@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 17-18
ตอนที่ 17-18 (ต่อจากวานนี้)
ขณะไมยาดินนำเรือเล็กออกไปสำรวจแนวสันเขื่อนตามคำสั่งโกญจนาท มาณสิงห์กับธนูเพลิงกำลังพาทหารออกมาลาดตระเวนแถวนี้เหมือนกัน เพื่อสำรวจทางหนีทีไล่ถ้าโกญจนาทคิดจะหนีด้วยเส้นทางนี้ เมื่อต่างฝ่ายต่างใช้กล้องส่องทางไกล แล้วมองเห็นกันลิบๆ ไมยาดินแน่ใจว่าถ้าถูกจับได้เขาต้องไม่รอดแน่ จึงหลบหลีกหนีไปโดยเร็วก่อนที่พวกมาณสิงห์จะจู่โจมเข้ามาและเห็นหน้าเขาชัดๆ
เมื่อหนีรอดมาได้ ไมยาดินรีบมารายงานโกญจนาทว่ามาณสิงห์เอาลูกน้องไปเฝ้าไว้ทั้งแนวเขื่อน ถ้าจะเข้ายึดเราต้องมีกำลังมากกว่าอย่างน้อยสามเท่า โกญจนาทบอกดี ให้มันยืนเฝ้าของที่จะเป็นของตนไปก่อน พอไมยาดินถามว่าท่านจะบุกเมื่อไหร่ โกญจนาทสีหน้าไม่พอใจ ย้อนไมยาดินว่า
"ฉันต้องรายงานแกก่อนเหรอ" ไมยาดินรู้ว่าไม่ควรพูด ก้มหัวพร้อมเอ่ยคำขอโทษ แล้วจะถอยออกไป "จะเข้าจะออก ระวังตัวหน่อย ทหารพวกมันเฝ้าอยู่รอบบ้าน โดยเฉพาะตอนเข้าไปหากัญญาภัคในวัง คนซื่อสัตย์อย่างแกสมควรจะมีคนเห็นใจ"
"ขอบคุณครับท่าน"
จากนั้นไมยาดินตั้งใจไปหากัญญาภัคในวัง เป็นเวลาที่กัญญาภัคและรักเร่กำลังทะเลาะกับส้มเสี้ยวในห้องศิศิรา กัญญาภัคพอรู้จากรักเร่ว่าทีฑายุกำลังไปหาศิศิรา เธอจึงปล่อยให้สองสาวตบตีกันไป ส่วนตัวเองหลบออกมาอย่างเร่งรีบ แล้วชนไมยาดินอย่างจังจนเธอล้มกระแทกพื้นเจ็บปวดข้อเท้าที่ตกบันไดยังไม่หายดี
ฝ่ายทีฑายุไปถึงบ้านแม่ กลับได้เห็นภาพบาดตาระหว่างศิศิรากับมาณสิงห์ที่ใกล้ชิดกัน ทีฑายุโมโหหึงจนไม่ทันฟังเหตุผลใดๆ ต่อว่าทั้งศิศิราและมาณสิงห์เป็นการใหญ่ ยิ่งได้ยินญาณีกระแนะกระแหนเรื่องทีฑายุให้กัญญาภัคเข้าไปนอนในห้องส่วนตัวเจ้าหญิง ทีฑายุก็ยิ่งโมโหมาณสิงห์ที่คาบข่าวมาฟ้องถึงนี่
ขณะสองฝ่ายทุ่มเถียงกัน ศิศิราลุกหนีไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทีฑายุรีบตาม ส่วนญาณีกับนารียาอดต่อว่ามาณสิงห์ไม่ได้ที่ปากหนักไม่ยอมบอกเหตุผลว่ากัญญาภัคมีอุบัติเหตุขาเจ็บถึงต้องเข้าไปนอนในห้องศิศิรา
ทีฑายุตามมารวบตัวศิศิราที่วิ่งหนีไปริมน้ำ ศิศิราดิ้นรนและตบหน้าทีฑายุก่อนจะผลักเขาล้มกลิ้งลงไปในน้ำ แถมยังคว้าก้อนหินปาซ้ำเฉียดโดนหน้า แล้ววิ่งหนีไปโดยไม่พูดอะไรเลย
ส่วนในวังกัญญาภัคนั่งไม่ติด ขยับแล้วขยับอีกด้วยความรำคาญไมยาดินที่กำลังดูข้อเท้าของเธออย่างห่วงใย
"พอแล้วล่ะไมยาดิน เราไม่ได้เป็นอะไรมาก"
"ถ้าไม่เป็นอะไรมากก็กลับไปพักที่บ้านสิ หรือว่าต้องอยู่ใกล้พี่ชายถึงจะหายเร็ว"
"พูดอะไรน่าเกลียด ถ้าจะชวนทะเลาะ ก็อย่าคุยกันดีกว่า"
"วันนี้เราห่วงเธอทั้งวัน ขนาดตอนไปที่เขื่อน เราก็คิดแต่ภาพที่เธอนั่งพายเรือ"
กัญญาภัคแปลกใจ ถามไมยาดินไปที่เขื่อนทำไม ไมยาดินนึกได้ว่าเป็นงานลับจึงเงียบเสีย แต่นั่นยิ่งทำให้กัญญาภัค
อยากรู้ แสร้งทำเสียงอ่อนลง
"คงเป็นงานลับ...ไม่เป็นไร ไมยาดินจะมีความลับกับเราบ้างก็ไม่เป็นไร"
ไมยาดินเห็นแววตาน้อยใจของหญิงสาวก็ใจอ่อนยวบ นั่งลงใกล้ๆ บอกเธอว่าเขาไปลาดตระเวนพื้นที่ หาข่าวว่ามาณสิงห์วางกำลังไว้ที่เขื่อนเท่าไหร่
"ท่านก็ต้องการเขื่อนเหมือนกัน" กัญญาภัคเดาทันที
"ใช่ ท่านต้องการพื้นที่เหนือเขื่อนยาวประมาณ 10 กิโลเมตร"
"แนวเขตติดต่อกับชายแดนนิราษิณ...งานเสี่ยงเหลือเกิน มิน่าเธอถึงเครียด" กัญญาภัคไล้มือแตะหน้าไมยาดินแสดงความเห็นใจ ไมยาดินอดใจไม่ไหวจับมือนุ่มนั้นมาจูบ กัญญาภัคสะดุ้งไปนิดอย่างคาดไม่ถึง แต่ไม่กล้าโวยวายกลั้นใจฝืนยิ้มและดึงมือออก อ้างว่ากลัวมีคนมาเห็นเข้าจะไม่ดี ไมยาดินไม่ว่ากระไร มองท่าทางเอียงอายของกัญญาภัคด้วยรอยยิ้มชื่นใจ
ทางด้านส้มเสี้ยว หลังจากฟัดกับรักเร่จนหัวหูยุ่งเหยิง เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ แล้วพาลโมโหใส่ดรัณย์หน้าตาเฉย ทั้งที่ดรัณย์หวังดีจะมาอยู่เป็นเพื่อน ดรัณย์ฉุนเลยว่าส้มเสี้ยวเป็นเด็กกะโปโล ไม่เห็นจะน่ารักน่าตื๊อตรงไหน สาวๆในหอนางโลมมีเป็นร้อยสวยกว่านี้เยอะแยะ ว่าแล้วดรัณย์ก็เดินจากไป ทิ้งส้มเสี้ยวยืนมองตามตาขวาง ทั้งน้อยใจทั้งงอน
ooooooo
เห็นมาณสิงห์ยังป้วนเปี้ยนใกล้ศิศิราทั้งที่มืดค่ำแล้ว ทีฑายุทนไม่ไหวเกิดต่อปากต่อคำกับมาณสิงห์อีกยก จนญาณีที่รู้ว่ามาณสิงห์ต้องการเอาชนะทีฑายุถึงกับเอ่ยปากไล่มาณสิงห์กลับวังไปก่อน
ศิศิราเดินหนีทีฑายุเข้าห้องปิดประตูล็อกทันที ทีฑายุ โมโหประกาศว่าคืนนี้จะไม่กลับวัง และถ้าศิศิราไม่เปิดรับเขา ไอ้ผู้ชายหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์เข้าห้องนี้เหมือนกัน ศิศิราได้ยินเต็มสองหู ทรุดลงนั่งกอดเข่าน้ำตาคลอด้วยความทุกข์ระทม
ข้างฝ่ายไมยาดินยังคงเอาอกเอาใจกัญญาภัค ประคองเธอมาส่งถึงหน้าห้องศิศิรา แต่เขาก็อดบ่นเธอไม่ได้ว่า ห้องในวังมีตั้งมากมาย ทำไมถึงต้องเจาะจงมานอนที่ห้องเจ้าหญิง
"ไมยาดินว่าเรามีเหตุผลอะไรล่ะ"
"หรือว่าเธออยากจะเป็นเจ้าหญิงซะเอง"
"ได้มั้ยล่ะ...เจ้าหญิงกัญญาภัคกับเจ้าชายไมยาดิน ถ้าได้เป็นเจ้าของเขื่อน ก็เท่ากับบัลลังก์นี้มีไว้เพื่อเราสองคน หรือไมยาดินจะปล่อยให้มันเป็นแค่ความฝัน"
กัญญาภัคยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ จูบแก้มไมยาดินเบาๆ แต่พอไมยาดินจะคว้าตัวเธอมากอด เธอกลับพลิ้วกายผ่านประตูเข้าห้อง...ไมยาดินยิ้มกว้าง อยากจะทำให้กัญญาภัคพอใจถึงที่สุด แต่ไมยาดินหารู้ไม่ว่า กัญญาภัคในห้องกำลังเหยียดยิ้มเยาะหยันในความโง่เขลาเบาปัญญาของเขาอยู่
"ผู้ชายซื่อๆเซ่อๆอย่างแกก็ได้แค่ฝัน คนที่เหมาะจะเป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์เหนือทุกชีวิตคือฉัน...เจ้าหญิงกัญญาภัคกับเจ้าชายทีฑายุ"
ขณะเดียวกันนั้น ทีฑายุที่ตอนแรกตั้งใจจะเฝ้าศิศิราอยู่ที่บ้าน แต่จนแล้วจนรอดก็อยู่ไม่ได้ หนักใจที่ศิศิราไม่ยอมพูดคุยด้วย ซ้ำหน้าตาก็ไม่อยากมอง ทีฑายุเลยมุ่งหน้าไปหอคณิกาในสภาพคนอมทุกข์ พอๆกับดรัณย์ที่ถูกส้มเสี้ยวเหวี่ยงมาเหมือนกัน ประสันต์กับมาลข่านจึงสรุปกันว่า ทีฑายุกับดรัณย์อกหักดังเป๊าะ ดรัณย์เถียงคอเป็นเอ็น แต่ทีฑายุไม่พูดอะไรสักคำ กลับแยกตัวไปขอร้องจตารีให้ช่วยไปพูดกับศิศิราให้หน่อย จตารีคนเดียวที่เข้าใจความรู้สึกของเขามากที่สุด น่าจะทำให้ศิศิรายอมพูดกับเขาบ้าง สักคำก็ยังดี
เช้าขึ้นญาณีเห็นจตารีเยี่ยมหน้าเข้ามา ไม่ทันที่จตารีจะพูดอะไร ญาณีก็ชิงด่าจตารีฉอดๆ
"หน้าหล่อนมียางอายบ้างหรือเปล่า ถึงกล้ามาเหยียบที่นี่...นี่คงหวังจะให้ทีฑายุชื่นชมว่าเป็นคนดี มาปลอบอกปลอบใจเจ้าหญิง"
"ข้ารับใช้นี่เขาต้องปากดี แสนรู้ เสนอหน้าไปทุกเรื่องของเจ้านายอย่างเธอทุกคนหรือเปล่า"
"ฉันเสนอหน้า แต่ไม่เคยเสนอตัวไปแทรกกลางเรื่องครอบครัวใคร"
"ดูจากหน้าตาท่าทาง ก็คงไม่มีเสน่ห์มากพอถึงขั้นนั้น"
"นี่แสดงว่าแกตั้งใจทำลายความสุขของเจ้าหญิง" ญาณีรี่เข้าหาจตารี ศิศิราเข้ามาเห็นพอดี แต่ห้ามไม่ทัน จตารีผลักญาณีเหวี่ยงไปกับพื้น แล้วตวาด
"ฉันมาอย่างมิตร ทีฑายุให้ฉันมา"
"โกหก" กัญญาภัคส่งเสียงและก้าวเข้ามาพร้อมรักเร่ ทุกคนหันมองไม่ไว้ใจ โดยเฉพาะญาณีที่ต้องเตรียมพร้อม ระวังทั้งจตารีและรักเร่ "พี่ทีฑายุไม่จำเป็นต้องให้ผู้หญิงชั้นล่าง อย่างแกมาถึงบ้าน" กัญญาภัคกระแทกเสียงใส่จตารี
"ฉันมาอธิบายว่าฉันกับทีฑายุ เราหวังดีต่อกันแบบเพื่อน"
"เพื่อนคู่คิด...มิตรบนเตียงน่ะสิ"
"ถ้าเรียกอย่างนั้น เธอก็คงอยู่ประเภทเดียวกับจตารี เพราะตอนนี้เห็นว่ากล้าถึงขนาดเข้าไปยึดเตียงของเจ้าหญิงไว้ออเซาะคลอเคลียทีฑายุ"
กัญญาภัคหันขวับไปจ้องญาณีตาวาว รักเร่รู้ใจนายสาวพุ่งพรวดเข้าหาญาณี แต่ญาณีตั้งท่ารออยู่แล้ว จึงคว้าเก้าอี้เหวี่ยงใส่จนรักเร่ต้องถอยฉาก กัญญาภัคทำท่าจะเดินเข้าหา
ศิศิรา จตารีรีบขวางไว้
"ฉันจะบอกทีฑายุว่าเธอมาหาเรื่องเจ้าหญิง"
"ให้รางวัลคนช่างฟ้องหน่อยสิจ๊ะ รักเร่"
รักเร่ฉวยกระถางต้นไม้ขนาดย่อมสาดใส่จตารี ทั้งดินทั้งต้นไม้เลอะเนื้อตัวจตารี รักเร่หยิบอีกกระถาง ญาณีรีบดันศิศิราออกห่าง แล้วเข้าตะลุมบอนรักเร่และกัญญาภัค จตารีก็ร่วมวงด้วย ศิศิราไม่พูดอะไร หยิบสายยางมาเปิดน้ำฉีดใส่
สองสาวนายบ่าวจนวิ่งหนีกระเจิงกันไป
หลังจากนั้นจตารีมีโอกาสอยู่กับศิศิราตามลำพัง จตารีคุกเข่าลงตรงหน้าศิศิรา เอ่ยปากอย่างนุ่มนวล จริงใจ
"ทีฑายุเองก็ไม่ได้สบายใจ ที่เจ้าหญิงแสดงองค์คล้ายหมดเยื่อใย หม่อมฉันมาพูดในฐานะเพื่อนทีฑายุ หม่อมฉันมองเห็นความเศร้าของเขาเพคะ"
"แล้วความเศร้าของเราล่ะ" จตารียิ้มดีใจที่ได้ยินเสียงศิศิรา แต่อึดใจเดียวก็ต้องหุบยิ้ม หน้าเจื่อนลง "ในเมื่อเสียงของเราไม่มีความหมายพอที่จะยับยั้งความประพฤติสำส่อนของทีฑายุได้ เราก็ไม่ขอเอ่ยวาจาใดๆกับเขาอีก..."
ooooooo
ตอนที่ 18
ทีฑายุเข้าวังมาเห็นหน้ามาณสิงห์ก็หงุดหงิดขึ้นมาอีกจนได้ ทีฑายุเรียกกึ่งสั่งมาณสิงห์ไว้อีก หลังจากสันธิ กับวิชัยรายงานความเคลื่อนไหวของโกญจนาทที่บ้านว่าไม่มีอะไรผิดสังเกต สันธิกับวิชัยแปลกใจกับน้ำเสียงและสีหน้าทีฑายุที่จ้องมองมาณสิงห์ แต่ก็ต้องผละไป
"หาวิธีให้มันลูกผู้ชายกว่านี้หน่อยก็ได้ ถ้าไม่อยาก
ให้ฉันไปหาเจ้าหญิง" มาณสิงห์เอ่ยปากทันทีที่อยู่ตามลำพัง
กับทีฑายุ
"ที่ฉันยังปล่อยให้แกเป็นองครักษ์ศิศิรา เพราะเห็นแก่ ท่านสันธิ ไม่ใช่ความดีของแกเลย"
มาณสิงห์โกรธกำหมัดแน่น ทีฑายุกลับเดินเข้าหาท้าทาย
"สักหมัดก็ได้นะ ฉันกำลังอยากสั่งขังไอ้พวกชอบแทะๆเล็มๆเมียชาวบ้าน"
มาณสิงห์เงื้อหมัดแล้วชกเฉียดหน้าทีฑายุลงไปที่ผนัง "เลวอย่างแก ไม่มีทางชนะใจเจ้าหญิง"
"ฉันไม่ต้องชนะใจ เพราะฉันได้ทั้งตัวทั้งหัวใจศิศิรา... หมดจดทุกสิ่งทุกอย่าง"
มาณสิงห์สุดทนเงื้อหมัดจะชกทีฑายุ สันธิวิ่งมาเห็น ตวาดห้ามก่อนจะไล่มาณสิงห์ไปตรวจที่เขื่อน มาณสิงห์เห็นสายตา ดุๆของพ่อ จำต้องลดมือลงสะกดอารมณ์หันหลังเดินออกไป
"ถ้ามาณสิงห์ไม่มีพ่ออย่างท่าน เขาก็คงเป็นได้แค่ทหารปลายแถว"
"เราไม่ถือเป็นคำชมเพราะเรารู้ว่าสิ่งเดียวที่มาณสิงห์ ทนไม่ได้คือการที่เจ้าหญิงโดนลบหลู่พระเกียรติ"
ทีฑายุชะงักนิ่งมองสันธิที่น้ำเสียงตำหนิชัดเจน...
ในขณะเดียวกัน กัญญาภัคกับรักเร่ที่กระเจิงมาจากบ้านนารียา กัญญาภัคกลับมาถึงบ้านอย่างหัวเสียสุดๆ รักเร่เห็นท่าไม่ดีรีบขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า สวนกับไมยาดินที่เดินหน้าตึงเข้ามาถามกัญญาภัคว่าหายไปไหนมา กัญญาภัคกำลังอารมณ์เสียพอได้ยินไมยาดินทักแบบนี้ก็เสียงแข็งขึ้นทันที
"อย่ามาพูดเหมือนเป็นเจ้าของเรา เธอต่างหากวันๆทำอะไรมั่ง ถนัดก็แค่รับคำสั่งแล้วก็เดินตามก้นท่าน"
"เธอว่าเราแค่เดินตามก้น"
"ใช่ เพราะเราไม่เคยเห็นเธอทำอะไรเพื่อเราอย่างที่พูดเลย" กัญญาภัคสะบัดหน้าเชิดเดินขึ้นบ้านด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ไมยาดินมองตามแววตาทั้งโกรธทั้งน้อยใจหันหลังออกไปอย่างเร็ว...
ขณะมาณสิงห์ออกไปตรวจตราแถวเขื่อนกับธนูเพลิง ธนูเพลิงเห็นสีหน้ามาณสิงห์เหมือนมีเรื่องหนักใจ เพียงธนูเพลิง เอ่ยปากมาณสิงห์ก็บ่นออกมาทันที
"ทำไมฉันต้องทำงานอยู่ใต้คำสั่งไอ้ทีฑายุ แค่มันใช้สิทธิ์ ความเป็นสามีเจ้าหญิง ก็ไม่มีใครคัดค้านมันได้" มาณสิงห์
ยิ่งพูดยิ่งแน่นในอกหันเดินไปอีกทาง ธนูเพลิงก้าวตามนาย
ของตนไปเงียบๆอย่างเข้าใจความรู้สึก แล้วทั้งคู่ไปเจอชาย
สามคนท่าทางแปลกๆมีพิรุธ พอธนูเพลิงสอบถามว่าจะไปไหน คนหนึ่งบอกว่ากำลังจะเข้าหมู่บ้าน พูดจบก็เตรียมจะชิ่งหนี
มาณสิงห์ไหวตัวชักปืนขึ้นเล็งทันที
"หมู่บ้านไม่ได้ไปทางนั้น"
ไมยาดินที่พรางหน้าเตรียมตัวสู้ แต่มาณสิงห์ล็อกคอเสียก่อน ธนูเพลิงรีบคุมตัวสองคนที่เหลือ มาณสิงห์กระชากผ้าคลุมหน้า เห็นเป็นไมยาดินก็ยิ่งโมโห
"แกมาที่นี่ทำไม หรือว่าโกญจนาทกำลังใช้ให้แกหาทางหนี"
อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์
(อ่านต่อพรุ่งนี้)