ละคร ทีวี เรื่อง ธิดาวานร ภาค 2(ตอนขุมทรัพย์สุสานอัญมณี)


ละคร ทีวี เรื่อง ธิดาวานร ภาค 2(ตอนขุมทรัพย์สุสานอัญมณี)
เรื่องย่อ ละคร ธิดาวานร ภาค 2 ตอนขุมทรัพย์สุสานอัญมณีธิดาวานร ภาค2 กลับมาตามกระแสความนิยมละครเรื่อง ธิดาวานร ภาคแรกที่ดังเปรี้ยงปร้างกับละครในช่วงเย็น
ทางช่อง 7 สี โดยสร้างจาก บทประพันธ์ ของ วรพันธ์ รวี กำกับการแสดงโดย ประทุม สินธุอุส่าห์ ซึ่งผลิตโดย
บริษัท ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น ซึ่งได้ครองใจลูก เด็กเล็ก แดง รวมทั้งแฟนๆ ละคร ที่ชื่นชอบละครเรื่องนี้ ล่าสุด ช่อง
7 สี ได้ไฟเขียวให้ทีมงานผู้ผลิต ธิดาวานร ในภาคแรกผลิต ธิดาวานร ภาค2 ตอน ขุมทรัพย์สุสานอัญมณี
ต่อเนื่องกับภาพแรก โดยยังคงใช้นักแสดงชุดเดิมโดย เฉพาะนางเอกสาว ''เอมี่'' อาเมเรีย และ ''นิว'' วงศกร
ปรมัตถากร พร้อมกับได้ดึงตัวละครใหม่ ลูกหม้อ 7 สี เขตต์ ฐานทัพ ร่วมด้วยนักแสดงที่ เข้ามาสร้าง สีสันในเรื่อง
ตามสไตล์ละคร ธิดาวานร ภาค2 ที่ต้องมีเรื่องราวหลากหลายเพิ่มมากขึ้น

ธิดาวานร ภาค2 (ตอนขุมทรัพย์สุสานอัญมณี)
ออกอากาศ ละครหลังข่าว ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ 20.25 น.
เิริ่ม 31 ตุลาคม 2552

บทประพันธ์ วรพันธ์ รวี
บทโทรทัศน์ วรพันธ์ รวี
กำกับการแสดง ประทุม มิตรภักดี
ผู้ผลิต ดีด้า วีดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
เรื่องย่อ ละคร ธิดาวานร ภาค2 (ตอนขุมทรัพย์สุสานอัญมณี)

ธิดาวานร ภาค2 จะเปิดฉากที่ เห็น อิยะวดี (อาเมเรีย จาคอป) ถูกจับบูชายันต์ใส่ชุดออกแนวขอมผสมล้านนา ปล่อยผมสยายถูกตรึงอยู่บนแท่นไม้ มีไฟอยู่ด้านล่าง อิยะวดีใส่เครื่องทับทิมสีแดงเต็มยศ มีบรรดาหญิงสาวสวยมากมายแต่งตัวสวยเช่นกันห้อมล้อมอยู่ มีลิงสองตัวพยายามจะเข้าไปที่แท่นบูชาแต่โดนจับไว้

ที่อิยะวดีบอกกล่าวกับทุกคนในที่นั้นไว้ว่าจะขอเฝ้ารักษาขุมทรัพย์แห่งสุสาน อัญมณีเพื่อป้องกันและทวงคืนอัญมณีจากผู้บุกรุกทุกชาติภพไปตราบจนกว่าผู้ บุกรุกเหล่านั้นจะอ่อนล้าและหมดกำลังไม่สามารถมาปล้นอัญมณีที่สุสานแห่งนี้ ได้อีก ขาดคำเห็น สะมะแอ (ชุมพร เทพพิทักษ์) แสนไท (ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์)เจ้ากุนริกา แห่ง รมยนคร และทหารผู้บุกรุกกำลังขนอัญมณีและทำร้ายหญิงสาวทั้งหลาย มีฝูงลิงกำลังช่วยกันต่อสู้ต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น เพราะเกิดไฟลุกท่วมสรรพสิ่งทั้งหลายระเบิดเป็นจุล พวกบุกรุกร้องโอดโอย เห็นหน้าของอิยะวดียิ้มพอใจในกองเพลิง ในที่สุดผู้บุกรุกก็เสียชีวิต

นี่คือความฝันของอิยะวดีนั่นเอง อิยวะดีแปลกใจในความฝันที่เหมือนจริงและชัดเจนนั่นมาก แต่ไม่ได้ปริปากบอกใครเพราะทุกคนต่างวุ่นวายกับเรื่องราวต่างๆ หลังจากที่ได้เพชรสีชมพูคืนมา

ทุกคนร่วมกันเอาเพชรสีชมพูไปคืน เจ้าชายแทงโก้ ที่ทุกคนเข้าใจว่าสิ้นพระชนม์ไปแล้ว พนา (วงศกร ปรมัตถากร) อรุณี (ดวงดาว จารุจินดา)พินิจ (ทูน หิรัญทรัพย์) รวมทั้งอิยะวดีจึงพากันไปพบเจ้าชายเพื่อเอาไปไถ่ตัวพระชายาออกมาจากคุก นัดพบมอบเพชรกันที่มาเก๊าหรือฮ่องกงเช่นเดิม การไปครั้งนี้แม้ปิดบังที่สุดแล้วก็ยังเกิดเหตุระหว่างเดินทางไปสนามบิน

รถที่ทั้งหมดนั่งไปโดนยิงจากพวกที่ต้องการเพชรสีชมพูไว้ในครอบครอง รถโดนยิงล้อ ทั้งหมดต้องลงจากรถเพราะรถโดนปาระเบิดมาใส่ หลังจากวิ่งหนีลงมาได้รถก็ระเบิดเฉียดตายกันหวุดหวิดอีกครั้ง

เจ้าชายจึงมีพระดำรัสว่าจะจัดส่งเรือยอชน์มารับทั้งหมดให้ไปพบที่ฮ่องกง ทั้งหมดต้องเดินทางไปขึ้นฮ.
แล้วไปขึ้นเรือยอชน์ที่เจ้าชายส่งมา รอรับทางทะเลอีกที

ในที่สุดก็สามารถส่งมอบคืนเพชรสีชมพูแก่เจ้าชายได้ พนากับอิยะวดีได้รับเหรียญตราเชิดชูเกียรติยศมา มีพิธีรับมอบกันในโรงแรมหรูที่มาเก๊าหรือฮ่องกง ส่วนอรุณีและพินิจได้รับการติดต่อให้เป็นตัวแทนซื้อขายอัญมณีของประเทศ แทงโก้ในประเทศไทย ทุกคนอิ่มเอิบใจที่ได้ผลดีตอบแทนความดีที่ทำไว้

กลับมาเมืองไทย ดำรง (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) บัวบาน (ฐรินดา กรรณสูต)พินิจ ลงความเห็นว่าอิยะวดีสมควรเรียนหนังสือ แต่อิยะวดีอิดออด ยังไม่คุ้นเคยกับการเป็นคนในเมืองและยังเป็นห่วง แม่มา กับ นาตาเลีย และเพื่อนพ้องและผืนป่า แม้ว่าพนาสัญญาว่าจะดูแลให้ดีที่สุดให้อิยะวดีกลับมาบนดอยทุกวันสุดสัปดาห์ อิยวะดีไม่ยอม ในที่สุดตกลงกันว่าให้อิยะวดีเรียนโรงเรียนตชด.กับพวกเด็กบนดอย อิยะวดีต่อรองขอเรียนกับครูหอมนวล เอานาตาเลียไปเรียนด้วย ครูหอมนวลตกลงและมีข้อแม้ว่าให้อิยะวดีสอนภาษาลิงให้ครูทุกคนจึงจบลงด้วยดี ทุกฝ่าย ถึงแม้ว่าจะไม่อยู่ในถ้ำแต่อิยะวดียังคงพอใจใช้วิธีเดินทางในป่าและที่ไหนๆ ด้วยการโหนเถาวัลย์เช่นเดิม และพยายามสอนคนอื่นรอบข้างให้ทำบ้าง ไม่มีใครยอมทำด้วย ยกเว้นอรุณีที่พยายามอยู่สองสามครั้งแต่กลับมาปวดเมื่อยไปเจ็ดวันจึงเลิกรา ไปเพราะพินิจขอร้องแกมสั่งห้าม

ส่วน คำรณ (ปิยะ วิมุกตายน) หลังจากโดนระเบิดวันนั้นทุกคนคิดว่าคำรณตายไปแล้ว คำรณนอนจมกองเลือดแขนขาด ก่อนลมหายใจสุดท้ายความตายกำลังมาเยือน สะมะแอ สืบ เชื้อสายมาจากขุนนางผู้ปกป้องขุมทรัพย์รมยนครที่แอบปล้นมาจากสุสานอัญมณีของ เจ้าหญิงทรายคำ เขาเป็นคนมีวิชาอาคมขลังมากมาพบคำรณนอนรอความตาย แร้งกาบินมาเต็มบนต้นไม้รอจังหวะจะมาแย่งกันจิกกิน ในที่สุดก็พากันบินลงมาจะกิน สะมะแอเดินผ่านเลยไป คำรณครางเรียกให้ช่วย
คำรณ ช่วยด้วย
สะมะแอ ข้าไม่ช่วยคนไร้ค่าที่กำลังจะถูกแร้งกาจิกกิน
คำรณ ถ้าช่วยผม ผมจะกลายเป็นคนมีค่าสำหรับท่านผมจะยอมเป็นทาสรับใช้
ของท่านตลอดกาล
สะมะแอ ถึงเจ้ารอดตายเจ้าก็คงพิการ
คำรณ พิการข้าก็ยอม

สะมะแอหยุดคิดมองไปยิ้มพยักหน้า หันไปเป่าปากเสียงปรี๊ดบรรดาแร้งกาแตกฮือไปจากการมารุมจิกทึ้งคำรณทันที จากนั้นป้อนยาชุบชีวิตให้คำรณกิน

ส่วน เอมฤดี (อติมา ธนเสนีวัฒน์) กับ นาถยา (รชยา รักกสิกรณ์ )สอง แม่ลูกหลังจากรถระเบิดตกลงมาไหม้ดำสลบไป แต่พวกดำรงกับบัวบานคิดว่าตายแล้ว แสนไทผ่านมาตามหาสมบัติที่โดนขโมยไปมาพบสองแม่ลูกนอนสลบและฟื้นมาพอดีกำลัง ครวญคราง แสนไทจึงช่วยเหลือเพื่อทดสอบวิชาของตัวเองและคิดจะเอาไปเป็นทาสรับใช้ แสนไทให้ยาชุบชีวิตแก่สองคนกินสองคนได้สติ

แสนไท ถึงเจ้ารอดตายแต่เจ้าต้องเสียโฉมอัปลักษณ์สุดประมาณ
สองคนตอบตกลง แสนไทจึงสั่งบริวารนำสองคนกลับไปรักษาในบ้านลึกลับกลางป่า

ที่โรงเรียนตชด. อิยะวดีไปเรียนกับนาตาเลีย ใส่ชุดนักเรียน สะพายเป้ ไปเรียนร่วมกับเด็กๆ ร้องเพลงชาติ อ่านหนังสือ ยามว่างสองคนกับนาตาเลียสอนภาษาลิงให้ครูและเด็กอื่นๆ สนุกสนานเฮฮากันมากที่โรงเรียน อิยะวดีเรียนเร็วมาก เรียนเก่งเลื่อนชั้นพรวดๆ ในเวลาไม่นานก็กลายเป็นเรียนจบโรงเรียนตชด. ตลอดเวลาที่เรียนมีพนาเป็นพี่เลี้ยงคอยสอนการบ้านและแนะนำเรื่องราวต่างๆ วันหยุดและยามว่างก็พากันเข้าไปในป่าดูแลเยี่ยมเยียนช่วยเหลือพวกสัตว์ในป่า ความรักของสองคนราบรื่นและอยู่ในขอบเขตเพราะอิยะวดียังเด็ก อรุณีและบัวบานมีหน้าที่คอยสอนเรื่องความเป็นอยู่และการเข้าสังคมของอิยะวดี อิยะวดีจึงดูเป็นสุภาพสตรีน้อยที่น่ารัก แจ่มใสแต่ยังซุกซนและเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม

คำรณได้รับการรักษาดูแลจากสะมะแออาการดีขึ้น ตาบอดข้างหนึ่งต้องปิดตาไว้ข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ใส่ตะขอเหล็กไว้จับฉวยและกลายเป็นอาวุธสำคัญของคำรณในเวลา ต่อมา คำรณเรียนรู้วิชาชั่วร้ายจากสะมะแอด้วยวิธีครูพักลักจำกลายเป็นคนชั่วร้าย มากกว่าเดิม คำรณหวังจะกลับไปแก้แค้นพวกพนาอิยะวดีให้ได้สักวัน

ส่วนสองแม่ลูกเอมฤดีและนาถยาได้รับการรักษาเช่นกันแต่หน้าตาพังยับเยิน ตกแต่งแล้วก็ยังหน้าเกลียด จึงอ้อนวอนให้แสนไททำหน้ากากใบหน้าเทียมให้สวยงาม สองคนเปลี่ยนลุคใหม่ทั้งใบหน้าและทรงผม ทนยอมเป็นทาสของแสนไทเพื่อรอวันออกไปแก้แค้นอิยะวดี ทั้งสะมะแอและ แสนไทมีคุ้มอยู่กลางป่าบนเขาที่ลึกลับแห่งหนึ่ง มีทาสรับใช้มากมายที่ไม่เคยปริปากบ่นทำทุกอย่างตามที่ทั้งสองสั่งเพราะ โดนครอบงำด้วยเวทย์มนต์

สะมะแอกับแสนไทมีฐานะร่ำรวยเพราะมีทรัพย์สินที่ต้นตระกูลแอบหยิบฉวยมาจาก เจ้ากุนริกาที่ขโมยมาจากเจ้าหญิงทรายคำอีกต่อ ทั้งสองทำตัวลึกลับไม่ยอมพบปะกับคนภายนอกถ้าไม่จำเป็นและพยายามสืบหาขุม ทรัพย์ของรมยนครที่เจ้ากุนริกาแอบปล้นจากสุสานอัญมณีมาให้ได้ เพราะได้ติดตามชายแก่คนหนึ่งก่อนหน้านี้ที่มีสร้อยทับทิม ซึ่งทั้งสองมั่นใจว่าขโมยมาจากขุมทรัพย์ดังกล่าว

ในการออกเดินสำรวจป่าและดูแลสัตว์ พรานเส็ง กับ ลีกอ หลานชายของพรานเส็งที่พ่อเพิ่งตายมาอยู่ด้วยออกติดตามไปกลายเป็นผู้ช่วยพนา ส่วน สุชาติ กลับไปเป็นนักมายากลโดยใช้แค่สัตว์เล็กสัตว์น้อยเช่นนกพิราบ กระต่าย ประกอบมายากลเท่านั้นเอง

ดำรงกับบัวบานก็มีความสุขอยู่ด้วยกันโดยลืมเรื่องนาถยากับเอมฤดีไปจนหมดสิ้น ไม่เคยคิดว่าจะโดนย้อนรอยกลับมาล้างแค้นกันอีก อรุณีกับพินิจก็ยังสนุกสนานร่าเริงร่ำรวยมากขึ้นกับการค้าขายอัญมณีและไม่ คิดว่าจะโดนย้อนรอยมาล้างแค้น

ต่อมาคำรณได้พบกับเอมฤดีและนาถยา แต่ต่างจำกันไม่ได้และไม่เคยบอกที่มาที่ไปของตัวเอง เพียงแต่สงสัยท่าทีของกันและกัน ในที่สุดทั้งสามก็รู้เรื่องของกันและกันและวางแผนล้างแค้นร่วมกัน

คำรณเปลี่ยนชื่อเป็นส่างหม่อง นาถยาเปลี่ยนชื่อเป็นแสงแก้ว เอมฤดีเปลี่ยนชื่อพวงมาลี สามคนไปบอกกับแสนไทและสะมะแอว่าได้เวลาตอบแทนพระคุณให้แล้วจะไปช่วยตามล่าหา สมบัติที่สะมะแอกับแสนไทบอกว่าโดนขโมยมามอบให้ แสนไทกับสะมะแอจึงส่งสามคนเข้าเมืองทันที

พวงมาลีและแสงแก้วเปลี่ยนทรงใหม่ใส่หน้ากากเทียมยามปกติ แต่ถ้าอยากทำร้ายใครก็จะถอดหน้ากากออกเห็นใบหน้าอัปลักษณ์ ส่วนส่างหม่องได้แขนเทียมใหม่ใส่แว่นดำบดบังสายตาในยามปกติ แต่ในเวลาที่ต้องการทำร้ายใครจะถอดแว่นปิดตาข้างเดียวแล้วใช้มือตะขอเหล็ก เล่นงาน

อิยะวดีได้เข้าเรียนในคณะวนศาสตร์ ที่นั่นอิยะวดีได้พบเพื่อนสาวแสนสวยสุภาพอ่อนน้อมชื่อพวงมาลี(เอม) ส่วนอรุณีได้รู้จักพ่อค้าเพชรเชี่ยวชาญการดูอัญมณีชื่อส่างหม่องเป็นคนไทย ใหญ่ ส่วนดำรงและบัวบานได้ผู้จัดการบริษัทส่งออกผ้าไหมคนใหม่ชื่อ แสงแก้ว

อิยะวดีกลายเป็นเพื่อนสนิทกับพวงมาลี (เอม) พวงมาลีพูดอะไรอิยะวดีเชื่อหมดจนบางครั้งอิยะวดีต้องผิดใจกับพนา พ่อแม่จนกระทั่งละเอ ทางด้านพินิจก็ชื่นชมพ่อค้าอัญมณีคนใหม่ชื่อส่างหม่องมาก พากันไปหาซื้ออัญมณีโบราณมาจากหลายที่ ส่วนดำรงและบัวบานก็ต่างชื่นชมแสงแก้ว แสงแก้วแกล้งทำซึมๆ น่าสงสาร และหาโอกาสทำให้ดำรงกับบัวบานผิดใจกันเงียบๆ และร้าวลึกมากขึ้นเรื่อยๆ

วันหนึ่ง พนา พรานเส็ง ลีกอ กางเต้นท์อยู่ในป่า ได้กลิ่นสาปเสือรุนแรงมาก เสียงเสือคำรามลั่นทั้งคืน รุ่งขึ้นพนาได้ทราบจากพวกชาวบ้านว่ามีคนงานรับจ้างนายทุนตัดไม้ถูกเสือขบตาย สองคน พวกชาวบ้านจะพากันไปยิงเสือให้ตาย พนาตกใจรีบห้าม แต่ไม่มีใครฟัง ละเอรีบไปบอกอิยะวดี อิยะวดีจึงตามพนาไปในป่าเพื่อไปช่วยเสือลำบากแต่ขอเอาพวงมาลีไปด้วย พวงมาลีทำเป็นดีใจฉวยโอกาสรู้จักพนา สนิทสนมกับพนา

เสือกัดชายคนนั้น ก่อนตายชายคนนั้นได้มอบสร้อยทับทิมเม็ดใหญ่มากให้กับอิยะวดีพร้อมกับกล่าวขอ โทษ ทุกคนคิดว่าคนนี้บ้า ทุกคนคิดว่าของปลอมเพราะชาวบ้านได้พบชายคนนี้มาก่อนเป็นคนบ้าๆ บอๆ ก่อนตายพร่ำเอ่ยชื่อ กุนริกนา(กุนนะริกกะนา) เสือจะโดนฆ่าตายเพราะทำร้ายผู้คนเนื่องจากบาดเจ็บและจนตรอก ในที่สุดนาตาลีกับอิยะวดีก็พูดกับเสือเข้าใจ เสือยอมให้ช่วยเหลือรักษาบาดแผล เสือได้รับการรักษาและถูกปล่อยเข้าป่าตามเดิม เสือสัญญาว่าจะตอบแทนพวกพนากับ อิยะวดีสักวัน

พวงมาลีได้ติดตามไปทุกที่ที่อิยะวดีไปในฐานะเพื่อนรักเพื่อพิทักษ์ป่า พวงมาลีเคยแกล้งจัดฉากช่วยชีวิตอิยะวดีโดยมีพวกของส่างหม่องมาเป็นตัวละครจะ มาทำร้ายอิยะวดี ดำรงบัวบานเห็นความดีจึงชวนให้พวงมาลีมาพักที่บ้านเพราะรู้ว่ามาจากจังหวัด อื่น

ส่วนแสงแก้วก็ได้สร้างภาพความซื่อสัตย์ให้ปรากฏแก่ดำรงและบัวบานด้วยการจัด ฉากโดยส่างหม่องเช่นกันว่าส่างหม่องไปซื้อผ้าไหมแล้วแกล้งทำกระเป๋าเงินกับ เพชรตกไว้หน้าร้าน ในนั้นมีเงินเป็นล้านและเพชรอีกจำนวนหนึ่ง แสงแก้วทำเก็บได้แล้วเอาไปให้บัวบานกับดำรงประกาศหาเจ้าของ ส่างหม่องทำเป็นให้รางวัลแสงแก้ว แสงแก้วทำว่ามีโรคประจำตัวคือลมชัก ทำให้บัวบานสงสารขอดำรงให้แสงแก้วมาพักอยู่ในบ้านสมความต้องการของแสงแก้ว และพวงมาลี ทั้งสองทำเป็นว่าต่างเกรงใจและเพื่อความประหยัดน้ำไฟ สองคนจะพักห้องเดียวกัน เพราะปกติพวงมาลีก็มักมานอนห้องเดียวกับอิยะวดีอยู่แล้ว

ละเอนั้นคัดค้านการนำเอาสองคนมาพักในบ้านหัวชนฝา แต่ไม่มีใครฟังแถมโกรธละเอ โดยเฉพาะอิยะวดีโกรธละเอจนไม่ยอมให้ละเอมาใกล้ชิดดูแลเหมือนเดิมอีก

อิยวะดีฝันเห็นตัวเองนั่งแพกับฝูงวานรใส่สร้อยทับทิมเส้นที่คนแก่มอบให้ก่อน ตาย จึงบอกพนา พนานึกถึงสร้อยทับทิมที่ชายแก่บ้าให้ไว้ก่อนตายได้จึงเอามาให้อรุณีและพินิจ ดู สองคนตะลึงให้กับความสวยงามของทับทิมยักษ์ทั้งเส้นนั่น และตรวจดูพบว่าเป็นของจริง ส่างหม่องถูกเชิญมาร่วมตรวจสอบตื่นเต้นมาก ส่างหม่องแอบแจ้งให้สะมะแอกับแสนไทรู้ สองคนมอบให้ส่างหม่องจัดการตามแผนที่ช่วยกันวางไว้

ส่างหม่องปรึกษากับพวงมาลีและแสงแก้วว่าจะแกล้งทำเป็นหาทางเอาคืนให้สะมะแอ กับแสนไท แต่ความจริงต้องการจะเอาไว้เองและคิดว่าจะพ้นเงื้อมมือของแสนไทและสะมะแอ ซึ่งคงไม่สามารถติดตามไปทำร้ายถึงในเมืองได้

ต่อมามีจดหมายลึกลับมาถึงพวกอรุณีว่าเครื่องประดับเหล่านั้นเป็นของนางพญา ทรายคำที่ต้องคำสาปไว้จะเกิดเหตุร้ายกับทุกคนในครอบครัวของอรุณี อรุณีตกใจมากมาปรึกษาส่างหม่องว่าจะคืนของเหล่านั้น ส่างหม่องให้สืบหาคนเอามาขายเพื่อหาที่มาและทวงเงินคืน ส่างหม่องรับปากจะจัดการให้ทั้งหมด

ต่อมามักเกิดเหตุร้ายแปลกๆ อันคาดไม่ถึงกับทั้งบ้านของดำรงและอรุณี ดำรง บัวบาน อรุณี พินิจ พนา อิยะวดีต่างพบอุบัติเหตุ ที่แปลกๆ เหลือเชื่อหลายครั้ง เช่น จู่ๆ มีงูใหญ่มากเข้ามาในห้องนอน ค้างคาวยักษ์ นกยักษ์ ฝันร้ายหลับๆ ตื่นๆ เห็นคนยุคโบราณมาด่าทอ พบชายตาเดียวมือเป็นตะขอเหล็กจะมาทำร้าย พบหญิงหน้าปีศาจมาหลอกหลอน

แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็ยังดำเนินชีวิตตามปกติ พนายังคงเข้าป่า คืนหนึ่งพนากับพวกได้ยินเสียงประหลาดเป็นบทเพลงช้าๆ เยือกเย็น ร้องโดยผู้หญิง พนาฟังไม่รู้เรื่อง ไม่มีใครฟังรู้เรื่อง ตามหาต้นเสียงแต่เสียงขาดหายไป รุ่งขึ้นพนาได้ยินเสียงนั้นอีกจึงอัดเสียงไว้ หญิงคนนี้ได้ปรากฏตัวแบบลับๆ ล่อๆ ให้ทุกคนเห็นหลายครั้งมาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว สร้างความแปลกใจกับทุกคนว่าเธอคือใคร

มีคนฟังแล้วพอเข้าใจความหมายคือละเอนั่นเอง ละเอบอกว่าเสียงนั้นพรรณาถึงเมืองอันงดงาม อันมีสมบัติโบราณแก้วแหวนเงินทองและหญิงงามผู้เศร้าโศก พนาแปลกใจมาก พอดี บุราณเพื่อนสนิทของพนาซึ่งเป็นอาจารย์โบราณคดีที่มหาวิทยาลัยศิลปากรมาพบและ บอกว่ากำลังศึกษาเรื่องสมบัติโบราณของนางพญาทรายคำที่มีผู้บอกเล่าว่ามี เหตุการณ์หนึ่งที่ไม่ได้บันทึกไว้ในตำนานคือเรื่องการถูกขโมยสมบัติล้ำค่า โดยเจ้าเมืองรมยนครผู้ใจร้ายและฉ้อฉล เขากำลังตามหาขุมทรัพย์แห่งนี้อยู่ว่ามีจริงหรือไม่ พนาจึงนึกถึงชายบ้าที่ตายและมอบสร้อยทับทิมเม็ดใหญ่มากไว้ให้ว่าได้เอ่ยชื่อ ถึงกุนริกนาเอาไว้ ทำนองกลัวมาก จึงบอกเล่ากับบุราณเรื่องสร้อยทับทิม บุราณบอกว่าน่าจะเป็นหนึ่งในสมบัตินางพญาทรายคำที่หายไปตามประวัติศาสตร์โดย เจ้ากุนริกนาและกุนริกนาได้เอาสมบัติดังกล่าวไปซ่อนไว้ในที่ลึกลับแห่งหนึ่ง

แต่เพื่อความมั่นใจ พนาเอาสร้อยทับทิมเส้นนั้นไปให้แม่เก็บไว้ อรุณีตกใจมากบอกว่านั่นคือของแท้ ส่างหม่อง แสงแก้วและพวงมาลีปรึกษากันว่าจะแย่งมาได้อย่างไร ในที่สุดทั้งหมดจึงตัดสินใจร่วมเดินทางไปหาเมืองดังกล่าวเพื่อหาโอกาสแย่ง คืนระหว่างทางและฆ่าทุกคนให้ตายหมด

พนาโดนบัตรสนเท่ห์ว่ารับสินบนจากนายทุนรายใหญ่โดยที่ผู้ส่งคือคำรณนั่นเอง ทั้งที่พนาต่างหากคือผู้จับกุมนายทุนรายนั้น พนาโดนพักราชการ พนาต้องการจับและสืบหาตัวนายทุนคนนั้นเพื่อพิสูจน์ตัวเอง พนาและบุราณจึงตัดสินใจออกไปตามหาสุสานแห่งขุมทรัพย์ว่ามีจริงหรือไม่ อรุณีกับอ้อนวอนขอเดินทางไปด้วย โดยให้เหตุผลว่าต้องการไปพักผ่อน แม้พินิจกับพนาจะบอกว่านั่นไม่ใช่ที่สำหรับพักผ่อน อรุณีดึงดันว่าไปแค่อาทิตย์เดียวทำไมต้องขัดขวาง ในที่สุดอรุณีก็ได้ตามไปโดยมีพินิจจำใจไปด้วย

อิยะวดีอยากตามพนาไปแต่ยังงอนโกรธพนาเพราะเข้าใจผิดพนาโดยมีพวงมาลีเป็น สาเหตุ พนาก็งอนอิยะวดีเพราะเข้าใจว่าอิยะวดีไปติดใจส่างหม่องตามคำบอกเล่าของพวง มาลี

ต่อมาอิยะวดีได้ฝันถึงเด็กหน้าตาเหมือนตัวเองคนเดิมหลายครั้ง ละเอเอาความฝันไปถามพ่อหมอ พ่อหมอบอกว่าตามคำล่ำลือโบราณมีเด็กหญิงที่มีบุญคนหนึ่งถูกจับใส่แพไปกับฝูง วานร เพื่อไปเสี่ยงบุญบารมีสร้างเมืองใหม่

อิยะวดีจึงอยากเห็นเมืองนั้นและทราบว่าพนากับครอบครัวไปที่ไหนสักแห่งในป่า โดยไม่บอกกล่าว อิยะวดีจึงเรียกพี่นกมาสอบถามและตามหาพนาให้ อิยะวดีปรึกษาพวงมาลีว่าจะเข้าป่าไปตามพนาและเมืองดังกล่าว พวงมาลีบอกให้แอบหนีไปไม่บอกใคร อิยะวดีจึงเชื่อ และแอบหนีไปกับพวงมาลีที่หวังจะหลอกฆ่า อิยะวดี โดยแอบบอกกับแสงแก้ว ส่วนส่างหม่องนั้นได้ลอบติดตามคณะของพนาไปเงียบๆ โดยมีสะมะแอกับแสนไทร่วมทางไปอย่างลับๆ

ส่วนละเอเห็นอิยะวดีหายไปกับพวงมาลี ตกใจมาก ดำรงและบัวบานตกใจเช่นกัน สงสัยว่าจะตามพนาเข้าไปในป่าจึงพากันออกติดตามโดยมี แสงแก้วขอติดตามไปรับใช้ดูแลบัวบาน ละเอพยายามกีดกันบอกว่ามองเห็นอันตรายกำลังจะเกิด บัวบานกับดำรงดุว่าละเอเหลวไหล ในที่สุดกลุ่มของดำรงก็ตามเข้าป่าไปอีกกลุ่มหนึ่ง

ไม่ใช่แค่นั้น สุชาติซึ่งเลิกอาชีพละครสัตว์หันไปเป็นมายากล ได้ข่าวลือเรื่องทับทิมยักษ์ รีบพาพรรคพวกออกตามหาขุมทรัพย์นั่นทันทีบ้าง

การเดินทางของทั้งหมดที่ต่างเดินทางแยกย้ายกันไปพบอุปสรรคมากมายและโดนลอบทำ ร้ายสารพัด โดยมีพวกพนาเดินล้ำหน้าไป นาตาลีกับแม่มาติดตามอิยะวดีไปด้วยเพราะเป็นห่วงอิยะวดี ทำให้พวงมาลีไม่ค่อยพอใจนักเพราะการทำร้ายอิยะวดีลำบากขึ้น ตลอดทางพวงมาลีเบื่อหน่ายมาก แต่อิยะวดีกลับสนุกสนานที่ได้พบปะพวกสัตว์เพื่อนเก่าทั้งหลายและสัตว์ใหม่ๆ อิยะวดีได้ช่วยเหลือสัตว์บาดเจ็บหลายตัวระหว่างทาง และโดนลอบทำร้ายโดยพวกส่างหม่องและแสงแก้ว แต่เสือที่เคยบาดเจ็บคอยช่วยเหลืออิยะวดีให้พ้นจากการลอบทำร้าย พวกส่างหม่อง พวงมาลีที่รู้จุดที่อยู่ของกันและกัน เมื่อข้ามเขตป่าลึกลับเข้ามา พี่นกไม่สามารถตามเข้ามาได้ยกเว้นแม่มากับนาตาเลีย อิยวะดีจึงติดตามพนาโดยตามสัญลักษณ์หัวใจคู่เช่นเดิม

ส่วนแสนไทนั้นได้พบกับอิยะวดีโดยบังเอิญตอนอิยะวดีโดนทำร้ายและหลงรักอิยะ วดีทำให้ส่างหม่อง พวงมาลีและแสงแก้วไม่พอใจมาก ไปยุยงให้สะมะแอเกลียดชังอิยะวดี สะมะแอวางแผนจับอิยะวดีไปบูชายันต์เพราะถ้าพบสมบัติต้องล้างอาภรรพ์คำสาป ด้วยสาวพรหมจารีย์ สะมะแอจึงอนุญาตให้แสนไทไปใช้เวทย์มนต์เรียกอิยะวดีมาพบ แสนไทให้อิยะวดีกินผลไม้ลืมความจำก่อนส่งคืนแคมป์ที่พัก

ส่วนพวกของพนาพบว่าหญิงสาวสวยเจ้าของเสียงเพลงดังกล่าวคือ มะเมี๊ยะ มะเมี๊ยะหลงทางออกมาจากคุ้มลึกลับในป่าของสะมะแอนั่นเอง มะเมี๊ยะถูกสะมะแอจับตัวไปตั้งแต่เล็กๆ แต่เลี้ยงดูแบบกักขังเอาไว้เหมือนนกในกรงทอง อรุณีดีใจมากพยายามหัดร้องเพลงและเรียนภาษาของมะเมี๊ยะ

เมื่อทราบว่าทั้งหมดจะเดินทางไปสุสานอัญมณี เธอตกใจมากพยายามห้ามบอกว่าอันตรายที่สุด ไม่มีใครฟัง มะเมี๊ยะยังอยู่กับพวกพนาต่อไป ต่อมาพนาเกิดคิดถึงอิยะวดีจึงวาดหัวใจไว้ตามทางที่ผ่านไป ทำให้ทั้งพวกอิ
ยะวดีและพวกดำรง ละเอ บัวบาน พวกส่างหม่องตามมาถูกทาง

ในที่สุด อิยะวดีก็ได้พบกับกลุ่มของพนาและได้พบว่าพนามีมะเมี๊ยะอยู่ด้วย อิยวะดีแอบไม่พอใจ พวงมาลีก็แอบยุยง บุราณได้พบอิยะวดีหลงรักอิยะวดี อิยะวดีทำดีตอบบุราณ พนาน้อยใจทำดีใส่มะเมี๊ยะ พวงมาลีดีใจมากที่ทำให้ทุกคนแตกกันได้ ขณะเดียวกันก็ลอบส่งข่าวให้ส่างหม่องทราบความเคลื่อนไหวของทางพนา

ดำรงกับบัวบานและละเอ แสงแก้วเดินทางมา แสงแก้วแอบติดต่อให้สะมะแอมาจับตัวดำรงกับบัวบานไปขังไว้เป็นทาส สองคนโดนจับตัวไปโดยมีแสงแก้วเหมือนโดนจับไปขังไว้ด้วย ส่วนละเอหนีรอดไปได้เที่ยวกระเซอะกระเซิงตามหาจนพบพวกอิยะวดี

พวกพนา อรุณีตกใจมากที่ทราบว่าสามคนโดนจับตัวไป จึงตัดสินใจตามหาช่วยบัวบานกับดำรงก่อน ส่วนส่างหม่องนั้นทำหายตัวหนีหายไปตอนดำรงกับบัวบานโดนจับตัวและแอบสะกดรอย ตามกลุ่มของพนาไปเรื่อยๆ

ส่วนพวกของสุชาตินั้นตามเข้ามาในป่าโดนสะมะแอและแสนไทจับไปเป็นทาสขังไว้ที่ เดียวกับดำรงและบัวบาน ทั้งหมดโดนจับกินผลไม้ลืมความหลัง จึงจำตัวเองไม่ได้ และยอมเป็นทาสรับใช้ของทั้งสองโดยดี ส่วนละเอในที่สุดก็ใช้วิธีส่งเสียงเรียกอิยะวดีจนได้พบกัน และมาร่วมกลุ่มกับพวกพนา และเป็นคนสื่อสารภาษากับมะเมี๊ยะ

ระหว่างการเดินทางอิยะวดีมักฝันเห็นเด็กน้อยนั่งแพกับฝูงวานร และเด็กน้อยคนนั้นหน้าตาเหมือนอิยะวดีตอนเด็ก แถมยังใส่สร้อยทับทิมเส้นที่คนแก่ที่ถูกเสือกัดตายมอบให้ อิยะวดีเล่าเรื่องนี้ให้บุราณฟัง บุราณบอกอิยะวดีให้จดจำสถานที่ที่ในฝันเอาไว้ให้ดีและเล่าให้บุราณฟัง พนายิ่งหมั่นไส้และระหองแระแหงกับอิยะวดีเพิ่มขึ้น อรุณีต้องปวดหัวเพราะต้องคอยสมานฉันท์ให้ทุกคนไม่ทะเลาะกัน อิยะวดียังแอบใช้นิสัยเด็กๆ แกล้งมะเมี๊ยะ เช่นจับงูจับสัตว์น่าเกลียดมาแกล้ง โดยมีแม่มากับนาตาลีร่วมมือ

ต่อมาอิยะวดีฝันเป็นตุเป็นตะมากขึ้นถึงสุสานอัญมณีที่อยู่ในถ้ำเต็มไปด้วย อัญมณีมีค่ามากมายอยู่ในโครงกระดูกคนตาย บุราณได้ฟังตื่นเต้นมาก เพราะนั่นคือสิ่งที่บุราณเคยได้ยินมาเช่นกัน ทั้งหมดนอกจากจะตามหาดำรงบัวบานแล้วยังออกตามหาสุสานดังกล่าวนี้เพราะคิดว่า นี่คือที่มาของสร้อยทับทิม และสร้อยมรกตที่จะนำไปคืนนั่นเอง

บุราณเริ่มเห็นใจและสงสารมะเมี๊ยะมากขึ้น เตือนอิยะวดีอย่าไปแกล้งมะเมี๊ยะ ยิ่งโดนแกล้งมะเมี๊ยะยิ่งติดพนาแจมากขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่งมะเมี๊ยะแอบเห็นพนากับอิยะวดีทะเลาะกันเรื่อง บุราณกับมะเมี๊ยะเอง จึงเสียใจร้องไห้รู้ว่าที่แท้สองคนชอบกัน บุราณมาปลอบมะเมี๊ยะทั้งสองจึงเห็นใจกัน

พวงมาลีแอบส่งข่าวเรื่องนี้ให้ส่างหม่องรู้ ส่างหม่องดีใจมาก ไม่ยอมบอกให้แสนไทกับสะมะแอรู้ แต่สะมะแอกับแสนไทก็ยังลอบติดตามคณะของพนาไปเรื่อยๆ เช่นกัน

ในที่สุด ทุกคนก็ตามความฝันของอิยะวดีมาจนพบลำธารในฝันที่อิยะวดีฝันเห็นตัวเองวัย เด็กโดนจับใส่แพกับฝูงวานรมีสร้อยทับทิมประดับ ทุกคนจึงตัดสินใจพากันล่องแพไปตามลำธารที่ อิยะวดีพบโดยหวังว่าจะไปพบสุสานอัญมณีดังกล่าว

ใช่แค่พวกพนาและอิยะวดีเท่านั้นที่เดินทางล่องแพไปตามทางในฝัน พวกส่างหม่อง สะมะแอและแสนไทก็ร่วมเดินทางไปด้วย แพเจอน้ำวนหมุนหายลงไปใต้น้ำและมาโผล่ที่ปากถ้ำแห่งหนึ่ง และในที่สุดทุกคนก็ถึงถ้ำสุสานอัญมณี

ทุกคนต้องตกตะลึง กับสิ่งที่พบเห็น ในถ้ำเต็มไปด้วยโครงกระดูกที่ล้วนใส่อัญมณีนานาชนิดสวยงามละลานตา ส่งประกายวูบวาบทำให้ถ้ำสว่างไสวโดยธรรมชาติ ทั้งหมดตั้งสติได้แล้วจึงตามโครงกระดูกที่ไม่มีเครื่องประดับ พบอยู่หนึ่งโครงเข้าใจว่าน่าจะเป็นเจ้าของสร้อยทับทิมเส้นนั้นและอยู่ในแท่น สวยงามกว่าใครๆ

ทุกคนจึงลงความเห็นว่าให้อิยะวดีเป็นคนเอาสร้อยทับทิมใส่คืนให้เจ้าของโครง กระดูกนั้นด้วยตัวเอง ขณะอิยะวดีกำลังใส่สร้อยนั้น พวกสะมะแอ แสนไท ส่างหม่อง ที่กลายร่างเป็นคนตาเดียวมือขอ ส่วนพวงมาลีก็กลายร่างเป็นนางปีศาจปรากฎตัวขึ้น ใช้เวทมนต์ควบคุมตัวทุกคนไว้ และจะเอา อิยะวดีบูชายันต์เพื่อล้างอาถรรพ์คำสาป พนา บุราณพยายามหาทางช่วยเหลืออิยะวดีที่กำลังจะโดนบูชายันตร์

ขณะที่มัดอิยะวดีและจะจุดไฟนั่นเองก็ปรากฏเหตุอัศจรรย์ มีเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า น้ำป่าท่วมทะลักมาในถ้ำ ทุกคนเห็นภาพหนึ่งเหมือนกันคือนางพญาแสนสวยพร้อมบริวารในชุดออกขอม ตัวนางพญาใส่สร้อยทับทิมตาลุกโพลงด้วยความโกรธชี้หน้ามาที่ทุกคนหัวเราะเย้ย หยันส่งภาษาที่ไม่มีใครรู้จัก ที่สำคัญนางพญาคนนั้นหน้าตาเหมือนอิยะวดีราวกับคนเดียวกัน ทุกคนตะลึง น้ำไหลบ่าเข้ามา หินพังทลายมาปิดทางออกของถ้ำ

พนาตะโกนให้อุรณีกับพ่อปีนไปส่วนสูงของถ้ำ ทุกคนพยายามปีนไป พนาจะไปช่วย อิยะวดีก็ห่วงแม่ พวงมาลีหายไปไม่มีใครเห็น พนาไปช่วยแม่เพราะพลัดตกลงมาจากก้อนหินที่ปีนขึ้นไป นางพญาชี้มือมาที่อิยะวดี อิยวะดีหลุดจากไม้ที่ตรึงไว้ ทุกคนหนีน้ำไปอยู่บนโขดหินแต่น้ำก็ท่วมสูงมาเรื่อยๆ ทุกคนหาทางหนี พวกของสะมะแอ แสนไท ส่างหม่อง พวงมาลีหายไปหมดแล้ว ยกเว้น มะเมี๊ยะที่พยายามขอร้องให้สะมะแอกับแสนไทช่วยแต่สองคนโกรธจึงไม่ช่วยแถมด่า ว่าที่หนีออกมาและไปเข้าพวกกับศัตรู ทุกคนหาทางออกไม่ได้ บุราณตัดสินใจเสี่ยงชีวิตช่วยมะเมี๊ยะเอาไว้ได้ นางพญาทรายคำชี้ไปที่เหนือเพดานถ้ำ ทุกคนเห็นแสงสว่างด้านบนจึงพากันไต่ขึ้นไปแล้วหนีรอดมาได้

เมื่อหนีรอดพ้นมาได้อย่างหวุดหวิด ทุกคนต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่พบเห็นและแปลกใจที่ อิยะวดีหน้าเหมือนนางพญาดังกล่าว แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดมากนักเพราะอิยะวดีต้องการตามหาพ่อแม่ที่หายไป มะเมี๊ยะบอกละเอว่าแสนไทคือคู่หมั้นและสะมะแอคือพ่อเลี้ยงของเธอ และเมื่อมาถึงตรงนั้นเธอพอจำทางกลับบ้านได้แล้ว

มะเมี๊ยะจึงพาทุกคนลอบไปที่คุ้มลึกลับกลางป่าของสะมะแอกับแสนไท ที่นั่นพบว่าพวกแสนไทกับสะมะแอต่างบาดเจ็บกลับไป และพบว่าดำรงกับบัวบานโดนขังอยู่ที่นั่น ทุกคนจึงพยายามหาทางลอบช่วยเหลือดำรงกับบัวบานด้วยการหลบไปอยู่ในถ้ำแห่ง หนึ่ง และหาโอกาสลอบชิงตัวบัวบานกับดำรงคืนมา

ในการลอบไปสังเกตการณ์ทำให้พนา อิยะวดี และบุราณทราบว่าที่แท้ ส่างหม่องคือ คำรณ พวงมาลีคือเอมฤดี และนาถยาก็คือแสงแก้วนั่นเอง มะเมี๊ยะบอกว่าการเข้าไปช่วยบัวบานกับดำรงลำบากมาก เพราะแสนไทกับสะมะแอมีเวทมนต์และมีค่ายกลมากมาย ทางเดียวคือต้องเผาทิ้งทั้งคุ้ม แต่ก็ไม่คุ้มเพราะบัวบานกับดำรงจะโดนเผาไปด้วย

ในที่สุดอิยะวดีตัดสินใจช่วยแม่และพ่อด้วยการเอาตัวเข้าไปให้โดนจับเพื่อ ช่วยพ่อแม่ สะมะแอและทุกคนจึงจับอิยะวดีไว้ และพยายามจะบูชายันต์อิยะวดีอีกเพราะคิดว่าถึงน้ำจะท่วม ปากถ้ำจะโดนปิด สมบัติก็ยังอยู่ ถึงแสนไทยังรักอิยะวดีแต่ก็ติดขัดที่ต้องการสมบัติ แต่อิยะวดีก็ใช้อุบายหลอกล่อ แกล้งย้อนร้อยเอายาลืมความทรงจำให้แสนไทกิน ทำให้แสนไทกลายเป็นทำตามคำสั่งอิยะวดีและปล่อยตัวบัวบานกับดำรง

มะเมี๊ยะโดนจับได้ว่าทรยศจะโดนสองพ่อลูกฆ่าทิ้งเพราะโกรธแค้นมาก แต่บุราณก็ช่วยเอาไว้ได้อีก ทำให้สองคนต่างซาบซึ้งในน้ำใจกันและกัน

บัวบานกับดำรงกลับไม่ยอมมาเพราะโดนให้กินยาลืมความจำจะเป็นทาสรับใช้สะมะแอ ต่อไปแถมโวยวายว่าอิยะวดีเป็นคนร้าย ทำให้พวกสะมะแอ ส่างหม่อง พวงมาลีและแสงแก้วออกมาจะเล่นงานอิยะวดี อิยะวดีสั่งให้แสนไทเล่นงานพวกกันเอง แสนไทจึงเล่นงานพวงมาลีกับแสงแก้ว ส่วนส่างหม่องจะมาจับตัว อิยะวดี

มะเมี๊ยะกับพวกพนาตามมา ละเอพยายามเรียกให้ดำรงกับบัวบานรู้ตัว แสนไททำตามคำสั่งอิยะวดีเผาคุ้มตัวเอง คุ้มไหม้วอดวาย สะมะแอโกรธมาก แสนไทหัวเราะชอบใจว่าทำตามอิยะวดีสั่งแล้ว ส่วนพวกส่างหม่อง แสงแก้ว และพวงมาลีตายคากองไฟ บุราณโดนอาวุธของแสนไทพุ่งมาใส่ มะเมี๊ยะเอาตัวเข้ารับไว้แทน อาการสาหัส แต่ก็กินยาสมุนไพรรักษาตัวหายได้ในภายหลัง มะเมี๊ยะทำเหมือนไม่มีความสามารถ อ่อนแอ แต่ความจริงแอบมีวิชาอาคม ตอนหลังแอบมาสอนอิยะวดี ทำให้ อิยะวดีมีวิชาแปลกๆ ขึ้นมาด้วยเช่น วิธีทำอาวุธลับเป็นลูกไฟเล็กๆ โยนใส่ศัตรู ใครโดนเข้าจะปวดแสบปวดร้อนจนทนไม่ได้

ในที่สุดมนต์ของสะมะแอก็เสื่อมไป พวกสุชาติที่โดนขังอยู่รู้สึกตัว พรานเส็งกับลีกอไปช่วยพาหนีรอดพ้นไฟครอกมาได้ ที่นั่นทุกคนได้พบไม้จำนวนมากมายที่สะมะแอนั่นเองลอบตัดแล้วส่งไปขายประเทศ ใกล้เคียง จนร่ำรวย

กลับเข้าเมืองแล้ว พนากับอิยะวดีต่างเข้าใจกัน อรุณีกับพินิจขอหมั้นอิยะวดีกับดำรงและบัวบานท่ามกลางความยินดี อรุณีรับมะเมี๊ยะเป็นลูกสาวบุญธรรม และส่งไปเรียนภาษาและหนังสือกับครูหอมนวล ส่วนบุราณเขียนวิทยานิพนธ์เรื่องขุมทรัพย์นางพญาทรายคำโดยมีมะเมี๊ยะเป็นคน บอกเล่าเรื่องราวเท่าที่รู้ ทั้งสองกลายเป็นคนรู้ใจกัน

อิยวะดีกับพนายังคงพิทักษ์ป่า ดูแลสัตว์ ปลูกป่า ทางราชการเข้าใจพนาดีแล้ว พนากับ อิยะวดีได้พาทางการไปริบไม้ที่สะมะแอลอบตัด พนากับอิยวะดีมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งใดที่ไม่ใช่ของเรา ไม่ควรอยากได้มาเป็นเจ้าของ อิยวะดีฝันถึงเด็กนั่งแพกับฝูงวานรที่กลายเป็นเจ้านางพญาคนสวยที่หน้าเหมือน ตัวเองบอกขอบใจอิยะวดีที่นำสมบัติมาคืน และบอกว่าเธอคือเจ้าหญิงทรายคำ หลานสาวของนางพญาดาราเทวี ที่โดนเจ้ากุนริกนา จับตัวมาตอนปล้นสมบัติและขังไว้ ที่สุสานแห่งนั้นจนระเบิดนั่นเอง

พนากับอิยะวดี ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน อาศัยอยู่บ้านบนดอย สัญญาต่อหน้าขุนเขาว่าจะช่วยพลิกฟื้นผืนป่า ดูแลรักษา ปกป้องธรรมชาติและทุกชีวิตที่นั่นไม่ให้ถูกรุกรานตราบจนกว่าชีวิตจะหาไม่ มีมะเมี๊ยะกับบุราณสัญญาว่าจะมาอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยกันอีกสองแรงด้วย ทั้งสี่พากันเดินตรวจตราป่าไม้และดูแลสัตว์ในป่าโดยมีแม่มากับนาตาเลียร่วม ทางไปด้วยทุกหนทุกแห่ง

รายชื่อนักแสดง ธิดาวานร ภาค 2 ตอนขุมทรัพย์สุสานอัญมณี

วงศกร ปรมัตถากร แสดงเป็น พนา ในละครธิดาวานร ภาค 2
อาเมเรีย จาคอป แสดงเป็น อิยะวดี/เจ้าหญิงทรายคำ ในละครธิดาวานร ภาค 2
เขตต์ ฐานทัพ แสดงเป็น บุราณ ในละครธิดาวานร ภาค 2
อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์ แสดงเป็น มะเมี๊ยะ ในละครธิดาวานร ภาค 2
ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์ แสดงเป็น แสนไท ในละครธิดาวานร ภาค 2
อติมา ธนเสนีวัฒน์ แสดงเป็น เอมฤดี ในละครธิดาวานร ภาค 2
อุษณีย์ วัฒฐานะ แสดงเป็น พวงมาลี/แสงจิ่ง/นางกำนัล ในละครธิดาวานร ภาค 2
นวพล ภูวดล แสดงเป็น ลีกอ ในละครธิดาวานร ภาค 2
ทูน หิรัญทรัพย์ แสดงเป็น พินิจ ในละครธิดาวานร ภาค 2
ดวงดาว จารุจินดา แสดงเป็น อรุณี ในละครธิดาวานร ภาค 2
ศตวรรษ ดุลยวิจิตร แสดงเป็น ดำรง ในละครธิดาวานร ภาค 2
ฐรินดา กรรณสูต แสดงเป็น บัวบาน ในละครธิดาวานร ภาค 2
ชุมพร เทพพิทักษ์ แสดงเป็น สะมะแอ ในละครธิดาวานร ภาค 2
รชยา รักกสิกรณ์ แสดงเป็น นาถยา ในละครธิดาวานร ภาค 2
มัณฑนา หิมะทองคำ แสดงเป็น แสงแก้ว/จันสม/มเหสี ในละครธิดาวานร ภาค 2
ละคร ทีวี เรื่อง ธิดาวานร ภาค 2(ตอนขุมทรัพย์สุสานอัญมณี)

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ช่อง 7 สี ทีวีเพื่อคุณ