อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว ตอนที่ 7

อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว ตอนที่ 7
เพราะน้ำหวานมีข้อแม้ว่าถ้าจะให้เล่นฉากเลิฟซีน ต้องกอดปล้ำกับพระเอกก็ต้องมีหมอนข้างคั่นกลาง เลยกลายเป็นฉากเลิฟซีนที่ดูตลกน่าสมเพชมากกว่า

ผู้กำกับเห็นแล้วอารมณ์เสียสุดขีดแผดเสียงลั่น

"แอร๊ยยยยย ตูอยากตาย ไม่ต้องเลิฟซงเลิฟซีนมันแล้ว ใช้มุกโบราณมันนี่แหละ พีทเอาผ้าห่มคลุมตัวเองกับน้ำหวานแล้วแพนกล้องไปที่หัวเตียง จบ!"

ทุกคนรับคำ อึดใจเดียวพีทกับน้ำหวานก็อยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน ใต้ผ้าห่มพีททำท่าปลุกปล้ำน้ำหวานอย่างเมามันแต่ความจริงพีทไม่ได้ถูกต้อง เนื้อตัวน้ำหวานเลย

ผู้กำกับมองดูผ้าห่มที่ขยับอย่างไร้ศิลปะก็อารมณ์เสียระเบิดเสียง "โอ๊ยยย...เซ็งเป็ดโว้ย"

แต่หารู้ไม่ว่าใต้ผ้าห่มนั้น น้ำหวานนอนมองพีทตาเยิ้ม

ก่อนที่จะใช้เท้าแตะไปที่เท้าพีทแล้วค่อยๆไล้เท้าขึ้นมาหน้าแข้งวนไปมาอย่างยั่วยวน

พีทมองน้ำหวานตาวาว...ยิ้มที่มุมปากอย่างรู้กัน...

ดังนั้น...คืนนี้ ที่สระน้ำคอนโดฯที่พีทอยู่จึงมีบทเลิฟซีนกันในสระนอกบทกันอย่างร้อนแรง เมามัน ระหว่างนั้นโทรศัพท์ มือถือของน้ำหวานดังขึ้น เธอไม่รับสายเพราะไม่อยากเสียอารมณ์ ที่กำลังติดพันแต่โทรศัพท์ก็ดังไม่ยอมหยุด จนพีทบอกว่าทางโน้นคงมีเรื่องอยากคุยกับเธอให้ไปรับก่อนดีกว่า

"ใครกัน! กวนใจซะจริง!!" น้ำหวานจำใจโผจากพีทขึ้นมาคว้ามือถือขึ้นดูบ่น "ไม่เห็นรู้จัก"

พอรับสาย ปลายสายคือจิมมี่นั่นเอง เขาไม่เผยตัวแต่พูดขู่ๆว่า "ผมมีเรื่องจะบอก อย่าเพิ่งวางสายนะคุณน้ำหวาน

ผมแค่จะบอกคุณว่า ตอนนี้ในมือผมมีรูปเลิฟซีนที่เร่าร้อนระหว่างคุณกับหมอวาทิศ ไม่รู้ว่าคุณสนใจหรือเปล่า"

น้ำหวานตกใจหน้าซีดเผือด พีทสังเกตอยู่เขามองอย่างสนใจ

ooooooo

กลับถึงบ้าน น้ำหวานเล่าให้พริมาและพฤกษ์ฟังพริมาถามว่าจริงหรือเปล่า น้ำหวานบอกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าจริงหรือเปล่า พอพฤกษ์ถามว่ามันจริงใช่ไหม น้ำหวาน หันไปแว้ดใส่พ่อทันทีว่า

"พ่อก็...เรื่องแบบนี้ของหนุ่มสาวมันเป็นเรื่องปกติ คนที่แอบถ่ายต่างหากที่มันไม่ปกติ"

ปัญหาจึงมีว่า ทางเราจะหาทางทำลายรูปนั้นอย่างไร

น้ำหวานบอกว่ามันเรียกสามแสน พริมาโวยวายว่ามันขู่กันชัดๆ พฤกษ์เสนอให้แจ้งตำรวจ น้ำหวานเอ็ดพ่อว่า

"ขืนแจ้งตำรวจ คนเขาก็รู้กันหมดสิคะว่าเป็นน้ำหวานจริงๆ" พริมาถามว่าแล้วจะยอมเสียเงินหรือ น้ำหวานเบ้หน้า "น้ำหวานไม่ให้หรอกค่ะ"

พฤกษ์กลัวน้ำหวานจะงานหายเงินหด น้ำหวานปลอบใจ ว่าไม่เป็นไร มันอาจจะแค่ขู่ก็ได้เพราะข่าวก็ยังไม่มี ในเน็ตก็ยังไม่มี แต่ทันใดก็มีเสียงสัญญาณคอมพิวเตอร์เตือนว่ามีเมล์เข้า น้ำหวานรีบไปเปิดดู

แล้วทั้งสามก็ตะลึงงันเมื่อเห็นรูปน้ำหวานนัวเนียกับวาทิศในสระน้ำ!

หลังจากหายตะลึงพริมาถามว่าน้ำหวานจะแก้ปัญหาอย่างไรคงต้องจ่ายสามแสนใช่ไหม ก็พอดีมือถือน้ำหวานดังขึ้น เป็นสายจากจิมมี่นั่นเอง

น้ำหวานตวาดไปว่าตนไม่ยอมจ่ายแม้แต่บาทเดียว จิมมี่ขู่ว่าถ้าอย่างนั้นก็รอดูภาพเธอกับผัวตามแผงหนังสือก็แล้วกัน ทั้งที่ตกใจแต่น้ำหวานก็ยังทำปากกล้าท้าทายไปว่า "ดี!! ฉันจะได้ยิ่งดัง"

สามพ่อแม่ลูกเกือบทะเลาะกันว่าจะยอมจ่ายหรือไม่ ถ้าไม่ก็มีหวังดับ น้ำหวานกลัวแต่ก็ยังทิฐิบอกพ่อกับแม่ว่าตนไม่ชอบให้ใครมาขู่เพราะถ้ารู้ว่า เรากลัวมันก็จะยิ่งได้ใจเรียกร้องจากเรามากขึ้น สุดท้ายเสียงแข็งว่า

"หวานจะยืนกรานเป็นกระต่ายขาเดียวเท่านั้นว่ามันไม่จริง อยากรู้เหมือนกันว่าใครมันจะทำอะไรหวานได้!"

ส่วนจิมมี่เมื่อยังไม่ได้รับคำตอบที่พอใจก็ฮึดฮัดคำรามว่า "รู้จักฉันน้อยไป นังน้ำหวาน" พลางฮึดฮัดเดินผ่านเฮียใหญ่ไป เฮียถามว่าเสียบอลอีกรึไง ถูกตวาดว่า "เรื่องของผม"

"เออ...เรื่องของแก แต่มันเกี่ยวกับงานของฉัน งานที่ให้ ทำน่ะเสร็จรึยัง"

จิมมี่ไม่ตอบ เฮียใหญ่บ่นว่าก็เป็นเสียอย่างนี้แล้วจะเจริญได้ยังไง กลับถูกพูดอย่างท้าทายว่า

"ไม่ต้องมาบ่นผมนะเฮีย ผมมีเงินเมื่อไหร่ ผมไม่อยู่ให้เฮียด่าแน่" พูดแล้วเดินหัวเสียไป

"ฉันด่ามันตรงไหน...ไปกันใหญ่แล้วไอ้นี่" เฮียใหญ่ส่ายหน้าบ่นงึมงำ งงๆ

ooooooo

ปยุตรพาเหมยมาแวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง เขาหยอกเหมยขำๆ ว่าต่อไปเธอคงนั่งกินข้างทางแบบนี้ไม่ได้แล้ว เหมยถามว่าทำไมไม่ได้

"ก็มันอยู่ข้างถนน อีกอย่างขืนมานั่งกินกับผมเดี๋ยวก็เป็นข่าว" เหมยทำหน้าทะเล้นบอกว่าดีสิจะได้ดัง ปยุตรแกล้งทำหน้าจ๋อยๆ บอกว่า "แต่เป็นข่าวกับนักข่าวกระจอกอย่างผมไม่ดังหรอก"

เหมยเลยหยุดหัวเราะบอกว่าตนไม่อยากดังเพราะข่าวหรอก อยางดังเพราะความสามารถ อยากเป็นนักแสดงที่ดี ปยุตรบอกว่าจะเอาใจช่วย แต่ที่สำคัญเธอต้องจำคำพูดของตัวเองวันนี้ไว้ให้ดี ไม่ใช่พอดังขึ้นมาก็...เขาพูดถึงตรงนี้ เหมยก็แทรกขึ้นว่า "ลืมตัว"

ทั้งสองคุยกันถึงพวกดาราดังบางคนที่พอดัง ได้ทุกอย่างแล้วก็ลืมหมดว่าตัวเองเคยพูดไว้ว่ายังไง เหมยรับรองว่าตนไม่เป็นอย่างนั้นท้าให้คอยดูก็แล้วกัน

"เออ...จะคอยดู แล้วก็คอยเอาใจช่วยขอให้คุณดังๆ ไม่หวังอะไรมากหรอก ขอแค่...สัมภาษณ์ง่ายหน่อยก็แล้วกัน ไม่ใช่อะไรๆ ก็ไม่ว่าง...ไม่ว่าง..."

"เหน็บฉันตั้งแต่ยังไม่เป็นดารา สงสัยจะเก็บกดมากเลยนะคุณเนี่ย" เหมยหยอก

"ผมก็แค่เตือนไว้ ไม่มีใครตั้งใจที่จะลืมตัวหรอก แต่พอลืมตัวขึ้นมาจริงๆ มันก็จะทำร้ายคนรอบข้าง ด้วยการ 'ลืม' นึกถึงใจคนเหล่านั้นไง" ปยุตรพูดจริงจังเสียจนเหมยเถียงไม่ออก

ooooooo

ไม่เพียงปยุตรจะคุยกับเหมยเรื่องนี้ แม้แต่ที่ร้านขายของของแม่กุ้ง ป้าผ่องและบรรดาเพื่อนแม่ค้าพ่อขายทั้งหลายก็พูดถึงเรื่องนี้ แม่กุ้งเห็นด้วยกับคำพูดของปยุตรพูดนิ่มๆว่า

"มันก็จริงอย่างที่ปยุตรว่านะเหมย คนรวย คนดัง ชอบทำอะไรไม่นึกถึงใจคนอื่น"

ป้าผ่องผสมโรงว่าบางคนเอาแต่ใจตัวไม่สนใจคนอื่นที่มายืนรอซื้อของก่อน เตือนเหมยว่าดังแล้วอย่าเป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน เหมยก็ยังรับรองจริงจังกับทุกคนว่าไม่เป็นหรอก ส่วนกันต์ถามว่าต่อไปเหมยจะมายืนขายกล้วยทอดอย่างนี้อีกหรือเปล่า

"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ พี่ก็เป็นพี่คนเดิม" เหมยบอกกันต์ แม่กุ้งแซวยิ้มๆว่า แต่อาจจะไม่เหมือนเดิม

สุดท้ายเหมยต้องย้ำแล้วย้ำอีกว่าตนจะเหมือนเดิม ไม่ว่าจะดังแค่ไหนรวยแค่ไหน เหมยคนนี้ก็จะเป็นเหมยคนเดิม

"ผมเชื่อ" ไม้พูดขึ้น เหมยดึงไม้เข้าไปกอดขอบใจน้องชาย

แต้วที่แอบชอบไม้อยู่ถือช่อดอกไม้เข้ามาจะแสดงความยินดีกับเหมย เห็นภาพนั้นถึงกับดอกไม้หลุดจากมือ จากนั้นเลี่ยงไปนั่งเศร้าที่สะพานหน้าบ้านเช่า จนไม้ตามไปเจอถามว่าทำไมไม่เอาดอกไม้ไปให้เหมย แต้วตอบประชดแกมน้อยใจว่า "เข้าไม่ถึงตัว"

แต้วพูดอย่างน้อยใจที่ใครๆก็ชื่นชมเหมยเห็นเหมยดีไปหมดทุกอย่าง ไม้มองหน้าแต้วพูดขำๆว่าอิจฉาเหมยหรือ แต้วยอมรับว่าใช่ เพราะใครๆก็ชื่นชมเหมยแต่ไม่มีใครเห็นหัวตนเลย

ความน้อยใจทำให้แต้ววิ่งหนีจากไม้ไป ไม้เป็นห่วงวิ่งตามไปดึงแต้วไว้ถามว่าเป็นอะไร

"พี่เหมยไม่ใช่พี่ของแต้ว! พวกเราสี่คนไม่มีใครเป็นพี่น้องใครทั้งนั้น เป็นแค่เด็กที่ถูกแม่กุ้งเก็บมาเลี้ยง แต้วเองก็ไม่อยากจะคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะโชคร้ายขนาดนี้ ถูกแม่ ทิ้งมาตั้งแต่แบเบาะ พอโตขึ้นมาก็ไม่มีใครสนใจอีก ทุกคนในบ้านมีแต่รัก ชื่นชมพี่เหมย อะไรๆก็เหมยๆๆ ได้ยินไหมว่าแต้วไม่อยากได้ยินชื่อเหมย"

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!" ไม้ตะคอก กระชากแต้วอย่างแรงเตือนว่า "มีสติหน่อยนะแต้ว พี่เหมยทำทุกอย่างเพราะพวกเราทุกคน"

แต้วเถียงว่าไม่ใช่ เหมยอยากดังอยากเป็นดารา เหมย ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองทั้งนั้น ไม้เสียงดังไปด้วยความโกรธจัดว่า "มีแต่แต้วเท่านั้นล่ะที่คิดแบบนี้"

"เห็นไหม...แม้แต่ไม้ก็ยังรัก ยังเข้าใจแต่พี่เหมย ไม่เคยเข้าใจแต้วเลย" พูดแล้วสะบัดหลุดวิ่งออกไป ไม้เป็นห่วง รีบวิ่งตามไป

ทั้งคู่วิ่งไล่กันมาเต็มแรง ไม่ทันดูรถของนักท่องเที่ยวที่ขับมา ไม้ตะโกนสุดเสียง "แต้วระวัง!" แล้วกระโจนเข้าคว้าตัวแต้วเหวี่ยงออกไปเต็มแรง แต่ตัวไม้เองกลับบาดเจ็บสาหัส!

เมื่อตำรวจมาสอบปากคำ แต้วยืนหน้าซีดไม่กล้าพูดความผิดของตัวเอง...

ooooooo

แต้วร้องไห้อย่างหนักด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้ ไม้ต้องบาดเจ็บสาหัส เหมยเข้าไปปลอบใจบอกแต้วว่าตนจะไม่ให้ไม้เป็นอะไรเด็ดขาด จะให้หมอรักษาไม้สุดความสามารถ ค่ารักษาพยาบาลเท่าไรก็จะยอม บอกแต้วว่า จะลองไปคุยกับคุณพิมลขอเบิกค่าตัวมาก่อนท่านคงจะให้

ความเสียสละของเหมยนี้เอง ทำให้แต้วเข้าใจเหมยมากขึ้น โผเข้ากอดเหมยร้องไห้โฮๆ บอกแต่ว่า แต้วขอโทษ...แต้วขอโทษ เหมยได้แต่กอดแต้วไว้งงๆ ว่าขอโทษเรื่องอะไร

ไม่นานนักปยุตรที่ได้ข่าวว่ามีอุบัติเหตุกับคนที่อยู่แถวแผงขายของของแม่กุ้งก็รีบไปที่โรงพยาบาล กลัวว่าจะเป็นเหมย พอรู้ว่าเป็นไม้เขาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เหมยบอกว่าเลือดคั่งในสมองตอนนี้กำลังผ่าตัดอยู่

"คุณอย่าคิดมากนะ เดี๋ยวจะเสียงาน ผมได้ข่าวมาว่าอาทิตย์หน้าจะมีการฟิตติ้งละครเรื่องแรมพิศวาส ถ้าคุณไม่มีสมาธิเดี๋ยวงานออกมาไม่ดี วันนั้นนักข่าวยิ่งเยอะอยู่ด้วย"

เหมยพยักหน้ามองหน้าเขายิ้มๆบอกว่า "ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะทำทุกอย่างให้เต็มที่ ไม่มีทางปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปเด็ดขาด"

ooooooo

ข่าวเรื่องเหมยจะได้เล่นละครเป็นกลีบผกาลือสะพัดไปทั่ว ระหว่างที่ปุ๊โกะกับฟรุตตี้ที่เป็นช่างแต่งหน้า แต่งผมกำลังคุยกันสนุกสนานอยู่นั้น น้ำหวานเข้ามาพอรู้ว่าเหมยจะได้เล่นละครเรื่องแรมพิศวาสก็เบ้ปากพูดอย่างดูถูกว่า "ตัวประกอบนั่นคงได้เล่นเป็นนังเจิม คนใช้ในบ้านใช่ไหมคะ"

แต่ไม่ทันข้ามวัน น้ำหวานกับมดแดงก็ไปหาคุณพิงค์ที่สถานีแล้ว มดแดงเป็นคนเอ่ยปากกับคุณพิงค์ว่าน้ำหวานอยากเล่นเป็นกลีบผกา พอมดแดงกรุยทางให้ น้ำหวานก็อ้อนว่าตนอยากพลิกบทบาทดูบ้าง

"เธอเคยเล่นเป็นแต่นางเอก วันๆถูกกลั่นแกล้งนั่งร้องไห้ตลอด แต่กลีบผกาบทมันร้ายมาก ต้องเล่นตั้งแต่สาวยันแก่ มีสามีตั้งสี่ซ้าห้าคน คนดูจะไม่เชื่อเอาน่ะซิ " คุณพิงค์ท้วงติง

ทั้งน้ำหวานและมดแดงช่วยกันหว่านล้อมออดอ้อน กระทั่งน้ำหวานลองลุกขึ้นเล่นบทกลีบผกาให้คุณพิงค์ดูจนคุณพิงค์อึ้งเพราะเล่นได้เหมือนมาก แต่ก็ตัดสินใจไม่ได้เพราะได้ให้คุณพิมลเป็นคนทำไปแล้วและทางโน้นก็มีนางเอกของเขาแล้วด้วย

"คุณพิมลบารมีไม่เท่าพี่ต้อมหรอกค่ะ ถ้าเรื่องนี้พี่ต้อม เป็นผู้จัดแล้วมีน้องน้ำหวานเป็นกลีบผกา รับรองดังเปรี้ยงปร้าง เรตติ้งกระฉูดดดด" มดแดงลุ้นเต็มที่ น้ำหวานเองก็สัญญาว่าจะเล่นให้สุดความสามารถ

"ไว้ฉันประชุมบอร์ดก่อนแล้วกัน" คุณพิงค์แบ่งรับแบ่งสู้

"ถ้าคุณพิงค์ออกปาก คณะกรรมการต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอนค่ะ" น้ำหวานประจบเต็มที่

หลังจากประชุมบอร์ดแล้ว คุณพิงค์ฟังเหตุผลทั้งฝ่ายเห็นด้วยให้น้ำหวานเล่นเป็นกลีบผกาและฝ่ายที่อยากให้ลองนางเอกใหม่ คุณพิงค์บอกแก่ที่ประชุมก่อนปิดประชุมว่า

"แต่ยังไงก็ตามแรมพิศวาสจะแป้กไม่ได้ เราต้องทำให้เปรี้ยงให้ได้"

ooooooo

ที่บริษัทพิมล บรรดานักแสดงมากันพร้อมหน้าแต่งผมแต่งหน้าเตรียมฟิตติ้งกันเต็มที่

ขณะบรรยากาศกำลังคึกคักนั้น ทีมงานก็เอาโทรศัพท์ มาบอกคุณพิมลว่าสายจากคุณพิงค์ คุณพิมลรับโทรศัพท์คาดว่าคุณพิงค์คงจะอยากรู้ว่าฟิตติ้งเป็นยังไง ว่าแล้วเดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์

กลายเป็นว่าคุณพิงค์โทร.มาให้น้ำหวานเล่นเป็นกลีบผกา ทำเอาคุณพิมลอึ้งสนิท

รมมี่แสดงความยินดีกับเหมยว่าคราวนี้เหมยเกิดแน่ๆเหมยเองตื่นเต้นดีใจมาก เห็นคุณพิมลเข้ามาหน้าเศร้าๆ

เหมยถามว่ามีอะไรหรือเปล่า

ทันใดนั้นเอง น้ำหวานกรีดกรายเข้ามายกมือไหว้กราดทุกคนทักเสียงใส "สวัสดีค่าพี่ๆ"

บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีเมื่อน้ำหวานบอกว่ามาฟิตติ้งเป็นกลีบผกา เหมยหน้าซีดเผือด แต่รมมี่หน้าตึงเถียงว่าพูดอะไรเพ้อเจ้อ ก็เห็นอยู่ว่าเหมยเล่นเป็นกลีบผกา

"อ๊าว..แต่ทางช่องบอกให้น้ำหวานมาฟิตติ้งเป็นกลีบผกานี่คะ ใช่ไหมคะมี้.." น้ำหวานหันไปทำหน้าซื่อถามคุณพิมล ทุกคนมองขวับเป็นตาเดียวกัน

รมมี่ร้อนใจเข้าไปถามว่าจริงหรือ พอได้รับคำตอบจากคุณพิมลว่าคุณพิงค์เพิ่งโทร.มาบอกเดี๋ยวนี้เอง ฟังแล้วเหมยน้ำตาร่วงทันที รมมี่ตาขวางเชื่อว่าต้องเป็นฝีมือน้ำหวานแน่ๆเพราะพอคุณพิงค์โทร.มาปุ๊บน้ำหวานก็โผล่มาปั๊บ มองหาน้ำหวานไม่เห็น รมมี่พรวดพราดออกไปจนเหมยตกใจร้องห้ามพลางวิ่งตามออกไปพร้อมกับคุณพิมล

รมมี่วิ่งออกไปร้องถามเสียงดังลั่นว่าน้ำหวานอยู่ไหน พวกนักข่าวที่มาออกันอยู่หันมอง รู้ทันทีว่าเดี๋ยวได้ข่าวเด็ดแน่ พากันกดชัตเตอร์ถี่ยิบ ปยุตรมองดูอยู่อย่างเป็นห่วง

คุณพิมลออกมากันนักข่าวไว้ขอร้องว่าวันนี้มี้มีธุระต้องเคลียร์ให้กลับกันไปก่อน ปยุตรร้อนใจถามว่ามีการเปลี่ยนตัวกลีบผกาจริงหรือ มดแดงเสนอหน้าตอบแทนว่าจริง ทางช่องสั่งตรงมาว่าให้น้ำหวานเป็นกลีบผกา

"มดแดง" คุณพิมลถลึงตาใส่ไม่อยากให้ข่าวหลุดไปก่อน ทำให้พวกนักข่าวยิ่งอยากรู้ถามกันให้แซดว่าจริงหรือ คุณพิมลเลยตัดบทว่า "เอาไว้เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยเมื่อไหร่ มี้จะบอก แต่ตอนนี้มี้ขอร้องกลับไปก่อนนะ..นะ..มี้ขอร้อง"

ปยุตรเดาได้ว่าเป็นเรื่องจริง เขามองหน้าเหมยอย่างเป็นห่วง เหมยพยักหน้าแบบว่ายังไหว ส่วนพวกนักข่าวคนอื่นๆก็ค่อยๆทยอยกันออกไปด้วยความเกรงใจคุณพิมล

แต่ทันใดทุกคนก็ชะงักเมื่อรมมี่ตวาดถามเสียงดังว่าน้ำหวานอยู่ไหน! พลันเสียงน้ำหวานก็หวานเจี๊ยบออกมาว่า "น้ำหวานอยู่นี่ มีอะไรจ๊ะรมมี่"

น้ำหวานออกมาในชุดกลีบผกาทั้งเสื้อผ้าหน้าผม เดินออกมาอย่างรู้คิวว่ามีนักข่าวรออยู่

รมมี่ปราดเข้าไปต่อว่าน้ำหวานว่าตั้งใจแย่งบทของเหมย น้ำหวานทำหน้าซื่อบ้องแบ๊วท่าทางกลัวๆกับสีหน้าดุดันของรมมี่ ถามว่ารมมี่พูดอะไร พอถูกรมมี่ยันว่ากินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ น้ำหวานก็ทำปากถามแบบไม่มีเสียงว่า

"แล้วจะทำไม" แล้วพูดเสียงประหม่าตกใจให้ทุกคนได้ยินว่า "น้ำหวานงงจริงๆ รมมี่พูดเรื่องอะไร"

น้ำหวานยิ่งทำท่าแอ๊บแบ๊วรมมี่ก็ยิ่งหมั่นไส้ประกาศจะกระชากหน้ากากน้ำหวานออกมาเอง แล้วพุ่งเข้าไปหาน้ำหวาน เหมยรีบดึงไว้ จังหวะชุลมุนนั่นเองน้ำหวานล้มลงเลยได้ทีร้องเสียงดังราวกับถูกใครเชือด มดแดงเข้าไปโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่ ทำให้รมมี่ยิ่งโมโหจะเข้าไปหาน้ำหวานอีก จนเหมยกับคุณพิมลร้องห้ามเสียงดัง "อย่า รมมี่ อย่า!" พลันร่างน้ำหวานก็ถูกดึงออกไป

คนที่เข้าไปดึงตัวน้ำหวานออกมาจากรมมี่คือพีทนั่นเอง น้ำหวานโผกอดพีทร้องไห้อย่างตระหนกให้เขาช่วยด้วย รมมี่ทนไม่ไหวชี้หน้าด่าเสียงดังให้เลิกทำหน้าตาแอ๊บแบ๊วเสียทีมันทุเรศ ย้ำว่า

"ฉันไม่เชื่อว่าคุณพิงค์จะปัญญาอ่อนถึงขนาดนั้น เปลี่ยนใจไปมายังกับสั่งก๋วยเตี๋ยว"

"คุณรมมี่ คุณจะรักเพื่อนยังไงก็กรุณาให้เกียรติคุณพิงค์บ้าง ท่านเป็นเจ้านายคุณ ไม่ใช่คนที่คุณจะมาจิกเล่นได้แบบนี้"

รมมี่ย้อนถามว่าแล้วทำไมเจ้านายไม่ยุติธรรม พีทปกป้องป้าตัวเองว่าตนเชื่อว่าท่านมีเหตุผล

"เหตุผลบ้องตื้นน่ะสิ ถึงได้เชื่อคำพูดของคนสตรอเบอร์รี่ตอหลดตอแหลอย่างยัยน้ำหวาน ฉันเชื่อว่าเรื่องนี้มันต้องมีเบื้องหลัง ไม่อย่างนั้นคุณพิงค์ไม่เปลี่ยนนักแสดงสายฟ้าฟาดอย่างนี้หรอก" รมมี่พูดอย่างไม่แยแสกับอะไรทั้งสิ้น จ้องตาพีทอย่างท้าทาย

เหมยหน้าซีดเสียใจที่พลาดโอกาสในชีวิต น้ำหวานแอบยิ้มสะใจ เพราะเพียงแค่เอาชนะเหมยได้เท่านั้นเธอก็พอใจแล้ว

ooooooo

พีทเองก็เห็นใจเหมย ไปถามคุณพิงค์ว่าทำไมถึงได้เปลี่ยนแปลงนางเอกกะทันหัน คุณพิงค์พูดอย่างใจเย็นสบายๆว่า เพราะน้ำหวานอยากเล่น เธอมาขอร้องด้วยตัวเอง แล้วสาธยายเหตุผลว่า

ที่ผ่านมาน้ำหวานก็เป็นคนดี มีผลงานให้ช่องเยอะ บอร์ดเองก็เห็นด้วยที่จะให้น้ำหวานเปลี่ยนคาแรกเตอร์ดูบ้าง เอเจนซี่ก็ตอบรับน้ำหวานอย่างดี และพอสรุปว่าให้เปลี่ยนเป็นน้ำหวานมารับบทกลีบผกา ยอดจองโฆษณาก็เต็มทันที

"แต่เหมยเสียใจมากเลยนะครับ" พีทยังอดสงสารเหมยไม่ได้

"ไม่ต้องห่วง ป้าตั้งใจจะปั้นนางเอกใหม่อยู่แล้ว ไม่ลงเรื่องนี้ก็ลงเรื่องใหม่ได้ สถานีเราปีๆหนึ่งทำละครเยอะจะตายจะกลัวไปทำไม"

คุณพิงค์พูดสบายๆด้วยเหตุผลที่เป็นผลประโยชน์ของช่อง แต่พีทฟังแล้วก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี

ฝ่ายรมมี่แม้การเปลี่ยนตัวแสดงจะไม่กระทบอะไรกับตน แต่เธอก็ไม่พอใจมากที่ทำให้เหมยพลาดโอกาส ที่สำคัญมันเป็นการกระทำของน้ำหวานด้วย เธอกลับไปบ่นกับอำภาผู้เป็นแม่อย่างไม่หายโมโห

อำภาคาดว่าอาจเป็นคำสั่งของคุณพิงค์ก็ได้ น้ำหวานคงไม่รู้เรื่อง รมมี่ยังมั่นใจว่าเป็นฝีมือน้ำหวาน จนอำภาเตือนว่าใครจะโดนถอดก็ช่างไม่ใช่ตัวเองจะไปโวยวายทำไม ขู่ว่า

"เดี๋ยวเถอะ ถ้าคุณพิงค์หมั่นไส้ขึ้นมาสั่งเปลี่ยนตัวแกจะหนาว" แต่รมมี่ไม่แยแสบอกแม่ว่าดีจะได้หาเรื่องย้ายช่องเสียเลย พูดไม่ทันขาดคำก็ถูกอำภาตีปากเพียะปรามว่า "อย่าคิดนะว่าตัวเองเด่น ตัวเองดังแล้วจะผยอง ยังไงคุณพิงค์ ก็เป็นคนมีพระคุณ เป็นคนให้โอกาส คนลืมตัววัวลืมตีน แม่เห็นมานักต่อนักแล้วว่าไปไม่รอด"

เสียงกริ่งประตูดังขึ้น รมมี่บ่น "ใครมาตอนนี้ ยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย" แต่พอลุกขึ้นมองออกไปก็อุทานตาค้าง "คุณพีท!"

ooooooo

พอออกไปพบกัน รมมี่ถามเสียงเขียวว่ามาทำไม พีทตอบสั้นๆห้วนๆว่า "มาขอโทษ" รมมี่ถามว่าคงรู้ แล้วใช่ไหมว่าเรื่องที่ตนพูดเป็นความจริงที่ว่าน้ำหวานตั้งใจแย่งบทของเหมย

"ผมมาขอโทษคุณ ส่วนใครจะแย่งบทใครก็ช่างเขาเถอะ" และเชื่อว่าถ้าเหมยมีฝีมือจริงๆ เล่นอะไรก็ต้องเกิด ครั้นรมมี่ บอกว่าทำแบบนี้น้ำหวานอยากดังคนเดียว เขาดักคอว่า "อ้อ! สรุปว่าคุณอิจฉากลัวน้ำหวานจะดังขึ้นมาอีก"

รมมี่หงุดหงิด รู้สึกว่าถูกพีทกวนประสาทไล่เขาให้กลับไปเลยถ้าจะมาหาเรื่อง ไม่ไล่เปล่ายังผลักอีกด้วย ไปผลักๆดันๆกันอยู่ใกล้สระน้ำ เลยเสียหลักตกน้ำไปทั้งคู่ รมมี่ ตะโกนขอความช่วยเหลือ พีทจึงรู้ว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น รีบว่ายไปคว้าตัวเธอช่วยพยุงไว้ พูดขำๆว่าว่ายน้ำไม่เป็นยังอยากทำสระน้ำไว้ในบ้านอีก คนอะไรสร้างภาพจริงๆเลย

ทั้งคู่ลงไปทะเลาะกันในสระน้ำต่อ รมมี่โมโหกดพีทจมน้ำ พอพีททะลึ่งขึ้นมาได้ก็จับรมมี่กดน้ำบ้าง นัวเนียกันจนรมมี่หลุดเข้าไปในอ้อมอกของพีท หน้ากับหน้าเกือบแนบชิดกัน ต่างก็ชะงักกึก

อำภาเดินออกมาดูเห็นเข้าพอดี ทั้งสองต่างผละจากกัน รมมี่ที่ก๋ากั่นหน้าเป็นดุดันตลอดเวลากลับเขินขึ้นมาเสียงั้น พีทมองอย่างแปลกตาและเอ็นดู ส่วนอำภาเห็นภาพลูกสาวกับพีทแล้วพึมพำยิ้มพอใจ

"มันชักจะยังไงๆเสียแล้วเนี่ย"

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น ไทยนิวส์ก็พาดหัวข่าวบันเทิงสะดุด ตาว่า

"ดาราใหม่ซดแห้ว ช่องสั่งสายฟ้าฟาด ให้น้ำหวานเป็นกลีบผกา"

เหมยดูแล้วน้ำตาร่วง วางหนังสือพิมพ์แล้วเดินไปหยิบเผือกมันมาเตรียมหั่นพยายามเข้มแข็ง แต่แม่กุ้งก็เห็น ปลอบใจว่า "อย่าคิดมากเลยนะเหมย วาสนาเราคงไม่ได้เป็นดารา"

"เหมยไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกแม่ เหมยแค่อยากหาเงินเยอะๆมารักษาไม้"

ส่วนแต้วไปเฝ้าไม้อยู่ที่โรงพยาบาล ความรักความห่วงใยทำให้แต้วจับตัวไม้เขย่าจะให้รู้สึกตัว จนพยาบาลเข้ามาเห็นตกใจรีบคว้าแต้วไว้ไม่ให้รบกวนเพราะคนป่วยต้องการพักผ่อน

แต้วกรีดร้องจะให้ไม้ฟื้นขึ้นมาอีก พยาบาลจึงต้องช่วยกันพาตัวเธอออกไป คนหนึ่งพึมพำว่า

"ไม่เห็นจะเหมือนน้องสาวเลยเนาะ ดูเหมือนแฟนเสียมากกว่า"

เหมยไปเยี่ยมไม้ได้ยินพยาบาลคนนั้นพูดเลยยืนอึ้ง และเมื่อกลับบ้าน ตกดึกแต้วยังไปนั่งเศร้าอยู่คนเดียว เหมยเข้าไปปลอบใจว่าตนเข้าใจความรู้สึกเป็นห่วงกันระหว่างพี่น้อง แต่แต้วกลับย้อนถามเหมยว่า แน่ใจหรือว่าไม้คิดกับเหมยแบบพี่น้อง ทำเอาเหมยงงถามว่าแต้วพูดอะไร

"ก็ไม้เขา..." แต้วเกือบหลุดปากความในใจแต่ก็ชะงักไม่พูด ลุกเดินไปอย่างหงุดหงิด

จากที่ได้ยินพยาบาลพูดและอารมณ์ผิดปกติของแต้ว ทำให้เหมยเริ่มเข้าใจความรู้สึกลึกๆของแต้ว

ooooooo

การที่เหมยถูกเปลี่ยนตัวไม่ให้เล่นเป็นกลีบผกาทำให้หลายคนแอบสงสารอยู่ลึกๆ แม้แต่คุณพิมลเอง เมื่อปยุตรไปถามก็ตอบเศร้าๆว่า คงต้องเป็นไปตามช่อง

พีทยังติดใจสงสัย เมื่อน้ำหวานไปหาที่คอนโดฯ ถามอวดอย่างผู้ชนะว่าเห็นฝีมือตนหรือยัง พีทถามว่างานเธอก็มีมากมายอยู่แล้วยังไปแย่งคนอื่นทำไม

"เพื่อความสะใจไงคะ พวกมันจะได้รู้ซะบ้างว่าคนอย่างน้ำหวานไม่เคยอยากได้อะไรแล้วไม่ได้" เธอลอยหน้าตอบอย่างผยอง พอพีทถามว่ารวมทั้งตัวเขาด้วยรึเปล่า น้ำหวานหัวเราะคิกอย่างมีจริต ดักคอว่า "พูดอะไรอย่างนั้นคะ ใครว่าน้ำหวานอยากได้คุณพีทฝ่ายเดียว คุณพีทก็อยากได้น้ำหวานเหมือนกัน" พูดแล้วทำท่ายั่วยวนอย่างช่ำชอง

แม้เหมยจะผิดหวังเสียใจ แต่เพราะจุดมุ่งหมายการดิ้นรนเพื่อหาเงินมาเป็นค่ารักษาไม้ ดังนั้น เมื่อไม่ได้เล่นละครเธอจึงมุ่งมั่นทำขนม ทอดเผือก มัน กล้วย ขายอย่างคล่องแคล่วต่อไป เมื่อคุยกันถึงค่ารักษาพยาบาลของไม้ว่ายังไม่รู้เท่าไร ซ้ำไม่รู้ด้วยว่าไม้จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไรด้วย ป้าผ่องก็พูดปลอบใจว่า

"ไม้เป็นคนดี อีกไม่นานป้าว่าไม้คงจะฟื้นขึ้นมา"

"ฉันก็หวังอย่างนั้นแหละ แต่มันคงใช้เงินเยอะ" แม่กุ้งถอนใจ

"แต่เยอะยังไง ฉันก็สู้ไม่ถอย" เหมยเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว

ฝ่ายปยุตรยังเพียรไปหาเหมยด้วยความเห็นใจเป็นห่วง วันนี้ทั้งสองไปเดินคุยกันริมน้ำ เขาให้กำลังใจเหมยว่าถ้าเป็นนักแสดงจริงๆต้องแสดงได้ทุกบทไม่ใช่เล่นได้ เฉพาะบทกลีบผกาเท่านั้น ดังนั้นถึงเหมยจะไม่ได้เล่นเป็นกลีบผกาก็ใช่ว่าจะหมดทางทำมาหากิน

เหมยเสียงดังใส่ว่าตนไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก ที่เป็นกังวลเพราะอยากได้เงินไปรักษาน้อง เมื่อไม่ได้เล่นเป็นตัวเอกแล้วจะเอาเงินที่ไหน ลำพังค่าตัวนักแสดงประกอบจะซื้อข้าวกินยังไม่พอเลย

ฟังแล้วปยุตรยิ่งเห็นใจ บอกเหมยว่า "ผมจะหาทางช่วยคุณเอง"

เหมยขอบใจแต่ไม่กล้ารบกวนเขา พูดอย่างเข้มแข็งว่า

"ชีวิตไม่สิ้นก็คงต้องดิ้นกันต่อไป สู้ไม่ถอยอยู่แล้ว"

ปยุตรเห็นความเข้มแข็งและสู้ชีวิตของเหมยก็ยิ่งชื่นชม

ooooooo

เพื่อเงิน คืนนี้เหมยไปทำงานในผับนุ่งน้อยห่มน้อยเป็นสาวดริ๊งก์ มีส้มเป็นเพื่อน ส้มเองก็ต้องดิ้นรนเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเหมือนกัน

ที่ผับแห่งนี้เป็นที่รู้กันว่าพวกดาราชอบควงกันมาเที่ยว ดังนั้นพวกนักข่าวสายบันเทิงจึงมักมากัน

คืนนี้ จิมมี่มาพบดนัยนักข่าวหนังสือพิมพ์ประเภทกอสซิป เขาจึงเสนอขายภาพน้ำหวานกับหมอวาทิศที่แอบอัดมาในราคาหนึ่งแสนบาท ดนัยที่เขี้ยวลากดินในวงการไม่สนใจบอกว่าคอยจ้วงเอาจากเน็ตดีกว่า

ระหว่าง นั้น ดนัยกวาดตามองไปรอบๆอย่างหาเป้าหมาย เห็นเหมยในชุดเด็กดริ๊งก์นั่งอยู่กับลูกค้าท่าทางฉอเลาะเอาใจ เขากดชัตเตอร์ทันที บอกว่าเก็บไว้เผื่อมีคนสนใจตนจะได้ค่านายหน้า

ขณะเก็บภาพเหมยในมุมต่างๆนั้น ดนัยก็ต่อรองกับจิมมี่ว่าให้เต็มที่ห้าหมื่นจะเอาก็เอาไม่เอาก็ตามใจ จิมมี่บ่นว่าแบบนี้มัดมือชกกันชัดๆ

ขณะกำลังนั่งเซ็งอยู่นั้น จิมมี่เหลือบเห็นเฮียใหญ่กับปยุตรเดินเข้ามา เขาหมดอารมณ์ที่จะขายทันที คว้าโน้ตบุ๊กได้ก็บอกดนัยว่า "ฉันกลับก่อนแล้วกัน" แล้วผลุนผลันออกไป จนดนัยสงสัยว่า

"มันหนีใครวะ" พลันก็เหลือบเห็นเฮียใหญ่ ดนัยร้องทัก "อ้าวเฮียใหญ่ สวัสดีครับ"

ดนัยทักว่าปกติไม่เคยเห็นเฮียมาเที่ยวแบบนี้ เฮียบอกว่าไม่ถนัดข่าวแบบนี้ แต่ที่มานี่ก็เพื่อให้ปยุตรชิมลางดูไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร

ไม่ทันที่ปยุตรจะตั้งหลักหาข่าว เขาก็หมดอารมณ์ทันทีเมื่อเห็นเหมยนั่งคลุกอยู่กับแขก เขาโมโหจนลืมตัวลุกไปกระชากเหมยออกมา ตำหนิอย่างรุนแรงที่แต่งตัวแบบนี้และมาทำงานในสถานที่อย่างนี้

เหมยเถียง ว่าตนไม่ได้มาขายตัวแต่มีความจำเป็นที่ต้องหาเงินเป็นค่ารักษาไม้ รับรองว่าตนดูแลตัวเองได้ไม่ต้องห่วง ถามว่าแล้วเขามาทำไม มาหาข่าวใช่ไหม พอเห็นเขาอึ้ง เหมยเลยเปรียบเทียบว่า

"คุณกับฉันไม่ได้ต่างกันหรอกคุณยุตร ต่างมีหน้าที่ ถึงจะเป็นหน้าที่ที่เราไม่อยากทำ แต่เราก็ต้องทำ ฉันไปทำงานก่อนนะ ขอบคุณมากที่เป็นห่วง"

ooooooo

ปยุตรกลับไปที่เฮียใหญ่ บอกว่าไม่มีข่าวอะไรกลับกันดีกว่า เฮียไม่ทันพูดอะไรปยุตรก็เดินจ้ำอ้าวนำไปแล้ว เฮียจึงหันไปบอกดนัยว่า "เฮียกลับก่อนนะดนัย แล้วเจอกัน"

ดนัยยิ้มรับแล้วนั่งจิบเครื่องดื่มสบายอารมณ์ต่อ จน กระทั่งเหมยกับส้มเลิกงานเปลี่ยนชุดเตรียมกลับ ดนัยเดินไปดักเหมยที่หน้าผับ เข้าไปทักอย่างสุภาพเป็นมิตร

"สวัสดีจ้ะน้องเหมย พี่เป็นนักข่าวแล้วก็ช่างภาพ น้องเหมยสนใจอยากเป็นนางแบบไหมจ๊ะ"

เหมยมองหน้าดนัย เห็นแววตาเขาช่างเป็นมิตรอ่อนโยนจนไม่อาจปฏิเสธเขาได้

ฝ่ายปยุตรเมื่อกลับถึงคอนโดฯแล้วก็คิดสับสนเป็นห่วงเหมย บอกกับตัวเองว่า

"ผมต้องช่วยคุณให้ได้"

วันต่อมาเขาเสนอเฮียใหญ่ทำสกู๊ปเหมยขายกล้วยทอด เฮียท้วงติงว่าเหมยยังไม่มีใครรู้จักเลยจะมีใครสนใจหรือ ปยุตรเลยเสนอว่าเขาจะพารมมี่ไปชิมกล้วยทอดร้านเหมยได้ไหมจะได้ทำข่าวได้

"อะไรที่มันยังไม่ถึงเวลาก็อย่าไปดันมันเลยยุตร มันจะเหนื่อยเปล่าๆ ทุกอย่างมีจังหวะและเวลาของมัน แล้วตอนนี้ มันก็ยังเป็นเวลาของน้ำหวาน ไม่ใช่เหมย" เฮียใหญ่พูดจริงจัง

ปยุตรพูดไม่ออก ได้แต่นึกสงสารเหมยอยู่ในใจ...

ooooooo
อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว ตอนที่ 7
ที่มา ไทยรัฐ