อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 30 กันยายน 2553

อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 30 กันยายน 2553
“ริวโซ่...ริวโซ่...”

เสียงร้องของโอชินเงียบหายไปกับสายฝน ฝนเม็ดเล็ก ๆ แต่มันดังราวกับลูกเห็บร่วงจากฟ้ากระทบสรรพสิ่งบนพื้นโลกดังสนั่นไปทั้งละแวก โอชินเปล่งเสียงแหลมลึกออกมาอีกครั้ง จะก้าวเท้าออกมาข้างหน้า ทันทีพลาดความชื้นแฉะของดินที่เปียกฝน ร่างทั้งร่างล้มคะมำไปข้างหน้า

โอชินได้กลิ่นเลือดสด ๆ ที่ตรงไหนสักแห่งหนึ่งโชยมาต้องจมูกก่อนที่สติสัมปชัญญะของเธอจะหลุดลอย แล้วฝนก็ยังคำรามต่อไป สลับกับเสียงร้องของฟ้าลั่น...มันดังน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักสำหรับรัตติกาลอันน่าสยอง...

---@@@---

เท้าของริวโซ่ยังคงซอยถี่ขึ้นแล้วถี่ขึ้น เขามุ่งตรงไปที่เมืองมากกว่าจะรู้สึกตัวว่ากำลังวิ่งฝ่าฝนเปียกโชก ทั้ง ๆ ที่ร่มกันฝนก็ถือ อยู่ในมือ...เขาจะต้องอาศัยสูติแพทย์จากในเมืองมาให้ทันก่อนตะวันขึ้นฟ้า...เพราะลูกในท้องของอาจึโกะจะตายไม่ได้ ไม่เช่นนั้นโอชินก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ขึ้น มาอีก

คำพูดของมารดาก้องอยู่ในหู...สองสาม ครั้ง เขาวิ่งในความมืดและคลำหาทางไม่ถูก... หลายครั้ง เขาถูกหนามเกี่ยวเอาบ้าง แต่พอจะทนความแสบได้ หน้าที่ของเขา ต้องช่วยให้ทุกอย่างปลอดภัย และเมื่อนั้นก็จะได้ถึงคราวของภรรยาตนบ้าง

ถ้าอาจึโกะคลอดปลอดภัยเสียอย่างเดียวแล้ว การคลอดของโอชินก็จะต้องสะดวกไปทุกสิ่งรวมทั้งน้ำใจจากมารดาในเมื่อเขารับอาสาเป็นผู้ช่วยเหลืออย่างที่เขากระทำในขณะเวลานั้น...จะนึกเฉลียวใจสักน้อยนิดก็หาไม่ว่า ในขณะนั้นได้เกิดอะไรขึ้นบ้างกับโอชิน

---@@@---

และแล้วสูติแพทย์ก็สามารถใช้เครื่องมือสมัยใหม่ช่วยเหลือให้การคลอดของอาจึโกะดำเนินไปด้วยความปลอดภัย เสียงร้อง เล็ก ๆ ดังขึ้นทำให้ริวโซ่กับฟุกุทาโร่ที่คอยอยู่ข้างนอกลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่าง...ไดโงะโร่เดินหัวเราะร่าออกมาจากในห้อง ตามหลังมาเป็น จึเนะโกะ

“คลอดแล้วว่ะ...เฮ่ะ...เฮ่ะ...เป็นผู้หญิง... ทั้งอาจึโกะและลูกปลอดภัย”

ริวโซ่กับฟุกุทาโร่ต่างจับมือกันและกันด้วยความลืมตัว...ไดโงะโร่ขอบคุณริวโซ่อย่างจริงใจ ริวโซ่เองก็โล่งอกเพราะโอชินจะปลอดภัย จากการถูกกล่าวหา ว่าแล้วริวโซ่ก็รีบขอตัวกลับไปที่บ้านเพื่อหวังแจ้งข่าวดีนี้ให้โอชินรู้

ริวโซ่เดินออกจากบ้านเห็นฟ้าสาง คลี่ม่านสีเทาอ่อนแห่งวันใหม่...เหมือนชีวิตใหม่ ที่โอชินจะได้รับ ต่อไปนี้ ชีวิตใหม่ของโอชิน ก็จะสว่างสุกใสเหมือนยามอรุณรุ่งของวันนี้... แต่เมื่อเปิดประตูเขตบ้านทาโนะคุระออกไป ก้าวข้ามธรณีประตูเท่านั้น พลันเห็นภาพที่ปรากฏ เบื้องหน้าหัวใจแทบหยุดทำงาน

ริวโซ่เปล่งเสียงร้องดุจดังสัตว์ที่ถูก ทำร้ายบาดเจ็บสาหัสสากรรจ์... ร่างของโอชินนอนคว่ำหน้าแน่นิ่งอยู่กับดินตรงนั้น เศษโคลนตมกระเซ็นเพราะเม็ดฝนชะแปดเปื้อน ไปทั่วร่าง ริวโซ่กระโจนทีเดียวถึงร่างของภรรยาจับพลิกหงายหน้าเห็นน้ำเมือกสีขุ่นไหลออกจากปากน้อย ๆ ของโอชินไม่หยุด...ดวงตาคู่นั้นปิดสนิท...เนื้อตัวเย็นเยียบ และที่เขาตกใจ สุดขีดก็คือดวงหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษของโอชิน

แม้แต่คนโบราณก็รู้ถึงอันตรายของการคลอดที่ยาวนานถึงกับมีคำกล่าวว่า “จงอย่าให้หญิงที่กำลังเจ็บครรภ์คลอดเห็นพระอาทิตย์ตกดินถึง 2 ครั้ง” เนื่องจากการคลอดของอาจึโกะเข้าข่ายการคลอดที่ยาวนานอันเกิดจากความผิดปกติของทารก...เป็นการผิดส่วนที่แท้

หมายถึงการผิดสัดส่วนที่เกิดขึ้นเมื่อทารกอยู่ในท่าปกติ คือมีกระหม่อมน้อยเป็นส่วนนำ ซึ่งเป็นท่าที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางของหัวเด็กน้อยที่สุด แต่ก็ยังไม่สามารถจะคลอดได้ภายหลังที่การคลอดดำเนินคืบหน้าอย่างมีประสิทธิภาพนานพอสมควรแล้ว

อันตรายจากการคลอดที่ยาวนานนี้ส่งผลกระทบทั้งมารดาและทารกในครรภ์ ภาวะช็อกทางสูติกรรมได้เกิดขึ้นกับอาจึโกะบ่อยครั้ง... เนื่องจากอยู่ในภาวะเครียดและเต็มไปด้วยความอ่อนเพลียยิ่ง ด้วยเหตุนี้ความว้าวุ่นทั้งหลายจึงเกิดแก่มวลสมาชิกของบ้านทาโนะคุระทั้งคืน

อย่างไรก็ตาม การคลอดของอาจึโกะก็สามารถผ่านพ้นวิกฤติการณ์ไปสู่ความปลอดภัยทั้งแม่และเด็ก...เมื่อฟ้าใกล้สว่าง แต่สำหรับโอชินนับเป็นรัตติกาลอันน่าสยองโหดร้ายที่สุดในชีวิตของเธอ สมัยก่อนนี้ การคลอดลูกของผู้หญิงเสมอเท่าด้วยการออกรบของผู้ชาย...

ริวโซ่ประณามตนเองอย่างเงียบเชียบในการที่เขาได้ทิ้งภรรยาไปมัวแต่สนใจในเรื่องการคลอดของน้องสาวจนโอชินแทบจะเอาชีวิตไม่รอด...ยังเป็นคราวเคราะห์ดีของโอชินที่สูติแพทย์ยังอยู่ในบ้านทาโนะคุระ และได้ช่วยชีวิตโอชินไว้ได้ทันท่วงที...

แต่ทารกของโอชิน ซึ่งบอบบางและประสบภาวะชะงักงันของการเจริญเติบโตแพทย์ไม่อาจช่วยชีวิตเอาไว้ได้...ริวโซ่นั่งมองดูภรรยาของตนราวกับคนบ้า ไม่สนใจหนวดเคราที่ขึ้นจนแลครึ้ม ที่หน้าผากของโอชินมีผ้าเย็นโปะไว้จนกระทั่งบัดนี้ เธอยังไม่ฟื้นจากการสลบอันยาวนาน ไดโงะโร่ค่อยเลื่อนบานประตูออกและสืบเท้าเข้ามาหาบุตรชายด้วยความเห็นใจ

“เป็นยังไงบ้าง”

“ถ้าโอชินจะต้องตาย ผมก็ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรได้”

“พูดเป็นบ้า...ไม่ตายง่าย ๆ หรอกน่า... หมอเขาก็ตรวจดูแล้วว่าไม่มีโรคแทรกซ้อน ไม่นานก็หายเป็นปกติ...แกคอยดูแลให้เรียบร้อยก็แล้วกัน”

ภายนอกห้องอันเต็มไปด้วยบรรยากาศเศร้าโศกนั้น มีแต่เสียงหัวเราะครึกครื้น โอคิโย่ ตักน้ำแจกจ่ายให้บรรดาหญิงทั้งหลายที่มาช่วยการคลอดล้างมือ พลางบอกกับทุกคนว่า

“มาคลอดเอาเวลาที่แต่ละคนก็มีงานเกี่ยวข้าวกันทั้งนั้น ต้องขอโทษด้วยนะ...เสร็จแล้วเชิญข้างในนะคะ มีเหล้ายาปลาปิ้งเตรียมเอาไว้แล้วค่ะ”

ไดโงะโร่เปิดบานประตูบ้านอาศัยคลอดของโอชินออกมา สีหน้าเห็นเค้าแห่งความกังวลชัดเจน

---@@@---

เมื่อจัดงานด้านอาหารเตรียมเลี้ยงให้เป็นที่เรียบร้อย จึเนะโกะไม่ลืมเหตุการณ์อันแรงร้ายที่เกิดกับสะใภ้โอชิน รีบจัดอาหารมาส่งถึงบ้านอาศัย ริวโซ่เปิดประตูรับ

“ข้าวต้มมันเย็นไปหน่อยแล้ว เวลาจะกินค่อยอุ่นนะ ส่วนนี้เป็นของคุณริวโซ่ ทานเสียบ้างนะเดี๋ยวจะหมดแรงฟุบไปอีกคน”

“ขอบคุณครับ”

“โอชินเป็นยังไงบ้าง โหดร้ายทารุณมากนะคุณริวโซ่”

จากนั้นก็สาวเท้าข้ามกลับไปยังบ้านทาโนะคุระ ริวโซ่เลื่อนบานประตูให้ปิดลงดังเดิม นำอาหารมาวางไว้อย่างไม่สนใจที่จะกิน กลับมานั่งลงเคียงข้างภรรยา สุดสมเพชในตัวภรรยาอย่างบอกไม่ถูก นึกถึงทารกของอาจึโกะ เปลี่ยนดวงหน้าของอาจึโกะผู้เป็นแม่เป็นดวงหน้าของโอชิน นึกเห็นเป็นอย่างนั้นแล้ว รอยยิ้มก็ปรากฏบนดวงหน้าของริวโซ่ ภวังค์ของเขาแตกกระจายเมื่อเสียงโอชินกังวานขึ้นแผ่วเบา

“ยิ้มอะไรหรือคะคุณ”

ริวโซ่สะดุ้งหันมา พบโอชินลืมตาใสแจ๋ว ยิ้มให้ตนและกล่าวต่อไปว่า

“ลูกล่ะคะ? ลูกผู้หญิงใช่ไหมคะ? อยู่ที่ไหนล่ะคะ?”

“หิวหรือยัง? พี่จึเนะทำข้าวต้มมาให้ เห็นยังหลับอยู่ก็เลยเอากลับไป บอกว่าเมื่อจะกินก็จะอุ่นให้ร้อน ฉันจะไปเอามาให้นะ”

“พาลูกมาด้วยนะคะ ฉันอยากเห็นหน้าแกค่ะ อยากให้ทานนมด้วย”

ริวโซ่เห็นใบหน้าของโอชินที่บ่งบอกถึงความปลาบปลื้มแห่งการเป็นมารดาแล้วรู้สึกมีก้อนอุปสรรคก้อนหนึ่งมาติดอยู่ที่ลำคอยากที่จะกลืนมันลงไปได้

“อย่าเพิ่งพูดมากเลย ตอนนี้พักผ่อนให้มาก ๆ นะ”

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร”

โอชินกล่าวแล้วจะลุกนั่ง แต่ถูกริวโซ่ประคองให้ล้มตัวลงนอนไปเหมือนเดิม

“ฉันไม่ได้เป็นอะไร เมื่อกี้นี้ก็ไปที่บ้านหลังใหญ่ ไปเรียกหมอตำแย...”

“เอ้อ...หมอ...หมอตำแยเขามาดูให้ แล้ว...”

“ค่อยยังชั่ว แต่หลังจากนั้น จำอะไรไม่ได้เลย คงทำให้ทุกคนยุ่งกันไปหมดสินะ”

ริวโซ่อยากจะร้องไห้ กัดฟันตัวเองแน่น บอกภรรยาสุดที่รักว่า “เอาเถอะ จะไปพาลูกมาให้...ตอนนี้นอนก่อนนะ...รอประเดี๋ยว...”

จับภรรยาที่เพียรจะลุกนั่งให้นอนลงไปอีกครั้ง ค่อย ๆ ถอยกายออกมาแล้วสาวเท้ารวดเร็วข้ามไปยังบ้านทาโนะคุระ...เมื่อมาถึงห้องครัวได้พบจึเนะโกะ ทรุดกายลงนั่งด้วยความโทมนัสใหญ่หลวง

“โอชินเป็นยังไงบ้าง ฟื้นหรือยัง”

ริวโซ่นั่งตาค้าง ทันทีได้ยินเสียงพวกผู้หญิงกับมารดาพากันหัวเราะครึกครื้นเสียงขรมอยู่ในห้องถัดไป ริวโซ่เหลือจะอดทนต่อไปได้ ทะลึ่งสุดตัวแล้วถลันไปยังห้องนั้น จึเนะโกะตกใจร้องเรียกไม่ทัน ได้ยินเสียงริวโซ่ตวาดดังลั่นมานอกห้อง

“หัวเราะเหมือนไอ้พวกบ้ากัญชา ยินดีอะไรกันวะ หนวกหูจะตายห่าอยู่แล้ว”

ครู่เดียวเห็นโอคิโย่ดึงเอาริวโซ่ออกมาจากห้อง ไดโงะโร่ตามมาข้างหลัง

“ทำไมถึงได้สำรากคำหยาบคายยังงั้นออกมา เขาอุตส่าห์มาช่วยเรานะ ให้มีมารยาทผู้ดีเสียบ้าง”

“ใครกันแน่ที่ไม่มีมารยาท โอชินน่ะแท้งลูกหวิดจะตายอยู่เสือกมากินเหล้าฉลองกันแต่หัววัน คนมีมารยาทดีเขาทำกันแบบนี้เรอะ”

“หยุดเสียที ริวโซ่ เป็นผู้ชายทำไมถึง ทำตัวทุเรศแบบนี้เล่า”

ริวโซ่ตาลอยราวกับคนบ้า “จะมีใครบ้างไหมที่รับรู้ความรู้สึกของผม ก็แน่ละซี คุณ แม่รักอาจึโกะคุณแม่ถึงได้ดีใจ แต่โอชินล่ะ?... โอชินจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ช่างยังงั้นใช่ไหม”

โอคิโย่ ในส่วนลึกของหัวใจก็รู้สึกโศกเศร้าอยู่บ้างเหมือนกัน นิ่งไปครู่หนึ่งกล่าวแผ่วเบา “เรื่องมันแล้วไปแล้วจะทำอะไรได้ มันเป็นพรหมลิขิตของแต่ละคน...”

ริวโซ่หันขวับ ดวงตาของเขาราวกับไฟที่ลุกโชนในเตา “พูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำ...ถ้าผมอยู่กับโอชินละก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก...แต่นี่เป็นเพราะผมไปตามสูติแพทย์ให้อาจึโกะ ผม...ผมจะไม่มีวันกล้าเผชิญหน้ากับโอชินได้อีกแล้ว...ผมไม่กล้าแม้แต่จะพูดความจริงกับเธอ...”

ไดโงะโร่หัวใจเต้นแรง ลงนั่งเคียงข้างบุตรชายถามว่า “นี่โอชินเขาฟื้นแล้วรึ?”

ริวโซ่หันมามองหน้าบิดา “เธอจะขอดูหน้าลูกที่เกิดมาแน่ะครับ จะให้ผมพูดยังงั้นได้ยังไง คิดเรอะว่าผมจะพูดได้ ร่างกายเธออ่อนเพลียขนาดนั้น ขืนบอกความจริงให้เธอทราบ เธออาจจะช็อกตายไปเลยก็ได้”

โอคิโย่ยืนนิ่ง แต่ร่างกายรู้สึกสั่นเทาอย่างไม่รู้สาเหตุ ไดโงะโร่ตบบ่าลูกชายเบา ๆ

“เอาเถอะ พ่อจะเป็นคนพูดให้เอง... เรื่องแบบนี้จะปิดอยู่ได้อย่างไร”

จากนั้นชวนริวโซ่ข้ามกลับมาหาโอชินที่บ้านอาศัยคลอดโอชินเมื่อได้เห็นหน้าสามีก็ส่งยิ้มให้หวานชื่นขณะบิดาของสามีทรุดกายลงนั่งข้างตัว

“ไหนล่ะคะลูกฉัน”

“โอชิน...น่าเสียใจนะ...ที่เธอแท้งเสียก่อน...โอชินเธอยังสาวจะมีลูกอีกกี่คนก็ได้”

“ไม่จริงค่ะ...ไม่จริง ลูกไม่ได้แท้ง... ยัง...ลูกฉันยังไม่ตาย...ฉันเป็นคนตัดสายสะดือเอง...แต่ไม่มีน้ำร้อนจะล้างก็เลยเอาเสื้อห่อไว้... ลูก...ลูกฉันอยู่ไหนคะคุณ”

ริวโซ่อดกลั้นไม่อยู่ เบือนหน้าหนีมิให้โอชินได้เห็นน้ำตาพรากแก้ม โอชินยิ้มปลาบปลื้มเมื่อคิดถึงลูกที่เกิดมา

“ตัวแกยังอุ่น หัวใจก็ยังเต้นตุ้บ ๆ แก ยังไม่ตาย แกมีชีวิต ฉันดีใจจนร้องตะโกนเรียกหาคุณ...จะมาว่าลูกฉันแท้ง ตายได้อย่างไร ตอนนั้นไม่มีใครอยู่ ฉันคลอดของฉันคนเดียว ลูกเต้นอยู่ในอุ้งมือของฉัน ถึงแกจะตัวเล็กไปหน่อย แกก็มีชีวิต...จริงนะ...เป็นความจริง...”

ไดโงะโร่เองแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ไปด้วย พยักหน้าหงึกหงักกล่าวว่า “โอชิน...ตอนที่ริวโซ่มาพบเธอน่ะ เธอนอนสลบอยู่ด้านหลังของ บ้านใหญ่พอดี สูติแพทย์ยังอยู่ก็เลยช่วยชีวิตได้ทันท่วงทีช้านิดเดียวเธอก็อาจจะต้องเสียชีวิต ไปด้วย...แพทย์พยายามช่วยลูกของเธอเหมือนกัน แต่ตอนที่พบน่ะ...ลูกเธอได้แท้งตายเสีย ก่อนแล้ว”

โอชินนอนฟังหน้าตาเฉย สายตามองดูเพดานที่เต็มไปด้วยหยากไย่ กล่าวออกมาว่า “ไม่จริงค่ะ...ลูกฉันยังไม่ตาย...ยังไม่ตายจริง ๆ ด้วย”

“โอชิน...ตอนฉันอุ้มนั้น ลูกของเราตายแล้ว...”

“หมอบอกว่า เด็กตายตอนคลอดเนื่องมาจากอ่อนแอเกินขนาด อยู่ได้ประเดี๋ยวก็เสีย ชีวิต ตอนอยู่ในท้องเด็กขาดการบำรุง”

“ได้โปรดเถอะค่ะ...ฉันขอเห็นหน้าลูกของฉัน...”

สิ้นคำก็ผุดลุกนั่ง คว้าเอาสามีเป็นหลักไม่ให้ล้ม ริวโซ่กอดรัดภรรยาด้วยความสงสารสุดขีด โอชินหัวเราะพร้อมกับยืนยันจะขอดูหน้า ลูกให้ได้ เพราะได้ตั้งชื่อไว้ให้แล้วด้วยว่าอาอิซึ่ง แปลว่ารัก เพราะโอชินตั้งใจจะให้ลูกที่เกิดมาเป็นที่รักของทุกคน

หลุดอ้อมกอดของผัว โอชินคลาน กระเสือกกระสนด้วยความปรารถนาจะไปพบลูกแรกเกิด ริวโซ่ตะปบเมียเอาไว้อีกครั้ง กอดไว้แน่น

“ลูกจะต้องกินนมแล้วค่ะ แน่ะได้ยินไหม ร้องไห้ใหญ่เลย...อาอิ... อาอิ... อาอิ ลูกแม่...”

ไดโงะโร่ถอนหายใจยาว มองดูหน้าที่เปียกโชกด้วยน้ำตาของริวโซ่ด้วยความเห็นใจ ในความปวดร้าวระบมของชายหนุ่มสุดที่จะพรรณนาได้...

---@@@---

บาดแผลทางใจของโอชินสาหัสเกินกว่าที่ทุกคนจะเข้าใจได้ แม้แต่ริวโซ่ผู้เป็นสามี นับแต่ได้ยอมรับรู้ว่าเธอแท้งลูกตายแล้ว โอชินหมดอาลัยตายอยากในชีวิตไม่ยอมพูดจากับผู้ใด เอาแต่นั่งตาลอยมือถือดอกไม้เด็ดกลีบของมันทิ้งเล่นดุจคนที่ไร้สติ

นมสองข้างก็คัด โอชินไม่สนใจในความเจ็บปล่อยให้น้ำนมไหลเปียกโชก ริวโซ่ทนดูไม่ได้ต้องเอาผ้าซับซุกไว้ข้างในทั้งสองข้าง โอคิโย่ นั่งอยู่ที่ขอบธรณีประตูบ้านอาศัยของโอชิน แลดูร่างของโอชินที่นั่งหันหลังให้แสงสว่างจากภายนอกสาดเข้ามาทางบานหน้าต่างนั้นประหนึ่งรูปปั้นด้วยศิลาเก่า ๆ ริวโซ่นั่งอยู่ไม่ห่างไกล กล่าวกับมารดาด้วยความคับแค้นใจเป็นที่สุด

“โอชินอุตส่าห์ตั้งชื่อลูกเป็นอย่างนั้นแสดงว่าภายในจิตใจของเธอต้องการความรัก จากทุกคนในบ้านทาโนะคุระ แต่คุณแม่...”

เสียงของชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายขาดหายไป มันแห้งเหือดดุจน้ำที่ถูกความร้อนผ่าวของผืนทะเลทรายซึมซาบ

“ริวโซ่.. แม่เองใช่ว่าจะใจจืดใจดำกับโอชินนะ แต่แม่บอกแล้วว่า ในบ้านหนึ่งถ้าจะมีการคลอดสองรายพร้อมกันแล้ว จะต้องมีเคราะห์ เสร็จแล้วมันก็เป็นความจริงตามที่แม่วิตก”

โอชินล้วงเอาผ้าซับน้ำนมออกมาจาก อกเสื้อ ริวโซ่ขยับตัวลุกขึ้นช่วยเปลี่ยนผ้าซับ น้ำนม โอคิโย่มองแล้วก็ถอนหายใจยาว

“โลกนี้มันไม่ค่อยจะเป็นไปอย่างที่คิดเลย...โอชินไม่ค่อยจะได้กินอะไร น้ำนมทะลักแล้วทะลักอีก...ส่วนอาจึโกะกินสารพัดแต่ไม่ยอมมีน้ำนมให้ลูกกินเอาเลย”

โอคิโย่ถอนใจอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นเดินซึมกลับมาที่บ้านทาโนะคุระ ได้ยินเสียงทารกของอาจึโกะส่งเสียงจ้า ก็กล่าวกับจึเนะโกะซึ่งกำลังล้างถ้วยชามอยู่ในครัว เพราะรู้ดีว่าลูกของ อาจึโกะกำลังหิวนมอีกแล้ว จึเนะโกะไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ได้แต่ยิ้ม ๆ มองดูมารดาของสามีเดินซึมเข้าไปในห้องพักฟื้นของอาจึโกะบนเรือน

อีกไม่กี่นาทีถัดมาริวโซ่ก็เดินถือถาดน้ำชาเข้ามาในครัวเพื่อขอน้ำร้อนจากจึเนะโกะ อีกฝ่ายจึงถามถึงอาการของโอชิน

“ยังซึม ๆ เหมือนเดิมครับ ไม่ยอมพูดไม่ยอมจา...ปกติโอชินเขาเป็นคนใจแข็งนะครับ ไม่น่าจะมาเป็นแบบนี้เลย”

“ความรักลูกน่ะ มันไม่จำกัดว่าต้องใจแข็งหรือใจอ่อนหรอก แถมโอชินยังต้องมาเจอความทารุณตอนคลอด มันก็นรกชัด ๆ นั่นแหละ ต้องตัดสายสะดือด้วยตัวเองนี่...ฉันว่ามันทารุณเอามาก ๆ...ที่อาจึโกะไม่มีน้ำนม ก็เพราะถูกพระเจ้าลงโทษน่ะ”

ยังไม่ทันริวโซ่จะกลับ ได้ยินเสียงมารดาร้องเรียกขึ้น

“ริวโซ่..แม่อยากจะขอร้องอะไรหน่อย...”

ทันทีอาจึโกะคลานออกมาจากในห้องพักฟื้นร้องบอกมารดาว่า “แม่ไม่ต้องพูด ไม่ต้องขอร้อง...”

โอคิโย่หันกลับไปแว้งกัดลูกสาวทันที “ทำไม แกจะให้ลูกแกตายเพราะไม่ได้กินน้ำนม ยังงั้นรึ”

“ขอร้องคนอื่นก็ได้นี่นา...”

โอคิโย่ไม่ฟังเสียง หันมาทางบุตรชาย กล่าวว่า “แม่อยากให้ลูกของอาจึโกะได้กินน้ำนมของโอชิน...จะได้ไหม”

ริวโซ่ตาขวางขึ้นมาทันที “ทำยังงั้นได้ยังไง คิดถึงหัวอกโอชินเขามั่งซิครับคุณแม่...”

“เหอะน่า ลูกผู้หญิงน่ะเขาไม่ใจแคบหรอก โอชินน่ะเวลานมคัดก็อดจะคิดถึงลูกไม่ได้ ถ้ามีเด็กให้กินนมเสียบ้าง จะเป็นลูกของใครก็ช่างเถอะ...คงจะทำให้โอชินคลายความคิดถึงไปบ้างนั่นแหละ”

ริวโซ่โกรธแค้นสุดขีดตะเบ็งออกมาว่า “พูดเอาแต่ได้...ไม่ตกลงครับ” สิ้นคำฉวยเอาถาดน้ำร้อนออกไปจากบ้านทาโนะคุระ...ก้าวพ้นชายคามาได้ยินเสียงฝีเท้าติดตามมาติด ๆ หันไปพบจึเนะโกะ เรียกเอาไว้

“คุณริวโซ่...นี่ฉันคิดเอาเองนะ...ตอนนี้โอชินเขาก็ไม่มีกะจิตกะใจ ถ้าได้สัมผัสอุ้มเด็กอุ้มเล็กให้กินนมบ้าง อาจจะเป็นการดีสำหรับโอชินอย่างที่คุณแม่พูดก็ได้”

ริวโซ่ชะงัก เสียงจึเนะโกะกังวานสืบไปว่า “ที่พูดนี้ ก็ด้วยความปรารถนาดีต่อโอชิน”

ริวโซ่คล้อยตาม อีกไม่นานจึงยินยอมให้มารดาอุ้มเอาทารกของอาจึโกะมาหาโอชิน... เลื่อนบานประตูเข้าไปรับเอาทารกจากอุ้งมือกอดของมารดา ค่อย ๆ เดินเข้าไปหาภรรยาด้วยไม่แน่ใจว่าจะเป็นการถูกต้องดีหรือไม่อย่างไร...นั่งลงข้างภรรยาอย่างเงียบเชียบ กล่าวเสียงแผ่วเบา

“โอชิน...ขอให้เด็กคนนี้กินนมเธอหน่อยนะ...”

โอชินยังคงนั่งตาลอยเหมือนไม่ได้ยินความที่ริวโซ่ได้กล่าวขึ้น

“เด็กมันหิวนมน่ะ...”

โอชินนิ่ง ค่อย ๆ หันมามองดูริวโซ่ ด้วยสายตาไม่กะพริบ ความเงียบระทึกอยู่ในใจของโอคิโย่ที่เฝ้ามองดูอยู่ใกล้ ๆ ที่สุดโอชินก็ค่อย ๆ ยื่นแขนออกไปรับเอาทารกนั้นเข้ามาแนบไว้กับทรวงอก โอคิโย่ยิ้มสดใส พร้อมกับเสียงถอนหายใจใหญ่ของริวโซ่ดังขึ้น

เมื่อไดโงะโร่กลับมาจากสมาคมทะเล ได้ทราบว่าโอคิโย่อุ้มเอาทารกไปขอน้ำนมโอชินกินก็เดือดแค้น ถอดเสื้อนอกออกพลางกล่าวกับอาจึโกะว่า

“ทำไมถึงได้ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้น รู้ก็รู้ว่าโอชินมันเสียอกเสียใจแค่ไหน ไอ้แบบนี้มันเท่ากับซ้ำเติมกันนี่”

ยังไม่ทันสืบเท้าออกไปก็เห็นโอคิโย่เดินอุ้มทารกลูกของอาจึโกะเข้ามาในบ้านยิ้มแฉ่งร่าเริง ส่วนทารกนั้นหลับปุ๋ย

“อาจึโกะเอ๊ย...เด็กกินนมซะอิ่มเลยแหละ โอชินให้เด็กดูดนมเฉย...หน้าตาของเขาตอนนั้นไม่ผิดอะไรกับแม่ของเด็กที่กำลังกินนม...คงจะคิดว่าเป็นลูกของตนเองน่ะ... เฮ้อ...ก็คงจะต้องให้กินนมโอชินไปสักพักหนึ่ง... อาจึโกะ...”

อาจึโกะหน้าตาไม่สบาย เสียงมารดา กล่าวกับตนว่า “แกต้องระลึกถึงบุญคุณของ โอชินเขานะ เขาให้นมเลี้ยงลูกของแกไว้”

พลางหันมาทางจึเนะโกะในครัว บอกว่า “จึเนะโกะ...ช่วยหาอาหารดี ๆ ที่มันบำรุงร่างกายของโอชิน เอาไปให้เขากินหน่อย...ไม่ต้องเสีย ดายเงินหรอกนะ ต้องประคบประหงมให้โอชินเขากลับฟื้นคืนดีแข็งแรงเหมือนเดิมเข้าใจไหม”

จึเนะโกะยิ้มดีใจกล่าวรับ โอคิโย่อุ้มหลานอย่างสบายใจ ไดโงะโร่เลยยืนเซ่อ เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของโอคิโย่ที่มีต่อโอชินผู้อาภัพ จึงลืมเสียสิ้นที่จะต่อว่าต่อขานภรรยาของตน...

อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 30 กันยายน 2553
ที่มา เดลินิวส์