อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 22 กันยายน 2553
“ก็ท่านทรยศข้าก่อน เสด็จย่าเป็นคนเริ่ม ข้าได้ยินที่ท่านคุยกับท่านซอฮุยกับจีแบก ตอนนี้อนาคตของฮวางจูอยู่ที่พระราชโอรส ท่านให้ข้าทำทุกอย่าง แต่พอพระราชโอรสประสูติ ท่านก็บอกว่าตอนนี้ข้าหมดประโยชน์แล้วใช่มั้ย?”
“น้องสาวของเจ้ายอมอภิเษกสมรสกับฝ่าบาทเพื่อช่วยเหลือเจ้า นี่เจ้ายังคิดจะแย่งบัลลังก์จากหลานของตัวเองงั้นรึ แถม เจ้ายังไปร่วมมือกับกลุ่มชิลลา ความทะเยอทะยาน มันบังตาเจ้าไปหมดแล้ว”
“ไม่ใช่หรอก เสด็จย่าต่างหากที่คอยบังตาข้า ถ้าท่านไม่มีเป้าหมายที่ซ่อนอยู่ ข้าจะยอมทิ้งความฝันของตัวเอง แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่เสด็จย่าต้องการ ก็คือการวางแผนเพื่อแก้แค้นพวกขุนนางของกลุ่มชิลลาต่างหากล่ะ”
“ย่าจำเป็นต้องทำอย่างนั้น เจ้าน่ะ.. ไม่รู้หรอกว่าชีวิตของย่ามันต้องทนทุกข์ และทรมานแค่ไหน ท่านพ่อของเจ้า จะต้องกินยาพิษฆ่าตัวตาย แม่ของเจ้าก็ต้องผูกคอตาย เจ้ารู้มั้ยว่า การทนเห็นพี่น้องตัวเองถูกฆ่าตายไปทีละคนมันเจ็บปวดแค่ไหน ย่าไม่มีวันลืมวันนั้น ได้เลย และไม่มีวันลืมจะแก้แค้น แต่เจ้า..เจ้ากลับไปสมคบกับไอ้พวกคนสารเลวพวกนั้น”
“เสด็จย่า แบบนั้นไม่ใช่โครยอที่ข้าต้องการ ที่ข้าต้องการคือ บ้านเมืองที่สงบสุขเจริญรุ่งเรือง นี่คือเหตุผลที่ข้าอยากเป็นพระราชา เพื่อจะจบการแก้แค้นที่ไม่มีวันสิ้นสุดนี้ลงซะ”
“หุบปากนะ ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไร ทุกอย่างมันก็จบไปแล้ว ฮ่ะ ๆ ขอบคุณ..ฟ้าดิน ที่ข้าเลือกองค์รัชทายาทโดยที่ไม่เลือกเจ้า รัชทายาทเป็นสายพระโลหิตตรงต้องเป็นราชา อยู่ห่าง ๆ จากขุนนางกลุ่มชิลลาเอาไว้ อีกไม่นานมันจะได้รับโทษที่สาสม”
“ไม่มีทางหรอก เสด็จย่า..ไม่มีวันทำสำเร็จอย่างแน่นอน ข้าจะเบิกฟ้าเบิกแผ่นดินใหม่” พูดจบองค์ชายวังชีก็เดินออกไป
“เจ้าหมายความว่ายังไง วังชี อย่าเพิ่งไปนะ วังชี”
---@@@---
ชอยซอม ชอยรัง ซินยูและอีรัง รวมสมัครพรรคพวกเคลื่อนทัพไปแค-กยอง
“เราจะมัวนั่งรอฝ่าบาทมาเชือดเฉือนเราฝ่ายเดียวไม่ได้หรอก ตอนนี้ฝ่าบาทกำลังมองเห็นพวกเราเป็นศัตรูนะ”
“นั่นสินะ สงครามมันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ในตอนนี้พวกเราจะต้องคอยดูความเปลี่ยนแปลงที่มันจะเกิดขึ้น” ชอยซอมบอก
---@@@---
ฮ่องเต้แปลกใจที่จีมองจะให้วังซึงเคลื่อนทัพมาช่วย เพราะวังซึงมีส่วนทำให้จีมงถูกเนรเทศโดยพระราชาองค์ก่อน จีมงบอกว่าเขาเห็นความปลอดภัยของฮ่องเต้ และบ้านเมืองสำคัญกว่าความแค้นส่วนตัว อีกทั้งทหารในวังหลวงก็ไม่น่าไว้วางใจ ทางฮวางจูก็เช่นกัน กองทัพวังซึงจึงเป็นกองทัพเดียวที่เชื่อถือได้
“เราจำเป็นต้องรีบเรียกพวกเค้ามาต้านทานกลุ่มฮวางจูและกลุ่มชิลลา นี่เป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องพระโอรสได้พ่ะย่ะค่ะ” จีมงบอก
---@@@---
ฮงพากองทัพของวังซึงมาที่วังแต่ทหารไม่เปิดประตูให้ วังซึงเอาพระบรมราชโองการให้ดูแต่ทหารก็ไม่ยอม โดยทหารบอกให้วังซึงปลดอาวุธและเข้ามาเพียง 100 คนก่อน ส่วนที่เหลือให้รออยู่ข้างนอก เพื่อความปลอด ภัยของฮ่องเต้ วังซึงหลงกลยอมทำตาม พอเข้ามา ทหารก็ปิดประตูเมือง ทำให้ทราบว่าฮงได้ร่วมกับจีมงหลอกล่อให้เขามาติดกับ จีมงฆ่า วังซึงและป้ายสีว่าวังซึงปลอมพระบรมราชโอง การ และคิดกบฏโดยนำกองทัพเข้ามาบุกเขตวังหลวง
---@@@---
จีมงเดินเข้ามาหาฮ่องเต้อย่างไม่ยำเกรงเหมือนก่อน และบอกว่ากบฏวังซึงถูกลงโทษแล้ว ฮ่องเต้คยองจงตกใจเพราะก่อนหน้านี้ จีมงว่าวังซึงจะมาช่วยกอบกู้บัลลังก์ คยองจงเริ่มเข้าใจว่าถูกหลอก
“ไม่จริง ต้องไม่ใช่แน่ เจ้าต่างหาก เป็นเจ้าต่างหาก... แค่ก ๆ ๆ ๆ.. มีใครอยู่บ้าง มานี่หน่อย แค่ก ๆ ๆ”
โกฮอนปรี่เข้ามา “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท เอ๊ะ.. นี่ท่าน ท่านเจ้ากรมชอยทำอะไรเนี่ย แล้วนี่ฝ่าบาท”
“ฝ่าบาทประชวรอยู่ข้าจะพากลับตำหนัก เจ้ารีบออกไปซะเอาตัวเค้าออกไป” จีมงลากตัวคยองจงเดินไป
---@@@---
จีมงบังคับให้คยองจงสละราชสมบัติ “ลองทบทวนดูเถิดว่าทรงปกครองบ้านเมือง ยังไง ทั้งประชาชนและไพร่ฟ้าต่างก็ไม่ยอมรับพระองค์อีกแล้วโปรดทำอะไรเพื่อโครยอบ้างเถอะ องค์ชายแห่งฮวางจูจะปกครองบ้านเมืองนี้ แทนพระองค์เองพ่ะย่ะค่ะ”
ด้านคังโจเอาข่าวเรื่องที่แม่ทัพวังซึงถูกฆ่าตายในฐานะกบฏมาบอกพระนางซินจอง พระนางซินจองแปลกใจไม่คิดว่าคนอย่างวังซึงจะเป็นกบฏได้ และว่าในวังต้องมีเรื่องอะไรแน่และบอกว่าจะไปที่แค-กยอง คังโจขอตามเสด็จด้วยเพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย
---@@@---
จีมงสั่งให้ทหารคุมทุกจุดในวัง โดยป้ายสีว่าวังซึงคิดกบฏโดยนำทหารสามพันคนพร้อมอาวุธจะบุกเข้าเขตวังหลวง แต่จีมงรู้เรื่องก่อนจึงปกป้องและฆ่าวังซึง จีแบกถามถึงฮ่องเต้ จีมง บอกว่าฮ่องเต้อาการประชวรไม่สู้ดีด้วยโรคฝีในปอด
“ข้าเองก็เพิ่งจะได้รับรู้เรื่องนี้ไม่นาน ว่าฝ่าบาททรงพระประชวรด้วยโรคร้ายอยู่ก่อนแล้ว”
“โรค..โรคร้ายงั้นเหรอ? ตอนนี้ฝ่าบาท ประชวรด้วยโรคอะไรกันแน่?” ยังยูถามน้ำเสียงตกใจ
“หมอหลวงบอกว่าฝ่าบาทประชวรเป็นฝีในปอด เรื่องกบฏที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ทำให้ฝ่าบาทรู้สึกสะเทือนพระทัยมาก พระอาการจึงทรุดหนักลงไปอีก”
“แล้วเวลานี้ฝ่าบาทอยู่ที่ไหน พวกข้าจะไปเข้าเฝ้าเพื่อเยี่ยมพระอาการของฝ่าบาท” อิงคองถาม
“ตอนนี้พระองค์ไม่อยากพบกับใคร พวกท่านอดทนรอกันหน่อยเถอะ พระองค์สะเทือนทั้งพระทัยและพระวรกายมาก ตอนนี้ทรงอยู่ในภาวะไม่ดีนัก ข้าสังหรณ์..ว่าพวกวังซึง อาจก่อความวุ่นวายอีก ดังนั้นในตอนนี้ข้าจึงต้องจัดให้ทหารเฝ้าทุกจุดของวังหลวงเอาไว้ อย่างแน่นหนาที่สุด” จีมงเสียงเข้ม
---@@@---
พระมเหสีฮวางโบซูเข้ามาพบฮ่องเต้ในห้องบรรทม ฮ่องเต้ที่กำลังป่วยหนัก บอกว่าจีมง และวังชีคิดล้มราชบัลลังก์ ฮ่องเต้เสียงแหบแห้ง
“ฝ่าบาท อยากจะตรัสอะไรเพคะ ตรัสใหม่อีกครั้งนะเพคะ”
“พระโอรส ๆ ลูกชายของพวกเรา..” คยองจงพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลหนัก
จีมงเดินเข้ามาในห้องบรรทมและบอก ว่าได้จัดทหารไว้ดูแลพระมเหสีและฮ่องเต้แล้ว หลังจากที่มีกบฏเมื่อคืน พระมเหสีฮวางโบซู บอกว่าสิ่งสำคัญตอนนี้คือการดูแลพระอาการประชวรและสั่งให้ไปตามหมอหลวงมาโดยเร็ว
---@@@---
พระนางซินจองสืบจนรู้ว่าจีมงหลอกให้วังซึงนำกองทัพมาที่วังหลวงและป้ายสีว่าเป็นกบฏ ขณะที่ฮ่องเต้คยองจงก็ประชวรหนักเพราะเป็นฝีในปอด ตอนนี้สถานการณ์ในวังตกอยู่ในมือของจีมง พระนางซินจองคิดหาทางแก้ไข โดยจะไปพบชอยซอม
---@@@---
จีมงบอกองค์ชายวังชีว่า เมื่อไหร่ที่วังชีได้ขึ้นครองราชย์สิ่งแรกที่จะต้องทำคือกำจัดพระราชโอรสและพระมเหสีฮวางโบซู วังชีตกใจมากที่ต้องฆ่าหลานและน้องสาว จีมงบอกว่าพระมเหสีและพระราชโอรสจะกลายเป็นอุปสรรคในการปกครองบ้านเมือง จีมงยังบอกอีกว่าหากไม่ฆ่าพระมเหสี วังชีจะเป็นฝ่ายถูกฆ่าเอง เพราะดวงชะตาของวังชี และพระมเหสีมันข่มทับ กันอยู่ วังชีไม่เห็นด้วยกับการฆ่าน้องสาวและหลาน วังชีจึงเสนอให้แยกพระมเหสีและพระราชโอรส อย่าให้อยู่ด้วยกัน
---@@@---
ซินจองคิดแผนที่จะหยุดจีมง โดยไปบอกพระมเหสีฮวางโบซูว่าจะให้พระราชโอรสขึ้นครองราชย์ พระมเหสีตกใจมากเพราะพระราชโอรสอายุไม่ถึงขวบ พระนางซินจองจึงให้พระมเหสีเข้าเฝ้าฮ่องเต้และให้ฮ่องเต้มีพระบรมราชโองการสละราชบัลลังก์ให้กับพระราชโอรส พระมเหสีสับสนมากเพราะเท่ากับว่าแช่งฮ่องเต้ แต่พระนางซินจองบอกว่าไม่มีเวลาแล้วเพราะตอนนี้จีมงและวังชีกำลังร่วมมือกับกลุ่มชิลลาเพื่อหวังขึ้นครองราชบัลลังก์
---@@@---
อาการของฮ่องเต้ทรุดลงอย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้ให้ไปตามวังชีมาพบ และขอร้องให้วังชีไว้ชีวิตพระมเหสีฮวางโบซูและพระราชโอรสและกับราชบัลลังก์ วังชีบอกว่าเขาไม่คิดจะฆ่าน้องสาวและหลาน
“เจ้าจะต้อง... รักษาสัญญา ถ้าเจ้ากล้าผิดสัญญา ข้าจะขึ้นจากปรโลกมา เพื่อ..เอาชีวิตเจ้า ข้าจะกลับขึ้นมาเพื่อเอาชีวิตของเจ้าไปด้วย”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอสัญญา”
“ดีมาก ตอนนี้เจ้าไปเรียกชอยจีมงมาได้แล้ว ข้าจะเขียนราชโองการ สละราชบัลลังก์ให้ ละครหุ่นเชิดมันควรปิดฉากลง...ในวันนี้ได้แล้ว”
---@@@---
พระมเหสีรีบมาที่ห้องบรรทมหลังพระอาการประชวรทรุดลง ฮ่องเต้บอกว่าได้ยกบัลลังก์ให้กับวังชีแล้ว พระมเหสีบอกทราบเรื่องแล้วและไม่เสียใจเพราะจะได้พาฮ่องเต้ไปรักษาตัวให้หายจากพระอาการประชวร ฮ่องเต้บอกว่าเวลาตนเองเหลือไม่มาก พร้อมกับขอโทษพระมเหสีที่เป็นพระราชาและพระสวามีที่ไม่ดี
“พอข้าตายไป ข้าไม่อยากให้เจ้าต้อง อยู่โดดเดี่ยวนานเกินไปข้าไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้น มเหสีของข้า ในวันหน้า หากเจ้ามีความสุขดีก็ขอให้เจ้าคิดถึงข้าบ้างนะ ถึงข้าจะเป็นคนโง่เง่า แต่ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าลืมข้า”
ฮ่องเต้เริ่มพูดไม่ได้ อาเจียนเป็นเลือด พระมเหสีฮวางโบซูให้รีบตามหมอหลวง
“ข้าอยากเห็นหน้าลูกเรา อยากเห็นลูก..” ฮ่องเต้พยายามตรัสออกมาแต่แผ่วเบาเต็มที พระมเหสีให้คนไปอุ้มพระราชโอรสมาโดยเร็ว
“ฝ่าบาท ไม่ต้องห่วงนะเพคะ อีกไม่นาน ลูกเราก็จะมาหาแล้ว ฝ่าบาท ๆ ลืมตาสิเพคะ พระองค์ต้องไม่ตายสิ ฮือ ๆ ๆ ตื่นขึ้นสิเพคะฝ่าบาท ฮือ ๆ ๆ พระองค์เคยสัญญาว่าจะปกป้องหม่อมฉัน กับลูกของเราไม่ใช่เหรอ นี่เหรอเพคะสัญญาของพระราชา ฝ่าบาทอย่าเพิ่งไปสิเพคะ ยกบัลลังก์ให้พวกเค้าไป ยกทุกอย่าง ให้พวกเค้า แล้วเราก็ไปจากวังที่ไม่ต่างจากคุกนี่ ฝ่าบาท ๆ ตื่นขึ้นมาสิเพคะ ฝ่าบาท ๆ.. ๆ.. ๆ..”
---@@@---
คริสต์ศักราชที่ 981 พระราชาสิ้นพระชนม์ในพระตำหนัก ครองราชย์นาน 6 ปี มีพระชนมายุ 26 พรรษา ตามบันทึกที่จารึก พระองค์ทรงเป็นพระราชาที่อ่อนโยน แต่ช่วงท้ายของพระชนม์ชีพ กลับทรงเบื่อหน่ายในราชกิจและฝักใฝ่สุรานารีจนพระพลานามัยอ่อนแอ พระองค์เข้าใกล้คนพาล และออกห่างจากคนดี ทำให้การบริหารงานราชสำนักเกิดความเสื่อมถอย เมื่อสิ้นพระชนม์ไปแล้ว พระศพฝังอยู่ที่ เขาทางใต้ของเมืองแค-กยอง มีชื่อว่า ยองนึง หลังจากพระเจ้าคยองจงพระราชาองค์ที่ห้าสิ้นลง พระเจ้าซองจงก็ทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อ
หลังจากฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ วังชีบอกให้ฮวางโบซูไปอยู่วังซงด๊อกและจะเรียกฮวางโบซูว่าพระนางซุงด๊อก แต่จะให้วังซงอยู่ที่วังแห่งนี้ ฮวางโบซูตกใจที่วังชีจะพรากลูกพรากแม่วังชีอ้างว่าเป็นฮ่องเต้รับสั่งไว้ก่อนสิ้นพระชนม์ ฮวางโบซูไม่เชื่อว่าฮ่องเต้จะตรัสเช่นนั้น วังชีเสียงเข้มบอกเป็นพระบรมราชโองการห้าม ฝ่าฝืน
“คำสั่งพระราชารึ เหอะ ๆ นั่นสิ หม่อมฉันเข้าใจแล้วล่ะเสด็จย่าพูดไว้ไม่ผิดเลย ฝ่าบาท พี่ชายหม่อมฉันทะเยอทะยานอยากครอบครองบัลลังก์นี้มาก ท่านทำอะไรไว้กับพระราชาองค์ก่อนกันแน่?”
“นี่เจ้าพูดบ้าอะไร?”
“ท่านอย่ามาเสแสร้งดีกว่า ในคืนที่เกิดเรื่องวุ่นวาย ในวันที่อาการประชวรของฝ่าบาทกำเริบหนัก คืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ฝ่าบาทตรัสถึงชื่อของท่านกับชอยจีมงซ้ำไปซ้ำมา ท่านกับชอยจีมงทำอะไรฝ่าบาท?”
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“เสด็จย่าเคยเตือนไว้แล้วว่า ท่านสม คบรวมหัวกับพวกกลุ่มชิลลาวางแผนจะชิงบัลลังก์”
“เจ้าอย่าไปฟังเสด็จย่ามากนักเลย เสด็จย่าเป็นคนอันตราย”
“ไม่เลย ท่านต่างหากที่เป็นคนอันตราย ทำไมท่านถึงต้องแยกหม่อมฉันกับลูกออกจากกันด้วย? เพราะกลัวว่าจะเป็นภัยต่อบัลลังก์ของท่านใช่มั้ยล่ะ? ถ้าอย่างนั้น หม่อมฉันขอบอกไว้เลยว่า ไม่จำเป็นต้องมากังวลหรอก หม่อมฉัน กับลูกวังซง..ไม่ได้อยากได้อำนาจเลยแม้แต่น้อย อย่าคิดจะแยกหม่อมฉันกับลูกออกจากกัน ท่านไม่มีวัน ท่านไม่มีวันจะทำสำเร็จหรอก”
---@@@---
ฮวางโบซูมาบอกฮวางโบซอลที่วังชีจะพรากลูกพรากแม่ ฮวางโบซูบอกจะปกป้องลูก จะไม่ยอมให้ลูกอยู่ในวังเพียงคนเดียว ฮวางโบซูและฮวางโบซอลตัดสินใจที่จะกลับไปอยู่ฮวางจู
---@@@---
วังชีสั่งให้เหล่าทหารแยกตัวพระราช โอรสกับฮวางโบซู ฮวางโบซูพยายามอ้อนวอนวังชี
“พี่ชาย.. เมื่อก่อนเราพี่น้องเคยรักกันแค่ไหน ทำไมตอนนี้ท่านถึงทำได้ลงคอ ฮือ พี่ชายคะ พี่ชายคะ นี่เจ้ากล้ามาแตะต้องตัวข้ารึ ฝ่าบาท ๆ ได้โปรดคืนลูกให้หม่อมฉันด้วย ฮือ ๆ หม่อมฉันจะไม่ขออะไรเลย ขอแค่..คืนลูกมาให้หม่อมฉันก็พอ ลูกเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของข้าพี่ชายคะ ๆ ๆ”
---@@@---
พระนางซินจองทราบข่าวเรื่องที่ฮวางโบซูถูกพรากพระโอรส
“หม่อมฉันนึกไม่ถึง ว่าฝ่าบาทจะทำกับพระนางซุงด๊อกอย่างนี้ได้ลงคอ พระนางยอม อภิเษกก็เพราะฝ่าบาท ตอนที่พระนางถูกขับไล่ออกจากวังหลวง พอดีหม่อมฉันก็เหลือบไปเห็น พระสนมใหม่..เชิดหน้าชูตาเข้ามาวังหลวง เห็นแล้วเจ็บปวดใจเหลือเกิน
“พระสนมเหรอ? ยังไม่ทันที่พระมเหสีจะเข้าวังก็มีสนมแล้วรึ?” พระนางซินจองกล่าว อย่างสงสัย
“เพคะนางได้รับแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นพระนางยอนฮึง หม่อมฉันได้ยินว่า พวกเค้ารักกันตั้งแต่ฝ่าบาทยังเป็นองค์ชายอยู่เลย”
“พ่อของนางก็คือ.. คิมวอนซุงใช่มั้ยหา?”
“ใช่เพคะ”
---@@@---
วังชีประกาศยกเลิกพิธีพัลกวนที่มีมาแต่บรรพกษัตริย์ จีแบกและซอฮุยค้าน วังชีให้เหตุผลว่าเป็นประเพณีที่ฟุ่มเฟือย ชอยซอมต่อว่าจีแบกและซอฮุยที่จะขัดพระกระแสรับสั่ง
“แล้วคนอื่นที่เหลือล่ะ มีความเห็นยังไง?” วังชีหันไปถามเสนาคนอื่น ๆ
“ฝ่าบาทนี่เป็นการตัดสินพระทัยที่ปรีชา กระหม่อมก็คิดว่าพิธีพัลกวนเป็นพิธีที่สิ้นเปลือง มาก มีแต่สุรานารีควรรีบล้มเลิกไปเสียพ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้นี่จะเป็นพิธีที่พระเจ้าแทโจทรงกำหนดขึ้น แต่หากคิดจะรักษาพิธีกรรมที่สิ้นเปลืองและไร้ประโยชน์นี้ต่อไปก็คงจะเป็นเรื่องที่.. โง่เขลาอย่าง ยิ่งพ่ะย่ะค่ะ” เอินคงกราบทูล
“ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ถ้าฝ่าบาท สามารถเอาเงินที่สิ้นเปลืองไปกับการจัดพิธี กรรมแต่ละปีไปใช้กับประชาชนแทน ประชาชนก็จะสรรเสริญในพระกรุณาธิคุณและพระปรีชาของพระองค์”
“นี่คือ ความเห็นของพวกท่านใช่รึเปล่า?”
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
---@@@---
พระนางซินจองมาเยี่ยมฮวางโบซูที่กำลังเสียใจอย่างหนัก
“ลองดูสภาพของเจ้าสิ เพราะอย่างนี้แหละ ย่าถึงอยากให้ลูกชายเจ้าได้ขึ้นครองราชย์ ไม่งั้นเจ้าก็ต้องมามีสภาพแบบตอนนี้ ตอนนี้เจ้าไม่มีลูกแล้วแถมยังถูกพามาอยู่นี่อีก” พระนาง ซินจองมองหลานสาว
“ข้าไม่เคยสนใจราชบัลลังก์เลย เสด็จย่า ช่วยด้วย ช่วยพาลูกข้ากลับมาที เสด็จย่า..ข้าขอร้อง..” ฮวางโบซูอ้อนวอน “เดี๋ยวนี้พี่ชาย เค้าไม่อยากเจอหน้าข้าอีกต่อไปแล้ว ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเค้าถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ข้าอยากให้เค้าบอกข้าว่า...ข้าทำอะไรทำผิดตรงไหน แต่เค้าก็ไม่ยอมพูดกับข้า ข้าไม่อยากได้ราชบัลลังก์เลยจริง ๆ เสด็จย่าช่วยไปขอร้องพี่ชายให้ข้าทีนะ..”
“ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวย่าจะไปบอกกับเค้าให้เอง กินอะไรสักหน่อยเถอะ”
“ข้าไม่อยากกินเลย ข้าไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น ข้าเสียใจจนแทบหายใจไม่ออกอยู่แล้ว.. เสด็จย่า ช่วย..พาลูกกลับมาให้ข้าที ช่วยพาลูกกลับมาให้ข้าที เสด็จย่าขอร้องล่ะ ฮือ ๆ ๆ..”
---@@@---
ซินจองมาหาจีแบกบังเอิญเจอกับซอฮุยด้วย และทราบว่าวังชีจะยกเลิกพิธีพัลกวน พระนางซินจองจึงเสด็จไปหาวังชีเพื่อถามเรื่องราว วังชีบอกเป็นเรื่องจริง
“แต่ว่าพิธีพัลกวน เป็นคำสั่งของบรรพกษัตริย์ นี่เป็นพิธีสำคัญที่ทางโครยอ ประกาศแก่ทุกแว่นแคว้นว่า โครยอนั้นไม่ใช่เมืองขึ้นของใคร มันไม่ได้เป็นแค่งานรื่นเริงอย่างที่คิดกันนะโครยอไม่ควรห่วงการทูต แต่ควรจะห่วงการเมืองภายในของตัวเอง”
“การเมืองภายในของท่านหมายความว่ายังไง นำลัทธิของขงจื๊อเข้ามา แล้วหลอมรวมเข้ากับวัฒนธรรมจีนงั้นเหรอ?”
“ลัทธิ..ขงจื๊อ เป็นหลักปรัชญาที่สอนให้ผู้คนมีคุณธรรม ข้าจะประกาศให้ประชาชนรู้ว่า ข้าจะเปลี่ยนโครยอเป็นประเทศที่นับถือลัทธิขงจื๊อแทน”
“อย่างนั้นเหรอ หรือเป็นเพราะปรัชญา ขงจื๊อที่ทำให้ฝ่าบาทพรากลูกที่แบเบาะไปจาก น้องสาวที่เคยช่วยชีวิตท่าน”
“ข้าทำไป ข้าทำไปเพื่อจะปกป้ององค์ชายต่างหาก”
“องค์ชายอะไรกัน รัชทายาทต่างหาก”
“โอรสที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งก็ไม่ใช่รัชทายาท นี่เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล”
“งั้นรึ? ฝ่าบาทแย่งชิงเอาบัลลังก์ของรัชทายาทไปแล้ว ยังจะแย่งสิทธิที่เค้าจะได้ขึ้นครองราชย์ต่ออีก ไอ้พวกขุนนางกลุ่มชิลลาบอกให้ท่านทำอย่างนี้ใช่มั้ย? ข้าขอให้ฝ่าบาทรีบหยุดเดี๋ยวนี้ และส่งรัชทายาทคืนให้พระมเหสี ข้ากับนางจะเป็นคนดูแลเค้าเอง” พระนางซินจองเสียงเข้ม
“เสด็จย่า ข้าไม่ใช่เด็กที่จะทำตามคำสั่งของท่านอีกแล้วนะ ตอนนี้ข้าคือพระราชาโครยอ ดังนั้นข้าขอสั่งให้ท่านระวังคำพูด”
“เอาอย่างนี้ใช่มั้ย? แล้วจะให้ย่าคนนี้คุกเข่าขอร้องต่อหน้าด้วยรึเปล่าล่ะ ถึงจะยอมตัดขาดกับกลุ่มชิลลาแล้วเรียกจิตสำนึกของตัวเองกลับมา”
“ท่านจะเอายังไงอีก ข้าทำแบบนี้ก็เพราะท่าน เป็นเพราะเสด็จย่านั่นแหละ ถ้าเทียบกับกลุ่มชิลลาข้ายังกลัวท่านมากกว่าเป็นร้อยเท่า”
“ว่าอะไรนะ?”
“ทุกครั้งที่ข้านึกถึงการเข่นฆ่า ที่มา จากความแค้นในใจของท่าน ก็กลัวจะแย่แล้ว ข้าถึงอยากให้องค์ชายอยู่ไกล ๆ ไม่ต้องมารับอิทธิพลจากท่านอีก ท่านกลับไปดีกว่า ไม่ต้องมาสอนว่าพระราชาต้องทำอะไร” วังชีพูดตัดบท
---@@@---
ซินจองกลับมาตำหนัก ฮวางโบซูและ ฮวางโบซอลรีบเข้ามาถาม ซินจองบอกองค์รัชทายาทสบายดี แต่ตอนนี้วังชีไม่ใช่หลานคนเดิมอีกแล้ว เพราะวังชีเป็นเพียงหุ่นเชิดของกลุ่มชิลลาเท่านั้น พร้อมกับบอกหลานสาวทั้งสองคนให้เก็บข้าวของเพื่อกลับฮวางจู
“เสด็จย่า ไม่มีลูกข้าจะอยู่ยังไง ข้าจะไปโดยไม่มีลูกไปด้วยได้ยังไง? ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ...” ฮวางโบซูคร่ำครวญ
---@@@---
ผ่านไป 2 ปี พระเจ้าซองจงทรงเห็นด้วยกับแนวความคิดของชอยซึงโล ที่เสนอให้รวมอำนาจเข้าศูนย์กลาง ชอยซึงโล เสนอแผนปฏิรูปการปกครองตามความคิดศาสนาขงจื๊อ 28 ข้อ ซองจงยึดถือแนวทางนี้ ยกเลิกกิจกรรมทางศาสนาพุทธ จัดแบ่งงานโดยเท่าเทียม จัดแบ่งลำดับขั้น และประกาศนโยบายที่เน้นให้มีการยกย่องและเทิดทูนอำนาจของพระราชาไว้สูงสุด จัดตั้งระบบแบ่งแผ่นดินเป็น 12 ส่วน จำกัดอำนาจขุนนางท้องถิ่นไม่ให้สืบทอดตำแหน่งแต่ต้องแต่งตั้งจากพระราชาโดยตรง
อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 22 กันยายน 2553
ที่มาเดลินิวส์