อ่านละครย่อเรืองเทพบุตรมายาเทพธิดาจำแลง ตอนที่ 2
ด้วยความแค้นที่พลอยไพลินมีต่ออัจฉราวดี ไม่อาจลบเลือนได้ ตั้งแต่สมัยเรียนเมืองนอก พลอย-ไพลินกลับมาที่ห้องพัก พบอัจฉราวดีนอนอยู่กับแฟนของเธอ แล้วอ้างว่าทะเลาะกับรามิลจึงดื่มจนเมา แล้วมาหาเธอ เลยโดนแฟนเธอปล้ำ แต่พลอยไพลินไม่เชื่อ
"นึกว่าฉันจะโง่ เชื่อบทบาทที่เธอแสดงเหรอ นังงูพิษ อย่าเผลอแล้วกัน ดาบนี้จะต้องคืนสนองเธอแน่ๆอัจฉราวดี" พลอยไพลินเก็บความแค้นนี้จนกลับมาอยู่เมืองไทย
พลอยไพลินจึงคอยยุให้ อัจฉราวดีทำอะไรผิดๆ ให้บุกไปบ้านรามิลเพื่อจับเขาให้อยู่หมัด อัจฉราวดีโทร.เรียกปาปารัซซี่ไปคอยถ่ายว่าใครคือแฟนตัวจริงของรามิล แต่พอเธอไปถึงกลับเข้าบ้านไม่ได้เพราะจ้อนไม่เปิดประตูให้ บอกแต่ว่ารามิลไม่อยู่ อัจฉราวดีผิดหวังและโกรธขึ้นรถกลับไป โดยลืมไปว่าปาปารัซซี่ได้ภาพเธอเกาะรั้วแต่เข้าไม่ได้ไปเต็มๆ...
รา มิลงงที่ติ๋มพูดถึงภัครมัย จึงถามว่ามัดไหมเป็นใคร มัดไหมยิ้มก่อนจะตอบว่า "ใช่ค่ะ ฉันคือคนรับใช้ของคุณมัดไหมหรือคุณภัครมัย เจ้าของไร่มนตรา"
รา มิลทำหน้าไม่อยากเชื่อ ติ๋มจึงพูดว่า บอกให้เปลี่ยนชื่อก็ไม่เปลี่ยน ทำให้ใครต่อใครเข้าใจผิดอยู่เรื่อย รามิลเริ่มโกรธที่หลงอยู่กับคนใช้มาครึ่งค่อนวัน จึงถามหาภัครมัยเขามีธุระต้องเคลียร์ ติ๋มทำเป็นตกใจแล้วบอกว่าภัครมัยไม่อยู่
"ไม่เป็นไรฉันจะรอ อ้อ...ให้คนงานไปลากรถฉันขึ้นจากหล่มให้ด้วย อยู่ห่างจากทางเข้าไร่สักสองกิโลได้มั้ง"
ติ๋มชำเลืองมองมัดไหมว่าจะเอาอย่างไร มัดไหมยิ้มมีเลศนัยแล้วรับคำเสียเอง...เวลาผ่านไปจนมืด มัดไหมเดินกลับมาเห็นรามิลยืนมองดวงจันทร์จึงแกล้งทักว่ายังไม่กลับอีกหรือ
รามิลตอบว่าเขาจะรอภัครมัย จู่ๆรามิลก็เปลี่ยนเรื่องถาม "เธอมีแฟนแล้วเหรอ..."
มัดไหมสำลัก "อะไรนะคะ..."
"ก็นายตะวันเจิดจ้าอะไรน่ะ พอเห็นว่าเขาไม่สบายก็เห็นเธอรีบแล่นไปดูท่าทางเป็นห่วงเป็นใยมาก กลับมาจนมืดจนค่ำเชียว อาการหนักมากหรือไง"
"ฉันคงไม่สิ้นคิดขนาดมีแฟนเป็นม้าหรอกค่ะ" มัดไหมหัวเราะ
รามิลหน้าเหวอ ทำไมต้องเรียกว่าคุณ มัดไหมย้อนถามว่ามีกฎข้อไหนให้ใช้คำว่าคุณกับคนเท่านั้น รามิลอึ้งเปลี่ยนเป็นขอให้หาอาหารให้เขากินเขาหิว มัดไหมยิ้มกริ่มรีบไปให้ติ๋มจัดสำรับมาให้ รามิลมองอาหารตรงหน้าถามอย่างขยะแขยงว่าคืออะไร
"ตรงหน้าคุณนั่นผัดเผ็ดตะกวดป่าค่ะ ถัดมาก็ยำแย้ตายท้องกลม ต้มยำปลาไหล ไข่มดผัดฉ่า ปลาร้าหลน..." ติ๋มอธิบายฉะฉาน
รามิลรีบบอกให้หยุด มัดไหมรีบเสริมว่านี่เป็นอาหารพิเศษที่นานๆจะทำรับแขกอย่างเขา รามิลขอเป็นอาหารธรรมดาๆแบบเธอกิน มัดไหมจึงหายไปสักพักแล้วกลับมาพร้อมข้าวไข่เจียวไหม้ๆ รามิลโวยว่ากินไม่ได้ แต่พอมัดไหมบอกว่าไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว รามิลจำต้องกล้ำกลืน
คืนนั้น นาตาชากลับบ้านดึก พบแม่แก้วยังรอรามิล เพราะเป็นห่วงกลัวทำร้ายมัดไหม นาตาชาสงสารแม่จึงบอกว่า ไม่ต้องห่วง ป่านนี้คงถูกมัดไหมลบลายเสือกลายเป็นแมวแล้ว
แม่แก้วยิ่งใจหาย เข้าใจว่ามัดไหมทำรุนแรงกับรามิลจึงหันมาเป็นห่วงรามิลแทน
นาตาชาหัวเราะก๊ากเมื่อมัดไหมโทร.มาเล่าว่าทำอะไรกับรามิลบ้าง จึงฝากขอแค่ดัดนิสัย แต่อย่าหนัก เอาพอหอมปากหอมคอ...พลันชื่นมารายงานว่ามีคนมาพบ นาตาชาแปลกใจ
มาทำไมดึกป่านนี้ พอลงมาก็เจอดนุพันธ์ยืนรออยู่หน้าบ้าน จึงพามานั่งที่เก้าอี้สนาม
"นึกว่าหนูนาจะไม่ลงมาเจอพี่ซะแล้ว"
"ทำไมคิดงั้นล่ะคะ"
"ก็เพราะมันมืดแล้วนะ..." ดนุพันธ์อึกอักจะพูดสิ่งที่อยากพูดก็พูดไม่ออก
"รู้ว่ามืดแล้วมาทำไม อ๋อ...รู้แล้วล่ะวันนี้สาวๆที่เคยเดตไม่มีใครว่างล่ะสิ"
ดนุพันธ์รีบแย้งว่าไม่ใช่ นาตาชายังแซวว่าที่ยืนมองจันทร์คงขอให้มีคนว่างสักคนให้ควง ดนุพันธ์รีบบอกว่าเขาไม่ได้ขออย่างนั้น นาตาชาจึงถามว่าแล้วขออะไร
"พี่ขอให้คนที่พี่รักจริงหวังแต่ง เขาเห็นความจริงใจของพี่สักทีน่ะสิ" ดนุพันธ์จ้องตาซึ้ง
นาตาชาหน้าแดงเฉไฉวิ่งไปบอกว่าจะชงกาแฟมาให้ ดนุพันธ์ห้ามไม่ทันได้แต่บ่นว่า พอเขาจริงจังก็หนีทุกที แล้วพานโกรธรามิลไม่อยู่ช่วยเขา...
ขณะเดียวกัน รามิลยังโดนมัดไหมแกล้งชงกาแฟใส่เกลือให้กิน พอเขารู้ว่าภัครมัยอาจไม่กลับคืนนี้จึงบ่นว่าเขาไม่รอแล้ว แต่พอจะกลับ รถกลับสตาร์ตไม่ติดเพราะน้ำมันหมด ก็แปลกใจเป็นไปได้อย่างไร หันกลับมาขอให้มัดไหมให้คนงานไปซื้อน้ำมันมาให้ แต่มัดไหมตอบว่ารถในไร่ไม่อยู่และปั๊มน้ำมันก็อยู่ในตัว เมืองโน่น เขาคงต้องค้างคืนที่นี่ และต้องรีบๆหน่อยเพราะไฟจะปิดตอนสี่ทุ่ม รามิลตกใจ "อะไรนะ มีการดับไฟกันด้วยเหรอ!"
"ค่ะ...เราต้องช่วยชาติประหยัดไงคะ นี่ก็สามทุ่มครึ่งแล้วนะคะ เร็วๆเถอะค่ะ" มัดไหมลากรามิลไปบ้านพักแทบหัวทิ่ม...
นาตาชาพยายามเข็นให้ดนุพันธ์กลับ แต่ดนุพันธ์ตั้งใจจะพูดความในใจให้ได้คืนนี้
"ไม่ได้ต้องพูดวันนี้...เอ้อ...คือ...คือ...คือว่า...คือ..."
"ถ้าพี่ยังนึกไม่ออกก็ไว้ก่อนเถอะค่ะ"
"พี่ชอบหนูนา" ดนุพันธ์พูดโพล่งออกมา แล้วโล่งอก รอคำตอบของนาตาชา
แต่นาตาชาทำเฉยเมย ดนุพันธ์ผิดหวัง "อ้าว...หนูนาไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ"
"ไม่รู้สึก รู้สึกทำไม หนูว่าพี่สนุกกับชีวิตโสดต่อไปเถอะ อย่ามาเสียเวลาชอบหนูเลย"
"นี่หนูนามีแฟน หรือมีคนอื่นแล้วงั้นหรอ" ดนุพันธ์ หน้าเสีย
นาตาชาทำท่ารำคาญไล่ให้ดนุพันธ์กลับไป แล้วเดินเข้าบ้านหน้าตาเฉย ดนุพันธ์อ่อนใจที่นาตาชาใจแข็ง แต่ที่จริงแล้วนาตาชามายืนหน้าแดงมือบิดผ้าม่านอยู่ในบ้านอย่างว้าวุ่นใจ
แม่แก้วออกมาเจอ เรียกจนเธอสะดุ้ง แก้ตัวว่าลองบิดผ้าม่านดูว่าถ้าบิดเป็นเกลียวจะสวยกว่ามั้ย
"อย่าบอกนะว่าแม่แก้วนอนไม่หลับเพราะห่วงพี่เรน่ะ"
"ไม่ได้ห่วงตาเร แต่แม่แก้วห่วงว่าหนูมัดไหมจะเอาไม่อยู่ ป่านนี้ไม่รู้ไปฟาดหัวฟาดหางใส่หนูมัดไหมซะขนาดไหน..."
ในคืนนั้น รามิลโดนมัดไหมแกล้งทำผีหลอกจนต้องวิ่งหน้าตั้งไปนอนในรถทั้งคืน...เช้าวัน รุ่งขึ้น มัดไหมให้ติ๋มปลุกรามิล เขาตื่นขึ้นมาแล้วยังวางฟอร์มอ้างว่านอนในบ้านมันอุดอู้
"อ๋อ...เพิ่งรู้ว่านอนคุดคู้อยู่ในรถนี่มันสบายกว่านอนบนเตียง" มัดไหมพยักหน้ายิ้มๆ
รามิลเปลี่ยนมาถามว่าภัครมัยกลับมาหรือยัง มัดไหมตอบว่าวันนี้อาจไม่กลับ รามิลตกใจแล้วเมื่อไหร่เขาจะเจอ มัดไหมยิ้มยั่วว่าให้ค้างรออีกคืน รามิลส่ายหน้าทันทีอ้างว่ามีงานต้องทำ
ooooooo
ขณะที่อิทธิพลกำลังจะขึ้นรถไปทำงาน เสียงกรี๊ดของอัจฉราวดีดังขึ้น เขาหันมองไปในบ้านแล้วเดินขึ้นรถเหมือนเป็นเรื่องปกติ ในบ้าน อัจฉราวดีขยำหนังสือพิมพ์ปาทิ้งเมื่อเห็นข่าวตัวเองเกาะรั้วบ้านรามิล แสดงว่าเป็นอีกหนึ่งสาวที่ถูกรามิลทิ้ง
นาตาชาเห็นข่าวแล้วสะใจ กำลังคุยกับแม่แก้ว รามิล กลับมาด้วยสภาพอิดโรย แม่แก้วถามว่าโดนอะไรมา รามิล รีบขอตัวไปอาบน้ำแล้วจะเล่าให้ฟังทีหลัง...พอมาทำงาน รามิล เล่าให้ดนุพันธ์ฟังอย่างหัวเสียว่าโดนผีที่ไร่มนตราหลอก ดนุพันธ์ ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ
"แกเคยบอกฉันว่ายัยมัดไหมอะไรน่ะแสบไม่ใช่เล่นเลยไม่ใช่เหรอ เจ้าหล่อนอาจจะหมั่นไส้แกเลยทำผีหลอกก็ได้นา"
"ฉันไม่เจอมัดไหมหรอก เจอแต่คนใช้ของเขา"
"ถ้าอย่างนั้นแกก็ไม่ได้พูดเรื่องแต่งงานน่ะสิ"
รามิลเครียดขึ้นมาอีก เขาบอกดนุพันธ์ว่าเขาจะไม่ยอมแต่งงานตามพินัยกรรม แต่ไม่ทันไรดนุพันธ์เห็นอัจฉราวดีเข้ามาจึงบอกว่าน่าจะแต่ง... "งานเข้าแล้วแก...ฉันเผ่นก่อนล่ะนะ"
รามิลคว้าคอเสื้อดนุพันธ์จะไปด้วย แต่โดนอัจฉราวดีฉุดไว้ชวนไปทานข้าว รามิลจึงอ้างว่ามีประชุม อัจฉราวดีจึงบอกว่าเธอจะรอ รามิลถอนใจก่อนจะเดินออกไป
ooooooo
โรงพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของอภิชาต ติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศ เจ้าของเฟี้ยวแมกกาซีนเรียกนาตาชาและ บก.เข้าประชุม เพราะมีวายซี ดีไซเนอร์ชื่อดังจากนิวยอร์ก เพิ่งได้รับรางวัลดีไซเนอร์หน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากโวคแมกกาซีนมาร่วมประชุม
"ทางโวคเขาอยากได้คอลเลกชั่นใหม่ของผมครับ" วายซีเปิดประเด็น
"คอลเลกชั่นใหม่ของคุณวายซีจะมีลงเฉพาะที่โวคกับหนังสือเราเท่านั้น เอ็กซ์คลูซีฟสุดๆนะครับ ซึ่งเซตนี้เราจะถ่ายกันอาทิตย์หน้า ผมอยากให้กองแฟชั่นกับคุณวายซีได้ร่วมกันสร้างงานชิ้นนี้ขึ้นมา ขอให้ฮือฮาไปทั่วเอเชียเลยนะครับ" อภิชาตอธิบาย
บก.ถามไอเดียวายซี เขาจึงแจ้งว่า "แฟชั่นชุดนี้ผมได้แรงบันดาลใจมาจากทะเล ผมใช้ชื่อว่า deep dark sea ส่วนจะนำเสนออย่างไรนั้น ผมว่าเราช่วยกันเบรนสตอร์มได้ครับ ผมมีเงื่อนไขเดียวเท่านั้น"
"เงื่อนไขอะไรคะ?" นาตาชาสงสัย
"นางแบบของผมต้องเป็น..." วายซีพูดทิ้งท้ายไว้ อภิชาตเสริมต่อว่า...แม็ตตี้
นาตาชากระตุกวูบ พยายามเก็บอาการแล้วบอกว่า เธอได้ยินว่าแม็ตตี้ขอพักร้อน แต่วายซีย้ำว่าเขาต้องการนางแบบคนนี้คนเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ใช่ไม่ทำ ทีมงานมองหน้ากันอย่างหนักใจ...นาตาชาเดินเครียดออกจากห้องประชุม ชนเข้ากับดนุพันธ์ เขามารับเธอไปทานอาหารอิตาเลียน ยังไม่ทันที่เธอจะตอบ พิมมาดาเพื่อนนักเรียนเก่าซึ่งหลงรักดนุพันธ์มานานก็เข้ามาคล้องแขน
"นึกว่าจะขับตามรถพี่นุไม่ทันซะแล้ว ขับซะเร็ว ที่แท้ก็จะมาหายัยหนูท้องนาเอ๊ย หนูนานะเอง"
นาตาชาหมั่นไส้จึงบอกไปว่าเธอไม่ชอบอาหารเลี่ยนๆ ดนุพันธ์จะอธิบายว่าเขาไม่มีอะไรกับพิมมาดา แต่นาตาชาวิ่งหนีไปเสียก่อน พิมมาดาดึงรั้งดนุพันธ์ออกไปจนได้
ด้านอัจฉราวดียังคงรอรามิลจนหงุดหงิด เลขาฯเอาแฟ้มเข้ามาวางบนโต๊ะแล้วบอกว่ารามิลออกจากห้องประชุมและกลับไปแล้ว อัจฉราวดีโกรธมากแล่นมาที่ห้องทำงานอิทธิพลแล้วร้องกรี๊ดๆระบายอารมณ์ อิทธิพลเอ็ดว่าให้รีบทำอะไรดีกว่ามาร้องอยู่แบบนี้ อัจฉราวดีจึงให้พลอยไพลินหาตากล้องนิตยสารซุบซิบดารามาคอยถ่ายภาพเธอกับรา มิลไปลงข่าว...
และในคืนนั้น ขณะที่รามิลนั่งมองพระจันทร์คิดถึงอดีตวัยเด็กที่เขากับนาตาชาไปเที่ยวไร่มน ตราและได้เจอฤทธิ์เดชของมัดไหม แล้วคิดว่าที่เขาโดนผีหลอกคืนนั้นจะเป็นฝีมือมัดไหมอีกหรือเปล่า พลันอัจฉราวดีโผล่มาเกาะไหล่เขา รามิล ตกใจถามว่ามาทำไม
"แหม ก็ใครอยากทิ้งอัจไว้คนเดียวล่ะคะ รู้มั้ยอัจน่ะขายหน้าพนักงานคุณแค่ไหน"
"คุณไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลยอัจ ผมว่าคุณน่าจะจำได้ นะที่ผมเคยบอกไว้เมื่อเรารู้จักกันใหม่ๆน่ะ"
"แหม จำได้สิคะ คุณน่ะห้ามใครก็ตามมาที่บ้านถ้าคุณ ไม่ได้เป็นคนพามา ฉันรู้ว่าที่นี่เป็นเขตหวงห้าม เป็นที่ส่วนตัวของเพลย์บอยหนุ่มรูปหล่อ"
"ก็ดีที่คุณยังจำได้นะ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญ..." รามิลลุกเดินนำอัจฉราวดีออกไปที่โรงรถ
อัจฉรา วดีเดินตามแต่ก็พยายามมองไปหน้าบ้านว่าตากล้องที่จ้างไว้มาหรือยัง เธอแอบกดมือถือส่งสัญญาณให้ รู้ว่าเธอกำลังจะออกจากบ้าน ตากล้องนั่งรอในรถเพราะไม่คิดว่าจะเข้าไปประเดี๋ยวเดียวแบบนี้...อัจฉราวดี ยึกยักไม่ขึ้นรถจนรามิลไม่พอใจถามว่าจะขึ้นรถหรือจะเดินไป
"อะไรกัน นี่ฉันจะกลับแล้วเหรอ ฉันต้องกลับแล้ว กลับเดี๋ยวนี้เลยเนี่ยนะ"
"ก็ใช่น่ะสิ คุณจะพูดอะไรซ้ำๆทำไม"
อัจฉรา วดีพยายามพูดให้ตากล้องได้ยินและเตรียมตัวถ่ายภาพเธอนั่งรถออกจากบ้าน แต่กลัวพลาดจึงยื้อขอรามิล ทานน้ำ รามิลบอกให้ไปซื้อที่ร้านข้างนอก อัจฉราวดีจำต้องขึ้นนั่งรถคู่ไปกับรามิล แล้วพยายามหันหน้ายิ้มใกล้ชิดรามิลให้ตากล้องจับภาพ
ooooooo
วัน ต่อมา มัดไหมให้ติ๋มช่วยเก็บแมกกาซีนทุกฉบับที่เธอถ่ายแบบลงลัง เพราะเธอคงไม่กลับไป เป็นนางแบบอีกแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่านั่นไม่ใช่ตัวตนของเธอ ติ๋มข้องใจถามแล้วตอนนั้นทำทำไม มัดไหมตอบว่า "แค่อยากรู้ว่าเราไปถึงจุดที่หลายคนอยากไปได้ หรือเปล่า เท่านั้นเอง"
ในขณะที่แตง บก.เฟี้ยวแมกกาซีนโดนอภิชาตเล่นงานที่ยังติดต่อแม็ตตี้ไม่ได้ ถึงขนาดจะให้ลาออกไปถ้าทำไม่สำเร็จ นาตาชาสงสารแตงจึงออกหน้ากับอภิชาตว่า เธอขอรับหน้าที่ตามตัวแม็ตตี้เอง ถ้าทำไม่ได้เธอจะลาออก อภิชาตตกใจรีบกระซิบ กระซาบจับมือนาตาชา
"พูดอะไรอย่างนั้น นี่นาตาชารู้มั้ยผมน่ะจะให้คุณขึ้นเป็น บก.แทนเขานะ"
นา ตาชาค่อยๆดึงมือออกอย่างสุภาพแล้วบอกว่าเธอไม่ได้ อยากเป็น เพราะแตงเหมาะสมที่สุดแล้ว พูดจบก็เดินออกไป อภิชาตได้แต่ดมมือตัวเองตาละห้อยมองตามหลังนาตาชาไป...
ยังไม่ท้อที่ จะพบภัครมัยให้ได้เพื่อพูดเรื่องแต่งงาน รามิลจึงเตรียมมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับบลิวคันเป็นล้าน เพื่อขี่ไปไร่มนตราจะได้ไม่มีอะไรพลาดอีก พอขี่ผ่านอุโมงค์ต้นไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มุ่งหน้าสู่ปากช่อง เข้าเขตไร่มนตรา รามิล ก็เห็นมัดไหมควบม้าอยู่บนเนิน จึงบิดรถตามขึ้นไปบนเนิน มัดไหมแกล้งควบม้าหนีผ่านลำธาร รามิลไม่ยอมแพ้ขี่รถตามลุยลำธารจนมาถึงบนยอดเนินเขาจึงหยุด รามิลถอดหมวกกันน็อกออกโวยมัดไหมที่หนีเขา ยังไม่ทันจะเถียงก็มีเสียงเด็กร้องเอะอะว่ามีเพื่อนจมน้ำ รามิลยังงงๆแต่มัดไหมไม่รอช้าวิ่งไปที่ริมน้ำแล้วโดดลงไปทันที รามิลวิ่งตามมาตกใจตะโกนเรียกมัดไหมเพราะเห็นหายลงไปนาน
จึงตั้งท่า จะโดดตามลงไป มัดไหมก็โผล่ขึ้นมาผิวน้ำพร้อมอุ้มเด็กชายคนหนึ่งขึ้นมาด้วย รามิลรีบเข้าไปช่วยรับเด็กมาวางริมตลิ่ง มัดไหมบอกให้รามิลช่วยผายปอดเด็ก รามิล เหลอหลา
"ฉัน...เอ้อ...ฉันทำไม่เป็น..."
มัดไหมไม่รอ ช้ากดปั๊มหัวใจเด็กสลับกับเป่าปาก จนเด็กสำลักน้ำฟื้นขึ้นมา รามิลทึ่งกับภาพที่เห็น...พอเดินกลับมาที่ม้า รามิลถามมัดไหมว่าทำได้อย่างไร มัดไหมหันมาสะบัดเสียงใส่ว่าก็เรียนมาสิ อยู่แบบนี้ต้องเรียนรู้เรื่องชีวิตให้มาก แล้วย้อนถามว่าเขาอยู่ได้ไหม รามิลไม่ตอบแต่กลับมองเรือนร่างมัดไหมที่เปียกปอนจนเสื้อผ้าแนบเนื้อ มัดไหมไม่พอใจถามห้วนๆ
"จ้องพอรึยัง"
รามิลสะดุ้ง "นี่เธอ...คนอย่างฉันน่ะ ไม่ต้องมาแอบมองรูปร่างผู้หญิงหรอก หุ่นดีกว่าเธอเป็นสิบๆเท่าฉันยังไม่แล"
"อ๋อ...แล้วเมื่อครู่ที่จ้องตาไม่กะพริบเขาเรียกว่าอะไรคะ"
"ฉันจ้องเพราะสงสัยต่างหาก"
มัด ไหมชะงักถามว่าสงสัยอะไร รามิลตอบยิ้มๆว่าสงสัยว่าเธอไปทำศัลยกรรมมาหรือเปล่า มัดไหมกลับยิ้มและขอบคุณ รามิลงงว่าขอบคุณทำไมน่าจะโกรธ มัดไหมตอบว่าทำไมต้องโกรธในเมื่อเป็นคำชมเพราะเธอสวยขนาดที่เขาไม่เชื่อ คิดว่าทำศัลยกรรมมา รามิลอึ้งรีบเปลี่ยนเรื่องถามว่าภัครมัยกลับมาหรือยัง มัดไหมตอบว่าอยากรู้ให้ไปดูที่ไร่เอง ว่าแล้วก็ขึ้นม้าควบไป รามิลหงุดหงิดที่เป็นแค่คนใช้มายอกย้อน
มาถึงบ้าน มัดไหมรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและให้ติ๋มคอยรับหน้ารามิล ติ๋มจึงบอกรามิลว่าภัครมัยกลับมาแล้วและกลับขึ้นไปหมู่บ้านอีกแล้ว รามิลหน้าบูดบึ้งนั่งรอ
ooooooo
ในขณะที่พิสมัย อุมาพร และอรอุจิ ป้าๆและน้าของรามิล ญาติแม่แก้วที่คอยห่วงใยหลานชาย หน้าตาตื่นมาหาแม่แก้วเพื่อเอาข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์มาให้ดูว่ารามิลคบหา อยู่กับอัจฉราวดีจริงหรือ พวกเธอไม่ชอบ แม่แก้วเห็นภาพแล้วก็ขำที่พวกนักข่าวนี่เก่งนะที่อดหลับอดนอนรอถ่ายภาพจนได้ สามสาวแปลกใจที่แม่แก้วดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวบ้างเลย แม่แก้วตอบว่าเธอเชื่อว่ารามิล ต้องรู้ว่าควรจัดการเรื่องนี้อย่างไร
ระหว่าง รออยู่ที่ไร่ รามิลก็โดนมัดไหมแกล้งชงกาแฟหวานเจี๊ยบมาให้ดื่ม รามิลโวย มัดไหมตอบกวนๆ "โธ่...ฉันเป็นแค่คนรับใช้จะไปแกล้งว่าที่เจ้านายคนใหม่ได้ยังไงกันคะ ฉันก็แค่คิดว่าคนที่กำลังอินเลิฟก็น่าจะชอบอะไรที่หวานๆนะคะ"
"ใคร กันอินเลิฟ ถ้าเธอคิดว่าที่ฉันมารอเจ้านายเธอเพราะอยากแต่งงานด้วยตามสัญญาบ้าบอใน พินัยกรรมนั่นละก็เธอคิดผิด ฉันต้องการจะเคลียร์กับภัครมัย ให้เขาไม่ยอมรับข้อตกลงนั้นต่างหากล่ะ"
"แล้วคุณจะมาบอกฉันทำไม คะ..." พอเห็นหน้ารามิล หงุดหงิด มัดไหมจึงพูดอีกว่า "คำว่าอินเลิฟของฉัน ไม่ได้หมายถึงคุณกับคุณภัครมัย แต่ฉันหมายถึงคุณกับแฟนคุณต่างหากค่ะ"
มัด ไหมเอาหนังสือพิมพ์วางให้ พอรามิลเห็นภาพข่าวที่อัจฉราวดีนั่งรถออกจากบ้านคู่ไปกับเขาก็ตกใจแล้ว เปลี่ยนเป็นโมโห พอเงยหน้ามามัดไหมก็หายไปแล้ว รามิลเดินตามหามาเจอติ๋มจึงถามหามัดไหม ติ๋มบอกว่ามัดไหมคงอยู่ที่คอกม้า รามิลจึงตามไป เจอกับอัคนี พอรู้ว่าอัคนีเป็นคนซื้อน้ำมันมาเติมรถให้เขาจึงทักทายขอบอกขอบใจ รามิลรู้สึกว่าอัคนีเป็นคนไว้ใจได้จึงเลียบเคียงถามเรื่องของมัดไหม อัคนียิ้มๆแล้วตอบว่า
"หลายๆคนที่มาที่นี่ก็มักจะเข้าใจผิดเสมอว่า มัดไหมไม่น่าเป็นคนใช้ มัดไหมเขาเป็นคนเก่งโดยเฉพาะเรื่องม้าเธอชำนาญมาก ขนาดคุณภัครมัยให้ตัดสินใจทุกอย่างแทนได้เลย"
รามิลพยักหน้าฟัง อัคนีแอบอมยิ้มพูดอีกว่าภัครมัยเคี่ยวมัดไหมมาอย่างดีขนาดจะให้เป็นตัวแทน ได้เลย เพราะภัครมัยชอบชีวิตสันโดษ อยู่หมู่บ้านหลังเขา สอนหนังสือเด็กๆ รามิลทึ่งกับความมีน้ำใจของภัครมัย...พลันมัดไหมเหยาะม้าเข้ามา พูดกับอัคนีว่าให้พาคุณตะวันเจิดจ้าออกกำลังกายเบาๆ ทุกเย็นแบบนี้ อัคนีเผลอรับคำว่าครับ...แล้วนึกได้รีบเปลี่ยนเป็น "เออ...ได้สิ"
รา มิลบอกมัดไหมว่าเขามีเรื่องอยากคุยด้วย มัดไหมจึงบอกให้ขี่ม้าตามมาเพราะเธอต้องพาคุณตะวันเจิดจ้าออกกำลัง รามิลหน้าเหวอเพราะขี่ม้าไม่เป็นแต่ไม่กล้าพูดกลัวเสียฟอร์ม อัคนีเอาสีหมอกมาให้รามิล เขาพยายามจะขึ้นขี่ก็หล่นลงมาจนมัดไหมขำ รามิลเสียหน้าพยายามจนสำเร็จ เจ้าสีหมอกกระตุกแล้วควบตามมัดไหม รามิลร้องลั่นกอดคอม้าแน่น
จนมาถึงริมลำธาร มัดไหมนั่งยองๆวักน้ำเล่น รามิล กอดคอม้าแน่นผมเผ้ายุ่งเหยิงเข้ามาใกล้ มัดไหมหัวเราะ "นี่เป็นท่าขี่ม้าท่าใหม่ที่ฉันไม่เคยเห็นใครขี่มาก่อนเลย"
"เธอแกล้งฉันอีกแล้วใช่มั้ยมัดไหม"
"ฉันจะแกล้งคุณทำไมกันคะ อย่าชักช้าอยู่เลย คุณว่ามีอะไรจะคุยกับฉันก็รีบคุยเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันก็ต้องรีบเอาคุณตะวันเจิดจ้าไปเข้าคอก"
รา มิลค่อยๆลงจากหลังม้าแต่ไม่วายลื่นหล่นลงมาอีก มัดไหมตกใจเข้าไปช่วยประคองแต่พอนึกได้ว่าลืมตัวก็ขยับออก รามิลร้องให้ช่วยเขาก่อนเขาเจ็บข้อเท้า มัดไหมยิ่งเป็นห่วง ช่วยประคองเขาไปนั่งบนโขดหิน "คุณรออยู่นี่นะ ฉันจะไปตามให้อัคนีเอารถมารับ"
รามิลดึงแขนมัดไหมไว้ "ไม่ต้อง...ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ ถามจริงๆเถอะ ทำไมเธอถึงมาหมกตัวทำงานในไร่แบบนี้"
"ทำไมล่ะคะ ทำงานในไร่มันไม่ดียังไง"
"ไม่ใช่มันไม่ดี...แต่หน้าตาท่าทางอย่างเธอน่าจะหางานที่ดีกว่านี้ได้สบายๆ"
"งานแบบไหนล่ะคะที่คุณว่า เป็นเมียน้อย เมียเก็บหรือว่าเมียชั่วครั้งชั่วคราว"
พอได้ ยินน้ำเสียงห้วนๆของมัดไหม รามิลรีบบอก "ฉันไม่ได้หมายความถึงงานพวกนั้น ฉันพูดจริงๆเธอน่าจะได้งานที่ดีกว่าเป็นคนใช้ของภัครมัย"
มัดไหมแกล้งถามว่าเขาจะจ้างเธอหรือ รามิลตอบว่าใช่ทันที "ฉันพูดจริงๆนะ ฉันจะจ้างเธอให้มาเป็นแฟนฉัน งานสบายเงินดีสนใจมั้ยล่ะ"
มัดไหมเสียงเขียว "ขอโทษนะคะคุณรามิล ฉันชอบนั่งทำงานไม่ชอบนอนทำ เพราะฉะนั้นข้อเสนอของคุณฉันไม่สนค่ะ"
มัด ไหมเดินหนี รามิลลุกตามไปรั้งแขนไว้ มัดไหมจึงรู้ว่าเขาแกล้งขาแพลงจึงเตะรวบขาเขาล้มลง "ขาคุณหายแพลง แล้วเหรอ! คนเจ้าเล่ห์ต้องโดนแบบนี้"...
ooooooo
แม้จะผิดแผนในการคุยกับมัดไหม รามิลก็ยังมานั่งรอภัครมัยที่ห้องรับแขก เผอิญเห็นข่าวในทีวี นักข่าวรุมสัมภาษณ์อัจฉราวดีถึงภาพข่าว อัจฉราวดีตอบเอียงอายให้ไปถามฝ่ายชายเอาเองว่าแบบนี้เรียกว่าแฟนกันหรือ เปล่า
รามิลเห็นแล้วยิ่งเครียด "เธอรุกหนักไปแล้วนะอัจฉรา คนอย่างนายรามิลไม่ยอมเป็นหมูให้ใครต้อนเข้าอวยง่ายๆหรอก"....
รามิลมองหามัดไหม ถามติ๋มที่เดินมา เธอบอกว่า
มัดไหมทานข้าวอยู่ในครัว รามิลจึงบอกติ๋มให้มัดไหมชงกาแฟไปให้เขาที่ระเบียง ติ๋มย้อนถามว่ามีเรื่องอะไรอยากถามเธอตอบแทนได้ รามิลเคืองจึงแกล้งถามว่าเขาอยากรู้เรื่องม้า
ติ๋มจ๋อยเพราะเรื่องนี้เธอไม่รู้เลย....ขณะนั้น นาตาชาซึ่งหงุดหงิดกับที่อภิชาตและดนุพันธ์แย่งกันจีบเธอจนเธอรำคาญหนีมา นั่งในรถ พอดีมัดไหมโทร.เข้ามา นาตาชาดีใจเพราะพยายามติดต่ออยู่นานแล้ว นาตาชาจึงบอกธุระของเธอ
"ถ่ายปกเหรอ...ที่จริงตอนนี้ฉันไม่อยากเป็นแม็ตตี้เท่าไหร่เลย แต่เอาเถอะ สำหรับเพื่อนจะปฏิเสธได้ยังไง ไว้เจอกันแล้วคุยรายละเอียดอีกทีนะ...อะไรนะ...พี่ชายตัวดีของเธอน่ะ
เหรอ จ้า ยังอยู่ที่นี่...ไม่รู้สิ คงอยากรอเจอภัครมัยให้ได้ล่ะมั้ง ฮึๆไม่ต้องมาฝากหรอก ฉันจะฝังแถมให้ด้วยเลยจ้ะ...บาย..."
พอติ๋มมาบอกเรื่องรามิล มัดไหมโกรธที่มาใช้เธอจึงแกล้งชงกาแฟพิเศษให้อีก...มัดไหมยกกาแฟมาตั้งโต๊ะ ให้รามิล เขาสะดุ้งเพราะเธอมาเงียบๆ รามิลพูดประชด
"เค็มไปก็แล้ว หวานไปก็แล้ว คงไม่มีอะไรจะแกล้งฉันแล้วสินะ" รามิลยกถ้วยกาแฟดื่ม
ไม่ทันไรก็บ้วนทิ้งแลบลิ้นออกมา มัดไหมหัวเราะ "ยังเหลือเผ็ดอีกอย่างไงคะ และรสนี้ฉันว่ามันเหมาะกับคนแสบๆอย่างคุณที่สุด"
รามิลโกรธถามว่าเขาแสบอย่างไร มัดไหมโต้ "คุณเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของเจ้านายฉัน แต่คุณยังกล้ามาจ้างให้ฉันไปเป็น... เป็นเมียคุณแบบนี้ไม่เรียกว่าแสบแล้วจะให้เรียกว่าอะไร"
พูดจบมัดไหมก็เดินลงระเบียงไป รามิลเผ็ดจนต้องหาน้ำมาดื่ม แล้วบ่นว่ามัดไหมแสบไม่แพ้เจ้านายเลย...รามิลเดินตามหามัดไหมมาเจอนั่ง ชิงช้าอยู่ในไร่ จึงเข้าไปเคลียร์ มัดไหม
พูดสวนว่าเธอจะไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายจิตใจเจ้านายของเธอ และถ้าใครทำเป็นเจอดีแน่ รามิลยิ่งชอบใจบอกว่าแบบนี้ยิ่งน่ารับงานที่เขาเสนอ มัดไหมยิ่งโกรธหาว่ารามิลพูดไม่เข้าใจ
"เธอน่ะสิที่ไม่เข้าใจ...ฟังให้ดีนะมัดไหม งานที่ฉันจะจ้างให้เธอทำเนี่ย นอกจากจะได้เงินพิเศษสักก้อนที่เธอจะเอาไปทำอะไรก็ได้แล้วเธอยังจะช่วยกำจัด คนที่จะมาทำให้เจ้านายเธอต้องเสียใจไม่สบายใจอีกด้วยนะ"
มัดไหมฟังแล้วไม่เข้าใจว่าใครจะมาทำให้ภัครมัยไม่ สบายใจ รามิลจึงบอกเรื่องที่เขาอยากกันอัจฉราวดีออกจากชีวิตเขา มัดไหมยิ่งงง "คุณอัจฉราวดีเขาเป็นแฟนคุณไม่ใช่เหรอ!"
"เธอรู้ได้ยังไง อ๋อ...คงอ่านจากข่าวละสิ ไม่ยักรู้ว่าเธอ ก็สนใจข่าวคราวของฉันด้วย"
"นี่คุณ ฉันไม่เคยสนใจคุณนอกเหนือไปจากที่รู้ว่าคุณคือว่าที่เจ้าบ่าวของคุณภัครมัย"
"ไม่ต้องอายหรอก ฉันน่ะชินแล้วกับการที่มีผู้หญิงมาชื่นชมฉันทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันน่ะ"
มัดไหมเอือมความหลงตัวเองของรามิล จึงบอกไปว่า ที่รู้เพราะเธอเป็นแฟนคลับของอัจฉราวดี รามิลเซ็งเพราะมัดไหม คงไม่รับงาน มัดไหมทำเป็นคิดสักพักแล้วพูดออกมาว่า
"ถึงฉันจะชอบเธอ แต่ถ้าเธอมาทำให้คุณภัครมัยต้องเสียใจ ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน"
รามิลยิ้มดีใจ มัดไหมให้ตกลงค่าจ้างกันก่อน รามิล จะจ้างเธอเป็นแฟนปลอมๆของเขา ด้วยเงินสามหมื่นบาท แต่ มัดไหมไม่ยอม เธอจะเอาหนึ่งล้านบาท รามิลแทบช็อก...
กลับมาบ้านครุ่นคิดถึงที่มัดไหมพูดอย่างรู้ทันว่า "ถ้าค่าตัวจริงๆของฉันล่ะก็ มันประมาณค่าไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้า
ค่าจ้างสำหรับการเป็นแฟนหลอกๆของคุณเพื่อกำจัดนางเอกเบอร์หนึ่งอย่างคุณอัจฉราวดี ฉันคิดว่าหนึ่งล้านบาทน่ะไม่มากเลยนะคะ"
"แต่ฉันว่ามันมากไป ลดหน่อยสิ"
"อันที่จริงคนอย่างคุณจะจ้างผู้หญิงที่ไหนก็ได้ แต่คุณมาเลือกจ้างฉัน ก็แสดงว่าเจ้าของรางวัลนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแห่งปีคงต้องคิดไตร่ตรองผลได้ผล เสียอย่างรอบคอบแล้ว
เพราะ ฉะนั้น ฉันก็ควรจะเรียกราคาให้สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย"
"อะไรที่เธอว่าฉันคิดถึงผลได้ผลเสีย..."
"เช่นคุณเลือกฉันแทนที่จะเลือกคนอื่นเพราะเมื่อกำจัดคุณอัจฉราวดีได้แล้ว มันจะไม่กลายเป็นเขวี้ยงงูไม่พ้นคอ เพราะฉันเป็นคนของคุณภัครมัยไงคะ"
รามิลทึ่งในความคิดของมัดไหม...เขาตัดสินใจโทร.นัดมัดไหม
วันรุ่งขึ้น มัดไหมกำลังแต่งตัวเป็นแม็ตตี้เพื่อไปเข้าประชุมกับนาตาชา เธอแต่งไปพูดโทรศัพท์กับนาตาชาไปว่าไม่ต้องห่วงเธอไปแน่ ไม่ทันไรรามิลโทร.เข้ามานัดมัดไหม เขาจะมารับที่ไร่ มัดไหมรีบบอกว่าไม่ต้อง พอรามิลนัดไปพบที่ พารากอนบ่ายโมง มัดไหมคิดแล้วว่าตึกเฟี้ยวแมกกาซีนอยู่ ไม่ห่างจากพารากอนเท่าไหร่จึงรับปาก รามิลไม่ลืมที่จะ
ขอเบอร์มือถือเธอ...
ในห้องประชุมเฟี้ยวแมกกาซีน วายซีกระวนกระวายรอแม็ตตี้ "ผมว่าคงเหลวละมั้ง เท่าที่ผมรู้จักแม็ตตี้เป็นคนตรงต่อเวลา ไม่เลตแม้แต่นาทีเดียว"
"ใช่ค่ะ แล้วฉันก็คิดว่าครั้งนี้ฉันก็ไม่ได้เลตใช่มั้ยคะ" แม็ตตี้เปิดประตูเข้ามา
ทุกคนในห้องประชุมหันไปมอง และมองนาฬิกาสิบเอ็ดโมงตรงเป๊ะ วายซีรีบเข้าไปอ้าแขนจะกอดทักทายตามธรรมเนียมฝรั่ง แม็ตตี้รีบยกมือไหว้อย่างสวยงาม วายซีชะงักทิ้งแขนลง อภิชาตเข้ามาต้อนรับแล้วหันมาก้มกระซิบข้างแก้มนาตาชาอย่างถือโอกาสชมว่า เยี่ยมจริงๆ นาตาชารีบลุกขึ้นสบตาแม็ตตี้อย่างระอา แม็ตตี้แอบยิ้มขำ
ooooooo
รามิลเร่งมือทำงานเพื่อไปตามนัดมัดไหม อัจฉราวดีถือวิสาสะเข้ามาหาในห้องทำงานทั้งที่เลขาฯกันไว้แล้ว รามิลจึงต่อว่าเรื่องที่อัจฉราวดีเอาช่างภาพมาสร้างข่าว อัจฉราวดีตกใจแต่ปฏิเสธพัลวัน รามิล ว่าทำแบบนี้มันไม่แฟร์กับคนของเขา
"คนของคุณ อ๋อ...ถ้าคุณหมายถึงว่าที่คู่หมั้นของคุณก็ดีน่ะสิคะ ไม่เห็นต้องแคร์เลยเพราะคุณเองก็ไม่ได้รักใคร่ไยดีเธอสักหน่อย อัจรู้นะว่าคุณต้องจำใจทำตามคำสั่งคุณพ่อคุณ"
"คุณเข้าใจผิดแล้วอัจฉรา ผมหมายถึงคนที่ผมแคร์จริงๆต่างหาก ผมไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด" รามิลยิ้มเยาะ
อัจฉราวดีตาเหลือกหาว่ารามิลหลอกว่ามีแฟนใหม่แล้ว ท้าให้ควงมาอวด รามิลรับปากเสียงแข็งว่าคนนี้ตัวจริงเสียงจริง อัจฉราวดีหนาวขึ้นมากับน้ำเสียงจริงจังของรามิล...
การประชุมผ่านไปอย่างราบรื่น แม็ตตี้ลากลับ แต่วายซี ยื้อให้ทานอาหารต่อ นาตาชากระซิบบอกว่าไปด้วยกันก่อนแล้ว เธอจะหาทางให้หลบไป แต่กลับแย่หนักเข้าไปอีก เมื่อสถานที่ ที่อภิชาตพามาเป็นที่เดียวกับที่นัดรามิล จึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยให้นาตาชาพาไป
"มีอะไรเหรอมัดไหม..."
"โธ่...ก็ฉันนัดพี่ชายเธอที่นี่นะหนูนา..."
นาตาชาร้อนใจไปด้วยแต่ปลอบอย่ากังวลไป "เอางี้... เธอก็รีบไปร่วมโต๊ะกับบอสฉันแล้วก็วายซีเร็วๆเข้าจะได้รีบขอตัว แล้วก็รีบไปแปลงโฉมก่อนที่จะถึงเวลานัดกับพี่เร โอเคมั้ย"
"ก็ไม่รู้จะทำวิธีไหนแล้วนี่...งั้นก็รีบไปกันเถอะ"
สองสาวรีบออกจากห้องน้ำไปสมทบกับวายซีและอภิชาต ซึ่งกำลังแย่งกันสั่งอาหาร แม็ตตี้จึงเลือกทานอาหารไทย วายซีเสียดายที่แม็ตตี้ตัดสินใจไม่กลับไปทำงานที่นิวยอร์กอีก
"คือตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจอะไรค่ะ อยากพักผ่อนที่เมืองไทยสักพัก"
"งั้นหนังสือเราขอตามไปทำสกู๊ปได้ไหมครับ ต้องเป็นเรื่องท็อปออฟเดอะทาวน์แน่ๆ"
"อย่าเพิ่งเลยค่ะ ตอนนี้ขอแค่ถ่ายแฟชั่นอย่างเดียว ฉันยังไม่อยากออกสื่อ หรือให้สัมภาษณ์อะไรเลย"
อภิชาตรับปากเพราะแค่ถ่ายปกก็สุดยอดสำหรับหนังสือเขาแล้ว ไม่ทันไร รามมิลโทร.เข้ามือถือ แม็ตตี้รับสายพูดอึกอัก รามิลบอกว่าเขารออยู่ที่ร้านกาแฟชั้นสอง แม็ตตี้เริ่มกระวน กระวายขอตัวไปเข้าห้องน้ำอีกครั้ง ชวนนาตาชาไปด้วย พอไปถึงในห้องน้ำก็บอกว่ารามิลมาถึงแล้ว
"เอางี้ เธอก็ไปพบพี่ชายฉันก่อนก็ได้ ทางนี้เดี๋ยวฉันถ่วงเวลาไว้ให้เอง" นาตาชาคว้าเสื้อผ้าในกระเป๋ามัดไหมมาให้เธอรีบไปแปลงโฉม
พอออกมาเป็นมัดไหม เธอก็รีบล้างเครื่องสำอาง ถอดวิกผมและคอนแทกต์เลนส์ออก นาตาชากลับมาบอกอภิชาตกับวายซีว่าแม็ตตี้ท้องเสียขอเวลาหน่อย วายซีเข้าใจดีเพราะตอนเขามาเมืองไทยใหม่ๆก็เป็นแบบนี้
มัดไหมรีบเดินไปที่ร้านที่นัดรามิล พอดีอัจฉราวดีซึ่งแอบตามรามิลมา กำลังเดินหารามิลเกิดเดินชนกับมัดไหมเข้า มัดไหมรีบขอโทษแต่อัจฉราวดีกลับต่อว่ายกใหญ่ มัดไหมฉุนใส่เป็นชุดใหญ่จนอัจฉราวดีเถียงไม่ทัน พูดจบมัดไหมเดินไป อัจฉราวดีอยากร้องกรี๊ดก็ไม่กล้าเพราะเป็นเป้าสายตาอยู่ ได้แต่บ่นพึมพำว่าอย่าให้เจออีก
มัดไหมเดินเข้ามา รามิลโวยที่มาช้า แต่พอมัดไหมบอกว่ามีอุบัติเหตุนิดหน่อย เขาก็ตกใจรีบถามว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า มัดไหมยิ้มๆตอบว่าไม่เป็นอะไร ให้เขารีบพูดธุระมา รามิลต่อรองราคาค่าจ้าง มัดไหมไม่ยอม นาตาชาส่งข้อความมาเร่ง มัดไหมมีท่าทีลุกลี้ลุกลน รามิลถามว่าแฟนโทร.ตามหรือ มัดไหมแว้ดทันทีว่าเธอยังไม่มีแฟน รามิลดีใจถามเรื่องลดราคาอีก มัดไหมขอไปคิดดูก่อน รามิลถามว่าจะไปคิดที่ไหน มัดไหมตอบหน้าตาเฉยว่าในห้องน้ำ
มัดไหมรีบแปลงโฉมเป็นแม็ตตี้กลับไปที่ร้านอาหาร นาตาชาตาเหลือกส่งสัญญาณว่าแม็ตตี้ลืม ใส่คอนแทกต์เลนส์ ข้างเดียว แม็ตตี้รีบเอามือปิดตาแล้วควานหาแว่นในกระเป๋ามาใส่
"จู่ๆก็เกิดเคืองตาน่ะค่ะ รู้สึกสู้แสงไม่ไหว แต่ไม่มีปัญหาค่ะ เรามาพูดเรื่องคอนเซปต์การถ่ายปกครั้งนี้เลยดีมั้ยคะ...
อ่านละครย่อเรืองเทพบุตรมายาเทพธิดาจำแลง ตอนที่ 2
ที่มาไทยรัฐ