@^@..อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว ตอนที่ 5

@^@..อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว ตอนที่ 5
ตอนที่ 5 (ต่อจากวานนี้)

ด้านกรองกาญจน์กับคมชิตที่กำลังเดินทางกลับบ้านด้วยรถคันเดียวกัน กรองกาญจน์บ่นถึงปริกอย่างไม่สบายใจ หวั่นๆว่าปริกครั้งนี้จะไม่เล่นด้วย

"ถ้าแม่ปริกไม่ยอมร่วมมือ ก็เปลี่ยนแม่บ้านเลยสิครับ" คมชิตเสนอ

"เปลี่ยนไม่ได้หรอก เพราะทอรุ้งคงจะไม่ไว้ใจใครเท่าแม่ปริก แล้วถ้าเป็นคนใหม่ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเราจะซื้อตัวมาได้หรือเปล่า เราจะเสียโอกาสมากกว่า"

"แต่ท่าทางคราวนี้แม่ปริกจะไม่ยอมร่วมมือกับเราง่ายๆ"

"ท่าทางแม่ปริกจะตามใจลูกสาวตัวเองมาก เธอลองไปสืบมาซิว่ายัยนกคนนี้มีจุดอ่อนอะไรบ้าง บางทีเราอาจจะใช้ให้เป็นประโยชน์"

คมชิตพยักหน้า แล้วบึ่งรถไปส่งกรองกาญจน์ก่อนจะกลับเข้าบ้านตัวเอง แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นทิพย์วารียังนั่งอยู่ในห้องรับแขก

"อ้าวทิพย์ ยังไม่นอนอีกเหรอลูก"

"ทิพย์นอนไม่หลับค่ะ"

"อ๋อ ไปเดทกับคุณต่อมาถึงกับนอนไม่หลับเชียวเหรอลูก"

"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะพ่อ แต่ทิพย์กลุ้มค่ะ ขนาดไปนั่งฟังเพลงด้วยกัน ทิพย์ยังดูออกว่าคุณต่อเป็นห่วงทอรุ้งตลอดเวลา แล้วยังแอบโทร.ไปหาเขาด้วย"

"มิน่า...ถึงเห็นเขาไปอยู่แถวบ้านทอรุ้ง"

"พ่อเจอคุณต่อเหรอคะ แสดงว่าพอเขามาส่งทิพย์เสร็จก็แอบไปหาทอรุ้งอีก นี่มันห่วงเกินเจ้านายลูกน้องแล้วนะคะ" ทิพย์วารีฮึดฮัดไม่พอใจ คมชิตเข้ามาโอบลูกสาวไว้อย่างปลอบโยน

"ไม่ต้องห่วงนะทิพย์ อีกไม่นานหรอกลูก คุณต่อก็ไม่มีอะไรให้ห่วงอีกแล้ว"

"พ่อหมายความว่ายังไงคะ"

"งานพ่อกับคุณกรองใกล้จะสำเร็จแล้ว เมื่อนั้นทอรุ้งก็จะหลุดจากตำแหน่ง คุณต่อก็จะไม่ได้เป็นผู้ช่วยทอรุ้งอีกต่อไป แล้วเขาก็จะกลับมาหาลูกเอง"

ทิพย์วารีฟังแล้วยิ้มออกมาได้อย่างมีความหวัง

ooooooo

เมื่อมีความหวัง ทิพย์วารีก็ยิ่งรุกต่อตระกูล...เช้าวันใหม่เธอแต่งตัวสวยไปทำงาน พอเที่ยงตรงก็นวยนาดไปชวนต่อตระกูลกินข้าว

"ทิพย์ก็รู้นี่ครับ ว่ากลางวันผมจะทานข้าวในออฟฟิศ คงไปทานกับทิพย์ไม่ได้หรอก" ชายหนุ่มปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ทิพย์วารีทำเหมือนไม่ได้ยิน เข้ามาตื๊อเขาชนิดถึงเนื้อถึงตัว

"วันนี้ไปเป็นเพื่อนทิพย์หน่อยนะคะ เดี๋ยวทิพย์ขออนุญาตเจ้านายให้คุณเอง"

"ทิพย์...เดี๋ยวก่อน" ต่อตระกูลพยายามแกะมือทิพย์วารีออก เป็นจังหวะที่ทอรุ้งก้าวออกมาจากห้องพอดี

"วันนี้ฉันมีนัดกินข้าวกับอาเปรมที่ห้องอาหารข้างล่างพอดี ฉันอนุญาตให้คุณไปทานข้าวกับคุณทิพย์ได้"

พูดเสร็จทอรุ้งเดินออกไปทันที ทิพย์วารียิ้มสมใจ แต่เพียงชั่วครู่ความดีใจสมใจของทิพย์วารีก็เหือดหาย กลายเป็นฮึดฮัดไม่พอใจ เพราะต่อตระกูลพาเธอลงมาที่ร้านอาหารของโรงแรม แล้วเจอทอรุ้งกับเปรมยุดานั่งอยู่ก่อน

"ที่แท้ก็ตามมารับใช้เจ้านายอีกแล้วเหรอคะ" ทิพย์วารีประชด

"คุณทิพย์ครับ" ต่อตระกูลปรามอย่างเหนื่อยใจ

ขณะเดียวกัน เปรมยุดาก็กระซิบถามหลานสาว ไหนว่าวันนี้ปลอดบอดี้การ์ด ทอรุ้งยืนยันว่าต่อตระกูลตามเธอมาเอง เปรมยุดาเหลือบมองไปยังต่อตระกูลอีกครั้ง แล้วพึมพำว่าพิลึกคนจริงๆ

แม้จะนั่งคนละโต๊ะ แต่ต่อตระกูลก็ยังคอยมองทอรุ้งไม่วางตา พอบริกรเอาอาหารมาเสิร์ฟทอรุ้ง ต่อตระกูลรีบลุกเข้าไปทันที ทิพย์วารีเรียกก็ไม่ฟัง...ทอรุ้งเห็นต่อตระกูลหยิบจานอาหารของเธอขึ้นมา ก็ถามอย่างไม่ชอบใจ

"นี่คุณทำอะไรน่ะ"

"สำรวจดูว่าอาหารสะอาดพอหรือเปล่า"

"จะบ้าเหรอคุณ นี่อาหารระดับโรงแรมนะ จะไม่สะอาดได้ยังไง จะหาเรื่องดิสเครดิตโรงแรมตัวเองหรือไง"

"พี่กลัวว่าอาจจะมีใครคิดทำร้ายรุ้ง แอบใส่อะไรลงไปในอาหารก็ได้"

"คุณนั่นแหละจะแอบใส่อะไรลงไปมากกว่า ที่คุณสั่งข้าวให้รุ้งทุกวันมันน่าสงสัยนะ กินๆไปเถอะรุ้ง เดี๋ยวอาทดสอบก่อนก็ได้" เปรมยุดาตักอาหารกินสองสามคำ แล้วจ้องต่อตระกูลอย่างขุ่นเคือง "เห็นไหม ฉันไม่เป็นไรสักหน่อย คุณมันตื่นตูมเกินเหตุจริงๆ กินไปเถอะรุ้ง ไม่มีอะไรหรอก"

ต่อตระกูลไม่พูดอะไร เดินกลับมานั่งที่ของตนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

"ทำไมคุณต่อจะต้องทุ่มเทขนาดนี้ด้วยคะ เจ้านายคุณก็ไม่ได้มองเห็นความสำคัญสักนิด แถมยังระแวงคุณอีกด้วย" ทิพย์วารีว่าให้

"ก็ถูกแล้วที่เขาระแวงพี่ พี่เป็นคนเตือนรุ้งให้ระวังทุกคนไว้เอง" พูดจบต่อตระกูลก็หยิบเมนูมาเปิดดูไปเรื่อย ทิพย์วารีลอบมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์

ooooooo

มนชนกกำลังหลงใหลได้ปลื้มเจ้าหนุ่มภุชงค์ เจ้าของสปามีระดับ...วันนี้เธอแต่งตัวหรูดูดีมาหาเขาถึงสปา แล้วควงแขนกันออกไปขึ้นรถอย่างหวานชื่น โดยทั้งคู่ไม่รู้ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคน

เทวัญแอบถ่ายรูปมนชนกกับภุชงค์ตามคำสั่งของคมชิต... จากนั้นไม่นานคมชิตก็นำรูปนี้ไปให้กรองกาญจน์ดู

"นายภุชงค์ที่กำลังคั่วอยู่กับมนชนกมีหุ้นในสปาที่เห็นในรูปนี้ แต่ผมไปสืบมาแล้วว่านายนี่มีปัญหาเรื่องเงิน บริหารสปาขาดทุนไปหลายล้านเลยหวังเกาะลูกสาวเศรษฐีสักคนให้มาช่วยพยุงกิจการไว้"

"แล้วยัยมนชนกไปเกี่ยวอะไรด้วย" กรองกาญจน์ซัก

"ก็มนชนกไปหลอกนายภุชงค์ว่าตัวเองเป็นลูกสาวเศรษฐีน่ะสิครับ"

กรองกาญจน์ยักไหล่อย่างนึกขัน ก่อนออกคำสั่งด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

"งั้นติดต่อนายภุชงค์นี่ไปว่าเราจะขอร่วมหุ้นด้วย แต่ต้องมีมนชนกมาหุ้นด้วยอีกคน"

ooooooo

เพียงวันรุ่งขึ้น มนชนกก็พรวดพราดมาขอเงินสามแสนจากปริก เล่นเอาปริกตกใจถึงกับตบอกผาง

"แกจะเอาเงินตั้งสามแสนไปทำอะไรวะ"

"มันหมายถึงอนาคตของฉันกับคุณภุชงค์น่ะแม่"

"อนาคตอนางออะไรของแก แกจะแต่งงานแล้วเหรอ"

"ยังหรอก แต่ฉันจะไปร่วมหุ้นกับสปาของเขา ถ้ากิจการมันรุ่งเขาก็จะมาขอฉันแต่งงาน"

"แล้วถ้ามันไม่รุ่งล่ะ"

"รุ่งแน่ๆเลยแม่ ฉันมองเห็นอนาคตแล้ว ฉันจะเข้าไปช่วยเขาบริหารด้วย ช่วยกันทำมาหากิน เขาเองก็ไม่เคยให้ใครไปลงหุ้นกับเขานอกจากนก แต่เรารักกันจริงๆนะแม่ ถึงได้ตกลงจะสร้างอนาคตด้วยกัน"

"รู้จักกันแค่ไม่กี่เดือนแกแน่ใจแล้วเหรอว่ารักเขา"

"มันเป็นบุพเพนะแม่ ฉันไม่เคยปิ๊งใครเท่านี้มาก่อนเลย แม่เห็นแก่อนาคตฉันเถอะ ฉันไม่อยากดักดานอยู่ในบ้านนี้จนตาย นี่เป็นโอกาสของฉันแล้วนะ ถ้าฉันได้แต่งกับคุณภุชงค์ก็จะเอาแม่ไปอยู่ด้วย รับรองแม่จะสบายไปตลอดชีวิต นะแม่นะ"

มนชนกออดอ้อนอย่างน่าสงสาร คนเป็นแม่เลยพูดไม่ออก ได้แต่กุมขมับอย่างปวดหัวหนึบ...หลังจากคิดอ่านอยู่หนึ่งวันเต็มๆ เช้าวันใหม่ปริกจึงตัดสินใจไปพบกรองกาญจน์กับ

คมชิต ปริกยอมทำงานให้กรองกาญจน์แลกกับเงินสามแสน

เพื่อลูก แต่มีข้อแม้ว่าปริกขอเงินจำนวนนี้ล่วงหน้าก่อน

"ตั้งสามแสนเชียวเหรอ" กรองกาญจน์แกล้งตกใจ แต่แอบยิ้มกับคมชิตที่ทุกอย่างเข้าแผน "เอาละ ฉันจะให้ไปก่อนแสนห้า แล้วถ้างานสำเร็จทอรุ้งเข้าไปอยู่กับคุณทรเมื่อไหร่ ฉันจะจ่ายให้อีกแสนห้าทันที ตกลงไหม"

"แต่ว่า...ปริกร้อนเงินค่ะคุณกรอง"

"ใช้เวลาไม่นานหรอกแม่ปริก ถ้าแม่ปริกเร่งมือให้สำเร็จก็จะได้เงินเร็วทันใจ ไม่ต้องรอ รีบลงมือเลยก็แล้วกัน"

ปริกหน้าละห้อยอย่างจำใจยอมรับ

ooooooo

แล้วปริกก็จะเริ่มงานในรุ่งขึ้นทันที แต่ดูเหมือนอะไรๆจะยังไม่เป็นใจ เพราะเมื่อปริกถามทอรุ้งว่าเช้านี้อยากทานอะไร ทอรุ้งกลับบอกว่าเธอจะไปทานกับพ่อที่สถานบำบัด แล้วตอนเย็นก็อาจจะทานกับอาเปรม

ปริกเสียดายที่หมดโอกาสลงมือ พลางชะเง้อมองทอรุ้งที่เดินออกไปหน้าบ้านซึ่งต่อตระกูลจอดรถรออยู่ ต่อตระกูลเปิดประตูรถให้ทอรุ้ง แต่เธอกลับยืนเฉยไม่ยอมขึ้น

"ฉันบอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่ต้องมารับฉันก็ได้ คุณจะได้มีเวลาให้แฟนคุณเต็มที่"

"พี่ยังไม่มีแฟน"

"ก็คุณทิพย์ไงล่ะ หมู่นี้ดูเหมือนเขาต้องการเวลาจากคุณมากเป็นพิเศษเลยนะ ฉันคงต้องปลดคุณออกในเร็ววัน"

"รุ้ง...ทำไมพูดแบบนี้ รุ้งน่าจะรู้ว่าพี่ต้องมาดูแลรุ้งตราบใดที่ยังตกอยู่ในอันตราย"

"ฉันคงตกอยู่ในอันตรายไปอีกนานถ้ายังทำหน้าที่ผู้บริหารเอ็นอาร์อยู่ หรือถึงไม่ทำหน้าที่นี้แต่ถ้ายังลอยชายไปมาอยู่เมืองไทย ท่าทางฉันไม่มีวันปลอดภัยแน่"

"รุ้งก็รู้ตัวดีอยู่แล้ว แล้วจะปลดพี่ออกจากการเป็นผู้ช่วยได้ยังไง"

"รำคาญ...เบื่อ...ที่ต้องคอยแบ่งเวลามาจากแฟนคุณ ฉันผิดเองที่เลือกคนมีเจ้าของ"

"ไม่จริงหรอกรุ้ง ถึงรุ้งไม่ได้เลือกพี่ พี่ก็ต้องตามมาดู รุ้งอยู่แล้ว และพี่ก็ไม่ได้มีเจ้าของ พี่เป็นตัวของตัวเอง"

"แต่แม่คุณคงไม่ยอมให้คุณเป็นตัวของตัวเองหรอกมั้ง"

"การที่พี่ไม่คัดค้านสิ่งที่คุณแม่ทำก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะต้องเดินตามเส้นที่ท่านขีดไว้ พี่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ขอให้รุ้งเข้าใจเสียใหม่"

ทอรุ้งทำคอแข็ง แต่ก็ยอมขึ้นรถแต่โดยดี ส่วนปริกที่แอบมองอยู่รู้สึกหนักใจขึ้นมา เพราะความเอาใจใส่ของต่อตระกูลที่มีต่อทอรุ้งอาจทำให้งานของปริกเป็นไปได้ยาก

ooooooo

ก่อนที่ทอรุ้งจะเดินทางไปถึงสถานบำบัด หมอพิธานได้พยายามทบทวนความจำเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวให้นเรนทรฟัง ทำให้นเรนทรจำตัวเองได้ค่อนข้างแม่นยำ ซึ่งการทำเช่นนี้หมอพิธานหมายตบตาทอรุ้งให้เชื่อว่า นเรนทรมีอาการดีขึ้นนั่นเอง แต่ถ้ามีการซักถามอะไรที่มากไปกว่านั้น หมอพิธานห้ามไม่ให้นเรนทรตอบอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะเรื่องงานในบริษัท ถ้าพูดมาก ก็จะโดนฉีดยาให้เจ็บปวดทรมาน

เมื่อทอรุ้งมาถึงพร้อมต่อตระกูล ทอรุ้งรู้สึกดีใจมาก ที่พ่อจำเธอและครอบครัวได้ แต่พอเธอถามเรื่องงาน นเรนทรหลุดออกมาว่าทำงานแล้วเครียด เพราะหุ้นส่วนทะเลาะกัน... ทอรุ้งรับฟังอย่างสนใจ แต่แล้วนเรนทรหยุดพูดเพียงแค่นั้น เพราะเหลือบไปเห็นกรองกาญจน์และก้องกฤตเดินเข้ามา

"ใครทะเลาะกันคะพ่อ เล่าให้รุ้งฟังได้ไหมคะ"

นเรนทรไม่พูดอะไร แต่เหลือบตามองกรองกาญจน์กับลูกชายที่เดินยิ้มแย้มเข้ามา

"วันนี้มากันแต่เช้าเชียวนะ คุณทรคะ จำได้ใช่ไหมคะ นี่ก้องกฤตลูกชายคนเล็กของฉัน"

"ฮื่อ" นเรนทรตอบในคอ พอก้องกฤตยกมือไหว้ เขารับไหว้ และทักขึ้นว่า

"ก้องกฤต...ทำงานในบริษัทฉันด้วยใช่ไหม"

"ครับ ผมทำงานอยู่ที่เอ็นอาร์ ตอนนี้ย้ายมาอยู่แผนกธุรการแล้ว"

ทันใดนั้น นเรนทรยกสองมือกุมศีรษะ ใบหน้าเริ่มบูดเบี้ยว ราวกับกำลังเจ็บปวด ร้องลั่นขึ้นมา "ไม่...ไม่เอาแล้ว โอ๊ย... ปวดหัว ปวดเหลือเกิน"

ทอรุ้งตกใจรีบเข้าจับเนื้อตัวพ่อ ถามพ่อว่าเป็นอะไร ต่อตระกูลเองก็ช่วยเรียกสตินเรนทร แต่ไม่เป็นผล นเรนทรยังร้องครวญคราง กรองกาญจน์จึงถือโอกาสเรียกกิ่งแก้วกับเจ้าหน้าที่อีกสองคนแถวนั้นมาพานเรนทรไปพัก

ooooooo

ครู่ต่อมา ทอรุ้งและกรองกาญจน์เข้ามานั่งอยู่ ตรงหน้าพิธานในห้องทำงาน พิธานมองทั้งสองคนกึ่งตำหนิ

"ผมอยากให้คุณสองคนจำไว้นะครับ ตอนนี้อาการของคุณนเรนทรเพิ่งจะเริ่มฟื้นขึ้น อย่าพยายามยัดเยียดข้อมูลอะไรที่เกินกำลังของผู้ป่วย เพราะอาจเป็นอันตรายต่อตัว

ของเขาเอง"

"รุ้งพยายามทบทวนความจำให้พ่อหายเร็วขึ้น มันน่าจะเป็นผลดีมากกว่าไม่ใช่เหรอคะ"

"ไม่ได้ครับ ผมบอกแล้วว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป"

"ทำตามที่คุณหมอแนะนำเถอะรุ้ง เธอไม่อยากให้ คุณพ่อหายเหรอ"

"งั้นรุ้งเอาคุณพ่อกลับไปรักษาที่บ้านได้ไหมคะ รุ้งอยากมีเวลาดูแลท่านใกล้ชิดกว่านี้ค่ะ"

"หนูเห็นอาการของคุณพ่อก็น่าจะรู้นะว่าเขายังควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ถ้าเอาไปอยู่ข้างนอกแล้วทำร้ายคนจนบาดเจ็บหรือตาย เป็นข่าวขึ้นมาจะเสียหายไปกันใหญ่ ถ้าอยากเจอคุณพ่อบ่อยๆ จะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้"

"คุณกรองพูดถูกแล้วครับคุณทอรุ้ง รอให้ท่านอาการดีขึ้นกว่านี้ดีกว่า ตอนนี้ที่นี่สะดวกและปลอดภัยที่สุด"

ฟังหมอพิธานสรุปแล้ว ทอรุ้งได้แต่ถอนใจอย่าง

ยอมรับ กรองกาญจน์แอบสบตากับพิธานด้วยความพอใจ

ooooooo

ตกเย็นทอรุ้งกลับมาบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน พอปริกรู้ว่าทอรุ้งยังไม่ได้ทานข้าว ก็รีบเอาใจจะทำอาหาร มาให้ ขนาดทอรุ้งปฏิเสธว่ากินไม่ลง ปริกยังคะยั้นคะยอจนสำเร็จ

ปริกเดินหายเข้าไปในครัว มองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวังก่อนจะหยิบซองยาออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วเทใส่ในถ้วยกับข้าว มนชนกย่องมาข้างหลังเอื้อมมือฉกกับข้าวจะเอาใส่ปาก ปริก หันมาเห็นตกใจรีบปัดมันทิ้งทันที

"อะไรน่ะแม่ ขอชิมหน่อยไม่ได้เหรอ"

"ชิมไม่ได้ ของคุณทอรุ้งคนเดียว"

"แหม...ก็มันน่ากินนี่แม่ ชิดนิดเดียวคุณรุ้งไม่รู้หรอก"

"บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ" ปริกขึงขัง คว้าจานกับข้าวไปวางไกลมือลูกสาว แล้วเก็บซองยา มนชนกมองสงสัย

ถามดีๆว่านั่นซองอะไร ปริกกลับทำเสียงดุใส่ "อย่าถามมากได้ไหม"

"แม่บอกฉันมานะว่าซองอะไร"

"ที่ฉันทำก็เพื่ออนาคตของแกนั่นแหละนังนก"

"หมายความว่า...แม่กำลังทำกับคุณรุ้งอย่างที่เคยทำกับคุณผู้ชายงั้นเหรอ"

ปริกสีหน้าไม่สู้ดี แต่ก็พยักหน้ารับ...แล้วสองแม่ลูกก็ช่วยกันยกอาหารออกไปให้ทอรุ้ง

"อืม...น่าทานจริงๆด้วย ของโปรดรุ้งทั้งนั้นเลย"

"ทานเยอะๆนะคะ วันนี้แม่ตั้งใจทำให้คุณรุ้ง

เต็มที่ค่ะ"

ทอรุ้งยิ้มรับ เริ่มตักอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อย กินจน เกลี้ยงทุกอย่าง พอปริกกับมนชนกเข้ามาเก็บถ้วยจาน ทอรุ้ง ถามว่าวันนี้แม่ปริกใส่อะไรลงไปในกับข้าวหรือเปล่า สองแม่ลูกถึงกับสะดุ้งวาบ หน้าซีดเผือด

อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว ตอนที่ 5