อ่านละครย่อเรื่อง ด้วยแรงอธิษฐาน ตอนที่ 17 (ตอนอวสาน)

อ่านละครย่อเรื่อง ด้วยแรงอธิษฐาน ตอนที่ 17 (ตอนอวสาน)
หลังจากโรงพยาบาลโทร.มาแจ้งเกตุมณีว่ากฤตย์ ฟื้นแล้ว ครู่ต่อมา ปิติ เกตุมณี และถุงแป้งมานั่งล้อมเตียงมองกฤตย์ด้วยความดีใจ ปิติถึงกับถอนใจโล่งอก เพราะกฤตย์หมดสติไปเกือบสองอาทิตย์ พวกเราต่างเป็นห่วงเกรงจะไม่ฟื้น กฤตย์มองไล่ไปทีละคน ถุงแป้งรีบทัก

"อย่าบอกนะว่าจำหลานสาวคนนี้ไม่ได้"

"ถุงแป้ง เกตุมณี ปิติ"

หมอเข้ามาตรวจอาการของกฤตย์แล้วพอใจมาก แต่ยังไม่อนุญาตให้ตำรวจมาสอบปากคำคนไข้ อยากให้รอไปอีกสักสองสามวันให้อาการคงที่ก่อน เกตุมณีพยักหน้าเห็นด้วย...

ทันทีที่นัทธมนรู้ว่ากฤตย์ฟื้นแล้ว เธอรีบตรงไปยังเจดีย์เก็บอัฐิของวรดา เอาดอกไม้มาวางหน้าเจดีย์

"ฉันขอโทษที่ทำตามเธอต้องการไม่สำเร็จ...ฉันเคยสงสัยนะ ว่าอะไรทำให้เธอหลงรักผู้ชายคนนี้จนพาตัวเองไปสู่จุดจบได้...ตอนนี้ฉันเลิกสงสัยแล้วล่ะว่าทำไมเธอถึงรักเขา"

จากนั้น นัทธมนมาหากฤตย์ที่ห้องพักฟื้น กฤตย์ถามว่าผิดหวังหรือเปล่าที่เห็นเขายังไม่ตาย นัทธมนอยากรู้ว่าทำไมเขาไปห้องเก็บของกับเธอ ทั้งๆที่รู้ว่าเธอมีพลังพิเศษ กฤตย์ยอมทุกอย่างถ้าจะทำให้นัทธมนหายแค้น นัทธมนท้วงว่าถึงแม้เขาจะยอมตาย ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเขาฆ่าวรดาไปได้

"ถ้าฉันบอกเธอว่าไม่ได้ทำ เธอจะเชื่อไหม...ไม่มีใครพิสูจน์ได้จริงๆแหละนะ"

"คุณรักวรดามากไหม"

"ฉันเชื่อว่า สิ่งนั้น ฉันพิสูจน์ให้เธอเห็นแล้ว ด้วยชีวิต ของฉันเอง"

"แล้วทำไม...คุณต้องฆ่าเธอด้วย พูดกันดีๆไม่ได้หรือ"

"ฉันรักเธอนะ...วรดา"

"หนูไม่ใช่วรดา"

"เธอบอกฉันเอง ว่าเธอคือวรดา จำได้ไหม...เธอยอมรับว่าเธอคือผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยรักฉัน"

"หนู...มาเพื่อจะยืนยันว่า หนูเกลียดคุณ...ฝากบอกตำรวจด้วยนะว่าจะตามจับหนูได้ที่ไหน...หนูรออยู่ที่บ้านนั่นแหละ" นัทธมนเดินจากไป กฤตย์อยากจะตามแต่ติดสายน้ำเกลือระโยงระยาง เลยได้แต่มองจนเธอลับสายตา โดยไม่รู้ว่าหญิงสาวเดินร้องไห้ตลอดทาง

ooooooo

อีกสองสามวันถัดมา หมอถึงอนุญาตกฤตย์กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน กฤตย์กลับบ้านยังไม่ทันอึดใจ ตำรวจตามมาสอบปากคำ แต่ก็ไม่ได้อะไรมากนัก กฤตย์อ้างว่าจำหน้าคนร้ายไม่ได้ เนื่องจากพวกนั้นใส่หน้ากากกันหมด ตำรวจซักอีกว่าคนร้ายมีกันกี่คน กฤตย์ทำเป็นนึก ก่อนบอกว่ามีสามหรือสี่คน

"เป็นคนในออฟฟิศหรือเปล่า ถ้าเป็นคนนอกไม่น่าจะเข้าข้างในได้ตั้งสามสี่คน"

กฤตย์ยืนยันกับตำรวจว่าเป็นคนนอก เพราะจำสำเนียงเหน่อๆของคนร้ายได้ ที่ออฟฟิศของเขาไม่มีใครพูดเหน่อแบบนั้น ปิติกับเกตุมณีแอบสงสัยว่ากฤตย์ต้องมีอะไรปิดบัง

"เอาล่ะครับ ยังไง ถ้าพอนึกอะไรออกอีก ก็โทร.แจ้ง

นะครับ" ตำรวจลากลับไป

ปิติติงว่าที่กฤตย์ให้ปากคำกับตำรวจ ไม่มีผลอะไรต่อรูปคดีเลย กฤตย์ไม่สนใจ อยากปล่อยให้เรื่องนี้จบๆไป เกตุมณีเป็นห่วงว่าถ้าจับคนร้ายไม่ได้ พวกนั้นอาจย้อนกลับมาเล่นงานกฤตย์อีก

"ผมยอมรับสภาพครับ"

ปิติกับเกตุมณีได้แต่หันมองหน้ากันอย่างแปลกใจ สงสัย...

มนทิราวางสายจากติสรณ์แล้ว เดินมาทรุดตัวนั่งข้างๆนัทธมน บอกลูกว่าติสรณ์โทร.มาเล่าให้ฟังว่า กฤตย์ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจำหน้าคนร้ายไม่ได้ นัทธมนกอดอกฟังอย่างไม่ยินดียินร้าย

"แกเป็นคนไม่อาฆาตคนจริงๆนะ แม่เชื่อว่าแกจำได้ แต่รู้จักให้อภัย"

"หรือไม่ก็อยากจะไถ่บาป เพื่อให้ตนเองสบายใจมากกว่า"

"หนูน่าจะปล่อยวาง รู้จักให้อภัยนะลูก จิตใจจะได้เบิกบาน"

นัทธมนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลง ไม่อยากรับรู้อะไรอีก...

ด้านถุงแป้งหยิบภาพวาดของลินจันทร์ที่เก็บไว้ในกล่องขนมออกมาพิจารณา ตัดสินใจโทร.ตามติสรณ์ให้ขับรถพาเธอไปหานัทธมน ระหว่างทางไปบ้านนัทธมน ติสรณ์พยายามตะล่อมถามว่ามีธุระอะไรด่วนกับนัทธมน ถุงแป้งไม่อยากเล่าตอนนี้เลยอ้างว่าเป็นเรื่องของผู้หญิงจะคุยกัน

"อะไรอยู่ในกล่องขนมน่ะ"

"เดี๋ยวก็ได้รู้ ขับรถไปดีๆ มองทางด้วย"

ติสรณ์บ่นอุบว่าช่วงนี้ดวงแท็กซี่ขึ้นจริง แล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปตามคำสั่งของถุงแป้ง สักพัก ทั้งคู่มาถึงบ้านนัทธมน ถุงแป้งยื่นกล่องขนมให้นัทธมน วานเพื่อนช่วยตีความภาพวาดของลินจันทร์ให้ที นัทธมนได้ยินชื่อลินจันทร์หูผึ่งขึ้นมาทันที รีบเอาภาพวาดออกมาเรียงบนพื้นบ้าน มองอย่างตื่นตาตื่นใจ

ถุงแป้งถามว่าคุ้นๆบ้างไหม นัทธมนพยักหน้า แล้วลองเปลี่ยนตำแหน่งภาพวาดใหม่ ติสรณ์ซักด้วยความสนใจว่าภาพเหล่านี้บอกว่าอะไรบ้าง นัทธมนชี้นิ้วไปตามภาพวาด พลางอธิบาย

"ผู้หญิงคนนี้ได้รับจดหมาย อ่านแล้วก็ออกไปตามนัด จากนั้นก็ถูกผู้ชายตีที่ด้านหลัง แล้วผู้หญิงอีกคนก็ออกมาช่วยผู้ชายลากผู้หญิงคนนี้ไปขังเอาไว้ ต่อจากนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็

โดนขังจนถึงกับพนมมือตั้งจิตอธิษฐานบางอย่าง"

ถุงแป้งคิดตาม จำได้ว่าเรื่องนี้คล้ายกับเรื่องของวรดา

ติสรณ์ตั้งข้อสังเกตว่าลินจันทร์ยังเป็นเด็ก จะมาเขียนเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร นัทธมนคาดว่าลินจันทร์น่าจะเป็นใครบางคนจากอดีตกลับชาติมาเกิด

"...รู้สึกผิด เขียนรูปสารภาพเอาไว้ ก่อนที่จะฆ่าตัวตาย"

นัทธมนได้ยินถุงแป้งพูด ถึงกับร้องเอะอะด้วยความตกใจ ติสรณ์แก้คำพูดของถุงแป้งใหม่ว่าลินจันทร์พยายามผูกคอตาย แต่ไม่สำเร็จเขาช่วยไว้ได้ทัน

"ลินจันทร์ยังจำเรื่องจากอดีตได้...เธอต้องการฆ่าตัวตายหนีความผิด...ลินจันทร์คือกุญแจที่จะรู้เรื่องความลับการตายของวรดา" นัทธมนสรุปเรื่องทั้งหมดแล้วจะไปหาลินจันทร์ ถุงแป้งกับติสรณ์ขอไปด้วย

"เธอช่วยฉันมามากแล้ว เธอสองคนง่วงนอน...นอนพักกันก่อนเถอะ" นัทธมนพูดขาดคำ ติสรณ์กับถุงแป้งเริ่มโงนเงน ก่อนล้มตัวลงนอนหลับบนโซฟา นัทธมนขอโทษเพื่อนทั้งสองคนแล้วผลุนผลันออกไป...

ขณะเดียวกัน ลินจันทร์อยู่เพียงลำพังในห้องนอน หยิบปลั๊กพ่วงเอาแต่สายไฟมาปอกพลาสติกหุ้มออก เหลือลวดทองแดงเป็นทางยาว เธอเอาส่วนที่เป็นลวดทองแดงรัดข้อมือตัวเองทั้งสองข้าง แล้วจับหัวปลั๊กขึ้นมานั่งมองอย่างลังเล...ส่วนอีกมุมหนึ่งของบ้านกฤตย์ แกมแก้วกำลังอาละวาดใส่กฤตย์ซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นว่า เธอไม่ทนอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วจะขอไปอยู่เมืองนอก

"จะไปไหนพี่ก็ไม่ว่า แต่ขอเวลาเคลียร์เรื่องให้มันเรียบร้อยก่อนได้ไหม"

"พี่กฤตย์เกือบตายไปคนแล้ว จะให้แก้วอยู่รอนังวรดามันมาเชือดเหรอ"

"เขาจะมายุ่งอะไรกับเรา"

"ไม่รู้ล่ะ แก้วต้องการเงินก้อนใหญ่"

"ใครจะมีเงินสดติดบ้านได้ตามที่แก้วต้องการ" เกตุมณีทักท้วง ปิติตำหนิแกมแก้วว่าไม่ห่วงลูกบ้างหรือ รู้ทั้งรู้ว่าลินจันทร์ เคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้ว กฤตย์ตกใจกับเรื่องราวที่เพิ่งได้ยิน ตัดพ้อว่าทำไมไม่มีใครบอกเขาสักคำ เกตุมณีอ้างว่ากฤตย์เพิ่งออกจากโรงพยาบาล เลยไม่อยากให้ได้ยินเรื่องไม่สบายใจ

"ลินจันทร์คิดฆ่าตัวตายทำไม"

"ไม่รู้ แกพยายามจะผูกคอตายแต่ไม่สำเร็จ"

กฤตย์เป็นห่วงหลานสาวมากรีบเข็นรถเข็นจะไปหา แกมแก้วโวยวายลั่นว่าจะหนีไปไหนเขายังคุยกับเธอไม่จบ แล้วจ้ำตาม...ด้านนัทธมนขับรถติสรณ์มาด้วยความเร่งรีบ ภาวนามาตลอดทางขออย่าให้ลินจันทร์เป็นอะไรไป เพราะความจริงเกี่ยวกับการตายของวรดาขึ้นอยู่กับลินจันทร์แต่เพียงผู้เดียว...

ลินจันทร์หยิบหัวปลั๊กพ่วงเสียบเข้ากับปลั๊กพ่วงอีกอันหนึ่ง แล้วหลับตาปี๋ เงียบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอมองไปอีกด้านของปลั๊กพ่วง หัวปลั๊กยังไม่ได้เสียบเต้าเสียบไฟข้างผนัง ทันใดนั้น มีเสียงทุบประตูห้องดังปังๆ

"ลินจันทร์ เปิดประตูนะ นี่ลุงกฤตย์เองหลาน"

"นังลูกชั่ว แกคิดจะทำอะไรอีก ทำไปเลย อยากตายก็ตายไปเลย"

เกตุมณีโกรธจัด ตบหน้าแกมแก้วฉาดใหญ่ แกมแก้วจ้องหน้าพี่สาวอย่างเอาเรื่อง เกตุมณีไม่สนใจตะโกนเรียกลินจันทร์ ให้มาเปิดประตู ลินจันทร์หน้าตาเลิ่กลั่ก ทำอะไรไม่ถูก ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ

ooooooo

ในเวลาไล่เลี่ยกัน มนทิรากลับจากซื้อของเข้ามาในบ้าน เห็นติสรณ์กับถุงแป้งนอนหลับอยู่บนโซฟาเขย่าตัวปลุกให้ตื่น สองคนสะลึมสะลือมองมนทิรา ติสรณ์ตั้งสติได้ มองซ้ายมองขวาถามหานัทธมน

"แม่มาก็เห็นเราหลับอยู่สองคนเนี่ย"

ถุงแป้งรีบชวนมนทิรากับติสรณ์ตามนัทธมนไปบ้าน กฤตย์ มนทิรายังงงๆไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...

ฝ่ายเกตุมณีเห็นท่าไม่ดีรีบไปหยิบกุญแจสำรองมาไขห้องลินจันทร์ ด้วยความที่พวงกุญแจสำรองใหญ่มากเลยไม่รู้ว่าดอกไหนเป็นดอกไหน เสียงแกมแก้วไล่ตะเพิดลูกให้รีบตายๆไปเสีย ดังแข่งกับเสียงร้องของลินจันทร์ที่อยู่ในห้อง ลินจันทร์

ทนไม่ไหว คลานไปเอาหัวปลั๊กพ่วงเสียบเข้ากับเต้าเสียบข้างผนัง

ในที่สุด ประตูห้องนอนลินจันทร์เปิดผลัวะ ทุกคนตกใจที่เห็นลินจันทร์มีสายลวดทองแดงรัดข้อมืออยู่ หัวปลั๊กเสียบ

กับเต้าเสียบเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลินจันทร์พยายามขยับหัวปลั๊กอย่างบ้าคลั่ง จังหวะนั้น มีเสียงพูดดังขึ้นด้านหลัง

"ฉันยอมให้คุณตายไม่ได้จริงๆ"

ทุกคนหันไปมองตามเสียง เห็นนัทธมนยกมือขึ้น คล้ายกับบังคับอะไรบางอย่างอยู่ สายไฟใกล้ตัวหญิงสาวลั่นเปรี๊ยะ สะเก็ดไฟแตกกระจาย แกมแก้วชี้หน้าด่านัทธมนลั่นว่านังปิศาจ ลินจันทร์กลัวนัทธมนมาก ถอดสายไฟที่พันมือออก วิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต นัทธมนย่างสามขุมตาม

ทุก คนกรูกันออกจากห้อง ปิติเข็นรถเข็นกฤตย์ตามเป็นสองคนสุดท้าย ลินจันทร์วิ่งเตลิดมาถึงสระว่ายน้ำ หน้าตาตื่นตระหนก จะวิ่งกลับไปทางเดิม แต่ไม่ทัน นัทธมนคว้าตัวเธอได้ลากมายืนขอบสระ

"กลัวใช่ไหมคะ...จำได้ไหมผู้หญิงคนหนึ่งเคยตายตรงนี้"

ลิน จันทร์ดิ้นรนแต่นัทธมนจับตัวไว้แน่น ปิติเข็นรถเข็นที่กฤตย์นั่งตามมา กฤตย์ขอร้องนัทธมนปล่อยลินจันทร์ไป แกไม่เกี่ยวอะไรด้วย ถ้าอยากแก้แค้นให้มาทำกับเขา

"หนูไม่ทำอะไรหรอกค่ะ ขอเพียงได้ยินความจริงจากปากคุณผาณิตเท่านั้น"

"ผาณิตตายไปแล้วนะ" ปิติติง

"เวียน ว่ายตายเกิด เราล้วนแต่อยู่ในวัฏจักรใช่ไหมคะ คุณผาณิต" นัทธมนมองหน้าลินจันทร์ แกมแก้วสั่งนัทธมนให้ปล่อยลูกของเธอเดี๋ยวนี้ นัทธมนเหน็บแกมแก้วว่าตกลงห่วงลูกหรือเกรงความจริงจะปรากฏถ้าเด็กคนนี้คือ ผาณิตจริงๆแกมแก้วไม่เชื่อว่าลินจันทร์คือผาณิตกลับชาติมาเกิดอย่างที่นัทธม นอ้าง

ด้านติสรณ์ขับรถของมนทิราจะเลี้ยวเข้าบ้านกฤตย์ เห็นรถของตัวเองที่นัทธมนขับมาจอดขวางอยู่ ติสรณ์ ถุงแป้งกับมนทิรารีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที...

นัทธมนอุ้มลินจันทร์ โดยเอาเท้าของแกแหย่ลงไปในน้ำ สั่งให้เล่าความจริงทั้งหมดมา เกตุมณีท้วงว่าลินจันทร์เป็นใบ้ จะพูดได้อย่างไร นัทธมนไม่ต้องการให้ลินจันทร์พูด แต่ต้องการให้ผาณิตพูดต่างหาก จังหวะนั้น มนทิรา ถุงแป้งกับติสรณ์วิ่งตามเข้ามา มนทิราขอร้องนัทธมนให้หยุดเดี๋ยวนี้

"คุณ แม่คะ คุณแม่กำลังจะได้ยินความจริงทุกอย่างพร้อมหนูนี่แหละ...คุณผาณิตคะ คุณคงไม่อยากอยู่ในสภาพเดียวกับที่วรดาเคยเจอหรอก" นัทธมนเอาขาลินจันทร์จุ่มน้ำลงไปครึ่งขา ลินจันทร์กลัวลนลาน

"ยอมแล้ว...ฉันยอมแล้ว ฉันขอโทษ...ฉันผิดไปแล้ว...ฉันกลัว"

ทุก คนตกใจ ประหลาดใจ ไม่ใช่เพียงแค่ลินจันทร์พูดได้ แต่เสียงที่พูดออกมาเป็นเสียงผาณิตชัดๆ นัทธมนวางลินจันทร์ ลงข้างสระน้ำ ถามว่าความจริงแล้วคืนนั้น เกิดอะไรขึ้น แกมแก้วหน้าตาตื่น เหลียวซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก ลินจันทร์สะอึกสะอื้นเล่าออกมาเป็นเสียงผาณิต

"คืน นั้น...ฉันเองเป็นคนส่งจดหมายไปนัดเธอออกมา... ไม่ใช่คุณกฤตย์...ฉันรู้ว่าถ้าเป็นคุณกฤตย์ เธอต้องยอมออกมาแน่ๆ แล้วเธอก็ออกมาจริงๆ...แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ มีคนคอยลอบทำร้ายเธออยู่"

"แล้วใครกันเป็นคนลอบทำร้ายฉัน"

ผาณิต ในคราบของลินจันทร์เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังว่า วรดาถูกรุจน์ฟาดด้วยไม้จากด้านหลังจนหมดสติไป แกมแก้วเดินเข้ามาสมทบหลังจากวรดาสลบไปแล้ว

"สวยก็ไม่สวย ยังจะแข่งรัศมี...ออกมาได้แล้ว แม่จอมวางแผน"

ผาณิตออกมาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ ท่าทางตื่นกลัว "เอากันอย่างนี้เลยเหรอ...ตายไหม"

"ยัง...คนไม่ตายกันง่ายหรอก" รุจน์โยนไม้ทิ้ง ยืนรอคำสั่งจากแกมแก้วว่าจะให้ทำอย่างไรต่อ

"ใช่...ฉันไม่ยอมให้มันตายง่ายๆหรอก...มันจะสบายเกินไป"

เสียง ผาณิตยังคงออกจากปากของลินจันทร์อย่างต่อเนื่อง ขอร้องวรดายกโทษและขออโหสิกรรมให้เธอด้วย นัทธมนนิ่งอึ้งที่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดกฤตย์ไม่เกี่ยวข้องด้วยเลย กฤตย์ถอนใจ มองแกมแก้วอย่างตำหนิ

"อะไร...นี่ทุกคนเชื่อนังปิศาจนั่นหมดเลยเหรอ...มันลวงตาเราอยู่นะ" แกมแก้วโวยลั่น

"เล่าต่อสิคะ คุณผาณิตว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น เกิดอะไรขึ้น" นัทธมนเสียงดัง ลินจันทร์สะดุ้งโหยง

"จาก นั้น แกมแก้วกับนายรุจน์ก็ช่วยกันลากเธอไปที่ห้องหลบภัย...มาที่นี่ ที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง" ลินจันทร์หน้าสลด เล่าอีกว่าเธอพยายามทัดทานแล้ว แต่แกมแก้วไม่ฟัง ต้องการขังวรดาให้ตายทั้งเป็นที่นี่ และขู่ว่าถ้าผาณิตปากโป้งก็จะพลอยติดร่างแหไปด้วย เพราะเป็นคนวางแผนส่งจดหมายให้วรดา

นัทธมนเศร้าใจเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด "คุณกฤตย์...หนูขอโทษ"

"ตลอดเวลา เธอทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนะ แกมแก้ว" กฤตย์เหลียวมองแกมแก้ว แต่เธอไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว

"คุณผาณิต กรรมที่คุณก่อ คุณก็ได้รับมันในชาตินี้แล้ว เรื่องที่ผ่านมา ฉันอโหสิกรรมให้คุณ"

สิ้น เสียงนัทธมน ลินจันทร์เป็นลมล้มพับไปทันที...ด้านแกมแก้วกวาดเครื่องประดับมีค่ากับ เสื้อผ้าข้าวของที่พอจะหยิบฉวยได้ใส่กระเป๋าเดินทาง รีบเผ่นขึ้นรถ ขับออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว...

หลังจากแยกย้ายกันตามหาแกมแก้วทั่ว บ้าน ทุกคนไปรวมตัวกันที่ห้องโถง ไม่มีใครเจอตัวแกมแก้ว เกตุมณีประคองลินจันทร์ซึ่งยังนอนหมดสติไว้ในอ้อมกอด

"น่าสงสารลินจันทร์...ที่ความทรงจำจากชาติที่แล้วยังตามมาหลอกหลอนอยู่ตลอด"

"ไม่ใช่ลินจันทร์คนเดียวหรอก...เราทุกคนก็ถูกความหลังตามหลอนอยู่เหมือนกัน" กฤตย์หน้าเศร้า

"เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ...คุณแม่" นัทธมนรู้สึกผิดเต็มหัวใจ ไม่กล้าสบตากฤตย์

"หนูจะไม่พูดอะไรกับคุณกฤตย์เขาหน่อยเหรอลูก"

นัท ธมนมองกฤตย์ แต่เพราะความน้อยใจ กฤตย์เลยบอกว่ายังไม่มีอะไรจะคุยด้วย นัทธมนคิดว่าเขาโกรธเลยขอตัวกลับก่อน ติสรณ์อาสาไปส่ง แล้วเดินประคองนัทธมนที่เหนื่อยล้าออกไปพร้อมกับมนทิรา กฤตย์ลอบถอนใจ เมื่อเห็นติสรณ์ กับนัทธมนสนิทสนมกัน

ooooooo

ติสรณ์อยู่เป็น เพื่อนนัทธมนที่บ้านจนมืดค่ำ นั่งเล่นลูกคิวบิกอยู่นานสองนาน แต่ยังหมุนลูกสี่เหลี่ยมให้สีเหมือนกันทั้งหกด้านไม่ได้ ถามนัทธมนว่ามีพลังพิเศษอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

"นานแล้ว"

นัท ธมนดึงลูกคิวบิกจากมือติสรณ์ บิดมันไปมาโดยไม่ต้องมอง อึดใจเดียว คืนคิวบิกที่สีเหมือนกันทั้งหกด้านให้ ติสรณ์ เขาถึงกับอึ้ง ถามว่าพลังพิเศษที่ว่าเอาชนะอะไรก็ได้ใช่ไหม มนทิราชิงตอบก่อน

"แต่ชนะใจคนไม่ได้หรอกนะ อำนาจมีไว้แค่บังคับ ถ้าจะชนะใจคนต้องเอาใจเข้าแลก"

"หนูไม่ได้ต้องการจะชนะใจใครนี่คะ"

มนทิรามองหน้าลูก ถามว่าแน่ใจหรือ นัทธมนหลบตา ไม่กล้ายืนยันกับแม่...

ใน เวลาเดียวกัน กฤตย์ ปิติและถุงแป้ง นั่งล้อมวงคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ปิติทึ่งในพลังพิเศษของนัทธ–มนมาก ถึงกับออกปากชมว่าพลังของเธอไม่ธรรมดาจริงๆ กฤตย์รู้เรื่องพลังนี้มานานแล้ว

"หนูก็แอบสงสัยอยู่ตงิดๆเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะเก่งขนาดนี้"

เกตุมณียกถาดใส่แก้วนมเข้ามา "เอ้า...บำรุงกันหน่อยทุกคน...โดยเฉพาะคนขาเจ็บนี่นะ...จะได้มีแคลเซียมไปสร้างกระดูก"

"ขอบคุณครับพี่เกตุ...แล้วลินจันทร์ล่ะครับ"

"หลับไปแล้ว เหมือนแกจำเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ"

"จำ ไม่ได้ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะความทรงจำมันมักจะทำให้เราเจ็บปวดเสมอ" กฤตย์ซึม หวนคิดถึงความทรงจำที่แสนเจ็บปวด เมื่อครั้งที่เขาประคองวรดาไว้ในอ้อมกอด พยายามเรียกหญิงคนรักซึ่งสิ้นใจไปแล้ว เขาจับมือเธอขึ้นมาจูบอย่างอาลัยรัก เห็นแหวนหมั้นที่ตัวเองเคยสวมให้เธอ ยิ่งเสียใจ...

ครู่ต่อมา กฤตย์นั่งอยู่กับพื้นห้องนอนหน้าตู้เสื้อผ้า หยิบแหวนหมั้นที่เขาเคยให้วรดาขึ้นมาจากกล่องที่มีภาพถ่ายของวรดากับสิ่งของ เล็กๆน้อยๆที่เกี่ยวกับเธอ เกตุมณีเดินเข้ามาเห็น เอ็ดว่ายังไม่หายดี ทำไมลงไปนั่งกับพื้นอย่างนั้น แล้วรีบประคองเขามานั่งบนเตียงนอน กฤตย์มองแต่แหวนในมือตัวเอง

"แหวนวงนี้เคยเป็นของวรดา"

"คืนให้เขาอีกทีตอนนี้ก็ยังได้นะ"

กฤตย์ พูดอย่างท้อๆว่า เขากับนัทธมนอายุห่างกันเกือบยี่สิบปี ไม่อยากเป็นภาระให้ใครต้องลำบากมาดูแลเขาตอนแก่ เกตุมณีค้านว่าเขาไม่ได้ดูแก่ขนาดนั้นสักหน่อย กฤตย์รู้ตัวเองดี ตัวเลขยี่สิบปีมันฟ้องอยู่

"เชื่อไหมว่า สุดท้ายคนเราทุกคนจะแก่ทันกัน...ของแบบนี้ถึงที่สุดแล้ว มันอยู่ที่ใจ บางคู่อาจจะมีช่วงชีวิตคู่ที่อยู่ร่วมกันแค่สิบปี แต่ถ้ามันเป็นสิบปีที่มีความสุขก็ยังดีกว่าอยู่ด้วยกันสี่สิบปีโดยมีแต่ความ ทุกข์นะ"

"ทฤษฎีเข้าข้างคนแก่รึเปล่าครับพี่" กฤตย์ยิ้มให้พี่สาว รู้สึกดีขึ้น เกตุมณีพลอยยิ้มไปด้วย...

ด้าน แกมแก้วขับรถหนีมาได้พักใหญ่ แต่แล้วคิดขึ้นมาได้จากสมองอันชั่วร้ายว่า "ถ้าฉันอยู่อย่างมีความสุขไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าใครจะมีความสุขเลย" แกมแก้วกลับรถ มุ่งหน้ากลับทางเก่า

ooooooo

วันรุ่งขึ้น กฤตย์นั่งรอนัทธมนอยู่ในรถซึ่งจอดอยู่หน้าสถานศึกษา มองแหวนหมั้นในมืออย่างมีความหวัง ไม่นานนัก เขาเห็นนัทธมนเดินมาแต่ไกล ขยับจะลงจากรถแต่ต้องเปลี่ยนใจ เมื่อเห็นติสรณ์วิ่งมากอดคอนัทธมนอย่างสนิทสนม กฤตย์ปิดประตูรถ มองหน้าตัวเองในกระจกส่องหลัง

"คิดอะไรอยู่วะ...ไอ้แก่เอ๊ย" กฤตย์รีบขับรถออกไปจากตรงนั้น

สักพัก ติสรณ์กับนัทธมนตามมาสมทบกับถุงแป้งซึ่งนั่งรออยู่ในโรงอาหาร ติสรณ์บอกถุงแป้งว่าหาเพื่อนเจ้าสาวให้เธอได้แล้ว เป็นแบบพิเศษของแท้ ดีไม่ดีพาเหาะได้อีกด้วย นัทธมนงงว่าพูดอะไรกัน

"เรียนจบ...เขาจะขอแป้งแต่งงาน...บ้ารึเปล่าเนี่ย" ถุงแป้งเขินหน้าแดง

นัทธมนทักว่าไม่เร็วไปหน่อยหรือ ถุงแป้งตีแขนเพื่อนหนึ่งที ปรามว่าอย่าพูดไป เดี๋ยวติสรณ์เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเธอจะไม่ได้แต่งงาน นัทธมนถึงกับร้องอ้าว ตกลงว่าจะเอาอย่างไร กันแน่ แต่พอเห็นทั้งคู่ทำท่ากุ๊กกิ๊กหยอกกันไปมา นัทธมนรู้ทันทีว่าทั้งคู่จะแต่งงานกันจริงๆ พลอยยินดีไปกับเพื่อน...

กฤตย์เดินกะเผลกๆใช้ไม้เท้าค้ำยันเข้ามาในบ้าน ปิติวางโทรศัพท์แล้วหันมาบอกกฤตย์ว่า ไม่ได้ข่าวแกมแก้วเลย ไม่รู้ไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ถามว่าพวกเราจะทำอย่างไรกันดี กฤตย์เชื่อว่าเมื่อไหร่ที่แกมแก้วขายสมบัติติดตัวไปหมดก็คงจะกลับมาเอง

"ถ้า...แกมแก้วไม่กลับมา ยังไงฉันกับเกตุมณีตกลงกันแล้วว่า จะขอยายลินจันทร์ไปเลี้ยงเป็นลูกที่ต่างจังหวัด จะขัดอะไรไหม"

"ก็แล้วแต่เจ้าตัวเขาก็แล้วกัน"

"แต่นายต้องอยู่ที่นี่คนเดียวน่ะสิ...เหงาแย่เลย"

"สุดท้ายแล้ว คนเราทุกคนก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ" กฤตย์สีหน้าหม่นหมอง ปิติมองแล้วหดหู่ใจ...

ค่ำแล้ว เกตุมณีอาบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตา หวีผมให้ลินจันทร์ ด้วยความรัก ออกปากชวนเด็กน้อยไปอยู่รีสอร์ตที่ต่างจังหวัดด้วยกัน อวดว่าที่นั่นมีภูเขา มีที่โล่งๆให้วิ่งเล่นด้วย ลินจันทร์ เอียงคอมอง ไม่เข้าใจ

"ไปเป็นลูกแม่เกตุไง เอาไหม...หือ...ลูกสาว" เกตุมณียิ้มอบอุ่น ลินจันทร์เข้าใจความหมายโผกอดเกตุมณีแน่นแทน คำตอบ...

ขณะที่นัทธมนกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง เงาสะท้อนในกระจกเงาของโต๊ะเครื่องแป้งร้องเรียกนัทธมนให้ตื่น นัทธมนลืมตาลุกขึ้นนั่ง ถอนใจเหนื่อยใจ บอกว่าเธอเลิกคิดถึงเงาสะท้อนของตัวเองแล้ว ทุกอย่างก็จบไปแล้ว เงาสะท้อนไม่ยอม จะจบได้อย่างไรในเมื่อคนที่ทำร้ายวรดายังไม่ถูกลงโทษ

"ฉันเหนื่อย เหนื่อยจริงๆนะ มีคนตายคนเจ็บ คนเสียใจมากเกินไปแล้ว ฉันฝันร้ายมานานเกินไปแล้ว"

"แล้วเธอก็จะต้องอยู่กับฝันร้ายแบบนี้ตลอดไป ถ้าเธอยังไม่กำจัดมัน ไม่ลงโทษมันนังแกมแก้ว...เรารอกันมาสิบเก้าปี ข้ามภพข้ามชาติมาเพื่อสิ่งนี้นะ" เงาสะท้อนในกระจกดูไม่ค่อยพอใจ

"เธอต่างหาก ข้ามภพข้ามชาติมาเพื่อสิ่งนี้ ฉันอยู่ที่นี่ ตรงนี้ ฉันจะกลับไปเป็นนัทธมนคนเดิม ลูกที่ดีของแม่อีกครั้ง"

"ตื่นมาพบกับความจริงได้แล้ว นัทธมน"

นัทธมนสะดุ้งเฮือก ตื่นจากฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะอาหาร นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มแล้ว ประตูบ้านยังเปิดอยู่ เธอเดินมาชะเง้อมองไปหน้าบ้าน แล้วกดโทรศัพท์หาแม่ แต่ไม่มีใครรับสาย นัทธมนไม่สบายใจมาก...

ขณะเดียวกัน ที่โกดังก่อสร้างไร้ผู้คน มนทิราถูกมัดงอก่องอขิงอยู่กับพื้น โทรศัพท์มือถือของเธอตกอยู่ไม่ห่างนัก เธอพยายามตะกายจะหยิบ แต่แกมแก้วเดินเข้ามาคว้าไปเสียก่อน

"นึกว่าฉันโง่หรืออย่างไร...เอาน่า เดี๋ยวคงได้เจอลูกหรอกน่า...นะ" แกมแก้วหย่อนโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นลงในขวดโหลน้ำกรด เกิดฟองฟู่จากการกัดกร่อนควันคลุ้ง

ooooooo

ติสรณ์กับถุงแป้งมาหานัทธมนที่บ้านทันทีที่รู้ว่ามนทิราหายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน นัทธมนเกรงว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวพันกับแกมแก้ว ถุงแป้งเห็นด้วย ถามว่าแกมแก้วติดต่อมาหรือยัง นัทธมนส่ายหน้า

"เขาคงคิดหนักแหละ ทำอะไรบุ่มบ่ามก็ไม่ได้ เห็นฤทธิ์ เธอมาแล้วซะขนาดนั้น" ติสรณ์ตั้งข้อสังเกต

"แล้วแม่ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย"

"ฉันว่าน้าแก้วฉลาดนะ สิ่งเดียวที่จะคานอำนาจเธอได้ตอนนี้ก็คือ ความปลอดภัยของแม่เธอนี่แหละ"

นัทธมนยิ่งหวั่นใจ เกรงแม่จะถูกทำร้าย...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน กฤตย์ซึ่งยังเดินขากะเผลกๆ มาทำงานเป็นวันแรกหลังจากได้รับบาดเจ็บ พวกพนักงานพากันยืนตบมือต้อนรับเจ้านาย เลขาฯ กระเซ้ากฤตย์ว่าขยันเกินไปหรือเปล่า

"เดี๋ยวลูกค้าหนีหมดพอดี...เราใช่ไหมเป็นคนบอกให้ไปตามหาที่เรือนเก็บของ"

"ค่ะ...วันนั้นไม่รู้นึกยังไงอยู่ๆคำว่าเรือนเก็บของๆมันกระแทกเข้ามาอยู่นั่นแหละ จนต้องพูดออกมา"

กฤตย์แปลกใจ ถามว่าวันนั้นมีใครอยู่ที่นี่บ้าง พอรู้ว่านัทธมนอยู่ด้วย เขาเดาได้ทันทีว่าต้องเป็นฝีมือเธอแน่ๆ รีบผลุนผลันออกจากสำนักงานตรงไปหานัทธมนที่บ้าน เพื่อขอบใจเธอที่ปลดปล่อยและให้อภัยเขา

"คุณไม่ได้ทำอะไรหนู หนูจะไปมีสิทธิ์อะไรอภัยให้คุณ"

"เธอปล่อยฉันออกมาจากห้องนั้นทั้งๆ ที่ยังคิดว่าฉันเป็นคนทำร้ายเธอ นั่นแหละ อภัย...นั่นแหละคือการยกโทษให้"

"หนูไม่ได้เป็นคนพาพวกนั้นไปพบคุณที่เรือนเก็บของสักหน่อย" นัทธมนปากแข็งไม่ยอมรับ

"คงไม่เป็นการบังเอิญหรอกมั้ง ที่อยู่ดีๆคนของฉันจะคิดถึงสถานที่แห่งนั้นขึ้นมาได้ในวันที่เธออยู่ตรงนั้นพอดี" กฤตย์จ้องหน้านัทธมนเขม็ง นัทธมนอึกอัก ไม่รู้จะพูดอะไร

จังหวะนั้นมีเสียงโทรศัพท์มือถือของนัทธมนดังขึ้น นัทธมนรับสายจำได้ทันทีว่าเป็นเสียงแกมแก้ว รีบเดินเลี่ยงมาพูดอีกมุมหนึ่งไม่อยากให้กฤตย์ได้ยิน แกมแก้วถามว่าอยากได้แม่คืนไหม นัทธมนรับคำ

"ดี...แกมาคนเดียวนะ ห้ามบอกใคร ไม่งั้นแม่แกไม่ได้ตายดีแน่"

"ค่ะ...ที่ไหนคะ...ได้ค่ะ...ฉันจะไปค่ะ" นัทธมนวางสาย ขณะที่กฤตย์จ้องมองเธออย่างสงสัย นัทธมนแต่งเรื่องว่าเพื่อนโทร.มาตาม ต้องขอตัวก่อน

"ติสรณ์งั้นเหรอ"

นัทธมนรีบเออออตาม แล้วเดินขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยวางโทรศัพท์มือถือเอาไว้ กฤตย์หยิบมันขึ้นมากดดูเบอร์โทร.เข้าล่าสุดแล้วกดโทร.ออก...ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของแกมแก้วดังขึ้น แกมแก้วดูเบอร์โชว์หน้าจอ ก่อนจะ กดรับสาย "นังปีศาจ...รีบๆมาเร็วเข้า อย่าโอ้เอ้พิรี้พิไร ไม่งั้นแม่ของแกตาย"

แกมแก้ววางสายแล้วขว้างมันทิ้งโดยไม่รอคำโต้ตอบใดๆ กฤตย์ถือสายค้าง ตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน จะโทร.กลับอีกครั้ง แต่นัทธมนเดินลงมาเสียก่อน กฤตย์รีบวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม แกล้งถามหามนทิรา

"คุณแม่...เอ่อ...ไปธุระค่ะ"

กฤตย์พยักหน้ารับรู้ ขอตัวกลับ แล้วรีบเดินออกจากบ้าน นัทธมนเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า เดินไปไหว้รูปถ่ายของพ่อบนหิ้ง ขอให้ท่านช่วยคุ้มครองแม่ด้วย แล้วขึ้นรถขับออกไปทันที อารามรีบร้อนไม่ทันสังเกตเห็นรถของ

กฤตย์ขับตาม...

ขณะเดียวกัน มนทิราดิ้นจนเชือกมัดมือหลุด คลานไปได้นิดเดียวก็ชนผนังทั้งสี่ด้าน เธอไม่รู้ว่าตัวเองถูกขังไว้ที่ไหน รู้แต่ว่าเป็นที่แคบๆมืดทึบ เธอพยายามทุบรอบๆด้านร้องขอความช่วยเหลือ แต่ทุกอย่างเงียบ

ooooooo

กฤตย์รอจนนัทธมนเดินหายเข้าไปในโกดังร้าง โทร.ตามปิติให้มาช่วย แต่ติดต่อไม่ได้ แบตฯโทรศัพท์ ของเขาใกล้หมด ตัดสินใจโทร.หาถุงแป้ง วานหลานช่วยติดต่อปิติให้ที แล้วบอกสถานที่ที่ปิติจะต้องไป

"ค่ะ...ได้ค่ะ...รู้จักค่ะ...ฮัลโหลๆ"

กฤตย์ยังพูดไม่จบแบตฯของเขาหมด ติสรณ์ซึ่งกำลังขับรถอยู่ ถามถุงแป้งว่ากฤตย์โทร.มาทำไม ถุงแป้งไม่รู้ รายละเอียดอะไรมาก รู้แค่กฤตย์ต้องการให้พ่อของเธอไปเจอเขาด้วยท่าทางรีบร้อน ถุงแป้งโทร.หาติดต่อพ่อไม่ได้ เลยชวนติสรณ์ไปหากฤตย์กันเองเพราะรู้ว่าเขาต้องการความช่วยเหลือ...

ด้านแกมแก้วยืนหงุดหงิดรออยู่ในโกดังร้าง อยู่ๆร่างของเธอปลิวไปกระแทกผนัง ก่อนหล่นพื้น แกมแก้วยันตัว

ลุกขึ้น เห็นนัทธมนเดินเข้ามาหา พร้อมกับโบกมือ ลังลอยกระแทกแกมแก้วหงายท้องตึง

"ปล่อยแม่ฉันมาซะ คุณแกมแก้ว"

"เอาสิ...ฆ่าฉันเลยก็ได้ แม่แกจะได้อดตายเหมือนแกไงล่ะ"

นัทธมนใช้พลังยกแผงไม้ลอยเหนือหัวแกมแก้วแต่ไม่กล้าปล่อยลงมา แกมแก้วท้าให้ฆ่าตัวเธอเสีย นัทธมนเกรงจะไม่ได้เจอแม่ เหวี่ยงแผงไม้นั้นทิ้ง แกมแก้วยิ้มได้ใจเดินเข้าหานัทธมน

"ไงล่ะ...ไม่เก่งอีกแล้วเหรอ เก่งสิ...อวดอำนาจสิ ทำไมไม่ทำล่ะ" แกมแก้วตบนัทธมนซ้ายขวาๆจนล้มกลิ้งไม่เป็นท่า แล้วตามขึ้นคร่อม ตบซ้ำอีกจนนัทธมนเลือดกบปาก

"เอาสิ...อุตส่าห์ตามข้ามภพข้ามชาติมาไม่ใช่เหรอ... ทำไมมาสิ้นฤทธิ์เอาตรงนี้ล่ะ"

"ปล่อยแม่ฉันไปก่อนสิ" นัทธมนมองแกมแก้วอย่างแค้นจัด

"ได้...แกกินน้ำกรดนี่ก่อนสิ แล้วฉันจะบอกว่าแม่แกอยู่ที่ไหน" แกมแก้วเดินไปหยิบโหลน้ำกรดมาจับปากนัทธมนบีบจะกรอกน้ำกรดใส่ กฤตย์เข้ามาผลักแกมแก้วกระเด็น โหลน้ำกรดแตกควันคลุ้ง ขังเป็นแอ่ง นัทธมนแปลกใจที่กฤตย์ ตามมาถูก แกมแก้วโวยวายลั่น หาว่านัทธมนบอกกฤตย์

"ฉันไม่ได้บอกใครทั้งนั้น"

"เขาไม่เกี่ยว เขาไม่ได้บอกอะไรเลย"

"พี่กฤตย์จะเข้าข้างมันเหรอ...พี่กฤตย์ไม่สนใจเลยใช่ไหมว่าแก้วจะเป็นไง"

"เราทำผิดมามากพอแล้วนะ" กฤตย์หันหลังให้แกมแก้ว เดินกะเผลกๆไปหานัทธมน แกมแก้วสบโอกาสตอนกฤตย์เผลอ คว้าไม้หน้าสามตีเข้าที่ขาเขาจากด้านหลัง จนล้มลงข้างๆนัทธมน...ฝ่ายติสรณ์กับถุงแป้งขับรถมาจอดเทียบรถของกฤตย์ ทั้งคู่แปลกใจที่เห็นรถของนัทธมนจอดไม่ห่างกันนัก...

แกมแก้วถือไม้เดินเข้าหากฤตย์หมายจะฆ่าให้ตาย นัทธมนทักท้วงว่านั่นพี่ชายของแกมแก้วเอง แต่แกมแก้วไม่สนใจ สั่งนัทธมนให้เลือกเอาระหว่างแม่ตัวเองกับคนรักจะเก็บใครไว้

"แกมแก้ว...บ้าไปแล้วหรือ" กฤตย์พยายามพูดเตือนสติ

แกม แก้วไม่ฟัง เอาไม้ตีเข่าเขาซ้ำอีก กฤตย์ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด นัทธมนตัดสินใจยากลำบาก จังหวะนั้น นัทธมนมองเลยไปด้านหลังแกมแก้ว เห็นติสรณ์กับถุงแป้งวิ่งตามเข้ามา เธอหลับตาใช้พลังพิเศษ ทำให้แกมแก้วเห็นทั้งคู่เป็นปณิตากับสร้อย ทีแรกแกมแก้วงงๆไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

นัทธมนใช้พลังเพิ่มอีก แกมแก้วได้ยินปณิตาพูดว่า "เราหลอกนังนัทธมนมันสำเร็จ"

"ใช่ค่ะ...เราแกล้งเป็นบ้า ไม่อย่างนั้น มันจะมาถึงวันนี้เหรอ" สร้อยเสริม

ในที่สุดแกมแก้วก็เชื่อ ยิ้มดีใจ "ฉันไม่ได้อยู่คนเดียวๆ...เธอหลอกฉันซะสนิทเลย"

"จะหลอกพวกมันได้ ก็ต้องหลอกพวกเดียวกันให้ได้เสียก่อนสิ"

กฤตย์ มองอย่างงงๆเห็นแกมแก้วพูดอะไรเป็นตุเป็นตะกับติสรณ์และถุงแป้ง ทั้งติสรณ์กับถุงแป้งได้แต่พยักหน้าเออออไปตามเรื่อง แกมแก้วได้ยินปณิตาถามว่าเอาแม่ของนัทธมน ไปไว้ที่ไหน แกมแก้วป้องปากกระซิบปณิตาและสร้อย แล้วยิ้มเยาะว่า นังนั่นไม่มีทางหาแม่ของมันเจอแน่ๆ

"แต่เราสองคนหาเจอ" ถุงแป้งยิ้มอย่างผู้ชนะ

แกม แก้วมองคนที่ตัวเองเพิ่งกระซิบด้วยอีกครั้ง คราวนี้ เห็นเป็นถุงแป้งกับติสรณ์แทน แกมแก้วรู้ทันทีว่าโดนนัทธมนใช้พลังหลอก นัทธมนลุกขึ้นยืน ถามถุงแป้งว่ารู้ที่ซ่อนแม่ของเธอแล้วใช่ไหม ติสรณ์กับถุงแป้งพยักหน้า วิ่งออกไปอีกทาง นัทธมนตะโกนไล่หลังว่าฝากแม่ของเธอด้วยแล้วหันหาแกมแก้ว

"ลาก่อน...คุณแกมแก้ว"

แกม แก้วเห็นท่าไม่ดีถอยกรูด ก่อนหันหลังวิ่งหนี นัทธมนตามติด กฤตย์ตะโกนขอร้องว่าอย่าทำร้ายแกมแก้ว...ทางด้านติสรณ์กับถุงแป้งวิ่งมาตาม ตู้คอนเทนเนอร์เก่าๆแถวนั้นแล้วเปิดตู้หนึ่งออก เห็นมนทิรานอนหมดแรงอยู่ด้านใน ติสรณ์ กับถุงแป้งรีบเข้าไปปฐมพยาบาล...

อีก ด้านหนึ่งของโกดังร้าง นัทธมนยังคงย่างสามขุมเข้าหาแกมแก้ว พร้อมกับใช้พลังยกแผงไม้ใหญ่ลอยตามแกมแก้วซึ่งยังคงวิ่งหนี เสียงกฤตย์ร้องเรียก "วรดา" นัทธมนหยุดกึก หันมามองเขา

"อภัยได้ไหม...วรดา"

แกม แก้วได้ทีเห็นนัทธมนหันไปมองกฤตย์ คว้าเหล็กแหลมพุ่งเข้าใส่ นัทธมนรู้ทันรีบเอี้ยวตัวหลบแต่ไม่พ้น เหล็กแหลมเฉี่ยวสีข้างเลือดสาด แกมแก้วเสียหลักล้มลงหน้าทิ่มน้ำกรดซึ่งขังเป็นแอ่งที่พื้น ถึงกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด น้ำกรดกัดหน้าเหวอะหวะ นัทธมนเห็นอย่างนั้นแล้วปล่อยแผงไม้ลงพื้น

"...ฉันอโหสิกรรมให้คุณ...คุณแกมแก้ว"

นัทธมนทรุดฮวบหมดแรงหลังจากใช้พลังไปมาก

ติสรณ์กับถุงแป้งพามนทิราเข้ามา ถุงแป้งปราดเข้าไปประคอง กฤตย์ ขณะที่ติสรณ์วิ่งไปดูแลนัทธมน ส่วนมนทิรามองแกมแก้วอย่างปลงๆ

ooooooo

กฤตย์ นอนเข้าเฝือกอยู่ในห้องพักฟื้น ปิติ เกตุ-มณีกับถุงแป้งนั่งล้อมเตียงอย่างเป็นห่วง ปิติเอ็ดถุงแป้งว่าทีหน้าทีหลังปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ถุงแป้งแก้ตัวว่าโทร.หาพ่อไม่ติด จังหวะนั้น ติสรณ์เปิดประตู ห้องเข้ามาพร้อมกับดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ กฤตย์บอกเขาว่านัทธมนไม่ได้อยู่ที่นี่ อยู่ถัดไปอีกสองห้อง

"ใครบอก ว่าผมมาเยี่ยมนัทธมนล่ะครับ" ติสรณ์ยื่นช่อดอกไม้ผ่านหน้ากฤตย์ไปให้ถุงแป้ง ถุงแป้งยิ้มเขินอาย กฤตย์ มองงงๆถามว่านี่มันอะไรกัน เกตุมณีแหย่น้องชายว่าตกข่าว

"ว่าที่หลานเขยครับ" ติสรณ์ยิ้ม หันไปมองถุงแป้งที่อายม้วน แถมตีแขนเขาแก้เขิน

"แล้ว...เธอกับนัทธมน"

"นัทธมนไหน ไม่มี...ในใจนี่มีแต่ถุงแป้ง" ติสรณ์ หัวเราะพร้อมกับคนอื่น กฤตย์เพิ่งจะถึงบางอ้อ...

ถัด ห้องพักฟื้นของกฤตย์มาอีกสองห้อง นัทธมนนั่งเหม่ออยู่บนเตียง ถามมนทิราซึ่งกำลังเตรียมข้าวกลางวันว่า ความแค้น ความอาฆาต แรงอธิษฐานของวรดามันจบแล้วใช่ไหม

"อภัยเท่านั้นแหละลูก ที่จะทำให้ทุกอย่างจบลงได้...การแก้แค้น ไม่เคยทำให้สงครามสงบได้หรอก"

"พวกนั้น เขาจะตามจองเวรหนูไปอีกกี่ชาติกันคะ...หนูจะต้องเผชิญกับพวกเขาอีกกี่ภพ"

"ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกลูก ใครจะคิดร้ายกับเรา...ถ้าเราไม่คิดร้ายตอบ สุดท้ายมันก็จะเงียบหายไปเอง"

นัท ธมนนึกถึงแกมแก้ว ปณิตากับสร้อยซึ่งถูกแรงอาฆาตของเธอเล่นงานจนต้องเข้าโรงพยาบาลบ้าได้แต่ถอน ใจ มนทิรา เตือนลูกให้กินอะไรหน่อย นัทธมนเห็นมีผักอยู่ในจานอาหาร เลยไม่อยากกิน

"หลับตาเคี้ยวๆไปก็แล้วกันนะลูก...เดี๋ยวแม่ป้อน"

นัทธมนจำใจหลับตาอ้าปาก ช้อนตักข้าวป้อนเข้าปาก แต่พอเธอลืมตามอง คนที่ป้อนกลับเป็นกฤตย์ เหลียวมอง

รอบห้อง เห็นแค่เธอกับเขาสองคน นัทธมนถามว่า นี่เป็นเพียงจินตนาการของเธอเองหรือเปล่า

"ถ้าเป็นจินตนาการก็คงเป็นจินตนาการของคนแก่คนนี้มากกว่า"

"คุณกฤตย์หายโกรธหนูแล้วเหรอ"

"ที่เธอทำฉันขาเดี้ยงน่ะเหรอ ไม่เป็นไรหรอก เพราะเธอจะไถ่โทษโดยทำหน้าที่ดูแลฉันไปตลอดชีวิต"

"เรา ตกลงกันอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ" นัทธมนยิ้มขำ กฤตย์หยิบช่อดอกไม้ที่ซ่อนไว้ข้างเตียงขึ้นมาออดอ้อนว่า เราสองคนตกลงกันเดี๋ยวนี้เลยได้ไหม นัทธมนยิ้มรับช่อดอกไม้แทนคำตอบ

ทันใด นั้น ติสรณ์ ถุงแป้ง ปิติกับเกตุมณี และมนทิรา กรูกันเข้ามาในห้อง ต่างยิ้มทำหน้าล้อเลียน นัทธมนอายจะใช้ พลังห้ามพวกนั้นแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอลองใช้พลังกับสิ่งของ อื่นๆ ประหลาดใจที่พลังหายไป กฤตย์ถามว่า เสียดายหรือเปล่า นัทธมนรู้สึกดีใจมากกว่า ทุกคนส่งเสียงเฮ ยิ้มแย้มให้กัน

ooooooo

ผ่าน ไปไม่นาน กฤตย์พานัทธมนมายังสวนดอกไม้ ในรีสอร์ตที่เพชรบูรณ์ ซึ่งเขาเคยพาวรดามา นัทธมนถาม เขาว่า ยังคิดถึงวรดาอยู่ใช่ไหมถึงพาเธอมาที่นี่ กฤตย์ยังคิดถึงวรดาทุกวันทุกคืน นัทธมนหน้างอ

"คิดถึงจนกว่าคุณจะตายใช่ไหมคะ...บางทีคุณอาจจะอยากอยู่แค่กับคนในอดีตของคุณไม่ใช่หนู"

"สิบ เก้าปีมาแล้วที่ฉันคิดว่าส่วนหนึ่งในชีวิตของฉัน ตายไปแล้วพร้อมกับวรดา หัวใจฉันด้านชาไปหมด ไม่ว่าจะมี ผู้หญิงผ่านมาในชีวิตมากแค่ไหน ฉันก็ไม่เคยรู้สึกกับใครเหมือนวรดา" กฤตย์จับหน้านัทธมนที่เมินหน้าหนีด้วยความน้อยใจให้หันมาทางตนเอง มองเธอด้วยสายตาเต็มเปี่ยมด้วยความรัก

"แต่พอฉันได้เจอเธอ...มัน เหมือนความฝันกับร่างกายที่ตายไปแล้วครึ่งหนึ่งกลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่แค่เพราะเธอ หน้าตาเหมือนวรดา แต่เป็นเพราะหัวใจของฉันมันเหมือนรู้จักเธอมานานแสนนาน ฉันคิดแต่เรื่องของเธอตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะแสดงท่าว่ารังเกียจฉันมากแค่ไหน หรือเธอจะมีพลังประหลาดอะไร"

กฤตย์จับมือนัทธมนขึ้นมา "ฉันคิดถึงวรดาจริงๆ และในเมื่อวรดาได้ตั้งใจอธิษฐานเพื่อเกิดมาเป็นเธอ...นัทธมน...ฉันก็จะ คิดถึงเธอทุกวัน ทุกคืน คิดถึงจนกว่าฉันตาย" เขาหยิบแหวนหมั้นที่เคยให้วรดามาสวมที่นิ้วของนัทธมน

"แหวนวงนี้เคยเป็นของคนที่ฉันรักที่สุด คงไม่ผิดถ้าฉันจะคืนมันให้กับคนที่ฉันรักที่สุดเหมือนเดิม"

"คงจะสายไปแล้วสำหรับวรดา แต่ก็ไม่ช้าไปสำหรับฉันค่ะ" นัทธมนยิ้มปลื้ม

กฤตย์ดึงหญิงสาวเข้ามาใกล้ๆ "ฉันรักเธอนะ...นัทธมน"

"ฉันก็รักคุณค่ะ...คุณกฤตย์...รักมานาน...นานมากแล้วด้วย" สองหนุ่มสาวกอดกันอย่างมีความสุข

ooooooo

–อวสาน–

อ่านละครย่อเรื่อง ด้วยแรงอธิษฐาน ตอนที่ 17 (ตอนอวสาน)
ที่มา ไทยรัฐ