อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว ตอนที่ 15

อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว ตอนที่ 15
ก่อนไปที่รถ เหมยกับปยุตรแวะไปที่ท่าน้ำยืนคุยกัน ปยุตรพยายามง้อเหมยที่ยืนปั้นปึ่งอยู่ว่างอนตนเรื่องอะไร เหมยเลยถามว่าเมื่อเช้าทำไมไม่มารับ ปยุตรยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ ชี้แจงว่าตนจะโทร.บอกว่าเมื่อคืนงานเยอะแต่เหมยก็ปิดมือถือใส่ซะงั้น

เหม ยพูดประชดว่าโอเคตนผิดปยุตรแก้ว่าเธอไม่ผิด ตนผิดเองจะลงโทษอย่างไรก็ได้ขออย่างเดียวยิ้มให้กันหน่อยก็แล้วกัน เหมยเลยเกใส่ว่าไม่ยิ้มจนกว่าเขาจะว่ายน้ำข้ามไปกลับสามรอบเป็นการไถ่โทษ

ป ยุตรเลยจัดแจงปลดเข็มขัดจะถอดกางเกง ทำเอาเหมยห้ามแทบไม่ทัน ปยุตรแหย่ว่ากลัวตาเป็นกุ้งยิงหรือ เหมยเลยขำออกมา ปยุตรดีใจเหมือนเด็กได้ของถูกใจแล้วพูดจริงจังกับเหมยว่า

"อย่าโกรธผมเลยนะ ผมรักเหมยนะ"

"เหมยก็รักคุณค่ะ"

ทั้งสองสบตายิ้มให้กัน และเรื่องคาใจที่เหมยจะถามเขาก็เลือนไปชั่วขณะ

ooooooo

ใน ที่สุด น้ำหวานก็ไปร้องไห้คร่ำครวญกับหมอวาทิศ เรื่องพ่อแม่และตนอาจถูกฆ่าถ้าไม่มีเงินไปใช้หนี้หมอถามว่าต้องการเท่าไร พอน้ำหวานบอก 8 ล้าน แต่แบ่งจ่ายก่อนสองล้านก็ได้ หมอก็หยิบเช็คมาเซ็นให้ทันที

น้ำหวานแทบจะตะโกนออกมาด้วยความดีใจ แต่แสร้งทำเป็นเกรงใจไม่อยากรบกวน

"หมอให้น้ำหวานได้ทุกอย่าง แต่หมอขออย่างเดียวอย่าหักหลังหมอ จำไว้นะ น้ำหวาน ชีวิตคุณเป็นของหมอ"

น้ำหวานรู้สึกได้ถึงพลังรุนแรงบางอย่างจากน้ำเสียงของหมอ เธอบอกหมอไปเช่นกันว่า

"ถ้า อย่างนั้น หมอก็อย่าลืมเรื่องไอ้จิมมี่นะคะ เพราะชีวิตของน้ำหวานก็ขึ้นอยู่กับมันด้วยเหมือนกัน ถ้าหมอไม่กล้า หมอก็เอายามาให้น้ำหวานนะ หมออย่าลืมนะคะว่า เราลงเรือลำเดียวกันแล้วถ้าไอ้จิมมี่มันลุกขึ้นมาพูดได้ เราสองคนก็จบกันทั้งคู่" น้ำหวานพลิกกลับมาเป็นต่ออย่างเร็ว จนหมอเกิดความกังวลหนักขึ้นมาเหมือนกัน

เมื่อลงมาที่ห้องโถง น้ำหวานฉวยกระเป๋ายาของหมอไปถูกหมอรั้งไว้อย่างสับสน น้ำหวานถามว่าหมอกลัวอะไร ก็บอกแล้วว่าตนจะลงมือเอง

ขณะ นั้นเองมีสายจากศิลป์เข้ามือถือน้ำหวาน เธอกดตัดสาย หมอถามว่าทำไมไม่รับ เธอโกหกว่าเป็นสายจากมิ้นต์คงโทร.มายืมเงินตามเคยแต่ตอนนี้ตนไม่มีหมอก็รู้ ครั้นหมอจะรับสายแทนจะบอกว่าน้ำหวานไม่ว่าง เธอก็ไม่ยอม หมอจึงจะไปส่งเธอที่บ้าน

"หมอไปรอที่รถก่อนนะคะ เดี๋ยวน้ำหวานตามไป" เธอออกอุบายพอหมอออกไปเธอก็ต่อสายไปที่ศิลป์ส่งเสียงอ้อล้อ "ฮัลโหล ขอโทษนะคะ เมื่อสักครู่นี้น้ำหวานยุ่งอยู่..อย่าทำมาปากหวานหน่อยเลย.."

ที่แท้หมอวาทิศแอบฟังอยู่ตรงประตู แววตาหมอนิ่งลึกเมื่อแน่ใจว่าเธอไม่ได้คุยกับมิ้นต์แน่นอน!

ooooooo

เหม ยกับปยุตรยังนั่งคุยกันที่ริมน้ำ ปยุตรเปรยๆ ว่าแม่กุ้งคงดีใจที่ตอนนี้ลูกๆกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว เหมยตอบเศร้าๆว่ามีแต่แม่กุ้งคนเดียวที่ยังไม่ได้กลับมาอยู่บ้าน

"กำลังใจจากพวกคุณ จะทำให้แม่คุณหายเร็วขึ้น เชื่อผมสิ"

"ตอน นี้เหมยรู้สึกว่า เหมยสามารถผ่านเรื่องร้ายๆมาได้ทุกอย่าง ขอแค่มีแม่ มีน้อง และก็มีคุณ..ต่อให้เจออุปสรรคแค่ไหน เหมยก็สู้ไม่ถอย"

รับรู้ ถึงความรู้สึกดีๆที่เหมยมีต่อตนเช่นนั้น ปยุตรคิดจะบอกความจริงเรื่องไพรวัลย์เป็นพ่อให้เหมยรู้ แต่พอจะเอ่ยปากบอก เหมยก็พูดขึ้นก่อนว่า

"เหมยขอคุณอย่างเดียว อย่าโกหกกัน" เหมยบอกเขาในขณะที่ใจคิดถึงเรื่องที่เขาจับมือน้ำหวาน แล้วบอกถึงความรู้สึกว่า "เวลาคนเราโดนหลอก มันเหมือนการดูถูกกัน ไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน เหมยว่าคุณคงไม่ใช่คนอย่างนั้น"

ปยุตรหน้าเจื่อนเลยตกอยู่ในสภาพเหมือนน้ำท่วมปาก

เมื่อเหมยกับปยุตรเดินออกมาจะไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของเขา ป้องก็ขับรถมาส่งกันต์พอดีทั้งสองช่วยกันขนของลงจากรถ เอื้อมไปหยิบของมือจ๊ะกัน ต่างชะงักด้วยความรู้สึกแปลกๆ

เหม ยกับปยุตรเห็นอาการแปลกๆของทั้งคู่พอดี พอร้อง ทักสองหนุ่มก็ชักมือกลับอย่างมีพิรุธ ป้องเหลือบเห็นที่รถของปยุตรมีบัตรพนักงานโลโก้ "ไทยนิวส์" ติดอยู่เขารู้ทันทีว่าปยุตรเป็นนักข่าว เลยรีบแก้ตัวว่าพอดีตนขับรถผ่านไปแถวตลาดแล้วเห็นกันต์เลยมาด้วยกัน

กันต์รู้สึกสะดุดใจกับการโกหกของป้องแต่ก็กลบเกลื่อนผสมโรงไปว่าเจอกันป้องเลยอาสามาส่ง เหมยขอบคุณป้อง บ่นว่าเขาไม่น่าลำบากเลย

"ไม่ลำบากหรอกครับ คนกันเอง เอ่อ..งั้นผมขอตัวกลับ เลยนะครับแล้วเจอกันที่กองถ่าย"

ป้องมองหน้ากันต์ กันต์หลบตา ทำให้เหมยเห็นอาการแปลกๆของทั้งสองคนอีกครั้ง

ooooooo

วันต่อมาก็มีพาดหัวข่าว "กลิ่นตุๆ ดาราหนุ่ม ป.คั่วถั่วดำ เนื้อแนบเนื้อกับเพื่อนชาย" มีรูปของป้องกับกันต์โอบเอวกันชัดเจน

ฟรุตตี้กับปุ๊โกะเม้าท์กันมันปากตามเคย พอดีป้องมา วงเม้าท์แตกทันที ฟรุตตี้ชวนตะกุกตะกักให้ป้องมาแต่งหน้า ป้องถามยิ้มๆว่าอ่านข่าวอะไรวงใหญ่เสียขนาดนั้น ฟรุตตี้ส่งสัญญาณให้ปุ๊โกะเอาหนังสือพิมพ์ซุกเสีย พริบตานั้น

น้ำหวานก็มากระชากหนังสือพิมพ์ไป อ่านเสียงดังอย่างจงใจให้ได้ยินกันทั่ว

"กลิ่นตุๆ ดาราหนุ่ม ป.คั่วถั่วดำ เนื้อแนบเนื้อกับเพื่อนชาย" อ่านแล้วทำเสียง "เอ๊ะ! รูปนี่หน้าเหมือนคุณป้องเลยนะ"

ทุกคนตกใจกับความร้ายกาจของน้ำหวาน เธอยังส่งหนังสือพิมพ์ให้ป้องที่ตกใจหน้าตื่นพูดเย้ยว่า

"หวังว่าหนุ่ม ป.คงไม่ใช่ป้องนะคะ" แล้วกรีดกรายไป ปล่อยให้ทุกคนอึ้ง มองป้องเป็นตาเดียว

ooooooo

ที่ ตลาด พริ้งกับป้าผ่องก็กำลังสุมหัวกันอ่านข่าวนี้ พริ้งไม่เชื่อว่ากันต์จะเป็นอย่างที่ลงข่าว พอกันต์ถามว่าดูอะไรกัน พริ้งตัดสินใจเอาหนังสือพิมพ์ ให้ดูถามว่า "ตกลงนี่ใช่แกรึเปล่ากันต์" ป้าผ่องก็ถามว่าชอบผู้ชายด้วยกันรึเปล่า

เจอทั้งรูปทั้งข่าวหนังสือพิมพ์และถูกถามจังๆต่อหน้าเช่นนี้ กันต์ถึงกับหน้าซีด

ที่ ช่องเอบีซี. คุณพิงค์คุยกับคุณพิมลบ่นว่าปั้นกันต์มาไม่ได้ง่ายๆ พอกำลังจะมาดีก็มีข่าวแบบนี้ คุณพิมลติงว่าอาจจะไม่เป็นอย่างที่ข่าวลงก็ได้

"เป็น หรือไม่เป็น ฉันไม่รู้แล้วก็ไม่สนด้วย แต่การเป็นดาราต้องหัดดูแลภาพพจน์ของตัวเอง อุตส่าห์ปีนขึ้นมาเป็นดาวแล้วจะร่วงจากฟ้ากันง่ายๆแบบนี้ บอกตรงๆว่าเสียเวลาปั้น"

สุดท้ายคุณพิงค์ก็ให้ดูว่าป้องจะแถลงข่าว อย่างไร บอกให้ป้องแถลงไปตามตรงว่าไปทำอะไรรูปถึงออกมาแบบนี้ แต่เรื่องรสนิยมส่วนตัวห้ามพูด เพราะมันส่งผลเสียมาถึงช่อง

ป้องแถลง ข่าวยอมรับว่าคนในรูปคือตนเอง ชี้แจงว่า การที่ผู้ชายกอดกันหรือผู้หญิงกอดกันไม่ได้หมายความว่าต้องมีรสนิยมแบบนั้น และคนในรูปก็เป็นเพื่อนตนจริงๆ แล้วก็ชี้แจงรายละเอียดขณะนั้นให้ผู้สื่อข่าวฟัง สรุปตอนท้ายว่า ความจริงมันมีแค่นั้นตนไม่มีอะไรจะพูดมากกว่านี้

"หมายความว่าคุณ ป้องปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเกย์" เฮียใหญ่ ถามตรงเผงจนป้องหันขวับมองหน้า ปยุตรสะกิดเตือนว่าถามแบบนี้ไม่แรงไปหรือ เฮียย้อนว่าจะกลัวอะไรถ้าไม่ได้เป็นจริง

"ผมไม่ได้เป็นเกย์ครับ ผมเป็นผู้ชายและผมก็ไม่ชอบผู้ชายด้วยกัน" ป้องตอบหนักแน่นมาก

กันต์นิ่งงันอยู่หน้าจอทีวีที่เพิ่งแพร่ภาพการให้สัมภาษณ์ ของป้อง กันต์นั่งนิ่งงันอยู่ตรงนั้น...นาน...

ooooooo

น้ำ หวานอยู่กับศิลป์ที่ร้านอาหาร ทั้งคู่ดูการให้สัมภาษณ์ของป้องเช่นกัน ศิลป์บ่นว่าเสียชาติเกิดจริงๆ เป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบ น้ำหวานซ้ำเติมว่ามิน่าเล่า เวลาตนเล่นบทเลิฟซีนกับป้องถึงไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ศิลป์เลยเสนอว่าตนจะติวเทคนิคการเล่นเลิฟซีนให้เธอเอง

"ถ้าพี่ศิลป์ เขียนบทเพิ่มให้น้ำหวานเล่นฉากแบบนั้น น้ำหวานก็คงต้องติวล่ะค่ะ" เป็นคำตอบที่ทำให้ศิลป์ยิ้มตาวาว หยิบกล่องเครื่องประดับขึ้นมา เปิดออกมันคือสร้อยข้อมือมีจี้เพชรตัวอักษรภาษาอังกฤษ W ศิลป์ค่อยๆใส่ให้น้ำหวานแล้วยกมือขึ้นจูบมองตากันเยิ้ม

ไม่ไกลจากตรง นั้น ชายคนหนึ่งใส่หมวกแก๊ปหลุบๆ เรียกพนักงานมาเช็กบิล ตาจ้องที่น้ำหวานกับศิลป์ มือกำแน่นแล้วลุกไป แม้จะอำพรางใบหน้า แต่ข้างหลังและบุคลิกคือหมอวาทิศชัดๆ!

ครู่ใหญ่น้ำหวานก็ได้รับ โทรศัพท์จากหมอ เธอขอตัวลุกไปรับสาย หมอบอกเธอว่าจะเซ็นเช็คที่เหลืออีก 6 ล้าน ให้เธอมาหาที่บ้านได้ไหม น้ำหวานรีบรับคำว่าจะไปหาเดี๋ยวนี้เลย ทิ้งท้ายอ่อยเอาใจว่า

"แล้วน้ำหวานจะขอบคุณหมอให้ถึงใจเลยค่ะ"

ooooooo

เหมยกลับบ้านเห็นกันต์นั่งซึมอยู่พอเดินเข้าไปหาก็ลุกหนี เหมยถามว่ามีอะไรจะพูดกับตนไหม กันต์ บอกว่าไม่มี แต่พอเหมยถามว่ารูปนั้นเกิดขึ้นได้ยังไง กันต์ก็โพล่งขึ้นอย่างมีอารมณ์ว่า

"คุณป้องเขาบอกแบบไหนก็เป็นแบบนั้นไงพี่ พี่จะอยากรู้อะไรอีก เขาก็บอกแล้วไงว่าเขาไม่ได้ชอบผู้ชาย!" พอระเบิดอารมณ์ออกไปแล้วรู้สึกตัว กันต์เปลี่ยนเสียงอ่อนลง "ผมขอโทษ ผมไม่ได้จะใส่อารมณ์กับพี่"

"นี่กันต์โกรธพี่หรือโกรธที่คุณป้องปฏิเสธเรื่องวันนี้... ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเราหรอกกันต์ ไม่ว่าเราจะเป็นหรือไม่เป็นอะไร ขอแค่เราเป็นคนดีก็พอแล้ว" เหมยพูดให้กำลังใจแล้วเลี่ยงไปอาบน้ำ

ก็พอดีกันต์ได้รับโทรศัพท์จากป้องบอกว่าอยากเจอเขา

เมื่อกันต์ไปหาป้องที่คอนโดฯ ป้องพูดออกตัวว่าไม่อยากให้กันต์เข้าใจผิด ตนพูดกับนักข่าวไปอย่างนั้นก็เพราะ...ป้องพูดไม่ทันจบกันต์ก็ตัดบทว่า

"ผมเข้าใจดี ทางที่ดีผมว่าผมเราอย่าเจอกันอีกเลย คุณเป็นดารา ทุกคนกำลังจ้องคุณอยู่ ป้อง...คุณต้องทำสิ่งที่ควรทำ"

"มีแต่คนคอยบอกผมว่าผมควรทำอะไร มีใครเคยถามผมบ้างไหมว่าผมอยากทำอะไร ผมอยากเป็นอะไร"

บรรยากาศเริ่มอึดอัด กันต์ขอตัวกลับ ป้องลุกพรวดพูดโพล่งออกไปว่าตนไม่รู้ว่ามันเป็นความรู้สึกอะไร รู้แต่ว่าตนคิดถึงเขาและอยากอยู่ใกล้กัน ตนมีความสุขที่ได้นั่งอยู่ด้วยกัน

ในที่สุดกันต์ก็นั่งลงข้างๆป้อง ต่างนั่งนิ่งกันอยู่อย่างนั้น มีความสุขทั้งที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร...

ooooooo

เมื่อน้ำหวานไปที่บ้านหมอวาทิศเธอได้รับเช็คทันทีและเธอก็โผเข้าหอมแก้มหมอ ชมว่าหมอใจดีจังเลย แต่อึดใจเดียวเธอก็ถูกกระชากผมหน้าหงายแล้วหมอก็ถามเสียงนิ่งน่ากลัวว่า

"ถ้าผมไม่โทร.ไปหาคุณเรื่องเงิน ป่านนี้คุณคงนอนกับไอ้บ้านั่นไปแล้วใช่ไหม"

น้ำหวานบอกว่าตนมีหมอคนเดียว แต่พอหมอจับได้ก็แก้ตัวว่าจำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงิน ถามหมอว่าถ้าเป็นหมอ หมอจะปล่อยให้พ่อกับแม่ตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นหรือ?!

คำถามของน้ำหวานกระแทกใจหมออย่างแรง เหตุการณ์ ที่พ่อยิงแม่และยิงตัวตายไปต่อหน้าบีบคั้นความรู้สึกของหมออย่างมาก มือที่จิกผมน้ำหวานค่อยคลายลง น้ำหวานรับรู้ถึงความผ่อนคลายในอารมณ์ของหมอ ค่อยๆจับมือออกจากผมตนเอาไปจูบอย่างอ่อนโยน เอ่ยเสียงสะท้านสะเทือนใจว่า

"น้ำหวานรักหมอ น้ำหวานมีแต่หมอคนเดียว อย่าทำแบบนี้กับน้ำหวานอีกนะคะ น้ำหวานกลัว..."

น้ำเสียง น้ำคำ และน้ำตา ตลอดจนรสสัมผัสที่หมอได้รับทำให้หมอใจอ่อนยวบลง เอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า

"หมอขอโทษ...หมอขอโทษ...ขอโทษ..."

หมอกอดกระชับน้ำหวานไว้ ปากก็พร่ำพูดซ้ำๆอยู่ อย่างนั้นด้วยอารมณ์ที่หวงแหนน้ำหวานอย่างที่สุด แต่ตรงกันข้าม! ใบหน้าน้ำหวานที่ไม่อยู่ในสายตาของหมอ กลับเบื่อหน่าย รังเกียจอย่างเป็นที่สุด!

จนเวลาผ่านไป น้ำหวานมองเสื้อผ้าตัวเองที่ถูกกองอยู่ข้างเตียง เธอมองไปรอบห้องไม่เห็นหมอแล้ว ลุกขึ้นคว้าเสื้อผ้าใส่เดินบ่น "โรคจิตขึ้นทุกวัน!!"

หารู้ไม่ว่า หมอลงไปข้างล่างในความคิดยังวนเวียนอยู่แต่เรื่องความสัมพันธ์ของน้ำหวานกับศิลป์แต่ในใจคำรามอยู่แต่ประโยคที่ว่า

"น้ำหวานจะต้องเป็นของฉันคนเดียว!"

พลันสายตาก็เหลือบเห็นโทรศัพท์มือถือของน้ำหวานวางอยู่ หมอเดินมาเปิดดูเบอร์ของ "ผู้กำกับศิลป์" แล้วจดไว้ ก่อนจะวางมือถือ มือหมอบังเอิญไปกดปุ่มไฟล์เห็นคลิปที่น้ำหวานถ่ายในเหตุการณ์ที่หมอไปช่วย เธอที่บ้านจิมมี่

พอเห็นภาพ หมอชาไปทั้งตัว อารมณ์ทั้งโกรธ ทั้งแค้น สับสนไปหมด เพราะมันคือภาพที่หมอกำลังใช้เข็มดูดยาออกจากขวด!

เสียงน้ำหวานเดินลงบันไดมา หมอรีบวางมือถือไว้เดินหลบไปทันที เมื่อเธอลงมาไม่เห็นหมอก็ไปหยิบกระเป๋าและมือถือเตรียมกลับ ฉุกคิดอะไรขึ้นมาอีก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูดอย่างหมายมาดว่า

"ถ้าบ้ากับฉันอีกที ฉันเอาคลิปแกส่งให้ตำรวจแน่!"

พูดแล้วน้ำหวานเดินออกจากบ้านไป หมอจึงค่อยๆ โผล่ออกจากที่ซ่อนด้วยความรู้สึกว่าเวลานี้ ชีวิตของตัวเอง แขวนอยู่บนเส้นด้าย...

ooooooo

หลังจากจิมมี่หายไประยะหนึ่ง เฮียใหญ่เคยถามปยุตรว่าจิมมี่หายไปไหน ปยุตรเสนอว่าเราน่าจะไปแจ้งตำรวจ แต่เฮียท้วงติงว่าเกิดไปแจ้งตำรวจพวกเจ้าหนี้รู้เข้าจิมมี่ตกที่นั่งลำบาก แน่

"ผมว่าเรื่องนี้มันไม่ปกติแล้วนะเฮีย" ปยุตรยังกังวลใจ จนเวลาผ่านไปหลายวัน ปยุตรร้อนใจเข้าไปบอกเฮียใหญ่ว่า "เฮียครับ จิมมี่มันหายไปเลยนะครับ"

เฮียเองก็สงสัยว่าจะหนีหนี้อะไรกันขนาดนี้ ปยุตรจึงเสนอว่าเย็นนี้ตนจะไปดูที่บ้านจิมมี่อีกที เฮียเห็นด้วยแต่ติดปิดเล่มเลยฝากให้เขาเป็นธุระให้ด้วย

เป็นเวลาที่น้ำหวานมองยาที่เคยฉีดให้จิมมี่ เธอมองยาที่พร้อมฉีดในกระเป๋ายายิ้มเหี้ยมพึมพำ


"ถึงเวลาลงโทษแกอีกแล้วสินะ นังจิมมี่!!"

คืนเดียวกันนี้ หมอวาทิศกระวนกระวายใจมาก ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ตนทำกับจิมมี่ คิดถึงคำหลอกล่อของน้ำหวานที่ว่าหมอไม่ได้ทำเองไม่ต้องกลัว แต่เธอถ่ายคลิปไว้ทุกขั้นตอน! หมอก็ทนอยู่ไม่ได้ คว้ากระเป๋ามาจับเสื้อผ้าของใช้จำเป็นยัดใส่ พร่ำพูดอย่างตระหนกควบคุมสติแทบไม่ได้ว่า

"ไม่! ฉันไม่อยากติดคุก ฉันต้องไม่ติดคุก ไม่มีทาง... ไม่...ไม่!!"

ooooooo

ที่บ้านจิมมี่ หน้าบ้านยังมีกระดาษข้อความสั้นๆที่ปยุตรเขียนแปะไว้อยู่ที่เดิม...ภายใน ห้องนอน จิมมี่ปรือตาขึ้นมองผู้มาเยือนงงๆ ก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกแล้วก็ค่อยๆหรี่ตาหลับลง...

ซอยในหมู่บ้านจิมมี่ น้ำหวานขับรถออกจากหน้าบ้านจิมมี่คลาดกันกับปยุตรที่ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาเส้นยาแดงเดียว!
ปยุตรจอดรถมองเข้าไปในบ้านเห็นทั้งบ้านมืดมิด พอเดินเข้าไปก็สะดุดตากับกระดาษโน้ตที่ตัวเองติดเอาไว้แสดงว่ายังไม่มีใคร เข้ามา เขาหยิบมือถือขึ้นกดหาจิมมี่แต่เครื่องก็ยังปิดเหมือนเดิม ลองร้องเรียกก็เงียบ ปยุตรชะงักเมื่อมองไปที่โรงรถ ไม่มีรถจอดอยู่อย่างที่เห็นวันนั้น

ที่ห้องนอนจิมมี่ เจ้าตัวนอนหอบเหมือนจะขาดใจ พยายามพยุงร่างขึ้น แต่ความมึนงงทำให้เขาเซกระแทกเก้าอี้ล้มเสียงดังโครม!

ปยุตรมองขวับขึ้นข้างบนก่อนวิ่งขึ้นไปอย่างเร็ว พอเปิดประตูห้องเข้าไป เขาตกใจมากเมื่อเห็นจิมมี่นอนแน่นิ่งที่พื้นเนื้อตัวบาดเจ็บเลือดกรัง

"จิมมี่..จิมมี่!" จิมมี่ไม่รู้สึกตัวแล้ว ปยุตรตัดสินใจโทร.บอกเฮียใหญ่

หลังจากพาจิมมี่ไปโรงพยาบาลแล้ว รุ่งขึ้นปยุตรถามหมอที่ตรวจอาการอย่างละเอียดว่าจิมมี่เป็นอย่างไรบ้าง หมอ
บอกว่าคนไข้ถูกทำร้ายด้วยของแข็งบริเวณศีรษะและถูกแทงที่ช่องท้องกับต้นขา

"อาการภายนอกผมว่าไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่อาการภายในนี่สิ ผมว่าท่าทางจิมมี่มันแปลกๆนะครับหมอ รู้สึกตัวแต่ไม่พูดไม่จาอะไรเลย" เฮียใหญ่ตั้งข้อสังเกตอย่างห่วงใย

เมื่อหมอบอกว่าอาการภายในคงต้องรอผลจากห้องแล็บก่อน พอหมอออกไปแล้ว เฮียใหญ่ถอนใจอย่างโล่งอกบอกปยุตร ว่าโชคดีที่เขาเข้าไปพบก่อน ไม่อย่างนั้นจิมมี่คงนอนตายคาบ้านแน่ๆ

"ผมว่าคนร้ายไม่น่าจะใช่เจ้าหนี้ เพราะทางตำรวจบอกว่าเจ้าหนี้ไม่ได้มีพิรุธอะไร" ปยุตรนิ่งคิดตั้งข้อสังเกตว่า ตนอยากรู้ว่าจิมมี่โดนทำร้ายตั้งแต่เมื่อไร คาดว่า "บางทีจิมมี่อาจจะโดนทำร้ายตั้งแต่วันที่เราไปหาก็ได้นะครับ เพราะกระดาษโน้ตที่ผมติดไว้มันยังอยู่ที่เดิม"

เฮียใหญ่คิดตามที่ปยุตรตั้งข้อสังเกต ปยุตรบอกว่าทางตำรวจให้เราเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพราะเกรงว่าจะเสียรูป คดี เฮียใหญ่เห็นด้วยเพราะไม่อย่างนั้นคนร้ายจะไหวตัวทัน

ooooooo

ที่ลานจอดรถกองถ่ายยอดยาหยี พีทมาดักพบรมมี่ ถามอย่างตัดพ้อว่าจะหลบหน้าตนไปถึงเมื่อไรรมมี่ปฏิเสธว่าตนไม่ได้หลบหน้า แต่พอพีทบอกว่าถ้าอย่างนั้นเธอต้องกลับบ้านพร้อมกับตน รมมี่ก็ปฏิเสธเพราะติดธุระแต่พูดไม่ให้เสียน้ำใจว่า เอาไว้โทร.คุยก็แล้วกัน แล้วรมมี่ก็ขึ้นรถขับออกไป

ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของน้ำหวาน พอรมมี่ไปแล้ว เธอกรีดกรายออกมาพูดลอยๆให้เข้าหูพีทว่า

"ไอ้ท่าทางแบบนี้เขาเรียกว่า ช่วงหมดโปรโมชั่น ไม่แน่นะบางทียัยรมมี่อาจจะมีเป้าหมายใหม่ก็ได้ใครจะรู้" พีทฟังแล้วฉุนถามว่าพูดอะไร เธอลอยหน้าบอกว่าพูดไปตามที่เห็น

ถ้าอยากรู้ทำไมไม่ตามไปดูให้เห็นกับตาล่ะ อาสาว่าตนจะให้ธุรกิจกองเช็กให้ก็ได้ว่ารมมี่ไปไหนต่อ

"ต้องการอะไร" พีทเสียงกระด้าง

"ก็แค่อยากให้ตาสว่างเฉยๆ ไงเราก็เพื่อนเก่ากันนี่คะคุณพีท"

พีทมองน้ำหวานอย่างชั่งใจ ในที่สุดไปกับเธอ ตามไปเห็นรมมี่นั่งคุยอยู่กับชายหนุ่มหน้าตาดีมาดเท่คนหนึ่งอย่างสนิทสนม ออกรส น้ำหวานยุแหย่ทันทีว่า แบบนี้เขาเรียกว่าถีบหัวส่งกันเห็นๆ

พีทไม่พูดอะไรเขาเดินออกไปอย่างหัวเสีย น้ำหวานยิ้มที่ทุกอย่างลงล็อกเป๊ะยิ่งกว่าที่คิดไว้เสียอีก รีบเดินตามพีทออกไป

ส่วนรมมี่คุยกับชายหนุ่มคนนั้นเสร็จพอดี เธอขอบคุณเขา บอกให้เขามั่นใจว่า

"รมมี่จะไปดูแลตัวเองให้พร้อมเป็นพรีเซนเตอร์อาหารเสริมของพี่นะคะ"

ชายหนุ่มถามว่าได้ยินว่าเธอจะไปเสริมหน้าอกเพื่องานนี้โดยเฉพาะหรือ รมมี่บอกว่าตนเต็มที่อยู่แล้ว เขาขอบคุณมากที่เธอทุ่มเทให้จริงๆ

รมมี่ดีใจที่จะได้งาน แต่หารู้ไม่ว่าเธอกำลังถูกพีทเข้าใจผิดไปเต็มๆแล้ว

ooooooo

เฮียใหญ่ยังเคี่ยวเข็ญให้ปยุตรไปหาข่าวกอสซิปตามผับ ปยุตรบ่นว่าตนไม่ชอบหาข่าวแบบนี้แต่พูดไม่ทันขาดคำก็ชะงัก เมื่อเห็นน้ำหวานประคองพีทออกมาที่รถ เขาตัดสินใจวิ่งกลับมาขี่รถตามไป

แต่ระหว่างทางถูกรถเก๋งวิ่งมาตัดหน้าจนรถเขาเกือบคว่ำ ฝ่ายโน้นลงมาขอโทษแล้วต่างคนต่างไป ทำให้ปยุตรตามรถของน้ำหวานไปไม่ทัน ฉุกคิดอะไรได้เลยตรงไปที่คอนโดฯ ที่น้ำหวานอยู่ เข้าไปพบรีเซปชั่นบอกว่าขอพบน้ำหวาน ได้รับคำตอบว่าเธอยังไม่กลับ

ที่แท้น้ำหวานพาพีทไปที่คอนโดฯของเขา พาไปนอน ที่โซฟาหาผ้ามาเช็ดหน้าให้ พีทในสภาพเมาลุกขึ้นมาโวยวายวิ่งออกไปที่ระเบียง น้ำหวานวิ่งตามไปจับตัวไว้ เขาพร่ำเพ้อ

ตัดพ้อต่อว่ารมมี่ ว่าทำไมทำกับตนอย่างนี้

"ไม่เอาน่าคุณพีท เรื่องแค่นี้เองนะ" น้ำหวานปลอบ

"คุณไม่เป็นผม คุณไม่เข้าใจหรอก ผมรักเขา คุณได้ยิน ไหมว่าผมรักรมมี่"

น้ำหวานเบ้ปากอย่างหมั่นไส้พูดเบาๆว่ารักกันเสียจริงเดี๋ยวเถอะตนจะทำให้สอง คนเกลียดกันจนมองหน้าไม่ติดเลย แล้วปรับสีหน้าทำมารยาโผเข้ากอดพีท กระซิบบอกเขาว่า "

ใครไม่รักคุณแต่น้ำหวานรักคุณนะคุณพีท..." แล้วโลมเล้าลูบไล้ไปตามตัวพีทจนเขายั้งใจไม่อยู่ระดมจูบอย่างร้อนแรง
ที่กล้องวงจรปิดซึ่งติดที่มุมตึก บันทึกภาพของทั้งสองคนไว้ทุกลีลา...

ooooooo

ปยุตรตรงไปที่คอนโดฯของพีท เอาบัตรนักข่าวให้พนักงานดูบอกว่าตนนัดสัมภาษณ์พีทไว้ พนักงานถามงงๆว่านัดสัมภาษณ์กันตอนตี 2 นี่หรือ ปยุตรทำเป็นยิ้มแหยๆตอบรับว่าใช่ ทำให้เขาได้ขึ้นไปที่คอนโดฯ ตรงไปที่ห้องของพีท
พีทตื่นขึ้นมาพบน้ำหวานนอนอยู่ข้างๆ เขาตกใจถามว่ามาได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้น น้ำหวานตอบหน้าชื่นว่า เมื่อคืนเรานอนด้วยกัน พีทลุกพรวดจับน้ำหวานใส่เสื้อผ้าจะลากออกไปนอกห้อง

พอดีปยุตรมาเคาะประตูเรียก พอเปิดประตูเห็นกันต่างฝ่ายต่างช็อก น้ำหวานฟ้องทันทีว่า พีทพาตนมาที่ห้องแล้วปล้ำตน ปยุตรรู้ทันบอกว่าให้เธอกลับบ้านไปดีกว่า น้ำหวานไม่ยอม เรียกร้องให้พีทต้องรับผิดชอบตน พีทปฏิเสธว่าตนไม่ได้ทำอะไร ปยุตรตัดบทว่าตอนนี้กลับไปก่อนเรื่องนั้นไว้ค่อยคุยกันทีหลัง

แต่น้ำหวานไม่ยอมกลับท่าเดียว เลยยื้อยุดกันจนปยุตรลากน้ำหวานออกจากห้องไปได้ เธอยังแผลงฤทธิ์ตลอดทางจนมีคนห้องอื่นออกมาแอบดู และก็มีมือดีคนหนึ่งถ่ายคลิปไว้ เป็นภาพน้ำหวานกับปยุตรกำลังยื้อกันนัวเนีย

อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว ตอนที่ 15
ที่มา ไทยรัฐ