อ่านละครย่อเรื่อง สวรรค์สร้าง ตอนที่ 12
นายิการีบเอาแฟ้มงานให้นักรบลุย เป่าหูยุว่า นี่คือความคืบหน้าเรื่องสัมปทานอินเตอร์เน็ตที่ฟีนิกซ์ ประมูลตัดหน้าเราไปโดยฉวยโอกาสตอนที่เขาป่วยอยู่ และตอนนี้ฟีนิกซ์นำหน้าเราไปแล้วหลายก้าว
"ตอนนี้สถานการณ์ของเขาเป็นยังไงบ้างครับ" นักรบประกายตาแข็งกร้าว
"มันกำลังจะทดสอบระบบออกอากาศต่อหน้ารัฐมนตรีตุลย์วันนี้ ถ้ามันทำสำเร็จ หุ้นฟีนิกซ์ก็คงจะขึ้นอีก ส่วนเราก็จะยิ่งแย่"
"ผมมีวิธีที่จะสกัดมันแล้ว..ทองทิว ไปเตรียมรถ ฉันจะไปออฟฟิศ"
พอไปถึง นักรบเปิดประตูเข้าไปในห้องควบคุม พนักงานที่ทำงานรีบลุกต้อนรับ ทองทิวถามว่าเขาจะทำอะไร นักรบตอบเหี้ยมว่า
"พวกมันเล่นผิดกติกาแย่งงานของเรา ฉันก็จะใช้วิธีเดียวกันกับมัน" แล้วไล่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นให้ออกไปก่อน
ที่ห้องทดสอบระบบที่ฟีนิกซ์ จอมทัพเข้านั่งประจำที่อย่างมั่นใจ โดยมีแขกมากมายโดยเฉพาะรัฐมนตรีตุลย์กับดารารายเฝ้ารอชมการทดสอบอยู่
จอมทัพเปิดระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงของตัวเองแล้วบรรยายผ่านลำโพงว่า
"ที่ ทุกท่านกำลังจะได้เห็นคือระบบอินเตอร์เน็ตใยแก้วความเร็วสูงของฟีนิกซ์" จากนั้นบรรยายประสิทธิภาพการทำงานพร้อมกับการเคลื่อนไหวในจอเป็นภาพวิวของ เมืองใหญ่ๆทั่วโลก คนดูฮือฮา จอมภพยิ้มพอใจ ในขณะที่จอมทัพยังบรรยายต่อไป อย่างเชี่ยวชาญ "ระบบถ่ายทอดทางอินเตอร์เน็ตของฟีนิกซ์ไม่มีการดีเลย์สัญญาณแม้แต่วินาที เดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทเกอร์คิงก็ทำไม่ได้แม้จะใช้ดาวเทียมกี่ดวงก็ตาม"
นักรบ กำลังป้อนโปรแกรมบางอย่างอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เห็นเหตุการณ์ในฟีนิกซ์พร้อม กับคำบรรยายของจอมทัพก็แค่นยิ้ม พูดอย่างเย้ยหยันว่า "หึ! ทำไม่ได้งั้นเหรอ"
ไม่ถึงอึดใจต่อมาภาพบนจอของจอมทัพก็เริ่มรวนแล้ว ล้มไป มีเสียงแทรกเข้ามา กลายเป็นภาพและเสียงการ์ตูน ทุกคนที่ชมอยู่ตกใจ โดยเฉพาะจอมทัพเขาตกใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและพยายามแก้ไข
แต่ใน ที่สุดที่จอของฟีนิกซ์ก็ถูกระบบของนักรบกวนจนภาพล้ม มีภาพอื่นๆขึ้นมามั่วไปหมด ตามด้วยเสียงระเบิดบึ้มเป็นประกายไฟเล็กๆที่แผงควบคุม ทุกคนตกใจหลบกันอุตลุด
เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ภาพที่ปรากฏบนจอกลายเป็นสัญลักษณ์ของไทเกอร์คิงไปแล้ว!
จอมภพแค้นแทบกระอักเลือด ส่วนนักรบบอกทองทิวว่า
"ฉันไม่ได้แค่ทำลายผลงานของมัน แต่ฉันอยากให้ทุกคนรู้ว่าถ้าไทเกอร์คิงคิดจะครอบครองฟีนิกซ์ก็ทำได้ไม่ยาก" พูดแล้วยิ้มอย่างผยองสุดขีด
จาก เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าการทดสอบไม่ประสบผลสำเร็จ รัฐมนตรีตุลย์จึงประกาศเปิดประมูลใหม่โดยมีดารารายเอาอกเอาใจขอบคุณพ่อ ทั้งยังบอกพ่ออย่างมั่นใจว่าคราวหน้าไทเกอร์คิงต้องชนะแน่เพราะนายิกาเพิ่ง โทร.มาบอกเรื่องนักรบเมื่อกี้นี้เอง เธอพูดอย่างภูมิใจว่า
"ถึงไม่บอกลูกก็รู้...วิธีการตบหน้าฟีนิกซ์ด้วยการส่งไวรัสเข้ามาเย้ยแบบนั้น มีนักรบคนเดียวที่ทำได้"
ooooooo
เมื่อ ทองทิวมารายงานนักรบกับนายิกาว่าท่านตุลย์จะเปิดประมูลงานรอบสอง เพราะท่านไม่พอใจที่ ฟีนิกซ์ทำงานล้มเหลว นายิกาฟังแล้วสมน้ำหน้า ชมว่านักรบทำได้ดีมาก
"ผมกลับมาแล้ว ไทเกอร์คิงจะไม่มีวันล้มอีกเป็นครั้งที่สอง" พูดแล้วหยิบแฟ้มเอกสารมาเปิดอ่าน แต่ไม่ทันไรก็ปวดหัวจนร้องลั่นแล้วฟุบลงไป ทองทิวกับนายิกาตกใจรีบเข้าประคอง
เมื่อไปหาหมอ นักรบถามว่าตนไม่เป็นอะไรใช่ไหม หมอบอกว่าอาจจะเกิดจากความเครียด แนะให้พักฟื้นสักระยะก็ดี นักรบไม่ยอมพักเพราะเสียเวลามานานแล้ว หมอจึงเสนอนายิกาว่าควรให้นักรบไปเช็กสมองที่โรงพยาบาล ชี้แจงให้นายิกาฟังว่า
"คุณนักรบจำได้เฉพาะอุบัติเหตุ แต่ลืมเหตุการณ์ช่วงที่ตัวเองบุคลิกเปลี่ยนไปทั้งหมด คล้ายๆกับอาการจิตเภทชนิดหนึ่ง แต่ยังไม่ร้ายแรงแค่อยากเช็กให้แน่ใจก่อนว่ามันเกิดจากการกระทบกระเทือนของ สมองหรือจิตใต้สำนึกกันแน่ เราจะได้รักษาได้
"ลูกชายฉันกลับมาทำงานได้ดีเหมือนเดิม ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่เป็นไอ้งั่งที่ไหนก็ไม่รู้ ฉันว่าเขาอาจจะรักษาตัวเองได้แล้วมังคะ"
ฟังแล้วหมอได้แต่หนักใจว่าอีกหน่อยนักรบอาจจะยิ่งแย่กว่าเดิมก็ได้"
ooooooo
ฝ่าย อุ่นใจกำลังสบายใจที่ได้ทำหน้าที่สำคัญสำเร็จแล้ว เธอวางแผนทำข้าวจี่ของที่นักรบชอบเตรียมรับเขา โอ๋เจ้ากี้เจ้าการส่งข้อความไปบอก แต่พอนักรบ เห็นข้อความก็สบถ "ยายบ้านี่มันใคร" ทองทิวดูบอกว่าเป็นเบอร์ของอุ่นใจ นักรบก็ถามอย่างหงุดหงิดว่า "ยายอุ่นใจนี่เป็นใคร รู้เบอร์ฉันได้ยังไง
นายิกาตัดบทว่าสงสัยจะเป็นพวกโรคจิต นักรบสั่งทองทิวให้เปลี่ยนเบอร์มือถือให้ใหม่เครื่องนี้โยนทิ้งไปเลย นายิกาอาสาจะเอาไปทิ้งให้เอง
แต่ที่แท้เอาไปส่งข้อความถึงอุ่นใจว่า
"อยากชิมข้าวจี่ฝีมือคุณมากๆมาทำที่บ้านผมสิ จะส่ง รถไปรับนะ"
ดอกจันเป็นคนอ่านให้ฟังแล้วดี๊ด๊าแซวอุ่นใจว่า
"ต๊ายตาย...ได้เข้าไปถึงบ้านพยัคฆ์ราชาเลยเหรอ สงสัยคุณหญิงแม่จะไม่อยู่"
อุ่นใจทำหน้าเก้อเขินจนม้วนไปม้วนมา แต่เพียงเช้าวันรุ่งขึ้นอุ่นใจกับดอกจันก็มาถึงหน้าบ้านพยัคฆ์ราชาแล้ว ดอกจัน จะขอไปรอที่บ้านทองใบ แซวว่า นักรบคงคิดถึงแย่แล้ว ย้ำว่า
ห้ามค้างคืนไม่อย่างนั้นตนจะไปฟ้องแม่นวล หัวเราะฮิๆ หยอกเพื่อนแล้วสั่งแท็กซี่ต่อไปยังบ้านทองใบ
ครู่หนึ่งน้อยออกมาเปิดประตูรั้วถามว่าอุ่นใจใช่ไหม แล้วเชิญเข้าข้างใน อุ่นใจยิ้มปลื้มนึกว่านักรบสั่งไว้จึงได้รับการต้อนรับอย่างดี
ooooooo
น้อยพาอุ่นใจเข้าไปในบ้านบอกเธอหยิบใช้ของได้ตามสบาย อยากได้อะไรเพิ่มให้บอกตน อุ่นใจถามถึงนักรบ น้อยตอบโดยไม่สบตาว่าอยู่ข้างบน เดี๋ยวก็คงลงมา
น้อยเลี่ยงไปแล้ว อุ่นใจยิ้มครึ้มใจค่อยๆหยิบของที่
เตรียมมาทำข้าวจี่ให้นักรบออกมาวางเลยไม่เห็นว่าน้อยออกไปเจอกับนายิกา น้อยถามเบาๆว่านักรบไม่อยู่ทำไมต้องให้ตนโกหก
"เดี๋ยวเขาก็กลับมา แกมีอะไรก็ไปทำเถอะ" นายิกาสั่งน้อยปรายตาไปทางอุ่นใจอย่างเย้ยหยันแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง
ทองทิวเดินมาเห็นอุ่นใจ ตกใจแทบช็อกถามตัวเองงงๆว่า "เธอมาได้ยังไงเนี่ย"
อุ่นใจรีบเข้ามาทักทองทิวดีใจที่ได้เจอคนคุ้นเคย แต่ทองทิววันนี้ท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่ออุ่นใจบอกว่านักรบส่ง ข้อความให้ตนมาทำข้าวจี่ให้ที่นี่ แล้วขอแรงทองทิวมาช่วยกันเตรียมของ
ครู่หนึ่งนักรบกับดารารายก็กลับมา นายิกาลงมารับชวนทานข้าวด้วยกัน ดารารายตอบรับเสียงแจ่มใสแล้วควงแขนนักรบจะเดินเข้าข้างใน
พลันนักรบก็ทำหน้าหงุดหงิดเมื่อได้กลิ่นข้าวจี่ แต่เขาไม่รู้ถามว่ากลิ่นอะไรเหม็นจัง นายิกาบอกว่ากลิ่นข้าวจี่ ดารารายหัวเราะถามว่าใครพิเรนทร์มาทำข้าวจี่ในบ้าน
"ก็...เด็กผู้หญิงที่ชื่ออุ่นใจน่ะ เขาได้ข่าวว่านักรบออกจากโรงพยาบาลแล้วก็เลยอยากมาแสดงความยินดี หอบข้าวของมาทำข้าวจี่อะไรไม่รู้แม่ไม่รู้จะห้ามยังไงก็เลยตามใจเขา"
ได้ยินชื่ออุ่นใจนักรบชะงักทันทีบ่นอย่างไม่พอใจว่า "ผู้หญิงคนนี้มายุ่งอะไรกับผมนักหนา"
"ฮื้อ...ไม่เอาน่า รอดูเขาก่อนดีกว่า ถือว่าเป็นมื้อพิเศษไงจ๊ะ" นายิกาหัวเราะขำแกมสมเพชหันไปยิ้มกับดาราราย แต่นักรบก็ยังหงุดหงิดไม่หาย
ooooooo
เมื่ออุ่นใจทำข้าวจี่เสร็จ เธอบอกทองทิวว่าให้ ไปตามนักรบมาเลยเพราะเดี๋ยวจะเย็นเสียหมด ทองทิวน้ำท่วมปากพูดไม่ออกเสนอว่าให้เธอกลับไปก่อนดีกว่า อุ่นใจไม่ยอมกลับหา
ว่าพอตนทำเสร็จก็จะไล่กลับยังไม่ทันรู้เลยว่านักรบจะชอบหรือเปล่า
"คุณนักรบรอที่ห้องอาหารแล้วค่ะ" น้อยมาบอก
"จ้ะๆ เสร็จพอดีเลย" อุ่นใจดีใจ กุลีกุจอให้น้อยช่วยยกข้าวจี่แล้วตัวเองก็ถือข้าวของเดินตามไปด้วยสีหน้า แช่มชื่น ทองทิวเห็นแล้วกลุ้มไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เมื่อไปถึงห้องอาหาร อุ่นใจหน้าเสียเมื่อเห็นนักรบนั่งอยู่กับนายิกาและดาราราย เขามองอุ่นใจนิ่งไปครู่หนึ่งจึงจำได้ว่าเคยทะเลาะกับเธอที่สนามแข่งรถและที่ บริษัท เขาละสายตาจากเธอพูดอย่างจำได้ว่า
"เธอนี่เองอุ่นใจ ฉันเกือบลืมหน้าเธอไปแล้ว"
อุ่นใจอึ้งแต่ยังพยายามทำใจถามเขาว่าล้อเล่นกับตนรึเปล่า นักรบลุกพรวดจ้องอย่างเอาเรื่อง หาว่าเธอส่งข้อความมากวนตนไม่พอยังบุกมาที่นี่อีก ตะคอกว่า "กล้าดียังไง!"
อุ่นใจเริ่มสับสน ละล้าละลัง บอกนักรบว่าเขาเป็นคนบอกให้ตนมา ก็ถูกนักรบดูถูกว่าฝันไปหรือเปล่าตนจะเรียกมาทำไม
เมื่อเห็นท่าทีขึงขังของนักรบคนเดิม อุ่นใจหันไปถามทองทิวว่านี่มันอะไรกันตนงงไปหมดแล้ว ทองทิวไม่กล้าพูดอะไรได้แต่บอกเธอว่ากลับบ้านกันเถอะตนจะไปส่ง
"ไม่!" อุ่นใจฮึดขึ้นมา "บอกฉันมาก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณเป็นบ้าอะไรคุณนักรบ จะเล่นตลกอะไรฉันไม่ขำนะ!"
นักรบลุกพรวดคว้าจานข้าวและอาหารบนโต๊ะละเลงใส่หัวอุ่นใจเหมือนคนบ้า อุ่นใจตะลึงงันในขณะที่ดารารายทำเป็นคนดีเข้ามาห้าม อุ่นใจมองนักรบอย่างไม่เชื่อสายตา ทั้งสี
หน้าท่าทางแววตาและอารมณ์ของเขาคือนักรบคนเดิมชัดๆ! แต่เธอก็ยังพยายามใจเย็นถามว่า ทำอย่างนี้ทำไมในเมื่อตนอุตส่าห์ลงทุนลงแรงทำเพื่อเขา
"แล้วเธอมาทำเพื่อฉันทำไม เธอไม่ได้เป็นแม่ฉัน แฟนฉันก็ไม่ใช่ หรือว่าเธอเป็นผู้หญิงโรคจิตบ้าผู้ชายถึงได้มาเรียกร้องความสนใจถึงนี่"
"คนเลว! คุณทำกับฉันแบบนี้ทำไม ฉันทำอะไรให้คุณ!" อุ่นใจแค้นจนน้ำตาไหลตบหน้าเพียะ
"ไปนะ! ไปให้พ้น ใครอยู่ข้างนอกเอายายนี่ไปโยนให้พ้นบ้านฉันเดี๋ยวนี้!" นักรบตะโกนอย่างดุร้าย มีดารารายกับนายิกาช่วยกันเข้ามารั้งเขาไว้เหมือนเตือนสติ
อุ่นใจยิ่งช็อกวิ่งร้องไห้ออกไปอย่างเสียขวัญ ออกมาเก็บข้าวของที่สนาม นายิกาตามมายื่นหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวอุ่นใจให้สัมภาษณ์เปลวแสงวันนั้นบอก ด้วยน้ำเสียงเย้ยในทีว่า
"ขอบใจเธอมากนะที่ช่วยล้างความผิดให้ลูกชายฉัน ต่อไปนี้เราก็ไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้วนะ" อุ่นใจมองหนังสือพิมพ์งงๆ นายิกาพูดให้ฟังว่า "ค่ำนี้นักรบจะให้สัมภาษณ์ เพื่อยืนยันคำพูดของเธอว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับการตายของนายเอื้อ เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาอีกต่อไป"
"นี่หมายความว่าทุกอย่างเป็นแผน..." อุ่นใจฉุกคิดได้ โกรธจนคว้าหนังสือพิมพ์มาฉีกทิ้งอย่างเจ็บใจ ทองทิววิ่งเข้ามาจับแขนอุ่นใจไว้อย่างเห็นใจ เธอสะบัดอย่างแรงคว้ากระเป๋าวิ่งร้องไห้ออกไป
ooooooo
ความจริงที่เจ็บปวดเมื่อครู่นี้ ทำให้อุ่นใจนึกถึงคำเตือนของเปลวแสงที่ว่า "อุ่นใจ...สักวันเธอจะรู้ว่าเธอกำลังตัดสินใจผิดที่สุดในชีวิต" คิดแล้วแทบหมดแรง เดินไปอย่างไร้สติจนถูกรถบีบแตรไล่เพราะเธอเดินอยู่ กลางถนนโดยไม่รู้ตัว...
เมื่อไปหาดอกจันที่บ้านทองใบ ดอกจันถามว่าทำไมกลับเร็วนัก ไม่ทันที่จะพูดอะไร อุ่นใจก็เป็นลมทรุดฮวบลงไปแล้ว
ทองใบเอายาแก้ไข้ให้กินกันไว้ก่อน ดอกจันถามเพื่อน ว่ามีอะไรจะเล่าให้ฟังไหมว่าทำไมถึงกลับมาในสภาพอย่างนี้
"ฉันไม่กล้า...ไม่กล้าบากหน้ากลับไปหากระดูกพี่เอื้อ แล้ว" อุ่นใจตะกุกตะกักเหมือนยังควบคุมใจตัวเองไม่ได้ ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงสั่นสะท้านว่า "ทุกอย่างมันเป็นอย่างที่คุณเปลวแสงพูด ฉันถูกเขาหลอก"
ดอกจันกับทองใบอึ้ง ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
"ฉันมันโง่เองที่มาติดกับของเขาถ้าฉันไม่หลงไปกับเปลือกนอกที่เขาสร้างขึ้น ทุกอย่างมันก็ไม่เป็นแบบนี้" อุ่นใจยิ่งเล่าก็ยิ่งร้องไห้จนพูดไม่ออก ดอกจันปลอบเพื่อนให้ใจเย็นๆแล้ว
เล่ามาให้หมดว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ooooooo
ฟังอุ่นใจเล่าแล้ว ทั้งดอกจันและทองใบต่างแค้นแทน ดอกจันด่านักรบว่า เป็นผู้ร้ายใส่สูทที่นอกจากจะไม่สำนึกแล้วยังคิดซ้ำเติมอุ่นใจด้วย
พอดีมีเสียงรถเข้ามา ทองใบชะเง้อดูแล้วพูดอย่างสะใจ ว่า "โผล่มาแล้วไอ้ผู้ร้ายใส่สูท"
ทองทิวนั่นเองเขาตามมาเพื่อจะคุยกับอุ่นใจ ดอกจันกีดกันไม่ให้คุยส่วนทองใบก็จะตั๊นหน้าเอาคืนให้อุ่นใจ
ทองทิวถูกดอกจันไล่ตะเพิดไปให้พ้น ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างเขาเพราะคนที่รับใช้คนเลวได้ตัวเองก็ต้องเลวเหมือน กัน ตะเพิดให้กลับไปเสีย ทองทิวหันไปขอให้ทองใบช่วยพูดให้
ก็ถูกทองใบด่าและไล่ตะเพิดอีกคน ถึงขั้นประกาศว่า มีลูกเลวอย่างนี้เหมือนมีไส้ติ่งอักเสบตัดทิ้งไปให้หมดเรื่อง
ทองทิวหงุดหงิดที่ถูกเหมารวมเป็นคนเลวเตะข้าวของระบายอารมณ์จนต้องเดินกะเผลกกลับไปที่รถ
เมื่อไล่ทองทิวกลับไปแล้ว ดอกจันเข้าไปปลอบอุ่นใจที่ยังร้องไห้ไม่หยุดว่า
"ไม่ต้องห่วงนะอุ่นใจ ฉันอยู่ข้างแก ฉันจะไม่ยอมให้พวกนั้นมาทำร้ายเราได้อีก"
ooooooo
การกลับมาเป็นนักรบคนเดิม สร้างปัญหาแก่คนรอบข้างที่ตั้งรับไม่ทันมากมาย ก่อนอื่นนิมมานกับนักคิดที่ฉวยโอกาสจากอาการป่วยของนักรบหลอกเอาเงินไป มากมายก็ทำไม่ได้อีก
แม้แต่เงินสิบล้านที่จะเอาไปซื้อรถนักรบก็ไม่เซ็นให้ สองแม่ลูกทุกข์ร้อนมากเพราะหนี้สินรุมเร้าราวกับไฟสุมขอน
ส่วนจอมทัพ และจอมภพ ได้เจอกับนักรบที่โรงละครระหว่างไปดูโขนการกุศล ก็ได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของนักรบว่ากลับมาเป็นคนเดิมที่เหี้ยม เกรี้ยวกราด และวางอำนาจ
ทั้งยังหันมาควงดารารายออกงานเหมือนเดิมอีกด้วย
งานนี้จอมทัพพึมพำถึงอุ่นใจด้วยความเป็นห่วงว่า "ถ้านักรบกลับไปหาคุณดาวแล้วอุ่นใจล่ะ..."
คิดแล้วเขาไปตามหาอุ่นใจที่ชุมชนคนใจดี พบว่าบ้านเธอถูกทำลายก็ตกใจจะถามชาวบ้านแถวนั้นมองไปก็ไม่มีใครเลย...
อุ่นใจกับดอกจันเดินทางกลับไปถึงคอนโดฯพกความเจ็บปวดและแค้นใจมาเต็มอก เจอโอ๋นอนหลับอยู่ อุ่นใจลำบากใจ ไม่รู้จะบอกความจริงแก่โอ๋อย่างไร เมื่อโอ๋ตื่นขึ้นมาถามว่า
นักรบกลับมาแล้วหรือมีของฝากจากฮ่องกงมาให้ตนไหม ถามถึงตนบ้างหรือเปล่า และจะแวะมาที่นี่เมื่อไร
อุ่นใจตอบสั้นที่สุดคือ อือ...ไม่มี...ไม่รู้ ส่วนที่โอ๋ถามว่าแล้วใครจะพาโอ๋ไปซ้อมบอล อุ่นใจบอกว่าอาจะพาไปเอง เมื่อก่อนเราก็อยู่กันแค่นี้ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
โอ๋เลยต้องหยุดถาม แต่ใจยังไม่หยุดคิด ส่วนอุ่นใจก็เอาแต่นั่งหน้าเครียด
วันนี้ ทองทิวไปพบหมอที่โรงพยาบาล หมอเทพคุยกับทองทิวด้วยสีหน้าจริงจังอย่างเปิดเผยว่า
"หมออยากให้คุณนักรบมาตรวจจริงๆนะครับ เพราะอาการของแกถือเป็นความผิดปกติที่ต้องได้รับการรักษา"
"ตกลงคุณนักรบเป็นอะไรกันแน่ครับ"
หมอมองหน้าทองทิวอย่างครุ่นคิด ชั่งใจ ก่อนจะตอบอย่างหนักใจว่า
"โรคสองบุคลิกครับ"
ทองทิวตะลึงอึ้ง จนเมื่อเขาขับรถออกมา เสียงหมอที่เล่าถึงอาการของโรคนี้ยังชัดเจนอยู่ในโสตทุกถ้อยคำ...
"โรค นี้จะเกิดขึ้นกับคนที่มีความกดดันสูง จนทำให้ จิตใต้สำนึกสร้างบุคลิกภาพแปลกแยกขึ้นมาเพื่อกดทับความรู้สึกนั้นไว้...คน ที่เป็นโรคนี้ มักจะไม่รู้ตัวว่ามีบุคลิกอีกชนิดหนึ่งเกิดขึ้นมา แล้วก็มักจะลืมเหตุการณ์ช่วงที่เปลี่ยนบุคลิกไปด้วย..."
ฟังหมอแล้วทองทิวนึกถึงนักรบที่ประชุมงานอย่างคล่องแคล่ว ใช้เทคโนโลยีสื่อสารในห้องประชุมได้อย่างเต็มรูปแบบจนเขาทึ่ง
หมอ ยังบอกอีกว่า "อาการแบบนี้จะกำเริบเป็นช่วงๆครับ โดยเฉพาะในช่วงที่สภาวะจิตใจมีการกดดัน...วิธีรักษาก็คือ การสะกดจิต ให้จิตใต้สำนึกได้ระบายความคับข้องใจออกมา ไม่งั้นก็จะไม่มีทางรักษาหายได้"
วัน ต่อมา ทองทิวจึงพานักรบมาที่โรงพยาบาล อ้างกับนักรบว่าเพราะช่วงนี้เขาปวดหัวบ่อย ถ้ากำเริบขึ้นมาตอนกำลัง แข่งรถจะอันตราย นักรบจึงยอมเข้าโรงพยาบาล
แต่พอทองทิวพาไปที่แผนก จิตเวช นักรบโกรธจัดหาว่าทองทิวคิดว่าเขาบ้า ด่าทองทิวว่าทำล้ำเส้นมากไปแล้ว คาดคั้น ถามว่ากำลังเล่นอะไรอยู่ หรือมีคนจ้างให้มาเลื่อยขาเก้าอี้ตน ระแวงว่านักคิดใช่ไหม ทองทิวตกใจหว่านล้อมว่าตนเป็นห่วงเห็นเขาทำงานหนักกลัวจะทรุดลงไปอีกเลยมา ปรึกษาหมอ หมอเลยอยากคุยด้วยเท่านั้น
"แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับหมอ เพราะฉันไม่ใช่คนป่วย!!" ไม่เพียงเท่านั้นยังปรามว่าทองทิวเป็นแค่ลูกน้องอย่ามาเจ้ากี้เจ้าการกับตน ทำเอาทองทิวเซ็งบ่นอย่างเอือมระอาแกมน้อยใจว่า
"ทำคุณบูชาโทษอีกแล้ว ไอ้ทองทิว ต่อไปนี้จะไม่สนใจแล้วโว้ย ไม่ว่าใครทั้งนั้น จัดการชีวิตกันเองแล้วกัน" ว่าแล้วปลดเนกไทออกเซ็งๆเดินคอตกไปอีกทางราวกับจะปลีกวิเวกฉะนั้น...
ooooooo
ฝ่าย นักคิดเมื่อนักรบไม่ยอมเซ็นเช็คให้ก็จนตรอก ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ สุดท้ายโทร.ไปหาดารารายนัดพบกัน บอกว่ามีธุระจะคุยด้วย ดารารายตอบปัดว่าตนไม่มีอะไรจะคุย นักคิดแบไพ่ตายว่า
"งั้นผมก็คงต้องคุยกับนักข่าวแทน...เรื่องคลิปของเรา!"
สุดท้าย ดารารายก็ต้องเดินตามเกมของนักคิด เมื่อไปพบเขา นักคิดเสนอขอเงินยี่สิบล้านแลกกับคลิปนี้ แล้วเปิดให้ดูเป็นการข่มขวัญ ดารารายคว้าโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นหย่อนใส่แก้วน้ำ
"อย่าคิดว่าผม เก็บไว้แค่ในมือถือนะ ผมเก็บไว้อีกหลายที่" นักคิดยิ้มอย่างเป็นต่อ "ถ้าไม่ได้ยี่สิบล้านจากคุณมันอาจจะโผล่มาจากไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ!"
เมื่อ ได้เงินงวดแรกมา นักคิดแบ่งให้ซูซี่ส่วนหนึ่งย้ำว่าถ้าเธอสงบปากสงบคำไว้ก็จะให้อีกเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ได้จากดาราราย ซูซี่ตะครุบเงินรับปากทันทีโผเข้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับนักคิดแบบลืมโลกไปเลย
ส่วน นิมมาน นักคิดเอาไปให้สิบล้าน บอกแม่ว่าตราบใดที่มีคลิปตนกับดารารายอยู่เราไม่วันอดตายแน่ แต่นิมมานโลภมาก คิดไกลกว่านั้น แนะลูกชายว่า
"ในเมื่อเรากำลังถือ ไพ่เหนือมันอยู่ แกก็ควรจะใช้ มันเป็นสะพานก้าวเข้าไปในไทเกอร์คิง มีนังนี่หนุนหลังซะอย่าง ไอ้นักรบมันไม่กล้าเขี่ยแกทิ้งหรอก"
นักคิดยิ้มร้ายอย่างเห็นด้วยกับแม่
ooooooo
ทองทิวเข้าผับดับกลุ้มดื่มจนเมาแประ เลยไม่เห็นดอกจันที่มาเป็นเด็กเชียร์เบียร์หาเงินจ่ายค่าเทอมที่นั่น
แม้ จะไม่เห็นดอกจัน แต่ในส่วนลึกของหัวใจเขามีดอกจันอยู่ ดังนั้นเมื่อเมาก็เพ้อแต่ชื่อดอกจัน แม้กระทั่งหิ้วเด็กไปที่คอนโดฯก็ยังเพ้อว่าเป็นดอกจัน จนเด็กสาวทนไม่ไหวนึกว่ามากับคนบ้าเลยหนีกลับ
ดึกคืนเดียวกัน ดอกจันนั่งดูหนังสือเตรียมสอบอยู่ จู่ๆ ก็จามเอ๊า...จามเอา จนบ่นว่า
"ใครนินทากลางดึกวะเนี่ย อย่าให้รู้นะ"
แต่ลึกๆแล้วก็อดคิดถึงทองทิวไม่ได้เหมือนกัน เธอพยายามตั้งสมาธิเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบให้ได้....
ooooooo
วัน ต่อมา ทองทิวไปทำงานตามปกติ เขาหิ้วขนม ถุงใหญ่มาให้น้อยเอาไปไว้ในครัว น้อยรับถุงขนมเดินร้องเพลงหงุงหงิงจะไปครัว พลันก็มีลูกแมวถูกเหวี่ยงตุ้บลงมาจากหน้าต่างลงหัวห้อยราวกับจับวาง
มัน คือเจ้าอบอุ่นที่นักรบเก็บมาเลี้ยงตอนที่เขาป่วย แต่พอกลับมาเป็นนักรบคนเดิมเขาก็จับเหวี่ยงลงมาอย่างรังเกียจ แล้วโผล่มาตะโกนสั่งน้อยให้รีบขึ้นไปทำความสะอาดห้องอย่าให้มีขนแมวแม้แต่ เส้นเดียว มิฉะนั้นจะโดนไล่ออก ถามน้อยอย่างฉุนเฉียวว่าแมวใคร ถ้าเป็นของตัวเองก็เก็บของออกไปเลย
"ของคุณนั่นแหละครับ" ทองทิวทนดูความเกรี้ยวกราดไร้เหตุผลของนักรบไม่ไหว แล้วชี้แจงว่า "แมวอบอุ่นนั่นเป็นของคุณนักรบครับ คุณเป็นคนตั้งชื่อให้มันเองด้วยซ้ำ"
"พูด อะไรของนาย!" นักรบทั้งงงทั้งโมโห ทองทิวเลยเข้าไปนั่งคุยกับเขาในห้องทำงานเล่าความเป็นมาทั้งหมดของเจ้า อบอุ่นให้ฟังรวมทั้งของเล่นสำหรับแมวที่เขาซื้อให้มันด้วย
"เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เคยชอบสัตว์เลี้ยง" นักรบตัดบทสั่งให้เอาของพวกนั้นไปทิ้งให้หมดและให้น้อยรีบทำความสะอาด
"ไม่ ต้องทิ้งหรอกครับ ผมจะเอาเจ้าอบอุ่นไปเลี้ยงเอง ยังไงมันก็มีชีวิตจิตใจไม่ใช่เศษขยะที่พอหมดค่าก็จะทิ้งขว้างกันง่ายๆ" ทองทิวกอบของเล่นทั้งหมดไว้ในอ้อมแขนแล้วพูดเหมือนเตือนสตินักรบว่า "คุณนักรบจำไม่ได้ว่าเคยเอ็นดูมันก็ไม่เป็นไร ยังไงมันก็เป็นแค่แมว มันไม่มีหัวใจที่จะเจ็บปวดหรอก แต่อย่าทำแบบนี้กับคนที่เขารักคุณก็แล้วกันครับ"
ทองทิวออกไปแล้วแต่หัวใจที่หยาบกระด้างของนักรบยังงงอยู่ว่า "พูดอะไรของมัน!"
ooooooo
เรื่อง ราวคล้ายกับจะสงบแล้ว แต่คลื่นลูกใหม่ก็ซัดเข้ามาอีก เมื่ออำนาจผู้ช่วยของนายิกาเข้ามายื่นบัตรเชิญให้บอกว่า คืนนี้คอนโดฯเดอะวิวเชิญไปร่วมงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าวีไอพี นายิกางงว่า ตนไม่เคยซื้อ โครงการนี้ ส่งผิดหรือเปล่า
"ท่านประธานเป็นคนซื้อ ครับ" อำนาจบอกทำเอานายิกาอึ้ง แต่พอไปถามนักรบเขาบอกว่าไม่รู้จักที่นี่ นายิกาบอกว่าจำไม่ได้ว่าตัวเองซื้อไว้มากกว่า นักรบเลยบ่นอย่างสับสนว่า
"มันอะไรนักหนา ทำไมผมรู้สึกว่าตั้งแต่กลับมา มีแต่ คนพูดว่าผมจำโน่นจำนี่ไม่ได้เยอะไปหมด"
นายิกา ตัดบทว่า บางเรื่องไม่จำได้ก็ดีแล้ว จากนั้นบอกเขาว่า อาทิตย์หน้าลูกค้าจากฮ่องกงจะบินมาดูงานตนอยากให้พักที่นั่น ชี้ไปที่โบรชัวร์คอนโดฯสั่งว่า
"ไปจัดการเรื่องสถานที่ให้แม่หน่อย อย่าให้มีใครอยู่ เกะกะเพราะแม่ต้องการใช้ทั้งตึก!"
นักรบ ถามว่ามีใครอยู่ที่นั่นหรือ นายิกาตอบอำๆว่า "แม่จะไปรู้เหรอ แกซื้อไว้ให้ใครอยู่หรือเปล่าล่ะ" พูดไปอย่างนั้น ทั้งที่รู้ว่าอุ่นใจอยู่ที่นั่น แต่นักรบนึกอย่างไรก็นึกไม่ออก เขารีบลงไปสั่งคนขับรถไปหัวหินทันที
พอนักรบไปหัวหินนายิกาก็โทรศัพท์บอกดารารายว่า นักรบไปหัวหินทำไมไม่รู้ให้ตามไปดูให้หน่อย
ooooooo
นักรบ ไปถึงหัวหินเดินเร็วราวกับพายุเข้าไปถามพนักงานว่าคอนโดฯนี้มีคนอยู่หรือ เปล่า พนักงานจำเขาได้บอกว่ามี กำลังจะบอกว่าอุ่นใจอยู่ นักรบก็ถามเสียก่อนว่า "อยู่ห้องไหน!"
เป็นเวลาที่อุ่นใจเตรียม กระเป๋าจะไปค้างกับนวลที่โรงพยาบาลพอดี พอนักรบเปิดประตูพรวดเข้าไปเธอตกใจ แต่ พอได้สติก็ชิงบอกเขาว่าตนกำลังจะไปอยู่กับแม่พอดี ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องไล่
นักรบถามว่าเธอมาอยู่ที่นี่นานเท่าไรแล้ว อุ่นใจไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนบอกไปว่าเขาเป็นคนพาตนมาอยู่เอง แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเขาไม่ต้องการให้อยู่ตนจะไปเองไม่ต้องมาไล่ถึงที่อย่าง นี้หรอก
พริบตาเดียวสีหน้าอารมณ์ของนักรบก็เปลี่ยนไปเป็นแสดงความ ห่ามหื่นประหนึ่งว่าอุ่นใจคือผู้หญิงที่เขาเอามาเก็บไว้ เป็นนางบำเรอ กระโจนเข้าตะครุบเธอไปกอดซุกไซ้อย่างเมามัน
"คุณนักรบ! จะบ้าหรือไง!" อุ่นใจตกใจมากดิ้นสุดฤทธิ์ โวยวายสุดเสียงแต่สู้แรงเขาไม่ได้ถูกนักรบอุ้มเข้าไปในห้องนอน บอกว่าจะมารื้อฟื้นความทรงจำกัน
ปรากฏว่าดารารายกับซูซี่ตามมาถึง แล้ว ดารารายผลักประตูเข้าไปเห็นนักรบกำลังซุกไซ้อุ่นใจอย่างหน้ามืด ดาราราย ช็อกกับภาพที่เห็น ซูซี่ถลันเข้าไปกระชากอุ่นใจออกมาด่าว่าหน้าด้าน ที่แท้ก็มาหลบเป็นบ้านเล็กอยู่ที่นี่เอง ซูซี่ตบหน้าอุ่นใจแต่พอจะตบซ้ำก็ถูกนักรบตวาด
"หยุดนะ เธอเป็นบ้าอะไร ทำเขาทำไม"
ดารารายสะอึกเข้ามาเถียงว่าทำไมจะทำไม่ได้ในเมื่อมายุ่งกับคู่หมั้นของตน ด่านักรบว่า
"คุณไม่ละอายใจเลยหรือไงที่ฉันมาเห็นมันทำอะไรกับคุณตำตาแบบนี้ หน้าด้านทั้งผู้หญิงผู้ชาย"
อุ่นใจบอกว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด นักรบพยายามจะปล้ำตน ซูซี่ชี้หน้าว่าเพราะเธอยั่วเขาแล้วจะพุ่งเข้าไปตบอีก นักรบตวาดให้หยุดแล้วกระชากแขนอุ่นใจดึงออกจากห้อง
บอกว่าเธอจะไปไหนก็ไปเลย แต่ดารารายไม่ยอม เธอต้องการคำอธิบาย ขู่นักรบว่า พ่อตนรังเกียจพฤติกรรมแบบนี้นัก
พออ้างถึงตุลย์พ่อของดาราราย นักรบก็เสียงอ่อยเพราะรู้ว่าเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์นานัปการ สุดท้ายนักรบก็แก้ตัวว่าตนเป็นผู้ชายอย่างไรก็ต้องหาที่ระบาย ดารารายจึงให้เขาจ่ายค่าบริการให้อุ่นใจ พอนักรบเอาเงินออกมาเธอกระชากไปนับแล้วปาใส่หน้าอุ่นใจ
อุ่นใจก้มมองเงินที่พื้นด้วยความเจ็บใจและอับอาย ยิ่งเห็นสายตาที่ไร้ความรู้สึกของนักรบเธอก็ยิ่งเจ็บปวด หันหลังวิ่ง ออกจากห้องทั้งน้ำตา ส่วนดารารายหันมาจ้องนักรบอย่างคาดโทษ
หลังจากนั้น นักรบเปลี่ยนท่าทีเป็นขอโทษดารารายออดอ้อนว่า เธอคือตัวจริงของเขาและชวนแต่งงานเพื่อพิสูจน์ ความจริงใจ
"เอาไว้ให้คุณชนะประมูลรอบใหม่แล้วฉันจะให้คำตอบนะคะ" ดารารายไว้ท่า
นักรบกอดเธอไว้อย่างมั่นใจว่าตนต้องชนะแน่ๆ ส่วนดารารายก็คิดคำนวณในใจว่าถ้าแต่งงานกับนักรบแล้วตนจะได้หรือเสียอะไรบ้าง
ทุกอย่างในสมองของทั้งสองคนมีผลประโยชน์เป็นเงื่อนไขทั้งสิ้น!
ooooooo
นิมมานยังร่านล่าเด็กหนุ่มไม่ขาด วันนี้พาเด็กหนุ่มไปกินอาหาร ปรากฏว่าบัตรเครดิตรูดไม่ได้ เพราะถูกอายัดทั้งสองใบ ครั้นพนักงานขอเป็นเงินสดนิมมานเปิดกระเป๋าปรากฏว่าไม่มีเงินสดเลย
เด็กหนุ่มต้องจ่ายให้เขาเดินหัวเสียออกจากร้านอาหาร นิมมานวิ่งตามมาถามว่าจะรีบไปไหน เขาบอกว่าจะกลับบ้าน นิมมานยังติดใจชวนไปดูหนังฟังเพลงกันก่อน ถูกเด็กหนุ่มตอกหน้าว่า
"จะไปได้ยังไงล่ะเงินพี่ไม่มีสักบาท การ์ดก็รูดไม่ได้ จะให้ผมออกให้อีกเหรอ ขอโทษนะพี่ เด็กสาวๆผมยังไม่ออกให้เลย ถ้าผมจะเลี้ยงพี่ผมไปเลี้ยงแม่ที่บ้านดีกว่า" พูดแล้วเดินไปอย่างรำคาญ
นิมมานทั้งเสียหน้าทั้งอารมณ์ค้าง ปักใจเชื่อว่าต้องเป็นฝีมือของนายิกาแน่ๆ ลิ่วไปที่ไทเกอร์คิงถามว่าอายัดบัตรเครดิตตนทุกใบใช่ไหม นายิกาตอบอย่างไม่แยแสว่านักรบเห็นว่าเธอใช้เงินมือเติบเลยสั่งยกเลิก ต่อไปนี้อยากได้อะไรก็ใช้เงินสดเอา
นิมมานต่อว่าที่ทำให้ตนเสียหน้า นายิกาพูดอย่างสมเพชว่าไปอวดรวยกับพวกหนุ่มหน้าโง่ มันก็แค่บ้าขอเงิน พอเงินหมด เหลือแต่ตัวเหี่ยวๆ เหนียงยานๆ มันก็ทิ้งอย่างนี้แหละ
"มากไปแล้วนะ!" นิมมานขึ้นเสียง ถูกนายิกาตวาดเสียงดังกว่าว่า
"อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ ฉันกุมชีวิตแกอยู่ ถ้ากำเริบมากๆ ฉันจะไม่ให้แกสักแดง ดูซิว่าน้ำหน้าอย่างแกจะมีปัญญาทำอะไรฉัน!"
สุดท้ายนิมมานก็ทำได้แค่กัดฟัน กำหมัด แล้วสะบัดหน้าออกไปตามเคย
ooooooo
คืนนี้เอง นิมมานก็ไปหาจอมภพที่บ้าน บอกเขาว่ามีข้อเสนอถ้าเขาอยากจะชนะไทเกอร์คิงในการประมูลครั้งหน้า โดยตนสามารถเอาข้อมูลในการประมูลครั้งหน้าของไทเกอร์คิงให้เขาได้ พลางเลื่อนโน้ตเล็กไปให้จอมภพ แล้วเสนอข้อแม้ว่าตนต้องได้ส่วนแบ่งในสัญญานั้นด้วย
จอมภพดึงกระดาษไปดูแล้วหัวเราะติงว่า "ไม่ใช่น้อยเลยนะคุณนิมมาน"
"แต่สิ่งที่ฉันจะให้คุณก็ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน ถ้าคุณฉลาดพอจะเอาไปใช้รับรองว่าไทเกอร์คิงจะไม่ได้ลืมตาอ้าปากแน่" จอมภพถามลองเชิงว่าเธอจะทุบหม้อข้าวตัวเองกับพี่น้องหรือ นิมมานยิ้มร้ายบอกว่า "ฉันไม่แคร์ เพราะถ้าฉัน ไม่ได้กิน พวกมันก็จะต้องอดตายไปด้วย!"
ที่แท้นิมมานมีความแค้นกับนายิกา เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ที่เธอคบกับเทวัญที่เป็นจิตรกรจนๆคนหนึ่ง เมื่อถูกนายิกากีดกัน เพราะเชื่อว่าเทวัญมาติดพันนิมมานเพื่อหวังสินสมรสเท่านั้น
ในที่สุดเทวัญกับนิมมานจึงตัดสินใจออกไปอยู่ด้วยกัน บอกนายิกาว่าอยากได้สมบัติอะไรของพ่อแม่ก็เอาไปให้หมดแล้วไม่ต้องมายุ่งกับตน
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองไปเช่าบ้านโกโรโกโสอยู่ด้วยกัน เทวัญวาดรูปขายเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แต่อยู่มาวันหนึ่งรูปที่เขาวาดไว้ขายถูกไฟไหม้ และตัวเทวัญก็ถูกนักเลงที่มาเผารูปซ้อมจนเสียชีวิต
เมื่อจัดงานศพแล้ว นิมมานจำต้องกลับไปอยู่ที่บ้านตามเดิม แล้วเธอก็พบความจริงว่า ที่แท้นายิกาเป็นคนส่งคนไปทำร้ายเทวัญจนเสียชีวิต เพราะจำได้ว่าคนขับรถของนายิกาคือคนที่ทำร้ายเทวัญ ครั้นถามนายิกา ก็ได้รับคำตอบที่ทำให้เจ็บแค้นจนทุกวันนี้ว่า
"ฉันรับปากพ่อกับแม่ไว้ว่าจะดูแลแกไม่ให้ลำบากฉันก็ต้องทำ คนโง่ๆอย่างแกถ้าไม่มีฉันคอยจูงจมูก ชีวิตก็มีแต่จะลงเหว จำเอาไว้!"
นิมมานนึกถึงเรื่องราวในอดีตจนนิ่งไป จอมภพถามว่าทำไมเงียบไป เธอบอกว่าไม่มีอะไร ตนเกลียดนายิกา ตนทนเป็นเบี้ยล่างมาตลอดยี่สิบกว่าปีเพราะต้องการจะทำลายทุกอย่างในชีวิตของ นายิกา ให้เหมือนกับที่นายิกาทำกับตน
"ตอนนี้คุณก็เลยยืมมือผม" จอมภพดักคอ
"ฉันยอมรับว่างานนี้ฉันจัดการเองไม่ไหว เหมือนกับที่คุณก็จะไม่มีวันชนะไอ้นักรบได้ถ้าไม่มีฉัน"
จอมภพกับนิมมานมองหน้ากันอย่างท้าทาย
ooooooo
อุ่นใจกลับไปหาแม่นวลที่โรงพยาบาล เธอเอาแต่ ร้องไห้จนดอกจันต้องเลี่ยงไปคุยกันที่สวนหย่อมของโรงพยาบาล ถามจนอุ่นใจเล่าความจริงทั้งหมดที่เกิดที่คอนโดฯให้ฟัง ดอกจันฟังแล้วปลอบว่า
"ไม่เป็นไรนะแก มันเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น ฉันจะไม่ให้เขามาทำร้ายแกได้อีกแล้ว ฉันสัญญา"
หลังจากนั้นดอกจันไปทำงานที่แผนกบริการลูกค้าร้านพิซซ่า ปรากฏว่าถูกทองทิวโทร.ไปอ้อนจนไม่เป็นอันทำงานโดยเอาเจ้าอบอุ่นมาล่อว่าอยู่ กับตนถ้าอยากเล่นกับมันก็ให้มาที่คอนโดฯ เขาโทร.กวนใจอยู่ไม่เลิกจนสุดท้ายดอกจันถูกไล่ออกจากงาน เลยลิ่วไปเอาเรื่องกับเขาที่คอนโดฯ
ที่แท้ทองทิวต้องการเรียกเธอมาพบเพื่อบอกข่าวเรื่องนักรบผ่านเธอไปถึงอุ่นใจอีกที
"คุณนักรบเขาไม่ปกตินะดอกจัน" ทองทิวเริ่มเล่า ดอกจันถามประชดว่าเขาเป็นบ้าหรือ "ไม่ใช่ เขาเป็นคนสองบุคลิก คุณนักรบที่พวกเธอรู้จักก่อนหน้านี้ไม่ใช่คุณนักรบคนเดิม เขาเปลี่ยนไปตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุคราวนั้น แต่ตอนนี้บุคลิกเก่าของเขากลับมาแล้ว"
ดอกจันสนใจฟัง ทองทิวเล่าว่านักรบมีสองคนในร่างเดียวกันและสองคนนั้นก็ไม่รู้จักกัน แถมยังไม่เคยรู้อีกด้วยว่าอีกคนทำอะไรไว้บ้าง ดอกจันถามอย่างไม่เชื่อว่ามีเรื่องบ้าๆ แบบนี้ด้วยหรือ
"มันเป็นอาการทางจิตเวช คุณหมอกำลังพยายามจะรักษา คุณนักรบไม่ได้เล่นละคร แต่เขาจำเรื่องเกี่ยวกับอุ่นใจก่อนหน้านี้ไม่ได้จริงๆ เธอต้องอธิบายเรื่องนี้ให้อุ่นใจฟังนะ"
"สรุปก็คือ นักรบคนที่หนึ่งไม่รู้จักอุ่นใจ แต่นักรบคนที่สองรักอุ่นใจ" ดอกจันสรุปให้ฟัง ทองทิวพยักหน้าหงึกหงัก "แต่สุดท้ายแล้วยังไงก็ต้องเหลือนักรบแค่คนเดียว แล้วถ้านักรบคนที่สองไม่กลับมาล่ะ เพื่อนฉันไม่ต้องถูกทำร้ายจิตใจแบบนี้ไปตลอดหรือ"
คำถามนี้ของดอกจัน ทองทิวก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน
ooooooo
เย็นวันเดียวกัน จอมทัพเห็นอุ่นใจสะพายกระเป๋ามานั่งที่หน้าบ้านดอกจัน เขาเข้าไปทักอย่างดีใจถามว่าหายไปไหนมาตนเป็นห่วงมาก ไปหาที่บ้านเก่า แต่ว่า... จอมทัพไม่กล้าพูดต่อเมื่อเห็นอุ่นใจน้ำตาไหลอย่างสะเทือนใจ เขาเปลี่ยนเป็นถามว่า
"เกิดอะไรขึ้น บอกผมมาซิ"
อุ่นใจส่ายหน้า ร้องไห้โฮ จอมทัพสงสารจับใจขยับเข้ากอดเธอไว้
เมื่ออุ่นใจเล่าให้ฟัง จอมทัพพึมพำว่า เขารู้ว่านักรบเป็นคนเลือดเย็น แต่ไม่นึกว่าจะเหี้ยมถึงขนาดนั้น อุ่นใจโทษตัวเองว่าเชื่อและไว้ใจนักรบง่ายเกินไป บอกเธอว่าถ้ามีอะไรที่ตนจะช่วยได้...
"อย่าเพิ่งเลยค่ะ" อุ่นใจตัดบท "ฉันยังไม่พร้อมจะรับความช่วยเหลือจากคุณหรือใครในสังคมของคุณทั้งนั้น เพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับฉันตอนนี้มันมาจากการที่ฉันไว้ใจคนแบบคุณมาก เกินไป"
อุ่นใจไม่ได้โกรธจอมทัพแต่เธอระแวงไปหมดจนไม่กล้าไว้ใจใครอีกแล้ว เธอลุกเดินเลี่ยงไปอย่างเลื่อนลอย...ส่วนจอมทัพมองเธอไปจนลับตาแล้วก้มหน้า นิ่งอย่างหดหู่ใจ...
ooooooo
อ่านละครย่อเรื่อง สวรรค์สร้าง ตอนที่ 12
ที่มาไทยรัฐ