่นว่า
"แม่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ยังไงโสมก็จะไม่ยอมทนนั่งรับโทรศัพท์เงินเดือนเจ็ดพันอยู่อย่างนี้ไปตลอดหรอก ยังไงๆ โสมก็จะหาทางจับเสี่ยชัคให้ได้เร็วที่สุด"
โสมศรีชมลูกว่าดีมาก รีบทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน แล้วรีบกลับเพราะนัดร้านทำผมไว้
พอโสมศรีออกไป เจียงที่ต้องตาต้องใจโสมสุรางค์ ตั้งแต่วันแรกที่มาสมัครงาน ก็เอาน้ำและยามาให้เธอ พูดอย่างห่วงใยเอาใจว่า เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง
"ขอบคุณคุณเจียงมากนะคะ แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ คุณเอากลับไปเถอะ"
เจียงมองยากับน้ำหน้าจ๋อยๆ จำต้องถอยไป
ooooooo
เมื่อดาลัดตามพี่ชายเข้าไปในห้องทำงาน เธอบ่นว่าสองแม่ลูกนี่แผนสูงจริงๆ นี่ถ้าตนมาไม่ทัน พี่ชายก็คงปฏิเสธไม่ออก ติดกับยายคุณโสมศรีนั่นแน่ๆ
ชัคไม่ได้สนใจฟัง สีหน้ากลัดกลุ้มกังวลจนน้องสาวถามว่าเป็นอะไร กลุ้มใจอะไรหรือเปล่า
"พี่เป็นห่วงดนตร์ หายหัวไปไหนไม่รู้"
"พี่ดนตร์ก็เคยหายไปอย่างนี้บ่อยๆไม่ใช่เหรอคะ ดาว่าพี่ดนตร์หายไปไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย ป่านนี้เขาคงไปเที่ยวเล่นอยู่ที่ไหนสักที่ละมั้ง"
"เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่พี่สังหรณ์ใจว่าครั้งนี้จะเกิดเรื่องไม่ดีกับดนตร์มากกว่า"
ส่วนดนตร์เมื่อไปพักที่โรงแรมหรูของพ่อโดยมีผู้จัดการมาต้อนรับดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้จัดการพูดออกตัวว่าไม่รู้ว่าเขาจะมาพัก นึกว่าอารยะสั่งให้คนอื่น เลยอาจจะขาดตกบกพร่อง
ดนตร์บอกไม่ต้องห่วง ตนก็ไม่ชอบหรูหราและไม่ต้องการเอิกเกริก เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่ามาพักที่นี่ พูดแล้วจ้องหน้าผู้จัดการถามเสียงเข้มว่า "เข้าใจใช่ไหม"
"เข้าใจครับคุณดนตร์" ผู้จัดการเข้าใจทันทีว่าหมายถึงอะไร แล้วค้อมตัวออกไปเงียบๆ
ดนตร์เดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปไกลแสนไกลอย่างไร้เป้าหมาย แต่ใจคิดถึงชัคกับตะวันฉาย...
ooooooo
@^@..อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 6
ตอนที่ 6
ส่งดนตร์กลับบ้านสั่งการให้หลบไปกบดานแล้วอารยะไปหาราญที่ห้องทำงาน ราญพูดออกตัวว่า ต้องขอโทษที่กลับมาจากมาเก๊าแล้วยังไม่ได้ไปหาเขา พอดีมีงานให้สะสางมาก ถามอารยะว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า
"ผมจะมาบอกว่า ถ้าคุณราญเงินไม่พอจะกู้เพิ่มก็บอกได้นะครับ ผมจะช่วยเต็มที่เลย"
ราญมองอารยะอย่างซึ้งใจ ชมว่าช่างมีน้ำใจต่อตนเหลือเกิน อารยะพยักหน้ายิ้มๆแล้วขอตัวกลับเพราะหมดธุระแล้ว
"เดี๋ยวครับคุณอารยะ ขายที่ดินกับคอนโดฯหมดนี่ผมขอ 15 ล้านก็พอครับ"
อารยะรับปากว่าจะลองดู ราญขอบคุณลุกมองอารยะเดินออกไป พอประตูห้องปิดเท่านั้นราญก็ทิ้งตัวนั่งอย่างกลัดกลุ้ม หยิบสมุดเงินฝากธนาคารขึ้นมาดู เห็นตัวเลขแล้วถึงกับถอนใจเฮือก
ooooooo
ตะวันฉายร้อนใจมากที่พยายามติดต่อดนตร์ อย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ เธอเข้าไปหาอารยะที่เดินออกจากห้องราญ ถามอย่างร้อนใจว่าติดต่อดนตร์ได้ไหม ตนติดต่อไม่ได้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
อารยะตอบหน้าตาเฉยว่าดนตร์คงไม่เป็นอะไร เวลาไม่สบายใจก็มักจะหายไปอย่างนี้ทุกที พออารมณ์ดีก็กลับมาเองอย่าเพิ่งร้อนใจไปเลย ทำเป็นดูนาฬิกาแล้วชวนว่าใกล้เลิกงานแล้วไปดินเนอร์กันไหม ตนมีร้านใหม่จะแนะนำ
"วันนี้ตะวันต้องขอตัวนะคะ พอดีมีงานต้องเคลียร์เยอะเลยค่ะ"
อารยะไม่เซ้าซี้ ขอตัวกลับก่อน ตะวันฉายยกมือไหว้ พออารยะรับไหว้เดินจากไป เธอฉุกคิดอะไรบางอย่างหันเดินไปอีกทาง
ตะวันฉายตัดสินใจไปที่บริษัทของชัค เจอโสมสุรางค์ ที่เคาน์เตอร์โอปะเรเตอร์ ถามโสมสุรางค์ที่นั่งก้มหน้าอยู่ว่าไม่ทราบว่าชัคอยู่ไหม พอโสมสุรางค์เงยหน้าขึ้นเห็นเป็นตะวันฉายก็ชักสีหน้าเล็กน้อย
อ้าว...คุณโสม คุณโสมทำงานอยู่ที่นี่เหรอคะ" ตะวันฉายถามเมื่อเห็นหน้าเต็มๆ
"ค่ะ พอดีเสี่ยชัคเขาเรียกให้โสมมาช่วยงานน่ะค่ะโสมก็เลยมา ว่าแต่คุณตะวันมาพบเสี่ยชัคเหรอคะ" ครั้นตะวันฉายตอบรับ เธอโกหกว่า "เสี่ยชัคไม่อยู่หรอกคะ เห็นออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว"
ตะวันฉายรู้สึกผิดหวังหันหลังจะกลับ บอกว่าวันหลังค่อยมาใหม่ ทันใดนั้นดาลัดเข้ามาพอดี ทักอย่างดีใจว่ามาทำอะไรหรือ ตะวันฉายบอกว่ามาหาชัค แต่โสมสุรางค์บอกว่าไม่อยู่ เลยจะกลับ
ดาลัดมองโสมสุรางค์อย่างไม่พอใจที่โกหกหน้าตาเฉย บอกว่าชัคอยู่ข้างบนแล้วพาตะวันฉายขึ้นไป ตะวันฉายมองโสมสุรางค์งงๆแล้วเดินตามดาลัดขึ้นไป
โสมสุรางค์จิกตามองตามอย่างเจ็บใจที่ผิดแผนจนได้
ระหว่างเดินไปกับดาลัดนั้น ตะวันฉายนึกในใจว่า
"รู้สึกว่าจะมีผู้หญิงอยู่ใกล้คุณทุกที่เลยนะคุณชัค ฮึ... ชอบทำหน้าตายแต่ที่แท้ก็เจ้าชู้ไม่เบา"
ooooooo
พอชัครู้จากเลขาว่าตะวันฉายมาขอพบเขา
ชักสีหน้าทันที ยิ่งเมื่อเธอเปิดประตูเข้ามา เขามองอย่างเย็นชาถามว่ามีธุระอะไรกับตนหรือ พอตะวันฉายบอกว่าติดต่อดนตร์ไม่ได้ไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า ถามว่าเขาเจอบ้างไหม ชัคไม่ตอบคำถามแต่ประชดไปว่า
"นี่ถ้าดนตร์รู้ว่าคุณเป็นห่วงเขามากขนาดนี้ เขาคงดีใจ"
"ก็คุณเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่เหรอคะว่าเพื่อนที่ดีต้องมีความหวังดีให้กัน เอ...แต่ดูคุณไม่ค่อยเดือดเนื้อร้อนใจเท่าไรเลยนะคะที่เพื่อนรักคุณหายไป หรือว่าคุณเห็นอย่างอื่นสำคัญว่าเพื่อนคุณ"
ตะวันฉายทั้งศอกกลับและเสียดสี พอชัคถามว่าพูดอะไร เธอเตือนเขาว่าสับรางให้ดีก็แล้วกัน รถไฟชนกันขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือน ชัคเลยตัดบทถามว่าตั้งใจมาหาดนตร์หรือมาแขวะตนกันแน่
พอถามกันจริงจัง ปรากฏว่าชัคเองก็ไม่รู้ว่าดนตร์หายไปไหนเพราะเขาก็ไม่ได้เจอ อดพูดประชดไม่ได้ว่าไม่ต้องห่วง ถ้าตนเจอดนตร์เมื่อไรจะส่งข่าวก็แล้วกัน
พอตะวันฉายออกจากห้อง ชัคฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ คว้า โทรศัพท์โทร.หากรองทิพย์
กรองทิพย์ดีใจมากนัดกินข้าวกับชัค มองเขาอย่างหลงใหลถ่วงเวลา จนชัคร้อนใจถามว่าเจอดนตร์บ้างหรือเปล่า จนกรองทิพย์ต้องบอกว่า เจอครั้งสุดท้ายเห็นดนตร์เก็บเสื้อผ้าไปเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าไปไหน แล้วอ่อยชัคชวนไปเที่ยวคอนโดฯส่วนตัวของตนไหม ไปคุยกันที่นั่นสบายกว่าที่นี่เยอะสนใจไหม
ชัคไม่เล่นด้วยซ้ำยังถอนหงอกว่า
"ผมไม่สนใจ เพราะยังไงคุณอาก็เป็นผู้หญิง และก็เป็นแม่ของเพื่อนรักผม ผมว่าผมรบกวนเวลาคุณอาแค่นี้ดีกว่า ผมขอตัวก่อนนะครับ" พูดเสร็จชัควางเงินค่าอาหารไว้แล้วลุกเดินออกไป
กรองทิพย์มองตามชัคไปอย่างเสียดาย ผิดหวัง ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรชัคก็ไม่ยอมใจอ่อนสักที
ooooooo
ใกล้ค่ำแล้ว ขณะราญกำลังจะออกจากบ้าน ตะวันฉายกลับมาพอดี เลยทำทีชวนเป็นเพื่อนไปพบลูกค้าจากฮ่องกงด้วยกันหน่อย เพราะทางนั้นจะมาคุยเรื่องร่วมหุ้นกับบริษัทเขา ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีเรา ก็จะมีเงินเข้าบริษัทอีกเยอะเลย
ตะวันฉายเห็นใจพ่ออยู่แล้ว ทางไหนที่จะช่วยได้เธอทุ่มเต็มที่ ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
"เอาให้สวยๆเลยนะลูก อย่าให้เสียชื่อพ่อล่ะ" ราญย้ำมองตามลูกสาวไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เมื่อไปถึงร้านอาหารในโรงแรมที่นัดกันไว้ ราญแนะนำตะวันฉายว่า
"มิสเตอร์วู คุณโรเจอร์ครับ นี่ตะวันฉายลูกสาวของผม เพิ่งกลับจากออสเตรเลียครับ ตะวัน...นี่มิสเตอร์วู ลูกค้าของพ่อ แล้วก็คุณโรเจอร์ลูกชายมิสเตอร์วู"
ตะวันฉายยกมือไหว้ทั้งสองอย่างนอบน้อม โรเจอร์ มองเธอตาเป็นประกาย...
เมื่อราญเอาเอกสารให้ มิสเตอร์วูส่งต่อให้โรเจอร์ บอกราญว่าให้ลูกชายดูดีกว่า ระยะหลังตนวางมือมานานแล้ว พลาง ทำทีว่ามีนัดกับเพื่อนชาวสวิสที่ทำบริษัททัวร์เหมือนกันที่อีกโรงแรมหนึ่ง ชวนราญไปด้วยกันไหมเผื่อมีโอกาสได้ร่วมงานกัน ตลาดท่องเที่ยวทางยุโรปก็น่าสนใจไม่น้อย
ราญตามไปด้วยความเต็มใจและหวังลุ้นอะไรบางอย่าง ปล่อยให้ตะวันฉายอยู่กับโรเจอร์ตามลำพัง แต่พอผู้ใหญ่ทั่งสองไป โรเจอร์ไม่ได้สนใจเอกสารเลย กลับชวนคุย พอรู้ว่าตะวันฉายจบมหาวิทยาลัยที่เมลเบิร์นเขาทำท่าตื่นเต้นตกใจมาก บอกว่ามีเพื่อนอยู่ที่นั่นเยอะเลย
โรเจอร์ชิมลางหญิงสาวด้วยการทำทีตื่นเต้นเอามือวางที่ขาเธอ ตะวันฉายขยับขาออกอย่างรักษามารยาท โรเจอร์ ก็ยังทำเป็นตื่นเต้นจนลืมตัวคุยเรื่องเพื่อนพลางเอามือลูบแขนเธออีก
"อะไรอ่ะ" ตะวันฉายชักเอะใจขึงขังขึ้นมา คราวนี้โรเจอร์เผยโฉมหน้าหมดเปลือก ลุกขึ้นลากเธอเข้าลิฟต์
โรเจอร์ใช้ทั้งกำลังและอุบาย ในที่สุดทนไม่ได้หมายเผด็จศึกให้ทันใจ เขาโปะยาสลบใส่หน้าตะวันฉาย
แต่มันไม่โชคดีอย่างที่คิด เพราะชัคที่เข้ามากินข้าวโรงแรมเดียวกันเห็นตะวันฉายนั่งอยู่กับโรเจอร์ที่ชัครู้ดีว่าเป็นเสือผู้หญิง เขาตัดสินใจติดตามและช่วยตะวันฉายรอดพ้นเงื้อมมือมารมาได้หวุดหวิด
ตะวันฉายรู้ตัวอีกทีพบว่าอยู่ที่บ้านแล้ว เธอถามชัค อย่างแปลกใจว่าเขาเข้าไปช่วยเธอได้อย่างไร ชัคเล่าให้ฟังจบ ก็พอดีราญกลับมา ถามตะวันฉายอย่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพ่อโทร.หาแล้วไม่รับสาย
"นายโรเจอร์เขาจะฉุดตะวันขึ้นไปบนห้องเขา" ตะวันฉายบอกพ่ออย่างไม่หายเจ็บใจ
ราญตกใจถามว่าลูกเป็นอะไรหรือเปล่า พอตะวันฉายบอกว่าไม่เป็นไรโชคดีที่ชัคช่วยไว้ทัน ราญก็ด่าโรเจอร์ว่า ทั้งมิสเตอร์วูและโรเจอร์ต้องรู้เห็นเป็นใจกันแน่ๆ เพราะตนไปกับมิสเตอร์วูแล้วไม่เห็นมีใครที่ไหนมาพบ ลุกขึ้นพูดอย่างแค้นใจว่าจะไปเอาเรื่องกับมันให้ได้
ชัคถามติงๆว่าโรเจอร์เป็นลูกมิสเตอร์วูไม่ใช่หรือ ส่วนตะวันฉายไม่อยากให้พ่อมีเรื่องกับใคร ขอร้องว่าไหนๆตนก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้วช่างมันเถอะ อย่ามีปัญหากับใครเลย
เมื่อราญยอมนั่งลง ตะวันฉายมองพ่ออย่างโล่งใจ ส่วนชัคมองราญอย่างครุ่นคิดแล้วลุกขอตัวกลับ ตะวันฉายจึงตามไปส่งข้างนอก
ooooooo
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ตะวันฉายมองชัคดีขึ้นเพราะแม้ที่ผ่านมาจะทำตัวเหมือนเป็นปรปักษ์กัน แต่ในยามเธอตกอยู่ในอันตรายเขาก็ยังช่วย เธอขอบคุณเขาถามว่า
"คุณชัค เมื่อตะกี้คุณบอกว่าคุณรู้ข่าวคุณดนตร์จากอากรองทิพย์แล้วใช่ไหมคะ"
"คุณไม่มีสิทธิ์เป็นห่วงมันหรอก" ชัคตอบตัดบทแล้วเดินไป ตะวันฉายเห็นอารมณ์ของเขาแล้วทั้งหงุดหงิดทั้งงง
เวลาเดียวกัน ดนตร์ถูกเอาตัวไปเก็บที่โรงแรมวิรันดาของอารยะ เขาออกมานอนดูดาวที่ริมสระว่ายน้ำของโรงแรม คิดถึงตะวันฉาย อยากให้เธอมาอยู่ใกล้ๆจะได้มาเห็นดาวสวยๆด้วยกัน
ขณะนั้นเองไพศาลเอาโทรศัพท์มือถือเข้ามาให้ บอกว่าคุณพ่อเขาสั่งตนซื้อให้ ดนตร์รับไปอย่างแปลกใจ แต่เพียงครู่เดียวก็มีข้อความจากธนาคารส่งมาแจ้งว่าในบัญชีของเขามีเงินเข้าห้าแสนบาท
ดนตร์โทร.กลับไปหาอารยะ ถามพ่อว่าโอนเงินให้ตนหรือ ที่นี่ไม่มีบ่อนตนไม่จำเป็นต้องใช้เงิน อารยะพูดอย่างใจดีว่าโอนมาให้เผื่อไว้เวลาฉุกเฉิน ไม่อยากให้ใช้บัตรเครดิตเดี๋ยวจะถูกตามตัวเจอถามว่า
"แล้วแกอยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม แต่ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกมาได้เลยนะดนตร์"
กรองทิพย์ผ่านมาได้ยินพอดี นึกแปลกใจว่าสองพ่อลูกญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเธอก็ยิ้มกระหยิ่มใจเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้
ooooooo
วันนี้ราญดิ้นรนไปหาชัคที่ห้องทำงานเขาอีก เอ่ยปากกับชัค ขอโอกาสให้ตนเล่นพนันกันอีกสักครั้ง ชัคมองหน้าราญอย่างพินิจพิจารณาถามว่า
"ถ้าคุณราญโชคดีก็คงจะปลดหนี้จากผม ถ้าโชคดีกว่านั้นก็คงจะหมดหนี้ แต่ถ้าคุณราญโชคร้ายผมจะได้อะไรครับ ผมก็คงได้แต่หนี้เพิ่มขึ้นเท่านั้น เพราะทรัพย์สินทั้งบ้านและรถ คุณราญเอาไปจำนองหมดแล้วใช่ไหมครับ"
ราญตกใจที่ชัครู้เรื่องนี้ด้วย ยิ่งเมื่อรู้ว่าชัครู้กระทั่งว่าเขากู้เงินจากแบงก์ของอารยะเอาเงินไปเล่นที่มาเก๊า โดยเอาบ้านกับรถไปจำนองก็ยิ่งตกใจ จำต้องพยักหน้ารับ
"ผมอยากเตือนคุณราญเอาไว้หน่อยว่า คุณราญอย่าไว้ใจใครให้มาก โดยเฉพาะในเวลาที่คุณกำลังเดือดร้อน เพราะคุณราญไม่มีวันรู้หรอกว่าคนที่มาช่วย เขาหวังผลประโยชน์อะไรหรือเปล่า"
ฟังชัคแล้วราญชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ ถามว่ารวมทั้งตัวชัคด้วยใช่ไหม ตัดบทฉุนเฉียวว่า
"เสี่ยคิดจะช่วยผม แต่ผมกลับคิดว่าตอนนี้มันคงไม่จำเป็นแล้ว เพราะผมไม่ชอบให้ใครมาดูถูกคนที่มีบุญคุณกับผม และผมก็อาบน้ำร้อนมาก่อนเสี่ย ผมรู้ดีว่าใครเป็นยังไง เสี่ยไม่ต้องมาสั่งสอนผมหรอก! ขอบใจนะที่เสี่ยอุตส่าห์มีน้ำใจช่วยผม!"
พูดแล้วราญปึงปังออกไป ชัคมองตามแล้วส่ายหน้า อย่างเหนื่อยใจ
ooooooo
ตอนที่ 5 (ต่อจากวานนี้)
อารยะด่าว่าเงินตั้งยี่สิบล้านพูดออกมาได้ว่าเงินแค่นี้ ช่างเป็นลูกล้างลูกผลาญจริงๆ ดนตร์หงุดหงิดปรามพ่อว่าถ้าจะมาซ้ำเติมกันแบบนี้เอาไว้วันหลังก็แล้วกัน พลางลุกขึ้นจะไป อารยะเลยบอกว่าไม่ต้องไปไหนตนจะช่วย ดนตร์หันถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่า "พูดผิดหรือเปล่า"
"ฉันช่วยแกมากี่ครั้งแล้วไอ้ดนตร์ ถึงแกจะล้างผลาญฉันขนาดไหน หน้าที่ฉันก็ต้องตามเช็ดก้นแกนี่แหละ ฉันพอจะรู้จักกับเจ้าของบ่อนที่แกไปเล่นนั่นอยู่แล้ว ฉันจะลองคุยกับเขาดู แต่ตอนนี้ฉันว่าแกควรหลบไปที่ไหนไกลๆสักพัก ก่อนที่พวกมันจะย้อนกลับมาเล่นงานแก"
ดนตร์ไม่เข้าใจว่าในเมื่อจ่ายแล้วทำไมต้องหลบด้วย อารยะอ้างว่าต้องใช้เวลาเพราะเงินคราวนี้มันเยอะ แล้วเร่งให้ ดนตร์รีบไปเก็บเสื้อผ้าหลบไปก่อน ช่วงนี้อย่าติดต่อใครและอย่าให้ใครรู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เพราะเส้นสายของเจ้าของบ่อนมีเยอะ อาจจะสืบรู้ว่าดนตร์ไปกบดานที่ไหน
ดนตร์รับฟังด้วยสีหน้าหนักใจ เพราะใจยังหมกมุ่นกังวลเรื่องตะวันฉายอยู่
ooooooo
อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 6
ชัคกลับจากทำงานตอนเย็นเจอดาลัดรออยู่เพราะแม่ฝากโจ๊กมาให้กิน เธอถามพี่ชายว่าหายไปไหนมาทั้งวัน ชัคไม่ตอบแต่กลับถามว่าดนตร์หายไปไหน
"ออกไปบ้านคุณตะวันตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ"
พอชัครู้และเห็นว่าดนตร์ยังไม่กลับก็คว้าโทรศัพท์โทร. หา ปรากฏว่าดนตร์ปิดเครื่อง ทำให้ชัคยิ่งเป็นห่วง
ที่แท้ดนตร์ถูกอารยะเอาตัวไปเก็บที่บ้านให้เตรียมหลบไปกบดาน กรองทิพย์กลับมาเห็นลูกชายอยู่บ้านก็ทักอย่างประชดประชันว่า เซอร์ไพรส์จริงๆวันนี้ลูกชายอยู่บ้านในรอบหนึ่งเดือน
เห็นดนตร์เก็บเสื้อผ้าก็ถามว่าจะไปไหน อารยะเข้ามาขัดจังหวะตอบแทนลูกชายว่าจะไปเมืองนอก ไล่กรองทิพย์ว่าเมาก็ไปนอนเสีย หัดเป็นตัวอย่างที่ดีของลูกบ้าง
"ค้า...คุณพ่อดีเด่น เด่นให้ตลอดไปแล้วกัน" กรองทิพย์ ประชดแล้วเดินสะบัดออกไป
"ฉันโทร.บอกผู้จัดการทางโน้นให้แล้วนะว่าแกจะไป" อารยะปิดประตูแล้วจึงเดินมาบอกดนตร์ ส่งเงินดอลลาร์ให้ปึกหนึ่ง "เอาไว้ใช้ตอนอยู่ที่โน่น แต่ถ้าไม่พอก็โทร.มาบอกแล้วกัน ฉันจะได้โอนไปให้อีก"
เมื่อดนตร์รับเงินแล้ว อารยะกำชับว่าอยู่ทางโน้นก็กบดาน ให้ดี ห้ามติดต่อใครเด็ดขาด โดยเฉพาะชัคกับตะวันฉาย เพราะสองคนนั้นอาจจะซวยเพราะเขาไปด้วย ดนตร์ฟังแล้วเอาโทรศัพท์ มือถือมากดปิดเครื่องโยนทิ้งบนเตียง บอกพ่อเซ็งๆว่า
"พ่อไม่ต้องมาสอนผมหรอกน่า ที่ผมยอมไปเนี่ย เพราะผมมีเหตุผลของผมบางอย่างที่ทำให้ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ กลัวเรื่องไอ้หนี้เฮงซวยนั่นหรอก"
ooooooo
เพราะเจอเรื่องกระทบกระเทือนใจหลายเรื่องติดต่อกัน ทำให้ตะวันฉายกลายเป็นคนเครียดๆ จนวันนี้พรสาวใช้ที่บ้านทักว่าหน้าตาดูไม่สดใสเลย เธอตอบเลี่ยง ไปว่าเครียดเรื่องงาน
พอพรออกจากห้องแล้ว ตะวันฉายนั่งคิดถึงคำพูดของชัคที่ว่าเธอทำให้ดนตร์อกหัก แม้จะโต้ตอบไปอย่างดุดัน แต่เมื่อคิดถึงดนตร์แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. หาเขา ปรากฏว่าปิดเครื่อง
ทั้งชัคและตะวันฉายต่างเป็นห่วงดนตร์ที่โทร.แล้วปรากฏว่าเขาปิดเครื่อง
จนวันรุ่งขึ้นชัคไปทำงาน เจอโสมศรีกำลังประคองโสมสุรางค์มาทำงาน พอเห็นชัค โสมศรีทำเป็นฟ้องว่า โสมสุรางค์ไม่สบาย บอกให้พักก็ไม่ยอมจนตนต้องพามาส่ง ส่วนโสมสุรางค์ทำท่าเหมือนจะตาย แต่ทำเป็นปากแข็งว่าตนไม่เป็นอะไรมาก
โสมศรีบ่นๆว่าตนเป็นห่วงเลยต้องมาส่ง แต่เย็นนี้ยังไม่รู้จะกลับอย่างไร จะขึ้นรถเมล์ก็กลัวลูกจะเป็นลมกลางทาง จะขึ้นแท็กซี่ก็อันตราย ตนเองก็ไม่ว่าง แล้วเอ่ยปากอย่างเกรงใจว่า
"จะเป็นการรบกวนเสี่ยไหมคะ ถ้าเย็นนี้ศรีจะรบกวนให้เสี่ยช่วยไปส่งยายโสมที่บ้านหน่อย"
แม่พูดแล้ว ลูกสาวก็ทำเป็นไอทำท่าเซๆจะเป็นลม แต่ก็ยังทำเป็นปากแข็งว่าไม่เป็นไรตนกลับเองได้ เกรงใจเสี่ยชัค โสมศรีโผเข้าประคองลูกแล้วถามชัคอีกว่าไปส่งโสมสุรางค์ ได้ไหม
"เห็นท่าจะไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเย็นนี้พี่ชัคมีประชุมกับลูกค้าวีไอพี" ดาลัดแทรกเข้ามา
โสมศรีไม่พอใจมาก บอกดาลัดว่าตนขอความเห็นใจจากเสี่ยไม่ใช่เธอ
"มันก็เหมือนกันล่ะค่ะ ดิฉันเป็นน้องสาวของเสี่ยชัค ดิฉันย่อมรู้ทุกเรื่องของพี่ชายอยู่แล้ว และรู้ใจด้วยนะคะว่า พี่ชัคชอบหรือไม่ชอบอะไร"
"งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวดิฉันสละเวลามารับยายโสมกลับเองก็ได้" โสมศรีปั้นยิ้มแล้วพาโสมสุรางค์เข้าไป
พอไปถึงเคาน์เตอร์โอปะเรเตอร์ สองแม่ลูกก็พูดกันอย่างเจ็บใจที่แผนไม่สำเร็จเพราะถูกดาลัดมาขวางคอ โสมสุรางค์ บอกแม่อย่างมุ่งมั่นว่า
"แม่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ยังไงโสมก็จะไม่ยอมทนนั่งรับโทรศัพท์เงินเดือนเจ็ดพันอยู่อย่างนี้ไปตลอดหรอก ยังไงๆ โสมก็จะหาทางจับเสี่ยชัคให้ได้เร็วที่สุด"
โสมศรีชมลูกว่าดีมาก รีบทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน แล้วรีบกลับเพราะนัดร้านทำผมไว้
พอโสมศรีออกไป เจียงที่ต้องตาต้องใจโสมสุรางค์ ตั้งแต่วันแรกที่มาสมัครงาน ก็เอาน้ำและยามาให้เธอ พูดอย่างห่วงใยเอาใจว่า เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง
"ขอบคุณคุณเจียงมากนะคะ แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ คุณเอากลับไปเถอะ"
เจียงมองยากับน้ำหน้าจ๋อยๆ จำต้องถอยไป
ooooooo
เมื่อดาลัดตามพี่ชายเข้าไปในห้องทำงาน เธอบ่นว่าสองแม่ลูกนี่แผนสูงจริงๆ นี่ถ้าตนมาไม่ทัน พี่ชายก็คงปฏิเสธไม่ออก ติดกับยายคุณโสมศรีนั่นแน่ๆ
ชัคไม่ได้สนใจฟัง สีหน้ากลัดกลุ้มกังวลจนน้องสาวถามว่าเป็นอะไร กลุ้มใจอะไรหรือเปล่า
"พี่เป็นห่วงดนตร์ หายหัวไปไหนไม่รู้"
"พี่ดนตร์ก็เคยหายไปอย่างนี้บ่อยๆไม่ใช่เหรอคะ ดาว่าพี่ดนตร์หายไปไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย ป่านนี้เขาคงไปเที่ยวเล่นอยู่ที่ไหนสักที่ละมั้ง"
"เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่พี่สังหรณ์ใจว่าครั้งนี้จะเกิดเรื่องไม่ดีกับดนตร์มากกว่า"
ส่วนดนตร์เมื่อไปพักที่โรงแรมหรูของพ่อโดยมีผู้จัดการมาต้อนรับดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้จัดการพูดออกตัวว่าไม่รู้ว่าเขาจะมาพัก นึกว่าอารยะสั่งให้คนอื่น เลยอาจจะขาดตกบกพร่อง
ดนตร์บอกไม่ต้องห่วง ตนก็ไม่ชอบหรูหราและไม่ต้องการเอิกเกริก เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่ามาพักที่นี่ พูดแล้วจ้องหน้าผู้จัดการถามเสียงเข้มว่า "เข้าใจใช่ไหม"
"เข้าใจครับคุณดนตร์" ผู้จัดการเข้าใจทันทีว่าหมายถึงอะไร แล้วค้อมตัวออกไปเงียบๆ
ดนตร์เดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปไกลแสนไกลอย่างไร้เป้าหมาย แต่ใจคิดถึงชัคกับตะวันฉาย...
ooooooo
@^@..อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 6
ตอนที่ 6
ส่งดนตร์กลับบ้านสั่งการให้หลบไปกบดานแล้วอารยะไปหาราญที่ห้องทำงาน ราญพูดออกตัวว่า ต้องขอโทษที่กลับมาจากมาเก๊าแล้วยังไม่ได้ไปหาเขา พอดีมีงานให้สะสางมาก ถามอารยะว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า
"ผมจะมาบอกว่า ถ้าคุณราญเงินไม่พอจะกู้เพิ่มก็บอกได้นะครับ ผมจะช่วยเต็มที่เลย"
ราญมองอารยะอย่างซึ้งใจ ชมว่าช่างมีน้ำใจต่อตนเหลือเกิน อารยะพยักหน้ายิ้มๆแล้วขอตัวกลับเพราะหมดธุระแล้ว
"เดี๋ยวครับคุณอารยะ ขายที่ดินกับคอนโดฯหมดนี่ผมขอ 15 ล้านก็พอครับ"
อารยะรับปากว่าจะลองดู ราญขอบคุณลุกมองอารยะเดินออกไป พอประตูห้องปิดเท่านั้นราญก็ทิ้งตัวนั่งอย่างกลัดกลุ้ม หยิบสมุดเงินฝากธนาคารขึ้นมาดู เห็นตัวเลขแล้วถึงกับถอนใจเฮือก
ooooooo
ตะวันฉายร้อนใจมากที่พยายามติดต่อดนตร์ อย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ เธอเข้าไปหาอารยะที่เดินออกจากห้องราญ ถามอย่างร้อนใจว่าติดต่อดนตร์ได้ไหม ตนติดต่อไม่ได้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
อารยะตอบหน้าตาเฉยว่าดนตร์คงไม่เป็นอะไร เวลาไม่สบายใจก็มักจะหายไปอย่างนี้ทุกที พออารมณ์ดีก็กลับมาเองอย่าเพิ่งร้อนใจไปเลย ทำเป็นดูนาฬิกาแล้วชวนว่าใกล้เลิกงานแล้วไปดินเนอร์กันไหม ตนมีร้านใหม่จะแนะนำ
"วันนี้ตะวันต้องขอตัวนะคะ พอดีมีงานต้องเคลียร์เยอะเลยค่ะ"
อารยะไม่เซ้าซี้ ขอตัวกลับก่อน ตะวันฉายยกมือไหว้ พออารยะรับไหว้เดินจากไป เธอฉุกคิดอะไรบางอย่างหันเดินไปอีกทาง
ตะวันฉายตัดสินใจไปที่บริษัทของชัค เจอโสมสุรางค์ ที่เคาน์เตอร์โอปะเรเตอร์ ถามโสมสุรางค์ที่นั่งก้มหน้าอยู่ว่าไม่ทราบว่าชัคอยู่ไหม พอโสมสุรางค์เงยหน้าขึ้นเห็นเป็นตะวันฉายก็ชักสีหน้าเล็กน้อย
อ้าว...คุณโสม คุณโสมทำงานอยู่ที่นี่เหรอคะ" ตะวันฉายถามเมื่อเห็นหน้าเต็มๆ
"ค่ะ พอดีเสี่ยชัคเขาเรียกให้โสมมาช่วยงานน่ะค่ะโสมก็เลยมา ว่าแต่คุณตะวันมาพบเสี่ยชัคเหรอคะ" ครั้นตะวันฉายตอบรับ เธอโกหกว่า "เสี่ยชัคไม่อยู่หรอกคะ เห็นออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้ว"
ตะวันฉายรู้สึกผิดหวังหันหลังจะกลับ บอกว่าวันหลังค่อยมาใหม่ ทันใดนั้นดาลัดเข้ามาพอดี ทักอย่างดีใจว่ามาทำอะไรหรือ ตะวันฉายบอกว่ามาหาชัค แต่โสมสุรางค์บอกว่าไม่อยู่ เลยจะกลับ
ดาลัดมองโสมสุรางค์อย่างไม่พอใจที่โกหกหน้าตาเฉย บอกว่าชัคอยู่ข้างบนแล้วพาตะวันฉายขึ้นไป ตะวันฉายมองโสมสุรางค์งงๆแล้วเดินตามดาลัดขึ้นไป
โสมสุรางค์จิกตามองตามอย่างเจ็บใจที่ผิดแผนจนได้
ระหว่างเดินไปกับดาลัดนั้น ตะวันฉายนึกในใจว่า
"รู้สึกว่าจะมีผู้หญิงอยู่ใกล้คุณทุกที่เลยนะคุณชัค ฮึ... ชอบทำหน้าตายแต่ที่แท้ก็เจ้าชู้ไม่เบา"
ooooooo
พอชัครู้จากเลขาว่าตะวันฉายมาขอพบเขา
ชักสีหน้าทันที ยิ่งเมื่อเธอเปิดประตูเข้ามา เขามองอย่างเย็นชาถามว่ามีธุระอะไรกับตนหรือ พอตะวันฉายบอกว่าติดต่อดนตร์ไม่ได้ไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า ถามว่าเขาเจอบ้างไหม ชัคไม่ตอบคำถามแต่ประชดไปว่า
"นี่ถ้าดนตร์รู้ว่าคุณเป็นห่วงเขามากขนาดนี้ เขาคงดีใจ"
"ก็คุณเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่เหรอคะว่าเพื่อนที่ดีต้องมีความหวังดีให้กัน เอ...แต่ดูคุณไม่ค่อยเดือดเนื้อร้อนใจเท่าไรเลยนะคะที่เพื่อนรักคุณหายไป หรือว่าคุณเห็นอย่างอื่นสำคัญว่าเพื่อนคุณ"
ตะวันฉายทั้งศอกกลับและเสียดสี พอชัคถามว่าพูดอะไร เธอเตือนเขาว่าสับรางให้ดีก็แล้วกัน รถไฟชนกันขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือน ชัคเลยตัดบทถามว่าตั้งใจมาหาดนตร์หรือมาแขวะตนกันแน่
พอถามกันจริงจัง ปรากฏว่าชัคเองก็ไม่รู้ว่าดนตร์หายไปไหนเพราะเขาก็ไม่ได้เจอ อดพูดประชดไม่ได้ว่าไม่ต้องห่วง ถ้าตนเจอดนตร์เมื่อไรจะส่งข่าวก็แล้วกัน
พอตะวันฉายออกจากห้อง ชัคฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ คว้า โทรศัพท์โทร.หากรองทิพย์
กรองทิพย์ดีใจมากนัดกินข้าวกับชัค มองเขาอย่างหลงใหลถ่วงเวลา จนชัคร้อนใจถามว่าเจอดนตร์บ้างหรือเปล่า จนกรองทิพย์ต้องบอกว่า เจอครั้งสุดท้ายเห็นดนตร์เก็บเสื้อผ้าไปเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าไปไหน แล้วอ่อยชัคชวนไปเที่ยวคอนโดฯส่วนตัวของตนไหม ไปคุยกันที่นั่นสบายกว่าที่นี่เยอะสนใจไหม
ชัคไม่เล่นด้วยซ้ำยังถอนหงอกว่า
"ผมไม่สนใจ เพราะยังไงคุณอาก็เป็นผู้หญิง และก็เป็นแม่ของเพื่อนรักผม ผมว่าผมรบกวนเวลาคุณอาแค่นี้ดีกว่า ผมขอตัวก่อนนะครับ" พูดเสร็จชัควางเงินค่าอาหารไว้แล้วลุกเดินออกไป
กรองทิพย์มองตามชัคไปอย่างเสียดาย ผิดหวัง ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรชัคก็ไม่ยอมใจอ่อนสักที
ooooooo
ใกล้ค่ำแล้ว ขณะราญกำลังจะออกจากบ้าน ตะวันฉายกลับมาพอดี เลยทำทีชวนเป็นเพื่อนไปพบลูกค้าจากฮ่องกงด้วยกันหน่อย เพราะทางนั้นจะมาคุยเรื่องร่วมหุ้นกับบริษัทเขา ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีเรา ก็จะมีเงินเข้าบริษัทอีกเยอะเลย
ตะวันฉายเห็นใจพ่ออยู่แล้ว ทางไหนที่จะช่วยได้เธอทุ่มเต็มที่ ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
"เอาให้สวยๆเลยนะลูก อย่าให้เสียชื่อพ่อล่ะ" ราญย้ำมองตามลูกสาวไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เมื่อไปถึงร้านอาหารในโรงแรมที่นัดกันไว้ ราญแนะนำตะวันฉายว่า
"มิสเตอร์วู คุณโรเจอร์ครับ นี่ตะวันฉายลูกสาวของผม เพิ่งกลับจากออสเตรเลียครับ ตะวัน...นี่มิสเตอร์วู ลูกค้าของพ่อ แล้วก็คุณโรเจอร์ลูกชายมิสเตอร์วู"
ตะวันฉายยกมือไหว้ทั้งสองอย่างนอบน้อม โรเจอร์ มองเธอตาเป็นประกาย...
เมื่อราญเอาเอกสารให้ มิสเตอร์วูส่งต่อให้โรเจอร์ บอกราญว่าให้ลูกชายดูดีกว่า ระยะหลังตนวางมือมานานแล้ว พลาง ทำทีว่ามีนัดกับเพื่อนชาวสวิสที่ทำบริษัททัวร์เหมือนกันที่อีกโรงแรมหนึ่ง ชวนราญไปด้วยกันไหมเผื่อมีโอกาสได้ร่วมงานกัน ตลาดท่องเที่ยวทางยุโรปก็น่าสนใจไม่น้อย
ราญตามไปด้วยความเต็มใจและหวังลุ้นอะไรบางอย่าง ปล่อยให้ตะวันฉายอยู่กับโรเจอร์ตามลำพัง แต่พอผู้ใหญ่ทั่งสองไป โรเจอร์ไม่ได้สนใจเอกสารเลย กลับชวนคุย พอรู้ว่าตะวันฉายจบมหาวิทยาลัยที่เมลเบิร์นเขาทำท่าตื่นเต้นตกใจมาก บอกว่ามีเพื่อนอยู่ที่นั่นเยอะเลย
โรเจอร์ชิมลางหญิงสาวด้วยการทำทีตื่นเต้นเอามือวางที่ขาเธอ ตะวันฉายขยับขาออกอย่างรักษามารยาท โรเจอร์ ก็ยังทำเป็นตื่นเต้นจนลืมตัวคุยเรื่องเพื่อนพลางเอามือลูบแขนเธออีก
"อะไรอ่ะ" ตะวันฉายชักเอะใจขึงขังขึ้นมา คราวนี้โรเจอร์เผยโฉมหน้าหมดเปลือก ลุกขึ้นลากเธอเข้าลิฟต์
โรเจอร์ใช้ทั้งกำลังและอุบาย ในที่สุดทนไม่ได้หมายเผด็จศึกให้ทันใจ เขาโปะยาสลบใส่หน้าตะวันฉาย
แต่มันไม่โชคดีอย่างที่คิด เพราะชัคที่เข้ามากินข้าวโรงแรมเดียวกันเห็นตะวันฉายนั่งอยู่กับโรเจอร์ที่ชัครู้ดีว่าเป็นเสือผู้หญิง เขาตัดสินใจติดตามและช่วยตะวันฉายรอดพ้นเงื้อมมือมารมาได้หวุดหวิด
ตะวันฉายรู้ตัวอีกทีพบว่าอยู่ที่บ้านแล้ว เธอถามชัค อย่างแปลกใจว่าเขาเข้าไปช่วยเธอได้อย่างไร ชัคเล่าให้ฟังจบ ก็พอดีราญกลับมา ถามตะวันฉายอย่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพ่อโทร.หาแล้วไม่รับสาย
"นายโรเจอร์เขาจะฉุดตะวันขึ้นไปบนห้องเขา" ตะวันฉายบอกพ่ออย่างไม่หายเจ็บใจ
ราญตกใจถามว่าลูกเป็นอะไรหรือเปล่า พอตะวันฉายบอกว่าไม่เป็นไรโชคดีที่ชัคช่วยไว้ทัน ราญก็ด่าโรเจอร์ว่า ทั้งมิสเตอร์วูและโรเจอร์ต้องรู้เห็นเป็นใจกันแน่ๆ เพราะตนไปกับมิสเตอร์วูแล้วไม่เห็นมีใครที่ไหนมาพบ ลุกขึ้นพูดอย่างแค้นใจว่าจะไปเอาเรื่องกับมันให้ได้
ชัคถามติงๆว่าโรเจอร์เป็นลูกมิสเตอร์วูไม่ใช่หรือ ส่วนตะวันฉายไม่อยากให้พ่อมีเรื่องกับใคร ขอร้องว่าไหนๆตนก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้วช่างมันเถอะ อย่ามีปัญหากับใครเลย
เมื่อราญยอมนั่งลง ตะวันฉายมองพ่ออย่างโล่งใจ ส่วนชัคมองราญอย่างครุ่นคิดแล้วลุกขอตัวกลับ ตะวันฉายจึงตามไปส่งข้างนอก
ooooooo
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ตะวันฉายมองชัคดีขึ้นเพราะแม้ที่ผ่านมาจะทำตัวเหมือนเป็นปรปักษ์กัน แต่ในยามเธอตกอยู่ในอันตรายเขาก็ยังช่วย เธอขอบคุณเขาถามว่า
"คุณชัค เมื่อตะกี้คุณบอกว่าคุณรู้ข่าวคุณดนตร์จากอากรองทิพย์แล้วใช่ไหมคะ"
"คุณไม่มีสิทธิ์เป็นห่วงมันหรอก" ชัคตอบตัดบทแล้วเดินไป ตะวันฉายเห็นอารมณ์ของเขาแล้วทั้งหงุดหงิดทั้งงง
เวลาเดียวกัน ดนตร์ถูกเอาตัวไปเก็บที่โรงแรมวิรันดาของอารยะ เขาออกมานอนดูดาวที่ริมสระว่ายน้ำของโรงแรม คิดถึงตะวันฉาย อยากให้เธอมาอยู่ใกล้ๆจะได้มาเห็นดาวสวยๆด้วยกัน
ขณะนั้นเองไพศาลเอาโทรศัพท์มือถือเข้ามาให้ บอกว่าคุณพ่อเขาสั่งตนซื้อให้ ดนตร์รับไปอย่างแปลกใจ แต่เพียงครู่เดียวก็มีข้อความจากธนาคารส่งมาแจ้งว่าในบัญชีของเขามีเงินเข้าห้าแสนบาท
ดนตร์โทร.กลับไปหาอารยะ ถามพ่อว่าโอนเงินให้ตนหรือ ที่นี่ไม่มีบ่อนตนไม่จำเป็นต้องใช้เงิน อารยะพูดอย่างใจดีว่าโอนมาให้เผื่อไว้เวลาฉุกเฉิน ไม่อยากให้ใช้บัตรเครดิตเดี๋ยวจะถูกตามตัวเจอถามว่า
"แล้วแกอยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม แต่ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกมาได้เลยนะดนตร์"
กรองทิพย์ผ่านมาได้ยินพอดี นึกแปลกใจว่าสองพ่อลูกญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเธอก็ยิ้มกระหยิ่มใจเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้
ooooooo
วันนี้ราญดิ้นรนไปหาชัคที่ห้องทำงานเขาอีก เอ่ยปากกับชัค ขอโอกาสให้ตนเล่นพนันกันอีกสักครั้ง ชัคมองหน้าราญอย่างพินิจพิจารณาถามว่า
"ถ้าคุณราญโชคดีก็คงจะปลดหนี้จากผม ถ้าโชคดีกว่านั้นก็คงจะหมดหนี้ แต่ถ้าคุณราญโชคร้ายผมจะได้อะไรครับ ผมก็คงได้แต่หนี้เพิ่มขึ้นเท่านั้น เพราะทรัพย์สินทั้งบ้านและรถ คุณราญเอาไปจำนองหมดแล้วใช่ไหมครับ"
ราญตกใจที่ชัครู้เรื่องนี้ด้วย ยิ่งเมื่อรู้ว่าชัครู้กระทั่งว่าเขากู้เงินจากแบงก์ของอารยะเอาเงินไปเล่นที่มาเก๊า โดยเอาบ้านกับรถไปจำนองก็ยิ่งตกใจ จำต้องพยักหน้ารับ
"ผมอยากเตือนคุณราญเอาไว้หน่อยว่า คุณราญอย่าไว้ใจใครให้มาก โดยเฉพาะในเวลาที่คุณกำลังเดือดร้อน เพราะคุณราญไม่มีวันรู้หรอกว่าคนที่มาช่วย เขาหวังผลประโยชน์อะไรหรือเปล่า"
ฟังชัคแล้วราญชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ ถามว่ารวมทั้งตัวชัคด้วยใช่ไหม ตัดบทฉุนเฉียวว่า
"เสี่ยคิดจะช่วยผม แต่ผมกลับคิดว่าตอนนี้มันคงไม่จำเป็นแล้ว เพราะผมไม่ชอบให้ใครมาดูถูกคนที่มีบุญคุณกับผม และผมก็อาบน้ำร้อนมาก่อนเสี่ย ผมรู้ดีว่าใครเป็นยังไง เสี่ยไม่ต้องมาสั่งสอนผมหรอก! ขอบใจนะที่เสี่ยอุตส่าห์มีน้ำใจช่วยผม!"
พูดแล้วราญปึงปังออกไป ชัคมองตามแล้วส่ายหน้า อย่างเหนื่อยใจ
ooooooo
@^@..อ่านละครย่อเรื่องเพลิงสีรุ้ง ตอนที่ 12
@^@..อ่านละครย่อเรื่องเพลิงสีรุ้ง ตอนที่ 12
ตอนที่ 12 (ต่อจากวานนี้)
แคทตามทินรัตน์เข้าบ้านและพยายามจะถามสาเหตุของการชกต่อยกันระหว่างทินรัตน์กับอัสนี แต่ทินรัตน์ไม่อยากพูดอะไร บ่นปวดหัว และขอให้แคท กลับไปพักผ่อน แคทชะงักแต่ก็ไม่ยอมขยับ ยังตื๊อจะอยู่ดูแลเขาต่ออีก...ส่วนเสาวรสพาอัสนีกลับไปส่งห้องพัก ก็ย้ำเตือนว่าเขาไม่ควรทำอย่างวันนี้อีก เพราะมันไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย อัสนีอธิบายว่าตนต้องการเล่นงานทินรัตน์เพื่อ
เตือนสติให้เขารู้ว่า ตนรู้ว่าเขาทำอะไรลงไป
"แล้วมันได้อะไรขึ้นมา ช่วยลบล้างสิ่งที่เขาทำไปแล้วได้ไหม"
"ผมต้องการให้เขาปล่อยขวัญออกมา เขาต้องเอาขวัญไปกักขังไว้แน่ๆ"
"บุ่มบ่ามไปอย่างนั้น จะช่วยจอมขวัญไม่ได้ เขาดื้อรั้น อวดดีขนาดนั้น ไม่มีวันที่เขาจะยอมรับหรือพูดออกมาเรื่องจอมขวัญ"
"แต่ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเอาขวัญไปไว้ที่ไหน"
"ตามใจใหม่ แต่ไม่ใช่วิธีแบบที่เพิ่งทำไป"
"ผมเสียใจ เพียงแต่ตอนนั้นผมดึงขวัญออกมาหาที่อยู่ให้ขวัญได้ ขวัญก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้"
"หาทางแก้ปัญหา อย่าไปเพิ่มปัญหา มาช่วยกันคิด ดีกว่านะใหม่"
อัสนีนิ่งไปอย่างครุ่นคิด ทบทวน...
ด้านแคทที่ตื๊อขออยู่ดูแลทินรัตน์ พอสบโอกาสอยู่ ตามลำพังสองคน แคทก็พยายามยั่วยวนหมายจะรวบรัดจับทินรัตน์ให้อยู่หมัด แต่สารภีดันทะเล่อทะล่าเข้ามาทำให้แคท หงุดหงิดผิดหวังอีกจนได้
ฝ่ายจอมขวัญหลังได้รับอีเมลของแม่จากอเมริกา เธอส่งข้อความตอบกลับไปว่า อีกไม่นานเธอจะกลับไปหาแม่ จะไปเรียนต่อ ขอให้แม่รอลูกคนนี้ด้วย...ครั้นแม่ได้อ่านข้อความนี้ ก็ดีใจมาก แต่ยังติดเรื่องเวลาที่แม่ต้องเดินทางกับทอม ซึ่งเที่ยวนี้นานถึงสองเดือนกว่าจะกลับ แม่จึงรีบตอบกลับให้ จอมขวัญรู้
"อีกสองเดือนเชียวหรือ แต่ก็ยังดีกว่าอีกสองปี ถ้านานขนาดนั้น ขวัญคงตายไปก่อนแน่ๆ แม่จ๋า" จอมขวัญรำพึงก่อนปิดเครื่องคอมฯ
ooooooo
อัสนีแอบสะกดรอยตามทินรัตน์ไปถึงห้างสรรพสินค้า เห็นเขาซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงยิ่งทำให้อัสนีมั่นใจว่าเขากักขังจอมขวัญเอาไว้...ในขณะเดียวกันนี้ แคทก็ได้รับรายงานจากโฉมสุดาด้วยเช่นกัน หลังจาก นักสืบส่งข่าวอย่างรวดเร็วทันใจ แคทโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทินรัตน์ทำแบบนี้ถือว่าเหยียบหัวใจกันชัดๆ แล้วแคทก็ระบายแค้นด้วยการขว้างปาถ้วยจานแตกกระจาย ท่าทางราวกับเสีย
สติ
เมื่อทินรัตน์นำเสื้อผ้ามาให้จอมขวัญ หวังจะเห็นสีหน้ายินดี แต่จอมขวัญกลับทำเมินเฉย ไม่ยอมใส่ ซ้ำยังกวนโทสะเขามากมายเมื่อเขาดูถูกให้เจ็บช้ำน้ำใจ เป็นเหตุให้ทินรัตน์ โมโหจนยั้งอารมณ์ไม่อยู่ ลงเอยด้วยการปลุกปล้ำเธออีกครั้ง
ขณะจอมขวัญพยายามไล่ทินรัตน์กลับ อัสนีโผล่พรวดเข้ามาจนทั้งคู่ตะลึงอึ้งไปด้วยกัน อัสนีจะเล่นงานทินรัตน์ แต่เขากลับเป็นฝ่ายถูกทินรัตน์ชกหน้า และกล่าวหาว่าเขาสมคบกับจอมขวัญหลอกลวงว่าจอมขวัญท้องกับนายขวด อัสนีย้อนว่า ในเมื่อรู้ความจริงแล้วก็ควรจะจบ
"ไม่จบ!" ทินรัตน์สวนทันควัน
"อันธพาล ขวัญ ไปกับผมนะ"
ทินรัตน์กางกั้นไม่ยอม จึงเกิดแลกหมัดกันนัว จอมขวัญเห็นท่าไม่ดีอัสนีเป็นรอง จึงคว้ามีดปอกผลไม้จ่อหลังทินรัตน์
"หยุดนะ...ไม่งั้นฉันแทงคุณจริงๆด้วย"
ได้ผล...สองหนุ่มรามือ แต่ไม่ยอมแยกย้าย ยังทุ่มเถียงกันหน้าดำหน้าแดง
"ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างฉันกับไอ้ใหม่ ใครก่อนใคร" ทินรัตน์โพล่งขึ้น
อัสนีสุดแค้นจะเอากำปั้นยัดปากทินรัตน์อีก จอมขวัญรีบเข้าขวาง ขอร้องอัสนีอย่าไปใส่ใจกับหมาเห่าใบตองแห้ง
"แต่ที่แน่ๆ ฉันจ่าย แต่ไอ้ใหม่มันได้ฟรี"
จอมขวัญตัวสั่นด้วยความเจ็บแค้นแสนสาหัส ชี้หน้าอาฆาตทินรัตน์
"จำเอาไว้ จำใส่ใจไปจนตายว่าคุณเหยียดหยามอะไรฉันไว้ มันต้องมีสักวันที่ฉันจะเอาคืน"
"คืนชีวิตนายขวดให้ฉันได้ ฉันยินดีให้เธอเอาคืน" ทินรัตน์โต้
"ไม่ต้องมาสำนวน ถ้าอยากทวงถามชีวิตของขวดคืน ถามผิดคนแล้ว โน่น ไปถามพี่แคท"
"แกพูดอะไร คุณแคทไม่เกี่ยว...จอมขวัญ กลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้"
"ขวัญจะไปกับผม" อัสนีประกาศ พร้อมกับยึด จอมขวัญไว้
"แกไม่มีสิทธิ์มาเอาผู้หญิงของฉันไปไหนทั้งนั้น ต่อให้เป็นผู้หญิงของแกมาก่อน ก็ไม่ให้ไป"
"ทำไมไม่ถามขวัญ ขวัญมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะไปหรือจะอยู่"
"จอมขวัญ ฉันให้สิทธิ์เธอตัดสินใจ" ทินรัตน์เปิดโอกาส จอมขวัญกลับลังเล แล้วบอกอัสนีว่า
"อย่าเอาตัวเองมาแปดเปื้อนกับขวัญ ขวัญสกปรกเกินกว่าคนจิตใจงดงามอย่างใหม่จะมาเสี่ยง"
"ได้ยินชัดเจนมั้ย" ทินรัตน์ยิ้มเยาะอัสนี
"เขาเท่านั้นที่ภายนอกดูสะอาด แต่ภายในมีแต่ความโหดร้ายสกปรก คนสกปรกเท่านั้นที่จะสู้กับคนสกปรกได้"
"ขวัญ..." อัสนีตะลึง
"กลับไปซะใหม่ กลับไป ขวัญขอร้อง"
"ได้ยินแล้วใช่มั้ย กลับไปสิ จอมขวัญไม่ต้องการแกแล้ว ตอกย้ำอีกทีให้เขาเข้าใจสิจอมขวัญ" "กลับไปได้แล้วใหม่ ขวัญเต็มใจจะอยู่ที่นี่"
"ทำไม...ทำไมขวัญพอใจที่จะอยู่กับสัตว์ป่า" อัสนีทิ้งท้ายแล้วหันกลับออกไปด้วยความเสียใจสุดๆ
แต่ทินรัตน์สะใจเป็นบ้า ถึงกับปรบมือให้จอมขวัญ
"สุดยอดมารยาสาไถย"
"คุณ...คุณมันสัตว์ป่า สัตว์ป่าจริงๆ" จอมขวัญกรีดร้องระบายความแค้นจนหมดแรงทรุดฮวบหมดสติ
ooooooo
เสาวรสมารออัสนีที่ห้องพักอยู่นาน พยายามติดต่อทางมือถือเขาก็ไม่รับสาย จนกระทั่งอัสนีเมามายกลับมา เสาวรสซักถามด้วยความเป็นห่วง อัสนีถึงกับร้องไห้โผกอดเสาวรสแน่น
"หมดกัน จบกันแล้ว ขวัญแหลกลาญไปหมดแล้ว ทั้งกายทั้งใจ เขาทำขวัญหัวใจสลาย"
"ตอนนี้ใหม่เองก็เหมือนคนหัวใจสลาย" เสาวรสเตือนสติ
"ผมหัวใจสลายไม่ใช่เพราะอกหัก แต่เพราะเห็นคนที่ผมรักแหลกลาญไปกับน้ำมือของสัตว์ป่า"
"ใหม่เรียกเขาว่าสัตว์ป่า"
"มีมนุษย์ที่ไหนทำกับมนุษย์ด้วยกันได้ถึงเพียงนี้ เขาข่มขืนจอมขวัญ"
"จอมขวัญบอกใหม่งั้นหรือ"
"ไม่ได้บอก แต่ผมรู้ด้วยอาการของขวัญกับเขา"
"นี่ใหม่ไปพบพวกเขามา?"
"ผมตามจนพบ ผมอ้อนวอนให้ขวัญกลับมากับผม แต่ขวัญไม่ยอมกลับ ผมไม่เข้าใจขวัญจริงๆ"
"เรื่องของความรักและความเกลียด มันมีอะไรมากมายที่เราไม่มีวันเข้าใจ"
"ทำไม...ทั้งๆที่อาการของขวัญเป็นอาการของคน
ขวัญเสีย ใจสลาย แต่กลับยืนกรานจะอยู่ในนรก"
"เป็นได้สองอย่าง ไม่รักมาก ก็เพราะแค้นมาก"
"ผมเกลียดเขา ผมเกลียดเขา..."
เสาวรสลูบหลังไหล่ของเขาอย่างเข้าใจความรู้สึก "แล้วนี่ใหม่จะบอกคุณแคทเรื่องนี้ไหม"
"ไม่บอก ถ้าพี่แคทรู้ ขวัญแหลกลาญยิ่งกว่านี้แน่ๆ"
"ใหม่ตัดสินใจถูกแล้ว ถ้าใหม่บอกคุณแคท ก็เท่ากับราดน้ำมันไปบนกองเพลิง ใจเย็นๆเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว สักวันจอมขวัญอาจไม่อยากอยู่กับเขาก็ได้" เสาวรสเช็ดน้ำตาให้อัสนีอย่างเบามือ อัสนีกุมมือเธอมาแนบแก้ม
"ผมอ่อนแอมากใช่ไหม"
"ใหม่อ่อนโยน อ่อนไหวต่างหาก ไม่ร้องไห้นะคนดี"
อัสนียิ้มทั้งน้ำตา ตื้นตันกับคำปลอบโยนและกำลังใจที่เสาวรสมีให้ไม่เคยขาด
ooooooo
ขณะเช็ดหน้าตาให้จอมขวัญที่ยังหมดสติ แววตา ทินรัตน์อ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด
"จอมขวัญ ฉันดีใจที่เธอเลือกสัตว์ป่าอย่างฉัน ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด"
จอมขวัญได้ยินเสียงนี้แว่วๆ พอลืมตาก็เห็นหน้าทินรัตน์ อยู่ใกล้แค่เอื้อม เธอขยับหนีเขาอย่างขยะแขยง
"ฉันเลือกอยู่กับสัตว์ป่า ไม่ใช่เพราะพิศวาส แต่อยากทดสอบความโหดร้ายของสัตว์ป่า ว่ามันจะมากมายมหาศาลแค่ไหน เพื่อที่ฉันจะเอาคืนเมื่อถึงวันของฉัน และเมื่อวันนั้นมาถึง เราจะวิบัติไปด้วยกัน จำไว้ว่าฉันมองคุณเหมือนสัตว์ เลื้อยคลานที่มีแต่พิษร้าย แต่ไร้สมอง เวรกรรมนำพาเรามาต่อสู้กัน และฉันต้องชนะ"
"จอมขวัญ ฉันมีอะไรอยากจะบอกเธอ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะบอกตอนนี้ ไม่รอเวลาอีกต่อไป"
"ฉันไม่ต้องการฟัง ไม่ต้องการรับรู้ ฉันต้องการให้มันจบ อยากทำอะไรก็เชิญ ฉันจะหลับหูหลับตาทำใจให้สงบ"
"ฉันจะออกไปอยู่นอกห้อง เธอไม่ต้องทนหลับหูหลับตา แต่เชิญหลับให้สบาย ฉันจะไม่รบกวนเธอ"
ทินรัตน์กลับลงไปนอนเหยียดยาวที่โซฟา พักใหญ่ๆจอมขวัญก็หอบผ้าห่มลงมาห่มให้เขา เสร็จแล้วรีบกลับขึ้นไปโดยเร็ว ทินรัตน์ไม่ได้หลับ เขาลืมตาขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นเขาลุกไปเคาะห้องเรียกจอมขวัญ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
"จอมขวัญ ฉันรู้นะว่าเธอนอนไม่หลับ เพราะถ้าเธอนอนหลับ เธอคงไม่เอาผ้าห่มไปห่มให้ฉัน ไม่ได้จะมารบกวนเธอ แต่จะมาบอกว่าขอบใจมาก"
จอมขวัญแทบไม่เชื่อหู ค่อยๆลุกจากเตียงเดินไปชะเง้อทางหน้าต่าง เห็นเขาเดินออกไปที่รถ แล้วหันมาโบกมือส่งยิ้ม จอมขวัญตกใจรีบถอยหลบ...บอกกับตัวเองใจเต้นระทึก
"ไม่นะจอมขวัญ เธอจะใจอ่อนไม่ได้...ไม่ได้ ไม่ได้ เด็ดขาด"
ทินรัตน์ขึ้นรถขับออกไป พอไปถึงบ้านหลังใหญ่ในรั้วเดียวกับแคท เขาแทบจะบินไปยังบ้านแคท เมื่อมองไปเห็นแคทใส่ชุดนอนยืนหมิ่นเหม่อยู่ที่ขอบระเบียงชั้นสอง
กว่าทินรัตน์จะกล่อมแคทให้ยอมกลับเข้ามาได้ก็ใจหายใจคว่ำไปหลายยก แคททำเหมือนคนละเมอ แต่ลึกๆแล้วเธอหัวใจสลายที่รู้ว่าทินรัตน์แอบซุกผู้หญิงเอาไว้ แต่แคทก็ฉลาดพอที่จะไม่โวยวายต่อว่า เพียงแต่บอกว่าเธอทำแบบนี้เพราะรู้สึกผิดหวังอะไรหลายๆอย่างโดยไม่รู้ตัว
"ผม...ผมขอโทษ ถ้าอย่างหนึ่งหรือทุกอย่างในความรู้สึก ผิดหวังนั่นเกิดจากผม"
"คุณทินรู้สึกว่าคุณคือต้นเหตุให้ฉันผิดหวังจริงๆหรือคะ"
"ครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณแคท อะไรที่ทำให้คุณแคทรู้สึกไม่สบายใจ ผมจะไม่ทำ"
"ขอบคุณค่ะ ขอบคุณที่สุด ที่ยังไม่ลืมความรู้สึกระหว่างเราสองคนที่มีต่อกันมายาวนาน" แคทไม่พูดเปล่า โอบรอบคอทินรัตน์ สายตาบ่งบอกความต้องการ ผิดกับสายตาทินรัตน์ที่สงบนิ่ง
"คุณแคทสมควรพักผ่อน" เขาตัดบทอย่างนุ่มนวล แคท ชะงัก ตัดพ้อเขาว่า สายตาของเขาที่มองเธอเปลี่ยนไป "ผมไม่ชอบการแสดงออกใดๆให้ใครเห็น"
"แม้แต่คนที่เห็นคือฉัน คือคนที่ต้องการรับความรู้สึกตอบรับจากคุณทินหรือคะ"
ชายหนุ่มเริ่มอึดอัด แคทพยายามโน้มหน้าเขาลงมาประกบปากแต่ไม่สำเร็จ เพราะสารภีส่งเสียงแจ้วๆก่อนจะเอาน้ำขิงร้อนๆเข้ามาเสิร์ฟ
เมื่อแยกกลับไปบ้านตัวเอง ทินรัตน์นั่งคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องทำร้ายทำลายจอมขวัญ เรื่องทำให้เสาวรสเสียใจจนบอกเลิก และเวลานี้แคทก็กำลังเจ็บปวดเพราะเขา...ที่สุดทินรัตน์ก็ตัดสินใจต่อหน้ารูปพ่อ
"พ่อครับ ผมจะไม่ทำตัวเหลวไหล ผมจะทำตัวอยู่ในกรอบที่พ่ออบรมผมไว้ ผมต้องแต่งงานกับคุณรสให้ได้"
อ่านละครย่อเรื่องเพลิงสีรุ้ง ตอนที่ 12
ooooooo
รุ่งขึ้นแคททำอาหารเช้ามาให้ทินรัตน์ พอทินรัตน์บอกว่าต้องรีบไป แคทหน้าซีดผิดหวัง ทินรัตน์เลยต้องนั่งลงกิน และจำใจรับปากแคทที่ต้องการให้เขากลับมากินข้าวเย็น เธอจะทำอาหารไว้รอ หวังว่าเขาจะไม่ทำให้เธอรอเก้อ...
ทินรัตน์เข้าออฟฟิศได้ไม่นาน เสาวรสก็มาขอพบแต่ถูกโฉมสุดากีดกันอ้างว่าทินรัตน์ติดงาน เสาวรสไม่เชื่อเดินดุ่มเข้าไปเฉยเลย ทำเอาโฉมสุดาไม่พอใจถึงกับแอบด่า... เมื่อเห็นเสาวรสก้าวเข้ามา ทินรัตน์ลุกขึ้นด้วยความดีใจ บอกเธอว่าเขากำลังจะไปหาอยู่พอดี พูดพลางก็เดินเข้าหาจะจับมือ แต่เธอถอยหนีอย่างเย็นชา
"ฉันมาหาคุณเพราะจำเป็น เรื่องร้ายกาจที่คุณทำกับจอมขวัญ"
"ไอ้ใหม่ ไอ้ใหม่มันบอกคุณรสหมดทุกอย่าง ไอ้ใหม่มันปากโป้ง"
"แต่ฉันจะไม่ปากโป้งไปบอกต่อที่ไหน"
"ผมทำไปเพราะมันสุดจะทน ความแค้นมันระเบิด"
"คุณทินต้องแก้ตัวเรื่องนี้กับเจ้าของลิปสติกที่บ่านั่น ไม่ใช่ฉันค่ะ"
ทินรัตน์หน้าเจื่อน เพิ่งจะเห็นว่าแคทแอบประทับรอยลิปสติกเอาไว้ตอนอ้อนให้เขากลับไปกินข้าวเย็น
"ฉันต้องการทราบว่า ทำไมคุณทำกับจอมขวัญอย่างนั้น"
"ผมรู้ว่าทำไม่ดีกับเด็กนั่น แต่เด็กนั่นมันไม่ใช่เด็กดี เขาเสียมาแล้วกับทั้งขวด และกับทั้งใหม่ ไอ้วิลลี่ ไอ้ป๋า ไอ้อะไรอีกไม่รู้เท่าไหร่"
"คนที่เสียตัวไปกับใครต่อใคร ไม่ได้หมายความว่าคนคนนั้นต้องเสียความเป็นคนให้ใครมาย่ำยีโดยไม่สมยอม เด็กนั่นไม่ได้เต็มใจสักนิด"
"ผมทนไม่ได้ที่โดนเด็กหลอก เด็กนั่นฆ่าขวด ปอกลอกขวดจนฆ่าตัวตาย"
"ข้ออ้างที่ไม่มีคุณธรรม จริยธรรม คุณทินไม่ใช่ ผู้พิพากษา ไม่มีสิทธิ์ไปลงโทษจอมขวัญ แม้ว่าจะแค้นแค่ไหนก็ตาม ปากก็พูดว่ารังเกียจ แต่การกระทำคือเข้าไปผูกพัน"
"คุณรส...นี่คุณหึงจอมขวัญ"
"นี่ยิ่งงี่เง่ามาก เพราะคนที่หึงหวงจอมขวัญคือคนที่คุณกลัวจะรู้เรื่องนี้ที่สุด...นึกถึงความดีงามที่ได้สั่งสมเอาไว้ บ้างสิคะ ถึงแม้ว่าจะพิสูจน์แล้วว่ามันจอมปลอมก็ตาม"
"แล้วคุณรสต้องการให้ผมทำยังไง"
"ปล่อยจอมขวัญซะ ปล่อยแกออกมา อย่าไปกักขังแกไว้"
"ไอ้ใหม่คงลืมบอกสินะ ว่าจอมขวัญยินดีจะอยู่กับผมต่อไป"
"การอยากอยู่กับคุณอาจไม่ใช่การยินดี แต่เป็นการอยู่ เพราะแค้น ฉันกับใหม่สงสัยว่าจอมขวัญแกไม่ใช่เด็กกุ๊ยเด็กถ่อยอย่างที่คุณคิด แกอาจเป็นเด็กดีๆที่หนีปัญหาครอบครัวมาก็ได้ คุณกำลังหลงทาง หันกลับมาซะ ระหว่างทำร้ายจอมขวัญ
กับทำดีที่สุดกับคุณแคท คุณคิดไม่ออกหรือว่าจะเลือกทำอะไร"
"ผมเลือกคุณรส เรากลับมาคืนดีกัน แต่งงานกัน แล้วผมจะหยุดทุกอย่าง"
เสาวรสนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากเขาอีก เธอรับไม่ได้ตบหน้าเขาเต็มแรง
"แต่รสไม่ใช่ตัวเลือกของคุณอีกต่อไป ขอบคุณที่สอนให้รสกล้าตัดสินใจจะเป็นคนเลือก หรือไม่เลือกใคร"
"แปลว่าคุณจะเลือกไอ้ใหม่..."
"เลือกที่จะไม่เป็นหุ่นเชิดโชว์สัญลักษณ์ครอบครัวไฮโซตัวอย่างของคุณค่ะ จบของฉันคือจบสิ้นตลอดไป" เสาวรสทิ้งท้ายอย่างไร้เยื่อใย ทินรัตน์ถึงกับใบ้กิน ยืนอึ้งเป็นหุ่น
แล้วค่ำนั้นทินรัตน์ก็จมอยู่กับความทุกข์ความสับสน จนต้องหันหน้าไปพึ่งเหล้า เขาคิดไม่ตกกับปัญหาที่ตัวเองเป็นคนก่อ...ในขณะเดียวกันแคทที่เฝ้ารอเขากลับมากินข้าวตั้งแต่ เย็นก็เริ่มกระสับกระส่ายหนักขึ้นทุกที จนสารภีแอบบ่นอย่างหวั่นใจว่า งานนี้จะวืดจะแห้วซะอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้...
ooooooo
(อ่านต่อพรุ่งนี้)
ตอนที่ 12 (ต่อจากวานนี้)
แคทตามทินรัตน์เข้าบ้านและพยายามจะถามสาเหตุของการชกต่อยกันระหว่างทินรัตน์กับอัสนี แต่ทินรัตน์ไม่อยากพูดอะไร บ่นปวดหัว และขอให้แคท กลับไปพักผ่อน แคทชะงักแต่ก็ไม่ยอมขยับ ยังตื๊อจะอยู่ดูแลเขาต่ออีก...ส่วนเสาวรสพาอัสนีกลับไปส่งห้องพัก ก็ย้ำเตือนว่าเขาไม่ควรทำอย่างวันนี้อีก เพราะมันไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย อัสนีอธิบายว่าตนต้องการเล่นงานทินรัตน์เพื่อ
เตือนสติให้เขารู้ว่า ตนรู้ว่าเขาทำอะไรลงไป
"แล้วมันได้อะไรขึ้นมา ช่วยลบล้างสิ่งที่เขาทำไปแล้วได้ไหม"
"ผมต้องการให้เขาปล่อยขวัญออกมา เขาต้องเอาขวัญไปกักขังไว้แน่ๆ"
"บุ่มบ่ามไปอย่างนั้น จะช่วยจอมขวัญไม่ได้ เขาดื้อรั้น อวดดีขนาดนั้น ไม่มีวันที่เขาจะยอมรับหรือพูดออกมาเรื่องจอมขวัญ"
"แต่ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเอาขวัญไปไว้ที่ไหน"
"ตามใจใหม่ แต่ไม่ใช่วิธีแบบที่เพิ่งทำไป"
"ผมเสียใจ เพียงแต่ตอนนั้นผมดึงขวัญออกมาหาที่อยู่ให้ขวัญได้ ขวัญก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้"
"หาทางแก้ปัญหา อย่าไปเพิ่มปัญหา มาช่วยกันคิด ดีกว่านะใหม่"
อัสนีนิ่งไปอย่างครุ่นคิด ทบทวน...
ด้านแคทที่ตื๊อขออยู่ดูแลทินรัตน์ พอสบโอกาสอยู่ ตามลำพังสองคน แคทก็พยายามยั่วยวนหมายจะรวบรัดจับทินรัตน์ให้อยู่หมัด แต่สารภีดันทะเล่อทะล่าเข้ามาทำให้แคท หงุดหงิดผิดหวังอีกจนได้
ฝ่ายจอมขวัญหลังได้รับอีเมลของแม่จากอเมริกา เธอส่งข้อความตอบกลับไปว่า อีกไม่นานเธอจะกลับไปหาแม่ จะไปเรียนต่อ ขอให้แม่รอลูกคนนี้ด้วย...ครั้นแม่ได้อ่านข้อความนี้ ก็ดีใจมาก แต่ยังติดเรื่องเวลาที่แม่ต้องเดินทางกับทอม ซึ่งเที่ยวนี้นานถึงสองเดือนกว่าจะกลับ แม่จึงรีบตอบกลับให้ จอมขวัญรู้
"อีกสองเดือนเชียวหรือ แต่ก็ยังดีกว่าอีกสองปี ถ้านานขนาดนั้น ขวัญคงตายไปก่อนแน่ๆ แม่จ๋า" จอมขวัญรำพึงก่อนปิดเครื่องคอมฯ
ooooooo
อัสนีแอบสะกดรอยตามทินรัตน์ไปถึงห้างสรรพสินค้า เห็นเขาซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงยิ่งทำให้อัสนีมั่นใจว่าเขากักขังจอมขวัญเอาไว้...ในขณะเดียวกันนี้ แคทก็ได้รับรายงานจากโฉมสุดาด้วยเช่นกัน หลังจาก นักสืบส่งข่าวอย่างรวดเร็วทันใจ แคทโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทินรัตน์ทำแบบนี้ถือว่าเหยียบหัวใจกันชัดๆ แล้วแคทก็ระบายแค้นด้วยการขว้างปาถ้วยจานแตกกระจาย ท่าทางราวกับเสีย
สติ
เมื่อทินรัตน์นำเสื้อผ้ามาให้จอมขวัญ หวังจะเห็นสีหน้ายินดี แต่จอมขวัญกลับทำเมินเฉย ไม่ยอมใส่ ซ้ำยังกวนโทสะเขามากมายเมื่อเขาดูถูกให้เจ็บช้ำน้ำใจ เป็นเหตุให้ทินรัตน์ โมโหจนยั้งอารมณ์ไม่อยู่ ลงเอยด้วยการปลุกปล้ำเธออีกครั้ง
ขณะจอมขวัญพยายามไล่ทินรัตน์กลับ อัสนีโผล่พรวดเข้ามาจนทั้งคู่ตะลึงอึ้งไปด้วยกัน อัสนีจะเล่นงานทินรัตน์ แต่เขากลับเป็นฝ่ายถูกทินรัตน์ชกหน้า และกล่าวหาว่าเขาสมคบกับจอมขวัญหลอกลวงว่าจอมขวัญท้องกับนายขวด อัสนีย้อนว่า ในเมื่อรู้ความจริงแล้วก็ควรจะจบ
"ไม่จบ!" ทินรัตน์สวนทันควัน
"อันธพาล ขวัญ ไปกับผมนะ"
ทินรัตน์กางกั้นไม่ยอม จึงเกิดแลกหมัดกันนัว จอมขวัญเห็นท่าไม่ดีอัสนีเป็นรอง จึงคว้ามีดปอกผลไม้จ่อหลังทินรัตน์
"หยุดนะ...ไม่งั้นฉันแทงคุณจริงๆด้วย"
ได้ผล...สองหนุ่มรามือ แต่ไม่ยอมแยกย้าย ยังทุ่มเถียงกันหน้าดำหน้าแดง
"ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างฉันกับไอ้ใหม่ ใครก่อนใคร" ทินรัตน์โพล่งขึ้น
อัสนีสุดแค้นจะเอากำปั้นยัดปากทินรัตน์อีก จอมขวัญรีบเข้าขวาง ขอร้องอัสนีอย่าไปใส่ใจกับหมาเห่าใบตองแห้ง
"แต่ที่แน่ๆ ฉันจ่าย แต่ไอ้ใหม่มันได้ฟรี"
จอมขวัญตัวสั่นด้วยความเจ็บแค้นแสนสาหัส ชี้หน้าอาฆาตทินรัตน์
"จำเอาไว้ จำใส่ใจไปจนตายว่าคุณเหยียดหยามอะไรฉันไว้ มันต้องมีสักวันที่ฉันจะเอาคืน"
"คืนชีวิตนายขวดให้ฉันได้ ฉันยินดีให้เธอเอาคืน" ทินรัตน์โต้
"ไม่ต้องมาสำนวน ถ้าอยากทวงถามชีวิตของขวดคืน ถามผิดคนแล้ว โน่น ไปถามพี่แคท"
"แกพูดอะไร คุณแคทไม่เกี่ยว...จอมขวัญ กลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้"
"ขวัญจะไปกับผม" อัสนีประกาศ พร้อมกับยึด จอมขวัญไว้
"แกไม่มีสิทธิ์มาเอาผู้หญิงของฉันไปไหนทั้งนั้น ต่อให้เป็นผู้หญิงของแกมาก่อน ก็ไม่ให้ไป"
"ทำไมไม่ถามขวัญ ขวัญมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะไปหรือจะอยู่"
"จอมขวัญ ฉันให้สิทธิ์เธอตัดสินใจ" ทินรัตน์เปิดโอกาส จอมขวัญกลับลังเล แล้วบอกอัสนีว่า
"อย่าเอาตัวเองมาแปดเปื้อนกับขวัญ ขวัญสกปรกเกินกว่าคนจิตใจงดงามอย่างใหม่จะมาเสี่ยง"
"ได้ยินชัดเจนมั้ย" ทินรัตน์ยิ้มเยาะอัสนี
"เขาเท่านั้นที่ภายนอกดูสะอาด แต่ภายในมีแต่ความโหดร้ายสกปรก คนสกปรกเท่านั้นที่จะสู้กับคนสกปรกได้"
"ขวัญ..." อัสนีตะลึง
"กลับไปซะใหม่ กลับไป ขวัญขอร้อง"
"ได้ยินแล้วใช่มั้ย กลับไปสิ จอมขวัญไม่ต้องการแกแล้ว ตอกย้ำอีกทีให้เขาเข้าใจสิจอมขวัญ" "กลับไปได้แล้วใหม่ ขวัญเต็มใจจะอยู่ที่นี่"
"ทำไม...ทำไมขวัญพอใจที่จะอยู่กับสัตว์ป่า" อัสนีทิ้งท้ายแล้วหันกลับออกไปด้วยความเสียใจสุดๆ
แต่ทินรัตน์สะใจเป็นบ้า ถึงกับปรบมือให้จอมขวัญ
"สุดยอดมารยาสาไถย"
"คุณ...คุณมันสัตว์ป่า สัตว์ป่าจริงๆ" จอมขวัญกรีดร้องระบายความแค้นจนหมดแรงทรุดฮวบหมดสติ
ooooooo
เสาวรสมารออัสนีที่ห้องพักอยู่นาน พยายามติดต่อทางมือถือเขาก็ไม่รับสาย จนกระทั่งอัสนีเมามายกลับมา เสาวรสซักถามด้วยความเป็นห่วง อัสนีถึงกับร้องไห้โผกอดเสาวรสแน่น
"หมดกัน จบกันแล้ว ขวัญแหลกลาญไปหมดแล้ว ทั้งกายทั้งใจ เขาทำขวัญหัวใจสลาย"
"ตอนนี้ใหม่เองก็เหมือนคนหัวใจสลาย" เสาวรสเตือนสติ
"ผมหัวใจสลายไม่ใช่เพราะอกหัก แต่เพราะเห็นคนที่ผมรักแหลกลาญไปกับน้ำมือของสัตว์ป่า"
"ใหม่เรียกเขาว่าสัตว์ป่า"
"มีมนุษย์ที่ไหนทำกับมนุษย์ด้วยกันได้ถึงเพียงนี้ เขาข่มขืนจอมขวัญ"
"จอมขวัญบอกใหม่งั้นหรือ"
"ไม่ได้บอก แต่ผมรู้ด้วยอาการของขวัญกับเขา"
"นี่ใหม่ไปพบพวกเขามา?"
"ผมตามจนพบ ผมอ้อนวอนให้ขวัญกลับมากับผม แต่ขวัญไม่ยอมกลับ ผมไม่เข้าใจขวัญจริงๆ"
"เรื่องของความรักและความเกลียด มันมีอะไรมากมายที่เราไม่มีวันเข้าใจ"
"ทำไม...ทั้งๆที่อาการของขวัญเป็นอาการของคน
ขวัญเสีย ใจสลาย แต่กลับยืนกรานจะอยู่ในนรก"
"เป็นได้สองอย่าง ไม่รักมาก ก็เพราะแค้นมาก"
"ผมเกลียดเขา ผมเกลียดเขา..."
เสาวรสลูบหลังไหล่ของเขาอย่างเข้าใจความรู้สึก "แล้วนี่ใหม่จะบอกคุณแคทเรื่องนี้ไหม"
"ไม่บอก ถ้าพี่แคทรู้ ขวัญแหลกลาญยิ่งกว่านี้แน่ๆ"
"ใหม่ตัดสินใจถูกแล้ว ถ้าใหม่บอกคุณแคท ก็เท่ากับราดน้ำมันไปบนกองเพลิง ใจเย็นๆเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว สักวันจอมขวัญอาจไม่อยากอยู่กับเขาก็ได้" เสาวรสเช็ดน้ำตาให้อัสนีอย่างเบามือ อัสนีกุมมือเธอมาแนบแก้ม
"ผมอ่อนแอมากใช่ไหม"
"ใหม่อ่อนโยน อ่อนไหวต่างหาก ไม่ร้องไห้นะคนดี"
อัสนียิ้มทั้งน้ำตา ตื้นตันกับคำปลอบโยนและกำลังใจที่เสาวรสมีให้ไม่เคยขาด
ooooooo
ขณะเช็ดหน้าตาให้จอมขวัญที่ยังหมดสติ แววตา ทินรัตน์อ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด
"จอมขวัญ ฉันดีใจที่เธอเลือกสัตว์ป่าอย่างฉัน ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด"
จอมขวัญได้ยินเสียงนี้แว่วๆ พอลืมตาก็เห็นหน้าทินรัตน์ อยู่ใกล้แค่เอื้อม เธอขยับหนีเขาอย่างขยะแขยง
"ฉันเลือกอยู่กับสัตว์ป่า ไม่ใช่เพราะพิศวาส แต่อยากทดสอบความโหดร้ายของสัตว์ป่า ว่ามันจะมากมายมหาศาลแค่ไหน เพื่อที่ฉันจะเอาคืนเมื่อถึงวันของฉัน และเมื่อวันนั้นมาถึง เราจะวิบัติไปด้วยกัน จำไว้ว่าฉันมองคุณเหมือนสัตว์ เลื้อยคลานที่มีแต่พิษร้าย แต่ไร้สมอง เวรกรรมนำพาเรามาต่อสู้กัน และฉันต้องชนะ"
"จอมขวัญ ฉันมีอะไรอยากจะบอกเธอ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะบอกตอนนี้ ไม่รอเวลาอีกต่อไป"
"ฉันไม่ต้องการฟัง ไม่ต้องการรับรู้ ฉันต้องการให้มันจบ อยากทำอะไรก็เชิญ ฉันจะหลับหูหลับตาทำใจให้สงบ"
"ฉันจะออกไปอยู่นอกห้อง เธอไม่ต้องทนหลับหูหลับตา แต่เชิญหลับให้สบาย ฉันจะไม่รบกวนเธอ"
ทินรัตน์กลับลงไปนอนเหยียดยาวที่โซฟา พักใหญ่ๆจอมขวัญก็หอบผ้าห่มลงมาห่มให้เขา เสร็จแล้วรีบกลับขึ้นไปโดยเร็ว ทินรัตน์ไม่ได้หลับ เขาลืมตาขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นเขาลุกไปเคาะห้องเรียกจอมขวัญ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
"จอมขวัญ ฉันรู้นะว่าเธอนอนไม่หลับ เพราะถ้าเธอนอนหลับ เธอคงไม่เอาผ้าห่มไปห่มให้ฉัน ไม่ได้จะมารบกวนเธอ แต่จะมาบอกว่าขอบใจมาก"
จอมขวัญแทบไม่เชื่อหู ค่อยๆลุกจากเตียงเดินไปชะเง้อทางหน้าต่าง เห็นเขาเดินออกไปที่รถ แล้วหันมาโบกมือส่งยิ้ม จอมขวัญตกใจรีบถอยหลบ...บอกกับตัวเองใจเต้นระทึก
"ไม่นะจอมขวัญ เธอจะใจอ่อนไม่ได้...ไม่ได้ ไม่ได้ เด็ดขาด"
ทินรัตน์ขึ้นรถขับออกไป พอไปถึงบ้านหลังใหญ่ในรั้วเดียวกับแคท เขาแทบจะบินไปยังบ้านแคท เมื่อมองไปเห็นแคทใส่ชุดนอนยืนหมิ่นเหม่อยู่ที่ขอบระเบียงชั้นสอง
กว่าทินรัตน์จะกล่อมแคทให้ยอมกลับเข้ามาได้ก็ใจหายใจคว่ำไปหลายยก แคททำเหมือนคนละเมอ แต่ลึกๆแล้วเธอหัวใจสลายที่รู้ว่าทินรัตน์แอบซุกผู้หญิงเอาไว้ แต่แคทก็ฉลาดพอที่จะไม่โวยวายต่อว่า เพียงแต่บอกว่าเธอทำแบบนี้เพราะรู้สึกผิดหวังอะไรหลายๆอย่างโดยไม่รู้ตัว
"ผม...ผมขอโทษ ถ้าอย่างหนึ่งหรือทุกอย่างในความรู้สึก ผิดหวังนั่นเกิดจากผม"
"คุณทินรู้สึกว่าคุณคือต้นเหตุให้ฉันผิดหวังจริงๆหรือคะ"
"ครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณแคท อะไรที่ทำให้คุณแคทรู้สึกไม่สบายใจ ผมจะไม่ทำ"
"ขอบคุณค่ะ ขอบคุณที่สุด ที่ยังไม่ลืมความรู้สึกระหว่างเราสองคนที่มีต่อกันมายาวนาน" แคทไม่พูดเปล่า โอบรอบคอทินรัตน์ สายตาบ่งบอกความต้องการ ผิดกับสายตาทินรัตน์ที่สงบนิ่ง
"คุณแคทสมควรพักผ่อน" เขาตัดบทอย่างนุ่มนวล แคท ชะงัก ตัดพ้อเขาว่า สายตาของเขาที่มองเธอเปลี่ยนไป "ผมไม่ชอบการแสดงออกใดๆให้ใครเห็น"
"แม้แต่คนที่เห็นคือฉัน คือคนที่ต้องการรับความรู้สึกตอบรับจากคุณทินหรือคะ"
ชายหนุ่มเริ่มอึดอัด แคทพยายามโน้มหน้าเขาลงมาประกบปากแต่ไม่สำเร็จ เพราะสารภีส่งเสียงแจ้วๆก่อนจะเอาน้ำขิงร้อนๆเข้ามาเสิร์ฟ
เมื่อแยกกลับไปบ้านตัวเอง ทินรัตน์นั่งคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องทำร้ายทำลายจอมขวัญ เรื่องทำให้เสาวรสเสียใจจนบอกเลิก และเวลานี้แคทก็กำลังเจ็บปวดเพราะเขา...ที่สุดทินรัตน์ก็ตัดสินใจต่อหน้ารูปพ่อ
"พ่อครับ ผมจะไม่ทำตัวเหลวไหล ผมจะทำตัวอยู่ในกรอบที่พ่ออบรมผมไว้ ผมต้องแต่งงานกับคุณรสให้ได้"
อ่านละครย่อเรื่องเพลิงสีรุ้ง ตอนที่ 12
ooooooo
รุ่งขึ้นแคททำอาหารเช้ามาให้ทินรัตน์ พอทินรัตน์บอกว่าต้องรีบไป แคทหน้าซีดผิดหวัง ทินรัตน์เลยต้องนั่งลงกิน และจำใจรับปากแคทที่ต้องการให้เขากลับมากินข้าวเย็น เธอจะทำอาหารไว้รอ หวังว่าเขาจะไม่ทำให้เธอรอเก้อ...
ทินรัตน์เข้าออฟฟิศได้ไม่นาน เสาวรสก็มาขอพบแต่ถูกโฉมสุดากีดกันอ้างว่าทินรัตน์ติดงาน เสาวรสไม่เชื่อเดินดุ่มเข้าไปเฉยเลย ทำเอาโฉมสุดาไม่พอใจถึงกับแอบด่า... เมื่อเห็นเสาวรสก้าวเข้ามา ทินรัตน์ลุกขึ้นด้วยความดีใจ บอกเธอว่าเขากำลังจะไปหาอยู่พอดี พูดพลางก็เดินเข้าหาจะจับมือ แต่เธอถอยหนีอย่างเย็นชา
"ฉันมาหาคุณเพราะจำเป็น เรื่องร้ายกาจที่คุณทำกับจอมขวัญ"
"ไอ้ใหม่ ไอ้ใหม่มันบอกคุณรสหมดทุกอย่าง ไอ้ใหม่มันปากโป้ง"
"แต่ฉันจะไม่ปากโป้งไปบอกต่อที่ไหน"
"ผมทำไปเพราะมันสุดจะทน ความแค้นมันระเบิด"
"คุณทินต้องแก้ตัวเรื่องนี้กับเจ้าของลิปสติกที่บ่านั่น ไม่ใช่ฉันค่ะ"
ทินรัตน์หน้าเจื่อน เพิ่งจะเห็นว่าแคทแอบประทับรอยลิปสติกเอาไว้ตอนอ้อนให้เขากลับไปกินข้าวเย็น
"ฉันต้องการทราบว่า ทำไมคุณทำกับจอมขวัญอย่างนั้น"
"ผมรู้ว่าทำไม่ดีกับเด็กนั่น แต่เด็กนั่นมันไม่ใช่เด็กดี เขาเสียมาแล้วกับทั้งขวด และกับทั้งใหม่ ไอ้วิลลี่ ไอ้ป๋า ไอ้อะไรอีกไม่รู้เท่าไหร่"
"คนที่เสียตัวไปกับใครต่อใคร ไม่ได้หมายความว่าคนคนนั้นต้องเสียความเป็นคนให้ใครมาย่ำยีโดยไม่สมยอม เด็กนั่นไม่ได้เต็มใจสักนิด"
"ผมทนไม่ได้ที่โดนเด็กหลอก เด็กนั่นฆ่าขวด ปอกลอกขวดจนฆ่าตัวตาย"
"ข้ออ้างที่ไม่มีคุณธรรม จริยธรรม คุณทินไม่ใช่ ผู้พิพากษา ไม่มีสิทธิ์ไปลงโทษจอมขวัญ แม้ว่าจะแค้นแค่ไหนก็ตาม ปากก็พูดว่ารังเกียจ แต่การกระทำคือเข้าไปผูกพัน"
"คุณรส...นี่คุณหึงจอมขวัญ"
"นี่ยิ่งงี่เง่ามาก เพราะคนที่หึงหวงจอมขวัญคือคนที่คุณกลัวจะรู้เรื่องนี้ที่สุด...นึกถึงความดีงามที่ได้สั่งสมเอาไว้ บ้างสิคะ ถึงแม้ว่าจะพิสูจน์แล้วว่ามันจอมปลอมก็ตาม"
"แล้วคุณรสต้องการให้ผมทำยังไง"
"ปล่อยจอมขวัญซะ ปล่อยแกออกมา อย่าไปกักขังแกไว้"
"ไอ้ใหม่คงลืมบอกสินะ ว่าจอมขวัญยินดีจะอยู่กับผมต่อไป"
"การอยากอยู่กับคุณอาจไม่ใช่การยินดี แต่เป็นการอยู่ เพราะแค้น ฉันกับใหม่สงสัยว่าจอมขวัญแกไม่ใช่เด็กกุ๊ยเด็กถ่อยอย่างที่คุณคิด แกอาจเป็นเด็กดีๆที่หนีปัญหาครอบครัวมาก็ได้ คุณกำลังหลงทาง หันกลับมาซะ ระหว่างทำร้ายจอมขวัญ
กับทำดีที่สุดกับคุณแคท คุณคิดไม่ออกหรือว่าจะเลือกทำอะไร"
"ผมเลือกคุณรส เรากลับมาคืนดีกัน แต่งงานกัน แล้วผมจะหยุดทุกอย่าง"
เสาวรสนึกไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากเขาอีก เธอรับไม่ได้ตบหน้าเขาเต็มแรง
"แต่รสไม่ใช่ตัวเลือกของคุณอีกต่อไป ขอบคุณที่สอนให้รสกล้าตัดสินใจจะเป็นคนเลือก หรือไม่เลือกใคร"
"แปลว่าคุณจะเลือกไอ้ใหม่..."
"เลือกที่จะไม่เป็นหุ่นเชิดโชว์สัญลักษณ์ครอบครัวไฮโซตัวอย่างของคุณค่ะ จบของฉันคือจบสิ้นตลอดไป" เสาวรสทิ้งท้ายอย่างไร้เยื่อใย ทินรัตน์ถึงกับใบ้กิน ยืนอึ้งเป็นหุ่น
แล้วค่ำนั้นทินรัตน์ก็จมอยู่กับความทุกข์ความสับสน จนต้องหันหน้าไปพึ่งเหล้า เขาคิดไม่ตกกับปัญหาที่ตัวเองเป็นคนก่อ...ในขณะเดียวกันแคทที่เฝ้ารอเขากลับมากินข้าวตั้งแต่ เย็นก็เริ่มกระสับกระส่ายหนักขึ้นทุกที จนสารภีแอบบ่นอย่างหวั่นใจว่า งานนี้จะวืดจะแห้วซะอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้...
ooooooo
(อ่านต่อพรุ่งนี้)
@^@..อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 5-6
@^@..อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 5
ตอนที่ 5 (ต่อจากวานนี้)
ดนัยเล่าความสามารถพิเศษของตะวันว่าตีกลองสะบัดชัยเก่ง ฟ้าทึ่งพูดอย่างถ่อมตัวว่า
"ฟ้ากับพี่ตะวันต้องเป“นฝาแฝดที่ไม่เหมือนกันที่สุดในโลก" เมื่อดนัยบอกว่าหน้าตาเหมือนกัน ฟ้าแย้งว่า "หน้าตาอาจจะเหมือนกัน แต่นิสัยใจคอความสามารถคนละเรื่องเลย ฟ้าสู้พี่ตะวันไม่ได้หรอกค่ะ"
"เก่งกันคนละแบบ ดีกันคนละเรื่อง เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกครับ"
ฟ้าหัวเราะเสียงใสบอกว่าดนัยเข้าใจพูดให้กำลังใจตน ดนัยยิ้มๆบอกเธอว่าถ้ามันเป“นกำลังใจให้เธอเขาก็โอเคนะ
เสียงหัวเราะหยุดกึก เมื่อวิไลเลขาเข้ามาเรียกฟ้าเสียงเข้ม เดินเข้ามามองหน้าทั้งสองอย่างไม่พอใจ ฟ้ายิ้มแหยๆ ที่คุณย่ากลับมาเร็วถามถึงพ่อกับภัทรวดี ย่าบอกว่ายังอยู่ที่งาน ตนปวดหัวเลยกลับมาก่อน
"แล้วคุณย่าทานยาหรือยังคะ ขึ้นไปนอนพักก่อนนะคะ เดี๋ยวฟ้าวัดความดันแล้วจะจัดยาให้นะคะคุณย่า" ฟ้าเข้าประคองย่าพาขึ้นข้างบน
ดนัยนั่งอยู่คนเดียว คิดถึงตะวันแล้วบ่นๆ "ทำงานอะไรนักหนา" พลางโทร.ไปหา
ooooooo
ตะวันเฝ้าดูแลภากรพยายามปลุกเขา จนเขารู้สึกตัวขึ้นมา ถามอย่างแปลกใจว่าตนมานอนที่นี่ได้อย่างไร แล้วตะวันมาทำอะไร
ตะวันต้องทบทวนความจำของเขาอยู่นาน ภากรจึงลำดับเหตุการณ์ได้ แต่พออยู่กับตะวันภากรก็กลับมาเป“นคนยียวนมีอารมณ์ขันตามเคย เขาพูดหยอกแกมหยิกเธอต่างๆนานา เช่น เมื่อตะวันบอกว่าที่มาช่วยเขาเพราะเห็นแก่มนุษยธรรม เขาก็แกล้งดักคอว่า
"ไม่ใช่เพราะคุณหึงผม ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับผมหรือ"
พอตะวันด่าว่าบ้า หลงตัวเองมากไปแล้ว รู้อย่างนี้ไม่ช่วยดีกว่า ภากรก็ทำหน้าทะเล้นพูดล้อว่า "โห...ยาวเลย" ตะวันลอยหน้าเข้าไป ท้าว่าจะด่ายาวกว่านี้ก็ได้เอาไหมปากดีนัก ว่าแล้วขยับจะลุกไปถูกภากรคว้าไว้อย่างแรง ทำให้เสียหลักล้มลงไปข้างๆเขา
"ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม" ภากรพูดเบาๆข้างหู ทำให้ตะวันรู้สึกตัวขยับหนีพลางผลักเขาออก เมินหน้าซ่อนความเขิน ทำปากด่าเขาว่า บ้าฉวยโอกาส
ภากรยังยั่วเย้ากระเซ้าแหย่ตะวันอย่างอารมณ์ดี จนเธอบ่นว่ารู้อย่างนี้ไม่ช่วยดีกว่าแล้วลุกพรวดออกไป ภากรเรียกไว้ไม่ทัน รีบลุกขึ้นตามออกไป แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาเธอเสียแล้ว
"หายไปไหนแล้ว เร็วชะมัด" ภากรบ่นกับตัวเอง ถอนใจอย่างเสียดาย
ooooooo
พิมพ์นภัสเจ็บใจมากที่ถูกตะวันมาขวางทำให้ แผนการล้มเหลว อาฆาตจะจองล้างจองผลาญกับตะวันจนถึงที่สุด
ส่วนตะวันกลับถึงบ้านเอาดึก ถูกภัทรวดีที่คอยจับผิดอยู่ ถามประชดว่ากลับมาแล้วหรือ
ตะวันรู้ว่าถูกหาเรื่องแน่ ทำหูทวนลมเสีย เลยถูกภัทรวดี เดินตามไปหาเรื่อง ตะวันเล่นลิ้นว่าใครจะไปรู้ว่าทักใครถามใครเพราะไม่เอ่ยชื่อ
ภัทรวดีว่าตะวันอย่างรุนแรงว่า ถ้าไม่นับถือตนก็ควรสำนึกไว้บ้างว่าตนเป“นเมียของพ่อตัวเอง มาอยู่บ้านนี้วันแรกก็กลับบ้านดึกเสียแล้ว อย่าเอานิสัยความเคยชินที่อยู่บ้านมาใช้ที่นี่
ตะวันเถียงอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้ แล้วขอตัวไปนอนเลย ภัทรวดีได้แต่คำรามตามหลัง
"นังตัวดี...นังตัวแสบ"
เมื่อตัวเองทำอะไรตะวันไม่ได้ ภัทรวดีไปฟ้องวิภูหวังให้เขากระหนาบตะวันแทน กลับถูกวิภูบอกว่า ถ้าไม่อยากวุ่นวายปวดหัวก็ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า เตือนว่าเธอต้องให้เวลาตะวันบ้าง ต่างค่อยๆเรียนรู้นิสัยกันไป อีกสักพักก็คงดีขึ้น ภัทรวดี เลยยิ่งหงุดหงิดที่วิภูไม่เล่นด้วย
ooooooo
จนรุ่งเช้า ภัทรวดีหวังอาศัยบารมีของวิไลเลขามา กระหนาบตะวัน แต่พอวิไลเลขาตำหนิตะวันว่า เมื่อคืน กลับดึกต่อจากนี้อย่าทำอีก ไม่อยากให้หลานสาวตนเห็นตัวอย่างที่ไม่ดี ปรามเย้ยๆว่า
"แล้วถ้าคิดว่าที่พยายามดิ้นรนเข้ามาอยู่ที่นี่ เพราะมีแผนการชั่วร้ายละก้อ...อย่าหวังว่าจะทำสำเร็จเพราะฉันไม่ ยอมแน่"
"ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะคุณวิไลเลขา ดิฉันมันรุ่นหลานจะมีแผนการชั่วร้ายยังไงก็รับรองว่าสู้รุ่นใหญ่อย่างรุ่นแม่รุ่นย่า ไม่ได้หรอกค่ะ"
ย้อนเอาอย่างเจ็บแสบแล้วตะวันเดินผละไป ภัทรวดี รีบเข้าไปยุวิไลเลขาว่า เด็กก้าวร้าวอวดดีแบบนี้ แม้แต่ย่าแท้ๆ ยังกล้าพูดอย่างนี้ ตนรับไม่ไหวจริงๆ
"ปล่อยมันไปก่อน ถ้าแม่ทนไม่ได้จริงๆ แม่ก็ไม่เอามันไว้เหมือนกัน"
เมื่อยุวิไลเลขาไม่ขึ้น ก็เป่าหูว่าระวังจะเป“นแบบอย่างที่ไม่ดีให้ฟ้า วิไลเลขายอมรับว่านั่นเป“นสิ่งที่ตนกลัวที่สุด บอกให้ภัทรมนช่วยกันดึงๆฟ้าไว้บ้าง ถามว่าแล้วภัทรมนหายไปไหน
"เออ...คือหนูมนไปต่างจังหวัดค่ะ พอดีเพื่อนเขาชวนไปดูงานที่โรงแรม หนูมนก็เลยไปค่ะเห็นว่าจะไปหาข้อมูลมาช่วยพัฒนาโรงแรมของเราค่ะ"
วิไลเลขาถามว่าจะกลับเมื่อไร พอรู้ว่าอาทิตย์หน้า ก็บ่นว่า
"โทร.ถามดูซิว่าจะกลับเมื่อไร เป“นสาวเป“นนางเที่ยวไปค้างอ้างแรมบ้านคนอื่นนานๆมันไม่งามนะยะ" พูดเสร็จวิไลเลขาเดินแยกไป
"ค่ะ" ภัทรวดีถอนใจอย่างโล่งอกที่ไม่ถูกซักถามต่อ
ooooooo
เมื่อตะวันเจอดนัยในตอนเช้า เธอถูกถามทันทีว่า เมื่อคืนทำไมกลับดึกทำงานวันแรกก็งานเยอะเลยหรือ ตะวันพูดขำๆว่า ทุกคนในบ้านนี้เจอหน้าตนเป“นต้องพูดเรื่องกลับดึกไม่เว้นแม้แต่ดนัยหรือ
ดนัยเลยเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานเย็นฟ้าทำอาหารเลี้ยงต้อนรับตะวัน เพราะไม่รู้ว่าเธอต้องทำงานดึกตั้งแต่วันแรก ทำให้ ตะวันรู้สึกไม่สบายใจรีบไปหาฟ้า ขอโทษน้องที่ทำให้รอเก้อ ขอแก้ตัวใหม่ได้ไหม
ฟ้าดีใจถามว่าตะวันอยากทานอะไรออเดอร์ได้เลย ตะวันทำท่าคิดๆแล้วร่ายยาวว่า
"ขอเป“นไข่เจียว, ไข่ต้ม, ไข่ตุ๋น, ไข่ดาว, ไข่น้ำ ก็แล้วกัน ทำได้ไหม"
พอฟ้ายิ้มดีใจบอกว่าสบายมากจะแถมเมนูอื่นให้ด้วย สองพี่น้องเลยนัดพบกันเย็นนี้
ooooooo
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 6
ตอนที่ 6
รุ่งขึ้น พิมพ์นภัสไปที่บ้านภัสสรแต่เช้าเพื่อง้อภากร เธอทำท่าสำนึกผิดเข้าไปขอคุยกับภากรเรื่องเมื่อคืน ภากรตอบสั้นๆว่าตนต้องรีบไปทำงาน เธอหาว่าเขาโกรธ ชี้แจงว่าเมื่อคืนเขาเมามากไม่รู้จะทำอย่างไรเลยพาไปนอนพัก ตั้งใจว่าพอเขาสร่างเมาค่อยพากลับบ้าน
"แต่ที่พี่ได้ยินมามันไม่ใช่อย่างที่พิมพ์บอกนะ" ภากรเย็นชามาก
พิมพ์นภัสหาว่าถูกตะวันใส่ร้าย ภากรถามว่าถ้าอย่างนั้นจะอธิบายอย่างไรในเมื่ออาการของตนมันยืนยันว่าถูกมอมเหล้ามอมยา เมื่อถูกยันเอาจนแต้มแบบนี้ พิมพ์นภัสยอมรับว่าทำไปเพราะรักเขาและมีคนยุให้ทำ ถ้าจะผิดก็ผิดเพราะตนรักเขามาก ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ภากรมองเธออย่างเย็นชา จนภัสสรลงมาเจอทักว่ามาแต่เช้าเลยหรือ พิมพ์นภัสโกหกได้ไม่ขัดเขินว่าเพราะตนเพิ่งรู้เรื่องภาคิน รู้สึกเป“นห่วง ถูกภัสสรห้ามเอ่ยชื่อนี้อีก พิมพ์นภัสขอให้ภัสสรใจเย็นๆ ภาคินอาจประสบอุบัติเหตุก็ได้
"จะเป“นอะไรก็ต้องติดต่อมา ไม่ใช่หายเงียบไปแบบนี้" พูดแล้วมองภากรกับพิมพ์นภัส เอ่ยอย่างฝากความหวังว่า "ลูกสองคนต้องไม่ทำให้แม่เสียใจผิดหวังเหมือนที่เจ้าคินมันทำนะ เข้าใจไหมกร"
ภากรนิ่งอย่างอึดอัดไม่อยากรับปากในสิ่งที่ขัดกับใจตัวเอง พิมพ์นภัสฉวยโอกาสตอบเองว่า
"พี่กรไม่มีทางทำให้คุณแม่เสียใจผิดหวังแน่นอนค่ะ"
ภัสสรยิ้มอย่างพอใจ ในขณะที่ภากรตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่นิ่ง...เงียบ
เขาขับรถพาพิมพ์นภัสออกมาถามว่าจะให้ไปส่งที่ไหน พิมพ์นภัสไม่ยอมบอกแต่ออดอ้อนว่าเขายังไม่หายโกรธตน ยังคร่ำครวญว่าตนทำไปเพราะความรักแท้ๆ ความรักสั่งให้เราทำได้ทุกอย่าง
"อย่าโทษความรักพิมพ์นภัส ความรักที่แท้จริงจะต้องสะอาดกว่านี้ กลับไปคิดให้ดีว่าสิ่งที่พิมพ์ทำกับพี่มันเรียกว่าอะไรแน่"
เมื่ออ้อนภากรไม่ได้ผล พิมพ์นภัสนัดแจนออกมาปรึกษาถามว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ตอนนี้เข้าหน้าภากรไม่ติดแล้ว แจนทำหน้าคิดๆบอกว่าจะใช้แผนเดิมคงไม่ได้แล้ว
พิมพ์นภัสพาลโกรธตะวัน แค้นใจว่าโผล่มาขวางทำให้เสียแผน
"ฉันว่าก่อนเธอจะรวบหัวรวบหางพี่กร เธอต้องจัดการนังตะวันนั่นเสียก่อน" แจนชี้แนะอีก
ooooooo
ตะวันยังคงทุ่มเทกับงานที่ได้รับมอบหมายเต็มที่ วันนี้เธอได้รับแจ้งจากศักดาว่าอาทิตย์หน้าจะนัดพรีเซนต์ งานคอนโดฯกับภากร ให้กำลังใจเธอว่าไม่ต้องกังวลรับรองผ่านฉลุยแน่ ส่วนคืนนี้ก็พักได้แล้ว ถ้าไม่อยากพักก็เอางานกลับไปคิดต่อที่บ้านก็ไม่ว่ากัน
ตะวันรับทราบแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ จนเย็นศักดาเข้ามาบอกว่าตนจะกลับก่อน ตะวันขอทำงานต่ออีกนิดเดียวเท่านั้น ครู่เดียวเลขาฯก็เข้ามาถามว่ายังไม่กลับหรือ ถ้างั้นตนจะกลับก่อน แล้วผละไป
"ยังไม่กลับอีกเหรอ" ตะวันถามเมื่อรู้สึกมีคนมายืนตรงที่เลขาฯเพิ่งผละไป
"ยังครับ" เสียงตอบนุ่มนวลสุภาพ
กลายเป“นภากรมายืนดูตะวันทำงานอยู่ ตะวันบอกว่าศักดากลับไปแล้ว เขากลับบอกเธอว่าไม่ได้มาหาศักดาแต่มาหาเธอ จะมาชวนไปทานข้าว อยากเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยไว้เมื่อคืนนี้
"ที่ฉันช่วยคุณไม่ได้หวังว่าจะต้องให้คุณมาตอบแทน อีกอย่างคุณก็ขอบคุณฉันแล้ว ไม่ต้องขอบคุณซ้ำหรอก ฉันไม่ อยากได้" พูดแล้วเก็บเอกสารขอตัวเพราะต้องรีบกลับบ้าน
"ดีเหมือนกันจะได้รู้จักบ้านคุณด้วย" ภากรโมเม
ตะวันรีบลุกเดินอ้าวออกไป ดูนาฬ”กาแล้วเธอเรียกแท็กซี่ไปเลย พอภากรตามออกมาก็ไม่เจอแล้ว พึมพำได้แค่ว่า "หายไปไหนแล้ว"
ooooooo
ฟ้าเตรียมอาหารไว้เลี้ยงต้อนรับตะวันเป“นการแก้ตัวเมื่อวานนี้ เสร็จแล้วจะไปอาบน้ำก่อน แต่พอเดินออกจากห้องครัวก็เจอดนัยมาถึงพอดี ขณะเธอยืนทักทายดนัยนั่นเอง ภัทรวดีก็แทรกเข้ามาพูดเหยียดหยามดนัยว่ามาสอพลอรอร่วมโต๊ะด้วยหรือ ด่าว่าเป็นกาฝากอย่ามาสะเออะ ให้มันรู้ที่ต่ำที่สูงเสียบ้าง
ผมคงต้องทำความเข้าใจกับคุณนายสักนิดนะครับ ผมเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะตะวันขอ ไม่ได้เข้ามาเป“นกาฝากเกาะใคร"
ทันใดนั้นตะวันมาถึง เธอถามว่ามีเรื่องอะไรกันมิทราบคุณแม่เลี้ยง ภัทรวดีไม่ตอบเดินสะบัดไป ฟ้าดีใจที่ตะวันกลับมา บอกให้ไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวจะมาทานข้าวด้วยกัน
ตะวันชวนดนัยกินข้าวด้วยกัน ดนัยขอไปกินข้างนอกดีกว่า ตะวันไม่ยอมจับมือเขาไว้พูดเข้มๆว่าอยู่กินข้าวด้วยกัน ตะวันขอร้อง ทั้งสองจ้องหน้ากัน ฟ้าดูออกว่าทั้งคู่มีความรู้สึกพิเศษต่อกันเลยเดินเลี่ยงไปทางอื่นอย่างไม่อยากเป“นส่วนเกิน
ดนัยถามตะวันว่าจะประกาศสงครามหรือ ตะวันพูดขำๆ ว่าก็แค่ประกาศให้ทราบว่าอาณาเขตของตนแค่ไหนเท่านั้นเอง แล้วขอตัวไปอาบน้ำ
ฝ่ายภัทรวดีเฝ้ายุแหย่วิไลเลขาว่าตะวันจะมาพาฟ้าเสียไปแล้วจริงๆ ยุให้รีบจัดการเสีย
พอดีวิภูเข้ามาถามว่าวางแผนอะไรกันอยู่หรือ วิไลเลขาค้อนลูกชายงอนๆ ตัดพ้อว่าเดี๋ยวนี้แม่ไม่มีความหมายแล้ว เขาอยากทำอะไรก็ทำเถอะ
"ถ้าคุณแม่หมายถึงเรื่องที่ตะวันเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ละก้อ...ผมอยากให้คุณแม่เป”ดใจให้กว้าง ตะวันก็เป“นหลานของคุณแม่เหมือนฟ้า และถ้าคุณแม่จะยุติธรรมอีกสักนิด คุณแม่ น่าจะสงสารตะวันด้วยซ้ำ"
วิไลเลขาถามแบบหาเรื่องว่าตนจะเป“นแบบนี้แล้วใครจะทำไม สั่งวิภูไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วไม่อยากฟัง ทำเอาวิภูพูดไม่ออก ยืนมองแม่แล้วแอบถอนใจเซ็งๆ
ooooooo
แขไขอยู่เชียงใหม่ วันนี้ไปทำผมที่ร้าน ระหว่างให้ช่างทำผมก็หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน เจอข่าวฟ้าหม้ายขันหมากก็ตกใจสงสารลูก กลับไปปรึกษาโอภาสว่าจะโทร.ถามข่าวนี้กับตะวันดีไหม
โอภาสเชื่อว่าตะวันคงไม่กล้าเล่าเพราะแขไขเคยสั่งเด็ดขาดไม่ให้ติดต่อบ้านนั้นไว้แล้ว แต่เห็นแขไขร้อนใจจึงเสนอว่าเย็นนี้ลองโทร.คุยกับตะวันดูก็ได้เผื่อจะรู้เพราะหนังสือพิมพ์ ลงข่าวครึกโครม
"ก็ดีเหมือนกัน รอให้ตะวันเลิกงานก่อน" แขไขเห็นด้วย
แขไขอดรนทนรอจน 6 โมงเย็นแล้วรีบลุกไปโทร.หาตะวัน เป“นเวลาที่ตะวันอยู่ในห้องน้ำพอดีและฟ้ามานั่งรอพี่สาวอยู่ที่ห้องจะรับโทรศัพท์แทน พอดีตะวันออกมาเห็นชื่อแม่ที่หน้าจอเลยรีบคว้า เดินเลี่ยงไปคุย
แขไขถามว่าทำไมรับโทรศัพท์ช้า ตะวันปดแม่ว่ากำลังประชุมอยู่ บอกแม่ว่าประชุมเสร็จจะโทร.กลับแล้วกดวางสาย หันไปยิ้มกับฟ้าที่ยืนอยู่ห่างๆ ชวนไปกินข้าวกันดีกว่าตนหิวแล้ว
แขไขวางสายจากตะวันรู้สึกแปลกๆ ลูกบอกว่าประชุมอยู่แต่พูดไม่ค่อยเต็มเสียง
"ก็ลูกประชุมอยู่ก็ต้องพูดเบาๆสิ ไม่เอาน่าอย่าคิดมาก" โอภาสปลอบใจไปตามประสา
ooooooo
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 6
บรรยากาศที่โต๊ะอาหารอึดอัดและกร่อยสนิทเพราะทั้งวิไลเลขาและภัทรวดีต่างนั่งปั้นปึ่ง จนทุกคนไม่กล้าขยับเขยื้อน กินกันเกร็งๆ คุยกันเซ็งๆ จนสุดท้ายตะวันขอตัวลุกไปเพื่อจะโทรศัพท์หาแม่
แขไขคอยตะวันโทร.กลับ เธอบอกแม่ว่าเพิ่งกลับถึงหอพัก แขไขถามไถ่สารทุกข์สุขดิบถามเรื่องงานแล้วจึงถามเรื่องฟ้าว่า ตะวันรู้เรื่องคนนั้นหนีงานหมั้นฟ้าไหม เป็นอย่างไรบ้าง
"อ้อ ก็พอรู้บ้างนิดหน่อยค่ะแม่ คือตะวันได้ยินมาจากวงในว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนไม่ดี" แขไขตกใจถามว่าไม่ดีแล้วเขาให้หมั้นทำไม "ก็คุณวิไลเลขาเป็นคนจับคลุมถุงชนไงคะแม่ แต่ก็โชคดีที่น้องรอดมาได้"
แขไขเอะใจว่าทำไมตะวันถึงรู้ลึกรู้ละเอียดขนาดนั้น เธอปดแม่ว่าพวกนั้นเป็นพวกไฮโซร่ำรวยเกิดเรื่องขนาดนี้ใครๆก็พูดถึง และเรื่องนี้ก็สืบไม่ยากด้วย ดนัยก็ช่วยสืบด้วย
"แต่ยังไง ตะวันก็อย่าเผลอไปเข้าใกล้บ้านปัญญารักษ์ นะลูก" แขไขย้ำด้วยความเป็นห่วงอีก
พอวางสายจากแม่ ตะวันพึมพำว่าตนไม่เจตนาทำแบบนี้กับแม่แต่มันจำเป็น แม่อย่าโกรธเลยนะ
ooooooo
ภัทรมนพาภาคินไปพักที่บ้านพักตากอากาศของภัทรวดีที่ชะอำ
วันนี้เขาตื่นแต่เช้าไปเดินที่ชายหาด เจอจันทิกาสาวสวยเซ็กซี่เข้ามาเล่นน้ำทะเลพอดี ภาคินรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นทันทีหาทางทำความรู้จัก
ทั้งคู่รู้จักกันไม่ยาก เพียงสบตาทักทายไม่กี่คำต่างก็ดูลายกันออก เมื่อแนะนำชื่อแก่กันแล้ว จันทิกาก็วิ่งหยอกล้อกับภาคินอย่างระริกระรี้ที่ริมหาด ภาคินถามว่าจะพบกับเธอได้ที่ไหนอีก
"ถ้าคืนนี้คุณแวะไปที่ผับของโรงแรมนั่น คุณเจอจูนแน่นอนค่ะ"
"โอเคครับ" ภาคินตอบรับตาเป็นประกาย
ปรากฏว่าภัทรมนเพิ่งตื่น มองหาภาคินไม่เห็นจึงเดินลงไปหาที่ชายหาด พอเจอถามว่าไปไหนมา ภาคินตอบหน้าตาแจ่มใสว่ามาเดินเล่น ภัทรมนคิดว่าเขานอนไม่หลับถามว่าจะกลับกรุงเทพฯไหม ท่าทางเขาไม่มีความสุข ภาคินรีบบอกว่าตนแค่เซ็งๆ แต่ตอนนี้หายเซ็งแล้ว ภัทรมนจึงชวนกลับไปทำอาหารเช้ากินกัน
ภาคินโอบเอวภัทรมนพากันเดินขึ้นไป แต่ในใจหมกมุ่นคิดถึงแต่จันทิกาสาวน้อยผู้ปลุกความกระชุ่มกระชวยให้เขาตั้งแต่เช้า
ooooooo
รุ่งเช้า ฟ้าตื่นมาส่งตะวันไปทำงาน เจอวิภูขับรถจะออกพอดี วิภูพยายามชวนตะวันไปด้วยกัน ตะวันยังคงทำตัวห่างเหินเย็นชา เรียกแทนตัวเองว่าดิฉันและเรียกวิภูด้วยคำว่าคุณแทนคำว่าพ่อ เธอไม่ยอมไปกับวิภู จนฟ้าขอร้องเธอจึงยอมขึ้นรถไปด้วย แต่พอพ้นบ้านก็บอกวิภูให้จอดตนจะลง
ครั้นวิภูพยายามจะไปส่งที่ทำงาน ตะวันพูดเสียงแข็งใส่ว่า ที่ตนมาด้วยก็เพราะไม่อยากให้ฟ้าเสียใจเท่านั้นเอง แล้วสั่งให้หยุด จากนั้นลงไปขึ้นรถแท็กซี่ไปทำงาน วิภูได้แต่ มองตามไปอย่างเจ็บปวด
ส่งตะวันแล้วฟ้าเดินกลับเข้าบ้าน เจอวิไลเลขา ฟ้าขออนุญาตไปข้างนอกจะไปซื้อของขวัญให้พี่สาว วิไลเลขาได้จังหวะเตือนว่าฟ้ากับตะวันถูกเลี้ยงมาคนละแบบ ฟ้าเป็นคนว่านอนสอนง่าย อย่าได้เชื่อใครง่ายๆ ย่าไม่ได้สอนให้ระแวงพี่สาวแต่ระวังตัวไว้ก็ดี
เมื่อได้ออกไปที่ห้าง ฟ้าไปเดินดูนาฬิกาจะซื้อให้ตะวัน
เป็นความบังเอิญที่ภากรก็ไปที่ห้างสรรพสินค้าเดียวกันเขาสั่งดอกไม้ช่อหนึ่งตั้งใจจะเอาไปให้ตะวัน สั่งแล้วบอก
คนขายว่าเดี๋ยวจะแวะมาเอา จากนั้นเดินออกไปดูของอื่น
พิมพ์นภัสกับแจนที่เห็นรถของภากรขับเข้ามาตั้งแต่แรกแล้วจึงลงไปสะกดรอยตาม
ภากรเดินผ่านร้านขายนาฬิกามองเข้าไปสะดุดตาเมื่อเห็นเป็นตะวันอยู่ในร้านนั้น แต่มีโทรศัพท์จากแม่เข้ามาเขาจึงเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ พิมพ์นภัสตามมาเห็นฟ้าอยู่ในร้าน เธอมองจิกคำรามเบาๆ
"นังตะวัน ช่างกล้านัก นังนี่"
พิมพ์นภัสเห็นภากรเดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ เป็นโอกาสเหมาะเธอพุ่งเข้าไป ฟ้าเบี่ยงตัวหลบ เพราะไม่รู้จักพิมพ์นภัส ทำให้พิมพ์นภัสยิ่งแค้นใจ กระชากเข้าไปตบหน้า ฟ้าตะลึงงัน พนักงานในร้านไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง ฟ้าจึงถูกพิมพ์นภัสเล่นงานฝ่ายเดียวตบหน้าซ้ำๆจนเป็นผื่น ปากก็ด่าไม่หยุด
"จำใส่สมองทึบๆของแกไว้นะ ว่าอย่ามายุ่งกับพี่กร ครั้งเดียวที่แกทำกับฉันมันก็มากเกินพอไปแล้ว"
ภากรคุยโทรศัพท์เสร็จหันมาเห็นฟ้าวิ่งหนีไป เขาจะวิ่งตามถูกพิมพ์นภัสเข้ามาขวางทำเป็นไม่รู้เรื่อง พอภากรบอกว่าเห็นตะวันวิ่งไปทางโน้น เธอถามว่าเขานัดตะวันไว้หรือ พอภากรบอกว่าเปล่า เธอจับผิดว่าแล้วมาเจอกันได้ยังไง
"พี่ไม่เห็นจะแปลกเลย กับพิมพ์เองเราก็ไม่ได้นัดกันยังมาเจอกันได้" พูดแล้วเขาเบี่ยงตัวเดินไปทางที่เห็นฟ้าวิ่งไปไม่สนใจดอกไม้ที่สั่งไว้อีกเลย
ooooooo
ฟ้าวิ่งไปชนเข้ากับดนัยที่ทำงานเสร็จพอดีเลยมาเดินห้าง เขาเห็นที่แก้มเธอมีรอยฝ่ามือเป็นผื่น ถามว่าเป็นอะไร ใครทำอะไรเธอ ฟ้าร้องไห้เมื่อพบคนที่ห่วงใย ดนัยขอให้เธอเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ทันที่ฟ้าจะเล่า เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากสำนักพิมพ์ให้ไปทำสกู๊ปที่เขาดินต่อ ฟ้าจึงขอตามไปด้วย
"ก็ได้ครับ แต่คุณต้องเล่าให้ผมฟังนะครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ" ดนัยมีข้อแม้แล้วพากันไป
เพราะดนัยต้องทำงาน แม้จะเอาใจใส่คอยดูแลฟ้าแต่ก็พลัดหลงกันจนได้ ดนัยตกใจรีบเดินตามหา ถามคนที่สวนมา พอรู้ลักษณะก็บอกว่าเพิ่งเดินไปทางโน้นพลางชี้ให้ดู ดนัยรีบตามไปอย่างมีความหวัง แต่เดินตามหาจนเหงื่อตกก็ไม่เจอ ทำให้เขายิ่งกังวลพร่ำถามในใจว่า "คุณฟ้า...คุณอยู่ไหนครับ"
พงษ์ที่ขับรถพาฟ้าไป กลับบ้านไปบอกวิไลเลขาว่าพลัดกับฟ้าหาไม่เจอจึงกลับมาบอก พงษ์ถูกคาดโทษว่า ถ้าหาฟ้าไม่เจอ "แกตายแน่!" แล้ววิไลเลขาก็ให้สายหยุดโทร.เข้ามือถือฟ้าตลอดเวลาจนกว่าจะโทร.ติด
ดนัยทั้งให้ทางกองอำนวยการประกาศตามหาฟ้า ทั้งออกเดินตามหาเอง จนกระทั่งเจอเมื่อฟ้าไปนั่งดูการแสดงของลิงจบ ดนัยทั้งดีใจทั้งฉุนที่เกิดเรื่องให้ตกอกตกใจ ตำหนิจนฟ้าหน้าจ๋อยหนักเข้าก็น้ำตาคลอ จนดนัยรู้สึกตัวเลิกบ่น
ฟ้าขอโทษดนัยที่ทำให้เขาทุกข์ร้อนใจ ไม่ทันไรท้องร้องจ้อกๆ เธอบอกเขาเขินๆว่าหิวแล้ว ดนัยจึงพาไปกินก๋วยเตี๋ยวริมทาง ปรากฏว่าเธอโซ้ยเข้าไปถึงสองชาม บอกเขาเขินๆว่า ปกติกินชามเดียวก็อิ่มแต่วันนี้หิวจัด
ooooooo
ภากรหงุดหงิดมากที่วันนี้ไปเจอเรื่องร้ายๆที่ห้างสรรพสินค้า ภัสสรคิดว่าเขาเครียดเพราะงานหนักเนื่องจากภาคินไม่เอาเรื่อง งานทั้งหมดจึงตกอยู่กับภากร
ภัสสรบอกพิมพ์นภัสที่ทำทีเป็นห่วงเป็นใยภากรว่า พรุ่งนี้เขาก็ยังต้องไปดูโครงการที่ชะอำอีก พิมพ์นภัสขอตามไปด้วย ภากรปฏิเสธไม่อ้อมค้อมว่าไม่ได้ ตนไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยว
ความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติของทั้งคู่ ทำให้ภัสสรสงสัยว่ามีอะไรผิดใจกัน พอถามพิมพ์นภัสก็บอกว่าไม่มีอะไร ภัสสรจึงให้พิมพ์นภัสเป็นเพื่อนตนไปซื้อของดีกว่าภากรจะได้ทำงาน
ภัทรวดียังหาโอกาสยุแหย่ใส่ไฟตะวันกับดนัยอยู่เนืองๆ หาทางที่จะให้วิไลเลขาไล่ตะวันกับดนัยออกจากบ้านให้ได้
จนสบโอกาสเหมาะเจาะเมื่อดนัยพาฟ้ากลับมา เธอเข้าไปเป่าหูวิไลเลขาทันทีว่า สองคนคงนัดพบกันข้างนอกเพิ่งนั่งแท็กซี่กลับมาด้วยกัน ฟังแล้ววิไลเลขาเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที ตรงไปเล่นงานดนัยถึงห้องพัก ทั้งด่า ทั้งเยาะเย้ยเหยียดหยาม หาว่าเขาหวังมาเกาะหาประโยชน์จากฟ้า
"ผมไม่เคยคิดอย่างที่คุณพูด แล้วก็ไม่มีวันคิดด้วย" ดนัยโต้ตอบไปอย่างไม่พอใจ
พอวิไลเลขากลับไป ภัทรวดีกับสายหยุดก็หัวเราะเสียงแหลมเข้ามาพูดเยาะเย้ย แล้วบอกดนัยให้เตรียมหาที่อยู่ ใหม่รอไว้ได้เลย ท่าทางจะอยู่ที่นี่ไม่รุ่งเสียแล้ว
ส่วนวิไลเลขาเมื่อด่าดนัยจนหนำใจแล้วก็กลับไปคุยกับฟ้า หว่านล้อมหลานสาวอย่างอ่อนโยนว่าไม่อยากให้ไปไหนมาไหนกับดนัย ถ้าอยากไปเที่ยวเขาดินวันหลังให้ชวนย่า ย่าจะไปเป็นเพื่อน
"ค่ะ" ฟ้ารับคำหน้าจ๋อย นึกเดาในใจว่าดนัยต้องโดนย่าเล่นงานมาแล้วแน่ๆ
ooooooo
ด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกของดนัย ฟ้าแอบไปหาเขาที่ห้อง ไม่ทันได้เปิดประตูห้องก็ถูกภัทรวดีที่ซุ่มอยู่หัวเราะเยาะ พูดเย้ยหยันว่ามาหาผู้ชายถึงห้อง ระวังท้องโตแล้วไม่มีพ่อจะอับอายกันไปหมด
ฟ้าคิดไม่ถึงว่าภัทรวดีจะมองตนในแง่ร้ายถึงเพียงนี้ เสียใจจนพูดไม่ออก ได้แต่มองหน้าภัทรวดีอย่างตัดพ้อเจ็บปวดแล้ววิ่งกลับไป
ooooooo
ดนัยคิดหนักไปนั่งซึมอยู่ที่สนาม ตะวันสงสัยเดินไปถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาถามเธอว่า ถ้าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ตะวันจะอยู่คนเดียวได้ไหม ครั้นตะวันถามว่ามีเรื่องอะไรหรือ เขากลับบอกว่าไม่มีอะไร
ตะวันจับมือดนัยไว้ มองหน้าพูดแกมขอร้องว่า
"ถ้าไม่มีอะไรจริงๆก็แล้วไป แต่นัยต้องสัญญานะว่าเราจะต้องอยู่ด้วยกัน ถ้านัยไปจากที่นี่เมื่อไหร่ ตะวันก็จะไปด้วย"
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 5-6
ตอนที่ 5 (ต่อจากวานนี้)
ดนัยเล่าความสามารถพิเศษของตะวันว่าตีกลองสะบัดชัยเก่ง ฟ้าทึ่งพูดอย่างถ่อมตัวว่า
"ฟ้ากับพี่ตะวันต้องเป“นฝาแฝดที่ไม่เหมือนกันที่สุดในโลก" เมื่อดนัยบอกว่าหน้าตาเหมือนกัน ฟ้าแย้งว่า "หน้าตาอาจจะเหมือนกัน แต่นิสัยใจคอความสามารถคนละเรื่องเลย ฟ้าสู้พี่ตะวันไม่ได้หรอกค่ะ"
"เก่งกันคนละแบบ ดีกันคนละเรื่อง เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอกครับ"
ฟ้าหัวเราะเสียงใสบอกว่าดนัยเข้าใจพูดให้กำลังใจตน ดนัยยิ้มๆบอกเธอว่าถ้ามันเป“นกำลังใจให้เธอเขาก็โอเคนะ
เสียงหัวเราะหยุดกึก เมื่อวิไลเลขาเข้ามาเรียกฟ้าเสียงเข้ม เดินเข้ามามองหน้าทั้งสองอย่างไม่พอใจ ฟ้ายิ้มแหยๆ ที่คุณย่ากลับมาเร็วถามถึงพ่อกับภัทรวดี ย่าบอกว่ายังอยู่ที่งาน ตนปวดหัวเลยกลับมาก่อน
"แล้วคุณย่าทานยาหรือยังคะ ขึ้นไปนอนพักก่อนนะคะ เดี๋ยวฟ้าวัดความดันแล้วจะจัดยาให้นะคะคุณย่า" ฟ้าเข้าประคองย่าพาขึ้นข้างบน
ดนัยนั่งอยู่คนเดียว คิดถึงตะวันแล้วบ่นๆ "ทำงานอะไรนักหนา" พลางโทร.ไปหา
ooooooo
ตะวันเฝ้าดูแลภากรพยายามปลุกเขา จนเขารู้สึกตัวขึ้นมา ถามอย่างแปลกใจว่าตนมานอนที่นี่ได้อย่างไร แล้วตะวันมาทำอะไร
ตะวันต้องทบทวนความจำของเขาอยู่นาน ภากรจึงลำดับเหตุการณ์ได้ แต่พออยู่กับตะวันภากรก็กลับมาเป“นคนยียวนมีอารมณ์ขันตามเคย เขาพูดหยอกแกมหยิกเธอต่างๆนานา เช่น เมื่อตะวันบอกว่าที่มาช่วยเขาเพราะเห็นแก่มนุษยธรรม เขาก็แกล้งดักคอว่า
"ไม่ใช่เพราะคุณหึงผม ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับผมหรือ"
พอตะวันด่าว่าบ้า หลงตัวเองมากไปแล้ว รู้อย่างนี้ไม่ช่วยดีกว่า ภากรก็ทำหน้าทะเล้นพูดล้อว่า "โห...ยาวเลย" ตะวันลอยหน้าเข้าไป ท้าว่าจะด่ายาวกว่านี้ก็ได้เอาไหมปากดีนัก ว่าแล้วขยับจะลุกไปถูกภากรคว้าไว้อย่างแรง ทำให้เสียหลักล้มลงไปข้างๆเขา
"ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม" ภากรพูดเบาๆข้างหู ทำให้ตะวันรู้สึกตัวขยับหนีพลางผลักเขาออก เมินหน้าซ่อนความเขิน ทำปากด่าเขาว่า บ้าฉวยโอกาส
ภากรยังยั่วเย้ากระเซ้าแหย่ตะวันอย่างอารมณ์ดี จนเธอบ่นว่ารู้อย่างนี้ไม่ช่วยดีกว่าแล้วลุกพรวดออกไป ภากรเรียกไว้ไม่ทัน รีบลุกขึ้นตามออกไป แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาเธอเสียแล้ว
"หายไปไหนแล้ว เร็วชะมัด" ภากรบ่นกับตัวเอง ถอนใจอย่างเสียดาย
ooooooo
พิมพ์นภัสเจ็บใจมากที่ถูกตะวันมาขวางทำให้ แผนการล้มเหลว อาฆาตจะจองล้างจองผลาญกับตะวันจนถึงที่สุด
ส่วนตะวันกลับถึงบ้านเอาดึก ถูกภัทรวดีที่คอยจับผิดอยู่ ถามประชดว่ากลับมาแล้วหรือ
ตะวันรู้ว่าถูกหาเรื่องแน่ ทำหูทวนลมเสีย เลยถูกภัทรวดี เดินตามไปหาเรื่อง ตะวันเล่นลิ้นว่าใครจะไปรู้ว่าทักใครถามใครเพราะไม่เอ่ยชื่อ
ภัทรวดีว่าตะวันอย่างรุนแรงว่า ถ้าไม่นับถือตนก็ควรสำนึกไว้บ้างว่าตนเป“นเมียของพ่อตัวเอง มาอยู่บ้านนี้วันแรกก็กลับบ้านดึกเสียแล้ว อย่าเอานิสัยความเคยชินที่อยู่บ้านมาใช้ที่นี่
ตะวันเถียงอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้ แล้วขอตัวไปนอนเลย ภัทรวดีได้แต่คำรามตามหลัง
"นังตัวดี...นังตัวแสบ"
เมื่อตัวเองทำอะไรตะวันไม่ได้ ภัทรวดีไปฟ้องวิภูหวังให้เขากระหนาบตะวันแทน กลับถูกวิภูบอกว่า ถ้าไม่อยากวุ่นวายปวดหัวก็ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า เตือนว่าเธอต้องให้เวลาตะวันบ้าง ต่างค่อยๆเรียนรู้นิสัยกันไป อีกสักพักก็คงดีขึ้น ภัทรวดี เลยยิ่งหงุดหงิดที่วิภูไม่เล่นด้วย
ooooooo
จนรุ่งเช้า ภัทรวดีหวังอาศัยบารมีของวิไลเลขามา กระหนาบตะวัน แต่พอวิไลเลขาตำหนิตะวันว่า เมื่อคืน กลับดึกต่อจากนี้อย่าทำอีก ไม่อยากให้หลานสาวตนเห็นตัวอย่างที่ไม่ดี ปรามเย้ยๆว่า
"แล้วถ้าคิดว่าที่พยายามดิ้นรนเข้ามาอยู่ที่นี่ เพราะมีแผนการชั่วร้ายละก้อ...อย่าหวังว่าจะทำสำเร็จเพราะฉันไม่ ยอมแน่"
"ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะคุณวิไลเลขา ดิฉันมันรุ่นหลานจะมีแผนการชั่วร้ายยังไงก็รับรองว่าสู้รุ่นใหญ่อย่างรุ่นแม่รุ่นย่า ไม่ได้หรอกค่ะ"
ย้อนเอาอย่างเจ็บแสบแล้วตะวันเดินผละไป ภัทรวดี รีบเข้าไปยุวิไลเลขาว่า เด็กก้าวร้าวอวดดีแบบนี้ แม้แต่ย่าแท้ๆ ยังกล้าพูดอย่างนี้ ตนรับไม่ไหวจริงๆ
"ปล่อยมันไปก่อน ถ้าแม่ทนไม่ได้จริงๆ แม่ก็ไม่เอามันไว้เหมือนกัน"
เมื่อยุวิไลเลขาไม่ขึ้น ก็เป่าหูว่าระวังจะเป“นแบบอย่างที่ไม่ดีให้ฟ้า วิไลเลขายอมรับว่านั่นเป“นสิ่งที่ตนกลัวที่สุด บอกให้ภัทรมนช่วยกันดึงๆฟ้าไว้บ้าง ถามว่าแล้วภัทรมนหายไปไหน
"เออ...คือหนูมนไปต่างจังหวัดค่ะ พอดีเพื่อนเขาชวนไปดูงานที่โรงแรม หนูมนก็เลยไปค่ะเห็นว่าจะไปหาข้อมูลมาช่วยพัฒนาโรงแรมของเราค่ะ"
วิไลเลขาถามว่าจะกลับเมื่อไร พอรู้ว่าอาทิตย์หน้า ก็บ่นว่า
"โทร.ถามดูซิว่าจะกลับเมื่อไร เป“นสาวเป“นนางเที่ยวไปค้างอ้างแรมบ้านคนอื่นนานๆมันไม่งามนะยะ" พูดเสร็จวิไลเลขาเดินแยกไป
"ค่ะ" ภัทรวดีถอนใจอย่างโล่งอกที่ไม่ถูกซักถามต่อ
ooooooo
เมื่อตะวันเจอดนัยในตอนเช้า เธอถูกถามทันทีว่า เมื่อคืนทำไมกลับดึกทำงานวันแรกก็งานเยอะเลยหรือ ตะวันพูดขำๆว่า ทุกคนในบ้านนี้เจอหน้าตนเป“นต้องพูดเรื่องกลับดึกไม่เว้นแม้แต่ดนัยหรือ
ดนัยเลยเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานเย็นฟ้าทำอาหารเลี้ยงต้อนรับตะวัน เพราะไม่รู้ว่าเธอต้องทำงานดึกตั้งแต่วันแรก ทำให้ ตะวันรู้สึกไม่สบายใจรีบไปหาฟ้า ขอโทษน้องที่ทำให้รอเก้อ ขอแก้ตัวใหม่ได้ไหม
ฟ้าดีใจถามว่าตะวันอยากทานอะไรออเดอร์ได้เลย ตะวันทำท่าคิดๆแล้วร่ายยาวว่า
"ขอเป“นไข่เจียว, ไข่ต้ม, ไข่ตุ๋น, ไข่ดาว, ไข่น้ำ ก็แล้วกัน ทำได้ไหม"
พอฟ้ายิ้มดีใจบอกว่าสบายมากจะแถมเมนูอื่นให้ด้วย สองพี่น้องเลยนัดพบกันเย็นนี้
ooooooo
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 6
ตอนที่ 6
รุ่งขึ้น พิมพ์นภัสไปที่บ้านภัสสรแต่เช้าเพื่อง้อภากร เธอทำท่าสำนึกผิดเข้าไปขอคุยกับภากรเรื่องเมื่อคืน ภากรตอบสั้นๆว่าตนต้องรีบไปทำงาน เธอหาว่าเขาโกรธ ชี้แจงว่าเมื่อคืนเขาเมามากไม่รู้จะทำอย่างไรเลยพาไปนอนพัก ตั้งใจว่าพอเขาสร่างเมาค่อยพากลับบ้าน
"แต่ที่พี่ได้ยินมามันไม่ใช่อย่างที่พิมพ์บอกนะ" ภากรเย็นชามาก
พิมพ์นภัสหาว่าถูกตะวันใส่ร้าย ภากรถามว่าถ้าอย่างนั้นจะอธิบายอย่างไรในเมื่ออาการของตนมันยืนยันว่าถูกมอมเหล้ามอมยา เมื่อถูกยันเอาจนแต้มแบบนี้ พิมพ์นภัสยอมรับว่าทำไปเพราะรักเขาและมีคนยุให้ทำ ถ้าจะผิดก็ผิดเพราะตนรักเขามาก ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ภากรมองเธออย่างเย็นชา จนภัสสรลงมาเจอทักว่ามาแต่เช้าเลยหรือ พิมพ์นภัสโกหกได้ไม่ขัดเขินว่าเพราะตนเพิ่งรู้เรื่องภาคิน รู้สึกเป“นห่วง ถูกภัสสรห้ามเอ่ยชื่อนี้อีก พิมพ์นภัสขอให้ภัสสรใจเย็นๆ ภาคินอาจประสบอุบัติเหตุก็ได้
"จะเป“นอะไรก็ต้องติดต่อมา ไม่ใช่หายเงียบไปแบบนี้" พูดแล้วมองภากรกับพิมพ์นภัส เอ่ยอย่างฝากความหวังว่า "ลูกสองคนต้องไม่ทำให้แม่เสียใจผิดหวังเหมือนที่เจ้าคินมันทำนะ เข้าใจไหมกร"
ภากรนิ่งอย่างอึดอัดไม่อยากรับปากในสิ่งที่ขัดกับใจตัวเอง พิมพ์นภัสฉวยโอกาสตอบเองว่า
"พี่กรไม่มีทางทำให้คุณแม่เสียใจผิดหวังแน่นอนค่ะ"
ภัสสรยิ้มอย่างพอใจ ในขณะที่ภากรตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่นิ่ง...เงียบ
เขาขับรถพาพิมพ์นภัสออกมาถามว่าจะให้ไปส่งที่ไหน พิมพ์นภัสไม่ยอมบอกแต่ออดอ้อนว่าเขายังไม่หายโกรธตน ยังคร่ำครวญว่าตนทำไปเพราะความรักแท้ๆ ความรักสั่งให้เราทำได้ทุกอย่าง
"อย่าโทษความรักพิมพ์นภัส ความรักที่แท้จริงจะต้องสะอาดกว่านี้ กลับไปคิดให้ดีว่าสิ่งที่พิมพ์ทำกับพี่มันเรียกว่าอะไรแน่"
เมื่ออ้อนภากรไม่ได้ผล พิมพ์นภัสนัดแจนออกมาปรึกษาถามว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ตอนนี้เข้าหน้าภากรไม่ติดแล้ว แจนทำหน้าคิดๆบอกว่าจะใช้แผนเดิมคงไม่ได้แล้ว
พิมพ์นภัสพาลโกรธตะวัน แค้นใจว่าโผล่มาขวางทำให้เสียแผน
"ฉันว่าก่อนเธอจะรวบหัวรวบหางพี่กร เธอต้องจัดการนังตะวันนั่นเสียก่อน" แจนชี้แนะอีก
ooooooo
ตะวันยังคงทุ่มเทกับงานที่ได้รับมอบหมายเต็มที่ วันนี้เธอได้รับแจ้งจากศักดาว่าอาทิตย์หน้าจะนัดพรีเซนต์ งานคอนโดฯกับภากร ให้กำลังใจเธอว่าไม่ต้องกังวลรับรองผ่านฉลุยแน่ ส่วนคืนนี้ก็พักได้แล้ว ถ้าไม่อยากพักก็เอางานกลับไปคิดต่อที่บ้านก็ไม่ว่ากัน
ตะวันรับทราบแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ จนเย็นศักดาเข้ามาบอกว่าตนจะกลับก่อน ตะวันขอทำงานต่ออีกนิดเดียวเท่านั้น ครู่เดียวเลขาฯก็เข้ามาถามว่ายังไม่กลับหรือ ถ้างั้นตนจะกลับก่อน แล้วผละไป
"ยังไม่กลับอีกเหรอ" ตะวันถามเมื่อรู้สึกมีคนมายืนตรงที่เลขาฯเพิ่งผละไป
"ยังครับ" เสียงตอบนุ่มนวลสุภาพ
กลายเป“นภากรมายืนดูตะวันทำงานอยู่ ตะวันบอกว่าศักดากลับไปแล้ว เขากลับบอกเธอว่าไม่ได้มาหาศักดาแต่มาหาเธอ จะมาชวนไปทานข้าว อยากเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยไว้เมื่อคืนนี้
"ที่ฉันช่วยคุณไม่ได้หวังว่าจะต้องให้คุณมาตอบแทน อีกอย่างคุณก็ขอบคุณฉันแล้ว ไม่ต้องขอบคุณซ้ำหรอก ฉันไม่ อยากได้" พูดแล้วเก็บเอกสารขอตัวเพราะต้องรีบกลับบ้าน
"ดีเหมือนกันจะได้รู้จักบ้านคุณด้วย" ภากรโมเม
ตะวันรีบลุกเดินอ้าวออกไป ดูนาฬ”กาแล้วเธอเรียกแท็กซี่ไปเลย พอภากรตามออกมาก็ไม่เจอแล้ว พึมพำได้แค่ว่า "หายไปไหนแล้ว"
ooooooo
ฟ้าเตรียมอาหารไว้เลี้ยงต้อนรับตะวันเป“นการแก้ตัวเมื่อวานนี้ เสร็จแล้วจะไปอาบน้ำก่อน แต่พอเดินออกจากห้องครัวก็เจอดนัยมาถึงพอดี ขณะเธอยืนทักทายดนัยนั่นเอง ภัทรวดีก็แทรกเข้ามาพูดเหยียดหยามดนัยว่ามาสอพลอรอร่วมโต๊ะด้วยหรือ ด่าว่าเป็นกาฝากอย่ามาสะเออะ ให้มันรู้ที่ต่ำที่สูงเสียบ้าง
ผมคงต้องทำความเข้าใจกับคุณนายสักนิดนะครับ ผมเข้ามาอยู่ที่นี่เพราะตะวันขอ ไม่ได้เข้ามาเป“นกาฝากเกาะใคร"
ทันใดนั้นตะวันมาถึง เธอถามว่ามีเรื่องอะไรกันมิทราบคุณแม่เลี้ยง ภัทรวดีไม่ตอบเดินสะบัดไป ฟ้าดีใจที่ตะวันกลับมา บอกให้ไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวจะมาทานข้าวด้วยกัน
ตะวันชวนดนัยกินข้าวด้วยกัน ดนัยขอไปกินข้างนอกดีกว่า ตะวันไม่ยอมจับมือเขาไว้พูดเข้มๆว่าอยู่กินข้าวด้วยกัน ตะวันขอร้อง ทั้งสองจ้องหน้ากัน ฟ้าดูออกว่าทั้งคู่มีความรู้สึกพิเศษต่อกันเลยเดินเลี่ยงไปทางอื่นอย่างไม่อยากเป“นส่วนเกิน
ดนัยถามตะวันว่าจะประกาศสงครามหรือ ตะวันพูดขำๆ ว่าก็แค่ประกาศให้ทราบว่าอาณาเขตของตนแค่ไหนเท่านั้นเอง แล้วขอตัวไปอาบน้ำ
ฝ่ายภัทรวดีเฝ้ายุแหย่วิไลเลขาว่าตะวันจะมาพาฟ้าเสียไปแล้วจริงๆ ยุให้รีบจัดการเสีย
พอดีวิภูเข้ามาถามว่าวางแผนอะไรกันอยู่หรือ วิไลเลขาค้อนลูกชายงอนๆ ตัดพ้อว่าเดี๋ยวนี้แม่ไม่มีความหมายแล้ว เขาอยากทำอะไรก็ทำเถอะ
"ถ้าคุณแม่หมายถึงเรื่องที่ตะวันเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ละก้อ...ผมอยากให้คุณแม่เป”ดใจให้กว้าง ตะวันก็เป“นหลานของคุณแม่เหมือนฟ้า และถ้าคุณแม่จะยุติธรรมอีกสักนิด คุณแม่ น่าจะสงสารตะวันด้วยซ้ำ"
วิไลเลขาถามแบบหาเรื่องว่าตนจะเป“นแบบนี้แล้วใครจะทำไม สั่งวิภูไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วไม่อยากฟัง ทำเอาวิภูพูดไม่ออก ยืนมองแม่แล้วแอบถอนใจเซ็งๆ
ooooooo
แขไขอยู่เชียงใหม่ วันนี้ไปทำผมที่ร้าน ระหว่างให้ช่างทำผมก็หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน เจอข่าวฟ้าหม้ายขันหมากก็ตกใจสงสารลูก กลับไปปรึกษาโอภาสว่าจะโทร.ถามข่าวนี้กับตะวันดีไหม
โอภาสเชื่อว่าตะวันคงไม่กล้าเล่าเพราะแขไขเคยสั่งเด็ดขาดไม่ให้ติดต่อบ้านนั้นไว้แล้ว แต่เห็นแขไขร้อนใจจึงเสนอว่าเย็นนี้ลองโทร.คุยกับตะวันดูก็ได้เผื่อจะรู้เพราะหนังสือพิมพ์ ลงข่าวครึกโครม
"ก็ดีเหมือนกัน รอให้ตะวันเลิกงานก่อน" แขไขเห็นด้วย
แขไขอดรนทนรอจน 6 โมงเย็นแล้วรีบลุกไปโทร.หาตะวัน เป“นเวลาที่ตะวันอยู่ในห้องน้ำพอดีและฟ้ามานั่งรอพี่สาวอยู่ที่ห้องจะรับโทรศัพท์แทน พอดีตะวันออกมาเห็นชื่อแม่ที่หน้าจอเลยรีบคว้า เดินเลี่ยงไปคุย
แขไขถามว่าทำไมรับโทรศัพท์ช้า ตะวันปดแม่ว่ากำลังประชุมอยู่ บอกแม่ว่าประชุมเสร็จจะโทร.กลับแล้วกดวางสาย หันไปยิ้มกับฟ้าที่ยืนอยู่ห่างๆ ชวนไปกินข้าวกันดีกว่าตนหิวแล้ว
แขไขวางสายจากตะวันรู้สึกแปลกๆ ลูกบอกว่าประชุมอยู่แต่พูดไม่ค่อยเต็มเสียง
"ก็ลูกประชุมอยู่ก็ต้องพูดเบาๆสิ ไม่เอาน่าอย่าคิดมาก" โอภาสปลอบใจไปตามประสา
ooooooo
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 6
บรรยากาศที่โต๊ะอาหารอึดอัดและกร่อยสนิทเพราะทั้งวิไลเลขาและภัทรวดีต่างนั่งปั้นปึ่ง จนทุกคนไม่กล้าขยับเขยื้อน กินกันเกร็งๆ คุยกันเซ็งๆ จนสุดท้ายตะวันขอตัวลุกไปเพื่อจะโทรศัพท์หาแม่
แขไขคอยตะวันโทร.กลับ เธอบอกแม่ว่าเพิ่งกลับถึงหอพัก แขไขถามไถ่สารทุกข์สุขดิบถามเรื่องงานแล้วจึงถามเรื่องฟ้าว่า ตะวันรู้เรื่องคนนั้นหนีงานหมั้นฟ้าไหม เป็นอย่างไรบ้าง
"อ้อ ก็พอรู้บ้างนิดหน่อยค่ะแม่ คือตะวันได้ยินมาจากวงในว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนไม่ดี" แขไขตกใจถามว่าไม่ดีแล้วเขาให้หมั้นทำไม "ก็คุณวิไลเลขาเป็นคนจับคลุมถุงชนไงคะแม่ แต่ก็โชคดีที่น้องรอดมาได้"
แขไขเอะใจว่าทำไมตะวันถึงรู้ลึกรู้ละเอียดขนาดนั้น เธอปดแม่ว่าพวกนั้นเป็นพวกไฮโซร่ำรวยเกิดเรื่องขนาดนี้ใครๆก็พูดถึง และเรื่องนี้ก็สืบไม่ยากด้วย ดนัยก็ช่วยสืบด้วย
"แต่ยังไง ตะวันก็อย่าเผลอไปเข้าใกล้บ้านปัญญารักษ์ นะลูก" แขไขย้ำด้วยความเป็นห่วงอีก
พอวางสายจากแม่ ตะวันพึมพำว่าตนไม่เจตนาทำแบบนี้กับแม่แต่มันจำเป็น แม่อย่าโกรธเลยนะ
ooooooo
ภัทรมนพาภาคินไปพักที่บ้านพักตากอากาศของภัทรวดีที่ชะอำ
วันนี้เขาตื่นแต่เช้าไปเดินที่ชายหาด เจอจันทิกาสาวสวยเซ็กซี่เข้ามาเล่นน้ำทะเลพอดี ภาคินรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นทันทีหาทางทำความรู้จัก
ทั้งคู่รู้จักกันไม่ยาก เพียงสบตาทักทายไม่กี่คำต่างก็ดูลายกันออก เมื่อแนะนำชื่อแก่กันแล้ว จันทิกาก็วิ่งหยอกล้อกับภาคินอย่างระริกระรี้ที่ริมหาด ภาคินถามว่าจะพบกับเธอได้ที่ไหนอีก
"ถ้าคืนนี้คุณแวะไปที่ผับของโรงแรมนั่น คุณเจอจูนแน่นอนค่ะ"
"โอเคครับ" ภาคินตอบรับตาเป็นประกาย
ปรากฏว่าภัทรมนเพิ่งตื่น มองหาภาคินไม่เห็นจึงเดินลงไปหาที่ชายหาด พอเจอถามว่าไปไหนมา ภาคินตอบหน้าตาแจ่มใสว่ามาเดินเล่น ภัทรมนคิดว่าเขานอนไม่หลับถามว่าจะกลับกรุงเทพฯไหม ท่าทางเขาไม่มีความสุข ภาคินรีบบอกว่าตนแค่เซ็งๆ แต่ตอนนี้หายเซ็งแล้ว ภัทรมนจึงชวนกลับไปทำอาหารเช้ากินกัน
ภาคินโอบเอวภัทรมนพากันเดินขึ้นไป แต่ในใจหมกมุ่นคิดถึงแต่จันทิกาสาวน้อยผู้ปลุกความกระชุ่มกระชวยให้เขาตั้งแต่เช้า
ooooooo
รุ่งเช้า ฟ้าตื่นมาส่งตะวันไปทำงาน เจอวิภูขับรถจะออกพอดี วิภูพยายามชวนตะวันไปด้วยกัน ตะวันยังคงทำตัวห่างเหินเย็นชา เรียกแทนตัวเองว่าดิฉันและเรียกวิภูด้วยคำว่าคุณแทนคำว่าพ่อ เธอไม่ยอมไปกับวิภู จนฟ้าขอร้องเธอจึงยอมขึ้นรถไปด้วย แต่พอพ้นบ้านก็บอกวิภูให้จอดตนจะลง
ครั้นวิภูพยายามจะไปส่งที่ทำงาน ตะวันพูดเสียงแข็งใส่ว่า ที่ตนมาด้วยก็เพราะไม่อยากให้ฟ้าเสียใจเท่านั้นเอง แล้วสั่งให้หยุด จากนั้นลงไปขึ้นรถแท็กซี่ไปทำงาน วิภูได้แต่ มองตามไปอย่างเจ็บปวด
ส่งตะวันแล้วฟ้าเดินกลับเข้าบ้าน เจอวิไลเลขา ฟ้าขออนุญาตไปข้างนอกจะไปซื้อของขวัญให้พี่สาว วิไลเลขาได้จังหวะเตือนว่าฟ้ากับตะวันถูกเลี้ยงมาคนละแบบ ฟ้าเป็นคนว่านอนสอนง่าย อย่าได้เชื่อใครง่ายๆ ย่าไม่ได้สอนให้ระแวงพี่สาวแต่ระวังตัวไว้ก็ดี
เมื่อได้ออกไปที่ห้าง ฟ้าไปเดินดูนาฬิกาจะซื้อให้ตะวัน
เป็นความบังเอิญที่ภากรก็ไปที่ห้างสรรพสินค้าเดียวกันเขาสั่งดอกไม้ช่อหนึ่งตั้งใจจะเอาไปให้ตะวัน สั่งแล้วบอก
คนขายว่าเดี๋ยวจะแวะมาเอา จากนั้นเดินออกไปดูของอื่น
พิมพ์นภัสกับแจนที่เห็นรถของภากรขับเข้ามาตั้งแต่แรกแล้วจึงลงไปสะกดรอยตาม
ภากรเดินผ่านร้านขายนาฬิกามองเข้าไปสะดุดตาเมื่อเห็นเป็นตะวันอยู่ในร้านนั้น แต่มีโทรศัพท์จากแม่เข้ามาเขาจึงเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ พิมพ์นภัสตามมาเห็นฟ้าอยู่ในร้าน เธอมองจิกคำรามเบาๆ
"นังตะวัน ช่างกล้านัก นังนี่"
พิมพ์นภัสเห็นภากรเดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ เป็นโอกาสเหมาะเธอพุ่งเข้าไป ฟ้าเบี่ยงตัวหลบ เพราะไม่รู้จักพิมพ์นภัส ทำให้พิมพ์นภัสยิ่งแค้นใจ กระชากเข้าไปตบหน้า ฟ้าตะลึงงัน พนักงานในร้านไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง ฟ้าจึงถูกพิมพ์นภัสเล่นงานฝ่ายเดียวตบหน้าซ้ำๆจนเป็นผื่น ปากก็ด่าไม่หยุด
"จำใส่สมองทึบๆของแกไว้นะ ว่าอย่ามายุ่งกับพี่กร ครั้งเดียวที่แกทำกับฉันมันก็มากเกินพอไปแล้ว"
ภากรคุยโทรศัพท์เสร็จหันมาเห็นฟ้าวิ่งหนีไป เขาจะวิ่งตามถูกพิมพ์นภัสเข้ามาขวางทำเป็นไม่รู้เรื่อง พอภากรบอกว่าเห็นตะวันวิ่งไปทางโน้น เธอถามว่าเขานัดตะวันไว้หรือ พอภากรบอกว่าเปล่า เธอจับผิดว่าแล้วมาเจอกันได้ยังไง
"พี่ไม่เห็นจะแปลกเลย กับพิมพ์เองเราก็ไม่ได้นัดกันยังมาเจอกันได้" พูดแล้วเขาเบี่ยงตัวเดินไปทางที่เห็นฟ้าวิ่งไปไม่สนใจดอกไม้ที่สั่งไว้อีกเลย
ooooooo
ฟ้าวิ่งไปชนเข้ากับดนัยที่ทำงานเสร็จพอดีเลยมาเดินห้าง เขาเห็นที่แก้มเธอมีรอยฝ่ามือเป็นผื่น ถามว่าเป็นอะไร ใครทำอะไรเธอ ฟ้าร้องไห้เมื่อพบคนที่ห่วงใย ดนัยขอให้เธอเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ทันที่ฟ้าจะเล่า เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากสำนักพิมพ์ให้ไปทำสกู๊ปที่เขาดินต่อ ฟ้าจึงขอตามไปด้วย
"ก็ได้ครับ แต่คุณต้องเล่าให้ผมฟังนะครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ" ดนัยมีข้อแม้แล้วพากันไป
เพราะดนัยต้องทำงาน แม้จะเอาใจใส่คอยดูแลฟ้าแต่ก็พลัดหลงกันจนได้ ดนัยตกใจรีบเดินตามหา ถามคนที่สวนมา พอรู้ลักษณะก็บอกว่าเพิ่งเดินไปทางโน้นพลางชี้ให้ดู ดนัยรีบตามไปอย่างมีความหวัง แต่เดินตามหาจนเหงื่อตกก็ไม่เจอ ทำให้เขายิ่งกังวลพร่ำถามในใจว่า "คุณฟ้า...คุณอยู่ไหนครับ"
พงษ์ที่ขับรถพาฟ้าไป กลับบ้านไปบอกวิไลเลขาว่าพลัดกับฟ้าหาไม่เจอจึงกลับมาบอก พงษ์ถูกคาดโทษว่า ถ้าหาฟ้าไม่เจอ "แกตายแน่!" แล้ววิไลเลขาก็ให้สายหยุดโทร.เข้ามือถือฟ้าตลอดเวลาจนกว่าจะโทร.ติด
ดนัยทั้งให้ทางกองอำนวยการประกาศตามหาฟ้า ทั้งออกเดินตามหาเอง จนกระทั่งเจอเมื่อฟ้าไปนั่งดูการแสดงของลิงจบ ดนัยทั้งดีใจทั้งฉุนที่เกิดเรื่องให้ตกอกตกใจ ตำหนิจนฟ้าหน้าจ๋อยหนักเข้าก็น้ำตาคลอ จนดนัยรู้สึกตัวเลิกบ่น
ฟ้าขอโทษดนัยที่ทำให้เขาทุกข์ร้อนใจ ไม่ทันไรท้องร้องจ้อกๆ เธอบอกเขาเขินๆว่าหิวแล้ว ดนัยจึงพาไปกินก๋วยเตี๋ยวริมทาง ปรากฏว่าเธอโซ้ยเข้าไปถึงสองชาม บอกเขาเขินๆว่า ปกติกินชามเดียวก็อิ่มแต่วันนี้หิวจัด
ooooooo
ภากรหงุดหงิดมากที่วันนี้ไปเจอเรื่องร้ายๆที่ห้างสรรพสินค้า ภัสสรคิดว่าเขาเครียดเพราะงานหนักเนื่องจากภาคินไม่เอาเรื่อง งานทั้งหมดจึงตกอยู่กับภากร
ภัสสรบอกพิมพ์นภัสที่ทำทีเป็นห่วงเป็นใยภากรว่า พรุ่งนี้เขาก็ยังต้องไปดูโครงการที่ชะอำอีก พิมพ์นภัสขอตามไปด้วย ภากรปฏิเสธไม่อ้อมค้อมว่าไม่ได้ ตนไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยว
ความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติของทั้งคู่ ทำให้ภัสสรสงสัยว่ามีอะไรผิดใจกัน พอถามพิมพ์นภัสก็บอกว่าไม่มีอะไร ภัสสรจึงให้พิมพ์นภัสเป็นเพื่อนตนไปซื้อของดีกว่าภากรจะได้ทำงาน
ภัทรวดียังหาโอกาสยุแหย่ใส่ไฟตะวันกับดนัยอยู่เนืองๆ หาทางที่จะให้วิไลเลขาไล่ตะวันกับดนัยออกจากบ้านให้ได้
จนสบโอกาสเหมาะเจาะเมื่อดนัยพาฟ้ากลับมา เธอเข้าไปเป่าหูวิไลเลขาทันทีว่า สองคนคงนัดพบกันข้างนอกเพิ่งนั่งแท็กซี่กลับมาด้วยกัน ฟังแล้ววิไลเลขาเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที ตรงไปเล่นงานดนัยถึงห้องพัก ทั้งด่า ทั้งเยาะเย้ยเหยียดหยาม หาว่าเขาหวังมาเกาะหาประโยชน์จากฟ้า
"ผมไม่เคยคิดอย่างที่คุณพูด แล้วก็ไม่มีวันคิดด้วย" ดนัยโต้ตอบไปอย่างไม่พอใจ
พอวิไลเลขากลับไป ภัทรวดีกับสายหยุดก็หัวเราะเสียงแหลมเข้ามาพูดเยาะเย้ย แล้วบอกดนัยให้เตรียมหาที่อยู่ ใหม่รอไว้ได้เลย ท่าทางจะอยู่ที่นี่ไม่รุ่งเสียแล้ว
ส่วนวิไลเลขาเมื่อด่าดนัยจนหนำใจแล้วก็กลับไปคุยกับฟ้า หว่านล้อมหลานสาวอย่างอ่อนโยนว่าไม่อยากให้ไปไหนมาไหนกับดนัย ถ้าอยากไปเที่ยวเขาดินวันหลังให้ชวนย่า ย่าจะไปเป็นเพื่อน
"ค่ะ" ฟ้ารับคำหน้าจ๋อย นึกเดาในใจว่าดนัยต้องโดนย่าเล่นงานมาแล้วแน่ๆ
ooooooo
ด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกของดนัย ฟ้าแอบไปหาเขาที่ห้อง ไม่ทันได้เปิดประตูห้องก็ถูกภัทรวดีที่ซุ่มอยู่หัวเราะเยาะ พูดเย้ยหยันว่ามาหาผู้ชายถึงห้อง ระวังท้องโตแล้วไม่มีพ่อจะอับอายกันไปหมด
ฟ้าคิดไม่ถึงว่าภัทรวดีจะมองตนในแง่ร้ายถึงเพียงนี้ เสียใจจนพูดไม่ออก ได้แต่มองหน้าภัทรวดีอย่างตัดพ้อเจ็บปวดแล้ววิ่งกลับไป
ooooooo
ดนัยคิดหนักไปนั่งซึมอยู่ที่สนาม ตะวันสงสัยเดินไปถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาถามเธอว่า ถ้าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ตะวันจะอยู่คนเดียวได้ไหม ครั้นตะวันถามว่ามีเรื่องอะไรหรือ เขากลับบอกว่าไม่มีอะไร
ตะวันจับมือดนัยไว้ มองหน้าพูดแกมขอร้องว่า
"ถ้าไม่มีอะไรจริงๆก็แล้วไป แต่นัยต้องสัญญานะว่าเราจะต้องอยู่ด้วยกัน ถ้านัยไปจากที่นี่เมื่อไหร่ ตะวันก็จะไปด้วย"
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 5-6
@^@..อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 15
@^@..อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 15
ตอนที่ 15 (ต่อจากวานนี้)
ด้านวีสามเมื่อจับสัญญาณของวีสี่ได้ก็ดีใจ "จับสัญญาณได้แล้ว อยู่ถัดไปอีก 100 เมตรข้างหน้า"
ต้อมรีบเร่งให้โป้งขับรถไปเร็วๆ วีสามคอยบอกว่าเหลือระยะห่างอีกเท่าไหร่ รถแล่นมาตามถนน นาฬิกาของวีสี่กองอยู่กลางถนน เห็นไฟรถแล่นมาก็ร้องลั่นว่าตายแน่ "อ๊าก...แม่จ๋า นำร่องขอลาก่อน...เออ...ลืมไป ไม่มีแม่นี่หว่า"
รถแล่นใกล้เข้ามาๆแล้วเบรกเอี๊ยดห่างแค่คืบ วีสาม ต้อม โป้ง และลิซ่าลงจากรถมองหาวีสี่ นาฬิการ้องบอกว่าเขาอยู่ตรงนี้ ตรงล้อรถนี่ ต้อมรีบคว้าขึ้นมา
"อุปกรณ์นำร่อง แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้ววีสี่หายไปไหน"
"เสียใจด้วยครับ สหายวีสี่ถูกคนร้ายพาตัวไปแล้ว"
"โธ่แล้วทีนี้เราจะตามหาวีสี่ยังไงล่ะคะ อุปกรณ์นำร่องก็ถูกทิ้งไว้แบบนี้" ลิซ่ากังวล
"ไม่มีปัญหาครับ เพราะก่อนหน้านี้ผมล็อกสัญญาณโทรศัพท์มือถือของพวกมันเอาไว้ สามารถติดตามไปได้ทุกที่"
ต้อมจึงบอกทุกคนให้รีบออกตาม ต้อมเอาอุปกรณ์ นำร่องคาดที่ข้อมือของเขา
ooooooo
มาถึงบ้านของรัชนี สนธยารีบผสมสารเคมีขึ้นมาใหม่ เขาทำด้วยความมั่นใจ "คราวนี้แกเสร็จฉันแน่ นังวีสี่ ฉันจะกลั่นน้ำยาคืนร่างขวดใหม่มาเล่นงานแก เอาแบบเข้มข้นกว่าเดิมยี่สิบเท่า งานนี้อย่าว่าแต่มนุษย์ ต่างดาวตัวจริงเลย ต่อให้คนโดนเข้าไปก็ต้องกลายร่าง"
"ขี้โม้...คนที่ไหนจะกลายเป็นมนุษย์ต่างดาว" วีสี่ซึ่งถูกมัดติดกับเก้าอี้ เบ้ปาก
"นั่นสิ มันจะเป็นไปได้ยังไง" ดุจดาวเห็นด้วย
"จะบอกความจริงให้ก็ได้ น้ำยาที่ผมใช้มันไม่ใช่สารเคมีหรอก แต่มันเป็นดีเอ็นเอของนังวีสี่ ที่ถูกปรับแต่งพันธุกรรมใหม่จนกลายเป็นเหมือนไวรัสต่างหาก ใครก็ตามที่โดนมันเข้าไปก็ต้องกลายร่างเป็นมนุษย์ต่างดาว ทีนี้ต่อให้นังวีสี่มันมีเครื่องมือวิเศษแค่ไหน ก็แปลงร่างกลับเป็นคนอีกไม่ได้
ฮ่าๆๆๆ"...วีสี่กับดุจดาวอึ้ง...
โป้งขับรถมาตามทางบนถนนซึ่งรถติดมาก ต้อมร้อนใจเป็นห่วงวีสี่จึงถามนาฬิกาของวีสี่ที่อยู่บนข้อมือของเขา นาฬิกาหาสัญญาณโทรศัพท์ของสนธยากับดุจดาว จึงรู้ว่าอยู่ในซอยบ้านต้อม ต้อมคิดสักพักนึกออกว่าต้องเป็นบ้านรัชนีแน่ แต่รถติดขนาดนี้จะไปถึงเมื่อไหร่ วีสามจึงบอกว่าเขาจะพาไปเอง ว่าแล้ววีสามก็ลงจากรถจับต้อมพาดบ่าแล้ววิ่งด้วยความเร็วปานจรวด แป๊บเดียวมาถึงหน้าบ้านรัชนี วีสามวางต้อมลง เขามึนงงชี้มือไปในบ้านรัชนี วีสามเดินจ้ำเข้าไปทันที
สนธยาเตรียมรับมือไว้แล้ว วีสี่ถูกมัดติดกับเก้าอี้ขังในห้องนอน วีสามถีบประตูโครมอย่างแมนๆ ประตูตีกลับโขกหน้าต้อมที่เดินตามมาเต็มๆถึงกับมึนงง วีสามช่วยประคอง
ต้อมชี้หน้า "ไอ้สนธยา ปล่อยวีสี่เดี๋ยวนี้"
"เรื่องอะไรจะปล่อยให้โง่ เก่งจริงก็เข้ามาแย่งเองสิวะ"
ต้อมจะลุย วีสามรั้งไว้ เขาก้าวย่างเข้าไปเอง สนธยายิงวีสามด้วยปืนไฟ วีสามหลบอย่างง่ายดาย ดุจดาวยิงปืนใส่ วีสามก็สร้างพลังกันไว้ได้ สนธยาเห็นท่าไม่ดี
"อยู่ไม่ได้แล้วคุณดุจดาว รีบเผ่นก่อนเถอะ" สนธยาคว้าดุจดาววิ่งไปหลังบ้าน
วีสามหันมาจะช่วยวีสี่ที่เห็นนอนบนเตียงมีผ้าคลุมหน้าไว้ ต้อมมองๆเห็นสายไฟต่อจากเตียงจึงร้องเตือนวีสามให้ระวัง แต่ไม่ทัน วีสามจับเตียงถูกไฟช็อตอย่างแรง เขาดิ้นรนจนทรุดฮวบหมดสติไป วีสี่ซึ่งอยู่ในห้องพยายามช่วยตัวเองกระเถิบเก้าอี้ไปหาของมาตัดเชือก
สนธยากับดุจดาวกลับมาหัวเราะอย่างสะใจ "มนุษย์ดาว GEN 45 นึกว่าจะแน่ซะแค่ไหน ที่แท้ก็โง่พอๆกับชาวโลก"
ดุจดาวดึงผ้าคลุมหน้าออก เผยให้เห็นว่าเป็นหุ่นเท่านั้น ต้อมโวยว่าสนธยาเลวมาก วีสี่แค่ต้องการกลับบ้านจะขวางทำไม ดุจดาวหัวเราะร่าตอบแทน
"ถ้าเป็นตอนแรกก็คงไม่อยากขวางหรอกค่ะพี่ต้อม แต่ว่าตอนนี้...ดาวกับคุณสนธยาคงปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้"
"ดุจดาว นี่เธอไปร่วมมือกับสนธยาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ดาวจำเป็นค่ะพี่ต้อม ถ้าดาวเปิดโปงความจริงได้ว่า นังวีสี่เป็นมนุษย์ต่างดาว ดาวก็จะพ้นผิดในคดีลักพาตัวมัน"
"แถมยังจะได้รับคำชมเชยอีกต่างหาก ในฐานะที่กอบกู้ โลกเอาไว้" สนธยาเสริม
ต้อมแปลกใจ "กอบกู้อะไรของแก วีสี่เค้าไม่ได้มีแผนจะทำลายโลก แกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าแกเอาวีสี่ไปไว้ที่ไหน"
พลันต้อมได้ยินเสียงเก้าอี้ล้มในห้องนอนจึงจะเข้าไปดู แต่ถูกดุจดาวกับสนธยาเอาปืนขู่ "อ๊ะๆอย่าซ่านะเว้ยไอ้ต้อม ขนาดเก่งๆอย่างมนุษย์ต่างดาวยังเดี้ยงไปต่อหน้า แล้วคนธรรมดาอย่างแกจะทำอะไรได้"
"อยู่เฉยๆเถอะค่ะพี่ต้อม พวกเราไม่ได้คิดจะฆ่าวีสี่ แค่อยากทำให้มันคืนร่างเดิมเท่านั้นเอง"
สนธยาหันมาดูสารเคมีที่ทำอยู่พบว่ามันกลั่นตัวออกมาบ้างแล้วแต่เหนียวข้นมาก ต้อมฉวยโอกาสแย่งปืนจากดุจดาว ปืนหล่นกระเด็น สนธยาคว้าปืนไฟฟ้ายิงใส่ต้อม แต่
ต้อมหลบทัน ดุจดาวเก็บปืนได้ สนธยาร้องบอกให้ยิง ต้อมมองดุจดาวด้วยสายตาวิงวอน
"พี่ขอเถอะนะดุจดาว อย่ายุ่งกับเรื่องนี้"
ดุจดาวลังเลนิดหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจ "ขอโทษด้วยค่ะพี่ต้อม แต่ดาวไม่มีทางเลือก"
วีสามเริ่มรู้สึกตัว วีสี่ตัดเชือกขาดวิ่งออกมาจากห้อง เห็นดุจดาวกำลังเหนี่ยวไก จึงร้องบอกให้ต้อมระวังพร้อมกับกระโจนเข้ากำบังต้อมเอาไว้ กระสุนเจาะเข้าที่ท้องวีสี่เลือดไหลทะลักออกมาเป็นสีแดง ดุจดาวตกตะลึงเพราะเพิ่งเคยยิงคนเป็นครั้งแรก สนธยารีบถลาไปหยิบสารเคมีที่กลั่นตัวออกมาได้ครึ่งถ้วย
"นังวีสี่ มาได้เวลาพอดี แกเสร็จฉันแน่"
สนธยาถือแก้วสารเคมีเดินเข้าหาวีสี่ ต้อมพุ่งตัวรวบเอวสนธยาผลักไปกระแทกผนัง แต่สนธยาตั้งรับได้ทันเสยเข่าใส่ ต้อมจนจุกแล้วเหวี่ยงต้อมกระเด็นไป เขาเดินมายืนค้ำร่างวีสี่
"นังวีสี่ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้ แกจะต้องเป็นผลงานทดลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน"
สนธยาค่อยๆราดสารเคมีใส่ศีรษะของวีสี่ เธอพยายามยกแขนบัง ต้อมตกใจร้องลั่น สนธยาหัวเราะร่าอย่างผู้ชนะ ดุจดาวกับวีสามตกตะลึง แต่พอวีสี่ลดแขนที่กันไว้ลง กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สนธยาเป็นฝ่ายตกใจบ้าง
"อ้าว!เฮ้ย! ทำไมไม่คืนร่างเดิมวะ ผิวยังเป็นเหมือนเดิม ไม่จริงนี่แกทำได้ไง บอกมาแกใช้วิธีไหน ทำไมแกถึงไม่คืนร่างเดิม"
วีสามโกรธตรงเข้ากระชากสนธยา "แกทำร้ายวีสี่ แกต้องถูกลงโทษ"
สนธยาถูกเหวี่ยงลอยละลิ่วไปบนโต๊ะทดลอง น้ำยาเคมีต่างๆหกราดไปบนตัวเขาจนเขาต้องแผดเสียงร้องโหยหวน ควันพวยพุ่งออกจากร่างเพราะถูกสารเคมีกัดผิวหนัง ต้อมถึงกับเอามือปิดจมูกเพราะเหม็นกลิ่นผิวหนังไหม้ สนธยาดิ้นทุรนทุรายสักพักจึงแน่นิ่งไป
จากนั้นวีสามก็หันมากระชากคอเสื้อดุจดาว เธอร้องให้ ต้อมช่วย วีสี่ซึ่งอ่อนแรงจากการเสียเลือดร้องห้าม "สหายวีสาม อย่าทำคุณดุจดาว"
"ผู้หญิงคนนี้เป็นศัตรูของวีสี่"
"ไม่ใช่ วีสี่ไม่เคยเห็นเค้าเป็นศัตรู ทุกอย่างมันจบแล้ววีสาม อย่าทำร้ายใครอีกเลย"
วีสามมองดุจดาวอย่างอาฆาตก่อนจะผลักเธอออกไป ต้อมช่วยรับไว้พอดี แววตาของต้อมยังคงมีเมตตา ทำให้ดุจดาวรู้สึกสะเทือนใจ "พี่ต้อมช่วยดาวด้วย ดาวไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้ ดาวแค่อยากอยู่รอด ดาวแค่ไม่อยากแพ้ใคร พี่ต้อม พี่ต้อมเข้าใจดาวใช่มั้ย"
อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 15
"พี่เข้าใจ แต่ดาวก็ต้องเข้าใจพี่ด้วย ว่าทุกอย่างที่คุณทำลงไปมันเลวร้ายเกินกว่าที่ใครจะยอมรับได้"
"แต่ว่าตอนนี้ดาวไม่เหลือใครอีกแล้ว พี่ต้อมอย่าทิ้งดาวนะ"
ต้อมมองไปที่วีสี่ซึ่งอ่อนแรงเต็มทนก่อนจะพูดว่า "มันสายไปแล้วดุจดาว โอกาสที่เคยเป็นของคุณ โอกาสทุกอย่างคุณทำมันพังหมดแล้ว"
เหมือนมีก้อนมาจุกที่อก ดุจดาวเสียใจ พลันเสียงไซเรนตำรวจดังใกล้เข้ามา วีสามบอกต้อมว่าเราต้องรีบไป เขาจะติดต่อยานแม่ให้มารับ ต้อมพยักหน้าก่อนจะเข้าไปอุ้มวีสี่
"ฮึบ ตัวเบาขึ้นเยอะเลยนะเรา" ต้อมพูดเล่นให้วีสี่สบายใจ แต่เธอดูอ่อนล้ามาก ต้อมกระซิบบอกว่ามันใกล้จบแล้ว เธอกำลังจะได้กลับบ้าน ทุกอย่างจะต้องลงเอยด้วยดี
ต้อมอุ้มวีสี่เดินนำหน้าวีสามจะออกไป ดุจดาวคร่ำครวญเรียกต้อมอย่าทิ้งเธอไป วีสี่มองหน้าต้อมเหมือนให้โอกาสอีกครั้ง ต้อมจึงพูดชัดเจนว่า "พี่ไม่ได้ทิ้งคุณ ดุจดาว คุณต่างหากที่ทิ้งทุกอย่างเพื่อตัวเอง"
วีสามหันไปมองดุจดาวอย่างสมเพช ดุจดาวเสียใจหลับตารอรับชะตากรรม
ooooooo
รถของโป้งแล่นเข้ามาในซอย โป้งกับลิซ่าช่วยกันมองหาบ้านรัชนี มองไปมองมาเห็นต้อมอุ้มวีสี่มากับวีสาม จึงรีบจอดรถลงไปช่วย เสียงไซเรนตำรวจดังใกล้เข้ามา ต้อมบอกให้ทุกคนรีบไปจากที่นี่...ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวดุจดาวซึ่งเธอรอรับชะตากรรมอยู่แล้ว
บนรถตู้ของโป้ง วีสามให้พลังช่วยรักษาวีสี่ที่เสียเลือดมากขึ้นจนอาการแย่ลง "พลังในตัวผมมีไม่พอ เราต้องรีบหาทางส่งวีสี่กลับไปรักษาตัวที่ยานแม่"
"แล้วยานพ่อเอ๊ย ยานแม่ตอนนี้มันจอดอยู่ที่ไหนล่ะคุณวีสาม ผมจะได้รีบขับไปส่ง"
วีสามพูดกับอุปกรณ์นำร่องขอติดต่อยานแม่ทันที ด้านยานอวกาศ วีหนึ่งกับวีสองได้รับสัญญาณจากวีสาม "ยานแม่รับทราบ ขณะนี้สมาชิกวีหนึ่งกำลังพูด"
"พบตัวสหายวีสี่แล้ว แต่ว่าเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสจำเป็นต้องนำตัวขึ้นยานโดยด่วน"
"สหายวีสาม ขณะนี้ทัศนวิสัยในเมืองแย่มาก เราจะใช้ เครื่องขนย้ายมวลสารได้ก็ต่อเมื่อคุณพาวีสี่มายังพื้นที่โล่งเท่านั้น"
ทุกคนบนรถมองหน้ากันเชิงว่า จะเอาที่โล่งขนาดไหน วีสามจึงบอกว่าขนาดเท่าสนามกีฬา ต้อมนึกได้ว่าที่ใกล้ที่สุดเห็นจะเป็นสวนรถไฟ ขาดคำเสียงไซเรนตำรวจดังขึ้นมาอีก ลิซ่ารีบบอกโป้งให้รีบหนี โป้งเหยียบมิดเร่งเครื่องเต็มกำลัง ต้อมก้มบอกวีสี่ไม่ต้องห่วง เธอจะได้กลับบ้านแล้ว สายตาวีสี่มองต้อมด้วยความอาวรณ์ ต้อมกุมมือวีสี่ วีสามสังเกตเห็นแหวนที่ทั้งสองคนสวมใส่เหมือนกันก็ชักเอะใจ
ด้านรถตำรวจซึ่งดุจดาวนั่งมาด้วย เห็นรถของโป้งก็รีบตามล่า สารวัตรวินัยคว้าวิทยุสื่อสารมาพูด "วอสอง แจ้งบอกอ ทราบแล้วเปลี่ยน ขณะนี้เรากำลังตามล่าตัวผู้ต้องสงสัยในคดีลักพาตัวนางสาววีสี่ ผู้ต้องสงสัยมียานพาหนะเป็นรถตู้สีฟ้ากำลังมุ่งหน้าไปบริเวณรถไฟ รีบส่งกำลังเสริมมาสกัดโดยด่วน"...
ในขณะที่รถแล่นหนีรถตำรวจออกถนนใหญ่ ต้อมถอดนาฬิกาออกจากข้อมือของเขาสวมคืนให้วีสี่ วีสามมองด้วยความแคลงใจจึงถามตรงๆ
"สหายต้อม ตกลงคุณกับวีสี่มีความสัมพันธ์อะไรกันรึเปล่า ทำไมพวกคุณถึงได้ใส่แหวนเหมือนกัน"
ลิซ่าเสียววาบรีบแก้ตัวแทน "เอ่อ คือว่ามันเป็นแฟชั่นฮ่ะคุณวีสาม ชาวโลกก็ทำอะไรเหมือนๆกันแบบนี้ล่ะฮ่ะอย่าคิดมาก"
ต้อมตัดสินใจตอบอย่างลูกผู้ชาย "ไม่ต้องโกหกเค้าหรอกลิซ่า มาถึงขั้นนี้แล้ว บอกความจริงให้เค้ารู้เลยดีกว่า...ผมกับวีสี่เรารักกัน"
"เรื่องจริงเหรอสหายวีสี่ คุณกับชาวโลกลักลอบมีอะไรกัน"
"เราไม่ได้ลักลอบสหายวีสาม เราแต่งงานกันอย่างเปิดเผยตามธรรมเนียมของชาวโลกทุกอย่าง"
"ยกโทษให้ผมด้วยคุณวีสาม ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ แต่ว่าผมกับวีสี่เรารักกันจริงๆ"
"กลับถึงยานแม่เมื่อไหร่ ผมจะรายงานเรื่องนี้กับสหายหัวหน้า"
ลิซ่ากระซิบกับโป้งว่ามนุษย์ต่างดาวหึงเป็นด้วย โป้งถามว่าทำไมมนุษย์ต่างดาวจะอกหักไม่ได้ โป้งเอ็ดลิซ่าให้เงียบเขากำลังใช้สมาธิในการขับรถหนีตำรวจ
ooooooo
อ๊อดได้รับรายงานจากตำรวจ รีบเข้ามาแจ้งให้ สำเริงกับสินทราบว่าตำรวจพบรถพวกต้อมมุ่งหน้าไปทางสวนสาธารณะ สำเริงแปลกใจจะไปทำไมที่นั่น สินจึงบอกให้ตามไปดูเผื่อมีโอกาสจะได้ชิงตัววีสี่กลับมา
อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 15
ตอนที่ 15 (ต่อจากวานนี้)
ด้านวีสามเมื่อจับสัญญาณของวีสี่ได้ก็ดีใจ "จับสัญญาณได้แล้ว อยู่ถัดไปอีก 100 เมตรข้างหน้า"
ต้อมรีบเร่งให้โป้งขับรถไปเร็วๆ วีสามคอยบอกว่าเหลือระยะห่างอีกเท่าไหร่ รถแล่นมาตามถนน นาฬิกาของวีสี่กองอยู่กลางถนน เห็นไฟรถแล่นมาก็ร้องลั่นว่าตายแน่ "อ๊าก...แม่จ๋า นำร่องขอลาก่อน...เออ...ลืมไป ไม่มีแม่นี่หว่า"
รถแล่นใกล้เข้ามาๆแล้วเบรกเอี๊ยดห่างแค่คืบ วีสาม ต้อม โป้ง และลิซ่าลงจากรถมองหาวีสี่ นาฬิการ้องบอกว่าเขาอยู่ตรงนี้ ตรงล้อรถนี่ ต้อมรีบคว้าขึ้นมา
"อุปกรณ์นำร่อง แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้ววีสี่หายไปไหน"
"เสียใจด้วยครับ สหายวีสี่ถูกคนร้ายพาตัวไปแล้ว"
"โธ่แล้วทีนี้เราจะตามหาวีสี่ยังไงล่ะคะ อุปกรณ์นำร่องก็ถูกทิ้งไว้แบบนี้" ลิซ่ากังวล
"ไม่มีปัญหาครับ เพราะก่อนหน้านี้ผมล็อกสัญญาณโทรศัพท์มือถือของพวกมันเอาไว้ สามารถติดตามไปได้ทุกที่"
ต้อมจึงบอกทุกคนให้รีบออกตาม ต้อมเอาอุปกรณ์ นำร่องคาดที่ข้อมือของเขา
ooooooo
มาถึงบ้านของรัชนี สนธยารีบผสมสารเคมีขึ้นมาใหม่ เขาทำด้วยความมั่นใจ "คราวนี้แกเสร็จฉันแน่ นังวีสี่ ฉันจะกลั่นน้ำยาคืนร่างขวดใหม่มาเล่นงานแก เอาแบบเข้มข้นกว่าเดิมยี่สิบเท่า งานนี้อย่าว่าแต่มนุษย์ ต่างดาวตัวจริงเลย ต่อให้คนโดนเข้าไปก็ต้องกลายร่าง"
"ขี้โม้...คนที่ไหนจะกลายเป็นมนุษย์ต่างดาว" วีสี่ซึ่งถูกมัดติดกับเก้าอี้ เบ้ปาก
"นั่นสิ มันจะเป็นไปได้ยังไง" ดุจดาวเห็นด้วย
"จะบอกความจริงให้ก็ได้ น้ำยาที่ผมใช้มันไม่ใช่สารเคมีหรอก แต่มันเป็นดีเอ็นเอของนังวีสี่ ที่ถูกปรับแต่งพันธุกรรมใหม่จนกลายเป็นเหมือนไวรัสต่างหาก ใครก็ตามที่โดนมันเข้าไปก็ต้องกลายร่างเป็นมนุษย์ต่างดาว ทีนี้ต่อให้นังวีสี่มันมีเครื่องมือวิเศษแค่ไหน ก็แปลงร่างกลับเป็นคนอีกไม่ได้
ฮ่าๆๆๆ"...วีสี่กับดุจดาวอึ้ง...
โป้งขับรถมาตามทางบนถนนซึ่งรถติดมาก ต้อมร้อนใจเป็นห่วงวีสี่จึงถามนาฬิกาของวีสี่ที่อยู่บนข้อมือของเขา นาฬิกาหาสัญญาณโทรศัพท์ของสนธยากับดุจดาว จึงรู้ว่าอยู่ในซอยบ้านต้อม ต้อมคิดสักพักนึกออกว่าต้องเป็นบ้านรัชนีแน่ แต่รถติดขนาดนี้จะไปถึงเมื่อไหร่ วีสามจึงบอกว่าเขาจะพาไปเอง ว่าแล้ววีสามก็ลงจากรถจับต้อมพาดบ่าแล้ววิ่งด้วยความเร็วปานจรวด แป๊บเดียวมาถึงหน้าบ้านรัชนี วีสามวางต้อมลง เขามึนงงชี้มือไปในบ้านรัชนี วีสามเดินจ้ำเข้าไปทันที
สนธยาเตรียมรับมือไว้แล้ว วีสี่ถูกมัดติดกับเก้าอี้ขังในห้องนอน วีสามถีบประตูโครมอย่างแมนๆ ประตูตีกลับโขกหน้าต้อมที่เดินตามมาเต็มๆถึงกับมึนงง วีสามช่วยประคอง
ต้อมชี้หน้า "ไอ้สนธยา ปล่อยวีสี่เดี๋ยวนี้"
"เรื่องอะไรจะปล่อยให้โง่ เก่งจริงก็เข้ามาแย่งเองสิวะ"
ต้อมจะลุย วีสามรั้งไว้ เขาก้าวย่างเข้าไปเอง สนธยายิงวีสามด้วยปืนไฟ วีสามหลบอย่างง่ายดาย ดุจดาวยิงปืนใส่ วีสามก็สร้างพลังกันไว้ได้ สนธยาเห็นท่าไม่ดี
"อยู่ไม่ได้แล้วคุณดุจดาว รีบเผ่นก่อนเถอะ" สนธยาคว้าดุจดาววิ่งไปหลังบ้าน
วีสามหันมาจะช่วยวีสี่ที่เห็นนอนบนเตียงมีผ้าคลุมหน้าไว้ ต้อมมองๆเห็นสายไฟต่อจากเตียงจึงร้องเตือนวีสามให้ระวัง แต่ไม่ทัน วีสามจับเตียงถูกไฟช็อตอย่างแรง เขาดิ้นรนจนทรุดฮวบหมดสติไป วีสี่ซึ่งอยู่ในห้องพยายามช่วยตัวเองกระเถิบเก้าอี้ไปหาของมาตัดเชือก
สนธยากับดุจดาวกลับมาหัวเราะอย่างสะใจ "มนุษย์ดาว GEN 45 นึกว่าจะแน่ซะแค่ไหน ที่แท้ก็โง่พอๆกับชาวโลก"
ดุจดาวดึงผ้าคลุมหน้าออก เผยให้เห็นว่าเป็นหุ่นเท่านั้น ต้อมโวยว่าสนธยาเลวมาก วีสี่แค่ต้องการกลับบ้านจะขวางทำไม ดุจดาวหัวเราะร่าตอบแทน
"ถ้าเป็นตอนแรกก็คงไม่อยากขวางหรอกค่ะพี่ต้อม แต่ว่าตอนนี้...ดาวกับคุณสนธยาคงปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้"
"ดุจดาว นี่เธอไปร่วมมือกับสนธยาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ดาวจำเป็นค่ะพี่ต้อม ถ้าดาวเปิดโปงความจริงได้ว่า นังวีสี่เป็นมนุษย์ต่างดาว ดาวก็จะพ้นผิดในคดีลักพาตัวมัน"
"แถมยังจะได้รับคำชมเชยอีกต่างหาก ในฐานะที่กอบกู้ โลกเอาไว้" สนธยาเสริม
ต้อมแปลกใจ "กอบกู้อะไรของแก วีสี่เค้าไม่ได้มีแผนจะทำลายโลก แกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าแกเอาวีสี่ไปไว้ที่ไหน"
พลันต้อมได้ยินเสียงเก้าอี้ล้มในห้องนอนจึงจะเข้าไปดู แต่ถูกดุจดาวกับสนธยาเอาปืนขู่ "อ๊ะๆอย่าซ่านะเว้ยไอ้ต้อม ขนาดเก่งๆอย่างมนุษย์ต่างดาวยังเดี้ยงไปต่อหน้า แล้วคนธรรมดาอย่างแกจะทำอะไรได้"
"อยู่เฉยๆเถอะค่ะพี่ต้อม พวกเราไม่ได้คิดจะฆ่าวีสี่ แค่อยากทำให้มันคืนร่างเดิมเท่านั้นเอง"
สนธยาหันมาดูสารเคมีที่ทำอยู่พบว่ามันกลั่นตัวออกมาบ้างแล้วแต่เหนียวข้นมาก ต้อมฉวยโอกาสแย่งปืนจากดุจดาว ปืนหล่นกระเด็น สนธยาคว้าปืนไฟฟ้ายิงใส่ต้อม แต่
ต้อมหลบทัน ดุจดาวเก็บปืนได้ สนธยาร้องบอกให้ยิง ต้อมมองดุจดาวด้วยสายตาวิงวอน
"พี่ขอเถอะนะดุจดาว อย่ายุ่งกับเรื่องนี้"
ดุจดาวลังเลนิดหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจ "ขอโทษด้วยค่ะพี่ต้อม แต่ดาวไม่มีทางเลือก"
วีสามเริ่มรู้สึกตัว วีสี่ตัดเชือกขาดวิ่งออกมาจากห้อง เห็นดุจดาวกำลังเหนี่ยวไก จึงร้องบอกให้ต้อมระวังพร้อมกับกระโจนเข้ากำบังต้อมเอาไว้ กระสุนเจาะเข้าที่ท้องวีสี่เลือดไหลทะลักออกมาเป็นสีแดง ดุจดาวตกตะลึงเพราะเพิ่งเคยยิงคนเป็นครั้งแรก สนธยารีบถลาไปหยิบสารเคมีที่กลั่นตัวออกมาได้ครึ่งถ้วย
"นังวีสี่ มาได้เวลาพอดี แกเสร็จฉันแน่"
สนธยาถือแก้วสารเคมีเดินเข้าหาวีสี่ ต้อมพุ่งตัวรวบเอวสนธยาผลักไปกระแทกผนัง แต่สนธยาตั้งรับได้ทันเสยเข่าใส่ ต้อมจนจุกแล้วเหวี่ยงต้อมกระเด็นไป เขาเดินมายืนค้ำร่างวีสี่
"นังวีสี่ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้ แกจะต้องเป็นผลงานทดลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน"
สนธยาค่อยๆราดสารเคมีใส่ศีรษะของวีสี่ เธอพยายามยกแขนบัง ต้อมตกใจร้องลั่น สนธยาหัวเราะร่าอย่างผู้ชนะ ดุจดาวกับวีสามตกตะลึง แต่พอวีสี่ลดแขนที่กันไว้ลง กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สนธยาเป็นฝ่ายตกใจบ้าง
"อ้าว!เฮ้ย! ทำไมไม่คืนร่างเดิมวะ ผิวยังเป็นเหมือนเดิม ไม่จริงนี่แกทำได้ไง บอกมาแกใช้วิธีไหน ทำไมแกถึงไม่คืนร่างเดิม"
วีสามโกรธตรงเข้ากระชากสนธยา "แกทำร้ายวีสี่ แกต้องถูกลงโทษ"
สนธยาถูกเหวี่ยงลอยละลิ่วไปบนโต๊ะทดลอง น้ำยาเคมีต่างๆหกราดไปบนตัวเขาจนเขาต้องแผดเสียงร้องโหยหวน ควันพวยพุ่งออกจากร่างเพราะถูกสารเคมีกัดผิวหนัง ต้อมถึงกับเอามือปิดจมูกเพราะเหม็นกลิ่นผิวหนังไหม้ สนธยาดิ้นทุรนทุรายสักพักจึงแน่นิ่งไป
จากนั้นวีสามก็หันมากระชากคอเสื้อดุจดาว เธอร้องให้ ต้อมช่วย วีสี่ซึ่งอ่อนแรงจากการเสียเลือดร้องห้าม "สหายวีสาม อย่าทำคุณดุจดาว"
"ผู้หญิงคนนี้เป็นศัตรูของวีสี่"
"ไม่ใช่ วีสี่ไม่เคยเห็นเค้าเป็นศัตรู ทุกอย่างมันจบแล้ววีสาม อย่าทำร้ายใครอีกเลย"
วีสามมองดุจดาวอย่างอาฆาตก่อนจะผลักเธอออกไป ต้อมช่วยรับไว้พอดี แววตาของต้อมยังคงมีเมตตา ทำให้ดุจดาวรู้สึกสะเทือนใจ "พี่ต้อมช่วยดาวด้วย ดาวไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้ ดาวแค่อยากอยู่รอด ดาวแค่ไม่อยากแพ้ใคร พี่ต้อม พี่ต้อมเข้าใจดาวใช่มั้ย"
อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 15
"พี่เข้าใจ แต่ดาวก็ต้องเข้าใจพี่ด้วย ว่าทุกอย่างที่คุณทำลงไปมันเลวร้ายเกินกว่าที่ใครจะยอมรับได้"
"แต่ว่าตอนนี้ดาวไม่เหลือใครอีกแล้ว พี่ต้อมอย่าทิ้งดาวนะ"
ต้อมมองไปที่วีสี่ซึ่งอ่อนแรงเต็มทนก่อนจะพูดว่า "มันสายไปแล้วดุจดาว โอกาสที่เคยเป็นของคุณ โอกาสทุกอย่างคุณทำมันพังหมดแล้ว"
เหมือนมีก้อนมาจุกที่อก ดุจดาวเสียใจ พลันเสียงไซเรนตำรวจดังใกล้เข้ามา วีสามบอกต้อมว่าเราต้องรีบไป เขาจะติดต่อยานแม่ให้มารับ ต้อมพยักหน้าก่อนจะเข้าไปอุ้มวีสี่
"ฮึบ ตัวเบาขึ้นเยอะเลยนะเรา" ต้อมพูดเล่นให้วีสี่สบายใจ แต่เธอดูอ่อนล้ามาก ต้อมกระซิบบอกว่ามันใกล้จบแล้ว เธอกำลังจะได้กลับบ้าน ทุกอย่างจะต้องลงเอยด้วยดี
ต้อมอุ้มวีสี่เดินนำหน้าวีสามจะออกไป ดุจดาวคร่ำครวญเรียกต้อมอย่าทิ้งเธอไป วีสี่มองหน้าต้อมเหมือนให้โอกาสอีกครั้ง ต้อมจึงพูดชัดเจนว่า "พี่ไม่ได้ทิ้งคุณ ดุจดาว คุณต่างหากที่ทิ้งทุกอย่างเพื่อตัวเอง"
วีสามหันไปมองดุจดาวอย่างสมเพช ดุจดาวเสียใจหลับตารอรับชะตากรรม
ooooooo
รถของโป้งแล่นเข้ามาในซอย โป้งกับลิซ่าช่วยกันมองหาบ้านรัชนี มองไปมองมาเห็นต้อมอุ้มวีสี่มากับวีสาม จึงรีบจอดรถลงไปช่วย เสียงไซเรนตำรวจดังใกล้เข้ามา ต้อมบอกให้ทุกคนรีบไปจากที่นี่...ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวดุจดาวซึ่งเธอรอรับชะตากรรมอยู่แล้ว
บนรถตู้ของโป้ง วีสามให้พลังช่วยรักษาวีสี่ที่เสียเลือดมากขึ้นจนอาการแย่ลง "พลังในตัวผมมีไม่พอ เราต้องรีบหาทางส่งวีสี่กลับไปรักษาตัวที่ยานแม่"
"แล้วยานพ่อเอ๊ย ยานแม่ตอนนี้มันจอดอยู่ที่ไหนล่ะคุณวีสาม ผมจะได้รีบขับไปส่ง"
วีสามพูดกับอุปกรณ์นำร่องขอติดต่อยานแม่ทันที ด้านยานอวกาศ วีหนึ่งกับวีสองได้รับสัญญาณจากวีสาม "ยานแม่รับทราบ ขณะนี้สมาชิกวีหนึ่งกำลังพูด"
"พบตัวสหายวีสี่แล้ว แต่ว่าเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสจำเป็นต้องนำตัวขึ้นยานโดยด่วน"
"สหายวีสาม ขณะนี้ทัศนวิสัยในเมืองแย่มาก เราจะใช้ เครื่องขนย้ายมวลสารได้ก็ต่อเมื่อคุณพาวีสี่มายังพื้นที่โล่งเท่านั้น"
ทุกคนบนรถมองหน้ากันเชิงว่า จะเอาที่โล่งขนาดไหน วีสามจึงบอกว่าขนาดเท่าสนามกีฬา ต้อมนึกได้ว่าที่ใกล้ที่สุดเห็นจะเป็นสวนรถไฟ ขาดคำเสียงไซเรนตำรวจดังขึ้นมาอีก ลิซ่ารีบบอกโป้งให้รีบหนี โป้งเหยียบมิดเร่งเครื่องเต็มกำลัง ต้อมก้มบอกวีสี่ไม่ต้องห่วง เธอจะได้กลับบ้านแล้ว สายตาวีสี่มองต้อมด้วยความอาวรณ์ ต้อมกุมมือวีสี่ วีสามสังเกตเห็นแหวนที่ทั้งสองคนสวมใส่เหมือนกันก็ชักเอะใจ
ด้านรถตำรวจซึ่งดุจดาวนั่งมาด้วย เห็นรถของโป้งก็รีบตามล่า สารวัตรวินัยคว้าวิทยุสื่อสารมาพูด "วอสอง แจ้งบอกอ ทราบแล้วเปลี่ยน ขณะนี้เรากำลังตามล่าตัวผู้ต้องสงสัยในคดีลักพาตัวนางสาววีสี่ ผู้ต้องสงสัยมียานพาหนะเป็นรถตู้สีฟ้ากำลังมุ่งหน้าไปบริเวณรถไฟ รีบส่งกำลังเสริมมาสกัดโดยด่วน"...
ในขณะที่รถแล่นหนีรถตำรวจออกถนนใหญ่ ต้อมถอดนาฬิกาออกจากข้อมือของเขาสวมคืนให้วีสี่ วีสามมองด้วยความแคลงใจจึงถามตรงๆ
"สหายต้อม ตกลงคุณกับวีสี่มีความสัมพันธ์อะไรกันรึเปล่า ทำไมพวกคุณถึงได้ใส่แหวนเหมือนกัน"
ลิซ่าเสียววาบรีบแก้ตัวแทน "เอ่อ คือว่ามันเป็นแฟชั่นฮ่ะคุณวีสาม ชาวโลกก็ทำอะไรเหมือนๆกันแบบนี้ล่ะฮ่ะอย่าคิดมาก"
ต้อมตัดสินใจตอบอย่างลูกผู้ชาย "ไม่ต้องโกหกเค้าหรอกลิซ่า มาถึงขั้นนี้แล้ว บอกความจริงให้เค้ารู้เลยดีกว่า...ผมกับวีสี่เรารักกัน"
"เรื่องจริงเหรอสหายวีสี่ คุณกับชาวโลกลักลอบมีอะไรกัน"
"เราไม่ได้ลักลอบสหายวีสาม เราแต่งงานกันอย่างเปิดเผยตามธรรมเนียมของชาวโลกทุกอย่าง"
"ยกโทษให้ผมด้วยคุณวีสาม ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ แต่ว่าผมกับวีสี่เรารักกันจริงๆ"
"กลับถึงยานแม่เมื่อไหร่ ผมจะรายงานเรื่องนี้กับสหายหัวหน้า"
ลิซ่ากระซิบกับโป้งว่ามนุษย์ต่างดาวหึงเป็นด้วย โป้งถามว่าทำไมมนุษย์ต่างดาวจะอกหักไม่ได้ โป้งเอ็ดลิซ่าให้เงียบเขากำลังใช้สมาธิในการขับรถหนีตำรวจ
ooooooo
อ๊อดได้รับรายงานจากตำรวจ รีบเข้ามาแจ้งให้ สำเริงกับสินทราบว่าตำรวจพบรถพวกต้อมมุ่งหน้าไปทางสวนสาธารณะ สำเริงแปลกใจจะไปทำไมที่นั่น สินจึงบอกให้ตามไปดูเผื่อมีโอกาสจะได้ชิงตัววีสี่กลับมา
อ่านละครย่อเรื่องหวานใจยัยต่างดาว ตอนที่ 15
@^@..อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 4-5
@^@..อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 4-5
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 4
ตอนที่ 4 (ต่อจากวานนี้)
บรรยากาศระอุขึ้นทันทีเมื่อตะวันแนะนำตัวเองและวิไลเลขาออกมาเจอเข้าจังๆ ผู้เป็นย่าที่ไม่ยอมรับตะวันเป็นหลานพูดอย่างดูถูกว่า นึกแล้วว่าวันหนึ่งเธอต้องมาเมื่อรู้ฐานะของพ่อ
เป็นจังหวะที่วิภูกับฟ้าเดินลงมา พอเขาเห็นตะวันเท่านั้นถึงกับตะลึงงัน ฟ้าเองก็มึนเมื่อเห็นคนหน้าเหมือนตนยืนอยู่ตรงหน้า เธอถามย่ากับพ่อว่าคนนั้นเป็นใคร ทำไมหน้าเหมือนตน
"ตะวันคือพี่สาวของลูก" วิภูบอก ฟ้าทั้งตกใจทั้งตื่นเต้นที่เพิ่งรู้ว่าตนมีพี่สาวที่เป็นคู่แฝด เธอเดินเข้าไปหาตะวัน ยืนมองกันอยู่อึดใจเดียว ฟ้าก็โผเข้ากอดตะวันด้วยความดีใจ แต่เพราะความอ่อนเพลียจากการเตรียมงานหมั้นทำให้ฟ้าเป็นลมในอ้อมแขนของตะวัน
เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว วิไลเลขาเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องไปนั่งคุยกัน ถามตะวันว่าต้องการอะไร เสียงแข็งใส่ว่า "ที่นี่ไม่มีอะไรจะให้เธอ เธอกลับไปเสีย"
ฟ้ารู้สึกตัวพอดี เธอขยับเข้าไปหาผู้เป็นย่า อ้อนวอนให้พี่สาวตนอยู่ที่นี่ด้วยเถิด วิภูก็ขอร้องแม่ว่าให้ตะวันอยู่ที่นี่เถิดเพื่อตนจะได้ลบล้างความผิดของตัวเองด้วย
"ไม่! ไม่ได้เด็ดขาด ภูไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่จำเป็นต้องลบล้างอะไรทั้งนั้น"
"วดีเห็นด้วยกับคุณแม่นะคะพี่ภู" ภัทรวดีแทรกขึ้น
ตะวันได้ทีประณามทั้งวิไลเลขาและภัทรวดีว่า คนหนึ่งทำตัวเป็นแม่ผู้บงการชีวิตลูกชาย อีกคนก็ใจร้ายใจดำอำมหิตทำได้ทุกอย่างเพราะต้องการเป็นเจ้าของผู้ชาย ทำให้วิไลเลขาโกรธจนหน้ามืด ด่าตะวันและไล่ให้ออกจากบ้านตนไปเดี๋ยวนี้ สั่งวิภูก่อนลุกขึ้นข้างบนไปอย่างเดือดดาลว่า
"จัดการเรื่องลูกเหลือเศษของภูให้เรียบร้อย ตอนแม่ ลงมาทานอาหารกลางวันคงไม่เจอใครแปลกหน้าอยู่ในบ้านหลังนี้แล้วนะ"
ฟ้างุนงงกับเรื่องราวที่รุนแรงนี้ เมื่ออยู่กันตามลำพังพ่อลูก เธอขอให้พ่อเล่าให้ฟังว่า ทำไมตะวันจึงไม่ได้อยู่บ้านนี้กับตนตั้งแต่เด็ก
ooooooo
@^@..อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 4-5
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 5
ตอนที่ 5
วิภูเล่าเรื่องในอดีตให้ฟ้าฟังต่อหน้าตะวันและดนัย เขายอมรับว่าเขาทำผิดกับแขไข เชื่อว่าแขไขไม่ได้มีชู้อย่างที่ถูกใส่ร้าย แต่ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้จะไปตามหาเธอที่ไหนแล้ว ได้แต่รู้สึกผิดติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้
แม้วิภูจะถูกตะวันกระแนะกระแหนเสียดสีอย่างเจ็บแสบ เพราะแค้นใจแทนแม่ แต่เขาก็ไม่โกรธ ขอร้องให้ตะวันมาอยู่ ด้วยกันเสียที่นี่ ส่วนคำสั่งของย่านั้นตนจะจัดการเอง
ในที่สุดตะวันเปลี่ยนใจยอมมาอยู่ด้วย แต่มีข้อแม้ว่าต้องให้เพื่อนของตนคือดนัยมาอยู่ด้วย
เมื่อวิไลเลขารู้เรื่องตอนลงมาทานอาหารกลางวันก็เอะอะโวยวาย หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมให้ตะวันมาอยู่ที่นี่ แต่ด้วยการอ้อนวอนของฟ้าทำให้วิไลเลขายอมอ่อนข้อให้อย่างเสียไม่ได้
วิภูดีใจมาก เร่งตะวันให้รีบไปเก็บเสื้อผ้าเข้ามาอยู่ที่นี่จะได้ไม่ค่ำเกินไป
"ดิฉันจะมาเช้าวันพรุ่งนี้ค่ะ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็สวัสดี พรุ่งนี้เจอกัน" ตะวันเอ่ยลา ยกมือไหว้วิภูกับวิไลเลขาและยิ้มให้ฟ้า แต่ไม่แม้แต่จะมองหน้าภัทรวดี ทำให้ภัทรวดียิ่งเจ็บใจ
ระหว่างเดินออกจากบ้านปัญญารักษ์ ดนัยถามตะวันว่าคิดดีแล้วหรือ ถ้าแขไขรู้จะว่าอย่างไร
"แม่ไม่รู้หรอก ถ้าตะวันไม่พูด ดนัยไม่พูด แม่จะรู้ได้
ยังไง" ย้ำกับดนัยว่า แม่ไม่อยากให้ตนทำอะไรอย่างนี้ก็ให้ถือเสียว่าเป็นการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเองก็แล้วกัน
ที่เชียงใหม่ จู่ๆแขไขก็ตากระตุกขึ้นมา เธอเปรยๆกับโอภาสว่าไม่รู้ใครบ่นถึง จะเป็นตะวันหรือเปล่า ว่าแล้วก็ลุกไปโทร.หาตะวันทันใจ ถามไถ่เรื่องราวที่กรุงเทพฯด้วยความเป็นห่วง ทั้งเรื่องงาน เรื่องความเป็นอยู่ อดเลียบเคียงถามไม่ได้ว่าแล้วตะวันไปไหนบ้างหรือเปล่า
ตะวันจำเป็นต้องปดแม่เพื่อให้สบายใจ โดยเฉพาะเรื่องที่ไปบ้านปัญญารักษ์ เจอพ่อเจอน้อง และตัดสินใจจะไปอยู่ที่บ้านนั้น เธอปิดเงียบจนแขไขไม่ติดใจ และรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อรู้ข่าวลูก
ooooooo
ภัสสรยังทำใจไม่ได้กับการกระทำของภาคิน เชื่อว่าภาคินไม่ได้เป็นอะไร ติดอยู่ที่ยังตามตัวไม่เจอเลยไม่รู้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหน
ที่จริงภาคินไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มีเรื่อง แต่เขาถูกภัทรมนมอมเหล้าใส่ยานอนหลับจนไม่ได้สติ กว่าจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็สายไปแล้ว เขาตกใจเสียใจที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เป็นต้นเหตุทำให้ผู้ใหญ่เสียหน้าและฟ้าต้องเสียใจ
"ผิดไปแล้วล่ะค่ะ" ภัทรมนหัวเราะขำๆ "เรื่องผู้ใหญ่ เสียหน้าอาจจะใช่ แต่ยายฟ้าไม่ได้เสียใจเลย ตอนมนออกมาจากบ้าน มนยังเห็นยายฟ้าควงหนุ่มเดินลอยหน้าอยู่หน้าบ้านเลย หาผู้ชายมาทดแทนได้เร็วจนมนตกใจ" ภัทรมนเล่าที่เธอเห็นตะวันเป็นฟ้าที่หน้าบ้าน
ภาคินฟังแล้วหน้าตึงขึ้นมา บอกภัทรมนว่าถ้าเป็นจริงอย่างนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องหลบเพราะว่า "ผมผิด ฟ้าก็ผิด หายกัน เรากลับดีกว่า ผมทำเรื่องใหญ่หนีหมั้น ฟ้าทำเรื่องใหญ่พาผู้ชายเข้าบ้าน"
"เรื่องของยัยฟ้าใหญ่สำหรับคิน แต่เรื่องที่คินทำเสียหายกับทุกคนเลยนะคะ" ภัทรมนขู่
ภาคินฟังแล้วหน้าเสีย พอเธอถามว่า อย่างนี้ยังคิดจะกลับบ้านอีกไหม เขาถอนใจอย่างยอมจำนน ทั้งคู่จึงยังคงหลบไปสำเริงสำราญกันที่ชะอำตามเดิม ภัทรมนแอบยิ้มอย่างสมใจกับแผนการของตน
ooooooo
เมื่อตะวันตกลงจะมาอยู่ที่บ้านปัญญารักษ์แล้ว ฟ้าดีใจมาก เป็นคนดูแลจัดห้องพักให้ตะวันเอง เธอร่าเริงแจ่มใสจนวิภูบอกว่า พ่อดีใจที่ลูกทำใจเรื่องงานหมั้นเมื่อเช้าได้
"ฟ้ารู้สึกเสียหน้ามากกว่าค่ะพ่อ ไม่ได้เสียใจ รอดพ้นจากผู้ชายที่ไม่ได้รักแล้วได้มาเจอกับพี่สาวแท้ๆที่ฟ้ารอคอยมาทั้งชีวิต ยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่อีกนะคะ" ฟ้าพูดอย่างร่าเริงแจ่มใส
"เจอพี่สาวไม่เท่าไหร่ พูดเก่งขึ้นเยอะเลยนะเรา" วิภูหยอกฟ้าอย่างมีความสุขเช่นกัน
ฟ้าเป็นคนพาตะวันไปที่ห้อง พอตะวันเห็นห้องจัดอย่างสวยหรูก็ทำหน้าแหยๆ ฟ้าถามว่าไม่ชอบหรือ ตะวันบอกว่าสวยหรูดูดีสมกับเป็นห้องคุณหนูลูกสาวท่านเศรษฐี ฟังแล้วฟ้าเป็นฝ่ายหน้าเสีย ถามว่าพูดประชดหรือ ตะวันรีบบอกน้องสาวว่า ไม่ได้ประชด พูดจริงๆ สวยดี และตนชอบ ทำให้ฟ้าดีใจมาก
พอเห็นห้องตัวเองแล้วตะวันก็นึกถึงดนัยว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะภัทรวดีกับสายหยุดสาวใช้ใกล้ชิดเป็นคนพาไปดูห้อง ทั้งสองพูดกระแนะกระแหนประชดประชันดนัยไปตลอดทางเกือบทุกเรื่องจนกระทั่งพูดเหยียดหยันว่า
"ถือว่าโชคดีมีบุญเพราะผู้หญิงนะ นี่ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกับยัยตะวัน อย่าหวังเลยว่าจะเข้ามาเหยียบในบ้านปัญญารักษ์ได้"
ตะวันไปได้ยินพอดีเลยเดินแกว่งเข้าไปอย่างกวนประสาท ซ้ำยังเรียกภัทรวดีว่าป้าอีกด้วย ภัทรวดีรับไม่ได้ ตวาดถามว่า เรียกใครว่าป้า
"พูดกับลูกเลี้ยงให้มันนุ่มนวลหน่อยสิคะ คุณแม่เลี้ยง" ตะวันเดินไปหาดนัยแล้วหันขวับมาบอกภัทรวดีว่า "ขอบอกอีกครั้งแล้วช่วยจำให้แม่นๆด้วยว่า นัยเป็นเพื่อนฉัน ไม่ใช่แฟน"
ภัทรวดียังตะแบงจะให้ดนัยเป็นแฟนกับตะวันให้ได้ ตะวันคร้านที่จะโต้เถียงด้วยเลยบอกดนัยให้เอากระเป๋าเข้าไปเก็บ แล้วไปเดินสำรวจบ้านกันดีกว่า
เมื่อภัทรวดีออกมากับสายหยุดก็สบถอย่างหงุดหงิดว่า "นังตะวันนี่มันแสบจริงๆ แต่ยังไงฉันก็ต้องจัดการมันทั้งคู่" แล้วบอกสายหยุดว่าตอนนี้ภัทรมนไปต่างจังหวัดกับเพื่อนฉะนั้นสายหยุดต้องช่วยตน
สายหยุดยิ้มหน้าบานที่จะได้เลื่อนขั้นเป็นคนใกล้ชิดเข้าไปอีกระดับหนึ่ง
ooooooo
รุ่งขึ้น ตะวันกับดนัยพากันรีบเดินจะออกไปทำงาน วิภูขับรถมาพอดี จอดรถชวนลูกสาวขึ้นจะพาไปส่ง ตะวันปฏิเสธอย่างเย็นชา ซ้ำยังแสดงท่าทีห่างเหินไม่ยอมเรียกวิภูว่าพ่อด้วยซ้ำ จนวิภูแอบถอนใจ
ตะวันไปถึงบริษัทของศักดา เลขาฯของศักดาต้อนรับด้วยความกระตือรือร้น และขอเรียกเธอว่าตะวันด้วยคน เลขาฯพาตะวันเข้าไปที่โต๊ะทำงานซึ่งจัดไว้ให้แล้ว
ศักดาเอาแฟ้มเอกสารส่งให้ตะวัน บอกว่านี่เป็นรายละเอียด ข้อมูลของลูกค้าที่เราจะวางแผนการโฆษณาและทำโฆษณาให้เขา ให้ตะวันเอาไปศึกษาก่อน อีกชั่วโมงหนึ่งเราจะประชุมกับลูกค้า
ตะวันรับงานอย่างมั่นใจ ศักดาเห็นความเอาการเอางานแล้วชมว่าเยี่ยม
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ตะวันเข้าไปที่ห้องประชุม เห็นมีคนนั่งอยู่คนเดียว พอเขาหันมาเป็นภากรนั่นเอง เขาทักทายและมองเธออย่างเอ็นดูเมื่อเห็นเธอชะงักลังเล แล้วขอออกไปรอข้างนอกดีกว่า
"อ้าว...ทำไมล่ะ หรือว่าเขินที่ต้องอยู่กับผมตามลำพัง" ภากรเริ่มหยอกอีกแล้ว
ตะวันไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครอยู่แล้ว เลยเกิดเล่นลิ้นโต้เถียงกัน อีกฝ่ายฉุนๆงอนๆ ในขณะที่อีกฝ่ายตั้งหน้าตั้งตาหยอกยั่วเหมือนชอบเห็นอากัปกิริยาแบบนั้น
ครู่หนึ่งศักดาเข้ามาพร้อมกับเลขาฯ เขาทันได้เห็นอากัปกิริยาของทั้งคู่ ศักดากระเซ้าเพื่อนว่า
"นี่ถ้าพิมพ์มาเห็นนายตอนนี้นะกร...งานเข้าแหงๆเลยว่ะ"
ภากรทำเป็นไม่สนใจ มองหน้าเพื่อนแวบหนึ่งแล้วก้มดูเอกสารตรงหน้า
ooooooo
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 5
ตอนที่ 5
วันเดียวกัน พิมพ์นภัสนัดแจนเพื่อนรักไปกินอาหารกัน เธอไปช้ากว่าเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมงเลยถูกแจนแซวว่า คิดว่ากำลังปลอบใจว่าที่แม่สามีอยู่
พิมพ์นภัสไม่รู้เรื่องที่เกิดที่บ้านปัญญารักษ์ พอแจน เล่าให้ฟังว่าภาคินหนีงานหมั้น พิมพ์นภัสตกใจถามว่าจริงหรือ แล้วเบ้หน้าบอกว่าคนอย่างภาคินทำได้อยู่แล้ว เพราะไม่มีความรับผิดชอบเอาเสียเลย
แจนถามว่าภากรกับภาคินเป็นพี่น้องกัน เธอไม่กลัวภากรจะเป็นแบบภาคินบ้างหรือ
พิมพ์นภัสเชื่อว่าภากรไม่เป็นอย่างภาคินแน่ แต่พอฟังแจนพูดมากเข้าก็ชักหวั่นไหว ถามว่าแล้วจะให้ตนทำอย่างไรหรือว่า "ฉันควรจะรวบหัวรวบหางพี่กรเลยหรือ"
"แล้วจะปล่อยไว้ทำไมล่ะ และที่สำคัญอย่าช้า" แจนยุทำให้พิมพ์นภัสร้อนใจคิดวางแผนบางอย่าง
ooooooo
งานที่ตะวันได้รับเป็นงานที่ให้ดูแลโปรเจกต์คอนโดฯอุ่นใจของภากร ศักดาบอกว่าให้เธอทำเต็มที่ให้เป็นงานมาสเตอร์พีซเลย ตนจะคอยเป็นพี่เลี้ยงให้เอง
หลังจากศักดามอบงานแล้ว ภากรหยอดท้ายว่า
"อย่าทำให้ผมผิดหวังนะครับคุณตะวัน"
"ฉันจะพยายามแล้วกันค่ะ" ตะวันแอบค้อนนิดๆเพราะอยู่ต่อหน้าทุกคนในที่ประชุม
ประชุมเสร็จ ภากรชวนว่าบ่ายโมงแล้วไปทานข้าวด้วยกันดีไหม ตะวันปฏิเสธทันที เขาถามหยอกว่าเธอไม่ทานข้าวกลางวันหรือ ตะวันตอบชัดถ้อยชัดคำว่า
"ทานค่ะ แต่ไม่ทานกับคุณ"
ศักดาเดินตามออกมาพอดี ภากรบอกว่าเย็นนี้ให้พาครีเอทีฟคนใหม่ของเขาไปดูคอนโดฯของตนหน่อย เสร็จแล้วจะพาไปเลี้ยงข้าว พูดแล้วผละไป ย้ำว่าเย็นนี้ค่อยเจอกัน
ooooooo
ตกเย็นเมื่อพากันไปดูคอนโดฯ ตะวันเอาโมเดลคอนโดฯให้ศักดาดูพลางเล่าแผนงานให้ฟังว่า
"ตะวันอยากให้ลูกค้ารู้ว่าคอนโดฯอุ่นใจแตกต่างจากคอนโดฯอื่นๆ มีความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ไม่ใช่แค่ที่พักอาศัย แต่อบอุ่นเหมือนบ้าน ดีไหมคะ"
"ดี... ดีมากเลย" เสียงตอบอยู่ริมหูตัวเอง ทำให้ตะวันตกใจหันมอง กลายเป็นภากรมายืนชิดก้มดูจนหน้าเกือบติดกัน เธอพยายามระงับอารมณ์ถามว่าแล้วศักดาหายไปไหน
"โน่นไง" ภากรชี้ให้ดูศักดาที่กำลังคุยอยู่กับพนักงานขายของภากร เสร็จแล้วศักดาเดินกลับมาบอกว่า เดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกัน ตะวันทำท่าจะบ่ายเบี่ยง ถูกศักดาดักคอว่า
"ห้ามปฏิเสธ วันนี้มีเจ้ามือ ต้องถล่มใช่ไหม" ประโยคหลังศักดามองหน้าภากร เมื่อภากรบอกว่าไม่มีปัญหา ศักดาชวนไปกันเลย พลางเดินนำไป
"เชิญครับ" ภากรผายมือให้ตะวันแบบขี้เล่น ซ้ำทำหน้ากรุ้มกริ่มให้ด้วย
"เจ้าเล่ห์" ตะวันด่าพึมพำแล้วเดินไป ภากรยิ้มชอบใจเดินตามไปอย่างครึ้มอกครึ้มใจ
ปรากฏว่านั่งกินกันไม่ทันไร พิมพ์นภัสก็เดินอ้าวเข้ามา ศักดาทักว่ามาทานที่นี่เหมือนกันหรือ บังเอิญจริงๆ พิมพ์นภัสสวนไปว่า "เปล่า ไม่ได้บังเอิญค่ะ พิมพ์ตั้งใจมาหาพี่กร"
"มีอะไรหรือเปล่า" ภากรถาม
"คนเป“นแฟนกันต้องมีเรื่องด้วยเหรอคะถึงจะเจอกันได้" พูดแล้วปรายตาไปทางตะวัน ถามว่า "เนื่องในโอกาสอะไรคะ ถึงมาทำทานเทกระจาดแถวนี้"
"โอกาสอุทิศส่วนบุญให้ผีเร่ร่อน เที่ยวหลอกหลอนไล่ต้อนผู้ชาย จะได้ไปผุดไปเกิดเสียที" ตะวันสวนไปทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด
เลยกลายเป็นการโต้เถียงเชือดเฉือนกันของสองสาว พิมพ์นภัสกรี๊ดกร๊าดโวยวายประสาคนเอาแต่ใจตัว ครั้นศักดาห้ามก็ถูกหาว่าเข้าข้างตะวัน สุดท้ายพิมพ์นภัสยื่นคำขาดว่า
"พิมพ์ให้อภัย ไม่ลดตัวลงไปเอาเรื่องกับมันก็ได้ค่ะ แต่พี่กรต้องไปงานเปิดผับใหม่กับพิมพ์"
ภากรถามว่าเมื่อไหร่ เธอบอกว่าตอนนี้ ภากรตอบตกลงทันทีเรื่องจะได้จบๆเสียที ตะวันเห็นความบ้อท่าของภากรก็เบ้ปากอย่างหมั่นไส้
ooooooo
หลังอาหาร ตะวันจะกลับไปทำงานต่อ ศักดากลัวที่บ้านเธอเป็นห่วงบอกให้โทร.ไปบอกที่บ้านก่อน เธอบอกเขาว่าไม่มีใครเป็นห่วงตนหรอก เพราะเขาเชื่อว่า ดูแลตัวเองได้ ศักดาพูดอย่างชื่นชมว่า ผู้หญิงยุคใหม่มันต้องอย่างนี้ ไม่รังแกใครแต่ไม่ยอมให้ใครรังแก
"ป่านนี้นายกรจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้" ศักดาบ่นถึงเพื่อนที่ถูกพิมพ์นภัสมาฉกไปกลางคัน
ผับเปิดใหม่เป็นของวิทย์คนรักของแจนนั่นเอง เมื่อมาต้อนรับทักทายกันแล้ว วิทย์ถามภากรกับพิมพ์นภัส แซวๆว่า เมื่อไรจะมีข่าวดี
"พิมพ์พร้อมรออยู่แล้วค่ะ พี่กรมาขอเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น" พิมพ์นภัสตอบอย่างกระตือรือร้น แจนปรายตามองเพื่อนอย่างรู้กันแล้วขอตัวลุกไป พิมพ์นภัสหันมารุกภากรต่อหน้าวิทย์อีก "ว่าไงคะ พี่กร บอกต่อหน้าพี่วิทย์ พิมพ์จะได้มีพยานเวลาพี่กรคิดจะเบี้ยวไม่แต่งกับพิมพ์"
"สงสัยจะโดนพิมพ์ต้อนแล้วล่ะครับคุณกร" วิทย์ กระเซ้า ภากรเพียงแต่ยิ้มนิดๆเท่านั้น
ที่แท้แจนสมคบกับพิมพ์นภัสมอมยาภากร เธอขอตัวไปเอาไวน์มาให้ทั้งสอง แก้วของภากรมียานอนหลับผสมอยู่ พอเอาไวน์มาก็มองตาอย่างรู้กันกับบ๋อยว่าแก้วไหนให้ใคร
ภากรดื่มไวน์ไปครู่เดียวก็รู้สึกง่วงมาก พิมพ์นภัสกระซิบข้างหูชวนกลับ ภากรพยักหน้ามึนๆ จากนั้นพิมพ์นภัสก็เอามือภากรพาดไหล่ตัวเองพากันออกไป โดยมีแจนชูแก้วเหล้าอวยพรเพื่อนข้างหลัง
ooooooo
ตะวันทำงานต่อจนดึก ศักดาเตือนให้กลับบ้านได้แล้ว เขาอาสาจะไปส่ง ตะวันเกรงใจแต่ก็ยอมให้ไปส่ง ตกลงกันว่าส่งแค่ครึ่งทางก็พอเพื่อศักดาจะได้ไม่ต้องอ้อมไปอ้อมมา เธอลงจากรถศักดาแล้วนั่งแท็กซี่ต่อ
แท็กซี่รับสาวสวยมากลางดึกก็ลอบมองอย่างหื่นๆ
ไปได้ครู่เดียวรถก็ติดไฟแดง ตะวันมองไปนอกรถ จ๊ะเอ๋เข้ากับรถของพิมพ์นภัสที่มาจอดข้างๆพอดี เธอเห็นภากรนั่งพิงพนักเก้าอี้คอพับคออ่อนลักษณะเหมือนไม่ได้สติ ซ้ำพิมพ์นภัสยังเอื้อมมือมาลูบไล้ใบหน้าเขาอย่างเสน่หาด้วยเลยเอะใจ
ตะวันให้แท็กซี่ตามรถของพิมพ์นภัสไป ปรากฏว่ารถคันนั้นเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูด แท็กซี่คันนั้นขับตามไปอย่างกระหยิ่ม แท็กซี่ถามว่าผู้ชายในรถคันนั้นผัวเธอหรือ เมื่อตะวันบอกว่าไม่ใช่ มันเดาว่าเป็นกิ๊กแน่ๆเลย แล้วตั้ง
ข้อสังเกตว่าท่าทางเหมือนถูกมอมยา
พอรถของพิมพ์นภัสเลี้ยวเข้าซองห้องม่านรูด พิมพ์นภัสเรียกบ๋อยให้มาช่วยประคองภากรเข้าไปในห้อง ตะวันตามมาถึงพอดีแหวกม่านแอบดู คนขับแท็กซี่ถามว่าไปแอบดูเขาทำไม เราไปสนุกกันดีกว่า แล้วมันก็บังคับพาตะวันเข้าอีกห้องหนึ่ง
ตะวันไม่ตกใจ เธอตั้งสติแล้วเล่นงานแท็กซี่อย่างรุนแรง พอเจอของจริงเข้าแบบนี้มันเลยเปิดอ้าวหนีไปก่อนที่มันจะถูกตะวันเอามีดเสียบพุง
พอแท็กซี่หนีไป ตะวันรีบออกจากห้องไปเคาะประตูห้อง ที่พิมพ์นภัสพาภากรเข้าไป เคาะอยู่นานพิมพ์นภัสจึงเปิดประตูออกมาตวาดถาม
"จะบ้ารึไง เคาะอยู่ได้"
พอเห็นเป็นตะวัน พิมพ์นภัสตกใจจะปิดประตู แต่ถูกตะวันยันไว้แล้วเบียดตัวเข้าไป
ตะวันด่าพิมพ์นภัสว่าจะบ้าหรืออย่างไรถึงได้มอมยาผู้ชายพาเข้าโรงแรม พิมพ์นภัสด่าสวนไปตามเคยว่า นังโชห่วย นังมารบ้า มายุ่งอะไรกับเรื่องของตน ไล่ให้ออกจากห้อง ตะวันไม่ยอมออก เพราะไม่อยากเห็นผู้ชายคนนี้ต้องเสียท่ากับ ลูกไม้ตื้นๆของผู้หญิงอย่างเธอ
พิมพ์นภัสเงื้อมือจะตบ ถูกตะวันจับมือค้างไว้กลางอากาศ ขู่ว่าถ้าจะเล่นกันแบบนี้ก็ได้ พรุ่งนี้จะได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ทำให้พิมพ์นภัสตกใจยอมเป็นฝ่ายถอย แต่อาฆาตว่า
"ฝากไว้ก่อนเถอะ ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้แกแย่งผู้ชายคนนี้ไปจากฉันแน่ๆ"
ooooooo
ด้วยความรักและเห่อพี่สาว ฟ้าตั้งอกตั้งใจเข้าครัวทำอาหารต้อนรับพี่สาวกลับมากินข้าวเย็นด้วยกัน แต่คอยแล้วคอยเล่าตะวันก็ไม่กลับมาเสียที
ระหว่างรอตะวันนั้น น้อยสาวใช้วัยรุ่นที่ไปคอยตะวันอยู่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกฟ้าว่า
"มาแล้วค่ะมาแล้ว"
ฟ้าดีใจว่าตะวันกลับมาแล้ว วิ่งอ้าวออกไปรับ แต่ที่แท้ กลายเป็นดนัยกำลังเดินมาเลยชนกันเข้าอย่างจัง
ดนัยตกใจที่ชนฟ้าจะล้ม เขาคว้าตัวเธอไว้ทัน เลยกลายเป็นใกล้ชิดเหมือนตระกองกอดกัน ฟ้าใจคอสั่นไหวเพราะไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายขนาดนี้ เธอรีบบอกดนัย "ปล่อยได้แล้วค่ะ ฉันยืนได้แล้ว"
ดนัยรีบขอโทษ ถามฟ้าว่าตะวันยังไม่กลับหรือ ฟ้าเลยงง น้อยรีบเข้าไปบอกว่า ที่ตนเรียกฟ้านั้นหมายถึงดนัยมาแล้ว ดนัยถามว่ามีอะไรหรือเปล่า ฟ้าบอกว่าไม่มี แต่น้อยบอกว่า
"คุณฟ้าเธอทำอาหารเย็นเตรียมให้คุณตะวันน่ะค่ะ"
ดนัยรู้สึกดีที่ฟ้ามีแก่ใจทำอาหารให้พี่สาว จนเวลาผ่านไปนานมาก ฟ้าก็ยังนั่งรอตะวันอยู่ที่โต๊ะอาหาร ดนัยเข้ามาบอกอย่างเห็นใจว่า ตะวันอาจติดงานเธอทานก่อนดีกว่า
"แล้วคุณล่ะคะ ทานรึยัง ทานด้วยกันนะคะ ฉันไม่อยากทานคนเดียว" ฟ้าชวน ดนัยนึกกังวล ถามว่าคุณพ่อกับคุณย่าเธอไม่อยู่หรือ ฟ้าบอกว่าไปงานเลี้ยงกันหมด แล้วชวนอีก "ทานด้วยกันนะคะ แล้วถ้าไม่รังเกียจ เล่าเรื่องพี่ตะวันให้ฉันฟังบ้างก็ได้ค่ะ"
"ได้ครับ" ดนัยมองฟ้าอย่างเอ็นดูความใสซื่อของเธอ
ooooooo
@^@..อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 4-5
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 4
ตอนที่ 4 (ต่อจากวานนี้)
บรรยากาศระอุขึ้นทันทีเมื่อตะวันแนะนำตัวเองและวิไลเลขาออกมาเจอเข้าจังๆ ผู้เป็นย่าที่ไม่ยอมรับตะวันเป็นหลานพูดอย่างดูถูกว่า นึกแล้วว่าวันหนึ่งเธอต้องมาเมื่อรู้ฐานะของพ่อ
เป็นจังหวะที่วิภูกับฟ้าเดินลงมา พอเขาเห็นตะวันเท่านั้นถึงกับตะลึงงัน ฟ้าเองก็มึนเมื่อเห็นคนหน้าเหมือนตนยืนอยู่ตรงหน้า เธอถามย่ากับพ่อว่าคนนั้นเป็นใคร ทำไมหน้าเหมือนตน
"ตะวันคือพี่สาวของลูก" วิภูบอก ฟ้าทั้งตกใจทั้งตื่นเต้นที่เพิ่งรู้ว่าตนมีพี่สาวที่เป็นคู่แฝด เธอเดินเข้าไปหาตะวัน ยืนมองกันอยู่อึดใจเดียว ฟ้าก็โผเข้ากอดตะวันด้วยความดีใจ แต่เพราะความอ่อนเพลียจากการเตรียมงานหมั้นทำให้ฟ้าเป็นลมในอ้อมแขนของตะวัน
เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว วิไลเลขาเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องไปนั่งคุยกัน ถามตะวันว่าต้องการอะไร เสียงแข็งใส่ว่า "ที่นี่ไม่มีอะไรจะให้เธอ เธอกลับไปเสีย"
ฟ้ารู้สึกตัวพอดี เธอขยับเข้าไปหาผู้เป็นย่า อ้อนวอนให้พี่สาวตนอยู่ที่นี่ด้วยเถิด วิภูก็ขอร้องแม่ว่าให้ตะวันอยู่ที่นี่เถิดเพื่อตนจะได้ลบล้างความผิดของตัวเองด้วย
"ไม่! ไม่ได้เด็ดขาด ภูไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่จำเป็นต้องลบล้างอะไรทั้งนั้น"
"วดีเห็นด้วยกับคุณแม่นะคะพี่ภู" ภัทรวดีแทรกขึ้น
ตะวันได้ทีประณามทั้งวิไลเลขาและภัทรวดีว่า คนหนึ่งทำตัวเป็นแม่ผู้บงการชีวิตลูกชาย อีกคนก็ใจร้ายใจดำอำมหิตทำได้ทุกอย่างเพราะต้องการเป็นเจ้าของผู้ชาย ทำให้วิไลเลขาโกรธจนหน้ามืด ด่าตะวันและไล่ให้ออกจากบ้านตนไปเดี๋ยวนี้ สั่งวิภูก่อนลุกขึ้นข้างบนไปอย่างเดือดดาลว่า
"จัดการเรื่องลูกเหลือเศษของภูให้เรียบร้อย ตอนแม่ ลงมาทานอาหารกลางวันคงไม่เจอใครแปลกหน้าอยู่ในบ้านหลังนี้แล้วนะ"
ฟ้างุนงงกับเรื่องราวที่รุนแรงนี้ เมื่ออยู่กันตามลำพังพ่อลูก เธอขอให้พ่อเล่าให้ฟังว่า ทำไมตะวันจึงไม่ได้อยู่บ้านนี้กับตนตั้งแต่เด็ก
ooooooo
@^@..อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 4-5
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 5
ตอนที่ 5
วิภูเล่าเรื่องในอดีตให้ฟ้าฟังต่อหน้าตะวันและดนัย เขายอมรับว่าเขาทำผิดกับแขไข เชื่อว่าแขไขไม่ได้มีชู้อย่างที่ถูกใส่ร้าย แต่ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้จะไปตามหาเธอที่ไหนแล้ว ได้แต่รู้สึกผิดติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้
แม้วิภูจะถูกตะวันกระแนะกระแหนเสียดสีอย่างเจ็บแสบ เพราะแค้นใจแทนแม่ แต่เขาก็ไม่โกรธ ขอร้องให้ตะวันมาอยู่ ด้วยกันเสียที่นี่ ส่วนคำสั่งของย่านั้นตนจะจัดการเอง
ในที่สุดตะวันเปลี่ยนใจยอมมาอยู่ด้วย แต่มีข้อแม้ว่าต้องให้เพื่อนของตนคือดนัยมาอยู่ด้วย
เมื่อวิไลเลขารู้เรื่องตอนลงมาทานอาหารกลางวันก็เอะอะโวยวาย หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมให้ตะวันมาอยู่ที่นี่ แต่ด้วยการอ้อนวอนของฟ้าทำให้วิไลเลขายอมอ่อนข้อให้อย่างเสียไม่ได้
วิภูดีใจมาก เร่งตะวันให้รีบไปเก็บเสื้อผ้าเข้ามาอยู่ที่นี่จะได้ไม่ค่ำเกินไป
"ดิฉันจะมาเช้าวันพรุ่งนี้ค่ะ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็สวัสดี พรุ่งนี้เจอกัน" ตะวันเอ่ยลา ยกมือไหว้วิภูกับวิไลเลขาและยิ้มให้ฟ้า แต่ไม่แม้แต่จะมองหน้าภัทรวดี ทำให้ภัทรวดียิ่งเจ็บใจ
ระหว่างเดินออกจากบ้านปัญญารักษ์ ดนัยถามตะวันว่าคิดดีแล้วหรือ ถ้าแขไขรู้จะว่าอย่างไร
"แม่ไม่รู้หรอก ถ้าตะวันไม่พูด ดนัยไม่พูด แม่จะรู้ได้
ยังไง" ย้ำกับดนัยว่า แม่ไม่อยากให้ตนทำอะไรอย่างนี้ก็ให้ถือเสียว่าเป็นการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเองก็แล้วกัน
ที่เชียงใหม่ จู่ๆแขไขก็ตากระตุกขึ้นมา เธอเปรยๆกับโอภาสว่าไม่รู้ใครบ่นถึง จะเป็นตะวันหรือเปล่า ว่าแล้วก็ลุกไปโทร.หาตะวันทันใจ ถามไถ่เรื่องราวที่กรุงเทพฯด้วยความเป็นห่วง ทั้งเรื่องงาน เรื่องความเป็นอยู่ อดเลียบเคียงถามไม่ได้ว่าแล้วตะวันไปไหนบ้างหรือเปล่า
ตะวันจำเป็นต้องปดแม่เพื่อให้สบายใจ โดยเฉพาะเรื่องที่ไปบ้านปัญญารักษ์ เจอพ่อเจอน้อง และตัดสินใจจะไปอยู่ที่บ้านนั้น เธอปิดเงียบจนแขไขไม่ติดใจ และรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อรู้ข่าวลูก
ooooooo
ภัสสรยังทำใจไม่ได้กับการกระทำของภาคิน เชื่อว่าภาคินไม่ได้เป็นอะไร ติดอยู่ที่ยังตามตัวไม่เจอเลยไม่รู้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหน
ที่จริงภาคินไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มีเรื่อง แต่เขาถูกภัทรมนมอมเหล้าใส่ยานอนหลับจนไม่ได้สติ กว่าจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็สายไปแล้ว เขาตกใจเสียใจที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น เป็นต้นเหตุทำให้ผู้ใหญ่เสียหน้าและฟ้าต้องเสียใจ
"ผิดไปแล้วล่ะค่ะ" ภัทรมนหัวเราะขำๆ "เรื่องผู้ใหญ่ เสียหน้าอาจจะใช่ แต่ยายฟ้าไม่ได้เสียใจเลย ตอนมนออกมาจากบ้าน มนยังเห็นยายฟ้าควงหนุ่มเดินลอยหน้าอยู่หน้าบ้านเลย หาผู้ชายมาทดแทนได้เร็วจนมนตกใจ" ภัทรมนเล่าที่เธอเห็นตะวันเป็นฟ้าที่หน้าบ้าน
ภาคินฟังแล้วหน้าตึงขึ้นมา บอกภัทรมนว่าถ้าเป็นจริงอย่างนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องหลบเพราะว่า "ผมผิด ฟ้าก็ผิด หายกัน เรากลับดีกว่า ผมทำเรื่องใหญ่หนีหมั้น ฟ้าทำเรื่องใหญ่พาผู้ชายเข้าบ้าน"
"เรื่องของยัยฟ้าใหญ่สำหรับคิน แต่เรื่องที่คินทำเสียหายกับทุกคนเลยนะคะ" ภัทรมนขู่
ภาคินฟังแล้วหน้าเสีย พอเธอถามว่า อย่างนี้ยังคิดจะกลับบ้านอีกไหม เขาถอนใจอย่างยอมจำนน ทั้งคู่จึงยังคงหลบไปสำเริงสำราญกันที่ชะอำตามเดิม ภัทรมนแอบยิ้มอย่างสมใจกับแผนการของตน
ooooooo
เมื่อตะวันตกลงจะมาอยู่ที่บ้านปัญญารักษ์แล้ว ฟ้าดีใจมาก เป็นคนดูแลจัดห้องพักให้ตะวันเอง เธอร่าเริงแจ่มใสจนวิภูบอกว่า พ่อดีใจที่ลูกทำใจเรื่องงานหมั้นเมื่อเช้าได้
"ฟ้ารู้สึกเสียหน้ามากกว่าค่ะพ่อ ไม่ได้เสียใจ รอดพ้นจากผู้ชายที่ไม่ได้รักแล้วได้มาเจอกับพี่สาวแท้ๆที่ฟ้ารอคอยมาทั้งชีวิต ยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่อีกนะคะ" ฟ้าพูดอย่างร่าเริงแจ่มใส
"เจอพี่สาวไม่เท่าไหร่ พูดเก่งขึ้นเยอะเลยนะเรา" วิภูหยอกฟ้าอย่างมีความสุขเช่นกัน
ฟ้าเป็นคนพาตะวันไปที่ห้อง พอตะวันเห็นห้องจัดอย่างสวยหรูก็ทำหน้าแหยๆ ฟ้าถามว่าไม่ชอบหรือ ตะวันบอกว่าสวยหรูดูดีสมกับเป็นห้องคุณหนูลูกสาวท่านเศรษฐี ฟังแล้วฟ้าเป็นฝ่ายหน้าเสีย ถามว่าพูดประชดหรือ ตะวันรีบบอกน้องสาวว่า ไม่ได้ประชด พูดจริงๆ สวยดี และตนชอบ ทำให้ฟ้าดีใจมาก
พอเห็นห้องตัวเองแล้วตะวันก็นึกถึงดนัยว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะภัทรวดีกับสายหยุดสาวใช้ใกล้ชิดเป็นคนพาไปดูห้อง ทั้งสองพูดกระแนะกระแหนประชดประชันดนัยไปตลอดทางเกือบทุกเรื่องจนกระทั่งพูดเหยียดหยันว่า
"ถือว่าโชคดีมีบุญเพราะผู้หญิงนะ นี่ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกับยัยตะวัน อย่าหวังเลยว่าจะเข้ามาเหยียบในบ้านปัญญารักษ์ได้"
ตะวันไปได้ยินพอดีเลยเดินแกว่งเข้าไปอย่างกวนประสาท ซ้ำยังเรียกภัทรวดีว่าป้าอีกด้วย ภัทรวดีรับไม่ได้ ตวาดถามว่า เรียกใครว่าป้า
"พูดกับลูกเลี้ยงให้มันนุ่มนวลหน่อยสิคะ คุณแม่เลี้ยง" ตะวันเดินไปหาดนัยแล้วหันขวับมาบอกภัทรวดีว่า "ขอบอกอีกครั้งแล้วช่วยจำให้แม่นๆด้วยว่า นัยเป็นเพื่อนฉัน ไม่ใช่แฟน"
ภัทรวดียังตะแบงจะให้ดนัยเป็นแฟนกับตะวันให้ได้ ตะวันคร้านที่จะโต้เถียงด้วยเลยบอกดนัยให้เอากระเป๋าเข้าไปเก็บ แล้วไปเดินสำรวจบ้านกันดีกว่า
เมื่อภัทรวดีออกมากับสายหยุดก็สบถอย่างหงุดหงิดว่า "นังตะวันนี่มันแสบจริงๆ แต่ยังไงฉันก็ต้องจัดการมันทั้งคู่" แล้วบอกสายหยุดว่าตอนนี้ภัทรมนไปต่างจังหวัดกับเพื่อนฉะนั้นสายหยุดต้องช่วยตน
สายหยุดยิ้มหน้าบานที่จะได้เลื่อนขั้นเป็นคนใกล้ชิดเข้าไปอีกระดับหนึ่ง
ooooooo
รุ่งขึ้น ตะวันกับดนัยพากันรีบเดินจะออกไปทำงาน วิภูขับรถมาพอดี จอดรถชวนลูกสาวขึ้นจะพาไปส่ง ตะวันปฏิเสธอย่างเย็นชา ซ้ำยังแสดงท่าทีห่างเหินไม่ยอมเรียกวิภูว่าพ่อด้วยซ้ำ จนวิภูแอบถอนใจ
ตะวันไปถึงบริษัทของศักดา เลขาฯของศักดาต้อนรับด้วยความกระตือรือร้น และขอเรียกเธอว่าตะวันด้วยคน เลขาฯพาตะวันเข้าไปที่โต๊ะทำงานซึ่งจัดไว้ให้แล้ว
ศักดาเอาแฟ้มเอกสารส่งให้ตะวัน บอกว่านี่เป็นรายละเอียด ข้อมูลของลูกค้าที่เราจะวางแผนการโฆษณาและทำโฆษณาให้เขา ให้ตะวันเอาไปศึกษาก่อน อีกชั่วโมงหนึ่งเราจะประชุมกับลูกค้า
ตะวันรับงานอย่างมั่นใจ ศักดาเห็นความเอาการเอางานแล้วชมว่าเยี่ยม
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ตะวันเข้าไปที่ห้องประชุม เห็นมีคนนั่งอยู่คนเดียว พอเขาหันมาเป็นภากรนั่นเอง เขาทักทายและมองเธออย่างเอ็นดูเมื่อเห็นเธอชะงักลังเล แล้วขอออกไปรอข้างนอกดีกว่า
"อ้าว...ทำไมล่ะ หรือว่าเขินที่ต้องอยู่กับผมตามลำพัง" ภากรเริ่มหยอกอีกแล้ว
ตะวันไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครอยู่แล้ว เลยเกิดเล่นลิ้นโต้เถียงกัน อีกฝ่ายฉุนๆงอนๆ ในขณะที่อีกฝ่ายตั้งหน้าตั้งตาหยอกยั่วเหมือนชอบเห็นอากัปกิริยาแบบนั้น
ครู่หนึ่งศักดาเข้ามาพร้อมกับเลขาฯ เขาทันได้เห็นอากัปกิริยาของทั้งคู่ ศักดากระเซ้าเพื่อนว่า
"นี่ถ้าพิมพ์มาเห็นนายตอนนี้นะกร...งานเข้าแหงๆเลยว่ะ"
ภากรทำเป็นไม่สนใจ มองหน้าเพื่อนแวบหนึ่งแล้วก้มดูเอกสารตรงหน้า
ooooooo
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 5
ตอนที่ 5
วันเดียวกัน พิมพ์นภัสนัดแจนเพื่อนรักไปกินอาหารกัน เธอไปช้ากว่าเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมงเลยถูกแจนแซวว่า คิดว่ากำลังปลอบใจว่าที่แม่สามีอยู่
พิมพ์นภัสไม่รู้เรื่องที่เกิดที่บ้านปัญญารักษ์ พอแจน เล่าให้ฟังว่าภาคินหนีงานหมั้น พิมพ์นภัสตกใจถามว่าจริงหรือ แล้วเบ้หน้าบอกว่าคนอย่างภาคินทำได้อยู่แล้ว เพราะไม่มีความรับผิดชอบเอาเสียเลย
แจนถามว่าภากรกับภาคินเป็นพี่น้องกัน เธอไม่กลัวภากรจะเป็นแบบภาคินบ้างหรือ
พิมพ์นภัสเชื่อว่าภากรไม่เป็นอย่างภาคินแน่ แต่พอฟังแจนพูดมากเข้าก็ชักหวั่นไหว ถามว่าแล้วจะให้ตนทำอย่างไรหรือว่า "ฉันควรจะรวบหัวรวบหางพี่กรเลยหรือ"
"แล้วจะปล่อยไว้ทำไมล่ะ และที่สำคัญอย่าช้า" แจนยุทำให้พิมพ์นภัสร้อนใจคิดวางแผนบางอย่าง
ooooooo
งานที่ตะวันได้รับเป็นงานที่ให้ดูแลโปรเจกต์คอนโดฯอุ่นใจของภากร ศักดาบอกว่าให้เธอทำเต็มที่ให้เป็นงานมาสเตอร์พีซเลย ตนจะคอยเป็นพี่เลี้ยงให้เอง
หลังจากศักดามอบงานแล้ว ภากรหยอดท้ายว่า
"อย่าทำให้ผมผิดหวังนะครับคุณตะวัน"
"ฉันจะพยายามแล้วกันค่ะ" ตะวันแอบค้อนนิดๆเพราะอยู่ต่อหน้าทุกคนในที่ประชุม
ประชุมเสร็จ ภากรชวนว่าบ่ายโมงแล้วไปทานข้าวด้วยกันดีไหม ตะวันปฏิเสธทันที เขาถามหยอกว่าเธอไม่ทานข้าวกลางวันหรือ ตะวันตอบชัดถ้อยชัดคำว่า
"ทานค่ะ แต่ไม่ทานกับคุณ"
ศักดาเดินตามออกมาพอดี ภากรบอกว่าเย็นนี้ให้พาครีเอทีฟคนใหม่ของเขาไปดูคอนโดฯของตนหน่อย เสร็จแล้วจะพาไปเลี้ยงข้าว พูดแล้วผละไป ย้ำว่าเย็นนี้ค่อยเจอกัน
ooooooo
ตกเย็นเมื่อพากันไปดูคอนโดฯ ตะวันเอาโมเดลคอนโดฯให้ศักดาดูพลางเล่าแผนงานให้ฟังว่า
"ตะวันอยากให้ลูกค้ารู้ว่าคอนโดฯอุ่นใจแตกต่างจากคอนโดฯอื่นๆ มีความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ไม่ใช่แค่ที่พักอาศัย แต่อบอุ่นเหมือนบ้าน ดีไหมคะ"
"ดี... ดีมากเลย" เสียงตอบอยู่ริมหูตัวเอง ทำให้ตะวันตกใจหันมอง กลายเป็นภากรมายืนชิดก้มดูจนหน้าเกือบติดกัน เธอพยายามระงับอารมณ์ถามว่าแล้วศักดาหายไปไหน
"โน่นไง" ภากรชี้ให้ดูศักดาที่กำลังคุยอยู่กับพนักงานขายของภากร เสร็จแล้วศักดาเดินกลับมาบอกว่า เดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกัน ตะวันทำท่าจะบ่ายเบี่ยง ถูกศักดาดักคอว่า
"ห้ามปฏิเสธ วันนี้มีเจ้ามือ ต้องถล่มใช่ไหม" ประโยคหลังศักดามองหน้าภากร เมื่อภากรบอกว่าไม่มีปัญหา ศักดาชวนไปกันเลย พลางเดินนำไป
"เชิญครับ" ภากรผายมือให้ตะวันแบบขี้เล่น ซ้ำทำหน้ากรุ้มกริ่มให้ด้วย
"เจ้าเล่ห์" ตะวันด่าพึมพำแล้วเดินไป ภากรยิ้มชอบใจเดินตามไปอย่างครึ้มอกครึ้มใจ
ปรากฏว่านั่งกินกันไม่ทันไร พิมพ์นภัสก็เดินอ้าวเข้ามา ศักดาทักว่ามาทานที่นี่เหมือนกันหรือ บังเอิญจริงๆ พิมพ์นภัสสวนไปว่า "เปล่า ไม่ได้บังเอิญค่ะ พิมพ์ตั้งใจมาหาพี่กร"
"มีอะไรหรือเปล่า" ภากรถาม
"คนเป“นแฟนกันต้องมีเรื่องด้วยเหรอคะถึงจะเจอกันได้" พูดแล้วปรายตาไปทางตะวัน ถามว่า "เนื่องในโอกาสอะไรคะ ถึงมาทำทานเทกระจาดแถวนี้"
"โอกาสอุทิศส่วนบุญให้ผีเร่ร่อน เที่ยวหลอกหลอนไล่ต้อนผู้ชาย จะได้ไปผุดไปเกิดเสียที" ตะวันสวนไปทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด
เลยกลายเป็นการโต้เถียงเชือดเฉือนกันของสองสาว พิมพ์นภัสกรี๊ดกร๊าดโวยวายประสาคนเอาแต่ใจตัว ครั้นศักดาห้ามก็ถูกหาว่าเข้าข้างตะวัน สุดท้ายพิมพ์นภัสยื่นคำขาดว่า
"พิมพ์ให้อภัย ไม่ลดตัวลงไปเอาเรื่องกับมันก็ได้ค่ะ แต่พี่กรต้องไปงานเปิดผับใหม่กับพิมพ์"
ภากรถามว่าเมื่อไหร่ เธอบอกว่าตอนนี้ ภากรตอบตกลงทันทีเรื่องจะได้จบๆเสียที ตะวันเห็นความบ้อท่าของภากรก็เบ้ปากอย่างหมั่นไส้
ooooooo
หลังอาหาร ตะวันจะกลับไปทำงานต่อ ศักดากลัวที่บ้านเธอเป็นห่วงบอกให้โทร.ไปบอกที่บ้านก่อน เธอบอกเขาว่าไม่มีใครเป็นห่วงตนหรอก เพราะเขาเชื่อว่า ดูแลตัวเองได้ ศักดาพูดอย่างชื่นชมว่า ผู้หญิงยุคใหม่มันต้องอย่างนี้ ไม่รังแกใครแต่ไม่ยอมให้ใครรังแก
"ป่านนี้นายกรจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้" ศักดาบ่นถึงเพื่อนที่ถูกพิมพ์นภัสมาฉกไปกลางคัน
ผับเปิดใหม่เป็นของวิทย์คนรักของแจนนั่นเอง เมื่อมาต้อนรับทักทายกันแล้ว วิทย์ถามภากรกับพิมพ์นภัส แซวๆว่า เมื่อไรจะมีข่าวดี
"พิมพ์พร้อมรออยู่แล้วค่ะ พี่กรมาขอเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น" พิมพ์นภัสตอบอย่างกระตือรือร้น แจนปรายตามองเพื่อนอย่างรู้กันแล้วขอตัวลุกไป พิมพ์นภัสหันมารุกภากรต่อหน้าวิทย์อีก "ว่าไงคะ พี่กร บอกต่อหน้าพี่วิทย์ พิมพ์จะได้มีพยานเวลาพี่กรคิดจะเบี้ยวไม่แต่งกับพิมพ์"
"สงสัยจะโดนพิมพ์ต้อนแล้วล่ะครับคุณกร" วิทย์ กระเซ้า ภากรเพียงแต่ยิ้มนิดๆเท่านั้น
ที่แท้แจนสมคบกับพิมพ์นภัสมอมยาภากร เธอขอตัวไปเอาไวน์มาให้ทั้งสอง แก้วของภากรมียานอนหลับผสมอยู่ พอเอาไวน์มาก็มองตาอย่างรู้กันกับบ๋อยว่าแก้วไหนให้ใคร
ภากรดื่มไวน์ไปครู่เดียวก็รู้สึกง่วงมาก พิมพ์นภัสกระซิบข้างหูชวนกลับ ภากรพยักหน้ามึนๆ จากนั้นพิมพ์นภัสก็เอามือภากรพาดไหล่ตัวเองพากันออกไป โดยมีแจนชูแก้วเหล้าอวยพรเพื่อนข้างหลัง
ooooooo
ตะวันทำงานต่อจนดึก ศักดาเตือนให้กลับบ้านได้แล้ว เขาอาสาจะไปส่ง ตะวันเกรงใจแต่ก็ยอมให้ไปส่ง ตกลงกันว่าส่งแค่ครึ่งทางก็พอเพื่อศักดาจะได้ไม่ต้องอ้อมไปอ้อมมา เธอลงจากรถศักดาแล้วนั่งแท็กซี่ต่อ
แท็กซี่รับสาวสวยมากลางดึกก็ลอบมองอย่างหื่นๆ
ไปได้ครู่เดียวรถก็ติดไฟแดง ตะวันมองไปนอกรถ จ๊ะเอ๋เข้ากับรถของพิมพ์นภัสที่มาจอดข้างๆพอดี เธอเห็นภากรนั่งพิงพนักเก้าอี้คอพับคออ่อนลักษณะเหมือนไม่ได้สติ ซ้ำพิมพ์นภัสยังเอื้อมมือมาลูบไล้ใบหน้าเขาอย่างเสน่หาด้วยเลยเอะใจ
ตะวันให้แท็กซี่ตามรถของพิมพ์นภัสไป ปรากฏว่ารถคันนั้นเลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูด แท็กซี่คันนั้นขับตามไปอย่างกระหยิ่ม แท็กซี่ถามว่าผู้ชายในรถคันนั้นผัวเธอหรือ เมื่อตะวันบอกว่าไม่ใช่ มันเดาว่าเป็นกิ๊กแน่ๆเลย แล้วตั้ง
ข้อสังเกตว่าท่าทางเหมือนถูกมอมยา
พอรถของพิมพ์นภัสเลี้ยวเข้าซองห้องม่านรูด พิมพ์นภัสเรียกบ๋อยให้มาช่วยประคองภากรเข้าไปในห้อง ตะวันตามมาถึงพอดีแหวกม่านแอบดู คนขับแท็กซี่ถามว่าไปแอบดูเขาทำไม เราไปสนุกกันดีกว่า แล้วมันก็บังคับพาตะวันเข้าอีกห้องหนึ่ง
ตะวันไม่ตกใจ เธอตั้งสติแล้วเล่นงานแท็กซี่อย่างรุนแรง พอเจอของจริงเข้าแบบนี้มันเลยเปิดอ้าวหนีไปก่อนที่มันจะถูกตะวันเอามีดเสียบพุง
พอแท็กซี่หนีไป ตะวันรีบออกจากห้องไปเคาะประตูห้อง ที่พิมพ์นภัสพาภากรเข้าไป เคาะอยู่นานพิมพ์นภัสจึงเปิดประตูออกมาตวาดถาม
"จะบ้ารึไง เคาะอยู่ได้"
พอเห็นเป็นตะวัน พิมพ์นภัสตกใจจะปิดประตู แต่ถูกตะวันยันไว้แล้วเบียดตัวเข้าไป
ตะวันด่าพิมพ์นภัสว่าจะบ้าหรืออย่างไรถึงได้มอมยาผู้ชายพาเข้าโรงแรม พิมพ์นภัสด่าสวนไปตามเคยว่า นังโชห่วย นังมารบ้า มายุ่งอะไรกับเรื่องของตน ไล่ให้ออกจากห้อง ตะวันไม่ยอมออก เพราะไม่อยากเห็นผู้ชายคนนี้ต้องเสียท่ากับ ลูกไม้ตื้นๆของผู้หญิงอย่างเธอ
พิมพ์นภัสเงื้อมือจะตบ ถูกตะวันจับมือค้างไว้กลางอากาศ ขู่ว่าถ้าจะเล่นกันแบบนี้ก็ได้ พรุ่งนี้จะได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ทำให้พิมพ์นภัสตกใจยอมเป็นฝ่ายถอย แต่อาฆาตว่า
"ฝากไว้ก่อนเถอะ ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้แกแย่งผู้ชายคนนี้ไปจากฉันแน่ๆ"
ooooooo
ด้วยความรักและเห่อพี่สาว ฟ้าตั้งอกตั้งใจเข้าครัวทำอาหารต้อนรับพี่สาวกลับมากินข้าวเย็นด้วยกัน แต่คอยแล้วคอยเล่าตะวันก็ไม่กลับมาเสียที
ระหว่างรอตะวันนั้น น้อยสาวใช้วัยรุ่นที่ไปคอยตะวันอยู่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกฟ้าว่า
"มาแล้วค่ะมาแล้ว"
ฟ้าดีใจว่าตะวันกลับมาแล้ว วิ่งอ้าวออกไปรับ แต่ที่แท้ กลายเป็นดนัยกำลังเดินมาเลยชนกันเข้าอย่างจัง
ดนัยตกใจที่ชนฟ้าจะล้ม เขาคว้าตัวเธอไว้ทัน เลยกลายเป็นใกล้ชิดเหมือนตระกองกอดกัน ฟ้าใจคอสั่นไหวเพราะไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายขนาดนี้ เธอรีบบอกดนัย "ปล่อยได้แล้วค่ะ ฉันยืนได้แล้ว"
ดนัยรีบขอโทษ ถามฟ้าว่าตะวันยังไม่กลับหรือ ฟ้าเลยงง น้อยรีบเข้าไปบอกว่า ที่ตนเรียกฟ้านั้นหมายถึงดนัยมาแล้ว ดนัยถามว่ามีอะไรหรือเปล่า ฟ้าบอกว่าไม่มี แต่น้อยบอกว่า
"คุณฟ้าเธอทำอาหารเย็นเตรียมให้คุณตะวันน่ะค่ะ"
ดนัยรู้สึกดีที่ฟ้ามีแก่ใจทำอาหารให้พี่สาว จนเวลาผ่านไปนานมาก ฟ้าก็ยังนั่งรอตะวันอยู่ที่โต๊ะอาหาร ดนัยเข้ามาบอกอย่างเห็นใจว่า ตะวันอาจติดงานเธอทานก่อนดีกว่า
"แล้วคุณล่ะคะ ทานรึยัง ทานด้วยกันนะคะ ฉันไม่อยากทานคนเดียว" ฟ้าชวน ดนัยนึกกังวล ถามว่าคุณพ่อกับคุณย่าเธอไม่อยู่หรือ ฟ้าบอกว่าไปงานเลี้ยงกันหมด แล้วชวนอีก "ทานด้วยกันนะคะ แล้วถ้าไม่รังเกียจ เล่าเรื่องพี่ตะวันให้ฉันฟังบ้างก็ได้ค่ะ"
"ได้ครับ" ดนัยมองฟ้าอย่างเอ็นดูความใสซื่อของเธอ
ooooooo
@^@..อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 4-5
@^@..อ่านละครย่อเรื่องกุหลาบเหนือเมฆตอนที่ 6
@^@..อ่านละครย่อเรื่องกุหลาบเหนือเมฆตอนที่ 6
ตอนที่ 6 (ต่อจากวานนี้)
จากนั้นไม่นาน เรวัติติดหนวดปลอมใส่วิกกับแว่นดำเดินเข้ามาแตร่ๆแถวหน้าห้องฉุกเฉิน ทำทีเหมือนมารอญาติ หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมากางอ่าน แต่สายตาค่อยจับจ้องไปทางอรนิชที่กำลังนั่งร้องไห้ โดยมีอรนุชซึ่งใบหน้ามีปลาสเตอร์ ปิดรอยแผลที่มุมปาก และใส่แว่นดำปกปิดรอยช้ำรอบดวงตา นั่งหน้าหงิกมองน้องสาวอย่างรำคาญ
"เธอจะร้องไห้ให้มันได้อะไรขึ้นมา ฮึ...ยัยลูกนก...
ไอ้พี่พีน่ะ มันทรยศเธอนะ แถมคนที่มันไปกินข้าวด้วยก็คือนังไอริณ...ศัตรูหมายเลขหนึ่งของเรา"
อรนิชร้องไห้ฟูมฟายว่า ถ้าพีรเทพเกิดตายขึ้นมา เธอจะทำอย่างไร อรนุชสวนทันทีว่าให้เอาไปไว้วัด อรนิชน้อยใจที่พี่สาวเอาแต่โจมตีแฟนเธอตลอด ตัดพ้อว่าเพราะพีรเทพไม่ใช่แฟนอรนุช ถึงพูดแบบนี้ได้
"อ๋อ...ถ้าเป็นพี่วินทำ...พี่จะจ้างมือปืนมายิงให้พิการรู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ไปทำอย่างนี้อีก"
เรวัติได้ยินถึงกับสะดุ้ง หนังสือพิมพ์หลุดมือ รีบก้มเก็บขึ้นมาทำเป็นอ่านต่อ แต่คอยเงี่ยหูฟังทั้งคู่ตลอดเวลา จังหวะนั้น พีรเทพถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน ตามใบหน้ามีผ้าพันแผลปิดอยู่ แขนเข้าเฝือกอ่อนไว้และมีรอยช้ำทั่วตัว อรนิชปรี่เข้าไปหา คร่ำครวญว่าเขาถูกทำร้ายหนักถึงขนาดแขนหักเลยหรือ พีรเทพแย้งว่าแค่ร้าวเท่านั้น
"แหม...ทำไมไม่ขาดเสียให้หมดเรื่องหมดราวนะ" อรนุชตามเข้ามายืนด้านหลังน้องสาว ถลึงตาใส่พีรเทพ เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลขอให้ไปคุยกันต่อที่ห้องพักผู้ป่วย ก่อนเข็นรถเข็นไปที่ลิฟต์ สองพี่น้องเดินตาม...
ขณะเดียวกัน ในห้องทำงานของไอริณ เลอลักษณ์กำลังเอายาทาตรงบริเวณรอยช้ำใกล้คางกับมุมปากให้ไอริณ บ่นว่าอยากเห็นสภาพของพีรเทพมาก
"ป่านนี้ยัยลูกน้ำกับยัยลูกนกเอาไปไว้วัดเตรียมรดน้ำแล้วมั้ง...แหม...ลืมเรื่องสำคัญเสียสนิท...แกช่วยโทร.ไปเช็กกับวัติหน่อยสิว่า นายพีรเทพอยู่โรงพยาบาลอะไร ห้องไหน ฉันจะได้ส่งดอกไม้ไปเยี่ยมสักหน่อย"
เลอลักษณ์ยิ้มอย่างรู้ทัน "จะให้สั่งดอกไม้ที่ว่านั่นหรือเปล่าค่ะ"
"ใช่เลย...เอาพวงใหญ่สุดแบบที่เคยสั่งนะจ๊ะ...เพื่อนเด่น" ไอริณยิ้มสะใจ...
ขณะเรวัติกำลังบ่นให้วินฟังทางโทรศัพท์ ว่ารู้สึกแปลกๆที่เลอลักษณ์โทร.มาถามชื่อโรงพยาบาลกับหมายเลขห้องพักฟื้นของพีรเทพ เขาเหลือบเห็นชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในโรงพยาบาล พร้อมหิ้วถุงใบใหญ่ตรงไปที่ลิฟต์ ชักสังหรณ์ใจขึ้นมา รีบวางสายจากวิน แล้วเดินตามชายคนนั้นไป เห็นเข้าไปในห้องพักฟื้นของพีรเทพ
สักพักชายคนนั้นถูกผลักกระเด็นออกจากห้อง พวงหรีดลอยตามออกมา แล้วอรนิชเดินออกมายืนเท้าสะเอวหน้าตาเอาเรื่อง สั่งให้เอาพวงหรีดไปคืนคนส่ง ฝากไปบอกมันด้วยว่าเชิญเก็บเอาไว้ใช้เอง ก่อนปิดประตูใส่หน้า อรนุชฟันธงว่าต้องเป็นนังไอวัณโรคส่งมาแน่นอน พีรเทพหน้าเสียเกรงว่าจะเป็นลางร้ายอะไรหรือเปล่า
"อาจจะใช่ค่ะ" อรนุชตวัดสายตามองพีรเทพอย่างเคืองๆ
"พี่ลูกน้ำคะ...นกขอร้อง"
"กลับก็ได้ไม่ได้อยากจะอยู่นักหรอก" อรนุชหยิบกระเป๋าถือกับนิตยสารเล่มหนึ่งติดมือไปด้วย พอออกจากห้อง รีบยกหนังสือขึ้นบังหน้าเดินตรงไปที่ลิฟต์ เรวัติทำฟอร์มอ่าน หนังสือพิมพ์ แต่สายตาเหลือบมองเธอตลอด ครู่ต่อมาอรนุชก้าวออกจากลิฟต์เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น ยิ้มกว้างเมื่อเห็นเป็นเบอร์ของบุปผา รีบรับสายเสียงหวาน
"อันยองฮาเซโยค่ะ...คุณแม่ขา"
บุปผาหัวเราะคิกคักถูกอกถูกใจ พูดประโยคเดียวกันกลับไป แล้วชวนอรนุชมากินข้าวยำเกาหลีที่บ้านของเธอ อรนุชเอามือแตะแผลที่ปากก่อนจะบอกปัดว่าคืนนี้เธอไม่ค่อยสะดวก
"ทำไมล่ะจ๊ะ เสียงหนูไม่ค่อยดีเลย เอาอย่างนี้คุณแม่ จะให้พี่วินไปรับ หนูลูกน้ำพอจะสะดวกมั้ยจ๊ะ"
"สะดวกลื่นไหลเลยค่ะ คุณแม่...น้ำมีละครเกาหลีใหม่ๆอีกสามเรื่อง น้ำจะเอาไปให้คุณแม่ด้วยนะคะ"
"งั้นเดี๋ยวแม่โทร.บอกพี่วินเขาก่อนนะลูก"
"น้ำเกรงใจ๊ เกรงใจ พี่วินจะแย่...แต่ถ้าเป็นความประสงค์ ของคุณแม่...น้ำก็ต้องพยายามระงับความเกรงใจค่ะ...น้ำจะรออยู่ที่ออฟฟิศนะคะ" อรนุชวางสายยิ้มกริ่ม
ooooooo
ไอริณสีหน้าครุ่นคิดเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องทำงานตัวเอง แล้วหันไปทางเลอลักษณ์
"ฉันว่าฉันเห็นอีตากาแฟใส่นมที่ร้านนั่นแหละ...มากับยัยลูกน้ำยุงลาย"
"แกตาฝาดมั้ง...คุณกาแฟใส่นมของแกเขาจะไปกับยัยนั่นทำไม"
"นั่นแหละปัญหา เดี๋ยวพอหน้าตาค่อยยังชั่ว ฉันจะลากคอมาถามให้ได้"...
ขณะวินกำลังบ่นกับเรวัติอย่างเป็นกังวลว่า ไอริณอาจจะเห็นเขาแวบๆด้านหลังตอนไปกับอรนุชที่ร้านอาหาร บุปผาโทร.มาสั่งให้วินไปรับอรนุชที่ออฟฟิศแล้วพามาที่บ้านของเรา เรวัติตั้งข้อสังเกตว่าแม่ของวินท่าทางจะถูกใจอรนุชเป็นพิเศษ วินพยักหน้า ไม่ใช่แค่ถูกใจเท่านั้น แต่ถึงขนาดที่แม่อยากได้ มาเป็นลูกสะใภ้
"แล้วแกว่าไง...จะยอมรับยัยสวยสยองมั้ย"
"ยังไม่ยอมรับทั้งนั้นแหละ...ไปล่ะ" วินรีบออกไป เรวัติมองตามด้วยความเป็นห่วงปนสยองนิดๆ...
ไม่นานนัก รถของวินแล่นมาตามถนนในบ้าน บุปผากับอาทรออกมารอต้อนรับอรนุช โดยมีอรหญิงรับใช้ยืนเยื้องไปด้านหลัง อาทรทำหน้าเซ็งๆ สงสัยว่าทำไมต้องขนออกมากันทั้งบ้านแบบนี้ด้วย
"เพื่อแสดงถึงความรักความอบอุ่นในครอบครัวค่ะ และที่สำคัญเพื่อแสดงว่าทุกคนในบ้านนี้ยินดีต้อนรับหนูลูกน้ำ มาเป็นศรีสะใภ้" บุปผาสายตาจับจ้องรถของวินที่มาจอดตรงหน้า
อรนุชรีบเข้ามาไหว้พ่อแม่ของวินอย่างอ่อนช้อย ทุกคนมองเธออย่างตกตะลึง บุปผาถามว่าหน้าไปโดนอะไรมา อรนุชถอดแว่นดำออกน้ำตาไหลพราก บุปผาตกใจคิดว่าวินลงไม้ลงมือกับเธอ ตั้งท่าจะเล่นงานลูกชาย อรนุชจูงมือบุปผาเข้าไปคุยต่อที่ห้องดูทีวี เล่าให้ว่าที่แม่ผัวฟังทั้งน้ำตาว่า คนที่ทำกับเธอคือ เจ้าของหนังสือชิค วูแมน
"แล้วทำไมหนูไม่ตบมันบ้างล่ะลูก" บุปผาคอยส่งกระดาษทิชชูให้อรนุช
"เพราะหนูเป็นผู้ดีค่ะ ตั้งแต่เกิดมาคุณพ่อคุณแม่ พร่ำสอนให้เป็นคนดี ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่ทำร้ายผู้อื่น ไม่ ใส่ร้ายคนอื่น เป็นต้นค่ะ...คุณแม่"
"โถ สั่งสอนแต่ของดีๆทั้งนั้นเลย มิน่า...หนูลูกน้ำถึงได้เป็นคนดี ไม่มีติแบบนี้" บุปผายิ่งปลื้มอรนุชมากขึ้น...
ทางด้านวินเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆให้พ่อฟัง ซึ่งต่างจากที่อรนุชเล่าให้บุปผาฟังโดยสิ้นเชิง เว้นแต่คู่กรณีของอรนุชยังคงเป็นไอริณ ผู้หญิงที่อาทรเคยเจอแล้ว แถมยังชมว่าเธอมีน้ำใจ
"ไม่น่าเชื่อ...หนูลูกน้ำก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน...แกเห็นกับตาแน่นะ"
"โธ่...คุณพ่อ...เห็นคาสองตานี่เลยครับ แถมผมยังเป็นคนพาน้องลูกน้ำไปทำแผลที่ รพ.ด้วย"
อาทรสงสัยว่าสองสาวมีเรื่องอะไรกันถึงได้สวมวิญญาณอาฆาตขนาดนั้น วินคิดว่าคงเป็นเพราะต้องการแย่งกันเป็นเจ้ายุทธจักรหนังสือผู้หญิง อาทรอยากรู้ว่าใครผิดใครถูก วินลงความเห็นว่าผิดทั้งคู่...
อรนุชยังคงพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้ไอริณไม่หยุด จนบุปผาเชื่อสนิทว่าไอริณเป็นคนร้ายกาจ ขณะที่อรนุชดีแสนดี คิดแต่จะให้อภัย ไม่เคยอาฆาตพยาบาทจองเวรใคร แม้ว่าคนคนนั้นจะทำร้ายเธอขนาดไหน
"แต่ต่อไปนี้ห้ามคุณแม่ซื้อหนังสือ ชิค วูแมนเด็ดขาดนะคะ แล้วก็ช่วยบอกต่อทุกๆคนที่คุณแม่รู้จักด้วยค่ะ"
"ไม่อาฆาตพยาบาทเลยหรือจ๊ะ" บุปผาถึงกับเซ่อรับประทาน...
ดึกมากแล้ว ตอนที่วินขับรถมาส่งอรนุชที่บ้าน อรนุชใช้มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนโกหกวินว่ามีอะไรเข้าตา วินหลงกล อาสาจะดูให้ ขณะก้มมองหาเศษผงในตาอรนุชซึ่งไม่มีวันจะหาเจอ เธอก็แกล้งขยับเข้าใกล้จนหน้าเกือบจะชนกัน วินรู้สึกตัวรีบขยับออกห่าง แล้วลงมาเปิดประตูรถให้ อรนุชก้าวลงมาแกล้งเซให้วินรับไว้ในอ้อมแขน ทั้งสองคนยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนผละจากกัน
อรนุชทำเป็นเขิน ขอบคุณวินที่มาส่ง แล้วเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์...
วินเพิ่งกลับเข้าบ้านตัวเองหลังจากส่งอรนุช ไอริณก็โทร.มาหา สั่งให้ไปพบเธอวันพรุ่งนี้ วินแดกดันว่าเขาไปกินเงินเดือนจากเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงได้สั่งเอาๆ ราวกับเป็นเจ้านาย
"อย่าลืมล่ะ 9 โมงเช้า ที่ร้านกาแฟเยื้องๆออฟฟิศฉัน" ไอริณวางสายทันที
วินวางโทรศัพท์ลงอย่างเซ็งๆที่เธอคอยตามจิกไม่เลิก
ooooooo
วินมาถึงร้านกาแฟตรงตามนัด เห็นไอริณนั่งหันหลังให้ เดินเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้าม ทำเป็นแปลกใจ ว่าทำไมวันนี้ไอริณนึกครึ้มอะไรถึงสวมแว่นดำ ไอริณ จ้องจับผิดเขาเขม็ง
"เมื่อวานตอนเย็นคุณอยู่ที่ไหน"
"เดี๋ยว...นึกก่อน...ตอนเย็นๆ...อ๋อ...ผมยังอยู่ที่บูธในงานบ้านจัดสรรและคอนโดฯที่เมืองทองธานีครับ"
ไอริณอ้างว่าเธอเห็นเขาที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งกลางห้างฯดัง วินท้วงว่าถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่เข้ามาทัก ไอริณ ไม่พอใจ สั่งห้ามเขาพูดจายอกย้อนกับเธอ วินทำไม่รู้ไม่ชี้ หยิบเมนูขึ้นมาดู ไอริณไม่พอใจ คว้าเมนูจากมือเขา คาดคั้นให้เขาตอบว่าเคยไปร้านที่เธอว่าหรือเปล่า วินถอนใจเฮือก
"ไอ้ร้านที่คุณว่านั่น...อย่าว่าแต่จะเคยไปเลย แม้แต่ชื่อผมก็ไม่เคยได้ยิน...แน่ใจนะว่าไม่ได้ตาฝาด มองเห็นใครเป็นผมไปหมด" วินยิ้มยั่ว
ไอริณขบกรามแน่น ยื่นหน้าเข้าใกล้ วินยื่นหน้าเข้าไปบ้าง ยิ้มกวนๆใส่ ไอริณเลยด่าว่า "ไอ้บ้า" แล้วลุกพรวดออกไป วินถึงกับสะดุ้ง หุบยิ้มทันที...ครู่ต่อมา ไอริณเข้ามาในห้องทำงาน เธอ เจอคุณหญิงป้าสีหน้าบึ้งตึงและเลอลักษณ์นั่งหน้าจ๋อยรออยู่ ไอริณไหว้ทักทายคุณหญิงป้า ถามว่ามีธุระอะไรจะใช้เธอหรือ
"ธุระอะไรเรอะ...ช่วยกรุณามาดูนี่หน่อย" คุณหญิงป้าเรียกเสียงเข้ม
ไอริณยิ้มหวานเดินเข้ามาหา คุณหญิงป้าหยิบโทรศัพท์ มือถือขึ้นมากดแล้วส่งให้ ไอริณรับโทรศัพท์มาดู เห็นคลิปที่เธอกับอรนุชกำลังตบตีกันก็ตกใจ ร้องเอะอะว่ามีคนถ่ายคลิปไว้ ด้วยหรือ
"อ๋อ...ไม่ได้ถ่ายไว้เฉยๆจ้ะ แต่ยังส่งให้ดูกันทั่วบ้านทั่วเมือง คุณหญิงป้าเห็นแล้วอยากจะเป็นลม...หลานริณ นี่หลานคิดยังไงถึงได้กล้าหาญชาญชัยไปตบกันในห้างฯอย่างนั้น"
"ก็เขามาตบริณก่อนนี่คะ"
ไอริณคิดว่าคุณหญิงป้าไม่พอใจที่เธอไปมีเรื่อง แต่ ที่ไหนได้ท่านกลับยุส่งว่าทีหลังตบอรนุชให้คว่ำ แถมเล่าถึงตอนที่ท่านเองยังสาวๆ และมีเรื่องตบตีกับวาริรินทร์ นึกเสียดายที่สมัยนั้นยังไม่มีคลิป แล้วเอ่ยปากชวนทั้งคู่ไปช็อปปิ้ง เลอลักษณ์ อึกอัก คุณหญิงป้าคะยั้นคะยอให้ไปเป็นเพื่อน รับปากว่าจะซื้อกระเป๋าให้คนละใบเป็นการตอบแทน
"ใบละ 199 หรือเปล่าคะ" ไอริณแซว
"แหม...แพงกว่านั้นก็ได้...เกิดมาใช้เงิน เกิดมาใช้ทอง... ไปเร็ว" คุณหญิงป้าเดินนำสองสาวออกไป...
ที่ร้านอาหารเจ้าประจำของคุณหญิงป้า อรนุชซึ่งสวมแว่นดำอำพรางกับอรนิช และวาริรินทร์กับนิคแฟนหนุ่มนัดมากินข้าวด้วยกัน วาริรินทร์ขอดูร่องรอยจากการตบตีกับไอริณ อรนุชมองซ้ายมองขวา แล้วค่อยๆดึงแว่นลงมา แค่พอเห็นรอยเขียวคล้ำใต้ตา บอกว่าดีขึ้นกว่าวันแรกๆมาก นิคมองยิ้มๆบอกว่าเดี๋ยวก็สวยเหมือนเดิม
วาริรินทร์กระแอมเบาๆเหมือนจะปราม นิคกลับคิดว่าอะไรติดคอ อรนุชรู้งานรีบบอกว่าถึงอย่างไรก็สวยสู้วาริรินทร์ ไม่ได้ อรนิชรับลูกทันทีว่าจริง เพราะวาริรินทร์สวยอมตะอยู่แล้ว วาริรินทร์ยิ้มพอใจ
ooooooo
คุณหญิงป้าซื้อกระเป๋าแจกหลานสาวทั้งสองเรียบร้อย ทั้งหมดก็ออกจากร้าน เลอลักษณ์ตาไวเห็นวิทวัสหรือคุณอนาวินตัวปลอมกับวินหรือนายกาแฟเดินออกมาจากฟิตเนส โดยนายกาแฟเดินนำหน้า คุณอนาวินหอบข้าวของพะรุงพะรังเดินตาม เธอร้องเอะอะด้วยความดีใจ ไอริณกับคุณหญิงป้ามองตามสายตาเลอลักษณ์
"ต๊าย...จ๋องเชียว มองอย่างนี้ไม่รู้ใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นลูกน้องกันแน่"
ไอริณตะโกนเรียกนายกาแฟดังลั่น วินตกใจ ชะงัก แต่ ไม่หันไปมอง ตั้งสติได้รีบหันมายกมือไหว้ขอบคุณวิทวัส แล้วคว้าข้าวของจากมือเขามาถือเอง วิทวัสตกใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเจ้านาย
"คุณวินครับ..."
"นายชื่ออนาวิน ส่วนฉันชื่อกาแฟ...อย่าลืม" วินกระซิบเสียงเข้ม
ไอริณรีบเดินเข้ามาเรียกนายกาแฟ วินทำเป็นเพิ่งได้ยินเสียงเรียก หันมาไหว้ไอริณ แล้วไหว้คุณหญิงป้ากับเลอลักษณ์ ที่เพิ่งเดินเข้ามา ทุกคนรับไหว้ ไอริณหันไปไหว้ทักทายคุณอนาวิน คุณอนาวินสะดุ้งเฮือก รับไหว้แทบไม่ทัน
"คุณอนาวินเพิ่งปรารภกับผมว่า อยากจะพบคุณไอริณ... จริงไหมครับคุณอนาวิน"
"มั้ง...ครับ" คุณอนาวินเสียงสั่น
คุณหญิงป้าเสนอให้ไปหาที่คุยกันไปกินอาหารกันไปดีกว่าจะยืนคุยกันตรงนี้ ทุกคนเห็นด้วย คุณหญิงป้าเดินนำมาที่ร้านอาหารเจ้าประจำ พลางบ่นว่ามาร้านนี้ทีไรเจอยัยวานรแทบทุกที ไอริณภาวนาขออย่าให้เจอ แต่บังเอิญวันนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคงลาพักร้อน พอทุกคนโผล่เข้ามาแค่หน้าประตูร้าน ก็เห็นกลุ่มของวาริรินทร์นั่งกินอาหารอยู่
นายกาแฟรีบคว้าแขนคุณอนาวินหันหลังกลับชิ่งหนีทันที ไอริณพยายามจะเรียกแต่ไม่ทัน ทั้งคู่จ้ำอ้าวออกไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มของวาริรินทร์หันมามอง แต่นายกาแฟหนีรอดสายตาอรนุชไปได้อย่างเฉียดฉิว บริกรหญิงพากลุ่มของไอริณมานั่งโต๊ะซึ่งติดกับโต๊ะของกลุ่มวาริรินทร์พอดี คุณหญิงป้าแกล้งบ่นดังๆให้ได้ยินกันทั่ว
"ไม่มีโต๊ะที่บรรยากาศดีกว่านี้แล้วหรือจ๊ะ...เธอ"
"เอ้อ...พอดีว่างโต๊ะเดียวค่ะ"
วาริรินทร์พูดลอยๆขึ้นว่า ถ้าลำบากมากนักก็ไปหากินร้านอื่น คุณหญิงป้าโต้กลับลอยๆเช่นกันว่าถ้าจะกินร้านนี้ใครหน้าไหนจะทำไม คุณหญิงป้าเชิดคอ หน้าตั้ง ลงนั่งที่โต๊ะนั้น ไอริณและเลอลักษณ์นั่งตาม
"อ้าว...แล้วนี่คุณอนาวินกับนายกาแฟหายไปไหนล่ะ" คุณหญิงป้าเพิ่งนึกได้
อรนุชถึงกับหูผึ่ง หันขวับมามอง ไอริณบังเอิญหันมาเจอพอดี อรนุชทำเป็นเพิ่งเห็น ร้องทักไอริณว่ามากินข้าวหรือ ทำไมใจเราสองคนถึงตรงกันจริงๆ ไอริณยิ้มเฉือดเฉือนแล้วว่า ไม่ใช่แค่ใจ แต่บาดแผลของเรายังตรงกันอีก
"เอ๊ะ...แล้วนี่จะมีแฟนคนเดียวกันมั้ยเอ่ย"
"มันเป็นเรื่องของอนาคตและอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน จ้ะ ลูกน้ำเพื่อนเลิฟ"
"เอาเป็นว่าต่างคนต่างก็ระวังของๆตัวไว้ให้ดีนะจ๊ะ ริณเพื่อนเลิฟ" อรนุชยิ้มหน้าระรื่น
หลังจากรุ่นเล็กปะทะคารมพอเจ็บๆคันๆก็ถึงคิวของรุ่นใหญ่ คุณหญิงป้ากับวาริรินทร์ด่ากันไปด่ากันมาพอเรียก น้ำย่อย แล้ววาริรินทร์เรียกคุณหญิงป้าดาริกาว่า "คุณหญิงอีกา" ส่วนคุณหญิงป้าก็เรียกวาริรินทร์ว่า "นังวานร" วาริรินทร์ ภูมิต้านทานการถูกด่าต่ำกว่า เลยทนไม่ไหวถึงกับกรี๊ดสนั่น นิคเห็นท่าไม่ดี ดึงวาริรินทร์ให้ลุกหนี วาริรินทร์ทำท่าจะไม่ยอม แต่นิคดึงออกไปจนได้ อรนุชกับอรนิชรีบเช็กบิลแล้วลุกตาม ขณะที่คุณหญิงป้าหัวเราะชอบใจ...
พอกลับถึงบ้าน อรนุชถามน้องสาวว่าได้ยินที่คุณหญิงอีกาถามว่า คุณอนาวินกับใครอีกคนหายไปไหนหรือเปล่า อรนิชได้ยินเช่นกัน อรนุชหน้าเครียดทันที คิดว่าพี่วินของเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย เพราะรู้จักนิสัยไอริณดี รู้ว่าไอริณกำลังคิดจะทำอะไรกับเขา
"แบบเดียวกับที่พี่น้ำคิดจะทำกับแฟนของมันหรือคะ"
อรนุชพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาคิมหันต์ คิมหันต์รายงานว่าได้ชื่อและที่อยู่แล้วว่าชื่อวิทวัส อยู่คอนโดฯแถวลาดพร้าว ที่ทำงานยังสืบไม่ได้ นายคนนี้เป็นคนค่อนข้าง เก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แล้วรับปากว่าจะสืบทุกอย่างมาให้ โดยเร็วที่สุด อรนุชวางสาย หันมาถ่ายทอดคำพูดของคิมหันต์ให้ น้องสาวฟังอีกที...
ขณะเดียวกัน วินมาหาเรวัติที่ห้องพัก ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดีกับวิทวัส วินจะให้เขาย้ายเข้ามาอยู่คอนโดฯเดียวกับเรวัติ แล้วแต่งเรื่องว่าอยากแยกมาอยู่ตามลำพัง แต่ เรวัติไม่เห็นด้วย ไอริณต้องสืบจนได้ว่าบ้านคุณอนาวินอยู่ที่ไหน แล้วจะเข้าไปทำความรู้จักกับพ่อแม่ของเขา วินสะดุ้ง คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไร
"ให้เข้าไปอยู่ในบ้านแก...คุณแม่แกชอบหนังเกาหลีใช่มั้ย แกก็สร้างเรื่องสู้ชีวิตประทับใจแบบเกาหลีให้วิทวัส ขี้คร้านคุณแม่จะสงสารน้ำตาท่วมบ้าน"
วินไม่อยากโกหกพ่อกับแม่ เรวัติอาสาจะโกหกเอง เพียงแต่วินต้องเป็นคนไปเล่าเรื่องโกหกที่เขาแต่งให้พ่อกับแม่ฟัง วินนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า เรวัติอ้างว่าวินเริ่มเรื่องโกหกมาตั้งแต่ต้น ไม่อย่างนั้นไอริณคงไม่เข้าใจผิดมาจนป่านนี้ วินแก้ตัวว่าไอริณเข้าใจผิดเองต่างหาก เขาแค่ปล่อยเลยตามเลย
"ก็นั่นแหละ แต่การโกหกครั้งนี้ไม่มีอันตราย ตรงกันข้าม มันเป็นไปเพื่อความปลอดภัยของแกด้วย"
วินคิดหนัก ก่อนจะเห็นคล้อยตามเรวัติ
ooooooo
วินกลับถึงบ้าน เล่าเรื่องที่เรวัติแต่งขึ้นให้แม่ฟัง บุปผาเห็นใจเพื่อนของลูกชายมาก อนุญาตให้พามาอยู่ที่เรือนหลังเล็ก วินเกรงใจพ่อ กลัวจะไม่เห็นด้วย บุปผารับปากว่าจะจัดการพ่อเอง บอกว่าชีวิตเพื่อนของลูกเหมือนพระเอกเรื่อง "นายจอมหยิ่งกับยอดหญิงจอมตื๊อ" วินตีหน้าตายถามว่าจริงหรือ
"ใช่จ้ะ...พระเอกเป็นคนหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี...ที่พยายามหนีผู้หญิงคอยตามตื๊อ...วินไปบอกเขาเลยว่าแม่จะคอยขวางผู้หญิงคนนั้นไว้เอง...ว่าแต่เพื่อนลูกชื่ออะไรนะ"
"อนาวิน...ครับ"
บุปผาร้องเอะอะดีใจที่เขาชื่อเหมือนวิน ยินดีจะช่วยเต็มที่ วินทั้งโล่งใจและหนักใจในคราวเดียวกัน...
ไอริณกลับถึงบ้านต้องประหลาดใจที่เห็นพ่อกับแม่ของเธอรออยู่ ทรุดตัวลงกราบที่ตักพิธานกับเดือนเต็มอย่างหญิงสาวผู้เรียบร้อย
"คุณพ่อคุณแม่จะมาทำไมไม่โทร.บอกริณก่อนคะ...ริณ จะได้ไปรับที่สนามบิน"
"พ่อไม่ชอบนั่งเครื่องบิน เลยให้วิชิตขับรถมา"
เดือนเต็มไม่อ้อมค้อมเข้าเรื่องที่ทั้งคู่ต้องลงมากรุงเทพฯ อย่างเร่งด่วนเพราะมีคนส่งคลิปไอริณตบกับลูกน้ำกลางห้างดัง มาให้พวกท่านดู ไอริณแย้งว่าไม่ใช่กลางห้างแต่เป็นบริเวณที่จอดรถ เดือนเต็มถามเหตุผลว่าทำไมต้องตีกันทั้งๆที่ไอริณ กับลูกน้ำเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก หรือว่าแย่งผู้ชายอย่างที่ใครๆเขาลือกัน ไอริณปฏิเสธว่าเปล่า
พิธานไม่พอใจมาก สั่งไอริณไปเก็บข้าวของเตรียมตัว กลับเชียงใหม่พร้อมกับท่าน ไอริณไม่อยากกลับ อ้างว่ามีงานต้องรับผิดชอบ พิธานไม่ยอมยืนกรานว่าเธอต้องกลับ เขาให้เวลา 3 วัน จัดการงานให้เรียบร้อย ไอริณพยายามขอร้องพ่อกับแม่ แต่ท่านทั้งสองไม่ใจอ่อน...จากนั้นไอริณโทร.ไปบอกข่าวร้ายให้เลอลักษณ์รู้ เลอลักษณ์ถึงกับใจหาย แนะนำให้ก้มกราบวิงวอนขอร้องให้พวกท่านเห็นใจ
"แกก็รู้ว่าคุณพ่อฉันเด็ดขาดแค่ไหน คุณแม่เคยช่วยก็ไม่ยอมช่วย...สงสัยว่าต่อไปนี้ ฉันจะต้องถูกกักบริเวณ อยู่ในเชียงใหม่ตลอดไป"
"เออ...นึกได้แล้ว คุณหญิงป้าไง...คุณหญิงป้าอาจจะช่วยได้ เดี๋ยวฉันจะโทร.บอกคุณหญิงป้าเอง"
ooooooo
คุณหญิงป้าทราบเรื่องจากเลอลักษณ์รีบมาหาพิธานกับเดือนเต็มที่บ้านไอริณแต่เช้า ป้าสร้อยขึ้นไปแจ้งให้ไอริณทราบว่าคุณหญิงป้ามา ไอริณขอร้องป้าสร้อยช่วยไปดูท่าทีของพ่อกับแม่ แล้วค่อยขึ้นมาบอกว่าเธอควรจะลงไปตอนไหน ป้าสร้อยรับคำ...
พิธานเชิญคุณหญิงป้ามานั่งที่ห้องรับแขก เดือนเต็มอับอายมากกับคลิปฉาวที่ร่อนไปทั่วเมืองเชียงใหม่
"เธอจ๋า คนไทยน่ะใจดี ลืมง่ายจะตาย เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด มันเกิดขึ้นทุกวัน เดี๋ยวก็มีเรื่องใหม่ๆเกิดขึ้นแล้วคนก็จะลืมเรื่องเก่าๆไป"
อ่านละครย่อเรื่องกุหลาบเหนือเมฆตอนที่ 6
(อ่านต่อพรุ่งนี้)
ตอนที่ 6 (ต่อจากวานนี้)
จากนั้นไม่นาน เรวัติติดหนวดปลอมใส่วิกกับแว่นดำเดินเข้ามาแตร่ๆแถวหน้าห้องฉุกเฉิน ทำทีเหมือนมารอญาติ หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมากางอ่าน แต่สายตาค่อยจับจ้องไปทางอรนิชที่กำลังนั่งร้องไห้ โดยมีอรนุชซึ่งใบหน้ามีปลาสเตอร์ ปิดรอยแผลที่มุมปาก และใส่แว่นดำปกปิดรอยช้ำรอบดวงตา นั่งหน้าหงิกมองน้องสาวอย่างรำคาญ
"เธอจะร้องไห้ให้มันได้อะไรขึ้นมา ฮึ...ยัยลูกนก...
ไอ้พี่พีน่ะ มันทรยศเธอนะ แถมคนที่มันไปกินข้าวด้วยก็คือนังไอริณ...ศัตรูหมายเลขหนึ่งของเรา"
อรนิชร้องไห้ฟูมฟายว่า ถ้าพีรเทพเกิดตายขึ้นมา เธอจะทำอย่างไร อรนุชสวนทันทีว่าให้เอาไปไว้วัด อรนิชน้อยใจที่พี่สาวเอาแต่โจมตีแฟนเธอตลอด ตัดพ้อว่าเพราะพีรเทพไม่ใช่แฟนอรนุช ถึงพูดแบบนี้ได้
"อ๋อ...ถ้าเป็นพี่วินทำ...พี่จะจ้างมือปืนมายิงให้พิการรู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ไปทำอย่างนี้อีก"
เรวัติได้ยินถึงกับสะดุ้ง หนังสือพิมพ์หลุดมือ รีบก้มเก็บขึ้นมาทำเป็นอ่านต่อ แต่คอยเงี่ยหูฟังทั้งคู่ตลอดเวลา จังหวะนั้น พีรเทพถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน ตามใบหน้ามีผ้าพันแผลปิดอยู่ แขนเข้าเฝือกอ่อนไว้และมีรอยช้ำทั่วตัว อรนิชปรี่เข้าไปหา คร่ำครวญว่าเขาถูกทำร้ายหนักถึงขนาดแขนหักเลยหรือ พีรเทพแย้งว่าแค่ร้าวเท่านั้น
"แหม...ทำไมไม่ขาดเสียให้หมดเรื่องหมดราวนะ" อรนุชตามเข้ามายืนด้านหลังน้องสาว ถลึงตาใส่พีรเทพ เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลขอให้ไปคุยกันต่อที่ห้องพักผู้ป่วย ก่อนเข็นรถเข็นไปที่ลิฟต์ สองพี่น้องเดินตาม...
ขณะเดียวกัน ในห้องทำงานของไอริณ เลอลักษณ์กำลังเอายาทาตรงบริเวณรอยช้ำใกล้คางกับมุมปากให้ไอริณ บ่นว่าอยากเห็นสภาพของพีรเทพมาก
"ป่านนี้ยัยลูกน้ำกับยัยลูกนกเอาไปไว้วัดเตรียมรดน้ำแล้วมั้ง...แหม...ลืมเรื่องสำคัญเสียสนิท...แกช่วยโทร.ไปเช็กกับวัติหน่อยสิว่า นายพีรเทพอยู่โรงพยาบาลอะไร ห้องไหน ฉันจะได้ส่งดอกไม้ไปเยี่ยมสักหน่อย"
เลอลักษณ์ยิ้มอย่างรู้ทัน "จะให้สั่งดอกไม้ที่ว่านั่นหรือเปล่าค่ะ"
"ใช่เลย...เอาพวงใหญ่สุดแบบที่เคยสั่งนะจ๊ะ...เพื่อนเด่น" ไอริณยิ้มสะใจ...
ขณะเรวัติกำลังบ่นให้วินฟังทางโทรศัพท์ ว่ารู้สึกแปลกๆที่เลอลักษณ์โทร.มาถามชื่อโรงพยาบาลกับหมายเลขห้องพักฟื้นของพีรเทพ เขาเหลือบเห็นชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในโรงพยาบาล พร้อมหิ้วถุงใบใหญ่ตรงไปที่ลิฟต์ ชักสังหรณ์ใจขึ้นมา รีบวางสายจากวิน แล้วเดินตามชายคนนั้นไป เห็นเข้าไปในห้องพักฟื้นของพีรเทพ
สักพักชายคนนั้นถูกผลักกระเด็นออกจากห้อง พวงหรีดลอยตามออกมา แล้วอรนิชเดินออกมายืนเท้าสะเอวหน้าตาเอาเรื่อง สั่งให้เอาพวงหรีดไปคืนคนส่ง ฝากไปบอกมันด้วยว่าเชิญเก็บเอาไว้ใช้เอง ก่อนปิดประตูใส่หน้า อรนุชฟันธงว่าต้องเป็นนังไอวัณโรคส่งมาแน่นอน พีรเทพหน้าเสียเกรงว่าจะเป็นลางร้ายอะไรหรือเปล่า
"อาจจะใช่ค่ะ" อรนุชตวัดสายตามองพีรเทพอย่างเคืองๆ
"พี่ลูกน้ำคะ...นกขอร้อง"
"กลับก็ได้ไม่ได้อยากจะอยู่นักหรอก" อรนุชหยิบกระเป๋าถือกับนิตยสารเล่มหนึ่งติดมือไปด้วย พอออกจากห้อง รีบยกหนังสือขึ้นบังหน้าเดินตรงไปที่ลิฟต์ เรวัติทำฟอร์มอ่าน หนังสือพิมพ์ แต่สายตาเหลือบมองเธอตลอด ครู่ต่อมาอรนุชก้าวออกจากลิฟต์เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น ยิ้มกว้างเมื่อเห็นเป็นเบอร์ของบุปผา รีบรับสายเสียงหวาน
"อันยองฮาเซโยค่ะ...คุณแม่ขา"
บุปผาหัวเราะคิกคักถูกอกถูกใจ พูดประโยคเดียวกันกลับไป แล้วชวนอรนุชมากินข้าวยำเกาหลีที่บ้านของเธอ อรนุชเอามือแตะแผลที่ปากก่อนจะบอกปัดว่าคืนนี้เธอไม่ค่อยสะดวก
"ทำไมล่ะจ๊ะ เสียงหนูไม่ค่อยดีเลย เอาอย่างนี้คุณแม่ จะให้พี่วินไปรับ หนูลูกน้ำพอจะสะดวกมั้ยจ๊ะ"
"สะดวกลื่นไหลเลยค่ะ คุณแม่...น้ำมีละครเกาหลีใหม่ๆอีกสามเรื่อง น้ำจะเอาไปให้คุณแม่ด้วยนะคะ"
"งั้นเดี๋ยวแม่โทร.บอกพี่วินเขาก่อนนะลูก"
"น้ำเกรงใจ๊ เกรงใจ พี่วินจะแย่...แต่ถ้าเป็นความประสงค์ ของคุณแม่...น้ำก็ต้องพยายามระงับความเกรงใจค่ะ...น้ำจะรออยู่ที่ออฟฟิศนะคะ" อรนุชวางสายยิ้มกริ่ม
ooooooo
ไอริณสีหน้าครุ่นคิดเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องทำงานตัวเอง แล้วหันไปทางเลอลักษณ์
"ฉันว่าฉันเห็นอีตากาแฟใส่นมที่ร้านนั่นแหละ...มากับยัยลูกน้ำยุงลาย"
"แกตาฝาดมั้ง...คุณกาแฟใส่นมของแกเขาจะไปกับยัยนั่นทำไม"
"นั่นแหละปัญหา เดี๋ยวพอหน้าตาค่อยยังชั่ว ฉันจะลากคอมาถามให้ได้"...
ขณะวินกำลังบ่นกับเรวัติอย่างเป็นกังวลว่า ไอริณอาจจะเห็นเขาแวบๆด้านหลังตอนไปกับอรนุชที่ร้านอาหาร บุปผาโทร.มาสั่งให้วินไปรับอรนุชที่ออฟฟิศแล้วพามาที่บ้านของเรา เรวัติตั้งข้อสังเกตว่าแม่ของวินท่าทางจะถูกใจอรนุชเป็นพิเศษ วินพยักหน้า ไม่ใช่แค่ถูกใจเท่านั้น แต่ถึงขนาดที่แม่อยากได้ มาเป็นลูกสะใภ้
"แล้วแกว่าไง...จะยอมรับยัยสวยสยองมั้ย"
"ยังไม่ยอมรับทั้งนั้นแหละ...ไปล่ะ" วินรีบออกไป เรวัติมองตามด้วยความเป็นห่วงปนสยองนิดๆ...
ไม่นานนัก รถของวินแล่นมาตามถนนในบ้าน บุปผากับอาทรออกมารอต้อนรับอรนุช โดยมีอรหญิงรับใช้ยืนเยื้องไปด้านหลัง อาทรทำหน้าเซ็งๆ สงสัยว่าทำไมต้องขนออกมากันทั้งบ้านแบบนี้ด้วย
"เพื่อแสดงถึงความรักความอบอุ่นในครอบครัวค่ะ และที่สำคัญเพื่อแสดงว่าทุกคนในบ้านนี้ยินดีต้อนรับหนูลูกน้ำ มาเป็นศรีสะใภ้" บุปผาสายตาจับจ้องรถของวินที่มาจอดตรงหน้า
อรนุชรีบเข้ามาไหว้พ่อแม่ของวินอย่างอ่อนช้อย ทุกคนมองเธออย่างตกตะลึง บุปผาถามว่าหน้าไปโดนอะไรมา อรนุชถอดแว่นดำออกน้ำตาไหลพราก บุปผาตกใจคิดว่าวินลงไม้ลงมือกับเธอ ตั้งท่าจะเล่นงานลูกชาย อรนุชจูงมือบุปผาเข้าไปคุยต่อที่ห้องดูทีวี เล่าให้ว่าที่แม่ผัวฟังทั้งน้ำตาว่า คนที่ทำกับเธอคือ เจ้าของหนังสือชิค วูแมน
"แล้วทำไมหนูไม่ตบมันบ้างล่ะลูก" บุปผาคอยส่งกระดาษทิชชูให้อรนุช
"เพราะหนูเป็นผู้ดีค่ะ ตั้งแต่เกิดมาคุณพ่อคุณแม่ พร่ำสอนให้เป็นคนดี ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่ทำร้ายผู้อื่น ไม่ ใส่ร้ายคนอื่น เป็นต้นค่ะ...คุณแม่"
"โถ สั่งสอนแต่ของดีๆทั้งนั้นเลย มิน่า...หนูลูกน้ำถึงได้เป็นคนดี ไม่มีติแบบนี้" บุปผายิ่งปลื้มอรนุชมากขึ้น...
ทางด้านวินเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆให้พ่อฟัง ซึ่งต่างจากที่อรนุชเล่าให้บุปผาฟังโดยสิ้นเชิง เว้นแต่คู่กรณีของอรนุชยังคงเป็นไอริณ ผู้หญิงที่อาทรเคยเจอแล้ว แถมยังชมว่าเธอมีน้ำใจ
"ไม่น่าเชื่อ...หนูลูกน้ำก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน...แกเห็นกับตาแน่นะ"
"โธ่...คุณพ่อ...เห็นคาสองตานี่เลยครับ แถมผมยังเป็นคนพาน้องลูกน้ำไปทำแผลที่ รพ.ด้วย"
อาทรสงสัยว่าสองสาวมีเรื่องอะไรกันถึงได้สวมวิญญาณอาฆาตขนาดนั้น วินคิดว่าคงเป็นเพราะต้องการแย่งกันเป็นเจ้ายุทธจักรหนังสือผู้หญิง อาทรอยากรู้ว่าใครผิดใครถูก วินลงความเห็นว่าผิดทั้งคู่...
อรนุชยังคงพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้ไอริณไม่หยุด จนบุปผาเชื่อสนิทว่าไอริณเป็นคนร้ายกาจ ขณะที่อรนุชดีแสนดี คิดแต่จะให้อภัย ไม่เคยอาฆาตพยาบาทจองเวรใคร แม้ว่าคนคนนั้นจะทำร้ายเธอขนาดไหน
"แต่ต่อไปนี้ห้ามคุณแม่ซื้อหนังสือ ชิค วูแมนเด็ดขาดนะคะ แล้วก็ช่วยบอกต่อทุกๆคนที่คุณแม่รู้จักด้วยค่ะ"
"ไม่อาฆาตพยาบาทเลยหรือจ๊ะ" บุปผาถึงกับเซ่อรับประทาน...
ดึกมากแล้ว ตอนที่วินขับรถมาส่งอรนุชที่บ้าน อรนุชใช้มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนโกหกวินว่ามีอะไรเข้าตา วินหลงกล อาสาจะดูให้ ขณะก้มมองหาเศษผงในตาอรนุชซึ่งไม่มีวันจะหาเจอ เธอก็แกล้งขยับเข้าใกล้จนหน้าเกือบจะชนกัน วินรู้สึกตัวรีบขยับออกห่าง แล้วลงมาเปิดประตูรถให้ อรนุชก้าวลงมาแกล้งเซให้วินรับไว้ในอ้อมแขน ทั้งสองคนยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนผละจากกัน
อรนุชทำเป็นเขิน ขอบคุณวินที่มาส่ง แล้วเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์...
วินเพิ่งกลับเข้าบ้านตัวเองหลังจากส่งอรนุช ไอริณก็โทร.มาหา สั่งให้ไปพบเธอวันพรุ่งนี้ วินแดกดันว่าเขาไปกินเงินเดือนจากเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงได้สั่งเอาๆ ราวกับเป็นเจ้านาย
"อย่าลืมล่ะ 9 โมงเช้า ที่ร้านกาแฟเยื้องๆออฟฟิศฉัน" ไอริณวางสายทันที
วินวางโทรศัพท์ลงอย่างเซ็งๆที่เธอคอยตามจิกไม่เลิก
ooooooo
วินมาถึงร้านกาแฟตรงตามนัด เห็นไอริณนั่งหันหลังให้ เดินเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงข้าม ทำเป็นแปลกใจ ว่าทำไมวันนี้ไอริณนึกครึ้มอะไรถึงสวมแว่นดำ ไอริณ จ้องจับผิดเขาเขม็ง
"เมื่อวานตอนเย็นคุณอยู่ที่ไหน"
"เดี๋ยว...นึกก่อน...ตอนเย็นๆ...อ๋อ...ผมยังอยู่ที่บูธในงานบ้านจัดสรรและคอนโดฯที่เมืองทองธานีครับ"
ไอริณอ้างว่าเธอเห็นเขาที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งกลางห้างฯดัง วินท้วงว่าถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่เข้ามาทัก ไอริณ ไม่พอใจ สั่งห้ามเขาพูดจายอกย้อนกับเธอ วินทำไม่รู้ไม่ชี้ หยิบเมนูขึ้นมาดู ไอริณไม่พอใจ คว้าเมนูจากมือเขา คาดคั้นให้เขาตอบว่าเคยไปร้านที่เธอว่าหรือเปล่า วินถอนใจเฮือก
"ไอ้ร้านที่คุณว่านั่น...อย่าว่าแต่จะเคยไปเลย แม้แต่ชื่อผมก็ไม่เคยได้ยิน...แน่ใจนะว่าไม่ได้ตาฝาด มองเห็นใครเป็นผมไปหมด" วินยิ้มยั่ว
ไอริณขบกรามแน่น ยื่นหน้าเข้าใกล้ วินยื่นหน้าเข้าไปบ้าง ยิ้มกวนๆใส่ ไอริณเลยด่าว่า "ไอ้บ้า" แล้วลุกพรวดออกไป วินถึงกับสะดุ้ง หุบยิ้มทันที...ครู่ต่อมา ไอริณเข้ามาในห้องทำงาน เธอ เจอคุณหญิงป้าสีหน้าบึ้งตึงและเลอลักษณ์นั่งหน้าจ๋อยรออยู่ ไอริณไหว้ทักทายคุณหญิงป้า ถามว่ามีธุระอะไรจะใช้เธอหรือ
"ธุระอะไรเรอะ...ช่วยกรุณามาดูนี่หน่อย" คุณหญิงป้าเรียกเสียงเข้ม
ไอริณยิ้มหวานเดินเข้ามาหา คุณหญิงป้าหยิบโทรศัพท์ มือถือขึ้นมากดแล้วส่งให้ ไอริณรับโทรศัพท์มาดู เห็นคลิปที่เธอกับอรนุชกำลังตบตีกันก็ตกใจ ร้องเอะอะว่ามีคนถ่ายคลิปไว้ ด้วยหรือ
"อ๋อ...ไม่ได้ถ่ายไว้เฉยๆจ้ะ แต่ยังส่งให้ดูกันทั่วบ้านทั่วเมือง คุณหญิงป้าเห็นแล้วอยากจะเป็นลม...หลานริณ นี่หลานคิดยังไงถึงได้กล้าหาญชาญชัยไปตบกันในห้างฯอย่างนั้น"
"ก็เขามาตบริณก่อนนี่คะ"
ไอริณคิดว่าคุณหญิงป้าไม่พอใจที่เธอไปมีเรื่อง แต่ ที่ไหนได้ท่านกลับยุส่งว่าทีหลังตบอรนุชให้คว่ำ แถมเล่าถึงตอนที่ท่านเองยังสาวๆ และมีเรื่องตบตีกับวาริรินทร์ นึกเสียดายที่สมัยนั้นยังไม่มีคลิป แล้วเอ่ยปากชวนทั้งคู่ไปช็อปปิ้ง เลอลักษณ์ อึกอัก คุณหญิงป้าคะยั้นคะยอให้ไปเป็นเพื่อน รับปากว่าจะซื้อกระเป๋าให้คนละใบเป็นการตอบแทน
"ใบละ 199 หรือเปล่าคะ" ไอริณแซว
"แหม...แพงกว่านั้นก็ได้...เกิดมาใช้เงิน เกิดมาใช้ทอง... ไปเร็ว" คุณหญิงป้าเดินนำสองสาวออกไป...
ที่ร้านอาหารเจ้าประจำของคุณหญิงป้า อรนุชซึ่งสวมแว่นดำอำพรางกับอรนิช และวาริรินทร์กับนิคแฟนหนุ่มนัดมากินข้าวด้วยกัน วาริรินทร์ขอดูร่องรอยจากการตบตีกับไอริณ อรนุชมองซ้ายมองขวา แล้วค่อยๆดึงแว่นลงมา แค่พอเห็นรอยเขียวคล้ำใต้ตา บอกว่าดีขึ้นกว่าวันแรกๆมาก นิคมองยิ้มๆบอกว่าเดี๋ยวก็สวยเหมือนเดิม
วาริรินทร์กระแอมเบาๆเหมือนจะปราม นิคกลับคิดว่าอะไรติดคอ อรนุชรู้งานรีบบอกว่าถึงอย่างไรก็สวยสู้วาริรินทร์ ไม่ได้ อรนิชรับลูกทันทีว่าจริง เพราะวาริรินทร์สวยอมตะอยู่แล้ว วาริรินทร์ยิ้มพอใจ
ooooooo
คุณหญิงป้าซื้อกระเป๋าแจกหลานสาวทั้งสองเรียบร้อย ทั้งหมดก็ออกจากร้าน เลอลักษณ์ตาไวเห็นวิทวัสหรือคุณอนาวินตัวปลอมกับวินหรือนายกาแฟเดินออกมาจากฟิตเนส โดยนายกาแฟเดินนำหน้า คุณอนาวินหอบข้าวของพะรุงพะรังเดินตาม เธอร้องเอะอะด้วยความดีใจ ไอริณกับคุณหญิงป้ามองตามสายตาเลอลักษณ์
"ต๊าย...จ๋องเชียว มองอย่างนี้ไม่รู้ใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นลูกน้องกันแน่"
ไอริณตะโกนเรียกนายกาแฟดังลั่น วินตกใจ ชะงัก แต่ ไม่หันไปมอง ตั้งสติได้รีบหันมายกมือไหว้ขอบคุณวิทวัส แล้วคว้าข้าวของจากมือเขามาถือเอง วิทวัสตกใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเจ้านาย
"คุณวินครับ..."
"นายชื่ออนาวิน ส่วนฉันชื่อกาแฟ...อย่าลืม" วินกระซิบเสียงเข้ม
ไอริณรีบเดินเข้ามาเรียกนายกาแฟ วินทำเป็นเพิ่งได้ยินเสียงเรียก หันมาไหว้ไอริณ แล้วไหว้คุณหญิงป้ากับเลอลักษณ์ ที่เพิ่งเดินเข้ามา ทุกคนรับไหว้ ไอริณหันไปไหว้ทักทายคุณอนาวิน คุณอนาวินสะดุ้งเฮือก รับไหว้แทบไม่ทัน
"คุณอนาวินเพิ่งปรารภกับผมว่า อยากจะพบคุณไอริณ... จริงไหมครับคุณอนาวิน"
"มั้ง...ครับ" คุณอนาวินเสียงสั่น
คุณหญิงป้าเสนอให้ไปหาที่คุยกันไปกินอาหารกันไปดีกว่าจะยืนคุยกันตรงนี้ ทุกคนเห็นด้วย คุณหญิงป้าเดินนำมาที่ร้านอาหารเจ้าประจำ พลางบ่นว่ามาร้านนี้ทีไรเจอยัยวานรแทบทุกที ไอริณภาวนาขออย่าให้เจอ แต่บังเอิญวันนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคงลาพักร้อน พอทุกคนโผล่เข้ามาแค่หน้าประตูร้าน ก็เห็นกลุ่มของวาริรินทร์นั่งกินอาหารอยู่
นายกาแฟรีบคว้าแขนคุณอนาวินหันหลังกลับชิ่งหนีทันที ไอริณพยายามจะเรียกแต่ไม่ทัน ทั้งคู่จ้ำอ้าวออกไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มของวาริรินทร์หันมามอง แต่นายกาแฟหนีรอดสายตาอรนุชไปได้อย่างเฉียดฉิว บริกรหญิงพากลุ่มของไอริณมานั่งโต๊ะซึ่งติดกับโต๊ะของกลุ่มวาริรินทร์พอดี คุณหญิงป้าแกล้งบ่นดังๆให้ได้ยินกันทั่ว
"ไม่มีโต๊ะที่บรรยากาศดีกว่านี้แล้วหรือจ๊ะ...เธอ"
"เอ้อ...พอดีว่างโต๊ะเดียวค่ะ"
วาริรินทร์พูดลอยๆขึ้นว่า ถ้าลำบากมากนักก็ไปหากินร้านอื่น คุณหญิงป้าโต้กลับลอยๆเช่นกันว่าถ้าจะกินร้านนี้ใครหน้าไหนจะทำไม คุณหญิงป้าเชิดคอ หน้าตั้ง ลงนั่งที่โต๊ะนั้น ไอริณและเลอลักษณ์นั่งตาม
"อ้าว...แล้วนี่คุณอนาวินกับนายกาแฟหายไปไหนล่ะ" คุณหญิงป้าเพิ่งนึกได้
อรนุชถึงกับหูผึ่ง หันขวับมามอง ไอริณบังเอิญหันมาเจอพอดี อรนุชทำเป็นเพิ่งเห็น ร้องทักไอริณว่ามากินข้าวหรือ ทำไมใจเราสองคนถึงตรงกันจริงๆ ไอริณยิ้มเฉือดเฉือนแล้วว่า ไม่ใช่แค่ใจ แต่บาดแผลของเรายังตรงกันอีก
"เอ๊ะ...แล้วนี่จะมีแฟนคนเดียวกันมั้ยเอ่ย"
"มันเป็นเรื่องของอนาคตและอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน จ้ะ ลูกน้ำเพื่อนเลิฟ"
"เอาเป็นว่าต่างคนต่างก็ระวังของๆตัวไว้ให้ดีนะจ๊ะ ริณเพื่อนเลิฟ" อรนุชยิ้มหน้าระรื่น
หลังจากรุ่นเล็กปะทะคารมพอเจ็บๆคันๆก็ถึงคิวของรุ่นใหญ่ คุณหญิงป้ากับวาริรินทร์ด่ากันไปด่ากันมาพอเรียก น้ำย่อย แล้ววาริรินทร์เรียกคุณหญิงป้าดาริกาว่า "คุณหญิงอีกา" ส่วนคุณหญิงป้าก็เรียกวาริรินทร์ว่า "นังวานร" วาริรินทร์ ภูมิต้านทานการถูกด่าต่ำกว่า เลยทนไม่ไหวถึงกับกรี๊ดสนั่น นิคเห็นท่าไม่ดี ดึงวาริรินทร์ให้ลุกหนี วาริรินทร์ทำท่าจะไม่ยอม แต่นิคดึงออกไปจนได้ อรนุชกับอรนิชรีบเช็กบิลแล้วลุกตาม ขณะที่คุณหญิงป้าหัวเราะชอบใจ...
พอกลับถึงบ้าน อรนุชถามน้องสาวว่าได้ยินที่คุณหญิงอีกาถามว่า คุณอนาวินกับใครอีกคนหายไปไหนหรือเปล่า อรนิชได้ยินเช่นกัน อรนุชหน้าเครียดทันที คิดว่าพี่วินของเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย เพราะรู้จักนิสัยไอริณดี รู้ว่าไอริณกำลังคิดจะทำอะไรกับเขา
"แบบเดียวกับที่พี่น้ำคิดจะทำกับแฟนของมันหรือคะ"
อรนุชพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาคิมหันต์ คิมหันต์รายงานว่าได้ชื่อและที่อยู่แล้วว่าชื่อวิทวัส อยู่คอนโดฯแถวลาดพร้าว ที่ทำงานยังสืบไม่ได้ นายคนนี้เป็นคนค่อนข้าง เก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แล้วรับปากว่าจะสืบทุกอย่างมาให้ โดยเร็วที่สุด อรนุชวางสาย หันมาถ่ายทอดคำพูดของคิมหันต์ให้ น้องสาวฟังอีกที...
ขณะเดียวกัน วินมาหาเรวัติที่ห้องพัก ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดีกับวิทวัส วินจะให้เขาย้ายเข้ามาอยู่คอนโดฯเดียวกับเรวัติ แล้วแต่งเรื่องว่าอยากแยกมาอยู่ตามลำพัง แต่ เรวัติไม่เห็นด้วย ไอริณต้องสืบจนได้ว่าบ้านคุณอนาวินอยู่ที่ไหน แล้วจะเข้าไปทำความรู้จักกับพ่อแม่ของเขา วินสะดุ้ง คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไร
"ให้เข้าไปอยู่ในบ้านแก...คุณแม่แกชอบหนังเกาหลีใช่มั้ย แกก็สร้างเรื่องสู้ชีวิตประทับใจแบบเกาหลีให้วิทวัส ขี้คร้านคุณแม่จะสงสารน้ำตาท่วมบ้าน"
วินไม่อยากโกหกพ่อกับแม่ เรวัติอาสาจะโกหกเอง เพียงแต่วินต้องเป็นคนไปเล่าเรื่องโกหกที่เขาแต่งให้พ่อกับแม่ฟัง วินนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า เรวัติอ้างว่าวินเริ่มเรื่องโกหกมาตั้งแต่ต้น ไม่อย่างนั้นไอริณคงไม่เข้าใจผิดมาจนป่านนี้ วินแก้ตัวว่าไอริณเข้าใจผิดเองต่างหาก เขาแค่ปล่อยเลยตามเลย
"ก็นั่นแหละ แต่การโกหกครั้งนี้ไม่มีอันตราย ตรงกันข้าม มันเป็นไปเพื่อความปลอดภัยของแกด้วย"
วินคิดหนัก ก่อนจะเห็นคล้อยตามเรวัติ
ooooooo
วินกลับถึงบ้าน เล่าเรื่องที่เรวัติแต่งขึ้นให้แม่ฟัง บุปผาเห็นใจเพื่อนของลูกชายมาก อนุญาตให้พามาอยู่ที่เรือนหลังเล็ก วินเกรงใจพ่อ กลัวจะไม่เห็นด้วย บุปผารับปากว่าจะจัดการพ่อเอง บอกว่าชีวิตเพื่อนของลูกเหมือนพระเอกเรื่อง "นายจอมหยิ่งกับยอดหญิงจอมตื๊อ" วินตีหน้าตายถามว่าจริงหรือ
"ใช่จ้ะ...พระเอกเป็นคนหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี...ที่พยายามหนีผู้หญิงคอยตามตื๊อ...วินไปบอกเขาเลยว่าแม่จะคอยขวางผู้หญิงคนนั้นไว้เอง...ว่าแต่เพื่อนลูกชื่ออะไรนะ"
"อนาวิน...ครับ"
บุปผาร้องเอะอะดีใจที่เขาชื่อเหมือนวิน ยินดีจะช่วยเต็มที่ วินทั้งโล่งใจและหนักใจในคราวเดียวกัน...
ไอริณกลับถึงบ้านต้องประหลาดใจที่เห็นพ่อกับแม่ของเธอรออยู่ ทรุดตัวลงกราบที่ตักพิธานกับเดือนเต็มอย่างหญิงสาวผู้เรียบร้อย
"คุณพ่อคุณแม่จะมาทำไมไม่โทร.บอกริณก่อนคะ...ริณ จะได้ไปรับที่สนามบิน"
"พ่อไม่ชอบนั่งเครื่องบิน เลยให้วิชิตขับรถมา"
เดือนเต็มไม่อ้อมค้อมเข้าเรื่องที่ทั้งคู่ต้องลงมากรุงเทพฯ อย่างเร่งด่วนเพราะมีคนส่งคลิปไอริณตบกับลูกน้ำกลางห้างดัง มาให้พวกท่านดู ไอริณแย้งว่าไม่ใช่กลางห้างแต่เป็นบริเวณที่จอดรถ เดือนเต็มถามเหตุผลว่าทำไมต้องตีกันทั้งๆที่ไอริณ กับลูกน้ำเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก หรือว่าแย่งผู้ชายอย่างที่ใครๆเขาลือกัน ไอริณปฏิเสธว่าเปล่า
พิธานไม่พอใจมาก สั่งไอริณไปเก็บข้าวของเตรียมตัว กลับเชียงใหม่พร้อมกับท่าน ไอริณไม่อยากกลับ อ้างว่ามีงานต้องรับผิดชอบ พิธานไม่ยอมยืนกรานว่าเธอต้องกลับ เขาให้เวลา 3 วัน จัดการงานให้เรียบร้อย ไอริณพยายามขอร้องพ่อกับแม่ แต่ท่านทั้งสองไม่ใจอ่อน...จากนั้นไอริณโทร.ไปบอกข่าวร้ายให้เลอลักษณ์รู้ เลอลักษณ์ถึงกับใจหาย แนะนำให้ก้มกราบวิงวอนขอร้องให้พวกท่านเห็นใจ
"แกก็รู้ว่าคุณพ่อฉันเด็ดขาดแค่ไหน คุณแม่เคยช่วยก็ไม่ยอมช่วย...สงสัยว่าต่อไปนี้ ฉันจะต้องถูกกักบริเวณ อยู่ในเชียงใหม่ตลอดไป"
"เออ...นึกได้แล้ว คุณหญิงป้าไง...คุณหญิงป้าอาจจะช่วยได้ เดี๋ยวฉันจะโทร.บอกคุณหญิงป้าเอง"
ooooooo
คุณหญิงป้าทราบเรื่องจากเลอลักษณ์รีบมาหาพิธานกับเดือนเต็มที่บ้านไอริณแต่เช้า ป้าสร้อยขึ้นไปแจ้งให้ไอริณทราบว่าคุณหญิงป้ามา ไอริณขอร้องป้าสร้อยช่วยไปดูท่าทีของพ่อกับแม่ แล้วค่อยขึ้นมาบอกว่าเธอควรจะลงไปตอนไหน ป้าสร้อยรับคำ...
พิธานเชิญคุณหญิงป้ามานั่งที่ห้องรับแขก เดือนเต็มอับอายมากกับคลิปฉาวที่ร่อนไปทั่วเมืองเชียงใหม่
"เธอจ๋า คนไทยน่ะใจดี ลืมง่ายจะตาย เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด มันเกิดขึ้นทุกวัน เดี๋ยวก็มีเรื่องใหม่ๆเกิดขึ้นแล้วคนก็จะลืมเรื่องเก่าๆไป"
อ่านละครย่อเรื่องกุหลาบเหนือเมฆตอนที่ 6
(อ่านต่อพรุ่งนี้)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)