@^@..อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว ตอนที่ 4

@^@..อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว
ตอนที่ 4
"รุ้งทำเพื่อความสบายใจค่ะ ยิ่งเห็นคุณพ่อเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกว่าอะไรๆมันไม่แน่นอน เลยไม่อยากให้เกิดปัญหาอะไรทีหลัง แล้วก็อยากให้ทุกท่านรับทราบไว้ด้วย ถ้าหากรุ้งเป็นอะไรไปจริงๆ หุ้นที่รุ้งมีอยู่จะเป็นยังไง" ทอรุ้งเหลือบมองปฏิกิริยากรองกาญจน์ แต่เธอนิ่งมากเหมือนไม่สนใจนัก ในขณะที่คนอื่นๆจ้องมองทอรุ้งอย่างสนใจมาก ทอรุ้งจึงหันไปให้ คฑาวุธอธิบายต่อ

"ถ้าหากคุณทอรุ้งได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต หุ้นทั้งหมดของคุณนเรนทรและคุณทอรุ้งจะตกเป็นของคุณเปรมยุดา เมื่อรวมกับหุ้นที่คุณเปรมยุดามีอยู่แล้วก็จะถือว่าคุณเปรมยุดาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สามารถเข้ามาบริหารเอ็นอาร์กรุ๊ปต่อไปได้"

กรองกาญจน์ตะลึงอย่างนึกไม่ถึง ทอรุ้งยิ้มพลางเหลือบตามองไปทางกรองกาญจน์เป็นเชิงเยาะ กรองกาญจน์ กำมือแน่นเจ็บใจสุดๆ แล้วกลับไปที่ห้องตัวเอง เรียกคมชิตมาหารืออย่างเคร่งเครียด

"นังทอรุ้งมันนึกว่าทำพินัยกรรมแบบนี้แล้วฉันจะไม่กล้าฆ่ามัน รู้จักฉันน้อยไปแล้ว"

"แต่คราวนี้เราก็ฆ่ามันไม่ได้แล้วจริงๆ ไม่งั้นอามันก็จะเข้ามาบริหารแทน ถือว่าเราเหนื่อยเปล่า"

"เราก็ไม่ต้องฆ่ามันสิ แต่ทำให้มันบริหารเอ็นอาร์กรุ๊ปไม่ได้ แล้วฉันค่อยเข้าไปบริหารแทนเอง"

"คุณกรองจะทำยังไงครับ"

กรองกาญน์ไม่ตอบ แต่ยิ้มร้ายอย่างมีแผน

ooooooo

ก้องกฤตเจ็บแค้นใจในการกระทำอย่างไม่ไว้ หน้าของทอรุ้ง เขากลับมาดื่มเหล้าแล้วอาละวาดปาแก้วแตกกระจายเกลื่อนพื้น กรองกาญจน์กลับเข้ามาพร้อมคมชิต ถึงกับผงะตกใจ

"ตายแล้ว...นี่มันอะไรกันตาก้อง แกผลาญแก้วเหล้าหมดไปเป็นโหลเลยเหรอ"

"ก็ผมโมโหนังทอรุ้ง แต่ผมทำอะไรมันไม่ได้นี่ครับคุณแม่ หรือจะให้ผมวิ่งไปเชือดมันให้หายโกรธ"

"ผมว่าก็ดีนะครับ คุณก้องเสียสละแทนคุณแม่ ไปเชือดทอรุ้งตาย ทุกอย่างก็สมใจคุณแม่ ส่วนโทษของคุณก้องนั้นอาจจะติดคุกตลอดชีวิต หรือไม่ก็โทษประหาร"

"อ้าว นี่คุณคมชิตมาพูดกวนประสาทกันทำไมเนี่ย" ก้องกฤตมองคมชิตตาขวาง

"ใจเย็นๆก้อง อย่าเพิ่งเอะอะโวยวายไป ตอนนี้เราอาจจะเป็นรองทอรุ้ง เพราะที่ผ่านมาเราใจร้อนเกินไป"

"จะให้ผมใจเย็นอย่างไอ้พี่ต่องั้นเหรอ ที่ยอมไปรับใช้เป็น ทาสยัยทอรุ้งแบบนั้น แทนที่จะเป็นหูเป็นตาให้เราว่าทอรุ้งคิดจะทำอะไร นี่กลับช่วยมันไล่บี้ผมกับแม่จนตั้งหลักไม่ติดแบบนี้"

"พี่ไม่ได้ช่วยทอรุ้งไล่บี้แกกับแม่นะ"

ทุกคนหันขวับมองต่อตระกูลที่ส่งเสียงเข้ามา ก้องกฤต จ้องต่อตระกูลอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

"สะใจแล้วใช่ไหมพี่ต่อ ที่ช่วยนังแม่มดนั่นทำลายแม่กับน้องตัวเอง"

"สิ่งที่คุณแม่กับแกทำมันผิดจริงๆ พี่เคยเตือนหลายต่อหลายอย่าง ก่อนที่รุ้งจะกลับจากฝรั่งเศสเสียอีก แต่ไม่มีใครเชื่อพี่ พี่อยากจะช่วยแต่ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะพี่เองก็ไม่รู้ว่าทอรุ้งจะทำอะไรกับใครเมื่อไหร่"

"นี่พี่ต่อคิดจะมาซ้ำเติมก้องอีกเหรอ ที่ผ่านมานัง ทอรุ้งยังเหยียบย่ำเราไม่สาแก่ใจอีกหรือไง อ๋อ ใช่สิ ตอนนี้พี่ต่อขยับขึ้นไปใหญ่โตเคียงบ่าเคียงไหล่เจ้านายใหญ่แล้วนี่ แต่งานที่ทำไม่ผิดอะไรกับคนใช้ ทุเรศที่สุด!"

"ก้อง! แกพูดเกินไปแล้วนะ ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้" ต่อตระกูล เริ่มโมโห

"เกินไปยังไง ก้องพูดความจริง พี่ต่อเป็นพี่ที่ทุเรศที่สุด ยอมอยู่ใต้ชายกระโปรงของนังผู้หญิงคนนั้นโดยที่ไม่คิดจะช่วยแม่กับน้องตัวเอง"

"ถ้าทำทุกอย่างอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ทอรุ้งก็ไม่มีทางเอาผิดกับใครได้หรอก และพี่ขอเตือนไว้อีกอย่าง ว่าอย่าได้คิดทำอะไรผิดอีก"

"เลิกปกป้องนังนั่นได้แล้ว!" ก้องกฤตไม่พูดเปล่า ถลันเข้าไปกระชากคอเสื้อต่อตระกูลแล้วทำท่าจะชก ต่อตระกูลพยายามผลักน้องชายออก ขณะที่กรองกาญจน์กับคมชิตก็เข้าช่วยกันดึงกันห้ามแล้วลากก้องกฤตขึ้นไปสงบสติอารมณ์ในห้องข้างบน แต่ก้องกฤตยังโวยวายไม่หยุด หาว่าแม่เข้าข้างพี่ต่อ ทั้งที่มันช่วยคนอื่นฆ่าเราชัดๆ

"แม่ไม่ได้เข้าข้าง แต่แกฟังแม่ก่อน ตอนนี้เราต้องยอมทอรุ้งทุกอย่าง เพราะมันถือไพ่เหนือกว่าเรา"

ก้องกฤตชะงักกึกอย่างไม่เข้าใจ "แม่ว่าไงนะครับ"

"คืองี้ครับคุณก้อง ผมกับคุณกรองปรึกษากันแล้ว คราวนี้เราคงใช้ไม้แข็งกับทอรุ้งไม่ได้ เพราะมันรู้ตัวแล้ว แถมคุณต่อก็ช่วยปกป้องมันอยู่ เราต้องใช้ไม้นวมเข้าสู้" คมชิตอธิบาย

"แม่คงต้องกลับไปเล่นละครอีกครั้ง และแกก็ต้องร่วมมือกับแม่ด้วย"

"แต่นังทอรุ้งมันไม่ไว้ใจใครง่ายๆหรอกนะครับ แม่กับคุณคมชิตแน่ใจเหรอว่ามันจะเชื่อพวกเรา"

"ผมเชื่อว่าคุณแม่คุณทำได้แน่ครับ เพียงแต่ว่าอาจต้องใช้เวลาและความอดทนสักหน่อย"

"ขนาดนเรนทรฉันยังเอาอยู่ แค่เด็กเมื่อวานซืนอย่างนังทอรุ้งไม่คณามือฉันหรอก" กรองกาญจน์ยิ้มกระหยิ่มมั่นใจ ก่อนจะหันมาลูบหลังก้องกฤตเป็นเชิงปลอบ "อดทนเพื่อแม่นะก้อง ตาต่อน่ะแม่หวังพึ่งไม่ได้แล้ว ก็ต้องพึ่งแกนี่แหละ ต่อไปนี้ แกต้องตั้งใจทำงานให้ดี ปรับปรุงตัวเสียใหม่ให้นังทอรุ้งมันตายใจ แล้วทุกอย่างที่หลุดลอยไปก็จะกลับคืนมา"

แววตาของกรองกาญจน์ลุกวาวขึ้นมาอย่างเหี้ยมเกรียม...

ขณะเดียวกันนั้นที่บ้านวิเศษเวโรจน์ เปรมยุดากับทอรุ้งกำลังกินอาหารค่ำอย่างสบายอารมณ์ โดยเฉพาะเปรมยุดานั้นถึงกับหัวเราะร่าสะใจที่เมื่อบ่ายหลานสาวเล่นงานกรองกาญจน์ จนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ส่วนก้องกฤตก็เส้นเลือดแทบแตก

"แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าน้ากรองกับก้องจะสำนึกผิดหรือยัง หรือคิดจะทำอะไรต่ออีก"

ปริกยกอาหารมาเสิร์ฟและคอยเงี่ยหูฟังทั้งสองคน เปรมยุดาเบือนหน้าไปเห็นจึงกระแอมอย่างรู้ทัน ปริกเลย ล่าถอยออกไป แต่ยังคงวนเวียนแอบฟังอย่างตั้งใจ

"อาว่าอย่างสองคนนั้นไม่สำนึกผิดง่ายๆหรอก เราต้องคอยตั้งรับให้ดีๆ"

"ต่อไปรุ้งจะต้องสืบให้ได้ว่าคุณพ่อป่วยเพราะอะไร และลุงพงศ์อยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะลุงพงศ์นี่แหละค่ะ ที่จะไขปริศนาทั้งหมด" ทอรุ้งกล่าวด้วยสีหน้ามุ่งมั่งจริงจัง

ตอนที่ 4

กรองกาญจน์เองก็ตั้งใจพลิกสถานการณ์แก้เกมของทอรุ้งอยู่เช่นกัน เช้าวันรุ่งขึ้นกรองกาญจน์เดินทางไปพบหมอพิธานภายในห้องรับรองของสถานบำบัด แล้วยื่นข้อเสนอบางอย่างให้หมอพิธาน แต่ฝ่ายนั้นดูจะยึกยักพอสมควร

"เรื่องที่คุณกรองให้ผมช่วย มันเท่ากับให้ผมทำงาน เพิ่มขึ้นอีกนะครับ ผมคงต้องขอค่าเสียเวลาเพิ่มด้วย"

"แต่ที่ฉันให้หมอไปแต่ละเดือนมันก็ไม่น้อยแล้วนะ ยังจะขอเพิ่มอีกเหรอ"

"มันไม่มากหรอกครับคุณกรอง ผมรู้ว่าสิ่งที่คุณจะได้ มันมากกว่าที่ผมขอตั้งหลายเท่า"

"ฉันขอให้หมอลดปริมาณยาลง ให้คุณทรอาการดีขึ้น มันง่ายกว่าทำให้เขาบ้าตั้งเยอะ"

"อย่าลืมนะครับว่าลดปริมาณยาลง ก็เท่ากับคุณนเรนทร ควบคุมตัวเองได้มากขึ้น แต่ผมจะควบคุมเขาได้น้อยลง และเสี่ยงมากที่เขาจะสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้รู้เรื่อง คุณกรองคงไม่อยากให้คุณนเรนทรบอกอะไรๆกับคุณทอรุ้งหรอกนะครับ"

"แสดงว่าหมอเองก็อาจจะควบคุมคุณทรไม่ได้"

"ผมควบคุมได้ครับ แต่อาจต้องใช้เวลากล่อมนานสักหน่อย บอกแล้วว่าไม่ใช่งานง่ายๆหรอกนะครับคุณกรอง"

กรองกาญจน์อึ้งไปอย่างยอมรับ...หลังจากต่อรองจนได้ ราคาค่าจ้างเป็นที่พอใจแล้ว พิธานก็กลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง เปิดเว็บไซต์เกี่ยวกับรถสปอร์ตดูอย่างสบายใจเฉิบ สักครู่กิ่งแก้ว ถือกล่องยาตัวใหม่ที่พิธานใช้ให้ไปเบิกมาวางลงบนโต๊ะ แต่พิธาน ยังคงจ้องจอคอมพิวเตอร์ไม่ละสายตา ทำให้กิ่งแก้วสงสัยขยับเข้ามาโอบไหล่เขา ยื่นหน้าดูด้วย

"ดูรถคันใหม่อยู่นี่เอง ถ้าซื้อแล้วหมอต้องให้กิ่งนั่ง เป็นคนแรกนะคะ"

"อย่าน่ากิ่ง นี่มันที่ทำงานนะ" พิธานปลดมือกิ่งแก้วออกอย่างรำคาญ เท่านั้นเองกิ่งแก้วก็แง่งอนใส่พิธานทันที

"เมื่อไหร่หมอจะยอมรับกิ่งอย่างออกหน้าออกตาซะที ล่ะคะ หรือว่าเห็นกิ่งเป็นแค่คู่นอนเฉยๆ กิ่งไม่ยอมจริงๆด้วย กิ่งอุตส่าห์ช่วยหมอทุกอย่างเลยนะคะ แม้แต่ทำเรื่องที่ผิด"

"จุ๊ๆ อย่าเอะอะไปได้ไหม เดี๋ยวใครก็ได้ยินเข้าหรอก"

"เดี๋ยวก็กลัวคนเห็น เดี๋ยวก็กลัวคนได้ยิน กิ่งอึดอัดจะแย่อยู่แล้วนะคะหมอ"

"แล้วเธอจะเอายังไง จะให้ฉันออกไปประกาศเดี๋ยวนี้เลยไหมว่าเราเป็นอะไรกัน"

"ก็เอาสิคะ ออกไปพร้อมกันเดี๋ยวนี้เลย"

พิธานตกใจที่เห็นกิ่งแก้วบ้าเลือด จึงเสแสร้งใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

"นี่กิ่ง...เธอใจเย็นๆหน่อยได้ไหม ฉันขอเวลาบ้าง รอให้งานของคุณกรองสำเร็จเสียก่อน ถึงตอนนั้นเธออยากได้อะไรฉันก็จะให้"

"จริงนะคะหมอ"

"จริงสิ เธอออกไปเตรียมคุณนเรนทรให้พร้อมก่อน เดี๋ยวฉันตามไป"

กิ่งแก้วตะบึงตะบอนออกไป พิธานมองดูยาตัวใหม่ที่เพิ่ง ได้มา ก่อนจะเปิดลิ้นชักหยิบกล่องใบเดิมแล้วจดชื่อตัวยาลงไป จากนั้นไม่นานทั้งพิธานและกิ่งแก้วก็ช่วยกันจับนเรนทรมัดกับเตียงเพื่อฉีดยาตัวใหม่ พร้อมกันนี้พิธานก็กล่อมนเรนทรด้วยว่า ยาตัวใหม่จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น คุณจะได้คุยกับทอรุ้ง ลูกสาวของคุณ นเรนทรสงบลง แต่สีหน้างุนงงกับคำพูดของพิธาน เขาพยายามทบทวนความจำครู่หนึ่ง แล้วพูดโพล่งชื่อทอรุ้งขึ้นมาอย่างจำได้

"ใช่...คุณจะจำลูกคุณได้ แต่อย่าพูดมาก ถ้าพูดมากคุณรู้ใช่ไหมว่าอาจจะไม่ได้เจอลูกอีก"

"พวกแกจะทำอะไรทอรุ้ง" นเรนทรแผดเสียง

"ไม่บอก เรื่องอะไรจะบอก แต่ถ้าคุณอยากจะลองเสี่ยงดูก็ได้นะ"

"อย่าๆ อย่าทำอะไรหนูรุ้งนะ อย่า..."

"ไม่ทำหรอก ผมจะไม่ทำอะไรลูกคุณ แค่อยากให้คุณรู้สึกดีขึ้นเท่านั้นเอง จำไว้ว่า...อย่าพูดมาก แล้วทุกอย่างจะดีเอง" พิธานป้อนข้อมูลเสร็จก็ปักเข็มเข้าที่แขนนเรนทรอย่างรวดเร็วไม่ให้ทันตั้งตัว นเรนทรถึงกับสะดุ้งเฮือก เจ็บจนร้องลั่น!

ooooooo

วันเดียวกันนี้ทอรุ้งตั้งใจจะไปเยี่ยมพ่อเพราะเป็นวันหยุด พอเธอเตรียมตัวจะออกจากบ้าน ปรากฏว่าต่อตระกูลมาดักหน้า อาสาพาเธอไปสถานบำบัดทั้งที่เธอยังไม่ได้พูดอะไรสักคำว่าจะไปไหน

"ก็วันนี้วันหยุด รุ้งจะไปเยี่ยมคุณพ่อไม่ใช่เหรอ"

"ใช่ ฉันไม่ได้เข้าออฟฟิศ คุณไม่ต้องตามมาเฝ้าฉัน ก็ได้นะ"

"อย่าลืมสิ ตอนเกิดเรื่องครั้งแรกก็เกิดที่สถานบำบัด รุ้งไปที่นั่นพี่ก็ยิ่งไม่ไว้ใจ"

"ไหนคุณบอกว่าคนร้ายตั้งใจจะยิงคุณไง"

"มันจะยิงใครก็ตาม แต่พี่ยังไม่ไว้ใจให้รุ้งไปไหนมาไหน คนเดียว"

หญิงสาวจนใจ สะบัดหน้าเดินไปขึ้นรถ ชายหนุ่มอมยิ้มรีบตามไปติดๆ ครั้นไปถึงสถานบำบัด ทั้งคู่แทบไม่เชื่อตาตัวเองเมื่อเห็นกรองกาญจน์กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มโปรดให้นเรนทรฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ทอรุ้งระแวงจัด ให้ต่อตระกูลยืนรออยู่ตรงนี้ พูดจบเธอก็ปราดเข้าไปทันที

เห็นทอรุ้งเข้ามา กรองกาญจน์ทำเป็นทักถามเสียงหวานว่ามาเยี่ยมคุณพ่อเหรอ ทอรุ้งไม่ตอบ แต่ถามกรองกาญจน์ด้วยสีหน้าตึงๆ ว่ามาที่นี่ทำไม กรองกาญจน์ผุดลุกขึ้นมองทอรุ้ง อย่างงงงัน และเสแสร้งตีหน้าซื่อ

"ฉันก็มาเยี่ยมพ่อของหนูไง ฉันมาทุกวันเสาร์ บางทีก็ทั้งเสาร์อาทิตย์"

"ไม่จำเป็นหรอกค่ะ รุ้งดูแลคุณพ่อได้ วันหลังน้ากรองไม่ต้องเสียเวลามาแล้วนะคะ"

กรองกาญจน์แค้น แต่ต้องข่มใจเสแสร้งยิ้มอ่อนหวาน

"นี่รุ้งจ้ะ ถึงเราจะขัดแย้งกันเรื่องงานก็จริง แต่มันก็ จบไปแล้วนะ อายอมรับว่าอาผิด เพราะตามใจตาก้องมากเกินไป แต่เรื่องพ่อของหนูเนี่ย ทำไมหนูจะต้องมากีดกันน้าไม่ให้มาเยี่ยมด้วยล่ะ"

"รุ้งไม่แน่ใจค่ะว่าน้ากรองมีเจตนาดีกับพ่อของรุ้งหรือเปล่า"

คำพูดของทอรุ้งทำเอากรองกาญจน์แทบสะอึก แต่ยังพยายามทำใจเย็นเล่นละครต่อไป

"รุ้ง...ถึงยังไงน้าก็ได้ชื่อว่าเป็น...เอ้อ...เป็นภรรยาอีกคน ของพ่อหนูนะ น้าอยากมาดูแลเขาในฐานะภรรยา จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของหนูบ้าง ทำไมถึงมองว่ามันเป็นเจตนาที่ไม่ดีล่ะ"

"น้ากรองน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจแล้วนี่คะ"

นเรนทรมองทอรุ้งตลอดเวลา แล้วจู่ๆเขาก็เรียกหนูรุ้ง ขึ้นมา ทอรุ้งชะงักตกใจทรุดลงนั่งตรงหน้าพ่อ กรองกาญจน์ทำเป็นดีใจ พูดละล่ำละลักว่าคุณพี่จำลูกได้แล้ว

"พ่อคะ นี่รุ้งเอง...รุ้งเองค่ะ" ทอรุ้งน้ำตาคลอกอดพ่อแน่น นเรนทรค่อยๆยกมือขึ้นโอบทอรุ้งหลวมๆอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก กรองกาญจน์เห็นดังนั้นแอบยิ้ม มองทอรุ้งอย่างย่ามใจ ต่อตระกูลซึ่งยืนรออยู่ข้างนอกมองเหตุการณ์อย่างสงสัย

ooooooo

ทอรุ้งพานเรนทรออกมาที่สวนหย่อมตามลำพัง และพยายามรื้อฟื้นจนนเรนทรจำเธอได้ จากนั้นเธอจึงกราบขอโทษพ่อเรื่องที่เธอเคยก้าวร้าว แล้วหนีพ่อไปปารีสเจ็ดปี ทำให้พ่อเครียดหนักจนล้มป่วย นเรนทรมอง ลูกสาวอย่างปลาบปลื้ม ความรู้สึกแน่นในอกจุกขึ้นมาจนพูดไม่ค่อยออก ได้แต่เขย่าไหล่ลูกสาวเบาๆ

"รุ้งกลับมาพ่อก็ดีใจแล้ว..."

"พ่อป่วยเพราะเครียดเรื่องรุ้งใช่ไหมคะ ต่อไปนี้รุ้งจะไม่ไปไหนอีกแล้ว รุ้งจะอยู่ใกล้ๆ คอยดูแลพ่ออย่างนี้ทุกวัน"

นเรนทรนิ่วหน้าพยายามทบทวนความจำ "ไม่ใช่ๆ พ่อเครียด...เครียดเรื่อง..." พูดได้แค่นั้น นเรนทรมีอาการเหม่อๆ เหมือนสติหลุดลอยออกไปอีก

"พ่อเครียดเรื่องอะไรคะ บอกรุ้งได้ไหม เกี่ยวกับ คุณลุงพงศ์เกียรติหรือเปล่า" ทอรุ้งเขย่าแขนพ่อเบาๆ นเรนทรส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่ใช่พงศ์เกียรติ ทอรุ้งยิ่งรุกเร้าอยากรู้ว่าพ่อเครียดเรื่องอะไร แต่ไม่ทันที่นเรนทรจะพูดอะไรต่อ กิ่งแก้วก็โผล่เข้ามาขัดจังหวะด้วยสีหน้าดุดัน ทำให้นเรนทรเงียบกริบเพราะตื่นกลัว แต่พอทอรุ้งหันมองกิ่งแก้วอย่างจับสังเกต

กิ่งแก้วก็รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม บอกทอรุ้งว่า

หมดเวลาเยี่ยมแล้ว

"อย่าเพิ่งเอาตัวคุณพ่อไปนะคะคุณกิ่งแก้ว คุณพ่อจำรุ้งได้แล้ว รุ้งกำลังพยายามรื้อฟื้นความจำของท่าน"

"คุณกรองบอกเราแล้วค่ะ แต่กิ่งไม่อยากให้คุณรุ้งกดดันคุณพ่อมากเกินไปนะคะ ท่านต้องค่อยๆใช้เวลาฟื้นฟู อย่าทำให้ท่านเครียดจนเกินไป...ไปค่ะคุณทร"

กิ่งแก้วพานเรนทรออกไป ทอรุ้งทำท่าจะตามเพราะเป็นห่วง แต่พิธานเข้ามาขวาง เชิญทอรุ้งไปที่ห้องของเขา อ้างว่าอยากจะคุยเรื่องอาการของนเรนทร ทอรุ้งเลยขัดไม่ได้ เดินตามพิธานไปในห้องทำงาน

"ตั้งแต่คุณรุ้งกลับมา อาการคุณพ่อคุณก็ดีขึ้นเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัดเลยนะครับ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป หมอว่าอีกไม่นานคุณพ่อคุณอาจจะหายเป็นปกติได้"

ทอรุ้งยิ้มดีใจกึ่งไม่แน่ใจ "พ่อรุ้งมีโอกาสหายเป็นปกติเหรอคะ"

"อาจจะไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยท่านก็จะจำเรื่องต่างๆได้มากขึ้น ถือว่าเกือบจะเป็นปาฏิหาริย์ เลยนะครับที่ท่านดีขึ้นเร็วขนาดนี้ คุณกรองเองก็มีส่วนช่วยให้คุณพ่อคุณอาการดีขึ้นมาก"
อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว

"เขาช่วยอะไรบ้างคะ"

"การที่คุณกรองมาเยี่ยมคุณพ่อคุณเป็นประจำ พาท่านไปเดินเล่น อ่านหนังสือให้ฟัง ทำให้ท่านผ่อนคลาย สุขภาพจิตก็เลยฟื้นฟูได้เร็วขึ้น"

"งั้นรุ้งก็จะหมั่นมาดูแลคุณพ่อบ่อยๆเท่าที่จะทำได้" ทอรุ้งตาเป็นประกายมีความหวังมากขึ้น พิธานแอบมองทอรุ้งอย่างกระหยิ่มใจ

ด้านสาวใหญ่จอมแผนการอย่างกรองกาญจน์ หล่อนกำลังแขวะลูกชายตัวเองว่า ช่างทำหน้าที่ได้สมกับที่นายจ้างไว้ใจจริงๆ ไปไหนมาไหนเกาะติดกันแจ

"ผมก็เพิ่งรู้ว่าวันนี้คุณแม่ก็มาด้วย" ต่อตระกูลพูดเรียบๆ

"ในเมื่อบัตเตอร์ฟลายทัวร์อาจต้องปิดตัวลงเพราะติดหนี้เอ็นอาร์กรุ๊ปอยู่หลายล้าน แม่ก็เลยว่างมากกว่าเดิม มีเวลามาดูแลคุณทรมากขึ้น"

"ผมดีใจที่คุณแม่เอาใจใส่คุณลุงทรบ้าง อยากให้คุณแม่ เป็นอย่างนี้ไปตลอด แต่คุณแม่แน่ใจนะครับว่าไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง"

กรองกาญจน์มองต่อตระกูลด้วยแววตาขุ่นขวาง พูดเสียงเข้มแต่เบาเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน

"นี่ตาต่อ แกหัดมองแม่ในแง่ดีหน่อยได้ไหม แม่รู้นะว่าแกกำลังประชด แต่แม่ตั้งใจจะมาดูแลคุณทรจริงๆ แม่อุตส่าห์ ทำดีกับทอรุ้งที่สุดแล้วนะ แกไม่เชื่อใจแม้แต่แม่ตัวเองเลยหรือไง"

"ผมขอโทษถ้าเข้าใจคุณแม่ผิดไป"

"แกต้องหัดเข้าใจอะไรๆเสียใหม่ แล้วก็น่าจะเอาเวลาว่างไปดูแลหนูทิพย์บ้าง ไม่ใช่มามัวรับใช้เจ้านายหัวไม่วางหางไม่เว้นแบบนี้"

"ผมเคยบอกแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับทิพย์"

"แล้วแกคิดอะไรกับใคร กับทอรุ้งงั้นเหรอ ถึงได้ตัวติดกันตลอดเวลา"

"คุณแม่ก็น่าจะทราบว่าทำไมผมต้องทำแบบนี้"

"ตาต่อ...แกอย่ามาทำเป็นกระทบกระเทียบ ถ้าฉันรู้ อะไรจริง ฉันคงไม่ถูกเจ้านายแกเล่นงานอย่างนี้หรอก"

กรองกาญจน์ฮึ่มฮั่มไม่สบอารมณ์ ทอรุ้งเดินออกมาเห็นแม่ลูกกำลังเผชิญหน้า อดหวาดระแวงไม่ได้ว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน...ทันทีที่กรองกาญจน์เหลือบไปเห็นทอรุ้ง เธอทำกระตือรือร้นอยากรู้หมอพิธานว่ายังไงบ้าง

"หมอบอกว่าอาการคุณพ่อน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เราต้องหมั่นมาดูแลท่านให้มากขึ้น"

"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลย ถ้าน้าว่างเมื่อไหร่ก็จะมาเยี่ยมพ่อหนูทุกครั้ง ยิ่งตอนนี้น้ามีเวลามากกว่าเดิมเสียอีก นี่รุ้ง... ถึงเราจะเคยผิดใจกันเรื่องงาน แต่เราต่างก็เป็นห่วงคุณทรเหมือนกัน วันนี้พอเห็นเขาอาการดีขึ้นมากน้าก็ชื่นใจจริงๆ อยากให้เราหันมาร่วมมือกันช่วยดูแลให้คุณพ่อหนูหายเร็วขึ้น"

"ถ้าน้ากรองทำด้วยความจริงใจ รุ้งก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ"

กรองกาญจน์หรี่ตามองทอรุ้งด้วยแววตาขุ่นเข้ม แต่ฉาบหน้าด้วยรอยยิ้ม

"มันเป็นสิ่งที่น้าทำมาตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่เคยไปประกาศให้ใครรู้เท่านั้นเอง น้าอยากให้รุ้งเข้าใจน้าว่ามีเจตนาดีกับครอบครัวของหนูเสมอ"

"ขอบคุณนะคะที่น้ากรองช่วยดูแลคุณพ่อมาตลอด ทั้งที่รุ้งเอาตัวลูกชายน้ากรองมาใช้งานทั้งวัน...งั้นคุณกลับพร้อมคุณแม่คุณเลยดีกว่า"

"ไม่เป็นไรหรอกรุ้ง ฉันจะอยู่ดูคุณทรต่ออีกหน่อย ต่อไปส่งรุ้งเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่หรอก จะได้ดูแลน้องด้วย"

"รุ้งกลับเองได้ค่ะ"

"พี่ไปส่งรุ้งดีกว่า ถึงยังไงพี่ก็ยังไม่ไว้ใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับรุ้งอีกหรือเปล่า"

ทอรุ้งไม่ตอบ ยกมือไหว้กรองกาญจน์แล้วเดินออกไป ต่อตระกูลรีบเดินตาม กรองกาญจน์หมั่นไส้ลูกชายเสียจริง พลางมองตามทอรุ้งด้วยดวงตาเหี้ยมเกรียม พิธานออกมาสมทบ ยืนมองทอรุ้งกับต่อตระกูลขึ้นรถไปด้วยกัน

"ท่าทางทอรุ้งจะเข้ามาติดกับเราแล้วนะ แต่หมอต้องคอยคุมคุณทรให้ดี อย่าให้พูดอะไรที่ทำให้ทอรุ้งสงสัยได้" กรองกาญจน์กำชับ

"ไม่ต้องห่วงครับคุณกรอง ผมขู่คุณนเรนทรไว้แล้ว เขาไม่กล้าพูดอะไรมากแน่"

"งั้นหมอก็คอยคุมคุณทรให้เป็นอย่างนี้ต่อไปอีกสักระยะ จนกว่าแผนของฉันจะสำเร็จ แล้วเมื่อนั้นฉันจะมีโบนัสพิเศษสมนาคุณให้หมออีกแน่"

พิธานยิ้มพอใจ ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่...ส่วนต่อตระกูล ขณะขับรถออกมาเขาอดเตือนทอรุ้งไม่ได้ว่า พี่ยังไม่อยากให้รุ้งไว้ใจใครเร็วเกินไป ทอรุ้งย้อนถามทันทีว่า หมายถึงแม่ของเขาหรือเปล่า

"พี่ไม่ได้พูดถึงคุณแม่ แต่พูดถึงสถานการณ์โดยรวม ยังไม่มีอะไรน่าไว้ใจนัก"

"แล้วคุณจะบอกฉันได้ไหมล่ะ ว่าใครที่ไม่น่าไว้ใจมากที่สุด"

"พี่บอกไม่ได้หรอก เพราะพี่เองก็ไม่ได้รู้ทุกอย่าง"

"คุณกำลังปกป้องใครบางคนอยู่มากกว่า ถามจริงๆเถอะ ที่คุณมาคอยตามฉันเนี่ย เพราะกำลังเป็นสายสืบให้ใครอยู่ใช่ไหม"

"ถ้าพี่เป็นสายสืบให้ใคร ก็เท่ากับพี่ทรยศรุ้ง ทรยศลุงทร พี่จะไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด"

"แค่คำพูดของคุณมันเชื่อไม่ได้หรอก"

"พี่คิดว่ารุ้งก็รู้จักพี่ดี แต่ก่อนพี่เป็นยังไง เดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนั้น พี่เองก็รู้จักรุ้งดีเหมือนกัน บางทีเราไม่น่าจะต้องมาระแวงกันอีกต่อไปแล้ว"

"คนที่ฉันไว้ใจได้มากที่สุดเพียงคนเดียวตอนนี้ก็คืออาเปรม นอกนั้นฉันยังไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น"

พูดแล้วทอรุ้งสบตาต่อตระกูลอย่างพยายามค้นหา

ความจริง แต่กลายเป็นว่าเห็นเพียงแววตาห่วงใยของเขาที่มองกลับมา เธอจึงเป็นฝ่ายเมินหนีเพราะกลัวจะใจอ่อน

ooooooo

ที่สถานบำบัด พิธานและกิ่งแก้วช่วยกันจับนเรนทรมัดกับเตียง นเรนทรคร่ำครวญเรียกหาทอรุ้ง และอ้อนวอนอยากกลับไปหาลูก พิธานจึงได้ทีข่มขู่

"ถ้ายังอยากเจอลูกก็อย่าพูดมาก ผมเคยบอกแล้วใช่ไหม ถ้าพูดมากเกินไปจะโดนอะไร ผมจะเพิ่มปริมาณยาให้คุณอีกหลายเท่า คุณจะได้หยุดร่ำร้องหาทอรุ้งซะที เพราะคุณจะจำลูกสาวตัวเองไม่ได้อีกตลอดชีวิต และความรักระหว่างคุณกับลูกก็จะหายสาบสูญไปตลอดกาล"

"อย่า...อย่านะ...ไม่...ไม่เอา..." นเรนทรผวาหวาดกลัว

"ถ้าไม่อยากให้ผมทำก็อย่าพูดอะไรมากไปกว่าที่เราอยากให้คุณพูด ไม่ว่าลูกสาวคุณจะถามอะไรก็ไม่จำเป็นต้องตอบ แค่ให้เขารู้ว่าคุณจำเขาได้ก็พอ เข้าใจไหมคุณนเรนทร"

นเรนทรพยักหน้าแล้วซึมไป พิธานกับกิ่งแก้วยิ้มให้กันสมใจ...

ด้านทอรุ้งที่ออกจากสถานบำบัดไปพร้อมต่อตระกูล พอแยกจากเขา เธอก็มุ่งหน้าไปหาอาเปรมที่คอนโดฯ เล่าเรื่องอาการของพ่อดีขึ้น ไม่อาละวาด แถมยังจำเธอได้ โดยมีกรองกาญจน์มาช่วยดูแลพ่ออย่างใกล้ชิด อีกทั้งหมอพิธานก็บอกว่ากรองกาญจน์มาคุยกับพ่อของเธอบ่อยๆ ทำให้พ่อดีขึ้นเร็วแบบนี้

เปรมยุดาฟังแล้วแทนที่จะดีใจ เธอกลับตั้งข้อสังเกตว่าโรคนี้ไม่ได้เป็นๆหายๆกันง่ายนัก น่าแปลกมาก ต้องมีอะไรไม่ชอบพากล จู่ๆพ่อของหลานก็ดีขึ้นมากะทันหัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีแต่ทรุดลงเรื่อยๆและไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น

"ยังไงอาก็ไม่เชื่อว่ายัยกรองกาญจน์จะทำด้วยความจริงใจ" เปรมยุดาสรุปอย่างมั่นใจ

"รุ้งก็ยังไม่ไว้ใจน้ากรองเหมือนกันค่ะ แต่อย่างน้อยได้เห็นอาการของพ่อดีขึ้นมาบ้าง ถ้าเขาจะเสแสร้งแกล้งทำเพื่อสร้างภาพ ก็ช่างเขาเถอะค่ะ"

"แล้วถ้าเกิดยัยกรองกาญจน์ยังไม่หมดพิษสง แต่กำลังซุ่มทำอะไรบางอย่างอยู่ล่ะ"

"ไม่ต้องห่วง รุ้งไม่ประมาทน้ากรองหรอกค่ะอา ถึงยังไงรุ้งก็จะระวังตัวทุกฝีก้าว เพียงแต่ตอนนี้รุ้งอยากทุ่มเทเวลาดูแลคุณพ่อให้มากขึ้น คุณพ่อจะได้หายจากอาการป่วยไวๆ ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง"

เปรมยุดาเงียบไป แต่สีหน้ายังครุ่นคิดอย่างไม่หมดห่วงหลานสาว...

ขณะเดียวกัน คมชิตก็เป็นห่วงลูกสาว เห็นเอาแต่นั่งจับเจ่าอยู่บ้านในวันหยุด ครั้นสอบถามก็ได้ความว่า เธอไม่รู้ จะไปไหน ต่อตระกูลไม่ค่อยว่าง อยู่กับเจ้านายเกือบตลอดเวลา พอเธอชวนเขาไปดูหนัง ทานข้าว เขาก็อ้างว่าติดงานทุกครั้ง ความสัมพันธ์ของเราจึงไม่มีอะไรคืบหน้า

"ลูกน่าจะแยกคุณต่อให้ห่างจากทอรุ้งบ้าง บางที...มันก็ถึงเวลาต้องใช้มารยาหญิงบ้างแล้วนะลูก"

ทิพย์วารีชะงัก สีหน้าและแววตาเธอบ่งบอกว่าสนใจคำแนะนำของพ่อ

ooooooo

หลังจากสร้างภาพให้ทอรุ้งเห็นในแง่มุมที่ดีของตนเองไปแล้วเมื่อวาน เช้าวันนี้กรองกาญจน์ยังเคี่ยวเข็ญก้องกฤตอีกคน ให้เขาปฏิวัติตัวใหม่ ตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานด้วยความขยันขันแข็ง ซึ่งก้องกฤตต้องฝืนตัวเองแทบแย่ มานั่งหาวอย่างง่วนงุนที่โต๊ะทำงาน แต่พอเห็นทอรุ้งเดินเข้ามาพร้อมต่อตระกูล ก้องกฤตก็รีบทำเป็นลุกไปคุยงานกับเพื่อนอีกโต๊ะ

ทอรุ้งมองก้องกฤตอย่างแปลกใจ แล้วอดทักถามเขาไม่ได้ว่า วันนี้มาทำงานแต่เช้าเชียว

"ถูกลดตำแหน่งลดเงินเดือน ก้องก็ต้องยิ่งขยันกว่าเดิม บางทีรุ้งอาจจะเห็นใจก้องบ้างก็ได้"
อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว
(อ่านต่อพรุ่งนี้)