อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา ตอนที่ 15

อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา ตอนที่ 15
งานเลี้ยงเลิกแล้ว แขกพากันกลับไปเกือบหมด เหลือแต่นายดาว อำพันธ์ อำไพ และมนตรี นายดาวขอกลับก่อน อำพันธ์จึงชวนน้องสาวกลับบ้าง ส่วนมนตรียังไม่อยากกลับ ชวนประจักษ์กรึ๊บกันสักหน่อย

ประจักษ์ ปฏิเสธเพราะจะช่วยวนิดาเก็บกวาด วนิดาบอกว่าไม่เป็นไรเชิญทั้งสองตามสบาย มนตรีได้ทีเลยลากประจักษ์ไป บอกให้เขารอที่สวนตนจะไปเตรียมเครื่องดื่มเอง

ระหว่างนั้นประจักษ์ชูสองนิ้วให้สัญญาวนิดาว่า "ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ดื่มจนเมา"

มนตรี ไปหาแก้ว พิสมัยทำทีเข้ามาถามว่าหาอะไร พอรู้ว่าหาแก้วจะเอาไปดื่มวิสกี้ พอพิสมัยรู้ว่าเขาจะดื่มกับประจักษ์ก็อาสาจัดให้ ไล่มนตรีให้ไปรอที่สวนกับประจักษ์

พอมนตรีไป พิสมัยก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นร้ายกาจหยิบแก้ววิสกี้แล้วเทยานอนหลับใส่แก้วด้าน ขวาก่อนยกไปที่สวน จงใจวางแก้วที่มียานอนหลับไปตรงหน้าประจักษ์แล้วหยิบอีกแก้วส่งให้มนตรี อย่างเจาะจง

ประจักษ์มองพิสมัยแปลกใจที่วันนี้ทำดีไม่ถือตัว

สองหนุ่มชนแก้วดื่ม ประจักษ์จิบนิดๆในขณะที่มนตรีกระดกรวดเดียวหมด

พิสมัย แอบดูอยู่ ยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นรีบขึ้นไปที่ห้องนอนตัวเองที่เป็นห้องเก่าของประจวบ แต่งชุดนอนวาบหวามจนปราณีกับคุณนายชมว่าสวยเหลือเกิน ปราณีขอตัวกลับก่อน จึงเหลือแต่คุณนายที่คอยกำกับแผนการอย่างใจจดจ่อ

เพราะมนตรีดื่ม ราวกับกรอกน้ำ ไม่นานก็พูดเสียงลิ้นไก่สั้น คะยั้นคะยอให้ประจักษ์ดื่มถ้าประจักษ์ไม่ดื่มให้หมดแก้วตนก็จะไม่เลิก ประจักษ์เลยตัดสินใจยกแก้วดื่มรวดเดียวหมด

"มนตรีฉันไม่ไหวแล้ว" ประจักษ์บอกมนตรีเมื่อยาเริ่มออกฤทธิ์ มนตรีเลยหิ้วปีกเพื่อนรักไปส่งที่ห้อง

คุณนาย กับถมนั่งดักประจักษ์อยู่ที่ห้องรับแขก แต่เพราะ ดึกมากคุณนายง่วงจัดเลยของีบก่อน บอกถมว่าถ้าเห็นประจักษ์มาเมื่อไรให้ปลุก ถมรับคำแต่เพียงครู่เดียวก็ฟุบหลับไปอีกคน

มนตรีทั้งหิ้วปีกทั้งลาก ประจักษ์ผ่านคุณนายและถมที่หลับอยู่พาไปส่งที่หน้าห้องนอนแล้วตัวเองก็เดิน ตุปัดตุเป๋กลับ แต่ยังรู้สึกตัวบ่นตัวเองว่า "ท่าจะไม่ไหวเหมือนกัน"

ขณะ ผ่านห้องพิสมัยที่แต่งชุดนอนนั่งรอประจักษ์อยู่ หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แอลกอฮอล์ทำให้เขาตาฝาดเห็นพิสมัยเป็นวนิดา เลยเดินเซๆเข้าไปกอดพิสมัยจากข้างหลัง พูดเสียงอ้อแอ้

"ขอจูบหน่อยนะคร้าบบบบ"

พิสมัยเคลิ้มไปชั่วขณะแต่พอหันมาเห็นหน้ากลายเป็นมนตรีก็ร้องลั่น

"ไอ้บ้า...ออกไปนะ ออกไป๊!"

มนตรีชะงักนิ่ง พิสมัยทุบตีไม่ยั้ง ครู่เดียวเขาก็อ้วกออกมารดพิสมัย เธอร้องกรี๊ดผลักเขาล้มลงนอนแผ่สองสลึงกรนเสียงสนั่น

พิสมัยกรี๊ดลั่น วิ่งลงไปปลุกคุณนายกับถมให้ช่วยกันขึ้นมาลากมนตรีออกไปพาไปทิ้งไว้ที่หน้าศาลาในสวน

ooooooo

ส่วน ประจักษ์ เมื่อมนตรีพาไปส่งที่ห้องแล้วตัวเองกลับไป ประจักษ์ทิ้งตัวโครมลงบนเตียงทับวนิดาที่นอนหลับอยู่จนเธอตกใจ ลุกขึ้นมาพยายามปลุกเขา

"คุณประจักษ์...คุณประจักษ์ ไหนบอกว่าจะไม่ดื่มจนเมาไงคะ"

ประจักษ์ไม่ตอบแต่กลับกอดวนิดาไว้แน่นจนเธอขยับไม่ได้ต้องปล่อยให้เขานอนกอดอยู่อย่างนั้น

จนกระทั่งเช้าวนิดาตื่นขึ้นมายังเห็นประจักษ์กอดตนอยู่ เธอเมื่อยมากค่อยๆแกะมือเขาออกทำให้เขารู้สึกตัวลืมตาขึ้น เธอรีบหลับตาทำเป็นยังไม่ตื่น ประจักษ์มองหน้าสวยใน อ้อมกอดเกลี่ยผมออกจะหอมแก้ม วนิดาลืมตามองพอดี เขาตกใจปล่อยมือรีบพลิกตัวหลบแต่พลิกแรงไปหน่อยเลยตกเตียงโครม!

กลายเป็นเรื่องหัวเราะขำๆกันตั้งแต่เช้า

ส่วน มนตรีจนตะวันโด่งแล้วก็ยังนอนกรนครอก...ครอกอยู่ อำไพถือถุงผ้าเล็กๆผ่านมาได้ยินเสียงมองหาจนเจอมนตรีนอนแผ่อยู่ เธอเข้าไปปลุก พอรู้สึกตัวมนตรีก็หลับหูหลับตาจับมืออำไพเพ้อเรียก

"คุณนิด...คุณนิดของมนตรี"

อำไพหมั่นไส้มากเลยตบหน้าเพียะ! แล้วถอยไปยืนห่างๆมนตรีลุกพรวดขึ้นมาถามว่าตบหน้าตนทำไม อำไพบอกว่าเขาลวนลามตน

"บ้าน่ะสิ ต่อให้ฉันสติไม่ดีฉันก็ไม่มีทางลวนลามผู้หญิง อย่างเธอ" อำไพฉุนขาดถามว่าผู้หญิงอย่างตนเป็นยังไง "ก็ไม่สวย ไม่มีเสน่ห์ยังไงล่ะ"

"คนบ้า" อำไพด่าผลักมนตรีอย่างแรงแล้วเดินหนีไป เขาหงายตกลงไปในแอ่งโคลนเปื้อนไปทั้งตัว ลุกขึ้นมามองดูสภาพตัวเองบ่นงึมงำ

"หมดกัน..."

ooooooo

เมื่อ เรื่องกลับกลายเป็นแบบนี้ คุณนายโทษถมที่เผลอหลับไป ถมไม่ยอมเถียงว่าคุณนายหลับก่อน ทำไม ส่วนพิสมัยวิตกกังวลว่าเมื่อคืนประจักษ์คงเสร็จวนิดาไปแล้วเพราะจนป่านนี้ ยังไม่ลงมากันเลย

ระหว่างนั้นอำไพถือห่อผ้าเล็กๆเดินเข้ามาพอดี คุณนายลุกไปขวางทันทีถามว่ามาทำไม

อำไพ บอกว่าจะเอาของมาคืนวนิดาแต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไร คุณนายเรียก "ถม!" คำเดียวนังถมก็รู้หน้าที่พุ่งเข้าแย่งถุงจากอำไพส่งต่อให้คุณนาย พอคุณนายเปิดดูถึงกับอุทานเสียงแหลม

"สร้อยเพชร!"

อำไพบอกว่า เป็นของวนิดาให้ยืมใส่ในงานเมื่อคืน คุณนายเปิดฉากด่าว่าเป็นเครื่องเพชรที่มณฑาขโมยไปเพราะพวกนั้นไม่มีปัญญาหา ซื้อของพวกนี้ใช้แน่

อำไพฟังแล้วโกรธแทนวนิดาขึ้นมาทันทีเพราะเคยรู้เรื่องราวในบ้านมหศักดิ์มาบ้างแล้ว

เป็นเวลาที่วนิดาบอกประจักษ์ว่าตนหายดีแล้วจะขอกลับไปนอนที่ห้องกับป้าทอง และจวงตามเดิม เธอขอบคุณเขาที่ดูแลตนอย่างดี ยิ้มให้เขาแล้วเดินออกไป ประจักษ์ทำใจไม่ได้ เดินตามไปด้วย

ลงมาเจออำไพกำลังโต้เถียงกับคุณนายพอดี อำไพเถียงว่าที่คุณนายพูดมาไม่ใช่เรื่องจริง คุณหญิงมณฑาไม่ใช่คนแบบนั้น

"เธอจะรู้อะไร เครื่องเพชรแต่ละชุดที่นังนั่นเอาไป สวยๆทั้งนั้น ราคาก็สูงลิบ ประมาณค่าไม่ถูก มันเป็นของสำหรับคนที่เป็นสะใภ้ตระกูลนี้ หรือภรรยาหัวหน้าตระกูลอย่างฉัน!!"

วนิดากับประจักษ์หยุดฟัง คุณนายยังด่าอีกว่า เจ้าคุณมหศักดิ์โง่เองที่ไปคว้าผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นเมียแล้วยังโง่ เสียทีให้เอาสมบัติไปปรนเปรอชู้อีก ถึงตอนนี้วนิดาทนไม่ได้ ก้าวออกไปเผชิญหน้า

"หยุดกล่าวหาคุณย่าฉันสักที คุณย่าของฉันเป็นผู้บริสุทธิ์"

อำไพรีบดึงกล่องเพชรจากคุณนายน้อมเดินไปหาวนิดา ในขณะที่วนิดายังโต้เถียงคุณนายว่า

"คุณย่าของฉันไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย ถ้าคุณนายไม่มี หลักฐานก็อย่ามาใส่ความคุณย่าฉัน"

ประจักษ์ยืนฟังอยู่เรียกปรามวนิดา แต่เธอเลือดขึ้นหน้า แล้วยังคงว่าคุณนายว่า วันนี้ตนยังไม่มีหลักฐาน แต่สักวัน ตนต้องหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของคุณย่าให้ได้ ตนไม่ใช่ พวกชอบปั้นน้ำเป็นตัว

คุณนายเดือดพล่านหาว่าวนิดาด่าว่าตนปั้นน้ำเป็นตัว ด่าวนิดาว่า "อีนังชาติไพร่!" แล้วหันไปสั่งประจักษ์ "สั่งสอนเมียตัวเองบ้างนะพ่อใหญ่ ผู้หญิงอะไรมารยาททรามที่สุด"

โดยมีพิสมัยคอยประสานเสียงยุให้ตบเลย

"ตบเลยสิคะ ถ้าคิดว่าสิ่งที่พวกคุณพูดและทำมันถูกต้อง ดีงาม" วนิดาท้า

"วนิดา ฉันขอให้หยุด ไม่ว่าใครจะถูกจะผิดยังไง เขาก็เป็นแม่ฉัน" ประจักษ์ตรงเข้าหาวนิดา เธอสะอึกเข้าไปหาเขาท้าว่า

"ฉันทราบค่ะ นั่นแม่คุณ และนั่นก็คู่รักคุณ ถ้าคุณเห็นว่าฉันผิดที่พูดจาลบหลู่คุณแม่และคู่รักคุณละก็ เชิญตบฉันได้เลย"

พิสมัยยุให้ประจักษ์ตบ แต่กลับถูกเขาตวาดให้หยุดพูด ดุว่าเธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ตนตบหน้าใครทั้งนั้น ย้ำใส่พิสมัยว่า "โดยเฉพาะวนิดาที่เขาเป็นเมียฉัน"

ทั้งคุณนายและพิสมัยอุทานลั่นปากคอสั่น ประจักษ์ปราม ให้หยุดสั่งให้แยกย้ายกันไปเสียที

"เข้าข้างเมียเหลือเกินนะพ่อใหญ่ อีกหน่อยก็ให้มันมาด่าแม่เล่นทุกวันเลยซิ"

ประจักษ์ชี้แจงว่าตนพยายามให้อยู่กันอย่างสงบไม่ได้ เข้าข้างใคร พิสมัยแหวขึ้นมาว่าไม่จริง พูดเสียงสั่นว่า

"คุณพี่รักมันน่ะสิ คุณพี่รักมันใช่ไหมถึงได้ทำอย่างนี้ มันมีดียังไงเหรอ คุณพี่ถึงไม่เห็นแก่น้องไม่เห็นแก่คุณแม่เลย... ตอบสิคะ ถ้ามันไม่เป็นความจริงคุณพี่ก็พูดออกมาซิคะ คุณพี่ บอกน้องซิคะว่าคุณพี่ไม่ได้รักมัน"

ประจักษ์ไม่ตอบโต้เขาเดินออกไปนิ่งๆ คุณนายกับพิสมัยมองหน้าอย่างรู้กันว่าประจักษ์รักวนิดาเข้าแล้วจริงๆ...ครู่ เดียว พิสมัยก็ร้องไห้โฮออกมา...

ประจักษ์ความคิดสับสน ว้าวุ่น ใจหนึ่งสงสารและกังวลกับสัญญาที่ให้ไว้กับพิสมัย อีกใจหนึ่งนั้นคือความรู้สึกที่ไม่อาจตัดใจรักจากวนิดาได้ นอนก่ายหน้าผากถามตัวเองว่าจะทำอย่างไรดี...

ooooooo

ส่วนประจวบไปทำงานเพื่อเก็บเงินมาใช้หนี้ เขาทำบัญชีทุกวันจนวันนี้เขาดูบัญชีแล้วยิ้มอย่างดีใจที่อีกไม่นานก็จะใช้ หนี้ได้หมดแล้ว ชุมศรีดีใจกับเขาด้วย ที่ความพยายามของเขาใกล้สำเร็จแล้ว

"เพราะเธอด้วยต่างหากล่ะ" ประจวบกุมมือชุมศรีไว้ "ถ้าไม่มีเธอคอยยืนเคียงข้างให้กำลังใจฉัน ฉันคงไม่ทำสำเร็จเร็วอย่างนี้ ขอบใจมากนะชุมศรี"

แม้จะซึ้งใจที่ช่วยประจวบได้แต่พอนึกถึงความจริงขึ้นมา ชุมศรีก็หน้าสลด ถามเขาว่าถ้าเขาใช้หนี้หมดก็ต้องกลับกรุงเทพฯ เราคงไม่ได้เจอกันอีก

"ไม่...ฉันจะพาเธอไปแนะนำให้คุณแม่ให้พี่ใหญ่รู้จัก เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ฉันจะแต่งงานด้วย" ประจวบมองหน้าชุมศรีจริงจังจริงใจ ชุมศรียิ้มออกมาอย่างดีใจ

ประจวบเขียนจดหมายบอกข่าวดีนี้แก่คุณนายน้อม คุณนายอ่านแล้วดีใจมากเล่าให้ประจักษ์กับพิสมัยฟังว่า ถ้าเอาเงินที่ประจวบสะสมไว้ได้รวมกับของประจักษ์คงใช้หนี้นายดาวได้หมด

พิสมัยเองดีใจยิ่งกว่าเพราะนั่นหมายความว่าสัญญาต่างๆที่ตกลงกันไว้ก็จะสิ้นสุด

"โชคกลับมาเป็นของเราอีกครั้งแล้ว แม่อยากให้ถึงเวลานั้นเร็วๆเหลือเกิน แม่อยากจะเห็นวันที่ลูกกับนังวนิดาหย่ากัน แล้วแม่จะจัดงานแต่งงานให้ลูกกับพ่อใหญ่ทันที"

ประจักษ์ใจหาย พิสมัยดีใจมากหันมองเขากลับเห็นเขาหน้านิ่งเธอเลยหน้าเจื่อน

"เฮ้อ...โล่งใจ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้แม่มีความสุขในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา แม่ว่าเราไปเที่ยวบางปะอินกันดีไหม" คุณนายยังเพ้อเจ้อฝันเฟื่องคุยอย่างมีความสุขว่า "ถือว่าเป็นการฉลองล่วงหน้าแล้วแม่จะไปหาหลวงพ่อที่แม่นับถือที่อยุธยา จะได้หาฤกษ์หายามวันแต่งงานของลูกกับแม่พิสมัย ถึงเวลาจะได้ไม่ฉุกละหุก"

ประจักษ์บอกคุณนายว่าเอาไว้ถึงเวลาก่อนแล้วค่อยพูดกันอีกทีดีกว่า พิสมัยพูดหน้าตึงว่าดูเขาไม่อยากแต่งงานกับตน ประจักษ์ไม่ตอบ ลุกเดินออกไปเงียบๆ

"อย่าคิดมากสิลูก แม่ว่าพ่อใหญ่คงยังอึ้งๆงงๆอยู่ อ้อ...แม่ว่าข่าวดีๆแบบนี้เราต้องขยายนะลูกนะ"
พิสมัยถามว่าหมายความว่าอย่างไร คุณนายไม่ตอบแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์แทน

ooooooo

คุณนายขยายผลด้วยการเอาจดหมายของประจวบไปให้นายดาวอ่าน จับสังเกตสีหน้านายดาวเยาะเย้ยว่าถึงกับหน้าซีดเลยหรือ นายดาวแสดงความมีน้ำใจบอกว่าตนยินดีกับคุณนายด้วยจริงๆ

"แกควรจะบอกให้ลูกสาวของแกทยอยขนข้าวของกลับมาได้แล้วนะ พอถึงเวลาที่ต้องหย่ากับพ่อใหญ่ลูกสาวแก จะได้ออกจากบ้านฉันทันที เพราะฉันไม่อยากเห็นหน้าลูกสาวของแกแม้แต่วินาทีเดียว"

พิสมัยลอยหน้าเย้ยว่าถึงตอนนั้นตนก็จะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนวนิดาก็เป็นแค่เมียเก่า คุณนายพูดกลั้วหัวเราะว่าหวังว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีกไม่ว่าชาตินี้หรือ ชาติหน้า แล้วหัวเราะร่ากลับไป

"ทำไมคราวนี้คุณท่านถึงไม่พูดอะไรบ้างเลยล่ะครับ" สมหมายเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง

"ฉันนึกไม่ถึงว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้" สีหน้าและน้ำเสียงของนายดาวเวลานี้เศร้าเหงามาก

ooooooo

คืนนี้เอง วนิดาก็รู้จากป้าทองว่า คุณนายน้อม พิสมัย และประจักษ์จะไปที่บ้านบางปะอินกัน วนิดาถามว่าที่บางปะอินเป็นที่เที่ยวหรือเป็นอะไร ป้าทองเล่าอย่างผู้รู้ว่า

"มันเป็นบ้านพักเก่าแก่ของตระกูลมหศักดิ์น่ะค่ะ ท่านเจ้าคุณมหศักดิ์ท่านชอบไปที่นั่นเป็นประจำที่นั่นน่ะอากาศดีค่ะ อยู่ติดแม่น้ำ ท่านเจ้าคุณกับคุณหญิง...ย่าของคุณนิดน่ะค่ะ ชอบพายเรือเล่น ท่านชอบไปที่เกาะกลางน้ำมากที่สุดเลยค่ะ"

"แล้วป้าทองเคยไปไหมจ๊ะ"

"อู๊ยยย..." ป้าทองร้องปากบิดปากเบี้ยว "ป้าไม่กล้าไปหรอกค่ะ ใครๆเขาก็ลือกันว่ามันน่ากลัว เขาสร้างเป็นตึกสูงๆ ไว้สำหรับเก็บกระดูกของคนในตระกูลมหศักดิ์"

จวงทำหน้าสยองถามว่าอย่างนั้นก็ต้องมีผี บอกวนิดาว่าไม่ไปน่ะดีแล้ว วนิดาถามป้าทองว่าตึกสูงๆที่ป้าว่าเขาเรียกว่า "วิหาร" รึเปล่า

"ค่ะ...วิหารกลางน้ำ ที่บางปะอินเขาเรียกกันอย่างนั้น"

วนิดานิ่งอึ้ง คิดถึงย่าขึ้นมาทันที ก่อนที่ย่าจะสิ้นใจ ท่านเพ้อว่า

"วิหาร...วิหาร...พระกลาง...น้ำ...นิดสัญญากับย่า สัญญา... ว่าจะช่วยย่า"

"ค่ะ...นิดสัญญา นิดสัญญาค่ะคุณย่า" เวลานั้นเธอให้ สัญญาย่าทั้งที่ไม่เข้าใจที่ย่าพูดเลย

แต่วันนี้ เมื่อได้ยินคำว่าวิหารกลางน้ำจากป้าทอง ทำให้ วนิดาถึงกับขนลุกซู่

ooooooo

คืนนี้เอง วนิดาปีนระเบียงเข้าห้องนอนของประจักษ์ เขาตกใจถามอย่างเป็นห่วงว่าปีนขึ้นมาทำไมตกลงไปจะว่ายังไง

วนิดา ไม่สนใจรีบบอกเขาว่าจะขอไปบางปะอินด้วย ประจักษ์เสียงเข้มไปทันทีว่า "ไม่ได้" วนิดายังพยายามออดอ้อน เขาจึงระบายความอึดอัดออกมาว่า ตนไม่อยากเป็นคนกลางที่ต้องมาเห็นสองฝั่งทะเลาะกัน ฝั่งหนึ่งก็แม่อีกฝั่งก็เธอ

"ฉันสัญญาค่ะว่าจะไม่เถียงคุณแม่คุณ แม้แต่คำเดียวและก็จะไม่สร้างความวุ่นวายใดๆ" วนิดารีบให้สัญญาแต่ประจักษ์ บอกว่าตนรู้จักเธอดีว่าเธอทำไม่ได้แน่ยังไงก็ไม่ให้ไป วนิดาต่อรองว่า "ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะอยู่อย่างนี้จนกว่าคุณจะยอม" ว่าแล้วปักหลักยืนเป็นหุ่นอยู่ตรงนั้น

วนิดายืนอยู่อย่างนั้น แม้ประจักษ์จะทำเป็นไม่สนใจเหมือนไม่มีเธออยู่ด้วย แต่ในที่สุดก็ทนลูกตื๊อของเธอไม่ได้แกล้งมุดเข้ามุ้งครอบวนิดาที่มานั่งขวาง อยู่ที่เตียง ต่างฝ่ายต่างนั่งจ้องกันอยู่ในมุ้ง จนแววตาที่แข็งกร้าวเริ่มอ่อนแสงลง ในที่สุด ประจักษ์เห็นว่าเธออยากไปจริงๆจึงอนุญาตให้ไปด้วย

"ขอบคุณค่ะ" วนิดายิ้มหวานแล้วเดินไปที่ระเบียง ประจักษ์เรียกไว้บอกว่าไม่อยากเห็นเธอตกลงไปหัวแตกหรือขาหักเดี๋ยวจะอดไป บางปะอิน แล้วจูงมือเธอให้ออกไปทางประตูห้องนอนแทน...

พอออกจากห้อง เขาเร่งให้รีบไปเสียเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า วนิดายังรับรองกับเขาว่าตนจะไม่สร้างความวุ่นวายให้เขาแล้วรีบไป ประจักษ์ยิ้มให้กลับเข้าห้องอย่างอารมณ์ดี

พิสมัยเห็นเหตุการณ์ เธอทั้งโกรธแค้นทั้งเสียใจจนบอกไม่ถูก

ooooooo

รุ่งขึ้น เมื่อประจักษ์มาบอกคุณนาย ถูกคุณนายประกาศิต "แม่ไม่ให้ไป!!" ครั้นประจักษ์บอกว่าตนอนุญาตแล้ว ก็ถูกคุณนายตัดพ้อต่อว่าที่รู้ว่าแม่เกลียดวนิดาขนาดไหนก็ยังจะให้ร่วมทางไป อีก

ประจักษ์พยายามชี้แจงว่าเราต่างคนต่างไปไม่เกี่ยวกันเลย คุณนายจาระไนว่าไหนจะค่ารถค่ากินอีก ทำไมเราต้องจ่ายให้ด้วย

"เขาจะออกค่าใช้จ่ายเองทุกอย่าง ไม่ให้เราเดือดร้อน เขาขอแค่ไปด้วยเท่านั้น"

"ถึงอย่างนั้นแม่ก็ไม่ให้มันไป!!" คุณนายเสียงเข้มแล้วเดินฉับๆออกไป ประจักษ์ได้แต่ยืนถอนใจเหนื่อยใจแม่ตัวเอง

แต่เมื่อเขามาบอกวนิดา เธอกลับบอกเขาสบายๆว่าตนไม่ไปก็ได้ ทำให้ประจักษ์โล่งใจมากขอบใจเธอที่เข้าใจและขอโทษที่ช่วยเธอไม่ได้จริงๆ

"ไม่เป็นไรค่ะ" วนิดาตอบนิ่งๆ แต่ที่แท้ในใจมีแผนแล้ว

ดัง นั้น สองวันต่อมาอันเป็นวันเดินทางไปบางปะอิน คุณนาย พิสมัย ยิ้มแย้มดีใจที่จะได้ไปเที่ยวกันโดยไม่มีวนิดามาให้เกะกะตา ระหว่างรอรถออกคุณนายใช้ถมให้ไปซื้อของกินเล่นบนรถไฟ พิสมัยขอไปด้วย คุณนายจึงหันมาชวนประจักษ์ขึ้นไปรอบนรถไฟกันดีกว่า

ขณะไปซื้อของที่ ร้านนั่นเอง ถมเหลือบเห็นวนิดา ป้าทอง จวง และไปล่เดินมาเป็นกลุ่ม ถมตาเหลือกสะกิดพิสมัยบอกว่าพวกนั้นตามเรามา พิสมัยมองไปอย่างไม่พอใจ แล้วหาทางกันไม่ให้พวกวนิดาไป ตรงเข้าไปเผชิญหน้าวนิดาพูดใส่หน้าว่า

"ฉันไม่มีวันยอมให้พวกแกไปด้วยแน่ๆ"

ป้าทองยักแย่ยักยันยื่นหน้าเข้าไปถามว่าแล้วจะทำอะไรพวกตนได้ ตัวเองมากันสองคนแต่พวกตนมีตั้งสี่

"จะ สี่คนหรือจะกี่คน ถ้าพวกแกไม่มีตั๋วก็ขึ้นรถไฟไม่ได้" พิสมัยเข้าแย่งกระเป๋าถือวนิดา แต่วนิดาไม่ยอมปล่อย ป้าทอง จวง กับไปล่จะเข้ามาช่วย ถูกถมกระโดดออกมาขวางเลยชะงัก

ooooooo

ประจักษ์ สงสัยว่าพิสมัยกับถมไปซื้อของนานผิดปกติลงไปตาม ไปเจอพิสมัยกับวนิดากำลังยื้อแย่งกระเป๋ากันอยู่ เขาเข้าไปร้องเรียกพิสมัย เธอตกใจปล่อยมือจากวนิดา ป้าทองรีบยื่นหน้าเข้าไปขอให้ประจักษ์ ช่วยวนิดาด้วย

"ฉันขอโทษที่ตามมาโดยไม่ได้ขออนุญาตแต่ฉันอยากไปบางปะอินจริงๆ" วนิดารีบเข้ามาพูด

"ไม่ต้องพูดแล้ว" ประจักษ์เสียงดังจนพวกวนิดาหน้าเสีย ส่วนพิสมัยกับถมยิ้มสะใจ แต่แล้วก็ต้องเหวอเมื่อประจักษ์บอกเสียงอ่อนลงว่า"รีบขึ้นรถไฟเถอะ ใกล้จะออกแล้ว"

"ขอบคุณนะคะ" วนิดายิ้มหวานทั้งที่ผมเผ้าหน้าตายับเยิน แล้วชวนป้าทอง จวง กับไปล่รีบขึ้นรถไฟ

ประจักษ์ หันมองพิสมัยอย่างตำหนิแล้วตามพวกวนิดาไป พิสมัยวิ่งตามร้องเรียกให้รอตนด้วย พอดีเสียงหวูดรถไฟดังขึ้น ถมกระหืดกระหอบพยายามลุกขึ้น ร้องเรียกพิสมัยให้รอตนด้วย แต่ลมตีขึ้นจนเป็นลมหมดแรงที่จะวิ่งตามรถไฟไป

พิสมัยกลับขึ้นไปนั่ง กับคุณนายหน้าบอกบุญไม่รับ คุณนายบอกว่าประจักษ์ไปตามเธอแล้วหายไปไหน เธอบอกว่าเขาขึ้นรถมาแล้วแต่ไปนั่งกับวนิดาที่อีกโบกี้หนึ่ง คุณนายฉุนกึกถามว่ามันโผล่มาได้ยังไง แล้วถามถึงถมว่าทำไมยังไม่มา พิสมัยจึงนึกได้ว่าถมหายไป

ประจักษ์ไปนั่งอยู่กับพวกวนิดาบอกเธอว่า ดีใจที่เธอมาด้วย ป้าทองลุ้นให้เขาพาวนิดาไปชมวิวที่ท้ายขบวน พอทั้งสองคนไปป้าทองหันไปยิ้มกริ่มกับจวงและไปล่

เมื่ออยู่กันที่ ท้ายขบวนก็ชี้ชวนกันชมวิวทิวทัศน์สองข้างทาง ในจังหวะที่รถไฟเลี้ยววนิดาไม่ทันระวังเลยเซเข้าไปอิงอกประจักษ์ เขากอดเธอไว้อย่างปกป้อง กอดอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อยจนเธอต้องบอกว่าปล่อยได้แล้ว เขากลับพูดหน้าตาเฉยว่า

"ข้างหน้าจะถึงทางเลี้ยวอีก ให้ฉันประคองเธอไว้ก่อนดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวเธอจะล้ม"

วนิดา รู้ทันเธอเมินไปทางอื่นแก้เขินใจเต้นแรงจนอีกฝ่ายรู้สึก ประจักษ์ก้มมองหน้าเธอต่างมีความสุขกับบรรยากาศที่เป็นใจและไม่ต้องตกอยู่ใน สายตาของใคร จนอิ่มเอมใจแล้วจึงพากันกลับที่นั่ง

แต่แล้วก็มีมารมา ขวางจนได้ เมื่อพิสมัยตามมาเจอบอกเขาว่าคุณนายเรียกหา ประจักษ์บอกว่าเดี๋ยวจะตามไป เธอไม่ยอมต้องให้ไปกับตนเดี๋ยวนี้ ทันใดนั้นรถไฟถึงทางเลี้ยวกะทันหันวนิดาเซเข้าไปชนประจักษ์ เขากอดเธอไว้ด้วยความเป็นห่วง ส่วนพิสมัยเสียหลักนั่งจ้ำเบ้าเข้าตักไปล่เต็มๆ พอลุกขึ้นก็ด่าไปล่ไอ้บ้า ไปล่โดนนั่งกระแทกแล้วยังโดนด่าอีกเลยงง บ่นว่ามาล้มทับตนแท้ๆยังมาด่าอีก

พอ ลุกขึ้นได้พิสมัยชวนประจักษ์ให้ไปนั่งกับคุณแม่กันเถอะ ประจักษ์จึงต้องลุกขึ้นถูกพิสมัยควงแขนหมับหันมาทิ้งค้อนใส่วนิดาก่อนเดิน ออกไป

วนิดารู้สึกใจแป้วที่ประจักษ์ถูกฉกไปอย่างท้าทาย

เมื่อ ประจักษ์กลับมานั่งที่เดิม ถูกคุณนายต่อว่าที่ไปอยู่กับวนิดาทั้งๆที่แม่มาด้วย ส่วนพิสมัยก็ฉอเลาะเอาใจถามว่าหิวไหม ประจักษ์ตอบอย่างเย็นชาว่าไม่ เธอเลยหมดคำที่จะพูดหมดเรื่องที่จะคุยต่างนั่งเซ็งกันไป

ooooooo

เมื่อ ถึงอยุธยา คุณนายกับพิสมัยลงจากรถไฟก็เดินอ้าวไป ประจักษ์ร้องบอกให้รอวนิดาด้วยเพราะตนชวนไปพักที่บ้านเรา ถูกคุณนายมองอย่างไม่พอใจ ประจักษ์รีบชิงชี้แจงเสียก่อนว่า

"เขามีสิทธิ์ที่จะไปพักกับเรา เพราะเขาเป็นภรรยาผม" แล้วประจักษ์ก็พาวนิดาเดินไป ป้าทอง จวง และไปล่ลอยหน้ายิ้มแฉ่งตามไปด้วย

คุณนายกับพิสมัยพูดไม่ออก เดินหน้าบอกบุญไม่รับทั้งสองคน

แต่ พอเข้าบ้านพัก คุณนายก็แผลงฤทธิ์อีก ปรามวนิดาว่าอยู่ที่นี่อย่าสร้างความวุ่นวาย ตนมาพักผ่อนต้องการความสงบ วนิดาบอกว่าถ้าไม่มีใครมายุ่งกับตนก่อนตนก็จะอยู่เฉยๆไม่ไปรบกวนใคร

พอ คุณนายไปแล้ว วนิดาถามประจักษ์ว่าวิหารพระกลางน้ำอยู่ไหน เขาชี้ให้ดู วนิดาเห็นอยู่ไกลลิบๆ เธอมองวิหารด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังว่าจะเจอหลักฐานที่มาแก้ต่างให้ คุณย่าได้

วันรุ่งขึ้น ประจักษ์ออกมาจะไปหาวนิดา เจอพิสมัยเสียก่อน เธอบอกว่าวันนี้เราจะไปวัดด้วยกัน ประจักษ์หน้าเสีย พอดีวนิดากับป้าทองเดินมา พิสมัยแกล้งเข้าเกาะแขนประจักษ์ไว้อย่าง แนบชิดมองวนิดาพูดเย้ยว่า พวกตนกำลังจะไปหาหลวงพ่อให้ดูฤกษ์แต่งงาน จะเอาวันที่เร็วที่สุด เพราะถ้าถึงวันที่เธอหย่ากับประจักษ์ตนก็จะแต่งงานกันทันที

วนิดาหน้าเสียแต่ก็พูดแสดงความยินดีล่วงหน้าให้ แล้วเดินออกไปกับป้าทอง

พิสมัยพยายามจะรั้งประจักษ์ให้ไปกับตนแต่เขาไม่ไป อ้างว่ามีนัดกับผู้ใหญ่แล้วจ้ำอ้าวไปเลย

ประจักษ์ ไปทันวนิดาที่ลงเรือจะพายไปที่เกาะสั่งป้าทองที่ไม่กล้าไปให้ดูต้นทางให้ ด้วย แต่เธอพายเรือไม่เป็นเรือจึงวนอยู่ตรงนั้น ประจักษ์มาถึงดึงเรือไว้ พอรู้ว่าวนิดาจะไปวิหารพระกลางน้ำก็ไม่ยอมให้ไป วนิดาจึงจำต้องบอกความจริงว่า

"วิหารพระกลางน้ำเป็นสิ่งที่คุณย่าฉัน พูดไว้ก่อนตาย ฉันก็เลยอยากไปดูว่าที่นั่นมีอะไร บางทีอาจจะมีเงื่อนงำบางอย่างที่ทำให้คุณย่าฉันพ้นจากข้อกล่าวหาว่ามีชู้ ก็ได้ ฉันบอกคุณแล้ว อนุญาตให้ฉันไปได้หรือยัง"

ประจักษ์มองหน้า วนิดาอย่างทึ่ง ยิ่งเมื่อเธอบอกว่าถ้าต้องตายโดยที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณย่าได้ ตนก็พร้อมยอมตาย ประจักษ์บอกเธอทันทีว่า

"แต่ฉันไม่ยอมให้เธอตาย...ฉันจะไปกับเธอเอง" แล้วประจักษ์ก็ก้าวลงเรือ วนิดาขอบคุณเขาด้วยความดีใจ ประจักษ์ เอาไม้พายจากวนิดามาพายเอง ทั้งคู่บ่ายหน้าไปที่เกาะกลางน้ำ

ooooooo

เมื่อไปถึงทั้งคู่เดินฝ่าทางรกๆเข้าไปยังใจกลางเกาะกลางน้ำ จับจูงกันไปอย่างอบอุ่นจนถึงวิหารพระกลางน้ำ วนิดาพูดอย่างตื้นตันใจว่า

"ฉันนึกไม่ถึงนะคะว่าในที่สุดฉันก็ได้มาเห็นวิหารพระกลางน้ำตามที่คุณย่าท่านบอกเอาไว้จริงๆ"

ประจักษ์เร่งให้รีบเข้าไปดูข้างในกัน ต้องออกแรงมากกว่าจะเปิดประตูได้ และเมื่อเข้าไปแล้วต้องเปิดไว้อย่างนั้นเพราะท่านเจ้าคุณสร้างเป็นประตูกล เปิดจากข้างในไม่ได้เพื่อกันขโมย

หลังจากพยายามเปิดหน้าต่างที่ทั้งสูงทั้งฝืดสำเร็จ แสงสว่างส่องเข้ามาเป็นลำ ทำให้เห็นพระพุทธรูปทองเหลืองขนาดใหญ่มากมาย ประจักษ์บอกว่าพระเหล่านี้เป็นพระประจำวันเกิดแต่ละท่าน ส่วนใต้ฐานเป็นที่เก็บอัฐิ

"แล้วองค์ไหนเป็นของท่านเจ้าคุณมหศักดิ์คะ"วนิดามองหาพลางถามเพราะในนั้นเต็มไปด้วยฝุ่น

เมื่อช่วยกันหาแล้วไม่เจอ วนิดาตั้งจิตอธิษฐาน...

"คุณปู่คะ ดิฉันมาที่นี่ตามคำร้องขอของคุณย่ามณฑา ถ้าวิญญาณของท่านยังสถิตอยู่ที่นี่ ขอให้ท่านช่วยดิฉันหาในสิ่งที่คุณย่าต้องการเจอด้วยเถอะนะคะ"

ทันใดนั้นฟ้าผ่าเปรี้ยง! แล้วฝนก็ตกลงมาซู่ใหญ่ทั้งที่เมื่อครู่นี้ฟ้ายังสว่างใส วนิดานึกรู้ว่าตนใกล้จะเจอในสิ่งที่คุณย่า ต้องการแล้ว เธอมองไปที่พระประจำวันของท่านเจ้าคุณ กระเถิบเข้าไปจ้องนิ่งนึกในใจ "ท่านได้ยินที่ดิฉันอธิษฐานใช่ไหมคะ คุณปู่...บอกให้นิดรู้สิคะว่าทำไมคุณย่าถึงต้องการให้นิดมาที่นี่"

มือวนิดาปัดฝุ่นบริเวณฐานพระเป็นป้ายชื่อท่านเจ้าคุณแต่เธอยังไม่ทันเห็น ฝนตกหนักมากจนครู่ใหญ่จึงซาลง ประจักษ์ ชวนกลับเกรงเดี๋ยวฝนตกลงมาอีกจะกลับไม่ได้

"ถ้าฉันยังหาสิ่งที่คุณย่าต้องการไม่เจอ ฉันไม่กลับค่ะ คุณอย่าห้ามฉันเลยนะคะ ฉันมาถึงที่นี่แล้ว ฉันต้องหาสิ่งที่คุณย่าต้องการให้ได้"

เหมือนปาฏิหาริย์ มีแสงสว่างบางอย่างสาดเข้ามาที่ ฐานองค์พระของท่านเจ้าคุณเกิดประกายระยิบระยับ ทำให้วนิดาเห็นป้ายชื่อท่านเจ้าคุณ เธอชี้ให้ประจักษ์ดู เขามองตามอุทานอย่างตื่นเต้น

"จริงด้วย ที่แท้ก็โดนฝุ่นจับนั่นเอง" ประจักษ์เอามือปัดฝุ่นจนเห็นป้าย "พระยามหศักดิ์ธำรงค์" วนิดาเอะใจเอามือค่อยๆเลื่อนป้ายไปข้างๆจึงเห็นมีช่องลึกเข้าไปข้างใน วนิดาจะล้วงแต่ประจักษ์เกรงเธอจะได้รับอันตรายจึงล้วงเข้าไปเอง ได้หีบใบหนึ่งออกมาเขารีบเปิดฝาหีบ

ในหีบนั้นมีหีบทองเหลืองขนาดปานกลาง ข้างหีบมีกุญแจวางอยู่ ข้างๆนั้นมีจดหมายวางอยู่ฉบับหนึ่ง ที่จดหมายจ่าหน้าไว้ว่า "บันทึกของเจ้าคุณมหศักดิ์" ประจักษ์อุทานว่าเป็นลายมือคุณลุงเอง เขารีบแกะซองออกอ่านอย่างตื่นเต้น วนิดาชะโงกมาดูด้วยความตื่นเต้นตื้นตัน

"ข้าพเจ้า เจ้าพระยามหศักดิ์ธำรงค์ มีความในใจอยากจะขอแจ้งให้ผู้ที่พบจดหมายฉบับนี้ทราบว่า...คุณหญิงมณฑามห ศักดิ์ธำรงค์ ภรรยาของข้าพเจ้าซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีชู้ และยักยอกทำลายทรัพย์สมบัติของข้าพเจ้านั้น ความจริงคุณหญิงมณฑาเป็นผู้บริสุทธิ์...ไม่มีราคีแม้แต่น้อย หล่อนเป็นภรรยาที่ซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อข้าพเจ้าอย่างจะหาสตรีคนใดมาเปรียบได้"

ขณะเขียนจดหมายนั้นท่านเจ้าคุณนอนป่วยหนักอยู่บนเตียง แต่ท่านยังพยายามเขียนต่อ...

"ข้าพเจ้าเองเป็นผู้โง่เขลา หลงลงโทษหล่อนเพราะเชื่อคำยุยงของน้องสะใภ้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขับไล่มณฑาออกไปโดยไม่มีทรัพย์สินติดตัว ภายหลังข้าพเจ้าจึงทราบว่าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายเข้าใจผิด แต่ข้าพเจ้าไม่มีโอกาสรับหล่อนคืนมาดั่งเก่าเสียแล้ว..."

วนิดาน้ำตาคลอด้วยความสงสารทั้งท่านเจ้าคุณและคุณย่ามณฑา...ประจักษ์ยังคงอ่านต่อไปว่า

"ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังป่วยหนัก และถูกกีดกันการติดต่อทุกๆทางกับมณฑา โดยผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ทำให้ ข้าพเจ้าเป็นบ้าด้วยความหึงหวง ภายหลังข้าพเจ้าได้รับเครื่องเพชรที่หายไปคืนมาจาก "เจริญ" ชายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นชู้กับมณฑา ข้าพเจ้าจึงได้ซ่อนเครื่องเพชรทั้งหมดไว้กับจดหมายฉบับนี้"

ประจักษ์ชะงักเงยมองหน้าวนิดานิ่งแล้วจึงก้มลงอ่านต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ

"ข้าพเจ้าขอยกสมบัติทั้งหมดให้กับนางมณฑา มหศักดิ์ ภรรยายอดรักของข้าพเจ้า ถ้าท่านผู้ใดมาพบ ขอให้นำไปมอบคืนให้แก่มณฑา และขอได้กรุณาประกาศให้ได้ทราบถึงความบริสุทธิ์ของมณฑาด้วย วิญญาณของข้าพเจ้าจะขอบคุณอย่างยิ่ง พระยามหศักดิ์ธำรงค์"

ประจักษ์อ่านจดหมายจบ ทั้งเขาและวนิดาต่างนิ่งอึ้งพูดไม่ออก...

ooooooo
อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา ตอนที่ 15
ที่มาไทยรัฐ