@^@..อ่านละครย่อเรื่องเชลยศักดิ์ ตอนที่ 7

@^@..อ่านละครย่อเรื่องเชลยศักดิ์ ตอนที่ 7
ตอนที่ 7 (ต่อจากวานนี้)

วันนี้มีจดหมายจากสวามิภักดิ์ราชส่งถึงโยธินมาถึงม่อนผาหลวง อติศักดิ์เห็นจดหมายเขาเปิดอ่านอย่างถือวิสาสะว่าโยธินเป็นเชลย อ่านแล้วยิ้มหยันก่อนถือจดหมายลุกเดินไปที่ทับหน้า

ไปถึงเห็นโยธินแกะตุ๊กตาไม้ทหารเสร็จวางบนโต๊ะพอดี เขาเห็นท่าทางอติศักดิ์แล้วรู้ว่าไม่มาดีแน่ อติศักดิ์ทำทีทักทายว่าไม่ได้มาเยี่ยมเยียนอยู่สบายดีหรือ เป็นเชลยแค่ปีเดียวเดี๋ยวก็ผ่านพ้นแล้ว

"คุณชายคงไม่ได้มาที่นี่เพียงเพื่อให้กำลังใจผมหรอกมังครับ ต้องการสั่งให้ผมทำอะไรอีกละก็เชิญสั่งมาได้เลย"

"คุณก็เห็นผมเป็นเจ้านายที่โหดร้ายไปได้ ผมเห็นคุณทำงานหนักเพื่อม่อนผาหลวงทุกวัน ก็ควรให้เวลาคุณได้พักหายใจหายคอบ้าง และควรได้รับสิ่งที่ทำให้คุณมีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไป"

อติศักดิ์ส่งจดหมายให้ บอกว่านี่คือจดหมายจากคุณพ่อของเขา โยธินดีใจมากแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นจดหมายถูกเปิดแล้ว ถามอย่างไม่พอใจว่า

"คุณชายเปิดจดหมายของผมอ่านก่อนแล้ว"

"เชลยก็ไม่ต่างกับนักโทษในเรือนจำ ความผิดของอัศวรัชที่ทำกับสันตติวงศ์ สมควรจะได้รับโทษหนักกว่านี้ ควรถูกกักขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันด้วยซ้ำ ผมเมตตาคุณถึงขนาดนี้แล้ว คุณจะไม่ขอบคุณผมสักหน่อยหรือคุณโยธิน"

"ขอบคุณครับ คุณชาย" โยธินกัดฟันกลั้นใจ เอ่ยท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างสะใจของอติศักดิ์

ooooooo

โยธินรีบเปิดจดหมายอ่านอย่างมีความสุข...

"โยธินลูกรักของพ่อ พ่อดีใจมากที่ได้รับจดหมายของลูก แต่ยังไงพ่อก็อดเสียใจไม่ได้ที่ลูกต้องมาชดใช้กรรมที่ลูกไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วย ขอให้ลูกเข้มแข็งและอดทนเพื่ออัศวรัชของเรานะลูก พ่อเชื่อว่าคุณงามความดีที่ลูกสร้างสมมา จะทำให้ลูกรอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวง แม้ศัตรูที่ปองร้ายก็ทำอะไรลูกของพ่อไม่ได้"

โยธินมองลายมือพ่ออย่างสะเทือนใจที่เห็นว่าพ่อต้องพยายามในการเขียนอย่างมาก

"ลูกไม่ต้องเป็นห่วงพ่อ ตอนนี้พ่อสบายดี แข็งแรงขึ้นมากแล้ว ส่วนบริษัทของเราก็ดำเนินกิจการด้วยดี ทั้งนี้เป็นเพราะความเสียสละอันใหญ่หลวงของลูก พ่อไม่รู้จะทำอย่างไรจึงจะชดเชยสิ่งที่ลูกต้องสูญเสียไป ลูกต้องสูญเสียอิสรภาพ ต้องถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ต้องจากคนที่ลูกรัก พ่ออยากจะช่วยอะไรลูกได้บ้าง ตอนนี้พ่อคงได้แต่สวดมนต์ภาวนาขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองลูก ขอให้ลูกกลับมาอย่างปลอดภัย...."

โยธินอ่านจดหมายด้วยความตื้นตันใจ อ่านแล้ว...อ่านอีก...

ooooooo

ที่กรุงเทพฯ เช้านี้ภิรมยามาหาสวามิภักดิ์ราชที่กำลังดูรูปถ่ายของโยธินน้ำตาคลออยู่ พอภิรมยาเข้ามา สวามิภักดิ์ราชรีบเปลี่ยนอิริยาบถเช็ดน้ำตาอย่างเร็ว แต่ภิรมยาก็ยังทันเห็น

ภิรมยาถามว่าตนคิดถึงโยธินเหลือเกิน เมื่อไรเขาจะกลับมา สวามิภักดิ์ราชอึกอักอ้ำอึ้งจำต้องปดว่าคงจะกลับมาเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตนหวังอยู่ว่าเขาจะหาโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านบ้าง

"โยธินเขาไปทำงานอะไรให้คุณพ่อกันแน่คะ ถึงดูเหมือนจะกลับมาไม่ได้ง่ายๆ" เมื่อสวามิภักดิ์ราชบอกว่าเป็นงานเดินเรือของบริษัทตน เธอถามอย่างอยากรู้ว่า "เป็นงานสำคัญมากใช่ไหมคะ คุณพ่อถึงต้องให้โยธินไปเอง บริษัทคุณพ่อมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ เออ...ภิรมยาหมายถึง..."

สวามิภักดิ์ราชเริ่มเอะใจ บอกว่าบริษัทไม่มีปัญหาอะไรเลย รายได้เพิ่มขึ้นทุกเดือน ตั้งแต่ตนไม่สบายมีคนมาติดต่อขอซื้อบริษัทอยู่เรื่อย ฟังแล้วภิรมยาแอบโล่งใจ ผสมโรงพูดไปว่า

"ภิรมยาก็คิดว่าบริษัทของคุณพ่อต้องไปได้ด้วยดี ยิ่งโยธินมาช่วยงานคุณพ่อเต็มตัวอย่างนี้ ถ้าหาใครไปทำงานแทนโยธินได้ก็จะดีมากเลยค่ะ ภิรมยาเป็นห่วงว่าโยธินจะทำงานหนักเกินไปน่ะค่ะ"

"ถ้ามีคนอื่นไปทำงานแทนโยธินได้ พ่อก็ส่งไปนานแล้วล่ะหนู แต่งานนี้...มีโยธินเพียงคนเดียวที่จะช่วยพ่อได้..."

สวามิภักดิ์ราชพูดด้วยสีหน้าทั้งหนักใจและเป็นห่วงโยธิน ภิรมยาได้แต่มองด้วยความไม่เข้าใจ

ooooooo

หลังจากตกม้าจนแขนหายดีแล้ว อติศักดิ์จะไปขี่ม้าอีก อลิสาเป็นห่วง เขาเลยท้าน้องมาแข่งกันดูไหม อลิสาพูดอย่างยอมแพ้ว่า "ยังไงเจ้าสีหมอกก็สู้เจ้าฟ้าลั่น ไม่ได้"

"มันไม่เกี่ยวกับม้าซะหน่อย มันอยู่ที่คนขี่ต่างหาก ก็ดูคราวที่พี่ขี่ม้าแข่งกับนายโยธินสิ เจ้าฟ้าลั่นยังพลาดท่าให้เจ้าม้าปลายแถวที่นายโยธินขี่เลย"

อลิสาติงพี่ชายงอนๆว่าจะเป็นอานนท์ไปอีกคนแล้วถึงได้ชื่นชมนายโยธินนัก ถึงนายนั่นจะเก่ง แต่พี่ชายเก่งกว่าเป็นไหนๆ อติศักดิ์ฟังแล้วหัวเราะบอกน้องว่า

"มันก็ถูกของน้องหญิงนะ ใครจะเก่งไปกว่าพี่ชายของน้องได้ล่ะ" พูดแล้วจูงฟ้าลั่นที่หนานเมืองจูงมาให้ แต่เจ้าฟ้าลั่นดื้อไม่ยอมให้จูงง่ายๆ ทำให้อติศักดิ์ต้องถอยออกมา

เจ้าฟ้าลั่นพยศหนักสะบัดหัวอย่างแรงแล้วสะบัดหลุดจากหนานเมืองห้อเตลิดไป หนานเมืองวิ่งตามไปอย่างตกใจ อติศักดิ์ตะโกนให้หนานเมืองจับมันไว้ให้ได้

อลิสาเสนอพี่ชายไว้วันหลังค่อยขี่ดีกว่า เพราะวันนี้ดูเจ้าฟ้าลั่นพยศมาก รอให้มันสงบก่อนดีกว่า

"ปกติมันไม่เคยพยศกับพี่เลยนี่นา มันเป็นอะไรของมัน" อติศักดิ์มองฟ้าลั่นที่เตลิดไปอย่างกังวล

ooooooo

อลิสาไปที่ทับหน้าพูดประชดโยธินที่อ่านจดหมายของพ่ออยู่ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างมีความสุขว่า ท่าทางมีความสุขมาก งานที่คอกม้าเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ พอโยธินบอกว่าตนทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว อลิสาก็หาเรื่องทันทีว่า

"ทำงานเสร็จเรียบร้อย นายรู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าฟ้าลั่น อยู่ๆมันก็เกิดอาละวาดไม่ยอมให้พี่ชายขี่ วิ่งเตลิดหนีออกไป หนานเมืองตามจับตัวมันอยู่ แต่นายกลับมานั่งทำตัวไร้ประโยชน์อยู่ทางนี้"

อ่านละครย่อเรื่องเชลยศักดิ์ ตอนที่ 7

@^@..อ่านละครย่อเรื่องพ่อหนูเป็นซูเปอร์สตาร์ ตอนที่ 11

@^@..อ่านละครย่อเรื่องพ่อหนูเป็นซูเปอร์สตาร์ ตอนที่ 11
ตอนที่ 11 (ต่อจากวานนี้)

แต่พอเดินมาเปิดประตูจะออกก็เจอะเอื้อมดาวยืนยิ้มเข้าอย่างจัง แดนเทพเดินตามมา เคทยืนกลางระหว่างสองคน แดนเทพพูดกับเอื้อมดาวอย่างไม่พอใจ

"ผมคิดว่าคราวที่แล้วที่คุณบุกมาที่นี่เราคุยกันรู้เรื่องแล้ว"

"เอื้อมดาวรู้ค่ะว่าคุณแดนไม่ชอบให้มาที่นี่โดยไม่นัดล่วงหน้า" เอื้อมดาวพยายามพูดให้ฟังดูเหมือนเธอกับแดนเทพมีอะไรๆกัน แล้วยั่วว่าเธอมีเรื่องจะคุยที่แม่บ้านไม่ควรได้ยิน

เคทตาลุกวาว แดนเทพจะบอกว่าเคทเป็นใคร เอื้อมดาวชิงพูดว่าเป็นแมวขโมยชอบแย่งของชาวบ้าน แดนเทพโกรธไล่เอื้อมดาวให้กลับไป แต่เธอกลับบอกว่ามาคุยเรื่องข่าว เคทโมโหเดินเบียดเอื้อมดาวออกประตู เอื้อมดาวเซมาเกาะแดนเทพ เคทเหล่มองอย่างหมั่นไส้

พอแดนเทพรู้เรื่องจากเอื้อมดาวก็โทร.ไปวีนปรายฟ้า "นี่มันอะไรกันครับฟ้า ละครมนต์ดาราอะไร ผมไม่เห็นรู้เรื่อง ส่งเอื้อมดาวมาเวิร์กช็อปที่บ้านผมทำไม แล้วเรื่องเคทกับไอด้าล่ะ ถ้ารู้ถึงตาหูยัยนี่นิเละเหรอ ไม่รู้ล่ะ ถ้าคุณไม่จัดการให้ผม ผมจะโทร.ไปยกเลิกทุกอย่างกับทีมงานเอง"

ปรายฟ้าจอดรถอยู่ไม่ห่างหน้าบ้านแดนเทพ เพราะเธอเป็นคนมาส่งเอื้อมดาว เธอโบ้ยว่าเรื่องนี้คุณหญิงเจ้าของสถานีเป็นคนกำหนด ให้เขาโทร.คุยเอาเอง พลันเห็นเคทเดินออกมาจากบ้านจึงรีบตัดสายจากแดนเทพแล้วมองเคท ต้อม ขับรถออกจากบ้านมารับแล้วพากันออกไป ปรายฟ้าขับรถตามเคืองๆ "ได้ทีหาเรื่องอ้อนท่านชายเชียวนะนังเคท นังมารชีวิต"

ทั้งสองมานั่งสวนอาหารในหมู่บ้าน ต้อมดีใจที่เคทมีปัญหาแล้วนึกถึงเขา เคทขอโทษที่รบกวนแต่ต้อมกลับบอกว่าขอเขาเป็นคนดูแลเธอจริงๆ เคทนิ่งมองต้อม แววตาเธอบอกให้ต้อมรู้ว่าเขาเป็นได้แค่เพื่อน "คุณไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้ ขอแค่คุณรู้ไว้ว่าคุณมีผมเสมอนะ"

เอื้อมดาวออกมายืนมองหารถปรายฟ้า พยายามโทร.หาก็ไม่รับ แดนเทพตามออกมาถามว่าไม่มีรถมาหรือ เอื้อมดาวเผลอตอบว่าปรายฟ้ามาส่งแล้วปิดปากตัวเองตกใจ แดนเทพข้องใจดึงเอื้อมดาวให้มาพูดให้รู้เรื่อง ทันใดมือถือเอื้อมดาวดังขึ้น แดนเทพคว้ามือถือไปกดรับ พอฟังแล้วต้องตกใจ เสียงปรายฟ้าพูดว่า "เมื่อกี้รับไม่ทัน ว่าไงเรียบร้อยแล้วเหรอ ฉันเห็นยัยเคทเดินออกจากบ้านมาคนเดียว เกิดอะไรขึ้นเหรอ ฮะโหล ฟังอยู่รึเปล่า ฉันทำธุระอยู่สวนอาหารในหมู่บ้าน เธอจะคอยอยู่ตรงนั้นหรือจะมาหาฉันที่นี่ ฮะโหล...เอื้อมดาว..."

ปรายฟ้าตัดสายเพราะเห็นเคทเดินมา จึงรีบหลบเข้าห้องน้ำ เคทดันเดินเข้ามาเช่นกัน เคทคุยมือถือกับโอ๋เรื่องต้อมขอดูแลเธอแต่เธอไม่ตอบตกลง ปรายฟ้าอยู่ในห้องน้ำได้ยินแล้วหมั่นไส้ พอเคทเข้าห้องน้ำอีกห้อง เธอจึงออกมาแล้วแกล้งทำเป็นพูดโทรศัพท์กับต้อมว่า

"ฟ้าอยู่ในห้องน้ำค่ะท่านชาย เชิญท่านชายตามสบายค่ะ แต่ยังไงก็อย่าให้เคทรู้นะคะว่าที่จริงเรานัดกันไว้ เคทเค้ากำลังมีปัญหา ท่านชายทำหน้าที่เพื่อนที่ดีก็ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ"

เคทได้ยินแปลกใจ เดินออกมาไม่เห็นปรายฟ้าแล้ว เธอสับสนเดินกลับมาที่โต๊ะ ถามต้อมว่ามีธุระใช่ไหม ต้อมทำหน้างง...

พอถูกจับได้ แดนเทพก็ขู่จะแฉเรื่องที่เอื้อมดาวชอบเล่นการพนันและดื่มเหล้า บังคับให้เธอเข้าไปหาปรายฟ้าโดยเขาให้มือถือเธอโทร.ออกมาที่เครื่องเขา และให้เอื้อมดาวถือไปห้ามสายหลุด เขาจะฟังเรื่องทั้งหมด เอื้อมดาวเดินไปหาปรายฟ้าซึ่งนั่งหลบมุมเฝ้ามองเคทกับต้อมอยู่ ท่าทางเอื้อมดาวพยายามส่งซิกจะบอกปรายฟ้า แต่ปรายฟ้าไม่เข้าใจ จึงปล่อยตัวใครตัวมัน
ปรายฟ้าเริ่มถามว่าทำไมเคทถึงออกมาจากบ้าน พอเอื้อมดาวเล่า ปรายฟ้าก็หัวเราะสะใจ แดนเทพถึงกับอึ้ง ยิ่งได้ยินปรายฟ้าเป็นคนจัดแจงทุกเรื่องที่ผ่านมาก็ยิ่งสับสน...

ปรายฟ้าชี้ให้เอื้อมดาวดูเคทกับต้อม เอื้อมดาวบ่นอุบ "เพิ่งเห็นหน้ากันที่บ้านคุณแดนเทพแท้ๆ แป๊บเดียวโผล่มาที่นี่กับคุณท่านชายซะงั้น อืม...คาสโนวี่นะจ๊ะ"

แดนเทพได้ยินรีบมองหาโต๊ะเคทกับต้อมทันที ปรายฟ้ายุส่งว่าเคทเป็นแบบนี้แล้วจะยอมให้ใกล้ชิดกับแดนเทพอีกหรือ "เธอต้องตีสนิทกับแดนเทพให้มากที่สุด ยิ่งทำให้เคทไปจากชีวิตแดนเทพได้ยิ่งดี แล้วถ้าเธออยากสนิทกับแดนเทพจริงๆฉันก็ไม่ว่านะ"

เอื้อมดาวแปลกใจที่ปรายฟ้าไม่หึงหวงแดนเทพ ปรายฟ้า หัวเราะตอบว่า "ไหนๆก็ไหนๆ ฉันจะบอกความจริงให้นะว่า ฉันน่ะไม่ได้คบกับแดนเทพในฐานะคู่รักอย่างที่ใครๆเข้าใจหรอกนะ...ฉันกับแดนเทพน่ะนะ..."

เอื้อมดาวพยายามสะกิดให้ปรายฟ้าหยุดพูด พลันปัดโดนถ้วยกาแฟหกใส่ปรายฟ้า กระเป๋าเอื้อมดาวหล่นของกระจาย มือถือกับแบตกระเด็นแยกจากกัน เอื้อมดาวยิ้มที่สายตัดไป ปรายฟ้าโวยให้เอื้อมดาวพาเธอกลับ พอออกมาหน้าร้านก็ให้เอื้อมดาวกลับเอง เธอจะไปล้างตัวที่บ้านแดนเทพ เอื้อมดาวหน้าเจื่อนกลัวปรายฟ้ารู้ว่าความแตกแล้ว จึงรีบโบกแท็กซี่กลับไป

ooooooo

สีหน้าต้อมประหลาดใจ เมื่อเคทยอมเล่าเรื่องที่ได้ยินมา เขาคุยกับปรายฟ้าครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ยังจำไม่ได้เลย เคทจึงคิดว่าเธออาจเข้าใจผิด แต่ต้อมกลับบอกว่าไม่ผิดหรอก เสียงนั่นเป็นเสียงปรายฟ้าแน่ๆ ต้อมย้อนถามเคทว่าไม่รู้สึกว่ามีเรื่องแปลกๆบ้างหรือ เขาจึงเฉลยเรื่องงานแปลของเคทครั้งก่อนว่าเป็นฝีมือปรายฟ้า เคทอึ้งแต่คิดในทางที่ดีว่าที่ปรายฟ้าทำไปเพราะไม่อยากให้ใครใกล้ชิดต้อม ต้อมส่ายหน้าไม่เอาด้วย จึงสรุปกันว่าคนที่น่าเป็นห่วงคือแดนเทพ

พอดีมีลูกค้าหญิงสองคนคุยกันไม่ห่างจากแดนเทพว่า "คนเนี้ยเหรอคุณเคทที่เป็นข่าวกับท่านนริศพันธ์ เห็นจ๊อกกิ้งตอนเช้าๆประจำ น่าอิจฉาเนอะ..."

แดนเทพขุ่นใจมองไปที่ต้อมกับเคท พลันมือถือดังขึ้น จึงเดินออกนอกร้านพอเห็นว่าเป็นชื่อปรายฟ้าก็ตัดสายทิ้ง... ปรายฟ้าหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่หน้าบ้านแดนเทพ ทั้งกดกริ่งทั้งบีบแตรก็ไม่มีใครมาเปิดประตู เพราะแดนเทพโทร.สั่งแม่บ้านให้ทำเฉยๆเหมือนไม่มีใครอยู่บ้าน

แดนเทพขับรถไปเรื่อยเปื่อย ครุ่นคิดเรื่องที่ได้ยินและภาพเคทกับต้อมก็รบกวนจิตใจจนเขาต้องจอดรถข้างทาง พลันปั๋งโทร.มา เขาดีใจมากแต่ไม่มีโอกาสพูดเพราะปั๋งพูดแต่เรื่องงาน พอพูดจบก็วางสายไป เขาเซ็งมากไม่รู้จะไปไหน จึงมารอไอด้า ที่บ้านพ่อแม่

พอไอด้าเห็นแดนเทพก็ดีใจโผกอดแล้วขอนอนหนุนตัก เธอเพลียจากงาน ฟังพ่อคุยจนผล็อยหลับ พอแดนเทพถามว่า เจอกับต้อมบ่อยไหม เงียบไม่มีเสียงตอบเขาจึงรู้ว่าไอด้าหลับไปแล้ว จึงย้ายมาปรับทุกข์กับดนัยแทน

"เอ๊ะๆฉันว่าแกชักแปลกๆใหญ่แล้วนะ ที่แกพูดถึงน่ะ ยัยเคทนะไม่ใช่แม่ปรายฟ้าปรายสวรรค์ว่าที่คู่หมั้นของแกซะหน่อย นั่นแน่ หรือว่าถ่านไฟเก่ามันคุ"

"ผมก็ว่าอย่างนั้น"...ดนัยสะดุ้ง แดนเทพพยักหน้า "ผมคิดว่าผม...รักเคท"

"แกอยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา" ดนัยวิ่งไปร้องเรียกเอื้อมาช่วยดีใจที่จับคู่ได้สำเร็จ

ทั้งเอื้อ ยุทธ และดนัย ดีใจที่แดนเทพยอมรับว่ารักเคท แต่หนักใจเรื่องปรายฟ้าที่กำลังจะหมั้น ไอด้าซึ่งนอนอยู่ที่โซฟา เธอได้ยินเรื่องทั้งหมดจึงคิดหาวิธีช่วยให้พ่อแม่รักกัน...คืนนี้ แดนเทพค้างที่บ้านพ่อแม่ เขารื้อของที่เป็นความหลังระหว่างเขากับเคทออกมาดู คิดถึงอดีตที่ผ่านมา ทบทวนจนรู้ว่าเขาไม่เคยลืมเคทได้เลย

ooooooo

วันต่อมา เคทเปิดตู้เสื้อผ้าพบว่าแม่บ้านเก็บเสื้อผ้าผิดที่เอาบอกเซอร์แดนเทพมาไว้ในตู้เธอ จึงกรีดนิ้วหยิบจะเอาไปไว้ที่ห้องแดนเทพ ลองเงี่ยหูฟังที่ประตูรู้ว่าไม่อยู่จึงเข้าไปวางบอกเซอร์ลงบนเตียง พลันเห็นซองซีดีหล่นอยู่ข้างเครื่องเล่น จึงหยิบขึ้นมาดู หน้าซองเขียนว่า "My Kathy" พลิกดูก็เห็นชื่อเพลงโปรดของเธอทั้งนั้น จึงลองเปิดฟังดู

ด้านนอกห้อง แม่บ้านยิ้มๆโทร.รายงานไอด้าว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ไอด้าเตือนว่ายังเหลืออีกหนึ่งอย่าลืม แม่บ้านรับทราบ

เคทแล่นมาปรึกษาโอ๋เรื่องที่เธอเจอซีดี โอ๋ตบมือดีใจสรุปว่าแดนเทพยังรักเคท และหึงหวงต้อม เคทแย้งว่าแดนเทพมีปรายฟ้าอยู่ทั้งคน แต่โอ๋ไม่เห็นเป็นปัญหา แล้วนึกได้ย้อนถามว่าเคทเข้าไปในห้องแดนเทพทำไม เคทอ้อมแอ้มเล่า โอ๋หัวเราะก๊าก

ตอนกลางวัน แดนเทพกลับบ้านมาเอาของในห้องเห็นไดอารี่เล่มหนึ่งวางอยู่ จึงถามแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาด แม่บ้านบอกว่าเธอคิดว่าเป็นของเขาเห็นวางอยู่ในสวน ถ้าอย่างนั้นคงเป็นของเคท แดนเทพจึงบอกว่าเขาเอาไปคืนเอง แดนเทพถือโอกาสเปิดอ่านเจอข้อความ "ในที่สุดวันที่ฉันรอคอยก็มาถึง วันที่ฉันได้กลับมามีคุณอยู่ใกล้ๆ ฉันไม่อยากให้เราต้องจากกันอีกเลย คุณมีค่าที่สุดในชีวิตฉัน...แดนเทพ"

แดนเทพอึ้งคิดไม่ถึงว่าเคทยังรักเขาอยู่ เขาดีใจแต่บ่นว่าลายมือเคททำไมเหมือนเด็กเขียน...ไอด้าฟังแม่บ้านรายงานแล้วหน้างอ โม่งซึ่งอยู่กองถ่ายด้วยถามว่าแผนไม่สำเร็จเหรอ

"สำเร็จ แต่พ่อว่าลายมือเราเหมือนเด็กอนุบาล"

โม่งหัวเราะก๊าก ไอด้าหยิก โม่งร้องโอ๊ย "อย่านะ เราเสนอตัวจะช่วย แต่เธอต่างหากที่ดื้อจะเขียนเอง"

ไอด้าว่าลายมือเธอกับแม่ก็พอกันแหละ โม่งยิ้มความน่ารักของไอด้า แล้วไอด้าเกิดถามถึงแม่ของโม่งว่าที่เคยบอกว่าไม่สบายน่ะหายดีหรือยัง โม่งเครียดทันทีแต่ตอบว่าสบายดี ทั้งที่ในใจนึกถึงเรื่องที่คีตะโทร.หาแม่ของเขาเพื่อขู่ให้เขาเอาภาพไปให้ โม่งหนักใจทั้งที่ภาพในเครื่องมันกู้กลับมาด้วยตัวมันเอง แต่เขาไม่อาจทำร้ายไอด้าได้อีก เขาคิดจะหือกับคีตะ แต่แล้วก็ต้องพ่ายเพราะคีตะเอาแม่ของเขามาขู่...

@^@..อ่านละครย่อเรื่องพ่อหนูเป็นซูเปอร์สตาร์ ตอนที่ 11

@^@..อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 18

@^@..อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 18
ตอนที่ 18 (ต่อจากวานนี้)

หลังปรับความเข้าใจกับดาลัดได้ไม่นาน ดนตร์ ก็ตัดสินใจพาดาลัดไปพบเตี่ยกับแม่ของเธอที่ร้านอาหารจีน ซึ่งดนตร์นัดท่านไว้โดยไม่บอกดาลัดให้รู้ตัว ส่วนเสี่ยเม้งกับดวงใจก็ไม่รู้ล่วงหน้าเหมือนกันว่าจะได้เจอลูกสาวของตนที่นี่

เมื่อดนตร์จูงมือดาลัดเข้ามาเผชิญหน้ากัน ดาลัดตื่นตระหนกตกใจ เสี่ยเม้งกับดวงใจก็เช่นกัน

"อ้าว อาดา ลื้อมากับอาดนตร์ได้ยังไง ลื้อต้องอยู่ที่ เชียงใหม่ไม่ใช่เหรอ"

ดาลัดไม่ตอบ แต่หันขวับไปมองดนตร์อย่างไม่พอใจ

"ทำไมพี่ดนตร์ทำอย่างนี้"

"ถึงเวลาแล้วดา ที่ทุกคนจะต้องรู้ความจริง" ดนตร์กระชับมือดาลัดแน่นอย่างให้กำลังใจ แต่ดาลัดก็ยังกลัวอยู่ดี

"เฮ้ย...อาดนตร์ลื้อเดินจับมืออาดาอย่างนี้ได้ยังไง เดี๋ยวใครเห็นเข้าเขาจะมองอาดาไม่ดีรู้ไหม"

"ไม่เป็นไรหรอกครับเตี่ย เพราะผมตั้งใจจะมาสู่ขอน้องดากับเตี่ยกับคุณแม่อยู่แล้ว"

"สู่ขอ?" เสี่ยเม้งกับดวงใจอุทานเป็นเสียงเดียว พอตั้งสติได้ ดวงใจก็ถามดนตร์ว่านึกยังไงขึ้นมา ถึงจะมาสู่ขอน้องดา

"ผมกับน้องดาเรากำลังจะมีลูกด้วยกันครับ"

เสี่ยเม้งกับดวงใจตกใจสุดขีด ดนตร์รีบวิงวอนอย่างสำนึกผิด

"เตี่ยครับ คุณแม่ครับ ผมขอโทษ แต่ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง"

ขาดคำ เสี่ยเม้งก็ลุกขึ้นคว้าแขนดาลัดลากออกไปเลย ดนตร์รีบก้าวตามไปขวางหน้า

"เตี่ยฟังผมก่อนสิครับ"

"อั๊วไม่ฟังอะไรจากคนที่มันหยามเกียรติอั๊วทั้งนั้น อาดากลับบ้านเดี๋ยวนี้" เสี่ยเม้งลากดาลัดต่อไป ดวงใจจ้องมองดนตร์ด้วยแววตาผิดหวังแล้วก้าวตามสามีกับลูก ดนตร์ หน้าซีดจัด เดินตามไปอย่างเร่งร้อน

ooooooo

ครู่ต่อมา ดวงใจตามติดเสี่ยเม้งที่ลากดาลัดซึ่งร้องไห้น้ำตานองหน้าเข้ามาในบ้าน

"เตี่ยปล่อยดานะ ดาไม่ไปไหนกับเตี่ยทั้งนั้น"

เสี่ยเม้งตบหน้าดาลัดผัวะอย่างโกรธจัด ดวงใจอึ้งตกใจ

"ลื้อนี่มันดื้อไม่เลิก ถ้าลื้อหัดฟังที่อั๊วบอกบ้างว่าไม่ต้องดิ้นรนออกไปอยู่ไกลหูไกลตาอั๊ว ลื้อคงไม่ต้องโง่ท้องป่อง อย่างนี้หรอก"

"ก็เพราะว่าดาเชื่อฟังเตี่ยมาตลอดไงคะ ดาถึงได้โง่ ไม่ทันคนอย่างนี้"

"นี่ลื้อโทษว่าเป็นความผิดอั๊วเรอะ" เสี่ยเม้งกระหน่ำฟาดดาลัดด้วยมือ ดาลัดร้องไห้โฮ ดวงใจพยายามจะห้ามสามี แต่เขาโกรธจนไม่ยอมหยุด ตีลูกไปน้ำตาก็ไหลไป ดนตร์ตามมาถึงรีบวิ่งเข้ามาห้าม และดึงดาลัดมากอดอย่างปกป้อง

"เตี่ย...อย่าตีน้องดาครับ"

"ลื้อเข้ามาในบ้านอั๊วทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้!"

ดนตร์คุกเข่าลงตรงหน้าเสี่ยเม้งทันที

"ถ้าเตี่ยจะทำโทษน้องดา เตี่ยทำโทษผมเถอะครับ เพราะคนที่ผิดคือผมไม่ใช่น้องดา เตี่ยตีผมเลยครับ ตีให้พอใจกับสิ่งที่ผมทำให้เตี่ยเสียใจ" ดนตร์จับมือเสี่ยเม้งมาฟาดที่หัวตัวเองไม่ยั้ง เสี่ยเม้งยืนนิ่ง แววตาที่มองดนตร์อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

"พอแล้วดนตร์...พอแล้ว" ดวงใจเข้ามาจับมือดนตร์ไว้ ดนตร์น้ำตาร่วง ก้มกราบแทบเท้าท่านทั้งสอง

"เตี่ยครับ แม่ครับ ผมขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป แต่ผมอยากขอโอกาสให้ผมดูแลน้องดากับลูกเถอะนะครับ"

"คนอย่างลื้อยังดูแลตัวเองยังไม่ได้เลย แล้วลื้อจะมาดูแลลูกสาวอั๊วได้ยังไง ลื้อมันเลวมากนะที่ทำกับอั๊วอย่างงี้ แต่ก็ยังดีที่ลื้อมันมีความเป็นลูกผู้ชาย ถ้าอั๊วรู้ด้วยตัวของอั๊วเอง อั๊วลากปืนไปยิงลื้อถึงบ้านแล้ว"

"ผมรู้นะว่าผมเป็นคนไม่เอาไหน แต่ผมขอสัญญาว่าผมจะพิสูจน์ตัวเอง ผมจะเป็นคนใหม่ ดูแลดาและลูกเอง"

"ลื้อรู้ไหมว่าสิ่งที่ลื้อทำมันหยามเกียรติอั๊วแค่ไหน แต่ถ้าลื้อรักอั๊วเหมือนอย่างที่อั๊วรักลื้อเหมือนหลานนะ อย่าทำลายโอกาสที่อั๊วจะให้ลื้อพิสูจน์ตัวเองเด็ดขาดนะ"

"ขอบคุณมากครับเตี่ย ขอโทษครับเตี่ย" ดนตร์ยิ้มทั้งน้ำตา

"อาดามานี่ซิ นั่งลงสิ จะยืนค้ำหัวผัวทำไมล่ะ ต่อไปนี้นะ เตี่ยก็ถือว่าลื้อโตแล้ว เตี่ยจะให้ลื้อเรียนรู้ชีวิตด้วยตัวของลื้อเอง เตี่ยกับแม่คงจะได้ดูแลลื้ออย่างห่างๆเท่านั้น แต่อั๊วจะบอกไว้อย่างนะ ที่เตี่ยจู้จี้จุกจิกกับลื้อเนี่ย เตี่ยรักลื้อนะ"

"ค่ะเตี่ย ดาเข้าใจค่ะ ดาขอโทษเตี่ยนะคะ ที่ดาเคยดื้อ หรือที่ดาเคยเถียง ดาก็รักเตี่ยเหมือนกันนะคะ" ดาลัดกอดเตี่ยกับแม่...สะอื้นตัวโยน

ooooooo

หลังจากนั้นดนตร์กลับมาเก็บเสื้อผ้าข้าวของของดาลัดที่บ้านตะวันฉาย พร้อมกันนี้ดนตร์ก็ขอบคุณตะวันฉายสำหรับความช่วยเหลือทุกอย่างที่ทำให้เขากับดาลัดลงเอยกันได้ด้วยดีมีความสุข

"ไม่ใช่เพราะฉันหรอก แต่เป็นเพราะความจริงใจของคุณต่างหาก ถึงทำให้พ่อแม่ของน้องดาใจอ่อน คุณนี่กล้าจริงๆเลยนะ ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะทำอย่างนี้ แล้วนี่คุณชัครู้เรื่องหรือยังคะ"

"ยังครับ แต่ผมคิดว่าจะบอกมันด้วยตัวผมเอง"

เมื่อตั้งใจไว้แบบนี้แล้ว ออกจากบ้านตะวันฉาย ดนตร์จึงมุ่งหน้าไปบ้านชัคต่อ แต่เจอสมปองเฝ้าบ้านอยู่คนเดียวเหมือนเดิม สมปองเห็นดนตร์ร้อนใจอยากพบชัคมาก ก็เลยตัดสินใจต่อโทรศัพท์ไปที่บ้านพักตากอากาศให้พวกเขาคุยกันเอง

ดนตร์บอกชัคว่าเขามีเรื่องสำคัญจะปรึกษา แต่ไม่ขอพูดทางโทรศัพท์ ให้ชัครีบกลับมาที่บ้านโดยเร็ว...แล้วชัคก็มาได้อย่างรวดเร็วทันใจดนตร์ดีแท้ แต่ดนตร์กลับยึกยักไม่กล้าพูดกับชัคตรงๆ อ้อมไปอ้อมมาเป็นนาน เหมือนเล่นเกมยี่สิบคำถาม

"ชัค...คือแก...แกเคยทำอะไรที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตแกมั้ย"

"คบแกไง"

"เอาจริงๆดิ"

"เยอะแยะไป"

"สมมตินะ สมมติว่าแกไปทำอะไรผู้หญิงโดยที่เขาไม่เต็มใจนะ แกว่าแกเลวมั้ย"

"เลว" ชัคตอบเสียงดังฟังชัดจนดนตร์ผงะเล็กน้อย

"แล้วแกจะทำยังไง"

"ก็รับผิดชอบ บอกกับพ่อแม่เขา"

"เขาคงไม่โกรธแกหรอก เพราะว่าแกเป็นคนดี แล้วถ้าเป็นฉันล่ะ คนเลวอย่างฉัน...พ่อแม่เขา ฉันไม่ห่วงหรอก แต่พี่น้องเขาจะให้อภัยฉันไหมวะ"

"อยู่ที่ความจริงใจ"

"แล้วถ้าสมมติเขาท้องล่ะ"

"ยิ่งต้องรีบแสดงความรับผิดชอบใหญ่"

"แล้วถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นน้องของแกล่ะ" เห็นชัคนิ่งเงียบ ดนตร์เลยตัดสินใจเด็ดเดี่ยว "นี่ไม่ใช่เรื่องสมมติ มันเป็นเรื่องจริง ฉันทำไม่ดีกับดาลัด ฉันทำดาลัดท้อง"

"แกก็ควรจะสารภาพกับพี่ชายเธอตั้งนานแล้วนะ ไม่ใช่ปล่อยให้นานขนาดนี้" ชัคพูดนิ่งๆ นิ่งเสียจนดนตร์เป็นงง

"แก...แกรู้แล้ว?"

"แกคิดว่าฉันไม่สนใจน้องบ้างเลยเหรอ ฉันรู้ตั้งนานแล้ว ยัยดาหายไปจากหอพักฉันก็รู้"

"แกรู้...แกเป็นพี่ภาษาอะไรวะ แกไม่ห่วงน้องแกเหรอ ปล่อยให้หายไปจากหอพักตั้งนาน"

"เฮ้ย...ผิดแล้วยังจะมาโวยวายอีก ฉันจะห่วงทำไม ในเมื่อฉันรู้ว่ายัยดาอยู่กับตะวันฉาย"

"แกรู้ว่าดาอยู่กับตะวันงั้นเหรอ"

"ก็เออน่ะสิ"

"ฉันผิดไปแล้วชัค ฉันขอโทษ แกจะฆ่าฉันให้ตายก็ได้นะ"

"ตายแล้วไง หลานฉันก็กำพร้างั้นสิ ฉันฆ่าแกแล้วเรื่องราวในอดีตจะหายไปงั้นเหรอ...ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่อดีตหรอกนะ ปัญหาที่แกจะแก้อยู่ที่ปัจจุบันต่างหากล่ะ ตอนนี้สิ่งที่แกควรจะทำก็คือทำให้ยัยดายอมรับในตัวแกให้ได้โดยเร็วที่สุด ไม่ใช่เงอะงะอย่างงี้ เข้าใจมั้ย"

"แกไม่โกรธเหรอ" ดนตร์ยังระแวง

"ที่ผ่านมาฉันเห็นว่าแกกระวนกระวายเรื่องยัยดา ฉันก็รู้ว่าแกมีสำนึกที่จะรับผิดชอบ ยิ่งแกไปบอกเตี่ยกับแม่แล้วฉันก็สบายใจแล้วล่ะ"

"แกรู้?"

"ไอ้ดนตร์ ฉันคบกับแกมา ฉันรู้แกเป็นคนดี ไอ้ความเหลวแหลกทั้งหลายที่แกทำไป มันเพราะอะไรฉันก็รู้ และถ้ายายดาจะต้องมีผัวซักคน ฉันก็ควรจะเลือกคนที่ฉันรู้จักดีที่สุดไม่ใช่เหรอ เข้าใจรึยัง ไอ้น้องเขย"

"ชัค...แกเป็นเพื่อนที่ฉันกราบได้จริงๆว่ะ ขอบใจเพื่อน"

ดนตร์แทบจะกราบชัคจริงๆ แต่ชัคดึงเพื่อนมากอดและตบไหล่เบาๆอย่างเข้าใจความรู้สึก...จากนั้นชัคแยกตัวออกไปที่สวน ยืนมองดอกไม้ด้วยความคิดถึงคนจัดแต่ง ดนตร์ ตามออกมาเมียงมองอย่างรู้ทัน แต่ทำเป็นเดินบ่นเข้ามา

"อ้าว อยู่นี่เอง เดินหาให้ควั่กเลย ยืนซึมอยู่ได้ ปัญหา คนอื่นแก้ได้หมด ปัญหาตัวเองแก้ไม่ได้ล่ะสิ"

"อะไร" ชัคทำไขสือ ดนตร์เลยต้องตรงประเด็น

"กลุ้มใจเรื่องคุณตะวันล่ะสิ"

"เปล่า" ชัคยังปากแข็ง

"แกไม่ต้องมาโกหกฉันเลยไอ้ชัค ถ้าแกไม่กลุ้มใจเรื่องคุณตะวัน แกจะหายหัวขาดการติดต่อกับโลกภายนอกไปอย่างนี้ เหรอวะ แกคิดว่าจะหนีอย่างนี้ไปได้อีกนานเท่าไหร่ ทำไมแกไม่สู้เพื่อคนที่แกรักวะ"

"ชีวิตฉันมีอะไรต้องทำอีกมาก ฉันไม่มีเวลามานั่งตบมือข้างเดียวหรอกนะไอ้ดนตร์"

"ฉันรู้จักแกเป็นคนไม่ค่อยพูด บางเรื่อง...เป็นคนไม่ค่อยพูดมันก็ดี แต่ถ้าเรื่องความรัก แกไม่พูด อดนะเว้ย"

ชัคนิ่งเงียบไปอย่างครุ่นคิด

ooooooo

กินข้าวกลางวันเสร็จ อารยะขับรถพาตะวันฉาย มาที่บ้านของเขา พอตะวันฉายถามเขาว่า พาเธอมาที่นี่ทำไม อารยะก็ตอบยิ้มๆว่า

"เดี๋ยวก็รู้จ้ะ" ตอบแล้วอารยะจะจูงมือตะวันฉาย แต่เธอรีบยกมือข้างนั้นจับกระเป๋าอย่างไว้ตัว อารยะเลยชะงัก แล้วผายมือให้ตะวันฉายเดินเข้าบ้าน

ตะวันฉายเดินเข้ามากวาดสายตามองรอบห้องที่ถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหราสวยงาม

"ห้องนี้อาให้ช่างมาตกแต่งใหม่หมดเลยนะ เฟอร์นิเจอร์ ทุกอย่างสั่งมาจากเมืองนอกเลย เอาไว้ต้อนรับหนูโดยเฉพาะ เป็นยังไงจ๊ะ หนูชอบหรือเปล่า"

"ความจริงท่านไม่น่าต้องลำบากเลย ดิฉันอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น"

"ไม่ได้หรอกจ้ะ หนูกำลังจะมาเป็นคนสำคัญที่สุดของชีวิตอา อาก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับหนู"

ตะวันฉายฝืนยิ้ม เสียงโทรศัพท์ของอารยะดังขึ้น อารยะจึงต้องปล่อยมือจากตะวันฉายอย่างแสนเสียดาย

"อาขอตัวสักครู่นะจ๊ะ"

ตะวันฉายแค่ยิ้มนิดๆ มองตามอารยะที่เดินพูดโทรศัพท์ออกไป สักครู่กรองทิพย์เดินลากกระเป๋าออกจากห้องผ่านมาเห็นตะวันฉาย กรองทิพย์ชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนเดินเข้ามาพูดขึ้นลอยๆ

"เป็นอย่างที่เขาว่ากันเลยนะคะ ว่าถ้าคิดจะมีเมียเด็ก ก็ต้องหมั่นเอาใจ"

ตะวันฉายไม่ชอบใจนัก แต่ก็ยกมือไหว้กรองทิพย์ ตามมารยาท

"ยังไงอาก็ต้องขอแสดงความยินดีกับหนูล่วงหน้าด้วยนะคะ"

"ขอบคุณค่ะ"

"แต่อาขอกระซิบบอกอะไรหนูไว้อย่างนะ ตอนนี้ ที่คุณอารยะกำลังหลงหนู หนูต้องกอบโกยให้มากๆเอาไว้ รู้ไหม ต่อไปพอคุณอารยะเบื่อหนูแล้ว หนูจะได้ไม่ลำบาก"

"ดิฉันไม่ได้แต่งงานกับคุณอารยะเพราะจุดประสงค์ อย่างที่คุณอาคิด"

"งั้นหนูจะบอกว่าหนูรักคุณอารยะงั้นเหรอ" ตะวันฉาย อึ้ง เถียงไม่ออก "เอาเถอะค่ะ ไม่มีใครว่าอะไรหนูหรอกนะคะ ถ้าหนูจะเป็นหนูตกถังข้าวสาร เพราะมีผู้หญิงอีกมากมายที่เขาอยากเป็นเหมือนหนู แต่ก็ไม่มีใครมีความสามารถเท่าหนูเลยสักคน"

ตะวันฉายเม้มปากแน่นอย่างอดทนต่อการดูถูกเหยียดหยามของกรองทิพย์

"อาไปก่อนดีกว่า ไม่อยากอยู่เป็น กขค แต่ยังไง อาก็ต้องขอต้อนรับหนูสู่คฤหาสน์แสนสุขหลังนี้นะคะ คุณผู้หญิงคนใหม่"

กรองทิพย์เชิดหน้าลากกระเป๋าออกไปแล้ว ทิ้งตะวันฉายยืนหน้าตึงอย่างโกรธจัด แล้วเธอก็ตัดสินใจกลับออกมาจากบ้านอารยะโดยไม่รอเจอเขา

ขณะเธอเดินอยู่ในซอยนั่นเอง ดนตร์ขับรถสวนเข้ามาเห็นตะวันฉาย ชายหนุ่มรีบจอดรถทักถามอย่างแปลกใจ

"ทำไมมาเดินคนเดียวแถวนี้ครับ คุณตะวัน"

"คุณอารยะพาฉันมาเที่ยวบ้านคุณน่ะค่ะ"

"แล้วนี่พ่อไปไหนล่ะครับ ทำไมถึงปล่อยให้คุณมาเดินอยู่คนเดียวอย่างนี้"

"พ่อคุณยังไม่ทราบหรอกค่ะว่าฉันออกมา"

"มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ"

"ไม่มีค่ะ" ปากเธอตอบปฏิเสธ แต่สีหน้ามีแววเศร้าหม่นจนดนตร์ไม่สบายใจ แต่เขาก็มีมารยาทพอที่จะไม่ซักไซ้ให้เธอลำบากใจ

"คุณจะกลับบ้านใช่ไหมครับ ขึ้นรถสิ เดี๋ยวผมไปส่ง"

พอดนตร์ลงมาเปิดประตูให้ ตะวันฉายกลับโพล่งขึ้นมาว่า

"เราไปหาอะไรดื่มกันไหมคะคุณดนตร์"

ดนตร์มองหน้าที่กำลังเบื่อหน่ายของตะวันฉายอย่างเข้าใจ

"ชวนถูกคนแล้วล่ะครับ เชิญครับ"

ตะวันฉายขึ้นรถ ดนตร์ใช้จังหวะที่เดินอ้อมกลับมาด้านคนขับแอบกดมือถือส่งข้อความไปถึงใครคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ส่วนอารยะเมื่อกลับเข้ามาไม่เห็นตะวันฉาย เขาเรียกคนรับใช้มาสอบถามก็ได้คำตอบที่ทำให้เขาหงุดหงิดเหลือหลาย

"เธอออกไปข้างนอกเมื่อกี๊นี้เองค่ะ"

ooooooo
เมื่อเห็นข้อความของดนตร์ที่ชวนออกมาดื่มเป็นเพื่อนที่ร้านเดิม ชัคแปลกใจแต่ก็เตรียมตัวออกจากบ้านในทันที

ส่วนดนตร์กับตะวันฉายที่ไปถึงร้านแล้ว ดนตร์แน่ใจว่าตะวันฉายมีเรื่องไม่สบายใจ ถึงได้สั่งเหล้ามาดื่ม ทั้งที่เขาจะสั่งน้ำส้มมาให้ ครั้นพอชัคตามมาถึง ดนตร์จึงปล่อยให้ พวกเขาอยู่กันตามลำพัง แต่พอดนตร์ลุกออกไป ตะวันฉายก็ลุกขึ้นทำท่าจะกลับ

"คุณจะกลับแล้วเหรอ นัดใครเอาไว้"

"เปล่า"

"งั้นอยู่ต่อก่อนได้หรือเปล่า"

ตะวันฉายไม่ตอบ แต่ลงนั่งตามเดิม ชัคไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง จึงแสดงความยินดีเรื่องแต่งงานที่เขาเห็นข่าวแล้วในหนังสือพิมพ์ ตะวันฉายนิ่งไม่ตอบ ชัคเริ่มสังเกตและเห็นว่าตะวันฉายเมา แต่พอเขาถาม เธอกลับปฏิเสธ

"คนเมาก็พูดอย่างนี้ทุกคน แล้วทำไมคุณอารยะถึงปล่อยคุณมาคนเดียวได้"

"ฉันขอมาเพื่อฉลองสละโสดก่อนที่จะเป็นภรรยาที่น่ารักของเขา"

"ขอแสดงความยินดีอีกครั้ง"

"ฉันก็เหมือนกัน ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าของคุณกับคุณลินจง"

ทั้งคู่นิ่งเงียบกันไปครู่หนึ่ง แล้วตะวันฉายก็เป็นฝ่ายถามเขาว่า

"คุณมีความสุขดีไหมคะ คุณชัค"

"มีสิ คุณเองก็มีความสุขเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เพราะคุณได้ทุกสิ่งที่คุณปรารถนาแล้ว"

"คุณคงไม่รู้จักฉันดีพอ ฉันเป็นคนโลภมากคนนึง ขนาดฉันได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการแล้วแต่ฉันยังรู้สึกเหมือนตัวเองต้องรอคอยอะไรซักอย่าง"

"หากคุณเรียนรู้ที่จะรอคอย บางทีคุณอาจจะไม่ต้องเหนื่อยดิ้นรนไขว่คว้าหาสิ่งที่คุณต้องการ"

เสียงมือถือชัคดังขึ้น ลินจงโทร.มานั่นเอง เธอมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับชัค ขอร้องให้เขามาพบที่บ้าน เธอไม่อยากคุยทางโทรศัพท์ ชัคลังเลเพราะห่วงตะวันฉาย แต่ก็รับปากเธอไป แล้วตั้งใจจะไปส่งตะวันฉายที่บ้านก่อน แต่ถูกตะวันฉายปฏิเสธ

ooooooo

ลินจงรอต้อนรับชัคอยู่อย่างกระวนกระวายไม่ สบายใจเอาเสียเลย พอชัคมาถึงเห็นท่าทีลินจงก็พอจะรู้ว่าธุระของเธอต้องเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีแน่

"ขอบคุณนะคะที่เสี่ยกรุณาแวะมาเสี่ยคะ ลินมีเรื่องจะบอกเสี่ย คือว่าจริงๆแล้วลิน...ลินกำลังคบกับใครบางคนอยู่ค่ะ"

"แล้วทำไมคุณไม่บอกผมตอนที่ผมขอแต่งงานกับคุณ" เขาพูดเรียบๆ

"ลินเกรงใจเสี่ยนะคะ เสี่ยมีบุญคุณกับลินเรื่องที่เรา แกล้งหมั้นกัน วันนั้นพอเสี่ยเอ่ยปากขอแต่งงาน ลินเลยตั้งตัวไม่ทัน แต่ลินบอกตรงๆนะคะ ถ้าเราแต่งงานกันโดยไม่ได้มาจากความรัก มันจะเป็นทุกข์นะคะ"

"คุณไม่ต้องหนักใจหรอกครับ ถ้าคุณจะไปแต่งงานกับเขา ส่วนเรื่องของเราผมจะคุยกับเตี่ยให้เอง"

"เสี่ยไม่โกรธลินใช่ไหมคะ"

"ผมไม่เห็นแก่ตัวขนาดนั้นหรอกครับ ยังไงผมก็ต้องแสดงความยินดีกับคุณลินล่วงหน้าเลยก็แล้วกัน"

"ขอบคุณเสี่ยมากค่ะที่เข้าใจลิน และขอบคุณจริงๆ สำหรับความช่วยเหลือของเสี่ย ต่อไปถ้าเสี่ยมีอะไรให้ลินช่วย เสี่ยบอกลินได้เลยนะคะ เอ่อ...เสี่ยคะ ลินเองก็อยากให้เสี่ยได้แต่งงานกับคนที่เสี่ยรักนะคะ แล้วเสี่ยจะรู้ว่ามันมีความสุขมากแค่ไหน"

ลินจงทิ้งท้ายด้วยความปรารถนาดีจริงๆ ชัคไม่พูดอะไร นอกจากยิ้มรับอย่างเข้าใจ

ooooooo

แท็กซี่แล่นมาจอดหน้าบ้าน พอตะวันฉายก้าวลงมา อารยะซึ่งยืนพิงรถคอยอยู่ก็ปราดเข้าไปหาเธอทันที

"หนูตะวันฉาย หนูไปไหนมา"

"ดิฉันไปหาอะไรดื่มมาค่ะ"

"นี่หนูเมานี่ เข้าไปในบ้านก่อนเถอะจ้ะ"

อารยะประคองตะวันฉายเข้าไปในบ้าน ระหว่างนี้ชัคขับเข้ามาจอด ชัคมองตามทั้งคู่หน้าเศร้า แล้วตัดใจขับรถออกไป...อารยะพาตะวันฉายเข้ามานั่งที่โซฟา และซักถามด้วยความห่วงใย

"ตะวัน...หนูเป็นอะไรไป ใครทำอะไรหนูบอกอาสิ อาจะไปจัดการให้"

"ไม่มีใครทำหรอกค่ะ ดิฉันทำตัวเองทั้งนั้น...ท่านคะ ดิฉันอยากขออะไรท่านสักอย่างได้ไหมคะ"

"สำหรับหนู อาให้ได้ทุกอย่างอยู่แล้ว"

"ดิฉันต้องการเลื่อนการแต่งงานขึ้นมาให้เร็วที่สุด จะ เป็นวันนี้พรุ่งนี้เลยก็ได้ ดิฉันพร้อมเสมอ"

อารยะอึ้งไปอย่างไม่คาดคิด ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจสุดๆ

ooooooo

"อะไรนะ ลื้อจะยกเลิกการแต่งงาน!" เสี่ยเม้งอุทาน หลังฟังชัคบอกข่าวในเช้าวันรุ่งขึ้น ดวงใจกับดาลัดที่นั่งอยู่ด้วยก็พลอยเลิ่กลั่กไม่เข้าใจ

"ครับ เพราะผมกับคุณลินเราไม่ได้รักกัน แต่ที่ผ่านมาผมกับคุณลินต้องแกล้งทำเป็นว่ารักกัน เพราะคุณลินเธอไม่อยากถูกพ่อของเธอจับคลุมถุงชนกับผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก"

"แล้วทำไมไม่แกล้งทำเป็นรักกันต่อไปให้ตลอดล่ะ ลื้อสองคนจะได้แต่งงานสมใจอั๊ว"

"คุณลินเธอมีคนรักอยู่แล้ว เธอคงจะมีความสุขกว่าที่ได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก"

"ใช่ การแต่งงานคือความสุขนะ ถ้าลื้อมีความสุข ลื้อก็แต่ง ถ้าลื้อไม่มีความสุขลื้อก็ไม่ต้องแต่ง ลื้อโตแล้วนะ

อาชัค ลื้อตัดสินใจเองได้แล้ว" เสี่ยเม้งยอมรับอย่างปลงๆ ทั้งที่ลึกๆก็เสียใจไม่น้อยเลย
อ่านละครย่อเรื่อหัวใจสองภาคง ตอนที่ 18

@^@..อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว ตอนที่ 5

@^@..อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว ตอนที่ 5
ตอนที่ 5 (ต่อจากวานนี้)

ด้านกรองกาญจน์กับคมชิตที่กำลังเดินทางกลับบ้านด้วยรถคันเดียวกัน กรองกาญจน์บ่นถึงปริกอย่างไม่สบายใจ หวั่นๆว่าปริกครั้งนี้จะไม่เล่นด้วย

"ถ้าแม่ปริกไม่ยอมร่วมมือ ก็เปลี่ยนแม่บ้านเลยสิครับ" คมชิตเสนอ

"เปลี่ยนไม่ได้หรอก เพราะทอรุ้งคงจะไม่ไว้ใจใครเท่าแม่ปริก แล้วถ้าเป็นคนใหม่ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเราจะซื้อตัวมาได้หรือเปล่า เราจะเสียโอกาสมากกว่า"

"แต่ท่าทางคราวนี้แม่ปริกจะไม่ยอมร่วมมือกับเราง่ายๆ"

"ท่าทางแม่ปริกจะตามใจลูกสาวตัวเองมาก เธอลองไปสืบมาซิว่ายัยนกคนนี้มีจุดอ่อนอะไรบ้าง บางทีเราอาจจะใช้ให้เป็นประโยชน์"

คมชิตพยักหน้า แล้วบึ่งรถไปส่งกรองกาญจน์ก่อนจะกลับเข้าบ้านตัวเอง แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นทิพย์วารียังนั่งอยู่ในห้องรับแขก

"อ้าวทิพย์ ยังไม่นอนอีกเหรอลูก"

"ทิพย์นอนไม่หลับค่ะ"

"อ๋อ ไปเดทกับคุณต่อมาถึงกับนอนไม่หลับเชียวเหรอลูก"

"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะพ่อ แต่ทิพย์กลุ้มค่ะ ขนาดไปนั่งฟังเพลงด้วยกัน ทิพย์ยังดูออกว่าคุณต่อเป็นห่วงทอรุ้งตลอดเวลา แล้วยังแอบโทร.ไปหาเขาด้วย"

"มิน่า...ถึงเห็นเขาไปอยู่แถวบ้านทอรุ้ง"

"พ่อเจอคุณต่อเหรอคะ แสดงว่าพอเขามาส่งทิพย์เสร็จก็แอบไปหาทอรุ้งอีก นี่มันห่วงเกินเจ้านายลูกน้องแล้วนะคะ" ทิพย์วารีฮึดฮัดไม่พอใจ คมชิตเข้ามาโอบลูกสาวไว้อย่างปลอบโยน

"ไม่ต้องห่วงนะทิพย์ อีกไม่นานหรอกลูก คุณต่อก็ไม่มีอะไรให้ห่วงอีกแล้ว"

"พ่อหมายความว่ายังไงคะ"

"งานพ่อกับคุณกรองใกล้จะสำเร็จแล้ว เมื่อนั้นทอรุ้งก็จะหลุดจากตำแหน่ง คุณต่อก็จะไม่ได้เป็นผู้ช่วยทอรุ้งอีกต่อไป แล้วเขาก็จะกลับมาหาลูกเอง"

ทิพย์วารีฟังแล้วยิ้มออกมาได้อย่างมีความหวัง

ooooooo

เมื่อมีความหวัง ทิพย์วารีก็ยิ่งรุกต่อตระกูล...เช้าวันใหม่เธอแต่งตัวสวยไปทำงาน พอเที่ยงตรงก็นวยนาดไปชวนต่อตระกูลกินข้าว

"ทิพย์ก็รู้นี่ครับ ว่ากลางวันผมจะทานข้าวในออฟฟิศ คงไปทานกับทิพย์ไม่ได้หรอก" ชายหนุ่มปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ทิพย์วารีทำเหมือนไม่ได้ยิน เข้ามาตื๊อเขาชนิดถึงเนื้อถึงตัว

"วันนี้ไปเป็นเพื่อนทิพย์หน่อยนะคะ เดี๋ยวทิพย์ขออนุญาตเจ้านายให้คุณเอง"

"ทิพย์...เดี๋ยวก่อน" ต่อตระกูลพยายามแกะมือทิพย์วารีออก เป็นจังหวะที่ทอรุ้งก้าวออกมาจากห้องพอดี

"วันนี้ฉันมีนัดกินข้าวกับอาเปรมที่ห้องอาหารข้างล่างพอดี ฉันอนุญาตให้คุณไปทานข้าวกับคุณทิพย์ได้"

พูดเสร็จทอรุ้งเดินออกไปทันที ทิพย์วารียิ้มสมใจ แต่เพียงชั่วครู่ความดีใจสมใจของทิพย์วารีก็เหือดหาย กลายเป็นฮึดฮัดไม่พอใจ เพราะต่อตระกูลพาเธอลงมาที่ร้านอาหารของโรงแรม แล้วเจอทอรุ้งกับเปรมยุดานั่งอยู่ก่อน

"ที่แท้ก็ตามมารับใช้เจ้านายอีกแล้วเหรอคะ" ทิพย์วารีประชด

"คุณทิพย์ครับ" ต่อตระกูลปรามอย่างเหนื่อยใจ

ขณะเดียวกัน เปรมยุดาก็กระซิบถามหลานสาว ไหนว่าวันนี้ปลอดบอดี้การ์ด ทอรุ้งยืนยันว่าต่อตระกูลตามเธอมาเอง เปรมยุดาเหลือบมองไปยังต่อตระกูลอีกครั้ง แล้วพึมพำว่าพิลึกคนจริงๆ

แม้จะนั่งคนละโต๊ะ แต่ต่อตระกูลก็ยังคอยมองทอรุ้งไม่วางตา พอบริกรเอาอาหารมาเสิร์ฟทอรุ้ง ต่อตระกูลรีบลุกเข้าไปทันที ทิพย์วารีเรียกก็ไม่ฟัง...ทอรุ้งเห็นต่อตระกูลหยิบจานอาหารของเธอขึ้นมา ก็ถามอย่างไม่ชอบใจ

"นี่คุณทำอะไรน่ะ"

"สำรวจดูว่าอาหารสะอาดพอหรือเปล่า"

"จะบ้าเหรอคุณ นี่อาหารระดับโรงแรมนะ จะไม่สะอาดได้ยังไง จะหาเรื่องดิสเครดิตโรงแรมตัวเองหรือไง"

"พี่กลัวว่าอาจจะมีใครคิดทำร้ายรุ้ง แอบใส่อะไรลงไปในอาหารก็ได้"

"คุณนั่นแหละจะแอบใส่อะไรลงไปมากกว่า ที่คุณสั่งข้าวให้รุ้งทุกวันมันน่าสงสัยนะ กินๆไปเถอะรุ้ง เดี๋ยวอาทดสอบก่อนก็ได้" เปรมยุดาตักอาหารกินสองสามคำ แล้วจ้องต่อตระกูลอย่างขุ่นเคือง "เห็นไหม ฉันไม่เป็นไรสักหน่อย คุณมันตื่นตูมเกินเหตุจริงๆ กินไปเถอะรุ้ง ไม่มีอะไรหรอก"

ต่อตระกูลไม่พูดอะไร เดินกลับมานั่งที่ของตนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

"ทำไมคุณต่อจะต้องทุ่มเทขนาดนี้ด้วยคะ เจ้านายคุณก็ไม่ได้มองเห็นความสำคัญสักนิด แถมยังระแวงคุณอีกด้วย" ทิพย์วารีว่าให้

"ก็ถูกแล้วที่เขาระแวงพี่ พี่เป็นคนเตือนรุ้งให้ระวังทุกคนไว้เอง" พูดจบต่อตระกูลก็หยิบเมนูมาเปิดดูไปเรื่อย ทิพย์วารีลอบมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์

ooooooo

มนชนกกำลังหลงใหลได้ปลื้มเจ้าหนุ่มภุชงค์ เจ้าของสปามีระดับ...วันนี้เธอแต่งตัวหรูดูดีมาหาเขาถึงสปา แล้วควงแขนกันออกไปขึ้นรถอย่างหวานชื่น โดยทั้งคู่ไม่รู้ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคน

เทวัญแอบถ่ายรูปมนชนกกับภุชงค์ตามคำสั่งของคมชิต... จากนั้นไม่นานคมชิตก็นำรูปนี้ไปให้กรองกาญจน์ดู

"นายภุชงค์ที่กำลังคั่วอยู่กับมนชนกมีหุ้นในสปาที่เห็นในรูปนี้ แต่ผมไปสืบมาแล้วว่านายนี่มีปัญหาเรื่องเงิน บริหารสปาขาดทุนไปหลายล้านเลยหวังเกาะลูกสาวเศรษฐีสักคนให้มาช่วยพยุงกิจการไว้"

"แล้วยัยมนชนกไปเกี่ยวอะไรด้วย" กรองกาญจน์ซัก

"ก็มนชนกไปหลอกนายภุชงค์ว่าตัวเองเป็นลูกสาวเศรษฐีน่ะสิครับ"

กรองกาญจน์ยักไหล่อย่างนึกขัน ก่อนออกคำสั่งด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

"งั้นติดต่อนายภุชงค์นี่ไปว่าเราจะขอร่วมหุ้นด้วย แต่ต้องมีมนชนกมาหุ้นด้วยอีกคน"

ooooooo

เพียงวันรุ่งขึ้น มนชนกก็พรวดพราดมาขอเงินสามแสนจากปริก เล่นเอาปริกตกใจถึงกับตบอกผาง

"แกจะเอาเงินตั้งสามแสนไปทำอะไรวะ"

"มันหมายถึงอนาคตของฉันกับคุณภุชงค์น่ะแม่"

"อนาคตอนางออะไรของแก แกจะแต่งงานแล้วเหรอ"

"ยังหรอก แต่ฉันจะไปร่วมหุ้นกับสปาของเขา ถ้ากิจการมันรุ่งเขาก็จะมาขอฉันแต่งงาน"

"แล้วถ้ามันไม่รุ่งล่ะ"

"รุ่งแน่ๆเลยแม่ ฉันมองเห็นอนาคตแล้ว ฉันจะเข้าไปช่วยเขาบริหารด้วย ช่วยกันทำมาหากิน เขาเองก็ไม่เคยให้ใครไปลงหุ้นกับเขานอกจากนก แต่เรารักกันจริงๆนะแม่ ถึงได้ตกลงจะสร้างอนาคตด้วยกัน"

"รู้จักกันแค่ไม่กี่เดือนแกแน่ใจแล้วเหรอว่ารักเขา"

"มันเป็นบุพเพนะแม่ ฉันไม่เคยปิ๊งใครเท่านี้มาก่อนเลย แม่เห็นแก่อนาคตฉันเถอะ ฉันไม่อยากดักดานอยู่ในบ้านนี้จนตาย นี่เป็นโอกาสของฉันแล้วนะ ถ้าฉันได้แต่งกับคุณภุชงค์ก็จะเอาแม่ไปอยู่ด้วย รับรองแม่จะสบายไปตลอดชีวิต นะแม่นะ"

มนชนกออดอ้อนอย่างน่าสงสาร คนเป็นแม่เลยพูดไม่ออก ได้แต่กุมขมับอย่างปวดหัวหนึบ...หลังจากคิดอ่านอยู่หนึ่งวันเต็มๆ เช้าวันใหม่ปริกจึงตัดสินใจไปพบกรองกาญจน์กับ

คมชิต ปริกยอมทำงานให้กรองกาญจน์แลกกับเงินสามแสน

เพื่อลูก แต่มีข้อแม้ว่าปริกขอเงินจำนวนนี้ล่วงหน้าก่อน

"ตั้งสามแสนเชียวเหรอ" กรองกาญจน์แกล้งตกใจ แต่แอบยิ้มกับคมชิตที่ทุกอย่างเข้าแผน "เอาละ ฉันจะให้ไปก่อนแสนห้า แล้วถ้างานสำเร็จทอรุ้งเข้าไปอยู่กับคุณทรเมื่อไหร่ ฉันจะจ่ายให้อีกแสนห้าทันที ตกลงไหม"

"แต่ว่า...ปริกร้อนเงินค่ะคุณกรอง"

"ใช้เวลาไม่นานหรอกแม่ปริก ถ้าแม่ปริกเร่งมือให้สำเร็จก็จะได้เงินเร็วทันใจ ไม่ต้องรอ รีบลงมือเลยก็แล้วกัน"

ปริกหน้าละห้อยอย่างจำใจยอมรับ

ooooooo

แล้วปริกก็จะเริ่มงานในรุ่งขึ้นทันที แต่ดูเหมือนอะไรๆจะยังไม่เป็นใจ เพราะเมื่อปริกถามทอรุ้งว่าเช้านี้อยากทานอะไร ทอรุ้งกลับบอกว่าเธอจะไปทานกับพ่อที่สถานบำบัด แล้วตอนเย็นก็อาจจะทานกับอาเปรม

ปริกเสียดายที่หมดโอกาสลงมือ พลางชะเง้อมองทอรุ้งที่เดินออกไปหน้าบ้านซึ่งต่อตระกูลจอดรถรออยู่ ต่อตระกูลเปิดประตูรถให้ทอรุ้ง แต่เธอกลับยืนเฉยไม่ยอมขึ้น

"ฉันบอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่ต้องมารับฉันก็ได้ คุณจะได้มีเวลาให้แฟนคุณเต็มที่"

"พี่ยังไม่มีแฟน"

"ก็คุณทิพย์ไงล่ะ หมู่นี้ดูเหมือนเขาต้องการเวลาจากคุณมากเป็นพิเศษเลยนะ ฉันคงต้องปลดคุณออกในเร็ววัน"

"รุ้ง...ทำไมพูดแบบนี้ รุ้งน่าจะรู้ว่าพี่ต้องมาดูแลรุ้งตราบใดที่ยังตกอยู่ในอันตราย"

"ฉันคงตกอยู่ในอันตรายไปอีกนานถ้ายังทำหน้าที่ผู้บริหารเอ็นอาร์อยู่ หรือถึงไม่ทำหน้าที่นี้แต่ถ้ายังลอยชายไปมาอยู่เมืองไทย ท่าทางฉันไม่มีวันปลอดภัยแน่"

"รุ้งก็รู้ตัวดีอยู่แล้ว แล้วจะปลดพี่ออกจากการเป็นผู้ช่วยได้ยังไง"

"รำคาญ...เบื่อ...ที่ต้องคอยแบ่งเวลามาจากแฟนคุณ ฉันผิดเองที่เลือกคนมีเจ้าของ"

"ไม่จริงหรอกรุ้ง ถึงรุ้งไม่ได้เลือกพี่ พี่ก็ต้องตามมาดู รุ้งอยู่แล้ว และพี่ก็ไม่ได้มีเจ้าของ พี่เป็นตัวของตัวเอง"

"แต่แม่คุณคงไม่ยอมให้คุณเป็นตัวของตัวเองหรอกมั้ง"

"การที่พี่ไม่คัดค้านสิ่งที่คุณแม่ทำก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะต้องเดินตามเส้นที่ท่านขีดไว้ พี่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ขอให้รุ้งเข้าใจเสียใหม่"

ทอรุ้งทำคอแข็ง แต่ก็ยอมขึ้นรถแต่โดยดี ส่วนปริกที่แอบมองอยู่รู้สึกหนักใจขึ้นมา เพราะความเอาใจใส่ของต่อตระกูลที่มีต่อทอรุ้งอาจทำให้งานของปริกเป็นไปได้ยาก

ooooooo

ก่อนที่ทอรุ้งจะเดินทางไปถึงสถานบำบัด หมอพิธานได้พยายามทบทวนความจำเกี่ยวกับประวัติส่วนตัวให้นเรนทรฟัง ทำให้นเรนทรจำตัวเองได้ค่อนข้างแม่นยำ ซึ่งการทำเช่นนี้หมอพิธานหมายตบตาทอรุ้งให้เชื่อว่า นเรนทรมีอาการดีขึ้นนั่นเอง แต่ถ้ามีการซักถามอะไรที่มากไปกว่านั้น หมอพิธานห้ามไม่ให้นเรนทรตอบอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะเรื่องงานในบริษัท ถ้าพูดมาก ก็จะโดนฉีดยาให้เจ็บปวดทรมาน

เมื่อทอรุ้งมาถึงพร้อมต่อตระกูล ทอรุ้งรู้สึกดีใจมาก ที่พ่อจำเธอและครอบครัวได้ แต่พอเธอถามเรื่องงาน นเรนทรหลุดออกมาว่าทำงานแล้วเครียด เพราะหุ้นส่วนทะเลาะกัน... ทอรุ้งรับฟังอย่างสนใจ แต่แล้วนเรนทรหยุดพูดเพียงแค่นั้น เพราะเหลือบไปเห็นกรองกาญจน์และก้องกฤตเดินเข้ามา

"ใครทะเลาะกันคะพ่อ เล่าให้รุ้งฟังได้ไหมคะ"

นเรนทรไม่พูดอะไร แต่เหลือบตามองกรองกาญจน์กับลูกชายที่เดินยิ้มแย้มเข้ามา

"วันนี้มากันแต่เช้าเชียวนะ คุณทรคะ จำได้ใช่ไหมคะ นี่ก้องกฤตลูกชายคนเล็กของฉัน"

"ฮื่อ" นเรนทรตอบในคอ พอก้องกฤตยกมือไหว้ เขารับไหว้ และทักขึ้นว่า

"ก้องกฤต...ทำงานในบริษัทฉันด้วยใช่ไหม"

"ครับ ผมทำงานอยู่ที่เอ็นอาร์ ตอนนี้ย้ายมาอยู่แผนกธุรการแล้ว"

ทันใดนั้น นเรนทรยกสองมือกุมศีรษะ ใบหน้าเริ่มบูดเบี้ยว ราวกับกำลังเจ็บปวด ร้องลั่นขึ้นมา "ไม่...ไม่เอาแล้ว โอ๊ย... ปวดหัว ปวดเหลือเกิน"

ทอรุ้งตกใจรีบเข้าจับเนื้อตัวพ่อ ถามพ่อว่าเป็นอะไร ต่อตระกูลเองก็ช่วยเรียกสตินเรนทร แต่ไม่เป็นผล นเรนทรยังร้องครวญคราง กรองกาญจน์จึงถือโอกาสเรียกกิ่งแก้วกับเจ้าหน้าที่อีกสองคนแถวนั้นมาพานเรนทรไปพัก

ooooooo

ครู่ต่อมา ทอรุ้งและกรองกาญจน์เข้ามานั่งอยู่ ตรงหน้าพิธานในห้องทำงาน พิธานมองทั้งสองคนกึ่งตำหนิ

"ผมอยากให้คุณสองคนจำไว้นะครับ ตอนนี้อาการของคุณนเรนทรเพิ่งจะเริ่มฟื้นขึ้น อย่าพยายามยัดเยียดข้อมูลอะไรที่เกินกำลังของผู้ป่วย เพราะอาจเป็นอันตรายต่อตัว

ของเขาเอง"

"รุ้งพยายามทบทวนความจำให้พ่อหายเร็วขึ้น มันน่าจะเป็นผลดีมากกว่าไม่ใช่เหรอคะ"

"ไม่ได้ครับ ผมบอกแล้วว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป"

"ทำตามที่คุณหมอแนะนำเถอะรุ้ง เธอไม่อยากให้ คุณพ่อหายเหรอ"

"งั้นรุ้งเอาคุณพ่อกลับไปรักษาที่บ้านได้ไหมคะ รุ้งอยากมีเวลาดูแลท่านใกล้ชิดกว่านี้ค่ะ"

"หนูเห็นอาการของคุณพ่อก็น่าจะรู้นะว่าเขายังควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ถ้าเอาไปอยู่ข้างนอกแล้วทำร้ายคนจนบาดเจ็บหรือตาย เป็นข่าวขึ้นมาจะเสียหายไปกันใหญ่ ถ้าอยากเจอคุณพ่อบ่อยๆ จะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้"

"คุณกรองพูดถูกแล้วครับคุณทอรุ้ง รอให้ท่านอาการดีขึ้นกว่านี้ดีกว่า ตอนนี้ที่นี่สะดวกและปลอดภัยที่สุด"

ฟังหมอพิธานสรุปแล้ว ทอรุ้งได้แต่ถอนใจอย่าง

ยอมรับ กรองกาญจน์แอบสบตากับพิธานด้วยความพอใจ

ooooooo

ตกเย็นทอรุ้งกลับมาบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน พอปริกรู้ว่าทอรุ้งยังไม่ได้ทานข้าว ก็รีบเอาใจจะทำอาหาร มาให้ ขนาดทอรุ้งปฏิเสธว่ากินไม่ลง ปริกยังคะยั้นคะยอจนสำเร็จ

ปริกเดินหายเข้าไปในครัว มองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวังก่อนจะหยิบซองยาออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วเทใส่ในถ้วยกับข้าว มนชนกย่องมาข้างหลังเอื้อมมือฉกกับข้าวจะเอาใส่ปาก ปริก หันมาเห็นตกใจรีบปัดมันทิ้งทันที

"อะไรน่ะแม่ ขอชิมหน่อยไม่ได้เหรอ"

"ชิมไม่ได้ ของคุณทอรุ้งคนเดียว"

"แหม...ก็มันน่ากินนี่แม่ ชิดนิดเดียวคุณรุ้งไม่รู้หรอก"

"บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ" ปริกขึงขัง คว้าจานกับข้าวไปวางไกลมือลูกสาว แล้วเก็บซองยา มนชนกมองสงสัย

ถามดีๆว่านั่นซองอะไร ปริกกลับทำเสียงดุใส่ "อย่าถามมากได้ไหม"

"แม่บอกฉันมานะว่าซองอะไร"

"ที่ฉันทำก็เพื่ออนาคตของแกนั่นแหละนังนก"

"หมายความว่า...แม่กำลังทำกับคุณรุ้งอย่างที่เคยทำกับคุณผู้ชายงั้นเหรอ"

ปริกสีหน้าไม่สู้ดี แต่ก็พยักหน้ารับ...แล้วสองแม่ลูกก็ช่วยกันยกอาหารออกไปให้ทอรุ้ง

"อืม...น่าทานจริงๆด้วย ของโปรดรุ้งทั้งนั้นเลย"

"ทานเยอะๆนะคะ วันนี้แม่ตั้งใจทำให้คุณรุ้ง

เต็มที่ค่ะ"

ทอรุ้งยิ้มรับ เริ่มตักอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อย กินจน เกลี้ยงทุกอย่าง พอปริกกับมนชนกเข้ามาเก็บถ้วยจาน ทอรุ้ง ถามว่าวันนี้แม่ปริกใส่อะไรลงไปในกับข้าวหรือเปล่า สองแม่ลูกถึงกับสะดุ้งวาบ หน้าซีดเผือด

อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว ตอนที่ 5

@^@..อ่านละครย่อเรื่องกุหลาบเหนือเมฆ ตอนที่ 14

@^@..อ่านละครย่อเรื่องกุหลาบเหนือเมฆ
ตอนที่ 14 (ต่อจากวานนี้)
อาทรกวาดตามองไปบนโต๊ะอาหารอย่างโล่งใจ เผลอพูดว่าค่อยยังชั่วที่เย็นวันนี้เมนูเปลี่ยนจากอาหารเกาหลีมาเป็นอาหารไทย บุปผาเคืองจัด ถ้าพูดแบบนี้ ไปหย่าให้รู้แล้วรู้รอดเสียดีกว่า อาทรรับคำท้า วินลุกพรวดขึ้น

"นั่นจะไปไหนคุณลูก ยังไม่ได้รับประทานอาหารสักคำ"

"ผมไม่อยากได้ยินคุณพ่อคุณแม่ทะเลาะกันครับ" วินเดินหนีขึ้นข้างบน อาทรกับบุปผาได้แต่มองตาม

"ตาวินกำลังจะกลายเป็นเด็กมีปัญหา"

"นั่นคุณยังว่ามันเป็นเด็กอีกเรอะ...ตัวมันใหญ่กว่าผมอีก"

"ถึงจะตัวใหญ่ แต่หัวใจยังเป็นเด็กอยู่ค่ะ" บุปผาตักข้าวกินด้วยสีหน้าเป็นกังวล...

วินยังไม่ทันจะเปิดประตูห้องนอน วิทวัสโทร.มาบอกว่าพรุ่งนี้จะขอลาออกจากตำแหน่งรองประธานบริษัท เพราะนับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งนี้มา ชีวิตของเขาไม่เคยได้พบกับความสุข

"ถ้าจะลาออก...นายก็ต้องลาออกจากงาน ไม่ใช่ตำแหน่งรองประธาน"

"งั้น...งั้นก็หมายความว่า..."

"นายต้องเลือกเอาระหว่างออกจากบริษัทกับรับตำแหน่งรองประธานต่อ" วินวางสาย ขณะวิทวัสเซ็งสุดๆ...

ด้านบุปผานั่งกินข้าวอยู่ดีๆก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ มีขลุ่ยว่า พรุ่งนี้เธอจะไปหาฤกษ์หมั้นให้วิน ไม่อย่างนั้นลูกก็จะทำเฉื่อยชาเป็นทองไม่รู้ร้อน อาทรชะงัก บอกว่าเพิ่งปฏิเสธเจ้าสัวเจริญไปเมื่อตอนสายที่ผ่านมานี่เอง บุปผาทำเสียงสูงปรี๊ด ถามว่าเรื่องอะไร

"เจ้าสัวเจริญเขาพูดประมาณว่าจะให้ตาวินไปสู่ขอหนูลูกน้ำ แต่ผมบอกไปว่าควรให้เด็กเขาพูดคุยกันเอง"

บุปผาต่อว่าอาทรว่าช่างไม่รู้ใจลูกชายตัวเอง เจ้าสัวเจริญอุตส่าห์เปิดช่องให้ เขาควรต้องรีบรับ นี่ถ้าวินรู้ว่าพ่อปฏิเสธเรื่องจะสู่ขอหนูลูกน้ำคงเสียใจ อาทรท้วงว่าวินเป็นคนบอกให้เขาพูดอย่างนั้น บุปผาไม่เชื่อ ขึ้นไปถามวินทันที วินรับว่าเป็นอย่างพ่อว่าจริงๆ และเขาเคยบอกแม่แล้วว่า ไม่ได้รักอรนุชอย่างคู่รัก

"ลูกวิน...นี่ลูกจะตามใจแม่สักครั้งไม่ได้เชียวหรือลูก"

"ชีวิตผมทั้งชีวิตเชียวนะครับ"

"วินลูกรัก...อย่าโง่สิลูก...อย่าโง่"

"มันไม่ได้เกี่ยวกับโง่หรือฉลาดหรอกครับ แต่เกี่ยวกับว่ารักหรือไม่รักเท่านั้นเอง"

"หนูทำให้แม่เสียใจมากๆ อนาวิน" บุปผาเดินออกจากห้องวินด้วยความน้อยอกน้อยใจอย่างยิ่ง วินมองตามแม่กลุ้มๆ...

ขณะเดียวกัน ไอริณเดินกลับไปกลับมาอย่างใช้ความคิด ในที่สุดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.สั่งวิทวัสให้มาพบเธอที่ออฟฟิศพรุ่งนี้เช้า

"แล้วถ้าคุณวินถามล่ะครับ"

"ก็ไม่ต้องตอบ เท่านี้แหละ" ไอริณวางสาย สีหน้ามาดหมาย พรุ่งนี้เธอมีแผนจะป่วนวินให้หัวหมุนเล่น

ooooooo

เช้าวันใหม่ วิทวัสมาพบไอริณที่ออฟฟิศตามสั่ง พอเจอหน้ากัน วิทวัสยกมือไหว้สวัสดี ไอริณรับไหว้ แล้วบอกให้นั่งลง วิทวัสประหม่าจนนั่งผิดตกจากเก้าอี้ ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งใหม่ ไอริณท้วงว่าทีหลังไม่ต้องไหว้ เธอก็ได้

"แต่ผมเคารพคุณไอริณครับ"

ไอริณนัยน์ตาเป็นประกายแวบหนึ่ง "ถ้าเคารพฉัน ก็ต้องเชื่อฟังฉัน...เข้าใจ๊..."

"เข้าใจครับ" วิทวัสตอบอย่างกระตือรือร้น

"ดี...ฟังให้ดีนะ ข้อแรกที่ฉันจะให้คุณทำคือ...ไปขอเงินเดือนขึ้น...จะทำได้มั้ย"

วิทวัสสะดุ้งโหยงจนตกเก้าอี้อีก ปฏิเสธว่าทำไม่ได้ ไอริณข่มขู่ว่าต้องได้ วิทวัสยังยืนยันว่าทำไม่ได้ แม้เขาจะเคารพไอริณขนาดไหน แต่เขาก็กลัวคุณวินมากเช่นกัน ไอริณ จ้องหน้าวิทวัสเขม็งอย่างเอาเรื่อง...ครู่ต่อมา วิทวัสมาถึงบริษัท ไนท์ อาร์คิเทค พูดกับวินตามที่ไอริณสั่ง วินมองหน้าวิทวัสตาไม่กะพริบ

"จะให้ฉันเข้าใจว่ายังไง...นายมาทำงานสาย แล้วมาขอเงินเดือนขึ้น"

"ก็...ก็คงยังงั้นแหละครับ"

"ใครสั่งใครสอน"

"ผม...ผม...สั่งสอนเองครับ...คือ...คือ...ทุกวันนี้...ผมเครียด...เครียดมาก...เครียดจน..."

วิทวัสพูดยังไม่ทันจบประโยค วินชิงรับข้อเสนอของเขาก่อน วิทวัสหยุดกึก คาดไม่ถึงว่าจะง่ายขนาดนี้ แต่วินมีข้อแม้ว่า เขาต้องรับตำแหน่งรองประธานบริษัทต่อ วิทวัสถอนหายใจโล่งอกเป็นอย่างมาก...

ในเวลาเดียวกัน ขณะบุปผากำลังนั่งดูหนังเกาหลีด้วยความซาบซึ้ง อรอุมาเคาะประตูห้องเรียก บุปผาเดินมาเปิดประตูด้วยความหงุดหงิด สั่งนักสั่งหนาว่าเวลาเธอดูหนังเกาหลี ห้ามใครมารบกวน

"อรทราบค่ะ...แต่คุณลูกน้ำเธอตาแดงๆ"

"ไหน...หนูลูกน้ำมาเรอะ" บุปผารีบไปที่ห้องรับแขก เห็นอรนุชนั่งหันหลังให้ ร้องเรียก "หนูลูกน้ำ" ด้วยความดีใจ อรนุชสะดุ้งรีบเก็บยาหม่องที่เอามาแตะหัวตาใส่กระเป๋า แล้วหันมาด้วยน้ำตานองหน้า เพราะแสบตาจากยาหม่อง บุปผาโผเข้าไปปลอบใจ อรนุชแกล้งร้องไห้สะอึกสะอื้น

"น้ำ...น้ำเสียใจค่ะ...ทั้งเสียใจแล้วก็เสียหน้าด้วย...น้ำถูกพี่วินปฏิเสธค่ะ"

"แม่รู้แล้วค่ะลูก...แม่เองก็เสียหน้าเหมือนกัน...ตาวินหักหน้าแม่" บุปผาลูบหลังอรนุชปลอบใจ

"ความจริงน้ำน่ะห้ามคุณพ่อแล้วว่าไม่ให้พูดเรื่องนี้กับพี่วิน เพราะเขาปฏิเสธน้ำต่อหน้าคุณแม่มาแล้ว...แต่คุณพ่อก็เสี่ยงที่จะพูด เพราะความรักลูก...แล้วเป็นไงล่ะคะ...หน้าชาสนิทยิ่งกว่าถูกตบอีกค่ะ...ตอนนี้ต้องนอนให้น้ำเกลืออยู่ที่โรงพยาบาล...คุณแม่ขา น้ำไม่รู้จะเอาหน้าหวานๆนี่ไปไว้ที่ไหนแล้วล่ะค่ะ"

"โถ...แม่คุณ ก็เอาไว้บนคอระหงของหนูนั่นแหละค่ะ"

"คุณแม่ขา...แล้วนี่น้ำจะทำยังไงต่อไปดีคะ...จะไปทำงานก็ไม่กล้า...กลัวสายตาของลูกน้อง...เนี่ย...น้ำคงออกจากบ้านไม่ได้แล้วค่ะ...อายสายตาประชาชน"

"แต่วันนี้หนูก็ออกมาแล้วนี่คะ"

อรนุชหยุดกึก "อ๋อ...พอดีน้ำมีคนขับรถ...ส่วนน้ำเองต้องนั่งหลบอยู่ข้างหลัง ใช้ผ้าคลุมหน้าด้วยค่ะ"

"โถ...แม่คุณ นี่ถ้าไม่ติดว่าหนูจะถูกนินทาว่าร้าย แม่จะชวนค้างเสียที่นี่เลย"

"ค้างได้ค่ะ ไม่เป็นไร น้ำค้างได้ไม่กลัวถูกนินทาว่าร้าย" อรนุชยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง รีบโทร.บอกน้องสาวช่วยเก็บเสื้อผ้ามาส่งที่บ้านวินด้วย อรนิชรับปากจะจัดการทันที พีรเทพสงสัยว่ามีเรื่องอะไรกัน

"พี่ลูกน้ำจะไปค้างที่บ้านพี่วินค่ะ"

พีรเทพหัวเราะชอบใจ คราวนี้คุณวินต้องเสร็จอรนุชแน่ๆ อรนิชพลอยหัวเราะขบขันไปด้วย

ooooooo

วินเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องทำงานด้วยสีหน้าครุ่นคิด โดยมีวิทวัสคอยมองตามเป็นระยะๆ วินหันมาสั่งวิทวัสให้โทร.ชวนไอริณไปกินข้าว วิทวัสอ้าปากจะพูดบางอย่าง แต่วินชิงพูดก่อน

"โทร.เดี๋ยวนี้เลย"

วิทวัสลนลาน กดโทรศัพท์หาไอริณทันที ด้านไอริณ รู้ทันว่าเจ้านายของวิทวัสสั่งให้โทร. "บอกเขาว่าฉันตกลง" แล้ววางสาย วิทวัสพาซื่อหันมาบอกวินว่า ไอริณให้บอกว่าตกลง วินงงว่าบอกใคร วิทวัสนึกขึ้นได้

"อ๋อ...บอกผมครับ"

วินเห็นวิทวัสเอาแต่ก้มหน้าคอยหลบสายตาผู้คนตลอดเวลา เลยเรียกให้เงยหน้ามองตนเอง วิทวัสค่อยๆเงยหน้ามองวิน แล้วรีบก้มหน้าเหมือนเดิม วินหงุดหงิดมาก จับหน้าวิทวัสให้เงยขึ้น วิทวัสตกใจ นึกว่าวินจะลวนลาม ผงะหนีจนเกือบตกเก้าอี้ วินพลอยตกใจไปด้วย ร้องเอะอะลั่นว่าเป็นอะไรไป วิทวัสละล่ำละลักปฏิเสธว่าเปล่า

"ฉันจะบอกนายว่า...ฉันให้นายมาอยู่กับฉันแทบจะตลอดเวลา...นายต้องซึมซับการวางตัวของฉันไว้บ้าง ไม่ใช่สะดุ้งผวาตกอกตกใจอยู่ตลอดเวลา เข้าใจมั้ย"

วิทวัสรับคำ ขณะที่วินส่ายหน้าอย่างเอือมระอา...พอ ได้เวลาตามนัด วินหรือนายกาแฟกับวิทวัสมาถึงร้านอาหารหรู แห่งหนึ่ง เห็นไอริณกำลังนั่งคุยอยู่กับคุณหญิงป้า คุณหญิงป้าสะกิดไอริณ

"โน่นไง...มากันแล้ว...นี่ถ้าบอกว่านายกาแฟเป็นเจ้านาย... คุณอนาวินเป็นลูกน้อง...คุณหญิงป้าก็เชื่อ"

ทั้งสองหนุ่มเดินเข้ามาหา ยกมือไหว้ไอริณกับคุณหญิงป้า วินเหยียบเท้าวิทวัส เมื่อเห็นเขาไหว้ไอริณ ไอริณสงสัยว่าทำไมต้องเหยียบเท้ากันด้วย

"คุณอนาวินท่านชอบเมื่อยเท้าครับ...พอนึกได้ก็เลยต้องคอยเหยียบ"

คุณหญิงป้าออกปากว่าเจ้านายกับลูกน้องคู่นี้มีอะไรแปลกๆ วินกุลีกุจอเลื่อนเก้าอี้ให้วิทวัส พร้อมกับเชิญให้นั่ง วิทวัส ขยับจะยกมือไหว้ วินเหยียบเท้าเขาอีก ไอริณกับคุณหญิงป้า จ้องมองวินเขม็ง

"เห็นมั้ยครับ...ต้องเหยียบอีกแล้ว" วินหันไปถามวิทวัสว่าดีขึ้นไหมท่าน วิทวัสยิ้มแหย พยักหน้าหงึกๆ

วินนั่งลงข้างๆ บริกรเอาเมนูมาส่งให้สองหนุ่ม วิทวัสเปิดดู ถึงกับตาเหลือกที่เห็นเป็นเมนูภาษาอังกฤษ ยิ่งถูกคุณหญิงป้าถามว่าจะกินอะไร วิทวัสยิ่งหน้าตาตื่น หันไปมองวินอย่างขอความช่วยเหลือ วินรู้งาน อาสาจะเลือกอาหารให้ ไอริณซึ่งคอยจ้องจับผิดอยู่ตลอด แกล้งถามว่าแค่จะกินข้าวทำไมต้องให้นายกาแฟเลือกอาหารให้

"นั่นสิ...หน้าตาก็เลยเยาวชนไปตั้งนานแล้ว ทำไมถึงยังต้องให้นายกาแฟเลือกอาหารการกินให้อีก"

"คือ...เจ้านายผมท่านเป็นคุณหนูน่ะครับ..."

ไอริณสั่งวินให้เงียบ แล้วหันไปถามวิทวัสว่าจะกินอะไร วินรีบชิงบอกเมนูอาหารขึ้นก่อน อ้างว่าเจ้านายของเขาชื่นชอบ วิทวัสไม่รู้ว่าที่วินสั่งให้เป็นอะไร แต่รีบพยักหน้ารับ

"ใช่ครับ...ผมเอาไอ้นั่นแหละครับ..." วิทวัสถอนใจเฮือก

ไอริณจ้องวินเขม็ง แต่วินทำไม่รู้ไม่ชี้ รีบเปลี่ยนเรื่องพูด "คุณหญิงสบายดีหรือครับ...พบกันทีไร คุณหญิงก็ยิ่งสวยสง่าขึ้นทุกที"

คุณหญิงป้ายิ้มเป็นปลื้มสุดๆ...

วินยังคงสวมบทเป็นลูกน้องที่ดี คอยบริการวิทวัสตลอดเวลาที่อยู่ในร้านอาหาร ไม่ระแคะระคายว่าไอริณรู้แผนการของเขาแล้ว วิทวัสก้มลงดูดเส้นสปาเกตตีเสียงดังอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร คิดว่าเป็นบะหมี่ ผู้คนในร้านหันมองเป็นตาเดียวกัน วินสะกิดวิทวัส พยักพเยิดไปที่จานสปาเกตตีเป็นเชิงเตือน วิทวัสกลับเข้าใจผิด

"อ๋อ...อร่อยมากครับ"

วินเห็นสายตาไอริณกับคุณหญิงป้าที่มองมา รีบแก้ตัวแทนเจ้านาย "คุณอนาวินท่านเป็นคนขี้เล่นน่ะครับ"

ooooooo

หลังกินอาหารเสร็จ ไอริณพาคุณหญิงป้าแวะมาเอาของที่ออฟฟิศ คุณหญิงป้าอดสงสัยไม่ได้ว่าคุณอนาวินคนนี้เป็นรองประธานบริษัทไนท์อาร์คิเทคจริงๆหรือเปล่า

"เห็นเขาว่าอย่างนั้นนี่คะ" ไอริณตอบเลี่ยงๆยังไม่อยากบอกความจริงเรื่องนี้กับท่าน

"ถ้าอย่างนั้นคุณหญิงป้าชักจะไม่อยากให้เขาซ่อมบ้านให้แล้วล่ะ"

"ไม่เป็นไรค่ะ...ที่บริษัทเขามีพนักงานเยอะ"

"เอาเถอะ...หลานจ๋าว่ายังไง คุณหญิงป้าก็ว่ายังงั้นแหละ... คุณหญิงป้ากลับบ้านละนะ เมื่อเช้าได้ของแต่งบ้านมาเยอะแยะ" คุณหญิงป้าเดินนวยนาดออกไป

ไอริณทรุดตัวลงนั่ง สีหน้ามุ่งมั่น คิดหาหนทางให้วิน ยอมจำนนต่อหลักฐานให้ได้...

ด้านวินกลับถึงบริษัท สอนวิทวัสว่ากินสปาเกตตีต้องไม่กินแบบเดียวกับบะหมี่ วิทวัสเถียงว่ามันเป็นเส้นเหมือนกัน จังหวะนั้นบุปผาโทร.มาบอกวินให้กลับบ้านเร็วๆ มีอะไรจะเซอร์ไพรส์เขา

"เซอร์ไพรส์อะไรหรือครับ"

"หนูลูกน้ำจ้ะ...หนูลูกน้ำมาค้างกับเราที่บ้านจ้ะ" บุปผาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

วินตกใจสะดุ้งเฮือก วิทวัสได้ยินทุกอย่างรีบออกไปโทร. บอกไอริณทันที ไอริณขอบใจเขามากไม่เสียแรงที่แนะให้เขาขอเงินเดือนขึ้นจากวิน

"แค่นี้ก่อนนะครับ...เดี๋ยวท่านจะสงสัย" วิทวัสรีบกลับเข้าห้อง

ไอริณวางสาย นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงโทร.หาเรวัติเพื่อขอความช่วยเหลือ...พอเรวัติวางสายจากไอริณรีบตรงไปหาวินที่บริษัท บอกว่าไอริณต้องการให้เขาพาไปบ้านวินเย็นนี้ วิน บอกปัดว่าไปไม่ได้เด็ดขาด

"ทำไมจะไม่ได้...เราก็ใช้วิธีเดิม...ให้วิทวัสไปต้อนรับที่เรือนคุณย่าของแก แล้วแกก็คอยหลบอยู่ที่เรือนใหญ่"

"น้องลูกน้ำจะมาค้างที่บ้าน"

เรวัติตกใจถึงกับร้องเฮ้ย วินคิดว่าแม่ของเขาต้องให้อรนุชพักที่เรือนคุณย่าเพื่อกันข้อครหา เรวัติชักสงสัยว่าเรื่องที่ไอริณ ต้องการให้เขาพาไปบ้านวินคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญเสียแล้ว เหมือนกับมีใครคาบข่าวอรนุชไปบอก วิทวัสซึ่งคอยเงี่ยหูฟังอยู่ตลอด สะดุ้งโหยง วินแค้นใจมาก ถ้ารู้ว่าใครเป็นคนทำจะจับแล่เนื้อเอาเกลือทาให้เข็ด

"แล้วเรื่องนี้มีใครรู้มั้ง"

วิทวิสฟังเรวัติพูดแล้วสั่นไปทั้งตัว จนทำปากกาตกจากมือ แถมปัดแฟ้มงานหล่นพื้น วินหันขวับมามองอย่างรำคาญสุดๆ ตะโกนเรียกวิทวัสลั่น วิทวัสทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คิดว่าโดนจับได้

"นายเลิกทำซุ่มซ่ามทำไอ้โน่นตก ไอ้นี่หล่นเสียทีได้มั้ย"

วิทวัสถอนใจโล่งอก รับปากว่าได้ เรวัติถามซ้ำว่ามีใครรู้เรื่องนี้บ้าง วินแจกแจงว่ามีแม่ของเขา ตัวเขาแล้วก็อรนุช เรวัติคิดว่าอาจจะเป็นอรนุชที่ปล่อยข่าวเสียเองเพื่อเกทับไอริณ เตือนว่าเย็นนี้เตรียมตัววิ่งรอกกันอีกครั้ง วินยกมือกุมขมับปวดหัวจี๊ด นึกขึ้นได้ว่าน่าจะขอให้พ่อช่วยอีกแรง เลยชวนเรวัติไปที่ห้องทำงานของท่าน

"นะครับ...คุณพ่อช่วยผมหน่อยนะครับ บอกคุณแม่ว่าคุณพ่อส่งผมไปไซบีเรียก็ได้"

"มันต้องใช้หนามยอกเอาหนามบ่ง ไอริณอยากมาบ้านเรา เราก็ไปบ้านเขาก็สิ้นเรื่อง ดีกว่าไปไซบีเรียอีก"

วินยิ้มออกทันที ขอบคุณที่ท่านช่วยแนะนำ แล้วสรุปให้เรวัติฟังว่า เขาจะพาวิทวัสไปบ้านไอริณ และเรวัติต้องไปด้วย เรวัติขอร้องอย่าเอาเขาไปยุ่งด้วย แต่วินไม่ยอม...

ด้านวิทวัสเห็นว่าปลอดคนรีบโทร.ไปรายงานไอริณว่า วินเข้าไปขอความช่วยเหลือจากอาทร ไอริณเลยสั่งวิทวัสไปสืบให้ได้ว่า อาทรจะให้วินทำอย่างไร แล้วรีบโทร.มารายงานเธอด่วน ไอริณวางสายด้วยสีหน้าหงุดหงิด


"หน็อยแน่ะ...แค่นี้ก็วิ่งโร่ไปฟ้องพ่อ...เด็กชายอนาวิน"

วิทวัสค่อยๆวางโทรศัพท์ลง พลางถอนใจ จังหวะนั้น วินกับเรวัติเปิดประตูผลัวะเข้ามา วิทวัสตกใจ รีบปฏิเสธลั่นว่าเปล่า วินถามว่าเป็นอะไรไป วิทวัสยิ้มกลบเกลื่อนว่าไม่ได้เป็นอะไร


"เย็นนี้เตรียมตัวไปบ้านคุณไอริณ"

"ไปบ้านคุณไอริณหรือครับ...ไหนว่าจะไปบ้านผม... เอ๊ย...ไปบ้านคุณอนาวิน"

เรวัติตวาดใส่ว่าไม่ต้องถาม วิทวัสมีหน้าที่แค่ทำตามเท่านั้น วิทวัสนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนขยับจะออกจากห้องวินสงสัยว่าจะไปไหน วิทวัสอ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แต่แอบออกไปโทร. บอกสถานการณ์ล่าสุดให้ไอริณรู้ตัว แล้วเก็บโทรศัพท์ มือถือใส่กระเป๋ากางเกงด้วยความภาคภูมิใจ

"เหมือนสายลับเลย สนุกดีเหมือนกัน" วิทวัสทำท่าทางแข็งขัน กลับเข้าห้องทำงาน

ooooooo

พีรเทพมาถึงหน้าห้องทำงานของไอริณพร้อมด้วยกุหลาบช่อสวย ถามจอยว่าไอริณอยู่หรือเปล่า จอยจะโทร.เข้าไปแจ้งไอริณ แต่พีรเทพไม่ต้องการให้

ไอริณรู้ กะจะมาเซอร์ไพรส์ก่อนวันเกิดของเธอ โสภิตาเหลือบเห็นพีรเทพมารีบโทร.รายงานอรนุชทันที...

ทางด้านไอริณรับช่อดอกไม้จากพีรเทพด้วยสีหน้านิ่งเงียบ ราวกับกำลังใช้ความคิด ก่อนจะถามว่ามีธุระอะไรกับเธอหรือเปล่า พีรเทพทำเป็นถอนใจ คิดอยู่หลายตลบกว่าจะตัดสินใจมาหาเธอ ไอริณยิ้มเยาะ ประชดประชันว่าถ้าเขาไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา ไม่เห็นจะยากอะไรตรงไหน

"ยากสิครับ เพราะสิ่งที่พี่กำลังจะเล่าให้น้องริณฟัง มันคือการทรยศลูกนกแล้วก็ลูกน้ำ"

"คนที่เคยทรยศแล้ว ถ้าคิดทรยศอีก ริณว่าไม่ยาก" ไอริณแดกดัน

"พี่จะเล่าอะไรให้น้องริณฟัง เพื่อพิสูจน์ว่าพี่จริงใจกับน้องริณ"

ไอริณสบตาพีรเทพแล้วยิ้มนิดๆ พีรเทพเล่าเหตุการณ์ที่อรนุชสั่งให้เขากับรุทธ์วางแผนทำลายไอริณให้ฟัง ไอริณยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย

"พี่ตกใจมาก...ไม่คิดว่าลูกน้ำจะมีแผนร้ายขนาดนี้"

"จริงหรือคะ" ไอริณยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

"พี่ยอมรับว่าพี่ผิดไปแล้ว...น้องริณจะยกโทษให้พี่ได้มั้ย"

"ริณจะแน่ใจได้ยังไงคะว่าไม่ใช่แผนการ"

พีรเทพถึงกับสะอึก ขณะที่ไอริณยังคงมีสีหน้ายิ้มๆ... ในเวลาต่อมา พีรเทพก็กลับออกมา โดยไม่ลืมโปรยเสน่ห์ให้ พนักงานสาวๆ หันไปร่ำลาจอย แล้วบอกว่าต่อไปนี้ เราคงจะเจอหน้ากันบ่อยขึ้น...

ฝ่ายเรวัติขับรถพาวินกับวิทวัสบ่ายหน้าไปบ้านของไอริณตามแผน วิทวัสอดสงสัยไม่ได้ว่า ถ้าพวกเรามาบ้านคุณ ไอริณส่วนคุณไอริณไปบ้านคุณวิน แล้วเราจะเจอกันได้อย่างไร

"ก็ไม่เจอกันนะซิ"

วิทวัสอ้าปากจะถามอีก เรวัติรำคาญสวนขึ้นทันทีว่าทำไมถึงขี้สงสัยมากนัก วินสั่งวิทวัสให้นั่งเฉยๆแล้วทบทวนคำพูดที่เขาสอนไปพลางๆ จะได้ไม่ต้องคิดไม่ต้องพูดอะไร วิทวัสรีบทำตามคำสั่ง ไม่นานนัก ทั้งสามหนุ่มมาถึงบ้านไอริณ คุณหญิงป้ายืนจ้องทั้งหมดเขม็ง โดยมีป้าสร้อยยืนอยู่ข้างหลัง ทั้งสามคนยกมือไหว้สวัสดี

คุณหญิงป้ารับไหว้แค่ศอก "แห่กันมาทำไม"

"คือ...คุณอนาวินครับ...คุณอนาวินจะมาพบคุณไอริณ" วินกับเรวัติเอาศอกกระทุ้งวิทวัสในคราบคุณอนาวิน

คุณหญิงป้ามองคุณอนาวินเขม็งหาว่าทำตัวเป็นพระลอ ต้องมีนายแก้วกับนายขวัญคอยเป็นพี่เลี้ยง ตามขนาบข้างตลอด เวลา ก่อนหันไปต่อว่าวินกับเรวัติที่คอยตามประกบเจ้านายยังกับเป็นเด็กทารก เลยทำให้ไม่รู้จักโต

"เนี่ยหรือครับไม่โต...สูงตั้ง 180 น่าจะได้นะครับ"

คุณอนาวินรีบพยักพเยิดเป็นเชิงเห็นด้วยกับวิน คุณหญิงตอกกลับว่าไม่ขำ แล้วสั่งให้คุณอนาวินนั่งบนเก้าอี้รับแขกคนเดียว ส่วนที่เหลือนั่งที่พื้น วินหาว่าเป็นการแบ่งชั้นวรรณะ

"ใช่...ฉันต้องการเตือนสติพวกเธอว่า คุณอนาวินเขาเป็นเจ้านาย พวกเธอจะทำท่าทางข่มเขาไม่ได้"

วินกับเรวัติเลื่อนตัวลงมานั่งกับพื้น คุณอนาวินรีบเลื่อนตัวตาม วินกับเรวัติช่วยกันจับเขากระแทกให้กลับไปนั่งข้างบน คุณหญิงป้าเดินมาตีแขนวินกับเรวัติคนละที ฐานทำรุนแรงกับเจ้านาย...

อ่านละครย่อเรื่องกุหลาบเหนือเมฆ ตอนที่ 14

@^@..อ่านละครย่อเรื่องกุหลาบเหนือเมฆ ตอนที่13

@^@..อ่านละครย่อเรื่องกุหลาบเหนือเมฆ ตอนที่13
อ่านละครย่อเรื่องกุหลาบเหนือเมฆ ตอนที่13
ตอนที่ 13 (ต่อจากวานนี้)

อรนุชเข้ามาป่วนโต๊ะไอริณคนเดียวไม่พอ ชวนอรนิชกับพีรเทพเข้ามาร่วมวงด้วย พีรเทพเห็นท่าไม่ดีแนะให้ไปนั่งโต๊ะอื่น แต่อรนุชไม่ยอมไปอยากอยู่ให้มีเรื่องก่อน เลยอ้างว่าโต๊ะนี้อาหารน่ากิน

"อ๋อ...งั้นก็กินเลยค่ะ อนุญาต"

ไอริณพูดยังไม่ทันขาดคำ จับหน้าอรนุชกดลงไปในจานอาหารตรงหน้า จนหัวหูเลอะเทอะท่ามกลางความตกใจของทุกคน อรนุชเงยหน้ามองไอริณอย่างเคียดแค้น ไอริณยิ้มสะใจถามว่าอร่อยไหม

"อ๋อ...อร่อยมากค่ะ อร่อยจนอยากให้คุณไอริณได้รับประทาน บ้าง" อรนุชกดหัวไอริณทิ่มลงในจานอาหารบ้าง "เป็นไงล่ะคะ แซบมั้ย"

พีรเทพพยายามจะห้าม แต่กลับโดนไอริณกับอรนุชผลัดกันจับหัวกดใส่จานอาหารจนเปรอะไปหมด อรนิชเตือน

พี่สาวว่าพีรเทพเป็นพวกเดียวกับเรา อรนุชไม่คิดเช่นนั้น เพราะเห็นเขาคอยเอาใจช่วยไอริณตลอด คุณหญิงป้าไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งร้าน รีบคว้าข้อมือไอริณลากออกไป อรนิชก็รีบจูงพี่สาวตาม บริกรปราดเข้ามายื่นใบเสร็จให้ อรนุชตวาดลั่นว่าไม่จ่ายเพราะไม่ได้กิน อรนิชรีบหยิบเงินส่งให้แล้วพากันเดินออกไป...

คุณหญิงป้าพาไอริณมาล้างเนื้อล้างตัวที่ฟิตเนส ไอริณ แยกตัวเข้าห้องอบเซาน่า ขณะที่คุณหญิงป้าเข้าห้องโยคะ อรนิชบังเอิญพาอรนุชตามมาฟิตเนสที่เดียวกันอีก โดยปล่อยให้อรนุชเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าคนเดียว ส่วนเธอกับพีรเทพนั่งรออยู่แถวเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ นึกขึ้นได้ว่านัดวินไปที่ร้านอาหาร รีบโทร.บอกให้มาที่นี่แทน

ขณะไอริณกำลังนั่งทอดตัว หลับตาลงอย่างสบายอารมณ์อยู่ในห้องเซาน่าซึ่งมีควันจากไอน้ำลอยฟุ้งไปทั่ว มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามา ทรุดตัวลงนั่งอีกมุมหนึ่งของห้อง

"คนน้อยอย่างนี้ดีจังนะคะ"

ไอริณตาเบิกโพลง บ่นพึมพำว่าทำไมเสียงเหมือน

นังลูกน้ำยุงลาย มีเสียงพูดขึ้นอีกว่าไม่ชอบคนเยอะๆ ไอริณ มั่นใจว่ายัยลูกน้ำแน่ สวนขึ้นทันทีว่าถ้าอย่างนั้นคงต้องไปสร้างเองที่บ้าน อรนุชลืมตาโพลง จำได้แม่นว่าเป็นเสียงของ นังไอวัณโรคเท่านั้นแหละเสียงด่าทอดังลั่นห้อง ก่อนตรงเข้าตะลุมบอนกันอุตลุด

ไม่นานนัก วินกับเรวัติตามมาสมทบอรนิชกับพีรเทพ วินถามว่าอรนุชเป็นอย่างไรบ้าง อรนิชฟ้องว่าไอริณจับพี่สาวเธอจุ่มหน้าลงในกับข้าว เธอเลยต้องพามาอาบน้ำสระผมที่นี่ จากนั้นก็จะเข้าห้องเซาน่าเพื่อผ่อนคลายความเครียด อรนิช

ขอให้วินกับเรวัติอยู่รออรนุชแทนเธอสักพัก เธอกับพีรเทพจะออกไปหาอะไรกิน วินรับคำ เรวัติบังเอิญเหลือบเห็นคุณหญิงป้าเดินออกมาจากห้องโยคะ รีบสะกิดวินให้ดู วินหันมองตามถึงกับสะดุ้งโหยง

"ลูกนก...ลูกนกบอกว่าไอริณไปกินข้าวกับคุณหญิงดาริกาใช่มั้ย"

อรนิชพยักหน้า วินรู้ทันทีว่าไอริณต้องอยู่ที่นี่เช่นกัน ทำเป็นนึกได้ว่ามีนัดกับลูกค้าตอนบ่ายโมง ต้องขอตัวกลับก่อน แล้วลนลานออกไป อรนิชกับพีรเทพมองตามสองหนุ่มอย่างแปลกใจ...

ฝ่ายอรนุชกับไอริณยังคงตบตีกันไม่เลิกทั้งๆที่เหนื่อยแทบหมดแรง กระทั่งมีคนอื่นเข้ามาในห้องเซาน่า สองสาวถึงได้ชิ่งออกจากกัน แยกย้ายเข้าห้องแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบแว่นดำขึ้นมาสวมอำพรางใบหน้าที่สะบักสะบอม หยิบกระเป๋าใส่สัมภาระ แล้วเดินไปสมทบกับพวกของแต่ละคน...

ทางด้านวินชวนเรวัติเตร่อยู่ในร้านใกล้ๆ เรวัติเตือนให้รีบกลับ ก่อนที่ไอริณจะออกมาเห็น จังหวะนั้น กลุ่มของอรนุชออกมา จากฟิตเนส เรวัติกับวินรีบหลบ รอจนพวกนั้นเดินผ่านหน้าร้านไป วินถึงออกมาชะเง้อมองไปทางฟิตเนสด้วยสีหน้าเป็นกังวล รอจนเห็นหน้าไอริณซึ่งบอบช้ำไม่ต่างจากอรนุช ถึงยอมกลับ...

ไอริณกลับถึงบ้าน บ่นอุบว่าประเทศไทยออกกว้างขวางทำไมถึงหนีนังลูกน้ำยุงลายไม่พ้น คุณหญิงป้าว่าดวงทั้งคู่ สมพงศ์กันเลยเจอหน้ากันตลอด ทันใดนั้นเสียงรถตัดหญ้า

ดังขึ้น ไอริณเดินมาที่หน้าต่าง เห็นจำรัสกำลังตัดหญ้าอยู่หน้าบ้าน อารมณ์บูดขึ้นมาทันที ทำท่าจะเล่นงานป้าสร้อย

คุณหญิงป้าเลยบอกป้าสร้อยให้ออกไปก่อน แล้วเตือนไอริณว่าอย่าเครียด จำรัสกับป้าสร้อยแค่ทำตามคำสั่งพ่อแม่ของไอริณ ไอริณอ้าปากจะเถียงว่าเธอโตแล้ว แต่คุณหญิงป้าเหมือนจะรู้จึงชิงพูดต่อ

"ใช่ หลานโตแล้ว และคุณพ่อคุณแม่ก็แก่แล้วเหมือนกัน หลานจะยอมให้คนแก่สองคนที่รักและเป็นห่วงหลานมากกว่าใครๆในโลกนี้ได้สบายใจสักนิดไม่ได้หรือจ๊ะ"

ไอริณนิ่ง มองไปที่สนาม เดินออกไปหาจำรัส จำรัสเงยหน้าเห็นไอริณ ตกใจรีบปิดเครื่องตัดหญ้ามือไม้สั่นเกรงว่าจะถูกเล่นงาน ไอริณกลับขอบใจจำรัสที่มาคอยดูแลบ้าน และอาทิตย์นี้เธอจะไปซื้อต้นไม้มาให้เขาช่วยปลูก จำรัสรับคำ ยิ้มอย่างโล่งใจ ไอริณกลับเข้าบ้านตรงไปยังห้องนอน ระหว่างนั้น มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เลอลักษณ์โทร.ทางไกลมาบอกว่าวันมะรืนจะกลับเมืองไทยแล้ว ที่ต้องกลับก่อนกำหนดเพราะคิมหันต์คิดถึงงานมาก โทรศัพท์กลับมาเช็กที่กรุงเทพฯทุกวัน เธอเลยคิดว่ากลับดีกว่า แล้ววางสาย ไอริณสงสารเพื่อนมาก รู้ทันว่าคิมหันต์ไม่ได้คิดถึงงาน แต่คิดถึงกิ๊กมากกว่า

ooooooo

รุ่งเช้า พออรนุชมาถึงห้องทำงาน นิคโทร.ขึ้นมาหาจากร้านกาแฟข้างล่าง นัดให้เธอลงไปพบ ครู่ต่อมา อรนุชซึ่งสวมแว่นดำปิดรอยฟกช้ำมาถึงร้านกาแฟ นิคถามว่าหน้าไปโดนอะไรมา

"เดินชนเสาค่ะ...น้ำใส่แว่นดำแล้วยังเห็นอีกหรือค่ะ"

"ก็เพราะคุณใส่แว่นดำนะซิ ผมถึงได้รู้...ที่มุมปากก็มี... ขอโทษนะครับ" นิคค่อยๆแตะที่มุมปากอรนุชอย่างเบามือ ขณะที่อรนุชทำท่าเซ็กซี่ ช้อนตามองเขา...

ในเวลาต่อมา ที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่ง จอยเลือกดูหนังสือได้สักพัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.บอกไอริณว่าหนังสือที่สั่งไม่มี ขยับจะวางสาย บังเอิญเหลือบไปเห็นอรนุชกำลังเลือกซื้อหนังสืออยู่กับชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่ง ด้วยท่าทางสนิทสนมอยู่อีกมุมหนึ่งซึ่งปลอดคน

"จอยเจอคุณลูกน้ำค่ะ มากับฝรั่ง...กุ๊กกิ๊กกันใหญ่เลยค่ะ... ได้ค่ะ"

จอยใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายภาพอรนุชกับกิ๊กฝรั่ง ไว้ได้หลายอิริยาบถ ตามที่ไอริณสั่ง...

(อ่านต่อพรุ่งนี้)

อ่านละครย่อเรื่องกุหลาบเหนือเมฆ ตอนที่13

@^@..อ่านละครย่อเรื่องพ่อหนูเป็นซูเปอร์สตาร์ ตอนที่8

@^@..อ่านละครย่อเรื่องพ่อหนูเป็นซูเปอร์สตาร์ ตอนที่8
อ่านละครย่อเรื่องพ่อหนูเป็นซูเปอร์สตาร์ ตอนที่8
ตอนที่ 8 (ต่อจากวานนี้)

เคทหวั่นใจถามว่าคีตะนี่น่ากลัวมากหรือ แดนเทพตำหนิเคทที่รับงานนี้ให้ลูก เคทร้องอ้าว เธอจะรู้ได้อย่างไร ถาม โอ๋ก็บอกว่าเพลงของนายนี่กำลังดัง โอ๋หน้าเจื่อน ปั๋งจึงบอกว่าถ้าคีตะจำได้ว่าไอด้าคือคนที่เป็นข่าวกับแดนเทพ รับรองขุดคุ้ยไม่เลิก เคทจึงตัดสินใจเลิกรับงาน แดนเทพค้าน "ทำอย่างนั้นได้ยังไง ลูกกำลังสนุกกับงาน สิ่งที่เราควรทำคือหาทางแก้ปัญหา ไม่ใช่ตัดปัญหาแล้วทำร้ายจิตใจลูก เป็นแม่แบบไหนเนี่ย"

เคทหน้าเครียดเถียงไม่ออก แดนเทพรู้ว่าพูดแรงไปจึงปลอบไม่ต้องคิดมาก สมองปลาทองก็ทำได้แค่นี้ เคทถมึงทึง ขึ้นมาทันที แดนเทพรีบยิ้มให้ เขาจะคอยแก้ปัญหาให้เอง เคทจึงยิ้มออกมาได้อย่างรู้สึกอบอุ่นใจ ปั๋งลอบมองว่าสองคนอาจจะรักกันเข้าแล้ว

เอ็มวีของไอด้าเริ่มแพร่ภาพ ปรายฟ้านั่งดูด้วยสีหน้าหมายมาด เธอเตรียมแผนการทำให้ไอด้าไปจากชีวิตของแดนเทพ เธอมีงานใหญ่จะเปิดหัวหนังสือห้าฉบับในเวลาเดียวกัน จึงเอาการ์ดไปเชิญต้อมถึงที่ออฟฟิศ แถมยังเชิญเคทกับไอด้าและโอ๋ด้วย

แดนเทพแปลกใจ "งานเปิดตัวนิตยสารนี้ ปรายฟ้าเค้าคิดอะไรอยู่ งานนี้งานใหญ่ นักข่าวแห่มาทุกสำนักแน่ ทำไมถึงเชิญคุณกับไอด้า"

"แต่หนูอยากไปนะคะ น่าสนุกดี ได้ออกงานในฐานะดารา ว้าว"

"อย่าเพิ่งคิดเลยเถิด เค้าอาจจะแค่แจกการ์ดมาตามมารยาท" เคทติง

"ไม่หรอก นั่นไม่ใช่นิสัยปรายฟ้า ผมแน่ใจว่าเค้าตั้งใจเชิญคุณกับลูกไปร่วมงานจริงๆ"

"งั้นถึงคราวที่ไอด้าต้องเล่นละครทำเป็นไม่รู้จักพ่ออีกแล้วสิคะ"

"นั่นแหละปัญหา" แดนเทพหนักใจเรื่องนี้มากกว่า...

วันต่อมา เคทกับไอด้าจึงไปหาเสื้อผ้าที่ร้านโอ๋ ไอด้าได้ชุดที่สวยเหมาะสมกับวัย โอ๋เตรียมชุดสวยสง่าไว้ให้เคท แต่เธอกลับไม่ชอบเลือกใหม่ที่เรียบๆ โอ๋จึงบอกให้ลอง พอเดินออกมาทั้งไอด้าและโอ๋ก็ส่ายหน้าไม่สวย เคทคว้าอีกชุดเข้าไปลองใหม่ ออกมาทั้งสองก็ส่ายหน้าอีก สุดท้ายจึงเอาชุดที่โอ๋เตรียมให้ไปลอง พอเดินออกมา ทั้งโอ๋และไอด้าก็ยิ้มแต้

ooooooo

วันงานเปิดตัวหนังสือสกายพับลิชชิ่ง บรรยากาศ งานใหญ่โตริมสระน้ำ ในงานเต็มไปด้วยศิลปิน ทางเข้างานมีการแจกหนังสือฉบับพิเศษ นักข่าวกดชัตเตอร์ แสงวูบวาบทั่วงาน ปรายฟ้าในชุดสวยเดินเฉิดฉายต้อนรับแขก

บอดี้การ์ดสี่คนเดินประกบหน้าหลังแดนเทพเข้ามาในงาน ปรายฟ้ายืนมองนักข่าวที่รุมสัมภาษณ์แดนเทพ ต้อม เดินเข้ามา นักข่าวก็ให้ความสนใจไม่น้อย ต่างรุมถ่ายภาพในฐานะไฮโซสูงศักดิ์ ปรายฟ้ายิ้มดีใจตรงเข้าไปหา แต่แล้วต้องชะงัก เพราะไอด้าเดินเข้ามา นักข่าวผละจากทุกคนไปรุมถ่ายไอด้า แดนเทพยิ้มภูมิใจในความดังของลูก แต่แล้วต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นเคทเดินตามไอด้าเข้ามา เธอดูสวยแปลกตาในชุดเรียบหรูดูทันสมัยเข้ากับทรงผม ทั้งต้อมและแดนเทพตะลึงมองเคท ปรายฟ้าเห็นแล้วยิ่งแค้นใจเพราะต้อมเดินเข้าไปหาเคท เคทดีใจที่มีเพื่อนเพราะโอ๋หายไปไหนไม่รู้ หารู้ไม่ว่าโอ๋ไปเดินแจกนามบัตรร้านใหม่ที่เพิ่งตกแต่งเสร็จ

ปรายฟ้าจึงเดินไปหาแดนเทพ "ไปต้อนรับไอด้ากับฟ้าหน่อยนะคะ"

แดนเทพปฏิเสธ แต่ปรายฟ้าบอกว่านักข่าวจับตามองอยู่ เขาจึงจำต้องเดินคู่ไปกับปรายฟ้า เข้าไปต้อนรับไอด้ากับเคทและต้อม นักข่าวขอถ่ายภาพหมู่แถมบอกว่าขอถ่ายพ่อแม่ลูกซึ่งหมายถึงต้อม เคทต้องรีบแก้ข่าว ต้อมเสียดายแต่ก็ยิ้มขำสีหน้าแดนเทพที่โกรธควันออกหู

ไอด้าขอไปเข้าห้องน้ำ พอเดินออกมาชนกับเอื้อมดาวซึ่งถือแก้วน้ำอยู่ น้ำหกรดหนังสือที่ได้รับแจก ก็บ่นเสียดาย ไอด้าจึงบอกว่าเธอจะเอาของเธอมาเปลี่ยนให้ ไอด้าพาเอื้อมดาวเดินมาหาเคทกับต้อม พอเคทเห็นเอื้อมดาวก็รีบหันหน้าหลบ จะเดินหนี เอื้อมดาวเห็นต้อมก็ตื่นเต้นเข้าไปทักแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ พอได้ยินไอด้าเรียกเคทจึงหันมามอง

"เราเคยเจอกันนี่...จำได้แล้ว คนใช้บ้านคุณแดนเทพ"

"เข้าใจผิดแล้วละครับ นี่เพื่อนผมเพิ่งกลับมาเมืองไทยวันนี้เอง" ต้อมแก้สถานการณ์

เอื้อมดาวแปลกใจเพราะเธอจำหน้าได้แม่นยำ โอ๋เข้ามาขวางและบอกให้พูดจาให้เกียรติท่านชายบ้าง ไอด้ารีบชวนเอื้อมดาวไปหานักข่าวต่างประเทศอยากลงข่าวเมืองนอกบ้าง ไอด้าดึงเอื้อมดาวไป ผ่านหน้าคีตะซึ่งกำลังให้สัมภาษณ์นักข่าว คีตะสงสัยตามไปดู เอื้อมดาวยังคาใจอยากถามเคทให้แน่ใจ คีตะเข้ามาถามว่าเรื่องอะไร ไอด้าชิ่งหนีทันที เอื้อมดาวชี้ไปที่เคทจะเล่าแต่แล้วเปลี่ยนใจ เพราะไม่ค่อยกินเส้นกับคีตะเท่าไหร่ คีตะมองเคทรู้สึกคุ้นหน้า

พอปั๋งกับแดนเทพเดินมา คีตะจึงทักทายแล้วถาม "เอ...ผู้หญิงคนนั้นใช่ที่เล่น...สายใยรัก...รึเปล่าครับ ชุดสีฟ้าๆ"

สีหน้าแดนเทพไม่พอใจ ปั๋งรีบถามว่าทำไม คีตะแกล้งพูดว่าถามถึงผู้หญิงสวยก็ต้องสนใจ ปั๋งจึงบอกว่าหมดสิทธิ์เพราะเธอคือแม่ของไอด้า คีตะยิ้ม "ดีสิ สเปกผมเลย"

แดนเทพปรี๊ดทันที คีตะยิ่งยั่ว เขารู้อยู่แล้วว่าเคทเป็นแม่ไอด้าแต่แกล้งพูดเพราะเห็นแดนเทพจ้องเคทจนไม่เกรงใจปรายฟ้า ปั๋งรีบกันทั้งสองคนออกจากกันก่อนจะมีเรื่อง ปั๋งแซวว่าก็วันนี้เคทสวยไม่เบาเลย แดนเทพหงุดหงิดเดินแยกไป ปั๋งเดินมาหากลุ่มเคทแล้วบ่นว่า "แดนเทพหายไปไหนก็ไม่รู้ อีกเดี๋ยวจะต้องขึ้นเวทีแล้วด้วย ไวจริงๆเมื่อกี้ยังคุยกันอยู่เลย"

เคทเป็นห่วงแดนเทพ พลันมีเมสเสจเข้ามาจากแดนเทพ ว่าเขาคอยอยู่ที่สวนให้ออกมาหาด่วน เคทจึงรีบปลีกตัว

ออกไป...แดนเทพหัวเสียบ่นคนเดียวที่เคทแต่งตัวสวยจนคนมองทั้งงาน ทันใดปรายฟ้าเดินเข้ามาหา แดนเทพนึกว่าเป็นเคทจึงแขวะว่าเล่นตัวมาช้าเหลือเกิน

ปรายฟ้าสะดุ้ง แดนเทพรีบยิ้มถามว่าเธอมาทำอะไรตรงนี้ ปรายฟ้าย้อนถามว่าเธอต้องถามเขาต่างหาก ปรายฟ้า เงยหน้ามองท้องฟ้าที่สวยงามแล้วสูดอากาศลึกๆ สวมกอดแดนเทพ เขาทำตัวไม่ถูกสายตาเหลียวมองว่าเคทมาหรือยัง ปรายฟ้าออดอ้อนเพื่อจะขอให้แดนเทพพูดไปตามเธอเวลาขึ้นเวที เรื่องต่อสัญญากับบริษัทอีกห้าปี ทั้งที่เขายังไม่ได้ต่อ เพื่อเครดิตของบริษัท แดนเทพเออออไม่ทันฟังเพราะห่วงเคทมาเห็น และเคทก็เดินมาเห็นพอดี เธอโกรธเข้าใจว่าแดนเทพเรียกมาให้เธอเห็นเขากับปรายฟ้ากอดกัน จึงเดินจ้ำๆกลับไปหาไอด้า

ooooooo

ถึงเวลาขึ้นเวที พิธีกรสัมภาษณ์ปรายฟ้าถึงหนังสือที่เปิดตัวพร้อมกันถึงห้าฉบับ แต่มีอยู่ฉบับหนึ่งที่ดูน่าสนใจคือ...สตรอเบอร์รี่บันเทิง...ที่มีคอลัมน์เจ๊ใหญ่เจาะไข่บันเทิง อยากทราบว่าเป็นใคร ปรายฟ้ายิ้มๆและบอกให้ติดตามทุกฉบับแล้วจะรู้เองว่าเป็นใคร แขกในงานปรบมือฮือฮา โอ๋เผลอสนใจอ่านคอลัมน์นี้ไปด้วย

ปรายฟ้ากระซิบบอกพิธีกรไว้ก่อนหน้านี้ ว่าให้เชิญแดนเทพขึ้นมาด้วย พิธีกรจึงกล่าว

"เอ...รู้สึกจะมีแขกคนสำคัญที่ยังไม่ได้ขึ้นมานะครับ"

ปรายฟ้าแสร้งถามว่าใคร พิธีกรประกาศเชิญแดนเทพ มีเจ้าหน้าที่ส่งช่อดอกไม้ให้แดนเทพถือขึ้นไปมอบให้ปรายฟ้าด้วย แดนเทพงงๆ เคทยิ่งหมั่นไส้ ชวนไอด้ากลับบ้าน พลันคีตะแกล้งเข้ามาชนแล้วทักทาย "ผมคีตะเป็นศิลปินเจ้าของเพลงที่น้องไอด้าเล่นเอ็มวี"

เคทพยักหน้าแล้วเบี่ยงจะเดินหนี เอื้อมดาวเห็นคีตะคุยกับเคท จึงปรี่เข้าไปถามว่าใช่คนใช้บ้านแดนเทพหรือเปล่า แดนเทพมองมาจากบนเวที เขาไม่สนใจที่พิธีกรสัมภาษณ์เท่าไหร่ ทั้งหึงทั้งห่วงเคทที่คีตะมาเกาะแกะ จึงพูดโพล่งออกไปว่า

"โน่นไงครับ นางเอกเอ็มวีของผม" แดนเทพผายมือไปที่ไอด้า

ไฟฟอโลว์สาดไปที่ไอด้ากับเคท พิธีกรจึงประกาศ "นี่ดาวรุ่งอันดับหนึ่งในโพลเลยนะครับ เป็นการเปิดตัวนางเอกเอ็มวีที่เซอร์ไพรส์มาก ไม่มีในสคริปต์นะครับ ถ้าอย่างนั้นเชิญน้องไอด้าบนเวทีเลยครับ"

ปรายฟ้าหน้าเจื่อนที่เรื่องของเธอด้อยลง ไอด้ามองหน้าเคทลังเลว่าจะขึ้นดีหรือไม่ คีตะยังอี๋อ๋อเคท แดนเทพจึงพูดออกไมค์อีกว่า "เชิญคุณแม่ด้วยครับ"

เคทจึงก้าวหนีเอื้อมดาวกับคีตะไปพร้อมไอด้า แขกในงานปรบมือเกรียวกราว พิธีกรสัมภาษณ์ไอด้าและเคท มีแดนเทพคอยช่วย ปรายฟ้ายืนหน้างอ หันไปพยักหน้าสั่งลูกน้องให้ดับไฟบนเวที...ไฟดับพรึ่บ ด้วยสัญชาตญาณ แดนเทพโผกอดเคทกับไอด้าไว้ในอ้อมกอด นักข่าวถ่ายภาพกันพึ่บพั่บ

ooooooo

กลับถึงบ้าน เคทต่อว่าแดนเทพทำเป็นสุภาพบุรุษหรือโรคจิตกันแน่ที่เที่ยวกอดใครๆ แดนเทพโวยว่าเขาแค่ปกป้องลูกเมีย เคทชะงักมองหน้าแดนเทพที่พูดคำว่าเมียออกมา แล้วเปลี่ยนเรื่องเป็นโวยเรื่องที่ เขาเรียกเธอให้ออกไปดูเขากอดกับปรายฟ้า แดนเทพสะอึกแก้ตัวไม่ถูก บอกแต่ว่าเขามีเหตุผลของเขา และที่ เรียกให้เธอขึ้นเวทีไปด้วยเพราะ

"ก็แล้วจะยืนให้ไอ้ขี้อิจฉาคีตะกับยัยเป๋อเอื้อมดาวมันขุดคุ้ยเรื่องเรารึยังไงล่ะ จะเถียงทันเค้ามั้ยล่ะนั่นน่ะ ปากดี แต่กับลูกกับสามีนั่นแหละ" แดนเทพหลุดปากอีกครั้ง

ต่างคนต่างอึ้งจ้องหน้ากัน เคทสบถว่าทุเรศก่อนจะเดินหนีไป แดนเทพตะโกนตามหลังว่าแค่หลุดปากต้องด่ากันด้วย ทำอย่างกับเขาอยากได้เป็นเมีย เคทวกกลับมาผลักเขาโครม เธอก็ไม่ได้อยากได้เขาเป็นสามี แดนเทพล้มหัวฟาดตู้เย็น เคทเดินหนีไปแล้ว แดนเทพจึงแกล้งหยิบขวดน้ำหวานออกมาแต้มที่หัวเป็นเลือดออก แล้วเดินโซเซไปหาเคท เคทเห็นแต่แรกแต่แกล้งเล่นด้วย "แดนเทพ! คุณเป็นอะไรไป โธ่...นี่ฉันทำคุณเหรอนี่"

เคทหายเงียบไป แดนเทพคิดว่าเธอขึ้นไปหายามาใส่แผล แต่แล้วเธอเดินลงมาพร้อมกับพูดมือถือเรียกรถพยาบาล แดนเทพตกใจลุกพรวดขึ้น เคทยืนยิ้มเหยียดๆและว่าถ้าคราวหน้าเธอจะเรียกมูลนิธิมาเก็บศพ

(อ่านต่อพรุ่งนี้)
อ่านละครย่อเรื่องพ่อหนูเป็นซูเปอร์สตาร์ ตอนที่8

@^@..อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 14

@^@..อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 14
อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 14
แต่เมื่อเดินมาถึงลานจอดรถหน้าร้าน ตะวันถามว่าจะกลับบ้านแล้วหรือ เขาเงียบไป เธอดักคอว่าเงียบอย่างนี้แปลว่าอะไร ครั้นเขาถามว่าเธออยากไปไหนอีก ตะวันถามอ้อนๆว่า

"ค่ะ ฟ้าอยากไปฟังเพลง...ได้ไหมคะ"

เห็นท่าทางนิ่งคิดของภากร ตะวันนึกสนุกถามหยอกว่ากำลังประเมินสถานการณ์หรือประเมินคน เขาตอบว่าทั้งสองอย่าง แต่พอเธอถามว่าแล้วประเมินว่าอย่างไรบ้าง เขาเล่นลิ้นว่า

"คงยังบอกตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ" พูดแล้วผายมือพาเธอเดินไปขึ้นรถ

ภากรพาตะวันไปที่ผับบรรยากาศค่อนข้างคึกคัก เธอถามว่าเขามาเที่ยวที่นี่บ่อยหรือ เขาส่ายหน้าบอกว่านานๆมาทีพอเธอถามว่าไม่ชอบเที่ยวกลางคืนหรือ เขากลับย้อนบอกว่า

"ถ้าฟ้าเจอตะวันลองถามเขาซิ"

"ฟ้าไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นแล้วจะให้ฟ้าไปถามที่ไหนล่ะคะ" ตะวันทำไขสือ พอดีพนักงานเดินมาถามว่าจะดื่มอะไรดี ตะวันให้ภากรสั่งแทนแล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน

ooooooo

ที่ประตูเข้าผับนี่เอง ภัทรมนกับเพื่อนสองสามคนกำลังเข้ามา ภัทรมนเหลือบเห็นภากรนั่งอยู่คนเดียวกับบ๋อย เธอขอแยกตัวจากเพื่อนประเดี๋ยวแล้วตรงรี่ไปหาภากรทันที ถามว่ามาเที่ยวคนเดียวหรือ คงเหงาแย่แล้วขอนั่งเป็นเพื่อน ทั้งยังเปิดทางว่าคราวหลังถ้าจะมาเที่ยวอีกโทร.ชวนตนได้ ตนยินดีเป็นเพื่อน

ภากรเชิญเธอนั่งแต่บอกว่าตนไม่ได้มาคนเดียว ภัทรมนซักทันทีว่ามากับผู้หญิงหรือผู้ชาย พอเขาบอกว่าผู้หญิง คราวนี้เธอยิ่งออกอาการมองหาพลางถามว่า "แล้วอยู่ไหนคะ"

"ห้องน้ำครับ" ภากรตอบผ่านๆอย่างไม่สนใจ

ปรากฏว่าตะวันไปสร้างวีรกรรมไว้ที่หน้าห้องน้ำ เมื่อเธอช่วยกอบกุลเด็กเสิร์ฟสาวที่ถูกคนเมาสองคนลวนลาม คนหนึ่งถูกเตะเสยคางหงายตึง อีกคนถูกเตะผ่าหมากตัวงอกุมเป้าหน้าเขียว

กอบกุลกับหญิงสาวอีกคนวิ่งหนีเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อตะวันเข้าไป กอบกุลยกมือไหว้ขอบคุณเธอ ตะวันเตือนว่าต่อไปต้องระวังตัวหน่อยทำงานอย่างนี้มันเสี่ยง กอบกุลตอบตามตรงว่าไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะตนไม่มีทางเลือก บอกตะวันด้วยความสำนึกบุญคุณว่า มีอะไรให้ตนรับใช้ให้บอกได้เลย

ตะวันพยักหน้าเดินออกไปเห็นภากรที่ลุกจากโต๊ะมาดูเธอเพราะเห็นหายนานเกินไป ตะวันรีบปรับตัวเองให้กลายเป็นฟ้าในพริบตา ในขณะที่ภากรก็มองเธออย่างพินิจพิจารณา

ระหว่างกลับมาที่โต๊ะ ภากรถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตะวันพูดอย่างเห็นเป็นเรื่องเล็กว่าไม่มีอะไร เป็นคนเมาแต่ รปภ.มาเอาตัวออกไปแล้ว เขาถามว่าเธอช่วยผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม เธอตอบสั้นๆว่านิดหน่อยค่ะ

พอดีกลับมาถึงโต๊ะ ภัทรมนจ้องมองอย่างชิงชังคาดไม่ถึง จิกถามว่า

"ยายฟ้า...นี่เธอมากับพี่กรเรอะ" ตะวันตอบหน้าตาเฉยว่าก็เห็นอยู่แล้วยังจะถามอีกหรือ ภัทรมนเลยหันไปต่อว่าภากร "พี่กร พาน้องสะใภ้มาเที่ยวผับเหรอคะ แล้วคุณคินทราบรึเปล่าคะเนี่ย"

"มันเป็นเรื่องในครอบครัวจะรู้ไปทำไมไม่ทราบ" ตะวันชิงตอบแทนแล้วหันไปชวนภากร "พี่กรคะกลับกันเถอะค่ะ ฟ้าอยากกลับบ้านแล้ว"

ภากรจึงหันไปขอตัวกับภัทรมนเดินตามตะวันไป ภัทรมนจิกตามองตามอย่างสงสัยมาก

เมื่อกลับถึงบ้านดึกคืนนี้ ภัทรมนฟ้องภัทรวดีว่าฟ้าไปเที่ยวผับกับภากร ตนเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นคือตะวันไม่ใช่ฟ้า แต่ภัทรวดีมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นไปไม่ได้ ติดใจอยู่นิดเดียวว่าภาคินหายไปไหน ทำไมถึงให้ฟ้าไปเที่ยวผับกับภากร

ooooooo

ภากรพาตะวันกลับมาถึงบ้านต่างรู้สึกมีความสุขกับการได้เที่ยวในคืนนี้ แต่คนที่โกรธเคืองคับข้องใจคือภาคินที่ยืนมองทั้งสองลงจากรถมาด้วยกัน เขารอจนตะวันจะเข้าห้องจึงไปดักถามว่า

"น้องฟ้าไปไหนกับพี่กรคะ" ตะวันบอกว่าไปทานข้าว เขาทำทีตัดพ้อว่าดีที่เป็นพี่ชาย ถ้าเป็นคนอื่นตนไม่ยอมแน่

ตะวันยิ้มอย่างออดอ้อนบอกเขาว่าตนแต่งตัวรออยากไปทานข้าวกับเขาแต่ไม่รู้เขาหายไปไหน ภากรสงสารจึงพาไปแทน ภาคินขอแก้ตัว ตะวันนัดว่าวันเสาร์นี้ก็แล้วกัน แล้วขอตัวเข้าห้องเลย ไม่ปล่อยให้ภาคินได้ตอแยอีก

ส่วนภากรเมื่อเข้าห้องนอนแล้ว เขายิ่งมั่นใจว่าคนที่ไปทานข้าวกับตนนั้นคือตะวันแน่นอน แต่เมื่อเธอยังปกปิดเขาจะต้องพิสูจน์ให้ได้ แต่คิดๆแล้วก็สลด เจ็บปวด ที่ถึงจะพิสูจน์ได้เธอก็เป็นน้องสะใภ้ตนอยู่ดี เลยได้แต่ยกมือปิดหน้าอย่างสับสน

ooooooo

เพื่อเอาใจวิไลเลขา วันนี้ภัทรวดีเข้าไปประจบพูดออกตัวว่าไม่ได้เจอกันนานตนมีงานยุ่งก็เลยไม่มีเวลามาดูแล วิไลเลขาถามอย่างรู้ทันว่าเธอมีงานทำตั้งแต่เมื่อไร่ แล้ววันนี้ไม่ไปทำหรือ ถามว่าแล้วรู้ไหมว่าภัทรมนทำอะไรกับตนไว้บ้าง ภัทรวดีบอกว่าทราบ แต่มันเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่หรือ

"คงงั้นมั้ง เหมือนกับที่ฉันโดนใครก็ไม่รู้ผลักตกบันได"

ภัทรวดีร้อนตัวโยนกลองให้ตะวันอีกตามเคย แม้วิไลเลขา จะรู้แก่ใจดีว่าอะไรเป็นอะไรแต่ก็นิ่งเฉยเสีย ปล่อยให้ภัทรวดี ตายใจ

ส่วนภากร เช้านี้ดักรอตะวันจะพาไปส่งที่บ้านปัญญารักษ์ แต่ตะวันขอไปเอง บอกว่าไม่อยากให้เขาเสียหายและตัวเองก็ไม่อยากให้ภาคินเข้าใจผิดด้วย ตอกย้ำให้ภากรเจ็บช้ำยิ่งขึ้น

ooooooo

นับแต่ตะวันออกจากบ้านมากรุงเทพฯยังไม่เคยติดต่อกลับไปที่เชียงใหม่เลย แขไขกับฟ้าคิดถึง แขไขจึงให้ฟ้าโทร.คุยกับพี่สาวดู ตะวันได้รับโทรศัพท์ขณะนั่งอยู่ในรถแท็กซี่ ถามไถ่ทุกข์สุขกันประสาพี่น้อง จนกระทั่งตะวันเห็นรถของภัทรวดีจอดอยู่ข้างถนนและปกรณ์เดินมาขึ้นรถ เธอจึงขอหยุดคุยกับน้องแล้วบอกแท็กซี่ให้รีบตามรถภัทรวดีไป

ตะวันตามรถภัทรวดีไปจนถึงอพาร์ตเมนต์ที่ปกรณ์เช่าอยู่ พอทั้งคู่ลงจากรถตะวันก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปไว้ ตั้งแต่

ข้างล่างจนกระทั่งก่อนเข้าห้อง จากนั้นกดโทรศัพท์โทร.ออกทันที

ไม่นานนักรถของวิภูก็มาถึงอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ ตะวันเล่าให้พ่อฟัง วิภูสงสัยว่าภัทรวดีมาที่นี่ทำไม ตะวันจึงส่งโทรศัพท์มือถือให้วิภูดูคลิปเอาเอง

ในที่สุด วิภูก็จับได้คาห้องว่าภัทรวดีคบชู้สู่ชาย แม้เธอจะเถียงคอเป็นเอ็นแต่พอวิภูจะให้ดูคลิปที่ตะวันถ่ายไว้ ภัทรวดีก็ใบ้กินสนิท วิภูสั่งให้กลับบ้านกันเดี๋ยวนี้ พอกลับถึงบ้านตะวันพูดต่อหน้าวิไลเลขาว่า

"ฟ้าอยากให้คุณพ่อเห็นว่าผู้หญิงที่มีชู้จริงๆน่ะมันเป็นยังไง ไม่ใช่แบบแม่ที่โดนใส่ร้าย"

ท่าทีแข็งกร้าวกล้าหาญฉะฉานเอาเรื่องของตะวัน ทำให้ภัทรวดีรู้ว่าที่แท้คนนี้คือตะวันไม่ใช่ฟ้า ตะวันยอมรับอย่างท้าทายว่า เมื่อตนเป็นตะวันแล้วจะทำไม

วิไลเลขาจึงบอกความจริงว่านี่คือตะวัน ตนรู้ตั้งแต่

วันแรกที่ตะวันเข้ามาในบ้านแล้ว และรู้ด้วยว่าตะวันต้องการมาทำอะไรด้วย

ภัทรวดีไม่ยอมตายเดี่ยว เธอโทษว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดกับแขไขนั้นวิไลเลขามีส่วนสำคัญด้วย สะใจที่ผลกรรมตามทันทำให้วิไลเลขาต้องตกอยู่ในสภาพนี้ วิภูทนฟังไม่ได้ ตวาดขัดขึ้นว่า

"ภัทรวดี ฉันจะให้เวลาเธอเก็บข้าวของแล้วออกจากบ้านฉันภายใน 2 ชั่วโมง"

ภัทรวดีไม่ยอมไป วิภูถามว่าจะออกไปดีๆหรือจะให้เอาคลิปที่ตะวันถ่ายตอนเธอนัวเนียกับชู้มาเปิดโปง ทำให้ภัทรวดีฮึดฮัดขึ้นไปเก็บของ สั่งภัทรมนให้เก็บของไปกับตนด้วย พูดอย่างอาฆาตว่า

"วันนี้เราอาจจะแพ้ แต่ฉันต้องกลับมาชนะแน่นอน ฉันจะทำให้พวกมันเจ็บปวดที่ทำกับฉันอย่างนี้ แกคอยดู!"

ส่วนตะวันเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่า ที่แท้แล้ววิไลเลขารู้ว่าตนคือตะวันไม่ใช่ฟ้ามานานแล้วแต่นิ่งเฉยเสีย ทั้งยังไม่เชื่อว่าตะวันเป็นคนผลักตนตกบันไดด้วย เพราะคนที่ทำอย่างนั้นจะไม่มีวันมาดูแลปรนนิบัติตนได้อย่างที่ตะวันทำ

"ตะวันกราบขอบพระคุณค่ะ ที่คุณย่าเข้าใจ ถึงแม้

ตอนแรกตะวันจะเจ็บแค้นแทนแม่ แต่แม่ก็สอนตะวันเสมอว่า การแก้แค้นไม่ใช่การแก้ปัญหาและก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น"

วิไลเลขาดึงตะวันเข้าไปกอด เอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า

"ตะวัน ยกโทษให้ย่าได้ไหมลูก ภูยกโทษให้แม่นะลูก ที่แม่คิดผิด ทำผิด เลือกคนผิด แม่ไม่เคยคิดเลยว่าวดีจะร้ายกาจขนาดนี้"

ทั้งตะวันและวิภูขยับเข้าไปกอดวิไลเลขาไว้ ต่างร้องไห้ ด้วยความเสียใจและซาบซึ้งในความรักที่มีต่อกัน

ooooooo

ตะวันเดินออกมาดูอาหลานลากกระเป๋าออกไปด้วยใบหน้าเฉยเมย ถามว่าคราวนี้คงรู้เรื่องเวรกรรมแล้วใช่ไหม ภัทรวดีสวนไปว่าที่ตนเป็นอย่างนี้เพราะ ตะวัน พอตะวันบอกว่าเธอทำตัวเองต่างหาก ภัทรมนก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาว่า จะไปสนใจฟังอะไรอีกชวนภัทรวดีไปกันเถิดเสียเวลาเปล่าๆ

ตะวันเรียกไว้พูดให้รู้ว่า ตนรู้ว่าภัทรวดีส่งคนไปทำร้ายแม่ที่เชียงใหม่ แต่เพราะยังไม่มีหลักฐานเลยยังทำอะไรไม่ได้ ภัทรวดีหัวเราะเยาะบอกว่ารู้ก็ดีแล้ว ตะวันปรามว่าขืนยังไม่หยุดต่อไปไม่เพียงแค่ต้องเดินออกจากบ้านเท่านั้น หากแต่ต้องเดินเข้าคุกด้วย พูดแล้วตะวันกลับเข้าบ้าน ภัทรมนยุว่าตะวันแช่งเรา

"นังตะวัน...ฉันไม่กลัวหรอก ถ้าฉันต้องไปตกระกำลำบาก พวกมันก็จะอยู่อย่างสบายไม่ได้ คอยดูก็แล้วกัน" ว่าแล้วสองอาหลานก็ลากกระเป๋าออกไปอย่างทุลักทุเล

เมื่อเจ้านายไปแล้ว สายหยุดก็จำต้องยอมอ่อนข้อให้ น้อยกับหน่อย เลยถูกสองคนแกล้งใช้จนหัวปั่น ถึงจะแค้นใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีใครคุ้มกะลาหัวแล้ว

ooooooo

จนเย็น เมื่อวิไลเลขา วิภู และตะวันนั่งโต๊ะอาหาร วิไลเลขาเห็นวิภูซึมๆ ถามว่ายังคิดเรื่องภัทรวดีอยู่หรือ แล้วขอโทษทั้งวิภูและตะวันอีกครั้งที่ทำให้ครอบครัวต้องแตกแยก แม่ ลูก และพ่อต้องพลัดพรากกัน

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณย่า เรื่องมันผ่านไปแล้ว" ตะวันปลอบใจย่า

"ยังโชคดีที่ภูไม่ได้จดทะเบียนกับวดี ไม่งั้นมันคงไม่ยอมหย่าให้ภูง่ายๆแน่" วิไลเลขาเอ่ย

"ไม่ยอมหย่าผมก็ต้องฟ้องหย่าครับคุณแม่ ตะวัน

ถ่ายภาพเป็นหลักฐานว่าวดีคบชู้ เรื่องน่าอับอายรู้ถึงไหนอาย

ถึงนั่น ยังไงก็ต้องหย่าแน่นอน"

ระหว่างที่วิภูพูดนั้น ตะวันตั้งใจฟังอย่างครุ่นคิด พอผู้เป็นย่าถามว่าคิดอะไรอยู่หรือ ตะวันบอกย่าว่ากำลังคิดเรื่องฟ้าอยู่ ขอร้องย่ากับพ่ออย่าเพิ่งบอกเรื่องของตนกับใคร ขอเวลาอีกสักสองสามวัน

"ได้ซิลูก" วิไลเลขารับคำ ส่วนวิภูก็ยิ้มให้กำลังใจลูก

เมื่อกลับไปถึงบ้านภัสสร ตะวันพึมพำด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม "นายภาคิน คราวนี้นายเสร็จฉันแน่"

ooooooo

ในที่สุด ภัทรวดีก็ต้องหอบหิ้วหลานสาวไปอยู่กับปกรณ์ในอพาร์ตเมนต์แคบๆ ภัทรมนรับไม่ได้ถามว่าทำไมไม่ไปอยู่ที่บ้านพักที่ชะอำ ภัทรวดีจึงเปิดเผยว่า ตอนที่ภัทรมนไปอยู่ไม่โดนเจ้าของใหม่ไล่ออกก็บุญแล้ว ยังไงก็ต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน

การกินอยู่ก็เป็นไปอย่างแร้นแค้น จนภัทรวดีถามหลานสาวว่ากินไม่ลงหรือ ภัทรมนเยาะเย้ยอาสาวว่าตนบอกแล้วว่าคนนั้นไม่ใช่ฟ้าแต่เป็นตะวันก็ไม่เชื่อ แล้วเป็นยังไงโดนเล่นงานจนได้ นึกได้ถามว่าแล้วภาคินรู้หรือเปล่าว่าผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยคือตะวัน

เมื่อรู้ว่าภาคินไม่รู้ถ้าไม่มีใครบอก ภัทรมนลุกออกไปทันที

ooooooo

ภัทรมนลิ่วไปยังผับที่เคยไปกับภาคิน ถามพนักงานพอรู้ว่าภาคินไม่มาหลายวันแล้ว เธอพยักหน้ารับรู้แล้วไปนั่งที่สตูลเคาน์เตอร์บาร์สั่งเหล้าดื่ม

เวลาเดียวกัน ตะวันก็ไปผับที่ภากรพาไป เธอไปหา

กอบกุลซึ่งยังทำงานอยู่ที่นั่นบอกว่ามีเรื่องจะให้ช่วยแต่ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร กอบกุลยินดีช่วยเต็มที่ถ้าตะวันเชื่อว่าตนทำได้

อ่านละครย่อเรื่องเหลี่ยมรัก ตอนที่ 14

@^@..อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 15

@^@..อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 15
.อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค ตอนที่ 15
ตอนที่ 15 (ต่อจากวานนี้)

ชัคพยักหน้าแล้วนั่งลงกินข้าว แต่คนชวนกลับนั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาเหมือนมีอะไรในใจ กระทั่งชัคถามเธอว่ามี เรื่องอะไรไม่สบายใจ ตะวันฉายอึกๆอักๆนิดหน่อยอย่างลังเล

"คือ...ฉัน...ฉันคิดว่าอยากจะย้ายออกไปอยู่คอนโดฯใกล้ๆที่ทำงาน"

"ทำไม"

"ก็ฉันไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรน่ะสิคะ" เธอมองหน้าเขาอย่างคาดคั้นจะเอาคำตอบ เขากลับย้อนถามหน้าตาเฉย

"แล้วจะไปเมื่อไหร่"

ตะวันฉายผิดหวังอย่างแรง ตอบทันที "พรุ่งนี้ค่ะ พอดีพรุ่งนี้เป็นวันหยุด ฉันอยากจะจัดการให้เรียบร้อยเลย"

"มันถึงเวลาแล้วสินะที่คุณต้องไป ถ้าอยากออกไปอยู่ ข้างนอกจริงๆ ก็ตามใจคุณก็แล้วกัน"

ชัคกินข้าวต่อด้วยท่าทางนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร ในขณะที่ตะวันฉายมองชัคอย่างน้อยใจที่เขาไม่ห้ามหรือเหนี่ยวรั้งเธอเลยสักคำ หลังอาหารมือนี้ต่างคนเลยต่างเก็บตัวเงียบในห้อง

"คุณคงไม่อยากให้ฉันอยู่ คุณเลยไม่ห้ามฉันซักคำ" ตะวันฉายรำพึงหน้าเศร้า

ส่วนชัคนอนก่ายหน้าผากบ่นอย่างกลุ้มใจ "คุณคงไม่มีความสุขที่จะอยู่บ้านหลังนี้แล้ว คุณน่าจะรอให้ผมให้ของขวัญวันเกิดคุณซักนิดนะตะวันฉาย"

ooooooo

วันที่ตะวันฉายย้ายออกจากบ้านชัคเพื่อไปอยู่ คอนโดฯใกล้ที่ทำงาน ชัคอาสาไปส่ง แต่แล้วชัคกลับพาตะวันฉายไปยังบ้านของราญ ซึ่งยังคงสภาพเดิมทุกอย่าง สร้างความแปลกใจให้ตะวันฉายอย่างมาก แล้วก็ยิ่งงุนงงไปกันใหญ่เมื่อชัคยื่นโฉนดบ้านมาให้

"นี่มันเรื่องอะไรกันคะ ไหนว่าบ้านหลังนี้ขายทอดตลาดไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ"

"ใช่...ขายแล้ว และผมนี่แหละที่เป็นคนซื้อมันเอาไว้เอง ตอนแรกผมตั้งใจจะซื้อมันเก็บเอาไว้ให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของคุณกับดนตร์ แต่ผมคิดว่าตอนนี้คุณจำเป็นต้องใช้มันมากกว่า"

"แล้วถ้าฉันไม่ได้แต่งงานกับคุณดนตร์ คุณจะทำยังไง"

"มันก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่ปัจจุบันคุณต้องการที่อยู่ เป็นส่วนตัว และมันก็คงจะดีถ้าคุณได้กลับมาอยู่ในที่ที่คุณรักและผูกพันกับมัน แค่คุณไปเซ็นชื่อ บ้านหลังนี้ก็เป็นของคุณ"

"แล้วฉันจะทำงานหาเงินมาใช้คืนคุณนะคะ"

"ไม่จำเป็น ผมไม่ได้จะขายบ้านให้คุณ แต่ผมยกให้ คุณเป็นของขวัญวันเกิด"

ตะวันฉายน้ำตาซึม กล่าวขอบคุณเขาด้วยความซาบซึ้งใจ

ooooooo

ดนตร์ยังคงกลุ้มใจเรื่องดาลัด เขาพยายามโทร. หา แต่เธอใจแข็งไม่รับสาย เย็นนั้นดนตร์เลยโผล่ไปหาชัคที่บ้าน ตั้งใจจะสารภาพผิด ปรากฏว่าชัคไม่อยู่ สมปองบอกว่าเจ้านายไปส่งคุณตะวันฉายที่ย้ายออก เสร็จแล้วจะเลยไปงานบ้านเสี่ยเม้ง ส่วนตั้มก็กลับไปอยู่กับแม่หลายวันแล้ว

ดนตร์ตัดสินใจไปต่อที่บ้านเสี่ยเม้ง เป็นเวลาที่ทุกคนกำลังร่วมโต๊ะอาหารอย่างเบิกบานกันเอง เสี่ยเม้งเห็นดนตร์ก็รีบลุกมาโอบไหล่พาไปนั่ง แถมยังคุยอวดญาติมิตรว่าดนตร์

เหมือนลูกชายของตนอีกคน ส่วนดวงใจก็เรียกดนตร์ว่าลูกทุกคำ นั่นยิ่งทำให้ดนตร์รู้สึกผิดต่อพวกเขาอย่างมาก จากที่ตั้งใจจะ มาสารภาพกับชัคเรื่องที่ล่วงเกินดาลัด ดนตร์ก็เลยเปลี่ยนใจ เสไปถามเรื่องตะวันฉายแทน

"ฉันอยากรู้ว่าทำไมจู่ๆ คุณตะวันถึงย้ายกลับไปอยู่ บ้านของเธอล่ะ"

"เธอก็คงอึดอัดที่จะต้องอยู่กับฉัน"

"นี่คิดเองหรือได้ยินเธอพูด"

"เรื่องบางอย่างไม่ต้องพูดก็เข้าใจได้ ว่าแต่มาหาฉันถึงที่นี่เพื่อถามแค่เรื่องนี้น่ะเหรอ"

ดนตร์อ้ำอึ้ง ก่อนจะขอร้องให้ชัคช่วยชกเขาที ชัคถามด้วยความสงสัย แต่ดนตร์ไม่พูดอะไร นอกจากเร่งเร้าให้ ชัคชกแรงๆ ชัคเลยเดาเอาเองว่าดนตร์คงเสียใจที่เคยชกตน แต่ก็น่าจะหายกันแล้ว แลกกับการที่ดนตร์เข้าใจตนผิด

จนแล้วจนรอดชัคก็ไม่ชก ดนตร์ยิ่งกลุ้มหนัก ที่สุดเขาก็ตัดสินใจไประบายความอึดอัดกลัดกลุ้มนี้กับตะวันฉาย

"อะไรนะคะ คุณกับน้องดา..." ตะวันฉายตะลึง พูดไม่ออก

"ครับ แต่ตอนนั้นผมเมามากและผมก็กำลังโมโหเรื่องคุณกับไอ้ชัคอยู่ด้วย ผมก็เลยทำอะไรแย่ๆลงไป ผมเกลียด

ตัวเองเหลือเกิน ผมอยากขอโอกาสแก้ตัวกับน้องดา แต่น้องดาก็ไม่ยอม หนำซ้ำยังแกล้งบอกว่ามีแฟนแล้วเพื่อไล่ผมให้ไปไกลๆจากเธอด้วย ตอนแรกวันนี้ผมตั้งใจจะไปบอกทุกคนที่บ้านไอ้ชัคให้รู้เรื่องไปซะเลย น้องดาจะได้เห็นว่าผมจริงใจจริงๆ"

"แล้วคุณได้บอกใครหรือยังคะ"

"ยัง แค่ผมเห็นหน้าเตี่ย หน้าน้าดวงใจที่รักผมเหมือนลูกคนหนึ่ง ผมก็ไม่กล้าพูดกับพวกเขาเลยว่าผมรังแกลูกสาวคนเดียวของพวกเขาตอนเมา"

"ดีแล้วล่ะค่ะที่คุณยังไม่ได้บอกใคร"

"ทำไมล่ะครับ"

"ฉันขอพูดตรงๆนะคะ แค่นี้คุณก็ทำร้ายจิตใจน้องดามากพออยู่แล้ว ถ้าขืนคุณเอาเรื่องนี้ไปบอกครอบครัวของเธอโดยพลการ แล้วเธอก็อาจจะถูกครอบครัวตำหนิ น้องดาก็จะยิ่งแย่นะคะ"

"นั่นสินะ ผมลืมคิดไปเลย แล้วผมควรจะทำยังไงดีล่ะคุณตะวัน ผมคิดไม่ออก คิดจนปวดหัวไปหมดแล้ว"

"คุณต้องใจเย็นๆ ลองปล่อยให้เวลาช่วยรักษาแผลใจที่น้องดามีต่อคุณไปก่อนดีกว่าค่ะ ถ้าวันหนึ่งน้องดาใจเย็นลงแล้ว และเห็นว่าคุณสำนึกผิดจริงๆ ฉันเชื่อว่าน้องดาจะให้ โอกาสคุณค่ะ"

"ผมก็หวังอย่างงั้นเหมือนกัน" ดนตร์พยักหน้ารับ มองตะวันฉายด้วยแววตาขอบคุณ

ooooooo

ดนตร์ได้รับคำแนะนำและกำลังใจจากตะวันฉายทำให้เขารู้สึกมีความหวัง แต่ยามนี้ดาลัดที่เชียงใหม่ กำลังทุกข์หนัก เมื่อเธอแน่ใจว่าตัวเองท้อง ครั้นปรึกษากับเพื่อนก็ไม่รู้จะคิดอ่านอย่างไรกัน แต่สิ่งเดียวที่เพื่อนไม่สนับสนุนก็คือการเอาเด็กออก

ดาลัดร้องไห้หนักอย่างไม่มีทางออก จะบอกเตี่ย แม่ และพี่ชายก็ไม่ได้ พวกเขาต้องผิดหวังในตัวเธออย่างแน่นอน โดยเฉพาะเตี่ยที่เคยเตือนไม่ให้ไว้ใจคนมากเกิน เดี๋ยวจะถูกผู้ชายหลอกจนเกิดท้องไม่มีพ่อขึ้นมา จะอับอายขายหน้ากันไปทั้งตระกูล

ในที่สุดคืนนั้นดาลัดก็ตัดสินใจโทร.หาตะวันฉาย พูดทั้งน้ำตาว่าเธอท้อง ตะวันฉายย้อนถามทันทีว่า กับคุณดนตร์ ใช่ไหม

"พี่ตะวันรู้..." ดาลัดเสียงแผ่ว

"ค่ะ คุณดนตร์มาปรึกษาพี่ว่าเขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำไป กับน้องดา และเขาก็อยากขอโอกาสแก้ตัวกับน้องดาด้วย"

"ไม่มีวันค่ะ ดาไม่มีวันให้อภัยผู้ชายอย่างเขา แต่พี่ตะวันอย่าบอกเขาเรื่องนี้นะคะ"

"ค่ะ แล้วน้องดาคิดจะทำยังไงต่อไปคะ"

"ดาก็ยังไม่รู้เหมือนกันค่ะ ตอนนี้ดามืดแปดด้านไปหมดเลย ดากลัวเตี่ย แม่ พี่ชัคผิดหวังในตัวดา ดาควรจะทำยังไงดีคะ"

ตะวันฉายนิ่งคิดครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจให้ดาลัดหลบมาอยู่ที่บ้านของตนก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

แต่ดาลัดเดินทางมาถึงบ้านตะวันฉายได้แค่วันเดียว ชัคก็มาปรากฏตัวพร้อมขนมหนึ่งกล่อง ซึ่งดนตร์เป็นคนแนะนำ หลังจากต้อนไปต้อนมาจนรู้ว่าชัคชอบตะวันฉาย แต่ยังทำเป็นเก๊กทนคิดถึงเธออยู่ได้

ตะวันฉายกับดาลัดตกใจมากเมื่อมองออกไปหน้าบ้านเห็นชัคยืนกดกริ่งรออยู่ แล้วตะวันฉายก็ให้ดาลัดหลบขึ้นไปข้างบน ส่วนเธอเดินออกไปรับหน้าชัคซึ่งถือกล่องขนมด้วยท่าทีประหม่าเล็กน้อย

"ทำไมไม่โทร.มาบอกก่อนล่ะคะว่าจะมา"

"เอ่อ...ผมก็ไม่ได้ตั้งใจ...ไม่สิ ผมตั้งใจจะแวะเอาขนมที่แม่ผมทำมาฝาก"

"ขอบคุณมากค่ะ ฝากขอบคุณคุณแม่คุณด้วยนะคะ"

ชัคพยักหน้ารับ และเห็นท่าทีตะวันฉายหลุกหลักพิกล

"มีอะไรเหรอ"

"ไม่ค่ะ...ไม่มีค่ะ"

ชัคเดาว่าตะวันฉายโกหก และคิดว่าอารยะอาจจะอยู่ ในบ้าน ส่วนตะวันฉายก็หนักใจ อยากจะชวนชัคเข้าบ้านแต่ทำไม่ได้ ต่างคนเลยต่างเงียบกันไปช่วงหนึ่ง แล้วทั้งคู่ก็เอ่ยปากขึ้นมาพร้อมกันโดยบังเอิญ ทำให้ชะงักกันไปอีก...

ชัคจึงให้ตะวันฉายเป็นฝ่ายพูดก่อน

"ฉันต้องขอตัวไปแต่งตัวก่อนนะคะ พอดีว่าเดี๋ยวจะต้องออกไปงานกับคุณอารยะน่ะค่ะ"

ชัคหน้าเจื่อน นิ่งขรึมไปทันที

"แล้วเมื่อตะกี้คุณจะพูดอะไรหรือคะ"

"ไม่มีอะไร เชิญคุณตามสบายเถอะ ผมไม่รบกวนแล้ว"

ว่าแล้วชัคก็เดินหงอยๆไปขึ้นรถ ตะวันฉายมองตามหน้าเศร้า ส่วนดาลัดที่แอบยืนมองพี่ชายอยู่ชั้นบน ถึงกับน้ำตารินไหล

"พี่ชัคคะ ดาคงเป็นน้องสาวที่พี่ชัคภูมิใจไม่ได้อีกต่อไปแล้ว..." ดาลัดรำพันออกมาอย่างหม่นหมอง พลางลูบท้องตัวเองแล้วทรุดลงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเดียวดาย...

ooooooo

สมปองเห็นชัคหน้าแห้งกลับมาก็พอจะเดาได้ ว่าไม่เจอตะวันฉาย แต่ไม่ทันที่สมปองจะถามอะไรเจ้านาย เสียงโทรศัพท์มือถือชัคดังขึ้นเสียก่อน ชัคเลยโบกมือไล่สมปองออกไป

กรองทิพย์โทร.มานั่นเอง เธอไม่สบายใจเรื่องดนตร์ก็เลยอยากจะปรึกษาชัค ฐานะที่เป็นเพื่อนรักกัน

"คือ...พักนี้เจ้าดนตร์เฮิร์ตถึงผู้หญิงคนหนึ่งเหลือเกินค่ะ แต่ไม่ใช่หนูตะวันฉายนะคะ เสี่ยพอจะทราบบ้างไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"

"ไม่ทราบสิครับ ดนตร์ไม่เคยพูดให้ผมฟังเลย"

"ทิพย์อยากรู้จริงๆ เพราะทิพย์ไม่เคยเห็นดนตร์เป็นแบบนี้เลย ผู้หญิงคนนี้ทำให้ดนตร์เปลี่ยนไปจริงๆ ถ้าเป็นแต่ก่อนเราคงไม่ต้องมานั่งเดากันหรอกใช่ไหมคะ เฮ้อ...ทิพย์เป็นห่วงลูกเหลือเกินค่ะ กลัวจะเฮิร์ตหนักจนคิดทำอะไรบ้าๆ เสี่ยก็รู้นี่คะว่าดนตร์มันเหมือนใครที่ไหน"

(อ่านต่อพรุ่งนี้)

.อ่านละครย่อเรื่องหัวใจสองภาค

@^@..อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว ตอนที่ 4

@^@..อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว
ตอนที่ 4
"รุ้งทำเพื่อความสบายใจค่ะ ยิ่งเห็นคุณพ่อเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกว่าอะไรๆมันไม่แน่นอน เลยไม่อยากให้เกิดปัญหาอะไรทีหลัง แล้วก็อยากให้ทุกท่านรับทราบไว้ด้วย ถ้าหากรุ้งเป็นอะไรไปจริงๆ หุ้นที่รุ้งมีอยู่จะเป็นยังไง" ทอรุ้งเหลือบมองปฏิกิริยากรองกาญจน์ แต่เธอนิ่งมากเหมือนไม่สนใจนัก ในขณะที่คนอื่นๆจ้องมองทอรุ้งอย่างสนใจมาก ทอรุ้งจึงหันไปให้ คฑาวุธอธิบายต่อ

"ถ้าหากคุณทอรุ้งได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต หุ้นทั้งหมดของคุณนเรนทรและคุณทอรุ้งจะตกเป็นของคุณเปรมยุดา เมื่อรวมกับหุ้นที่คุณเปรมยุดามีอยู่แล้วก็จะถือว่าคุณเปรมยุดาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สามารถเข้ามาบริหารเอ็นอาร์กรุ๊ปต่อไปได้"

กรองกาญจน์ตะลึงอย่างนึกไม่ถึง ทอรุ้งยิ้มพลางเหลือบตามองไปทางกรองกาญจน์เป็นเชิงเยาะ กรองกาญจน์ กำมือแน่นเจ็บใจสุดๆ แล้วกลับไปที่ห้องตัวเอง เรียกคมชิตมาหารืออย่างเคร่งเครียด

"นังทอรุ้งมันนึกว่าทำพินัยกรรมแบบนี้แล้วฉันจะไม่กล้าฆ่ามัน รู้จักฉันน้อยไปแล้ว"

"แต่คราวนี้เราก็ฆ่ามันไม่ได้แล้วจริงๆ ไม่งั้นอามันก็จะเข้ามาบริหารแทน ถือว่าเราเหนื่อยเปล่า"

"เราก็ไม่ต้องฆ่ามันสิ แต่ทำให้มันบริหารเอ็นอาร์กรุ๊ปไม่ได้ แล้วฉันค่อยเข้าไปบริหารแทนเอง"

"คุณกรองจะทำยังไงครับ"

กรองกาญน์ไม่ตอบ แต่ยิ้มร้ายอย่างมีแผน

ooooooo

ก้องกฤตเจ็บแค้นใจในการกระทำอย่างไม่ไว้ หน้าของทอรุ้ง เขากลับมาดื่มเหล้าแล้วอาละวาดปาแก้วแตกกระจายเกลื่อนพื้น กรองกาญจน์กลับเข้ามาพร้อมคมชิต ถึงกับผงะตกใจ

"ตายแล้ว...นี่มันอะไรกันตาก้อง แกผลาญแก้วเหล้าหมดไปเป็นโหลเลยเหรอ"

"ก็ผมโมโหนังทอรุ้ง แต่ผมทำอะไรมันไม่ได้นี่ครับคุณแม่ หรือจะให้ผมวิ่งไปเชือดมันให้หายโกรธ"

"ผมว่าก็ดีนะครับ คุณก้องเสียสละแทนคุณแม่ ไปเชือดทอรุ้งตาย ทุกอย่างก็สมใจคุณแม่ ส่วนโทษของคุณก้องนั้นอาจจะติดคุกตลอดชีวิต หรือไม่ก็โทษประหาร"

"อ้าว นี่คุณคมชิตมาพูดกวนประสาทกันทำไมเนี่ย" ก้องกฤตมองคมชิตตาขวาง

"ใจเย็นๆก้อง อย่าเพิ่งเอะอะโวยวายไป ตอนนี้เราอาจจะเป็นรองทอรุ้ง เพราะที่ผ่านมาเราใจร้อนเกินไป"

"จะให้ผมใจเย็นอย่างไอ้พี่ต่องั้นเหรอ ที่ยอมไปรับใช้เป็น ทาสยัยทอรุ้งแบบนั้น แทนที่จะเป็นหูเป็นตาให้เราว่าทอรุ้งคิดจะทำอะไร นี่กลับช่วยมันไล่บี้ผมกับแม่จนตั้งหลักไม่ติดแบบนี้"

"พี่ไม่ได้ช่วยทอรุ้งไล่บี้แกกับแม่นะ"

ทุกคนหันขวับมองต่อตระกูลที่ส่งเสียงเข้ามา ก้องกฤต จ้องต่อตระกูลอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

"สะใจแล้วใช่ไหมพี่ต่อ ที่ช่วยนังแม่มดนั่นทำลายแม่กับน้องตัวเอง"

"สิ่งที่คุณแม่กับแกทำมันผิดจริงๆ พี่เคยเตือนหลายต่อหลายอย่าง ก่อนที่รุ้งจะกลับจากฝรั่งเศสเสียอีก แต่ไม่มีใครเชื่อพี่ พี่อยากจะช่วยแต่ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะพี่เองก็ไม่รู้ว่าทอรุ้งจะทำอะไรกับใครเมื่อไหร่"

"นี่พี่ต่อคิดจะมาซ้ำเติมก้องอีกเหรอ ที่ผ่านมานัง ทอรุ้งยังเหยียบย่ำเราไม่สาแก่ใจอีกหรือไง อ๋อ ใช่สิ ตอนนี้พี่ต่อขยับขึ้นไปใหญ่โตเคียงบ่าเคียงไหล่เจ้านายใหญ่แล้วนี่ แต่งานที่ทำไม่ผิดอะไรกับคนใช้ ทุเรศที่สุด!"

"ก้อง! แกพูดเกินไปแล้วนะ ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้" ต่อตระกูล เริ่มโมโห

"เกินไปยังไง ก้องพูดความจริง พี่ต่อเป็นพี่ที่ทุเรศที่สุด ยอมอยู่ใต้ชายกระโปรงของนังผู้หญิงคนนั้นโดยที่ไม่คิดจะช่วยแม่กับน้องตัวเอง"

"ถ้าทำทุกอย่างอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ทอรุ้งก็ไม่มีทางเอาผิดกับใครได้หรอก และพี่ขอเตือนไว้อีกอย่าง ว่าอย่าได้คิดทำอะไรผิดอีก"

"เลิกปกป้องนังนั่นได้แล้ว!" ก้องกฤตไม่พูดเปล่า ถลันเข้าไปกระชากคอเสื้อต่อตระกูลแล้วทำท่าจะชก ต่อตระกูลพยายามผลักน้องชายออก ขณะที่กรองกาญจน์กับคมชิตก็เข้าช่วยกันดึงกันห้ามแล้วลากก้องกฤตขึ้นไปสงบสติอารมณ์ในห้องข้างบน แต่ก้องกฤตยังโวยวายไม่หยุด หาว่าแม่เข้าข้างพี่ต่อ ทั้งที่มันช่วยคนอื่นฆ่าเราชัดๆ

"แม่ไม่ได้เข้าข้าง แต่แกฟังแม่ก่อน ตอนนี้เราต้องยอมทอรุ้งทุกอย่าง เพราะมันถือไพ่เหนือกว่าเรา"

ก้องกฤตชะงักกึกอย่างไม่เข้าใจ "แม่ว่าไงนะครับ"

"คืองี้ครับคุณก้อง ผมกับคุณกรองปรึกษากันแล้ว คราวนี้เราคงใช้ไม้แข็งกับทอรุ้งไม่ได้ เพราะมันรู้ตัวแล้ว แถมคุณต่อก็ช่วยปกป้องมันอยู่ เราต้องใช้ไม้นวมเข้าสู้" คมชิตอธิบาย

"แม่คงต้องกลับไปเล่นละครอีกครั้ง และแกก็ต้องร่วมมือกับแม่ด้วย"

"แต่นังทอรุ้งมันไม่ไว้ใจใครง่ายๆหรอกนะครับ แม่กับคุณคมชิตแน่ใจเหรอว่ามันจะเชื่อพวกเรา"

"ผมเชื่อว่าคุณแม่คุณทำได้แน่ครับ เพียงแต่ว่าอาจต้องใช้เวลาและความอดทนสักหน่อย"

"ขนาดนเรนทรฉันยังเอาอยู่ แค่เด็กเมื่อวานซืนอย่างนังทอรุ้งไม่คณามือฉันหรอก" กรองกาญจน์ยิ้มกระหยิ่มมั่นใจ ก่อนจะหันมาลูบหลังก้องกฤตเป็นเชิงปลอบ "อดทนเพื่อแม่นะก้อง ตาต่อน่ะแม่หวังพึ่งไม่ได้แล้ว ก็ต้องพึ่งแกนี่แหละ ต่อไปนี้ แกต้องตั้งใจทำงานให้ดี ปรับปรุงตัวเสียใหม่ให้นังทอรุ้งมันตายใจ แล้วทุกอย่างที่หลุดลอยไปก็จะกลับคืนมา"

แววตาของกรองกาญจน์ลุกวาวขึ้นมาอย่างเหี้ยมเกรียม...

ขณะเดียวกันนั้นที่บ้านวิเศษเวโรจน์ เปรมยุดากับทอรุ้งกำลังกินอาหารค่ำอย่างสบายอารมณ์ โดยเฉพาะเปรมยุดานั้นถึงกับหัวเราะร่าสะใจที่เมื่อบ่ายหลานสาวเล่นงานกรองกาญจน์ จนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ส่วนก้องกฤตก็เส้นเลือดแทบแตก

"แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าน้ากรองกับก้องจะสำนึกผิดหรือยัง หรือคิดจะทำอะไรต่ออีก"

ปริกยกอาหารมาเสิร์ฟและคอยเงี่ยหูฟังทั้งสองคน เปรมยุดาเบือนหน้าไปเห็นจึงกระแอมอย่างรู้ทัน ปริกเลย ล่าถอยออกไป แต่ยังคงวนเวียนแอบฟังอย่างตั้งใจ

"อาว่าอย่างสองคนนั้นไม่สำนึกผิดง่ายๆหรอก เราต้องคอยตั้งรับให้ดีๆ"

"ต่อไปรุ้งจะต้องสืบให้ได้ว่าคุณพ่อป่วยเพราะอะไร และลุงพงศ์อยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะลุงพงศ์นี่แหละค่ะ ที่จะไขปริศนาทั้งหมด" ทอรุ้งกล่าวด้วยสีหน้ามุ่งมั่งจริงจัง

ตอนที่ 4

กรองกาญจน์เองก็ตั้งใจพลิกสถานการณ์แก้เกมของทอรุ้งอยู่เช่นกัน เช้าวันรุ่งขึ้นกรองกาญจน์เดินทางไปพบหมอพิธานภายในห้องรับรองของสถานบำบัด แล้วยื่นข้อเสนอบางอย่างให้หมอพิธาน แต่ฝ่ายนั้นดูจะยึกยักพอสมควร

"เรื่องที่คุณกรองให้ผมช่วย มันเท่ากับให้ผมทำงาน เพิ่มขึ้นอีกนะครับ ผมคงต้องขอค่าเสียเวลาเพิ่มด้วย"

"แต่ที่ฉันให้หมอไปแต่ละเดือนมันก็ไม่น้อยแล้วนะ ยังจะขอเพิ่มอีกเหรอ"

"มันไม่มากหรอกครับคุณกรอง ผมรู้ว่าสิ่งที่คุณจะได้ มันมากกว่าที่ผมขอตั้งหลายเท่า"

"ฉันขอให้หมอลดปริมาณยาลง ให้คุณทรอาการดีขึ้น มันง่ายกว่าทำให้เขาบ้าตั้งเยอะ"

"อย่าลืมนะครับว่าลดปริมาณยาลง ก็เท่ากับคุณนเรนทร ควบคุมตัวเองได้มากขึ้น แต่ผมจะควบคุมเขาได้น้อยลง และเสี่ยงมากที่เขาจะสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้รู้เรื่อง คุณกรองคงไม่อยากให้คุณนเรนทรบอกอะไรๆกับคุณทอรุ้งหรอกนะครับ"

"แสดงว่าหมอเองก็อาจจะควบคุมคุณทรไม่ได้"

"ผมควบคุมได้ครับ แต่อาจต้องใช้เวลากล่อมนานสักหน่อย บอกแล้วว่าไม่ใช่งานง่ายๆหรอกนะครับคุณกรอง"

กรองกาญจน์อึ้งไปอย่างยอมรับ...หลังจากต่อรองจนได้ ราคาค่าจ้างเป็นที่พอใจแล้ว พิธานก็กลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง เปิดเว็บไซต์เกี่ยวกับรถสปอร์ตดูอย่างสบายใจเฉิบ สักครู่กิ่งแก้ว ถือกล่องยาตัวใหม่ที่พิธานใช้ให้ไปเบิกมาวางลงบนโต๊ะ แต่พิธาน ยังคงจ้องจอคอมพิวเตอร์ไม่ละสายตา ทำให้กิ่งแก้วสงสัยขยับเข้ามาโอบไหล่เขา ยื่นหน้าดูด้วย

"ดูรถคันใหม่อยู่นี่เอง ถ้าซื้อแล้วหมอต้องให้กิ่งนั่ง เป็นคนแรกนะคะ"

"อย่าน่ากิ่ง นี่มันที่ทำงานนะ" พิธานปลดมือกิ่งแก้วออกอย่างรำคาญ เท่านั้นเองกิ่งแก้วก็แง่งอนใส่พิธานทันที

"เมื่อไหร่หมอจะยอมรับกิ่งอย่างออกหน้าออกตาซะที ล่ะคะ หรือว่าเห็นกิ่งเป็นแค่คู่นอนเฉยๆ กิ่งไม่ยอมจริงๆด้วย กิ่งอุตส่าห์ช่วยหมอทุกอย่างเลยนะคะ แม้แต่ทำเรื่องที่ผิด"

"จุ๊ๆ อย่าเอะอะไปได้ไหม เดี๋ยวใครก็ได้ยินเข้าหรอก"

"เดี๋ยวก็กลัวคนเห็น เดี๋ยวก็กลัวคนได้ยิน กิ่งอึดอัดจะแย่อยู่แล้วนะคะหมอ"

"แล้วเธอจะเอายังไง จะให้ฉันออกไปประกาศเดี๋ยวนี้เลยไหมว่าเราเป็นอะไรกัน"

"ก็เอาสิคะ ออกไปพร้อมกันเดี๋ยวนี้เลย"

พิธานตกใจที่เห็นกิ่งแก้วบ้าเลือด จึงเสแสร้งใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

"นี่กิ่ง...เธอใจเย็นๆหน่อยได้ไหม ฉันขอเวลาบ้าง รอให้งานของคุณกรองสำเร็จเสียก่อน ถึงตอนนั้นเธออยากได้อะไรฉันก็จะให้"

"จริงนะคะหมอ"

"จริงสิ เธอออกไปเตรียมคุณนเรนทรให้พร้อมก่อน เดี๋ยวฉันตามไป"

กิ่งแก้วตะบึงตะบอนออกไป พิธานมองดูยาตัวใหม่ที่เพิ่ง ได้มา ก่อนจะเปิดลิ้นชักหยิบกล่องใบเดิมแล้วจดชื่อตัวยาลงไป จากนั้นไม่นานทั้งพิธานและกิ่งแก้วก็ช่วยกันจับนเรนทรมัดกับเตียงเพื่อฉีดยาตัวใหม่ พร้อมกันนี้พิธานก็กล่อมนเรนทรด้วยว่า ยาตัวใหม่จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น คุณจะได้คุยกับทอรุ้ง ลูกสาวของคุณ นเรนทรสงบลง แต่สีหน้างุนงงกับคำพูดของพิธาน เขาพยายามทบทวนความจำครู่หนึ่ง แล้วพูดโพล่งชื่อทอรุ้งขึ้นมาอย่างจำได้

"ใช่...คุณจะจำลูกคุณได้ แต่อย่าพูดมาก ถ้าพูดมากคุณรู้ใช่ไหมว่าอาจจะไม่ได้เจอลูกอีก"

"พวกแกจะทำอะไรทอรุ้ง" นเรนทรแผดเสียง

"ไม่บอก เรื่องอะไรจะบอก แต่ถ้าคุณอยากจะลองเสี่ยงดูก็ได้นะ"

"อย่าๆ อย่าทำอะไรหนูรุ้งนะ อย่า..."

"ไม่ทำหรอก ผมจะไม่ทำอะไรลูกคุณ แค่อยากให้คุณรู้สึกดีขึ้นเท่านั้นเอง จำไว้ว่า...อย่าพูดมาก แล้วทุกอย่างจะดีเอง" พิธานป้อนข้อมูลเสร็จก็ปักเข็มเข้าที่แขนนเรนทรอย่างรวดเร็วไม่ให้ทันตั้งตัว นเรนทรถึงกับสะดุ้งเฮือก เจ็บจนร้องลั่น!

ooooooo

วันเดียวกันนี้ทอรุ้งตั้งใจจะไปเยี่ยมพ่อเพราะเป็นวันหยุด พอเธอเตรียมตัวจะออกจากบ้าน ปรากฏว่าต่อตระกูลมาดักหน้า อาสาพาเธอไปสถานบำบัดทั้งที่เธอยังไม่ได้พูดอะไรสักคำว่าจะไปไหน

"ก็วันนี้วันหยุด รุ้งจะไปเยี่ยมคุณพ่อไม่ใช่เหรอ"

"ใช่ ฉันไม่ได้เข้าออฟฟิศ คุณไม่ต้องตามมาเฝ้าฉัน ก็ได้นะ"

"อย่าลืมสิ ตอนเกิดเรื่องครั้งแรกก็เกิดที่สถานบำบัด รุ้งไปที่นั่นพี่ก็ยิ่งไม่ไว้ใจ"

"ไหนคุณบอกว่าคนร้ายตั้งใจจะยิงคุณไง"

"มันจะยิงใครก็ตาม แต่พี่ยังไม่ไว้ใจให้รุ้งไปไหนมาไหน คนเดียว"

หญิงสาวจนใจ สะบัดหน้าเดินไปขึ้นรถ ชายหนุ่มอมยิ้มรีบตามไปติดๆ ครั้นไปถึงสถานบำบัด ทั้งคู่แทบไม่เชื่อตาตัวเองเมื่อเห็นกรองกาญจน์กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มโปรดให้นเรนทรฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ทอรุ้งระแวงจัด ให้ต่อตระกูลยืนรออยู่ตรงนี้ พูดจบเธอก็ปราดเข้าไปทันที

เห็นทอรุ้งเข้ามา กรองกาญจน์ทำเป็นทักถามเสียงหวานว่ามาเยี่ยมคุณพ่อเหรอ ทอรุ้งไม่ตอบ แต่ถามกรองกาญจน์ด้วยสีหน้าตึงๆ ว่ามาที่นี่ทำไม กรองกาญจน์ผุดลุกขึ้นมองทอรุ้ง อย่างงงงัน และเสแสร้งตีหน้าซื่อ

"ฉันก็มาเยี่ยมพ่อของหนูไง ฉันมาทุกวันเสาร์ บางทีก็ทั้งเสาร์อาทิตย์"

"ไม่จำเป็นหรอกค่ะ รุ้งดูแลคุณพ่อได้ วันหลังน้ากรองไม่ต้องเสียเวลามาแล้วนะคะ"

กรองกาญจน์แค้น แต่ต้องข่มใจเสแสร้งยิ้มอ่อนหวาน

"นี่รุ้งจ้ะ ถึงเราจะขัดแย้งกันเรื่องงานก็จริง แต่มันก็ จบไปแล้วนะ อายอมรับว่าอาผิด เพราะตามใจตาก้องมากเกินไป แต่เรื่องพ่อของหนูเนี่ย ทำไมหนูจะต้องมากีดกันน้าไม่ให้มาเยี่ยมด้วยล่ะ"

"รุ้งไม่แน่ใจค่ะว่าน้ากรองมีเจตนาดีกับพ่อของรุ้งหรือเปล่า"

คำพูดของทอรุ้งทำเอากรองกาญจน์แทบสะอึก แต่ยังพยายามทำใจเย็นเล่นละครต่อไป

"รุ้ง...ถึงยังไงน้าก็ได้ชื่อว่าเป็น...เอ้อ...เป็นภรรยาอีกคน ของพ่อหนูนะ น้าอยากมาดูแลเขาในฐานะภรรยา จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของหนูบ้าง ทำไมถึงมองว่ามันเป็นเจตนาที่ไม่ดีล่ะ"

"น้ากรองน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจแล้วนี่คะ"

นเรนทรมองทอรุ้งตลอดเวลา แล้วจู่ๆเขาก็เรียกหนูรุ้ง ขึ้นมา ทอรุ้งชะงักตกใจทรุดลงนั่งตรงหน้าพ่อ กรองกาญจน์ทำเป็นดีใจ พูดละล่ำละลักว่าคุณพี่จำลูกได้แล้ว

"พ่อคะ นี่รุ้งเอง...รุ้งเองค่ะ" ทอรุ้งน้ำตาคลอกอดพ่อแน่น นเรนทรค่อยๆยกมือขึ้นโอบทอรุ้งหลวมๆอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก กรองกาญจน์เห็นดังนั้นแอบยิ้ม มองทอรุ้งอย่างย่ามใจ ต่อตระกูลซึ่งยืนรออยู่ข้างนอกมองเหตุการณ์อย่างสงสัย

ooooooo

ทอรุ้งพานเรนทรออกมาที่สวนหย่อมตามลำพัง และพยายามรื้อฟื้นจนนเรนทรจำเธอได้ จากนั้นเธอจึงกราบขอโทษพ่อเรื่องที่เธอเคยก้าวร้าว แล้วหนีพ่อไปปารีสเจ็ดปี ทำให้พ่อเครียดหนักจนล้มป่วย นเรนทรมอง ลูกสาวอย่างปลาบปลื้ม ความรู้สึกแน่นในอกจุกขึ้นมาจนพูดไม่ค่อยออก ได้แต่เขย่าไหล่ลูกสาวเบาๆ

"รุ้งกลับมาพ่อก็ดีใจแล้ว..."

"พ่อป่วยเพราะเครียดเรื่องรุ้งใช่ไหมคะ ต่อไปนี้รุ้งจะไม่ไปไหนอีกแล้ว รุ้งจะอยู่ใกล้ๆ คอยดูแลพ่ออย่างนี้ทุกวัน"

นเรนทรนิ่วหน้าพยายามทบทวนความจำ "ไม่ใช่ๆ พ่อเครียด...เครียดเรื่อง..." พูดได้แค่นั้น นเรนทรมีอาการเหม่อๆ เหมือนสติหลุดลอยออกไปอีก

"พ่อเครียดเรื่องอะไรคะ บอกรุ้งได้ไหม เกี่ยวกับ คุณลุงพงศ์เกียรติหรือเปล่า" ทอรุ้งเขย่าแขนพ่อเบาๆ นเรนทรส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่ใช่พงศ์เกียรติ ทอรุ้งยิ่งรุกเร้าอยากรู้ว่าพ่อเครียดเรื่องอะไร แต่ไม่ทันที่นเรนทรจะพูดอะไรต่อ กิ่งแก้วก็โผล่เข้ามาขัดจังหวะด้วยสีหน้าดุดัน ทำให้นเรนทรเงียบกริบเพราะตื่นกลัว แต่พอทอรุ้งหันมองกิ่งแก้วอย่างจับสังเกต

กิ่งแก้วก็รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม บอกทอรุ้งว่า

หมดเวลาเยี่ยมแล้ว

"อย่าเพิ่งเอาตัวคุณพ่อไปนะคะคุณกิ่งแก้ว คุณพ่อจำรุ้งได้แล้ว รุ้งกำลังพยายามรื้อฟื้นความจำของท่าน"

"คุณกรองบอกเราแล้วค่ะ แต่กิ่งไม่อยากให้คุณรุ้งกดดันคุณพ่อมากเกินไปนะคะ ท่านต้องค่อยๆใช้เวลาฟื้นฟู อย่าทำให้ท่านเครียดจนเกินไป...ไปค่ะคุณทร"

กิ่งแก้วพานเรนทรออกไป ทอรุ้งทำท่าจะตามเพราะเป็นห่วง แต่พิธานเข้ามาขวาง เชิญทอรุ้งไปที่ห้องของเขา อ้างว่าอยากจะคุยเรื่องอาการของนเรนทร ทอรุ้งเลยขัดไม่ได้ เดินตามพิธานไปในห้องทำงาน

"ตั้งแต่คุณรุ้งกลับมา อาการคุณพ่อคุณก็ดีขึ้นเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัดเลยนะครับ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป หมอว่าอีกไม่นานคุณพ่อคุณอาจจะหายเป็นปกติได้"

ทอรุ้งยิ้มดีใจกึ่งไม่แน่ใจ "พ่อรุ้งมีโอกาสหายเป็นปกติเหรอคะ"

"อาจจะไม่เหมือนเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยท่านก็จะจำเรื่องต่างๆได้มากขึ้น ถือว่าเกือบจะเป็นปาฏิหาริย์ เลยนะครับที่ท่านดีขึ้นเร็วขนาดนี้ คุณกรองเองก็มีส่วนช่วยให้คุณพ่อคุณอาการดีขึ้นมาก"
อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว

"เขาช่วยอะไรบ้างคะ"

"การที่คุณกรองมาเยี่ยมคุณพ่อคุณเป็นประจำ พาท่านไปเดินเล่น อ่านหนังสือให้ฟัง ทำให้ท่านผ่อนคลาย สุขภาพจิตก็เลยฟื้นฟูได้เร็วขึ้น"

"งั้นรุ้งก็จะหมั่นมาดูแลคุณพ่อบ่อยๆเท่าที่จะทำได้" ทอรุ้งตาเป็นประกายมีความหวังมากขึ้น พิธานแอบมองทอรุ้งอย่างกระหยิ่มใจ

ด้านสาวใหญ่จอมแผนการอย่างกรองกาญจน์ หล่อนกำลังแขวะลูกชายตัวเองว่า ช่างทำหน้าที่ได้สมกับที่นายจ้างไว้ใจจริงๆ ไปไหนมาไหนเกาะติดกันแจ

"ผมก็เพิ่งรู้ว่าวันนี้คุณแม่ก็มาด้วย" ต่อตระกูลพูดเรียบๆ

"ในเมื่อบัตเตอร์ฟลายทัวร์อาจต้องปิดตัวลงเพราะติดหนี้เอ็นอาร์กรุ๊ปอยู่หลายล้าน แม่ก็เลยว่างมากกว่าเดิม มีเวลามาดูแลคุณทรมากขึ้น"

"ผมดีใจที่คุณแม่เอาใจใส่คุณลุงทรบ้าง อยากให้คุณแม่ เป็นอย่างนี้ไปตลอด แต่คุณแม่แน่ใจนะครับว่าไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง"

กรองกาญจน์มองต่อตระกูลด้วยแววตาขุ่นขวาง พูดเสียงเข้มแต่เบาเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน

"นี่ตาต่อ แกหัดมองแม่ในแง่ดีหน่อยได้ไหม แม่รู้นะว่าแกกำลังประชด แต่แม่ตั้งใจจะมาดูแลคุณทรจริงๆ แม่อุตส่าห์ ทำดีกับทอรุ้งที่สุดแล้วนะ แกไม่เชื่อใจแม้แต่แม่ตัวเองเลยหรือไง"

"ผมขอโทษถ้าเข้าใจคุณแม่ผิดไป"

"แกต้องหัดเข้าใจอะไรๆเสียใหม่ แล้วก็น่าจะเอาเวลาว่างไปดูแลหนูทิพย์บ้าง ไม่ใช่มามัวรับใช้เจ้านายหัวไม่วางหางไม่เว้นแบบนี้"

"ผมเคยบอกแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรกับทิพย์"

"แล้วแกคิดอะไรกับใคร กับทอรุ้งงั้นเหรอ ถึงได้ตัวติดกันตลอดเวลา"

"คุณแม่ก็น่าจะทราบว่าทำไมผมต้องทำแบบนี้"

"ตาต่อ...แกอย่ามาทำเป็นกระทบกระเทียบ ถ้าฉันรู้ อะไรจริง ฉันคงไม่ถูกเจ้านายแกเล่นงานอย่างนี้หรอก"

กรองกาญจน์ฮึ่มฮั่มไม่สบอารมณ์ ทอรุ้งเดินออกมาเห็นแม่ลูกกำลังเผชิญหน้า อดหวาดระแวงไม่ได้ว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน...ทันทีที่กรองกาญจน์เหลือบไปเห็นทอรุ้ง เธอทำกระตือรือร้นอยากรู้หมอพิธานว่ายังไงบ้าง

"หมอบอกว่าอาการคุณพ่อน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เราต้องหมั่นมาดูแลท่านให้มากขึ้น"

"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลย ถ้าน้าว่างเมื่อไหร่ก็จะมาเยี่ยมพ่อหนูทุกครั้ง ยิ่งตอนนี้น้ามีเวลามากกว่าเดิมเสียอีก นี่รุ้ง... ถึงเราจะเคยผิดใจกันเรื่องงาน แต่เราต่างก็เป็นห่วงคุณทรเหมือนกัน วันนี้พอเห็นเขาอาการดีขึ้นมากน้าก็ชื่นใจจริงๆ อยากให้เราหันมาร่วมมือกันช่วยดูแลให้คุณพ่อหนูหายเร็วขึ้น"

"ถ้าน้ากรองทำด้วยความจริงใจ รุ้งก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ"

กรองกาญจน์หรี่ตามองทอรุ้งด้วยแววตาขุ่นเข้ม แต่ฉาบหน้าด้วยรอยยิ้ม

"มันเป็นสิ่งที่น้าทำมาตลอดอยู่แล้ว แต่ไม่เคยไปประกาศให้ใครรู้เท่านั้นเอง น้าอยากให้รุ้งเข้าใจน้าว่ามีเจตนาดีกับครอบครัวของหนูเสมอ"

"ขอบคุณนะคะที่น้ากรองช่วยดูแลคุณพ่อมาตลอด ทั้งที่รุ้งเอาตัวลูกชายน้ากรองมาใช้งานทั้งวัน...งั้นคุณกลับพร้อมคุณแม่คุณเลยดีกว่า"

"ไม่เป็นไรหรอกรุ้ง ฉันจะอยู่ดูคุณทรต่ออีกหน่อย ต่อไปส่งรุ้งเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่หรอก จะได้ดูแลน้องด้วย"

"รุ้งกลับเองได้ค่ะ"

"พี่ไปส่งรุ้งดีกว่า ถึงยังไงพี่ก็ยังไม่ไว้ใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับรุ้งอีกหรือเปล่า"

ทอรุ้งไม่ตอบ ยกมือไหว้กรองกาญจน์แล้วเดินออกไป ต่อตระกูลรีบเดินตาม กรองกาญจน์หมั่นไส้ลูกชายเสียจริง พลางมองตามทอรุ้งด้วยดวงตาเหี้ยมเกรียม พิธานออกมาสมทบ ยืนมองทอรุ้งกับต่อตระกูลขึ้นรถไปด้วยกัน

"ท่าทางทอรุ้งจะเข้ามาติดกับเราแล้วนะ แต่หมอต้องคอยคุมคุณทรให้ดี อย่าให้พูดอะไรที่ทำให้ทอรุ้งสงสัยได้" กรองกาญจน์กำชับ

"ไม่ต้องห่วงครับคุณกรอง ผมขู่คุณนเรนทรไว้แล้ว เขาไม่กล้าพูดอะไรมากแน่"

"งั้นหมอก็คอยคุมคุณทรให้เป็นอย่างนี้ต่อไปอีกสักระยะ จนกว่าแผนของฉันจะสำเร็จ แล้วเมื่อนั้นฉันจะมีโบนัสพิเศษสมนาคุณให้หมออีกแน่"

พิธานยิ้มพอใจ ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่...ส่วนต่อตระกูล ขณะขับรถออกมาเขาอดเตือนทอรุ้งไม่ได้ว่า พี่ยังไม่อยากให้รุ้งไว้ใจใครเร็วเกินไป ทอรุ้งย้อนถามทันทีว่า หมายถึงแม่ของเขาหรือเปล่า

"พี่ไม่ได้พูดถึงคุณแม่ แต่พูดถึงสถานการณ์โดยรวม ยังไม่มีอะไรน่าไว้ใจนัก"

"แล้วคุณจะบอกฉันได้ไหมล่ะ ว่าใครที่ไม่น่าไว้ใจมากที่สุด"

"พี่บอกไม่ได้หรอก เพราะพี่เองก็ไม่ได้รู้ทุกอย่าง"

"คุณกำลังปกป้องใครบางคนอยู่มากกว่า ถามจริงๆเถอะ ที่คุณมาคอยตามฉันเนี่ย เพราะกำลังเป็นสายสืบให้ใครอยู่ใช่ไหม"

"ถ้าพี่เป็นสายสืบให้ใคร ก็เท่ากับพี่ทรยศรุ้ง ทรยศลุงทร พี่จะไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด"

"แค่คำพูดของคุณมันเชื่อไม่ได้หรอก"

"พี่คิดว่ารุ้งก็รู้จักพี่ดี แต่ก่อนพี่เป็นยังไง เดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนั้น พี่เองก็รู้จักรุ้งดีเหมือนกัน บางทีเราไม่น่าจะต้องมาระแวงกันอีกต่อไปแล้ว"

"คนที่ฉันไว้ใจได้มากที่สุดเพียงคนเดียวตอนนี้ก็คืออาเปรม นอกนั้นฉันยังไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น"

พูดแล้วทอรุ้งสบตาต่อตระกูลอย่างพยายามค้นหา

ความจริง แต่กลายเป็นว่าเห็นเพียงแววตาห่วงใยของเขาที่มองกลับมา เธอจึงเป็นฝ่ายเมินหนีเพราะกลัวจะใจอ่อน

ooooooo

ที่สถานบำบัด พิธานและกิ่งแก้วช่วยกันจับนเรนทรมัดกับเตียง นเรนทรคร่ำครวญเรียกหาทอรุ้ง และอ้อนวอนอยากกลับไปหาลูก พิธานจึงได้ทีข่มขู่

"ถ้ายังอยากเจอลูกก็อย่าพูดมาก ผมเคยบอกแล้วใช่ไหม ถ้าพูดมากเกินไปจะโดนอะไร ผมจะเพิ่มปริมาณยาให้คุณอีกหลายเท่า คุณจะได้หยุดร่ำร้องหาทอรุ้งซะที เพราะคุณจะจำลูกสาวตัวเองไม่ได้อีกตลอดชีวิต และความรักระหว่างคุณกับลูกก็จะหายสาบสูญไปตลอดกาล"

"อย่า...อย่านะ...ไม่...ไม่เอา..." นเรนทรผวาหวาดกลัว

"ถ้าไม่อยากให้ผมทำก็อย่าพูดอะไรมากไปกว่าที่เราอยากให้คุณพูด ไม่ว่าลูกสาวคุณจะถามอะไรก็ไม่จำเป็นต้องตอบ แค่ให้เขารู้ว่าคุณจำเขาได้ก็พอ เข้าใจไหมคุณนเรนทร"

นเรนทรพยักหน้าแล้วซึมไป พิธานกับกิ่งแก้วยิ้มให้กันสมใจ...

ด้านทอรุ้งที่ออกจากสถานบำบัดไปพร้อมต่อตระกูล พอแยกจากเขา เธอก็มุ่งหน้าไปหาอาเปรมที่คอนโดฯ เล่าเรื่องอาการของพ่อดีขึ้น ไม่อาละวาด แถมยังจำเธอได้ โดยมีกรองกาญจน์มาช่วยดูแลพ่ออย่างใกล้ชิด อีกทั้งหมอพิธานก็บอกว่ากรองกาญจน์มาคุยกับพ่อของเธอบ่อยๆ ทำให้พ่อดีขึ้นเร็วแบบนี้

เปรมยุดาฟังแล้วแทนที่จะดีใจ เธอกลับตั้งข้อสังเกตว่าโรคนี้ไม่ได้เป็นๆหายๆกันง่ายนัก น่าแปลกมาก ต้องมีอะไรไม่ชอบพากล จู่ๆพ่อของหลานก็ดีขึ้นมากะทันหัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีแต่ทรุดลงเรื่อยๆและไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น

"ยังไงอาก็ไม่เชื่อว่ายัยกรองกาญจน์จะทำด้วยความจริงใจ" เปรมยุดาสรุปอย่างมั่นใจ

"รุ้งก็ยังไม่ไว้ใจน้ากรองเหมือนกันค่ะ แต่อย่างน้อยได้เห็นอาการของพ่อดีขึ้นมาบ้าง ถ้าเขาจะเสแสร้งแกล้งทำเพื่อสร้างภาพ ก็ช่างเขาเถอะค่ะ"

"แล้วถ้าเกิดยัยกรองกาญจน์ยังไม่หมดพิษสง แต่กำลังซุ่มทำอะไรบางอย่างอยู่ล่ะ"

"ไม่ต้องห่วง รุ้งไม่ประมาทน้ากรองหรอกค่ะอา ถึงยังไงรุ้งก็จะระวังตัวทุกฝีก้าว เพียงแต่ตอนนี้รุ้งอยากทุ่มเทเวลาดูแลคุณพ่อให้มากขึ้น คุณพ่อจะได้หายจากอาการป่วยไวๆ ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง"

เปรมยุดาเงียบไป แต่สีหน้ายังครุ่นคิดอย่างไม่หมดห่วงหลานสาว...

ขณะเดียวกัน คมชิตก็เป็นห่วงลูกสาว เห็นเอาแต่นั่งจับเจ่าอยู่บ้านในวันหยุด ครั้นสอบถามก็ได้ความว่า เธอไม่รู้ จะไปไหน ต่อตระกูลไม่ค่อยว่าง อยู่กับเจ้านายเกือบตลอดเวลา พอเธอชวนเขาไปดูหนัง ทานข้าว เขาก็อ้างว่าติดงานทุกครั้ง ความสัมพันธ์ของเราจึงไม่มีอะไรคืบหน้า

"ลูกน่าจะแยกคุณต่อให้ห่างจากทอรุ้งบ้าง บางที...มันก็ถึงเวลาต้องใช้มารยาหญิงบ้างแล้วนะลูก"

ทิพย์วารีชะงัก สีหน้าและแววตาเธอบ่งบอกว่าสนใจคำแนะนำของพ่อ

ooooooo

หลังจากสร้างภาพให้ทอรุ้งเห็นในแง่มุมที่ดีของตนเองไปแล้วเมื่อวาน เช้าวันนี้กรองกาญจน์ยังเคี่ยวเข็ญก้องกฤตอีกคน ให้เขาปฏิวัติตัวใหม่ ตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานด้วยความขยันขันแข็ง ซึ่งก้องกฤตต้องฝืนตัวเองแทบแย่ มานั่งหาวอย่างง่วนงุนที่โต๊ะทำงาน แต่พอเห็นทอรุ้งเดินเข้ามาพร้อมต่อตระกูล ก้องกฤตก็รีบทำเป็นลุกไปคุยงานกับเพื่อนอีกโต๊ะ

ทอรุ้งมองก้องกฤตอย่างแปลกใจ แล้วอดทักถามเขาไม่ได้ว่า วันนี้มาทำงานแต่เช้าเชียว

"ถูกลดตำแหน่งลดเงินเดือน ก้องก็ต้องยิ่งขยันกว่าเดิม บางทีรุ้งอาจจะเห็นใจก้องบ้างก็ได้"
อ่านละครย่อเรื่องรุ้งร้าว
(อ่านต่อพรุ่งนี้)