@^@..อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
บนถนนสายจากต่างจังหวัดมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ วิภู หนุ่มวัยฉกรรจ์ ลูกชายคนเดียวของคุณหญิงวิไลเลขา ที่เจ้ายศเจ้าอย่างเจ้าระเบียบ ที่สำคัญคือคุณหญิงวัดคุณค่าของคนจากฐานะและเงินทอง
วิภูขับรถกลับมากรุงเทพฯ ตามจดหมายที่คุณหญิงเขียนไป ระหว่างทางเขาอดคิดถึงข้อความที่คุณหญิงเขียนย้ำไว้ไม่ได้ว่า
"ลูกกลับจากราชการคราวนี้ แม่มีเรื่องต้องขอลูก 2 เรื่อง...เรื่องแรก แม่อยากให้ลูกลาออกจากตำรวจมาช่วยดูแลธุรกิจโรงแรมของเรา ส่วนอีกเรื่อง แม่จะบอกลูกเมื่อลูกกลับ มาถึง แต่แม่บอกได้เลยว่าเป็นข่าวดี..."
คิดถึงข้อความนี้แล้ว วิภูยิ้มอย่างมีความสุข พึมพำบอกแม่เบาๆ
"ผมก็มีข่าวดีเหมือนกันครับ...แม่" พลางเขาปรายตาไปที่เบาะข้างคนขับอย่างมีความสุข
ooooooo
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 1
ที่บ้านปัญญารักษ์...ตัวบ้านใหญ่โตหรูหรา บริเวณกว้าง ร่มรื่นด้วยไม้ยืนต้นและไม้ประดับ ทั้งไม้ดอกไม้ใบสวยสดงดงาม
ภายในบ้าน วิไลเลขาพาภัทรวดี สาวสวยเปรี้ยวปราดเปรียว ออกมาหน้าบ้านด้วยความดีใจ พร้อมๆกับรถของวิภูขับเลี้ยวเข้ามา
"มาแล้วจ้ะหนูวดี พอตาภูลงจากรถปุ๊บ ป้าก็จะบอกข่าวดีกับเขาเลย ดีไหมจ๊ะ" วิไลเลขาหันไปพูดกับภัทรวดี เธอยิ้มเขินๆพูดอ้อมแอ้มว่าตนอย่างไรก็ได้แล้วแต่คุณป้า วิไลเลขาชมว่าน่ารักจริงๆ
"สวัสดีครับคุณแม่" วิภูลงจากรถ ไหว้แม่พลางเดินเข้าไปหา แม่ลูกกอดกันด้วยความคิดถึง
วิไลเลขากอดวิภูอยู่อึดใจ แล้วดันตัวเขาออกจับสองแขน ไว้มองอย่างสำรวจ บ่นว่าผอมไป ดำด้วย พูดแล้วยิ้มอิ่มใจบอกว่า "แต่ไม่เป็นไร แม่จะให้หนูวดีบำรุงลูกเอง"
วิภูงงๆหันไปทางภัทรวดีที่ส่งยิ้มหวานและยกมือไหว้ อ่อนช้อย เขามองแม่เหมือนจะถาม
"หนูภัทรวดี ว่าที่คู่หมั้นของภูไงลูก" วิไลเลขาพูดเต็มปากเต็มคำมองลูกอย่างตื่นเต้นดีใจ
"คู่หมั้นหรือครับ แต่...คุณแม่ครับ ผมหมั้นกับคุณภัทรวดีไม่ได้หรอกครับ" วิภูบอกแม่ตรงๆ พอเห็นสีหน้าแม่ เปลี่ยนไป เขาบอกความจริงว่า "ผมแต่งงานแล้วครับแม่"
วิภูหันไปที่รถ เปิดประตูด้านข้างคนขับ แล้วประคองแขไขซึ่งกำลังตั้งครรภ์ประมาณ 5 เดือนลงจากรถ ตามด้วยโอภาสที่นั่งอยู่เบาะหลังเปิดประตูลงมาด้วย
"แข...นี่คุณแม่ผม" วิภูแนะนำ แขไขยกมือไหว้วิไลเลขาที่ยืนช็อกเหมือนหุ่น วิภูบอกแม่ว่า "แขไขภรรยาผมครับคุณแม่ ส่วนนี่ก็โอภาสเพื่อนสนิทของแข"
โอภาสยกมือไหว้ แต่วิไลเลขาเหมือนจะไม่เห็นอะไรแล้ว ยืนตาลอยเซๆจนสายหยุดกับมะลิสองสาวใช้ต้องรีบประคอง ร้องเรียกอย่างตกใจ "คุณหญิง..."
ooooooo
ที่ห้องรับแขก วิไลเลขาเอนพิงพนักเก้าอี้อย่างอ่อนเพลีย สายหยุดคอยพัดวีอยู่ใกล้ๆ ภัทรวดีเอายาดมรอที่จมูกไปมา ครู่หนึ่งวิไลเลขาค่อยๆลืมตาขึ้น
"คุณแม่...เป็นยังไงบ้างครับ" วิภูนั่งเฝ้าอยู่กับแขไขถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงใยสนใจฉัน ฉันยังไม่ตายง่ายๆหรอก" วิไลเลขาตอบอย่างฉุนเฉียวแล้วจิกตาไปทางแขไขมองหน้าแล้วจ้องที่ท้อง ครั้นวิภูถามว่าทำไมคุณแม่พูดอย่างนั้น ก็สวนมาทันทีว่า "ทำไม ฉันพูดผิดตรงไหน ถ้าแกสนใจห่วงใยฉันจริงๆแกจะกล้าทำอย่างนี้กับฉันเหรอ แต่งงานจนเมียท้องโตโดยที่แม่ไม่รู้เรื่องเลย"
"ผมขอโทษครับคุณแม่...ผมไม่ได้มีเจตนาจะปิดบังคุณแม่เลยนะครับ แต่...ผม..."
"พอ...พอ...ไม่ต้องแก้ตัว ยังไงฉันก็ไม่ยอมรับเมียบ้านนอกของแกเป็นลูกสะใภ้ฉันเด็ดขาด ลูกสะใภ้ของตระกูลปัญญารักษ์ต้องเป็นหนูวดีคนเดียวเท่านั้น!"
ภัทรวดียิ้มเจื่อนๆทำหน้าไม่สบายใจ ไม่อยากให้วิไล เลขาพูดอย่างนั้น เธอมองหน้าวิภูและแขไขเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
วิภูขอร้องแม่ให้เห็นใจตนกับแขไขด้วยเถิด แต่ถูกผู้เป็นแม่ย้อนถามอย่างเจ็บปวดว่า
"เห็นใจแก แล้วฉันกับหนูวดีล่ะ...แกเห็นใจฉันสองคนบ้างไหม"
"ถ้าคุณแม่ไม่เห็นแก่ผม...ก็เห็นแก่หลานของคุณแม่
ที่กำลังจะเกิดมา...ได้ไหมครับ"
วิไลเลขาจิกตาไปทางแขไขอย่างรังเกียจ แขไขค่อยๆคลานเข้าไปกราบแทบเท้า วิภูก็เข้าไปกราบตักแม่ ขอร้อง "คุณแม่เห็นใจเราสองคนเถอะนะครับ"
วิไลเลขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงเชิดหน้ามองไปทางอื่นตอบเสียงเข้มลอยๆ
"ก็ได้"
วิภูกับแขไขดีใจมาก โอภาสที่นั่งอยู่ห่างๆถอนใจเบาๆอย่างโล่งอก ภัทรวดีแม้จะทำหน้านิ่งแต่แววตาผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เพียงอึดใจเดียว วิไลเลขาก็พูดต่อ
"แต่มีข้อแม้" พูดแล้วจิกตาไปทางแขไข "หล่อนจะมาทำตัวตีเสมอเป็นเมียออกงานเชิดหน้าชูตาไม่ได้ หล่อนจะต้องอยู่ในฐานะเมียคนใช้เท่านั้น"
"คุณแม่..." วิภูครางออกมา
"ถ้าแกกับเมียแกรับไม่ได้จะไปอยู่ที่ไหนก็ไป แล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่ ไม่ต้องกลับมาเผาผีฉัน เป็นอันว่าเรา
ขาดกัน!"
วิภูมองหน้าแม่อย่างอัดอั้น แขไขมองหน้าเขาอย่างเห็นใจ เป็นฝ่ายรับปากว่า
"ได้ค่ะ คุณแม่ ขอเพียงแค่ให้เราได้อยู่ด้วยกัน จะฐานะอะไร แขก็ยอมค่ะ"
วิภูมองแขไขอึ้ง ในขณะที่วิไลเลขาตวัดสายตาจากแขไขเมินไปทางอื่นอย่างสะใจ
ooooooo
มะลิเป็นคนหิ้วกระเป๋าของแขไขพาไปที่เรือนคนใช้ ถามอย่างมีน้ำใจว่าจะให้จัดเสื้อผ้าใส่ตู้เลยไหม วิภูยังไม่มีแก่ใจจะคิดอะไรบอกว่าเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน มะลิจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นตนจะไปก่อน แต่ถ้ามีอะไรก็เรียกใช้ได้ตลอดเวลา
เมื่อมะลิไปแล้ว วิภูกุมมือแขไขมองหน้าเธออย่างรู้สึกผิด เสียใจ เขาขอโทษที่เหตุการณ์กลายมาเป็นแบบนี้ แต่แขไข ยังยิ้มใจเย็นให้กำลังใจเขา บอกว่าไม่เป็นไร ตนเข้าใจ
"แต่พ่อกับแม่ของแขคงไม่เข้าใจหรอก" โอภาสขัดขึ้น แล้วหันมองวิภู "คุณสัญญากับลุงก่อนแกตายว่าจะดูแล จะปกป้อง จะให้เกียรติแข แต่สิ่งที่คุณทำมันตรงกันข้าม"
วิภูก้มหน้าอย่างละอายพูดไม่ออก แขไขมองอย่างเห็นใจ รีบขอร้องโอภาสว่า
"พี่ภาส พอเถอะค่ะ คุณภูก็ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้หรอกค่ะ จริงๆเราสองคนก็มีส่วนผิดที่ทำอะไรโดยไม่ได้เรียนให้คุณแม่ทราบ"
วิภูมองแขไขอย่างซึ้งใจ ขอบใจที่เธอเข้าใจเขา บอกเธอว่า "อดทนหน่อยนะผมเชื่อว่าพอคุณแม่เห็นหน้าหลาน ท่านต้องใจอ่อนแน่นอน"
"ค่ะ" แขไขรับคำยิ้มอย่างมีความหวัง ส่วนโอภาสเหลือบมองทั้งสองอย่างหงุดหงิดใจ
เวลาเดียวกันนั้น วิไลเลขายังอยู่กับภัทรวดีที่ห้องรับแขก ภัทรวดีตีหน้าเศร้าจนดูน่าสงสาร วิไลเลขามองอย่างเห็นใจ โอบไหล่ลูบผมปลอบประโลมว่า
"ไม่ต้องเสียใจนะ หนูวดี ยังไงป้าก็ไม่ยอมให้นังบ้านนอกนั่นมาเป็นลูกสะใภ้ป้าเด็ดขาด ป้าต้องหาทางกำจัดมันออกไปจากชีวิตตาภูให้ได้"
ภัทรวดีผู้เป็นลูกสาวของคุณหญิงภารดีที่วิไลเลขาเห็นว่าเป็นคนระดับเดียวกันที่เหมาะสมจะมาเป็นสะใภ้ของตน ยิ้มอย่างมีกำลังใจเมื่อฟังคำปลอบโยน
ooooooo
ก่อนกลับไป โอภาสบอกแขไขว่าแล้วจะมาเยี่ยมใหม่ แขไขเกรงใจ โอภาสบอกว่าตนมาได้ทุกวันหลังเลิกงาน แล้วถามวิภูอย่างวัดใจว่าคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม วิภูจำต้องบอกว่าตามสบาย
เมื่อโอภาสกลับไปแล้ว วิภูบอกแขไขให้ไปอาบน้ำเสียจะได้สดชื่นแล้วจะพาไปทานข้าวกัน
ค่ำแล้ว ที่โต๊ะอาหารบ้านปัญญารักษ์ วิไลเลขานั่งอยู่กับภัทรวดี โดยมีสายหยุดกับมะลิคอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ วิไลเลขาบ่นอย่างหงุดหงิดว่า เพียงวันแรกวิภูก็ต้องให้แม่รอแล้ว สายหยุดรีบเสนออย่างเอาใจว่าจะไปตามให้ วิไลเลขาบอกว่าไม่ต้อง จะลองใจดูว่าลูกชายจะให้แม่แขวนท้องรอนานไหม
อึดใจเดียว วิภูก็เข้ามาพร้อมกับแขไข เขาขอโทษแม่ที่
มาช้า กำลังจะชี้แจงก็ถูกขัดว่าไม่ต้องแก้ตัว วิภูจึงเงียบเดินเข้าไปเลื่อนเก้าอี้ให้แขไขนั่ง ถูกวิไลเลขาขัดขึ้นทันทีว่า
"ใครอนุญาตให้แกพาเมียแกมากินข้าวร่วมโต๊ะกับแม่ ฉันว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะ ว่าเมียแกอยู่ในฐานะอะไร"
ทั้งวิภูและแขไขต่างชะงักกึก วิภูพยายามจะชี้แจงแต่ วิไลเลขาไม่ยอมให้พูดตัดบทว่า ตนไม่เคยให้คนใช้มาร่วมโต๊ะ แขไขไม่อยากให้มีเรื่อง บอกวิภูว่าไม่เป็นไรตนไปทานในครัวก็ได้
วิภูเข้าไปประคองแขไขขณะเธอลุก วิไลเลขาถามว่า จะไปไหนตนหิวแล้วสั่งให้วิภูนั่งลง แขไขบอกเขาว่าตนไปเองได้ ให้เขานั่งทานข้าวกับคุณแม่เถอะ แล้วรีบเดินออกไป วิภูจึงจำใจนั่งลง วิไลเลขาสั่งมะลิให้ตักข้าวทันที
ภัทรวดีตีสองหน้าได้แนบเนียน เธอทำเป็นมองวิภูอย่างเห็นใจ ทั้งที่สะใจมาก
ooooooo
รุ่งขึ้น แขไขมาส่งวิภูไปทำงาน เขาถามอย่างห่วงใยว่าอยู่ได้ใช่ไหม บ่ายๆเขาก็กลับแล้ว พลันเสียงวิไลเลขาก็แทรกเข้ามาถามว่าจะร่ำลากันอีกนานไหม เร่งวิภูให้รีบไป เพราะคุณพิเชษฐ์รออยู่ที่โรงแรม ย้ำเตือนว่า "ถึงจะเป็นผู้บริหาร แต่ก็ไม่ควรไปทำงานสายตั้งแต่วันแรกนะ"
วิภูขึ้นรถไปแล้ว แขไขกำลังจะหันกลับ ก็ถูกวิไลเลขาเรียกไว้ ทำเป็นพูดอย่างปรารถนาดีว่ากำลังท้องกำลังไส้นั่งๆ นอนๆทั้งวันจะทำให้คลอดยาก เดี๋ยวจะหางานให้ทำจะได้ไม่เบื่อ
"ได้ค่ะ คุณแม่จะให้แขทำอะไรคะ" แขไขตอบรับซื่อๆ ด้วยความเต็มใจ
แขไขถูกใช้ให้ปัดฝุ่นทำความสะอาดห้องรับแขก โดยวิไลเลขานั่งไขว่ห้างคุมและสายหยุดนั่งสอพลอดีใจที่ตัวเองได้พัก
ครู่หนึ่ง ภัทรวดีมาถึง เธอสะใจมากที่แขไขถูกใช้งานเยี่ยงคนใช้ บอกวิไลเลขาว่าจะช่วยคิดว่ามีงานอะไรให้แขไขทำได้อีก
ดังนั้น หลังจากทำความสะอาดห้องรับแขกแล้ว แขไขต้องไปทำความสะอาดที่ห้องครัว เพราะภัทรวดีไปทำเลอะเทอะไว้ อ้างว่าเตรียมอาหารให้วิภู แต่คราวนี้กลายเป็นสายหยุดมาชี้นิ้วสั่งแทน
มะลิเห็นใจแขไขอยู่แล้ว เมื่อได้ยินสายหยุดชี้นิ้วสั่งงานและเรียกแขไขว่าแม่แขไข ก็ยิ่งไม่ชอบใจ พูดกับสายหยุดอย่างไม่พอใจว่า
"ฉันอยากรู้จริงจริ๊ง...ถ้าคุณภูได้ยินน้าเรียกคุณแขว่าแม่แขไข คุณภูจะว่ายังไง"
"ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าคุณผู้หญิงรู้ว่าเอ็งถือหางข้างเมียคุณภู คุณผู้หญิงจะว่ายังไง!"
พูดแล้วสายหยุดเดินลอยหน้าลอยตาไป มะลิได้แต่มองตามเซ็งๆ
ooooooo
วันนี้แขไขถูกวิไลเลขากับภัทรวดีรวมหัวกันใช้งานตั้งแต่เช้าถึงบ่ายยังไม่ได้หยุด หลังจากทำความสะอาดห้องรับแขก ห้องครัวแล้ว ก็ยังมีผ้ากองโตให้ซัก ให้รีดจนเหงื่อท่วมตัว
โอภาสเลิกงานแวะมาเยี่ยม เขาไม่พอใจเมื่อเห็นแขไขต้องทำงานจนเหงื่อท่วมตัว ถามว่าทำไมต้องรีดผ้ากองมากมายขนาดนี้ แล้วต้องทำอย่างอื่นด้วยหรือเปล่า
"ไม่เป็นไรค่ะ แขทำได้ ถ้าทำแล้วคุณแม่คุณภูจะเมตตาแขกับลูกบ้าง"
โอภาสถามว่าวิภูไม่รู้ใช่ไหมว่า เธอต้องทำงานบ้านสารพัด แขไขขอร้องเขาอย่าบอกวิภู ตอนนี้เขากำลังยุ่งกับงานที่โรงแรมไม่อยากให้กังวล โอภาสได้แต่มองด้วยความเห็นใจแต่ไม่รู้จะช่วยเธอได้อย่างไร
หลังจากใช้งานแขไขอย่างหนักแล้ว วิไลเลขากับภัทรวดี ก็รอฟังข่าวจากสายหยุดว่าเมื่อไรแขไขจะถอดใจ แต่ต้องผิดหวังเมื่อสายหยุดบอกว่ายังรีดผ้าอยู่ โอภาสมาหาและกำลังคุยกัน
วิไลเลขาบ่นว่ามาหากันบ่อยจริงๆ ภัทรวดีเป่าหูยุแหย่ ว่าอาจจะไม่ใช่เพื่อนก็ได้ท่าทางอาจจะเป็น...เธอพูดทิ้งไว้จนวิไลเลขาถามว่าเป็นพ่อของเด็กในท้องใช่ไหม
"วดีไม่อยากพูดอย่างนั้นเลยนะคะคุณป้า แต่วดีสังเกตหลายครั้งแล้วมันก็เป็นอย่างอื่นไม่ได้จริงๆ"
"พ่อของนังบ้านนอกนั่น มันเห็นตาภูเป็นตำรวจก็เลยจะจับให้ลูกสาว ไอ้ลูกเขยของมันก็คงร่วมมือด้วย หวังว่า
ลูกมันจะสบาย...ร้ายกาจ" วิไลเลขาเป็นปี่เป็นขลุ่ยด้วยทันที
เมื่อวิภูกลับมา ถูกแม่เรียกไปพูดเรื่องโอภาส เขายืนยันว่าโอภาสเป็นเพื่อนสนิทกับแขไขจริงๆ ที่เป็นห่วงเป็นใยกันเพราะว่าพ่อของแขไขขอให้โอภาสช่วยดูแลแขไขด้วย
"แต่มันดูใกล้ชิด เอาใจใส่ จนแม่คิดว่ามันเป็นพ่อของเด็กในท้องเมียภูด้วยซ้ำไป"
"คุณแม่ครับ...แขไขเป็นเมียผม และเด็กในท้องของเขาก็คือลูกผม ไม่มีทางเป็นอื่นแน่นอนครับ"
เมื่อเป่าหูยุยงไม่ขึ้น วิไลเลขาปรารภกับภัทรวดีว่าเวลานี้วิภูอาจจะกำลังหลงแขไขเลยฟังใครไม่เข้าหูแต่ก็เป็นไปชั่วครู่ชั่วยาม เชื่อว่าวันไหนที่เขาแยกได้ว่าอะไรเป็นเพชรแท้ อะไรเป็นพลอยหุงก็จะตาสว่างเอง ภัทรวดีถามว่า กว่าจะถึงวันนั้นตนมิต้องรอจนแก่หรือ
"นี่ถ้ามันไม่ท้อง ตาภูจะตัดอกตัดใจจากมันได้ไม่ยาก" วิไลเลขาพูดเหมือนชี้โพรงให้กระรอก
นี่เอง ทำให้ภัทรวดีคิดหาทางที่จะทำให้แขไข "ไม่ท้อง" เสีย จะได้ดึงวิภูกลับมา เธอคิดวางแผนชั่วในใจ
ooooooo
เมื่อวิภูกลับจากทำงาน แขไขยิ้มแย้มดูแลเขา
อย่างสดชื่น ทั้งสองมีความสุขมากเมื่อนึกถึงว่าอีกสองเดือนก็จะได้ลูกมาเชยชมแล้ว
แต่แล้ว แผนร้ายของภัทรวดีก็ทำให้เกิดปัญหา เมื่อเช้าวันต่อมา เธอแกล้งหิ้วถุงน้ำมันหกเรี่ยราดไปตามบันได เมื่อแขไขมาทำงาน เธอเหยียบน้ำมันที่บันไดลื่นล้มกลิ้งตกลงมา
โชคดีที่โอภาสมาเจอพอดีเขารีบพาเธอส่งโรงพยาบาล วิไลเลขากับภัทรวดีตามไปที่โรงพยาบาลด้วย ครู่เดียววิภูก็ตามมาถึง เขาถามว่าทำไมแขไขจึงเป็นแบบนี้ วิไลเลขาปฏิเสธว่าตนไม่รู้ โอภาสเล่าว่า
"แขไขลื่นล้มตอนที่ผมมาถึงพอดี เพราะที่บันไดมีน้ำมันหกเต็มไปหมด"
"น้ำมันอะไร แล้วทำไมมันหกอยู่แถวบันได" วิภูสงสัย
ขณะนั้นเอง ภัทรวดีมองวิภูแล้วมองโอภาส จากนั้นสบตากับวิไลเลขา เพียงมองตาก็รู้กัน วิไลเลขาเลยตัดบทกลบเกลื่อนว่า อย่ามัวซักไซ้อะไรกันเลยไม่มีประโยชน์หรอก พอดีประตูห้องผ่าตัดฉุกเฉินเปิดออก ทุกคนเลยหันไปสนใจหมด วิภูถลาเข้าไปถามหมอว่า ภรรยาตนเป็นอย่างไรบ้าง
"ปลอดภัยครับ ปลอดภัยทั้ง 3 คน"
"3 คนเหรอครับ" วิภูงง
"ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ คุณได้ลูกแฝดครับ ผู้หญิงทั้งคู่"
กลายเป็นเรื่องดีใจจนวิภูกับโอภาสหันยิ้มให้กัน
วิไลเลขาแอบถอนใจโล่งอกที่ไม่มีข่าวร้าย จะมีก็แต่ภัทรวดีที่เก็บความผิดหวังไว้ในใจ
ooooooo
จนเมื่อแขไขคลอดลูกสาวแฝดหน้าตาน่าเกลียดน่าชัง วิภูดีใจมาก อุ้มลูกคนละคนกับแขไขเข้าไปให้ แม่ดู บอกว่าพาหลานมากราบ วิไลเลขาอดมองอย่างเอ็นดูหลานไม่ได้
ผมตั้งชื่อให้ลูกแล้วนะครับ พี่ชื่อตะวัน ชื่อจริง
ปาณิศา ส่วนน้องชื่อฟ้า ชื่อจริงปาลิตาครับ"
วิไลเลขามองคนที่วิภูอุ้มอยู่ถามว่าคนนี้พี่หรือน้อง เขาบอกว่าน้องแล้วขอให้แม่ช่วยอุ้มรับขวัญ วิไลเลขารับหลานไปอุ้มอย่างเอ็นดู
ภัทรวดีเดินเข้ามาเห็นเข้าใจร้อนผะผ่าวด้วยความอิจฉาแต่พยายามปรับสีหน้า ทำเป็นถามว่าตนมาผิดเวลาหรือเปล่า วิไลเลขาเลยรีบส่งฟ้าให้วิภูแล้วหันมาเอาอกเอาใจภัทรวดี
แต่แล้วจู่ๆทั้งตะวันและฟ้าก็ร้องไห้จ้าขึ้นมา วิไลเลขาบอกให้วิภูพาลูกออกไปเสีย เมื่อวิภูกับแขไขอุ้มลูกออกไปแล้ว ภัทรวดีก็เข้าไปนั่งข้างๆอย่างเรียกร้องความเห็นใจ
ฝ่ายโอภาสเมื่อได้หลานคราวเดียวถึงสองคน ก็แวะเวียนมาเยี่ยมมาช่วยเลี้ยงอย่างมีความสุข จนแขไขเตือนว่าโดดงานมาบ่อยๆระวังจะถูกไล่ออก
"เอาน่า ถ้าโดนไล่ออกพี่จะมาสมัครเลี้ยงหลานให้" โอภาสพูดติดตลกแล้วเล่นกับหลาน ส่วนแขไขอุ้มลูกอีกคนอยู่ใกล้ๆ เลยเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันช่วยกันเลี้ยงลูก
เมื่อแกล้งใช้งานหนักแขไขก็ไม่ถอดใจ แกล้งจะทำให้ แท้งก็กลับไม่แท้ง ซ้ำได้ข่าวดีว่ามีลูกแฝดอีก ภัทรวดีแค้นใจมากหาทางใหม่ คราวนี้ได้ช่องที่โอภาสมาเยี่ยมหลานบ่อยๆ หาทางเป่าหูให้วิภูเข้าใจว่าทั้งสองเป็นชู้กัน
ooooooo
แผนอุบาทว์ของภัทรวดีก็แสนจะคร่ำครึ เมื่อโอภาสมาเยี่ยมหลานตามปกติก็ถูกคนแอบตีหัวจนหมดสติ เวลาเดียวกันแขไขก็ถูกมือมืดโปะยาสลบจนหมดสติ เมื่อวิภูกลับมา วิไลเลขากับภัทรวดีก็ทำทีกำลังจะเอาสร้อยทองไปรับขวัญหลาน ชวนไปด้วยกันเลย
ที่แท้เป็นแผนพาวิภูไปดูที่ห้องนอนแขไข พบแขไขกับโอภาสนอนกอดกันอยู่ วิภูเลือดขึ้นหน้าทันที ตรงไปกระชากโอภาสขึ้นมาชกหน้า ส่วนวิไลเลขาก็อุทานอย่างตกอกตกใจว่าบัดสีบัดเถลิงจริงๆ ภัทรวดีเอามือปิดปากทำตาโตเหมือนจะช็อก บอกวิไลเลขาว่า "วดีจะเป็นลมค่ะ คุณป้า"
โอภาสได้สติขึ้นมา แขไขเพิ่งฟื้น เธอพยายามชี้แจงกับวิภูว่าเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น แต่วิภูเลือดขึ้นหน้าผงเข้าตาเสียแล้ว เขาไม่ฟังเสียง ด่าแขไขว่าเป็นผู้หญิงแพศยา ไล่เธอออกจากบ้านไปเสีย แต่ห้ามเอาลูกไปด้วย
โอภาสเองก็พยายามจะชี้แจงแต่วิภูกลับชกเขาไม่ยั้ง จนแขไขต้องเข้าไปขอร้องก็ถูกหาว่าปกป้องชู้ ด่าอย่างเกรี้ยวกราดว่า
"เป็นห่วงมันมากใช่ไหม ไปเลย ไสหัวไปเสวยสุขกับมันให้เต็มที่เลย แกออกไปเดี๋ยวนี้เลยไอ้โอภาส ส่วนเธอ พรุ่งนี้อย่าให้ฉันเห็นเธออยู่ในบ้านหลังนี้อีก แล้วก็ไปแต่ตัว อย่าได้ แตะต้องลูกฉันเด็ดขาด"
ทำร้าย ด่า และไล่ตะเพิดแล้ว ทั้งวิภู วิไลเลขา และภัทรวดีก็พากันกลับไป แขไขร้องไห้โฮ โอภาสเข้าไปปลอบโยนด้วยความเห็นใจ
"ใจเย็นๆแข คุณภูกำลังเข้าใจเราผิดก็เลยโกรธ รอให้เขาใจเย็นก่อนพี่จะอธิบายให้เขาฟังเอง"
"ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะพี่ภาส พูดไปเขาก็ไม่ฟังหรอกค่ะ เขาออกปากไล่แล้ว แขก็จะไป แต่แขจะเอาลูกของแขไปด้วย" แขไขพูดอย่างเด็ดเดี่ยวทั้งที่น้ำตาไหลพราก
ooooooo
วิภูกลับไปนั่งจมอยู่กับความทุกข์ใจแค้นใจที่บ้าน วิไลเลขาจัดแจงให้คนไปขนข้าวของเครื่องใช้ของหลานทั้งสองมาไว้ที่บ้าน รับปากกับวิภูว่าจะดูแลหลานแทน
"ผมผิดเองที่ไม่เชื่อคุณแม่" วิภูตำหนิตัวเอง
"เอาเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว หนูวดีก็พร้อมที่จะดูแลภู แล้วก็ลูกของภู"
ทันใดนั้นสายหยุดก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว คุณหนูแฝด...วิภูตกใจถามว่าลูกตนเป็นอะไร พอรู้เรื่องก็พากันวิ่งอ้าวไปที่เรือนคนใช้
เป็นเวลาที่แขไขอุ้มลูกวิ่งออกจากบ้านพามาส่งให้ โอภาสที่ซุ่มรอรับอยู่หลังพุ่มไม้ เธอบอกให้เขารอก่อน ตนจะกลับไปอุ้มลูกอีกคน โอภาสบอกให้เธออุ้มลูกคอยที่นี่เขาจะไปเอง
ขณะกำลังละล้าละลังกันนั่นเอง สายหยุดก็พาวิภูกับวิไลเลขามาถึง ส่งเสียงร้องบอกกันอย่างตื่นเต้น โอภาสบอกให้แขไขพาลูกหนีไปก่อน ตนจะเข้าไปเอาลูกอีกคนเอง
"ปัง!" เสียงปืนดังขึ้น แขไขสะดุ้ง ลูกในอ้อมอกร้องไห้จ้า ทำให้วิภูรู้เป้าหมาย เขาวิ่งไปตามเสียงร้องทันที
เมื่อเหตุการณ์คับขันเช่นนี้ โอภาสบอกว่าหนีไปกันก่อนดีกว่า เราได้ลูกไปคนหนึ่งยังดีกว่าไม่ได้เลย พลางลากตัวแขไขวิ่งออกไป วิภูตามมาเห็นไวๆ เขายิงปืนขึ้นฟ้าสั่งให้หยุด พร้อมกับตะโกน
"ใครอยู่หน้าบ้าน ปิดประตูให้หมด"
แขไขวิ่งออกไปพ้นประตูพอดี ประตูรีโมตก็ปิดสนิท โอภาสตัดสินใจปีนออกไป วิภูวิ่งมาเห็นยิงถูกที่ขาโอภาส แต่ โอภาสก็พยายามกระเสือกกระสนหนีหายไปในความมืดพร้อมกับแขไข วิภูวิ่งตามมาได้แต่มองไปในความมืดอย่างแค้นใจ
ooooooo
21 ปีผ่านไป
ถนนคนเดินที่เชียงใหม่ มีงานฉลองเทศกาลลอยกระทงอย่างครึกครื้นคึกคัก เสียงกลองสะบัดชัยดังกึกก้อง เสียงกลองดุจมนต์ขลังดึงดูดผู้คนไปเป็นสาย
บนเวทีที่เสียงกลองกระหึ่มนั้น หญิงสาวอ้อนแอ้นบอบบางหันหลังให้กำลังตีกลองด้วยลีลาสวยงามแข็งแรงฮึกเหิม
ที่หน้าเวที ภากรหนุ่มหล่อมาดดีนักเรียนนอกมาจากกรุงเทพฯ กำลังตั้งอกตั้งใจถ่ายรูปสาวมือกลอง ทันใดนั้น หญิงสาวที่ตีกลองหมุนตัวมาทางกล้องด้วยลีลาสวยงาม ภากรค่อยๆลดกล้องลงมองเธอตะลึง ตาสบตากันเหมือนโลกหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
พอได้สติภากรรีบยกกล้องถ่ายรูปถี่ยิบ แต่แล้วก็ถูกพิมพ์นภัสแฟนสาวที่ผู้ใหญ่จัดให้เข้ามาทำลายสมาธิ เธอดึงมือเขาพลางมองไปบนเวที เห็นสาวน้อยหันกลับไปตีกลองสะบัดชัยอีก เธอถามอย่างดูแคลนว่าถ่ายทำไมก็แค่คนตีกลอง ชวนไปทางอื่นดีกว่า แล้วเธอก็ดึงเขาไปจนได้
พิมพ์นภัสลากภากรไปหาซื้อผ้าพื้นเมือง อ้อนว่าจะเอาไปฝากแม่ ส่วนกลองสะบัดชัยนั้นเอาไว้มาดูใหม่ก็ได้เพราะมีโชว์ทุกคืน เราพักต่อที่เชียงใหม่อีกสักคืนแล้วค่อยกลับกัน
"ไม่ได้หรอก พี่มีงานสำคัญต้องรีบกลับไปทำ ไปกันเถอะ" ภากรเดินนำเธอไปหาร้านขายผ้าพื้นเมือง พิมพ์นภัสยิ้มอย่างดีใจที่ทำให้เขาตามใจได้
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 1
(อ่านต่อพรุ่งนี้)