@^@..อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 1

@^@..อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 1
ตอนที่ 1

ในสโมสรคืนนี้มีนักธุรกิจมาพบปะสังสรรค์กันตามปกติ ที่มุมหนึ่งชายสี่คนกำลังคร่ำเคร่งในวงไพ่ ทุกคนล้วนเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นนักธุรกิจระดับชั้นนำของเมืองไทย คุณราญ หนุ่มใหญ่วัยเข้าสู่ 50 ปี มองไพ่ที่ขึ้นในมือ แล้ววางชิพลงตรงหน้า ประกาศอย่างมั่นใจ

"ล้านนึง" เสียงราญดัง สร้างความฮือฮากันไปอีกหลายคน...

"ผมหมอบ" คุณนพดลคว่ำไพ่หมอบดั่งวาจา

"ผมเกอีกหนึ่งล้าน เป็นสองล้าน" นั่นเป็นเสียงคุณอารยะ วางชิพลงสู้เต็มที่...ทุกคนจ้องตาเป็นมัน

"ใจถึงอย่างนี้สิสนุก" ราญมองอารยะเสี่ยใหญ่ที่เกทับมา แล้วหันไปทางคุณชัค หนุ่มวัยยังไม่ถึงสามสิบ "ว่าไงเสี่ยชัค ไพ่ในมือสวยพอจะสู้ไหมครับ" ทุกคนมองมาที่ชัคว่าจะสู้ไหม แล้วทุกคนต่างผิดหวังที่ชัคคว่ำไพ่ลง...เสี่ยใหญ่ อารยะหยันนิดๆ

"ว้า คิดว่าเสี่ยจะยอมเอาเศษเงินในตู้เซฟเล็กๆน้อยๆมาเสี่ยงร่วมสนุกกับเราเสียอีก"

"เงินของผมแม้แต่บาทเดียว ผมก็ไม่เคยคิดว่ามันเป็นเศษเงิน" ชัคโต้กลับอย่างมั่นใจในตัวเอง

"เอาละ..." เสี่ยใหญ่อารยะหันไปทางราญ "เหลือผมกับคุณสองคนแล้วนะคุณราญ จะสู้กับผมไหม หรือจะหมอบก็ได้นะ"

"ทั้งกองน่าจะสิบล้านขึ้น ผมขี้เกียจนับ ถ้าคิดว่ามันมากเกินไปจะหมอบก็ได้นะ คุณอารยะ"

"คนอย่างอารยะไม่เคยถอย" อารยะรับคำท้าของราญผลักชิพทั้งหมดหน้าตักใส่ทันที เสียงทั้งวงฮือฮามาก...ราญยอดนักพนันยิ้มอย่างมั่นใจ พร้อมหงายไพ่ทันที ประกาศอย่างมั่นใจว่าสบาย

"ของผมสี่คิง" ไพ่ของเขาสี่คิง "วันนี้คุณพกของดีมาหรือเปล่า คุณอารยะ สเตรทฟลัสเท่านั้นที่จะชนะผมได้" เสียงฮือดังรอบวง ทุกคนหันไปทางอารยะ

"บังเอิญผมพกของดีมาซะด้วย" อารยะหงายไพ่ขึ้นมา เสียงฮือดังกว่าอย่างตื่นเต้น นพดลร้อง

"ไพ่คุณอารยะสเตรทฟลัสจริงๆด้วย" ทั้งวงต่างตะลึงลานไปตามๆกัน...ราญหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

อารยะโกยชิพมากองไว้ตรงหน้าตักอย่างอิ่มเอิบในชัยชนะ ดึงเช็คในกองออกมาจูบชื่นใจ แต่ไปยียวนราญที่หมดตัวไปแล้ว เขาหยิบเหล้ามากระดกใส่ปาก ดีดเท้าใส่เก้าอี้ล้มเค้เก้ ปากร้องโวยวายระบายความชอกช้ำที่เสียพนันจนหมดตัว...ชัค

มองราญอย่างน่าสมเพชที่เขาถูกผีพนันสิงอย่างหนัก...

ชัคออกจากวงไพ่มายืนคุยกับนักธุรกิจอีกคนทางด้านนอก...กำลังจะเดินออกประตูกลับไป ราญกลับวิ่งตามมาเรียกชัค...

"เสี่ย...รอผมด้วย" ชัคหันไป ราญรีบเสนอ "คือ...เอ่อ... ผมอยากรบกวนเสี่ยสักหน่อยครับ ไม่มากมายหรอกครับเสี่ย...สักห้าล้านก็พอ...นะครับเสี่ย...ไพ่ผมขึ้นมากเลย ถ้าเสี่ยยอมให้ผมไปเล่นต่อละก็ รับรองว่าผมมีเงินไปใช้เสี่ยทั้งหนี้เก่าหนี้ใหม่แน่เลย ดีไม่ดีมีดอกให้ด้วยนะครับ"

"แล้วถ้าคุณเสียล่ะ...คุณราญครับ คุณคงลืมไปแล้วว่าเรามาที่นี่เพื่อพบปะสังสรรค์กันเพื่อธุรกิจเท่านั้น แต่ตอนนี้ คุณราญถลำลึกไปมากแล้ว คุณควรหยุดก่อนดีกว่า ก่อนที่คุณจะไม่เหลืออะไรเลย"

"เสี่ยครับ เสี่ยยังหนุ่มกว่าผมเยอะ ขอร้องอย่ามา

สอนผมเรื่องพวกนี้ ผมอาจไม่มีโชคทางธุรกิจ แต่ดวงอย่างอื่น ผมไม่แพ้เสี่ยหรอกนะ นี่ผมอุตส่าห์คิดว่าเสี่ยจะเป็นที่พึ่งผมได้ ผมถึงกล้ามาขอความช่วยเหลือ แต่เสี่ยกลับมาพูดกับผมแบบนี้ มันไม่น่าฟังเลย"

"คุณราญ...ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ช่วยคุณนะ แต่เงินทุกบาททุกสตางค์ของผมมีค่า ผมขอใช้เงินช่วยเหลือคุณราญ เมื่อถึงเวลาจำเป็นจริงๆดีกว่า เพราะเรื่องการพนัน ผมว่ามันไร้สาระ"

"ขอบคุณในความหวังดีของเสี่ย" ราญงึมงำ แล้วรำพึงเบาๆ "ผมจะจำคำพูดของเสี่ยไว้นะ" ชัคขอตัวกลับไป ราญยังไม่ยอมแพ้ "แต่ไอ้เรื่องไร้สาระของเสี่ยมันคือความสุขของผม เพราะคนอย่างผม ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการพนัน" นี่คือผีพนันยังเกาะบ่าไม่ยอมหนีไปไหน...

ooooooo

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่ห้องพักของหญิงสาวที่ชื่อ ตะวันฉายในอพาร์ตเมนต์หนึ่งในออสเตรเลีย ตะวันฉาย สาวลูกครึ่งไทยออสเตรเลียที่มารดาของเธอเสียไปแล้ว ที่นี่เธอไม่มีใคร ที่พักนี้ก็เช่าเขาอยู่เท่านั้น...ตะวันตื่นงัวเงีย ขึ้นมารับสาย...แล้วเธอกลับตื่นตัว ร้องขึ้นอย่างแตกตื่น

"พ่อ...พ่อทำไมเหรอคะ...พ่อ..." ตะวันฉายร้องขึ้นอย่างกดดันสุดขีดเมื่อได้รับข่าวพ่อ...แล้วล้มฟุบสลบไปทันที...เสียงทุบประตูดังขึ้นอย่างถี่ยิบ ร้องเรียกตะวัน ถามว่าเป็นอะไร ร้องขอให้เปิดประตู...

เสียงชายหนุ่มหญิงสาวสองคนช่วยกันเรียกและทุบประตู จนกระทั้งต้องกระแทกประตูอย่างแรงหลายครั้งจนประตูเปิด...ชายหญิงพื่อนของตะวันวิ่งเข้ามาเห็นสลบไป ยิ่งตกใจช่วยกันจับตัวเขย่าเรียกอยู่หลายคำ ตะวันจึงเริ่มลืมตาตื่น พอเห็นหน้าเพื่อนสาว ตะวันผวากอดเพื่อนร้องไห้โฮ

"พ่อ...พ่อฉันตายแล้ว..." เพื่อนหญิงกอดเธอไว้แน่นด้วยความสงสาร...เพื่อนชายช่วยปลอบอีกแรง

หลังจากพลิกฟื้นคืนสติแล้ว ตะวันบอกเพื่อนทั้งสองว่า เธอจะต้องกลับเมืองไทย จะไปนานแค่ไหนไม่รู้ แต่เธอต้องไปจัดการเรื่องพ่อของเธอก่อน เพื่อนทั้งสองได้แต่พลอยสลดใจไปด้วย...

ooooooo

ดนตร์ หนุ่มเจ้าสำราญเพิ่งกลับจากไปพักผ่อนต่างประเทศ ลงมาที่สนามบินสุวรรณภูมิยืนยิ้มเผล่ลงบันไดเลื่อนพร้อมกระเป๋าเดินทาง ทักทายแอร์โฮสเตสสาวๆที่สวนขึ้นมา ทักกันอย่างคุ้นเคย เขาตอแยสาวๆสวยๆ จนเธอโต้กลับว่า เขาปากหวานไปเรื่อย

ลงบันไดเลื่อน ขณะที่ตะวันเดินทางกลับเมืองไทย พอเขาเห็นตะวันอย่างถนัดตา แม้ว่าเธอจะผ่านการร้องไห้มาใหม่ๆ แต่ดนตร์ตะลึงลานในความงามของตะวันอย่างช่วยไม่ได้....เขามองตามจนลับตาเหมือนต้องมนต์

ตะวันมายืนรอที่คิวแท็กซี่ ดนตร์เดินมาเห็น กำลังจะเดินไปหา เห็นผู้หญิงคนหนึ่งมาหยิบกระเป๋าของตะวันไป เขาจึงรีบไปบอกเธอว่ากระเป๋าคุณไปโน่นแล้ว ตะวันรู้สึกตัววิ่งตามไปเอากระเป๋า ดนตร์ตามไปบอกเจ้าหน้าที่ให้มาดูแล ผู้หญิงคนนั้นรู้ตัวจึงรีบขอโทษ เธอหยิบกระเป๋าผิดไป...

ตะวันหันมาขอบคุณดนตร์ที่ช่วยบอกเธอ ดนตร์ยิ้มหวานเยิ้มใส่ ถามไถ่จะไปไหน พอเธอบอก เขารีบรวบรัดตัดความว่า เธอโชคดี เขาผ่านทางนั้นพอดีเป๊ะ ถ้าไม่รังเกียจเขาจะไปส่งให้ ตะวันมองเขา ทีแรกไม่ไว้ใจ แต่พอมีผู้ใหญ่คนหนึ่ง ท่าทางภูมิฐานมาทักทายเขา ถามถึงคุณพ่อ แล้วว่างๆจะไปเยี่ยมท่าน....ดนตร์หันมาทางตะวัน

"ว่าไงครับ ตกลงให้ผมไปส่งคุณนะ ไม่ต้องกลัวจะพาไปขายน่า คนรู้จักผมเยอะแยะไปหมดเห็นไหม...โน้นกล้องวงจรปิดไม่รู้กี่ตัว" ตะวันลังเล แต่มองท้องฟ้าเห็นครึ้มฝน ดนตร์เร่งอีก "ฝนจะตกแล้วนะครับ เรารีบไปกันเถอะ ขืนช้ามีหวังรถติดหนัก" ดนตร์ยิ้มดีใจ เมื่อตะวันพยักหน้าแบบฉันก็เลยโอเค...

นั่งกันมาในรถดนตร์ เขาซักถามเธอว่าไปเที่ยวเมืองนอก มาใช่ไหม ตะวันบอกเปล่า งั้นก็เรียนจบมาแน่ๆ เธอบอกเปล่าอีก เขาจึงย้ำว่า พูดได้คำเดียวหรือไง เธอกลับบอกเปล่าอีก นายดนตร์ จึงขำว่าพูดได้คำเดียวจริงๆ ตะวันมองเขาอีกครั้ง จึงเริ่ม ผ่อนคลายลง

"ฉันมาจากออสเตรเลียค่ะ แล้วกลับมาทำธุระสำคัญที่นี่...คุณแน่ใจนะคะว่าไปหมู่บ้านฉันถูก"

"แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ เพราะบ้านคนรู้จักผม ก็อยู่แถวนั้นเหมือนกัน" ดนตร์ยิ้มแอบมองอีก

เมื่อเข้าไปในหมู่บ้าน ตะวันมองฝ่าสายฝนที่ปรอยเม็ดลงมาอย่างจดจ้อง เขารอฟังว่าซอยไหน...เมื่อเห็นยังลังเล จึงถามแล้วได้ยินว่าเธอไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้กลับมาสิบกว่าปีแล้ว เขาจึงอาสาวนไปรอบๆให้อีก...

แล้วตะวันก็สั่งให้จอดกะทันหันเมื่อมาถึงซอยหนึ่ง เธอเปิดรถลากกระเป๋าลง เขาเข้าไปส่งถึงหน้าบ้านก็ไม่ยอม... ดนตร์จึงให้เธอลากกระเป๋าเข้าไปหาบ้านในซอยเอง แล้วก็ตกใจ เพราะยังไม่ได้ถามชื่อแซ่เลย...แต่เมื่อคิดว่าแถวนี้ วันหลังคงมาหาไม่ยาก

ตะวันลากกระเป๋าเข้าไปในซอย แล้วก็ถอนใจเฮือกใหญ่ เพราะไม่ใช่บ้านพ่อ จึงต้องลากกระเป๋าออกมาเดินหาต่อ... กระทั่งมาถูกซอย จึงพบบ้านที่คุ้นๆ ดีใจที่เจอจนได้...ตะวันเดินอ้อมไปหลังบ้าน...เสียงคนมาร้องถามอย่างเอาเรื่องว่า เข้ามาในนี้ได้ไง...ตะวันตกใจเข่าอ่อนล้มลง...พอดีคุณราญที่มีผ้าพันแขนเดินกะเผลกออกมา พอเห็นตะวันจึงร้องเรียก

ลูกสาวอย่างตื่นเต้นดีใจ ต่อว่าที่ไม่บอกมาก่อนจะได้ไปรับ ถามถึงงานศพแม่แล้วขอโทษที่เขาไม่ได้ไปเพราะงานทางนี้ยุ่ง ตะวันฉายบอกเธออยู่คนเดียว คิดถึงแม่มาก ยิ่งได้ข่าวพ่อก็เลย มา...ราญบอกดีแล้วมาอยู่กับพ่อให้หายคิดถึง แล้วนี่ขาแพลงแน่ๆ ราญพยายามจะอุ้มลูกสาว

"ผมช่วยเองดีกว่า" ชัคเดินมาสมทบ ขอช่วย แล้วอุ้มตะวันขึ้นทันที ไม่ทันจะอ้าปากห้าม จึงพูดไม่ออก ราญให้พาไปที่ห้องรับแขกก่อน...ราญมองตามลูกสาวที่ชัคอุ้มไปด้วยอาการยิ้มๆอย่างมีนัย....

วางตะวันลงที่โซฟา เธอขอบคุณเขา ชัคบอกไม่เป็นไร เขาไม่อยากเสียเวลาเล่นไพ่ เขาเดินออกไป ตะวันมองตามชัค ไปอย่างไม่ชอบใจ อารยะสวนชัคเข้ามา ตะวันจำได้จึงไหว้สวัสดีคุณอา...อารยะมองตะวันอย่างสนใจ บอกได้ทันทีว่าตะวันโตขึ้นจนจำแทบไม่ได้ ตะวันจึงให้พ่อราญไปสังสรรค์กับเพื่อนต่อเถอะ เธอขอไปพักก่อน...

พอเข้าไปเปิดประเป๋า มองเห็นตัวเองในกระจกในห้องนอน นึกถึงชัคที่บอกว่า...เขาไม่อยากเสียเวลาเล่นไพ่...ตะวันอดขุ่นเคืองไม่ได้ จึงด่าชัค
อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 1
"อีตาผีพนันเข้าสิง...ไม่ได้ขอให้อุ้มซะหน่อย เจ็บแค่นี้ฉันเดินเองได้...ฮึ พ่อคบคนปากเสียเป็นเพื่อนได้ไงก็ไม่รู้" แล้วตะวันฉายก็ทำหน้าล้อเลียนชัคอยู่หน้ากระจกคนเดียว...

เมื่อพบพ่อราญอีกครั้ง ซักถามถึงการสังสรรค์ของพ่อกับเพื่อนๆ พ่อเล่าถึงแต่ละคนนักธุรกิจทั้งนั้น ตะวันฉายจึงถามถึงอีกคนที่อุ้มเธอคนนั้น ราญจึงบอกลูกว่าเสี่ยชัค

"พ่อคบได้ไง คนยังงี้"

"ลูกไม่ชอบเสี่ยชัคละสิ" ตะวันฉายนิ่ง "เสี่ยเขาเป็นคนเงียบๆ พูดจาห้วนๆยังงั้นแหละ แต่ที่จริงเขาเป็นคนดีมีน้ำใจ และเก่งมาก ขยันทำงานจนเป็นเศรษฐีระดับต้นๆของไทย ถึงยังไงเขาก็ไม่เอาเปรียบใคร พ่อชอบเขานะ เขาเป็นลูกผู้ชายดี"

ooooooo

เมื่อดาลัดกลับเข้ามาบ้านชัค ได้พบกับดนตร์ที่เพิ่งกลับจากนอก ยังไม่อยากกลับบ้าน อยากมาขอนอนคุยกับชัคสักสองสามวัน เพราะปกติดนตร์ก็อยู่ที่บ้านชัคมากกว่าบ้านตัวเองอยู่แล้ว...เมื่อชัคกลับมา ดาลัดบอกแม่ให้เอาไก่ตุ๋นยาจีนมาให้ เตี่ยสั่งให้พี่ชัคพาลินจงไปเที่ยวบ้าง อย่าให้ผู้ใหญ่มองหน้ากันไม่ติด แล้วส่งเอกสารให้ ก่อนดาลัดจะกลับไป

ชัคหันมาซักถามดนตร์ว่า ไปเวกัสคราวนี้หมดไปเท่าไหร่ ดนตร์ไม่ยอมพูด แต่ให้หันมาเรื่องเด็ดดีกว่า ชัครู้ทันทีว่าดนตร์ไปปิ๊งใครเข้าอีก ไม่เห็นจะจริงใจกับใครสักคน

"คนนี้ฉันเอาจริงนะเว้ย" พอชัคถามว่าใคร ดนตร์กลับบอกหน้าตาเฉยว่า "ลืมถามชื่อ...เป็นลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ โคตรน่ารักว่ะ...โดนใจดนตร์ตูมเบ้อเร่อเลย" ดนตร์ ตาวาวนึกภาพตะวันฉาย..."ผู้หญิงอะไรหน้าก็สวย ถ้าเจออีก จะไม่ปล่อยเธอไปเด็ดขาด...เซนส์ของฉันบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แบบผ่านมาแล้วก็ผ่านไป"

ชัคจึงสรุปสั่งสอนว่า ถ้าคิดอย่างนั้นได้ก็ดี นายทำตัวไร้สาระมานานพอแล้ว...

ooooooo

ดนตร์คิดถึงดวงหน้าหวานละมุนของตะวันฉาย ไม่ไหว วันนี้จึงขับรถไปวนหาบ้านตะวันฉาย แต่เข้าไปบ้านที่ตะวันฉายเข้าไปครั้งแรกที่ผิดบ้าน ดนตร์เข้าไปถาม แต่เจ้าของบ้านยืนยันว่าบ้านเขาไม่มีผู้หญิง จึงเกิดเถียงกัน เมื่อดนตร์ยืนยันว่ามี เพราะเมื่อวานเขามาส่งเอง...

ดนตร์ไม่รู้หรอกว่าอารยะดอดมาพบตะวันฉายที่บ้าน พาไปเปิดหูเปิดตาแทน เพราะราญไปทำงาน แล้วค่อยไปพบทานข้าวกัน อารยะจึงขับรถพาตะวันฉายออกไปช็อปปิ้ง สวนกับดนตร์ที่เข้ามาหมู่บ้านอย่างหวุดหวิด...

ขณะที่เดินกันในห้าง ตะวันฉายเห็นชุดสวยในร้าน อารยะรู้ว่าตะวันฉายชอบจึงสั่งทันทีให้สามชุด แม้ตะวันฉายจะไม่รบกวน เขาก็ถือโอกาสซื้อรับขวัญการกลับมาของตะวันฉาย...ขณะที่อารยะไปจ่ายเงิน...ชัคก็พาลินจงมาเดินแถวนั้น ลินจงต่อว่าชัค ถ้าพ่อเสี่ยไม่ให้พาลินจงมาเที่ยวก็คงอดเจอกัน... แต่ชัคกลับมองเห็นตะวันฉาย จึงจ้องไม่กะพริบ ลินจงถามว่ารู้จักหรือ ชัคเดินไปหาเธอทันที ถามว่าขาหายดีแล้วเหรอจึงมาเที่ยวห้างอย่างนี้

"ยังไม่ค่อยหายดีหรอกค่ะ แต่มีคนประคองมา" ตะวันฉายย้อนแสบ ชัคมองไปเห็นเสี่ยใหญ่อารยะถือถุงเสื้อผ้ามา เขาทักชัคว่ามาเดินกับตัวจริงซะด้วย ไม่น่ามาเจอกันเลย... ชัคบอกโลกมันกลม

"งั้นผมกับหนูตะวันไม่อยู่เป็นก้างขวางคอเสี่ยดีกว่า... เราไปกันเถอะหนูตะวัน อาชักหิว...ขอตัวก่อนนะครับเสี่ย" อารยะพาตะวันฉายเดินออกไป ชัคมองตามยาว ลินจงเห็นแล้วเซ็งที่ชัคไม่สนใจเธอเลย

เมื่ออารยะมาพบ ทานกลางวันกับราญ ดูเหมือนราญจะเอาใจอารยะมาก หวังจะให้ได้เที่ยวกับตะวันนานๆ จึงบอกว่าคราวต่อไปจะไม่นัดมาทานกันให้เสียเวลา...แล้วราญก็แจ้งข่าวดีว่าเพื่อนๆของพ่อรู้ว่าตะวันฉายกลับมา ต่างก็อยากเจอลูก พ่อจึงนัดเลี้ยงต้อนรับลูกเสียเลย ทุกคนจะได้ชื่นชมลูกพร้อมกัน...แล้วยังสั่งให้ไปตัดชุดสวยๆมาด้วย อารยะหน้าเฉย แต่ตะวันฉายจำ
ยอมมากกว่าพอใจ...

ooooooo

ขณะที่ชัคยังอยู่ในบ้าน ดนตร์ก็เดินโผเผเข้าบ้านมาทรุดตัวลงโซฟา แล้วตอบคำถามเพื่อนว่า "ไม่ เจอ" ดนตร์ตอบอย่างสุดเซ็ง เพราะไปตามหาตะวันฉายมาหลายวันแล้วไม่พบ ชัคจึงเอาบัตรเชิญมาให้

"คุณราญจะจัดงานต้อนรับลูกสาวเย็นนี้ นายต้องไปกับฉัน"

"ไม่เอาหรอก ฉันขี้เกียจไปปั้นหน้าใส่หน้ากากกัน ฉันไม่อยากไปเจอคนที่ฉันไม่อยากเจอ"

เมื่อชัคบอกว่า ไม่ไปจะเสียมารยาท ดนตร์จึงตกลง กลับไปบ้านเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว

ดนตร์กลับถึงบ้าน พอเข้าห้องก็เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเปิดตู้เสื้อผ้าของเขาอยู่ พอเห็นเขา เด็กตกใจ ดนตร์จึงไล่ให้รีบไป พอดีเสียงแม่กรองทิพย์ดังมาทักลูกชายว่า วันนี้ ฝนตกใหญ่ที่ดนตร์กลับมาบ้านแต่หัววัน แล้วแม่ก็ไล่เด็กหนุ่ม ได้เสื้อผ้าแล้วก็รีบไปเถอะ แม่กับเด็กหนุ่มออกไป ดนตร์ได้แต่ ส่ายหน้า...แต่เขาคว้าข้อมือแม่ไว้ ไม่ใช่ไม่พอใจที่แม่ให้เด็กมาเอาเสื้อผ้า แต่ควรให้เอาทางตู้ซ้าย แม่ขอโทษเขาแทนเด็กคนนั้น

"ผมอยากเตือนแม่ว่า จะทำอะไรให้นึกถึงพ่อบ้าง เพราะยังไม่ได้หย่ากัน แล้วอยากให้แม่ระวังเพราะเพื่อนที่แม่พามามันเด็กลงเรื่อยๆ เดี๋ยวเจอข้อหาพรากผู้เยาว์มันอายกันหมดนะแม่"

"ฉันรู้น่ะ แกไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน ฉันเป็นแม่แกนะ แกเอาตัวเองให้รอดก่อนก็แล้วกัน"

กรองทิพย์สะบัดแขนเดินหนีอย่างไม่พอใจ ดนตร์ ทรุดตัวลงนั่ง สีหน้าที่แข็งกร้าวทรุดลง นั่นหมายถึงชีวิตเขาไม่ได้มีความสุขในชีวิตในบ้านที่เสื่อมทรามลงไปทุกที

ooooooo

งานเลี้ยงที่ราญจัดขึ้นต้อนรับลูกสาวตะวันฉายจึงเป็นการโชว์ตัวลูกสาวในคืนนี้...มีแขกมากันมากหน้า หลายตาโดยเฉพาะในวงไฮโซ ชัคมายืนมองไปทั่วงานที่แขกมาดื่มกิน สนทนากันเป็นกลุ่มๆ ชัคเห็นราญพา ตะวันฉายพบปะแขกแต่ละกลุ่มอย่างภาคภูมิใจ...

มีตอนหนึ่ง ตะวันฉายบังเอิญหันมาสบตากับชัคโดยบังเอิญ เธอสะบัดหน้าหนีอย่างไม่ชอบใจ...ราญจึงแนะนำให้ รู้จักกับนพดลและแอนนี่ที่ตะวันฉายไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรกับนพดล

ทางด้านหน้างาน โสมศรีมากับลูกสาว โสมสุรางค์ซึ่งถูกแม่ด่าว่า เสื้อน่าจะคว้านคอให้ลึกกว่านี้ โสมสุรางค์โต้แม่ว่า ไม่ต้องอวดของดีก็ได้ แขกกว่าครึ่งงานเขาเคยเห็นของดีของเธอ มาแล้วทั้งนั้น แม่ยังแย้งว่า แล้วอีกครึ่งจะเหลือไว้ทำยาอะไรล่ะ โสมสุรางค์จึงดึงเสื้อลงจากอกอีกครึ่งคืบ แม่ยังด่าว่า เรายังมี ค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ค่าผ่อนบ้าน...ลูกสาวร้องโฮ้ย แล้วจำต้องเดินตามแม่เข้างานไป

เมื่อโสมศรีพาลูกสาวมา ราญแนะนำให้รู้จัก โสมศรี ชมตะวันฉายว่าน่ารักมาก นพดลพาแอนนี่ขอแยกไปอีกทาง ก็ยังเป็นขี้ปากเสี่ยคนอื่นๆว่า นพดลหลงแอนนี่จะเป็นจะตาย... โสมศรีต่อว่าราญว่า หมู่นี้คงงานเยอะ ไม่เห็นไปหาโสมบ้าง ราญกลัวลูกสาวจะได้ยิน รีบให้ตะวันฉายไปดูแขกทางโน้นก่อน... แล้วต่อว่าโสมศรีว่า ลูกสาวเขาเพิ่งมา ไม่อยากให้ไม่สบายใจอะไรทั้งนั้น ถ้าพูดไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ต้องพูดกันอีก โสมศรีต่อว่าราญเอาใจลูกสาวเข้า ทีเมียเก่าไม่ยักดูแล...โสมศรีดึงแขน ลูกสาวไปอย่างไม่พอใจ ลูกสาวขอกินน้ำหน่อย แม่ไม่ยอม บอกจะพามาให้รู้จักคน จะกินให้พุงป่องทำไม อย่าทำให้เสียงาน เด็ดขาด...แล้วโสมศรีแนะนำลูกสาวเหมือนพาเร่ขายของยังไงยังงั้น...

ขณะที่ตะวันฉายเดินจนเมื่อยขา พอดีดนตร์เดินผ่านมา จึงรีบทักทายตะวันฉายอย่างดีใจ

"คุณ ผมดีใจที่สุดเลยที่ได้พบคุณ ผมไปหาคุณที่ซอยที่ผมไปส่ง คุณไม่ได้อยู่ที่นั่น คุณหลอกผมเหรอ"

"เปล่าค่ะ ไม่ได้หลอก พ่อฉันเปลี่ยนประตูบ้านใหม่ ฉันยังจำไม่ได้เลย"

"ยังงี้นี่เอง แล้วคุณมางานนี้ คุณรู้จักคุณราญด้วยเหรอครับ หรือเป็นเพื่อนลูกสาวเขา"

"ไม่ได้เป็นเพื่อน เป็นลูกสาวเลยละค่ะ"

"เฮอะ...ที่แท้คุณเป็นเจ้าของงานเลย ต้องขอบคุณเพื่อนรักผมเลยนะครับ ที่ทำให้ผมได้เจอคุณ" ตะวันฉายเลิกคิ้วถาม "ทีแรกผมไม่อยากมางานนี้ ผมไม่อยากเจอคนสองคนในงานนี้ แต่เพื่อนรักของผมน่ะสิ มันบังคับผม จึงทำให้ผมมาเจอลูกสาวคุณราญ...เดี๋ยว ผมไม่อยากพลาด คุณชื่ออะไรนะครับ"

"ตะวันฉายค่ะ" ตะวันฉายตอบแล้วยังนิ่วหน้า นวดขา ไปมา เขาถามเป็นอะไร ตะวันฉายรีบบอก "เป็นตะคริวค่ะ สงสัยใส่ส้นสูงนาน ปกติอยู่โน่นไม่ค่อยได้ใส่"

ดนตร์บอกเขาจะช่วย จับเธอถอดรองเท้า ตะวันฉายพยายามจะเบี่ยงหนี แต่ไม่รอด ดนตร์สั่งให้กางขาออก ลองย่อตัวลงช้าๆสักพักจะช่วยได้มาก ตะวันฉายไม่ยอมทำ เขาจึงทำเป็นตัวอย่างให้ตะวันฉายทำตาม...ครู่เดียวตะวันฉาย ยอมรับว่าดีขึ้น และขอบคุณเขา แต่พอเดินไปนั่ง เขาตามนั่งคุกเข่าลง จับเท้าเธอขึ้นมานวดหน้าตาเฉย เขาบอกจะนวดให้ เธอถามว่าจะดีหรือ ดนตร์นวดต่อหน้าตาเฉย

อารยะเดินมาหน้าตึง ถามดนตร์ทันทีว่า แกมางานนี้ ได้ยังไง ดนตร์ตอบทันทีว่า ทำไมเขาจะมาไม่ได้ ตะวันฉายจึงถามอารยะว่า คุณอารู้จักคุณดนตร์ด้วยหรือคะ?

(อ่านต่อพรุ่งนี้)