อ่านละครย่อเรื่อง เงาหัวใจ ตอนที่ 17(ตอนอวสาน)

อ่านละครย่อเรื่อง เงาหัวใจ ตอนที่ 17 (ตอนอวสาน)
เวลาเดียวกันนั้น อภินพที่ได้เงินจากลูซี่ไป กำลังเล่นอย่างเมามันอยู่ในบ่อน เขาหัวเราะลั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พูดอย่างคะนองใจว่า

"ฮ่าๆๆ ทำไมมือขึ้นอย่างนี้ คืนเดียวได้มากกว่าเล่น

ทั้งเดือน ฮ่าๆๆ"

พอดีโทรศัพท์มือถือดังขึ้น อภินพกดรับสาย เสียงลูซี่ แว่วมาอย่างร้อนรนถามว่า พ่ออยู่ที่ไหน อภินพกำลังคึกหัวเราะร่าบอกว่า

"ฮ่าๆ อยู่ในสวรรค์ลูก พ่อไม่เคยมือขึ้นอย่างนี้ คืนนี้ พ่อไม่กลับบ้านนะ"

"พ่อ..." ลูซี่เสียงสั่น ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ "หนูเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะไอ้เสี่ยนั่นจะฆ่าหนู แต่คุณพ่อไม่สน มัวแต่อยู่ในบ่อน"

อภินพตกใจหยุดกึกหน้าเครียด หยิบเงินของตัวเอง

ลุกขึ้นเดินออกมาพลางร้องถาม

"เดี๋ยวก่อน เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า เขาจะฆ่าลูกทำไม"

"มันจะปล้ำหนู แต่หนูไม่ยอม มันเลยจะฆ่าหนู คุณพ่อเข้าใจไหมคะ ตอนนี้มันถูกจับแล้วด้วย"

"อะไรนะ จริงหรือ" อภินพผงะตกใจ แต่ต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อเสียงตะโกนผ่านโทรโข่งดังมาว่า

"ขอให้ทุกคนยกมือขึ้นเหนือหัว และเดินออกมาที่นี่ ตำรวจจะไม่ทำอันตรายอะไรกับทุกท่านเด็ดขาด"

สิ้น เสียงตำรวจ นักพนันก็แตกฮือ ต่างคนต่างวิ่งหนีอลหม่าน อภินพถูกชนจนเงินในมือหล่น เขาพยายามก้มเก็บ เลยถูกเหยียบ นักพนันวิ่งหนีเหยียบผ่านอภินพไปคนแล้วคนเล่าจนเขาโงหัวไม่ขึ้น

เห็นปลายสายเงียบไป ลูซี่ตะโกนใส่โทรศัพท์

"คุณพ่อ คุณพ่อฟังหนูอยู่รึเปล่าคะ คุณพ่อ!"

ooooooo

ที่หน้าห้องฉุกเฉิน วิศเวศ ษา และกร เดินมาที่

หน้าห้อง ไข่ตุ๋นเหลือบเห็นวิ่งถลาเข้าไปกอดษาร้องไห้

ฮือๆ บอกษาว่า ตนกลัว เป็นห่วงแม่ษา ษากอดไข่ตุ๋นไว้ ปลอบใจว่า

"แม่ไม่เป็นอะไรแล้ว อย่าร้องไห้ ไข่ตุ๋นรู้แล้วใช่ไหมว่าพ่อติไม่สบาย"

"รู้ครับ หมอกำลังฉีดยาอยู่ เดี๋ยวก็หาย"

"คุณแม่หัวใจวายอยู่ในห้องนั่น" ไวณิกเดินมาบอก

วิศเวศ เล่าว่า "แม่ปานกับไข่ตุ๋นพามาที่นี่ พอดีกับที่ผมพาคุณอติคุณมา ทั้งคู่อยู่ในห้อง"

ขณะ นั้นเอง หมอเดินออกมา ทุกคนวิ่งเข้าไปหา หมอถามหาญาติคุณวิมาลา ทั้งไวณิกและวิศเวศตอบพร้อมกันว่า "ผมครับ" หมอจึงเล่าอาการให้ฟังว่า

"คุณวิมาลาปลอดภัยแล้ว เดี๋ยวจะส่งไปห้องพักฟื้น ไปรอที่นั่นได้เลยครับ"

สองพี่น้อง มองหน้ากันอย่างโล่งอก ต่างยิ้มและบีบไหล่กัน แม่ปานเองก็ถอนใจเฮือกใหญ่ยิ้มอย่างปลื้มปีติเช่นกัน หมอมองษาบอกว่า เชิญญาติคุณอติคุณมาทางนี้ ษากอดไข่ตุ๋นพาเดินตามหมอไปด้วย สีหน้าหนักใจ วิศเวศเห็นดังนั้นตัดสินใจเดินตามไปด้วย

ooooooo

ทุกคน เปลี่ยนชุดของโรงพยาบาลเข้าไปเยี่ยมอติคุณที่มีสายระโยงระยางไปรอบตัว ษากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ส่วนไข่ตุ๋นเห็นสภาพของพ่อติแล้วหน้าเสีย ถามษาว่า พ่อติเจ็บไหม ษาตอบอย่างอยากให้ไข่ตุ๋นได้คุยกับอติคุณเองว่า "แม่ไม่รู้ ไข่ตุ๋นต้องถามพ่อ"

อติคุณลืมตาขึ้น หน้าตาเขาอิดโรยมาก ษากุมมือพี่ชายไว้ เขาพยายามยิ้มให้น้อง

"พี่ติ ษาอยู่นี่แล้ว ไข่ตุ๋นก็อยู่ตรงนี้"

อติคุณดึงที่ครอบปากออก พูดอย่างอ่อนแรง ษารีบดึงไข่ตุ๋นมายืนตรงหน้า

"ไข่ตุ๋น เป็นเด็กดีนะ เชื่อฟังแม่ษา ไม่ดื้อ"

"คับ ไข่ตุ๋นจะเป็นเด็กดีทุกวันเลยคับ"

อติคุณมองไข่ตุ๋นอย่างแสนรัก แล้วเรียกษาเบาๆ ษากุมมือพี่ชายไว้น้ำตาร่วงอย่างสุดจะกลั้นไว้ได้ บอกพี่ชายว่า "ษาอยู่ตรงนี้"

"พี่ขอโทษ ที่ทำเลวกับษามาตลอด อภัยให้พี่ด้วย"

"ษาไม่เคยโกรธพี่ พี่สบายใจได้ ไม่ต้องห่วง"

อติ คุณสูดลมหายใจเอ่ยอย่างยากลำบาก "ฝากไข่ตุ๋นด้วย..." ษาพยักหน้าน้ำตาไหลพราก พูดไม่ออก อติคุณผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก หลับตาลงอย่างอ่อนล้า พึมพำเกือบไม่ได้ยิน "ลูซี่..."

ooooooo

เวลานั้น ลูซี่มายืนรอลิฟต์อยู่ ไวณิกตามมาเจอ พุ่งเข้าหาเรียกอย่างตื่นเต้น

"พี่ ลูซี่ เราตามหาพี่ทั้งโรงพยาบาล ไปกับผม" ไวณิกเร่งร้อน ลูซี่ทำท่าจะเลี่ยงบอกว่าตนจะกลับบ้าน ไวณิกเกือบจะคว้ามือเธอเพราะร้อนใจ บอกว่า "มีคนต้องการพบพี่"

อึดใจต่อมา ลูซี่ก้าวเข้าไปในห้องไอซียู ษากำลังบีบมือให้กำลังใจอติคุณอยู่ ก้มลงกระซิบบอกพี่ชายว่า "คนที่พี่รอมาแล้วค่ะ" พร้อมกับที่ลูซี่เดินไปที่เตียง ทุกคนถอยออกเปิดทางให้

เมื่อลูซี่ไปยืนที่ข้างเตียง อติคุณลืมตาขึ้นมองเธออย่างอ่อนล้า พูดเสียงเบาจนลูซี่ต้องก้มลงไปฟังจนหน้าเกือบแนบหน้า

"ผมรักคุณ ผมขอโทษกับสิ่งที่ทำไม่ดีกับคุณ"

ลูซี่ทนไม่ได้ ร้องไห้ออกมา บีบมืออติคุณเบาๆ พูดปนสะอื้นว่า

"ฉันต่างหาก ต้องขอบคุณกับสิ่งที่นายทำให้ฉัน ฉันก็รักนายเหมือนกัน หลับให้สบายนะคะ ฉันอโหสิให้..."

อติคุณยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พร้อมๆกับหลับตาแน่นิ่งไป...

พยาบาล เข้ามาดู บอกว่าชีพจรอ่อน ความดันลด แล้วรีบเข็นเข้าไปข้างใน ษาซบกับอกวิศเวศร้องไห้อีกมือหนึ่งกอดไข่ตุ๋นไว้ วิศเวศกอดทั้งสองคนไว้อย่างปลอบโยน ในขณะที่ลูซี่ค่อยๆถอยออกไปเงียบๆ...

ooooooo

อยู่ พักรักษาตัว จนวันนี้วิมาลาออกจากโรง-พยาบาลได้แล้ว ไวณิกเป็นคนไปรับ ถามหยอกแม่ว่าจะกลับบ้านเลย หรือจะพาตนกับพี่ชายไปทานข้าวรับขวัญกันก่อน เลยถูกวิมาลาปรามอย่างหมั่นไส้ว่า

"พูดดีนักนะ แม่ยังไม่ได้ชำระความเราเลย ทำอะไรไม่มีบอกแม่เลย ดีนะที่แม่ไม่ช็อกตายไปกับคำพูดของไอ้เสี่ยมหาโจรนั่น"

"ขอโทษครับแม่..." ไวณิกอดแม่อ้อนหอมเอาใจอีกที สัญญาว่า "ต่อไป ผมจะเป็นเด็กดี ทำอะไรบอกคุณแม่ทุกอย่างเลยคร้าบบบ"

พอลูกชายอ้อนเข้าหน่อย วิมาลาก็หายงอน นึกขึ้นได้ ถามว่าแล้ววิศเวศหายไปไหน ไวณิกอึกอักอย่างมีพิรุธ

ที่แท้ คือ วันนี้เป็นวันเผาศพอติคุณ ปกรณ์ผู้เป็นพ่อมองควันที่ปล่องเมรุน้ำตาคลอ ไข่ตุ๋นถือรูปพ่อยืนอยู่กับปู่ ปลอบปู่ว่าอย่าเสียใจเลย พ่อติเขาอยู่บนสวรรค์คอยมองพวกเราอยู่

"ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงดี แต่ปู่ไม่แน่ใจเหมือนกัน"

"พ่อ...พ่ออย่าพูดแบบนั้นซิ พี่ติเขาก็ไปสบายแล้ว" ษาปลอบใจ

"นั่น ซินะ อย่างน้อยมันก็ได้ทำความดีเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต" ปกรณ์พูด ตามองเลยไปข้างนอก เห็นวิศเวศกำลังเดินเข้ามา ษาหันมอง ไข่ตุ๋นมองตาม พอเห็นวิศเวศไข่ตุ๋นร้องอย่างดีใจจะวิ่งไปหา

"ลุงวิศ..."

ษาจับไหล่ไข่ตุ๋นไว้ หันไปบอกพ่อว่า "ฝากไข่ตุ๋นไว้หน่อยนะจ๊ะ หนูมีเรื่องอยากคุยกับเขา"

ooooooo

ษาเดินไปหาวิศเวศ แล้วพากันไปยืนคุยกันที่มุมสงบห่างออกไป ษาหันหลังคุยกับเขาอย่างหักห้ามและตัดสินใจแล้ว วิศเวศบอกษาว่า

"ผมมาอโหสิกรรม...เขา...เป็นครั้งสุดท้าย"

ษาหันกลับมาเผชิญหน้า ถามว่า "รวมทั้งเราทั้งคู่ด้วยหรือเปล่าคะ"

ฟัง แล้วชายหนุ่มทำเสียงงง ถามว่าคิดว่าเราเข้าใจกันดีแล้วเสียอีก ษายืนยันว่าใช่ แปลว่าต่อไปเราก็ไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว ทำให้วิศเวศยิ่งงง จนษาต้องทำใจเย็นชี้แจงว่า

"พี่วิศคะ บางที เราอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อกันและกันก็ได้นะคะ มันถึงมีเรื่องมากมายได้ขนาดนี้"

"ตา วิศ!" เสียงวิมาลาแหลมเข้ามา แล้วก้าวพรวดๆ เข้ามาพร้อมไวณิก ษายกมือไหว้แต่วิมาลาทำเป็นมองไม่เห็นเดินผ่านไปหาวิศเวศ "วิศ แม่อยากไปทานข้าวฉลองที่ครอบครัวของเราปลอดภัย ตาไวบอกว่าแกอยู่นี่ แม่เลยแวะมารับ"

วิศเวศตอบรับแม่ว่าได้แต่ตนขอคุยกับษาก่อนเดี๋ยวจะตามไป วิมาลายื่นคำขาดว่า

"ไม่มีคำว่าเดี๋ยว! แกจะเสียเวลามาที่นี่กับคนพวกนี้ ผู้หญิงคนนี้อีกทำไม บุญเท่าไหร่แล้วที่แม่ไม่เอาตำรวจมาลากเข้าตะราง"

วิศเวศ บอกแม่ว่าษาไม่ได้ทำผิดอะไรแม่คงเข้าใจอะไรผิด ไวณิกก็ดึงแม่ออกไปย้ำเตือนว่าแม่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้ไง แต่วิมาลาของขึ้นเสียแล้ว เอ็ดไวณิกว่า

"ฉันทำอะไร ฉันแค่ปกป้องพี่ชายแก ไม่ให้กลับไปหาพวกสิบแปดมงกุฎอีกครั้ง"

"แม่...ษาเขากำลังมีลูกกับผมนะ" วิศเวศพูดจริงจัง จนวิมาลาชะงัก ย้อนถามว่า

"แกแน่ใจได้ยังไงว่านี่ไม่ใช่แผนใช้จับแก"

วิศเว ศอ้าปากจะชี้แจงอีก ถูกษาขัดขึ้นก่อนว่า "ฉันว่าคุณกลับไปเถอะค่ะ เราเองก็มีเรื่องต้องทำอีกเยอะ" พูดแล้วษาหันหลังเดินไปเลย วิศเวศมองตามอย่างว้าวุ่นใจ

ทันใดนั้น ษาชะงัก ปวดท้องจี๊ดจนต้องเอามือกุมไว้ ครางเบาๆ วิศเวศทนไม่ได้โผเข้าหาถามว่าเป็นอะไร ษาจำต้องบอกว่า ปวดท้อง

เมื่อพาษาไปถึงโรงพยาบาล ปรากฏว่าษาเลือดออกจนเป้ากางเกงแดงไปหมด

เมื่อเข้าห้อง หมอฉีดยาเข็มใหญ่ให้ษาทันที ส่วนวิศเวศเดินวนกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้องด้วยความเป็นห่วง...

ooooooo

หลัง จากฉีดยาตรวจรักษาขั้นต้นแล้ว ษาถูกนำตัวไปที่ห้องพักคนป่วย วิศเวศจึงเข้าไปหา เธอนอนน้ำตาไหลพราก มือวางที่ท้องตัวเอง เอ่ยขอโทษลูก ที่ปกป้องลูกไว้ไม่ได้ วิศเวศรีบเอามือแตะที่ปากเธอ พูดปลอบใจ ให้กำลังใจว่า

"ไม่มีอะไรที่ษาต้องขอโทษหรือเสียใจ หมอบอกว่าเรายังมีโอกาสนะษา แต่เราต้องสู้เท่านั้นเอง" เมื่อษาถามว่าตนต้องทำยังไงให้บอกมาเถอะ วิศเวศเล่าช้าๆอย่างให้เธอจดจำว่า "หมอแนะนำให้ษานอนนิ่งๆ เฉยๆ อยู่บนเตียงตลอดเวลา เคลื่อนไหวให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้เสียเขาไป แต่...ผมไม่รู้ว่านานแค่ไหน"

"ต่อให้เป็นเดือน ษาก็ทำได้ ขอให้เขาปลอดภัยเท่านั้น" ษามีกำลังใจมุ่งมั่นที่จะยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาลูกไว้ให้ได้

ระยะเวลาหลายวันที่ษารักษาตัวนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงนั้น ทั้งวิศเวศและไข่ตุ๋นเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ไข่ตุ๋นให้กำลังใจแม่

ด้วยการวาดรูปแม่ษา ไข่ตุ๋นและน้องเล็กๆที่รอมาอยู่ด้วยกันวางไว้ให้แม่ดู

ส่วนวิศเวศเฝ้าดูแลษา ให้กำลังใจเธอ จนหลับผล็อยไปข้างเตียง เขาจะกลับบ้านก็ต่อเมื่อต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น จนวิมาลารับไม่ได้

วัน นี้เขากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะออก วิมาลาถามอย่างไม่พอใจว่าเพิ่งกลับมาตอนเช้ามืดจะไปอีกแล้วหรือ เมื่อเขาชี้แจงว่าไม่อยากปล่อยให้ษาอยู่กับพยาบาลนาน วิมาลาก็ปรี๊ดขึ้นมาทันที

"กี่วันแล้ว ที่แกอดตาหลับขับตานอนเฝ้าแม่นี่ มันมากไปไหม แกลืมไปแล้วเหรอว่า ผู้หญิงคนนี้ทำให้แกเกือบตาย ทำให้น้องชายแกตาบอด แกลืมแล้วหรือไงตาวิศ"

"คุณ แม่ก็คงลืมไปเหมือนกันว่า ในท้องษามีหลานคุณแม่ลูกผมอยู่นะครับ" เขาย้อนไปอย่างพยายามข่มอารมณ์ แล้วเดินออกไป วิมาลายิ่งโมโห ตะโกนไล่หลังไปปากคอสั่น

"ฉันไม่รับ ฉันไม่อยากได้หลานจากลูกโจรหรอก ได้ยินไหมตาวิศ!"

ooooooo

เมื่อ วิศเวศไปถึงโรงพยาบาล เจอชิดชมที่ประคองช่อดอกไม้มาตั้งใจจะไปเยี่ยมษา แต่แล้วก็หันหลังกลับ เขาถามว่าจะไปไหน ตั้งใจมาเยี่ยมษาใช่ไหม ชิดชมตอบไม่เต็มเสียงว่าตนเปลี่ยนใจแล้ว วิศเวศย้อนถามอย่างไม่สบายใจว่า "เธอยังไม่หายโกรธษางั้นเหรอ"

"เปล่าค่ะ คือฉัน...ฉันอายน่ะค่ะ อายที่ฉันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขาก็ว่าได้ แต่กลับ..." ชิดชมตื้อจนพูดไม่ออก เปลี่ยนเป็นพูดว่า "ฉันกลัวษาจะไม่ยกโทษให้ฉัน"


"เมื่อเธอบอกว่าเป็นเพื่อนกัน คนเป็นเพื่อน มีเหรอจะไม่ยกโทษให้กัน"

คำพูดของวิศเวศทำให้ชิดชมคลายกังวลลงบ้าง เธอยิ้ม ถามล้อๆว่า ดูเหมือนเขาจะเข้าใจษาดีจังเลย เขาเลยตอบอย่างมั่นใจแกมอวดๆว่า


"แน่นอน อยู่แล้ว ก็ผมรู้จักษาก่อนคุณตั้งนาน...ผมจะไปหากาแฟกินสักหน่อย ขี้เกียจดูผู้หญิงสองคนแข่งขันกันเป่าปี่" วิศเวศพูดหยอกแล้วปลีกตัวไป เปิดโอกาสให้เพื่อนรัก ทั้งสองได้คุยกันโดยสะดวกใจ

ooooooo

ที่ ห้องคนไข้ ไวณิกเพิ่งเข้าไป เขาทักษาว่าหน้าตาสดใสขึ้น ษาขอบคุณ เล่าว่าคงเป็นเพราะหมอเพิ่งมาบอกข่าวดีว่าตนใกล้จะกลับบ้านได้แล้ว แต่ก็ยังต้องรออีกสักพักหนึ่งก่อน

ไวณิกพูดอย่างกระตือรือร้นว่าเดี๋ยวตนจะให้คนไปทำความสะอาดห้องพักให้ ษาถามอย่างไม่แน่ใจว่าตนยังมีสิทธิ์อยู่ที่นั่นอีกหรือ

"ทำไม ล่ะฮะ คุณก็ยังไม่ได้ลาออกจากโรงงานเลย ซึ่งผมมั่นใจว่าพี่วิศคงไม่เซ็นอนุมัติง่ายๆ" พูดแล้วเห็นษายังนิ่งตรึกตรอง ไวณิกตัดสินใจพูดต่อ "ษา ผมยอมรับว่า ผมเริ่มจาก ความประทับใจคุณเพราะคิดว่าคุณเป็นคนช่วยชีวิตผม"

ขณะนั้นเอง ชิดชมแง้มประตูมองเข้ามา เธอชะงักเมื่อเห็นไวณิกอยู่กับษา

ไวณิกกับษายังคงคุยกันต่อโดยไม่รู้ว่าชิดชมยืนมองและฟังอยู่เงียบๆที่ประตูห้อง

"ไม่ใช่ฉันนะคะ เป็นชิดชมต่างหาก" ษาชี้แจง

"ผม รู้แล้วครับ แต่ความรู้สึกคนเราไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ เหมือนการเปิดปิดไฟ แค่กดสวิตช์ไฟก็ดับ ความรู้สึกทั้งหมดที่เคยมีก็จบ มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก"

"คุณไวณิกคะ ฉันไม่ดีพอ..."

"ให้ ผมพูดให้จบก่อนเถอะนะครับ" ไวณิกขัดขึ้น "เพราะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะพูดเรื่องนี้ ผมขอยืนยันว่า ความรู้สึกดีๆของผมที่มีต่อคุณ ยังมีอยู่เสมอ..."

ไวณิกประคองมือษาขึ้นมาจูบเบาๆ

ชิด ชมที่มองอยู่ตะลึงตาค้าง ดอกไม้ในมือตกโดยไม่รู้ตัว พอได้สติเธอค่อยๆเดินออกไปเบาๆ ส่วนไวณิกยังคงอยู่ในอารมณ์ซาบซึ้ง บอกษาด้วยแววตาที่เปลี่ยนจากเดิมว่า

"แต่มันค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกที่ดีต่อคนที่จะมาเป็น...พี่สะใภ้ของผม"

ษายิ้มออกมาอย่างสบายใจ ต่างสบตาอย่างเข้าใจกัน ก่อนที่เธอจะบอกเขาว่า

"เอาแค่เป็นเพื่อนที่ดีก็พอค่ะ เรื่องพี่สะใภ้ฉันไม่มั่นใจว่าคู่ควรหรือเปล่า"

ไวณิ กบอกว่า เรื่องนั้นวิศเวศคงจะบอกได้ดีกว่าตน ก็พอดีเจ้าตัวเข้ามาถามว่าคุยอะไรกัน ษาแกล้งบอกว่าความลับ บอกไม่ได้ แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แก้เกี้ยว ไวณิกเองก็แค่อมยิ้มแต่อำไว้ไม่ยอมบอก

เมื่อ ไม่มีใครบอก วิศเวศก็ไม่ถาม มองไปรอบห้องแล้วถามว่า แล้วชิดชมล่ะ เห็นบอกว่าจะเข้ามาเยี่ยมษา กลับไปแล้วหรือ ษาบอกว่ายังไม่เห็นชิดชมมาเลย ไวณิกทำหน้าเอะใจ...

ooooooo

ที่หน้าโรงงาน ชิดชมปั่นจักรยานเอาแท้เอาว่า ใจก็คิดถึงแต่เรื่องที่เพิ่งได้ยินได้เห็นมา โดยเฉพาะภาพที่ไวณิกประคองมือษาขึ้นจูบ ยิ่งคิดก็ยิ่งปั่นจักรยานสุดแรง

ไวณิกขับรถตามมา เห็นชิดชมปั่นจักรยานเอาเป็น เอาตายอยู่ ก็แกล้งปาดรถบีบแตรดังๆ ชิดชมกำลังใจลอยอยู่ตกใจจนจักรยานล้มโครม ไวณิกกลายเป็นฝ่ายตกใจกว่า รีบจอดรถวิ่งไปดู ไม่วายพูดหยอกว่าแค่บีบแตรเรียกนิดเดียวเท่านั้นไม่น่าตกใจจนมือไม้อ่อน อย่างนี้เลย

พูดแล้วเห็นชิดชมเงียบ เลยรีบเข้าไปจะประคอง

"มาๆเดี๋ยวผมไปส่ง ปั่นจักรยานล้มแผละ...ล้มแผละอยู่แบบนี้ กว่าจะถึงโรงงานสายแย่"

"ไม่เป็นไร ฉันไปได้" ชิดชมตอบเรียบๆ นํ้าเสียงเย็นชา ยกจักรยานขึ้นปั่นต่อไป

"เอ...วันนี้มาแปลก ไม่ยักกะด่า เป็นอะไรของเขา..." ไวณิกพึมพำงงๆ

จนกระทั่งพักกลางวัน ไวณิกเห็นชิดชมเดินไปโรงอาหารกลางนํ้า เขารีบตามไปเรียก ชิดชมทำหูทวนลมแต่เร่งฝีเท้า

เร็วขึ้น ไวณิกไม่รู้จะทำอย่างไร เลยตะโกนหลอกว่าระวังแมลงสาบ ทำให้ชิดชมชะงักเหลียวมองที่พื้น ไวณิกเลยสาวเท้าไปหา ถามตรงๆว่าโกรธหรือไม่พอใจอะไรตนถึงทำตัวแปลกๆ

ชิดชมปั้นหน้านิ่งบอกว่าตนปกติดี ไวณิกแหย่อีกว่า

"งั้นแปลว่าไม่ปกติ เมื่อไรผู้หญิงจะเลิกปากไม่ตรงกะใจกันเสียทีนะ น่าเบื่อจริงๆ"

"แน่อยู่แล้ว ฉันน่ะมันน่าเบื่อ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ยังไงฉันก็ไม่ใช่คนที่คุณรู้สึกดีๆด้วยหรอก"

ไวณิกเอะใจถามว่าเธอได้ยินตนคุยกับษาที่โรงพยาบาลใช่ไหม พอเธออึกอักเขาก็ยิ่งแน่ใจรุกต่อ ถามว่า "นี่คุณหึงผมหรือ"

"ฉันไม่ได้หึง ฉันมีสิทธิ์อะไรที่จะหึงคุณ"

"มีซิ สิทธิ์ที่คุณครองหัวใจผมตอนนี้ไง" ไวณิกบอกรักเอาดื้อๆ ทำเอาชิดชมตกใจตาโต เขาฉวยโอกาสรวบตัวเธอไว้ ชิดชมเตือนสติแกมประชดว่า ผิดคนแล้วมั้ง ไวณิกเลยอ้อนว่า "โธ่...เมื่อก่อนอาจจะมีผิดๆบ้าง แต่ตอนนี้ผมหายตาบอดแล้ว เห็นชัดแจ๋วเลย ว่าใครนั่งอยู่ในใจผม"

การสารภาพรักทะเล้นนิดๆของไวณิก ทำเอาชิดชมยิ่งเขินอายจนม้วนไปม้วนมา...

ooooooo

ษาออกจากโรงพยาบาลโดยมีชิดชมกับไวณิกเป็นคนไปรับ ทั้งสองเอาผ้าผูกตาษาหมายเซอร์ไพรส์ พอมาถึงห้องพักจึงเปิดตาออก

ษาตื่นเต้นดีใจมากที่เห็นไข่ตุ๋นยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ เอ่ยเสียงใสๆ

"ขอต้อนรับกลับบ้านครับแม่ษา"

"ขอบใจจ้ะ นี่หนูจัดห้องต้อนรับแม่ด้วยเหรอจ๊ะ มา... งั้นต้องให้รางวัลคนเก่งกันหน่อย" พูดแล้วษาก้มหอมแก้มไข่ตุ๋นฟอดหนึ่ง อีกเสียงก็ทวงขึ้นว่า

"แล้วรางวัลของผมล่ะ"

วิศเวศนั่นเอง ไข่ตุ๋นหันมองหน้าวิศเวศแล้วบอกษาว่า "ลุงวิศเป็นคนสั่งจัดห้องใหม่ ไข่ตุ๋นไม่ได้ทำ" วิศเวศเลยลืมเรื่องรางวัลหันมาบอกไข่ตุ๋นว่าน่าจะเรียกลุงว่าพ่อ เพราะลุงเป็นพ่อของน้องคนใหม่ของไข่ตุ๋น ก็ต้องเป็นพ่อของไข่ตุ๋นด้วย

"เรียกลุงเหมือนเดิมนั่นแหละจ้ะดีแล้ว" ษาหน้าเข้ม

"โธ่...ษา ซ้อมเรียกไว้ก่อนไม่เห็นเป็นไร ยังไงพอลูกคลอดก็ต้องเรียกอยู่ดี"

"เอ...ฉันไม่แน่ใจหรอกนะคะว่าคุณแม่คุณเขาจะคิดเหมือนคุณหรือเปล่า ฉันไม่อยากเป็นต้นเหตุให้คุณต้องขัดใจกับท่านประธาน"

เหตุนี้เอง วิศเวศจึงไปคุยกับวิมาลาในวันต่อมา พอฟังลูกชายแล้ว วิมาลาลุกพรวดถามอย่างไม่พอใจว่า "พาแม่นั่นมากราบ! ในฐานะอะไรฉันยังมองไม่เห็น"

วิศเวศอ้อนวอนแม่ว่าให้ลืมเรื่องอดีตได้ไหม เพราะความจริงทั้งหมดแม่ก็รู้อยู่แล้ว แต่วิมาลาก็ยังยืนกรานเสียงแข็งว่าตนไม่มีวันยอมเพราะยังไงครอบครัวนี้ก็ยัง เป็นพวกขี้ขโมยอยู่ดี

"แต่ผมรักษา รักลูกของผม แม่จะให้ผมทำยังไง"

"แล้วฉันที่เป็นแม่แกล่ะ เลือกเอาฉันหรือแม่นั่น ใครสำคัญกว่ากัน"

คำขาดที่แม่พูด ทำให้วิศเวศถึงกับอึ้งคิดหนัก บอกแม่ว่า

"แม่ก็รู้ ยังไงผมก็ต้องเลือกแม่ แต่ษากำลังท้อง ผมจำเป็นต้องรับผิดชอบลูกของผม ผมขอโทษครับแม่"

"งั้นแกก็ออกไป ถ้าเห็นว่ามันดีแกก็ไปอยู่กับมันเลยไป ไม่ต้องมาอยู่ที่นี่อีก ไปซิ!" วิมาลาตะเพิด

วิศเวศนิ่งอึ้งก่อนจะตัดสินใจไหว้แม่แล้วเดินออกไป วิมาลาคิดไม่ถึง โมโหจนตัวสั่น

ooooooo

พอวิศเวศเดินออกมาหน้าบ้าน ไวณิกวิ่งตามมาบอกพี่ชายให้ใจเย็นๆ วิศเวศบอกว่าตนไม่ได้ใจร้อนเลย เมื่อแม่ไล่อย่างนี้จะให้ทำอย่างไร

วิมาลาตามมายืนดูเงียบๆด้วยความโมโหไม่เรียกไม่ ห้าม จนไวณิกหันไปขอร้องแม่ว่า

"แม่ครับ ษากับพี่ชายเขามันคนละคนกันนะครับ แม่น่าจะแยกออก ถ้าแม่ยอมเปิดใจสักนิด แม่จะเห็นว่าษาเขาเป็นผู้หญิงที่ดีนะครับ"

"พอที ไม่ต้องออกรับแทนพี่ชายแก แกมันก็เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องนั่นแหละ แกก็ไปติดนังสาวโรงงานเหมือนกันใช่ไหม"

ฟังแม่แล้วไวณิกฉุนขึ้นมาเหมือนกัน ถามแม่ว่า "สาวโรงงานแล้วยังไงครับแม่ เขาก็เป็นคนเหมือนเรา สมัยนี้แล้วแม่ยังคิดเรื่องแบบนี้อีกเหรอ" เลยถูกวิมาลาหาว่าหลงสาวโรงงานจนขึ้นเสียงกับตน ไวณิกชี้แจงว่า "ไม่ใช่เรื่องหลงไม่หลง แต่ทำไมแม่ไม่มีเหตุผลเสียเลย"

เห็นน้องขึ้นเสียงเถียงแม่ วิศเวศเลยกลายเป็นฝ่ายหัน มาห้ามน้องบอกให้ใจเย็นๆ ไวณิกหยุด แต่วิมาลาไม่หยุด พูดอย่างเจ็บใจน้อยใจว่า

"ฉันมันไม่มีเหตุผล ถ้าแกสองคนเห็นผู้หญิงดีกว่าฉัน นักก็ไป ไปทั้งสองคนนั่นแหละ แล้วไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก!"

เลยกลายเป็นว่า ถูกแม่ไล่ออกจากบ้านทั้งสองคน วิศเวศบอกว่ารอให้แม่อารมณ์ดีก่อนค่อยคุยกันใหม่ก็แล้วกัน ไวณิกถามพี่ชายว่าแล้วเราจะไปอยู่ไหนกัน

"อืม...ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราควรพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสจะดีกว่านะ" วิศเวศตอบยิ้มๆอย่างมีแผนการ

ooooooo

กระดูกของอติคุณเก็บไว้ที่วัด วันนี้ ทั้งปกรณ์ ษาและไข่ตุ๋น พากันไปไหว้กระดูกเขา ปกรณ์บอกกล่าวลูกชายว่าตนจะกลับบ้านนอกวันนี้แล้ว คงไม่ได้มาเยี่ยมบ่อย ษาถามว่าจะกลับไปทำไม ให้อยู่ด้วยกันที่นี่แหละ ปกรณ์ส่ายหน้า เอาไว้หลังษาคลอดค่อยมาเยี่ยมหลานดีกว่า

ส่วนไข่ตุ๋นก็บอกพ่อว่าถ้าน้องคลอดออกมาเมื่อไรจะพาน้องมาหาพ่อติ จากนั้นพากันปักธูปที่กระถาง ษาจึงสังเกตเห็นดอกไม้ช่อใหญ่วางอยู่ และธูปในกระถางที่ปักไว้ก่อนก็ยังติดไฟอยู่ เธอบอกพ่อกับไข่ตุ๋นว่าให้รออยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวจะกลับมา แล้วรีบลุกเดินออกไป กวาดตามองหา

ลูซี่นั่นเอง เธอเอาดอกไม้มาไหว้อติคุณแล้วไปนั่งร้องไห้ อยู่ที่ท่าน้ำในบริเวณวัด ษาเดินไปหา พอดีลูซี่ลุกขึ้นจะกลับ เจอษามาขวางหน้าถามอ่อนโยนว่า

"คุณมาไหว้พี่ติด้วยเหรอ" ลูซี่นิ่งไม่ตอบ ษาถามอย่างอยากจะคุยต่อ "ทำไมวันเผาพี่ติ คุณไม่มา เราอยากให้คุณมานะ"

"ฉันติดธุระ...เรื่องมันผ่านมาแล้ว คนก็ตายแล้ว เธอจะถามทำไมกัน" ลูซี่ยังมึนตึง

"ก็เพราะคุณเป็นคนที่พี่ติรัก"

"คงมีแต่เขาที่รักฉัน คนบางคนก็แปลกนะมักจะตาบอดมองไม่เห็นคนที่รักเรา แต่ชอบวิ่งไล่จับคนที่ไม่รักเรา สุดท้ายก็ได้แค่อากาศ ไม่รักก็คือไม่รัก..."

ษาพยายามจะบอกลูซี่ว่า จนวันนี้เรื่องระหว่างตนกับวิศเวศก็ยังไม่ได้ลงเอย แต่ลูซี่ขัดขึ้นก่อนว่าตนกับวิศเวศเลิกกันแล้วไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เธอกับเขาจะเป็นอะไรกัน

ตนไม่สนใจไม่ต้องมาบอก

พูดแล้วลูซี่จะเดินเลี่ยงไป แต่แล้วก็หันกลับมาบอกว่า "วิศเขาอยากได้ลูกสาว ฉันคิดว่าวิศเขาชอบเด็กผู้หญิง ลูกในท้องของเธอแข็งแรงดีใช่ไหม ดูแลดีๆล่ะ อย่าทำให้เขาผิดหวัง"

ลูซี่เดินไปแล้วด้วยท่าทีที่ไม่มีอะไรติดใจอีก ษาถอนใจยิ้มออกมาอย่างสบายใจ

ooooooo

ลูซี่กลับไปที่บ้าน เจออภินพซึ่งถูกเหยียบจนเป็นอัมพาตท่อนล่าง โชคดีที่ยังพูดได้และแขนอีกข้างก็ยังใช้ได้ อภินพกำลังอาละวาดใส่คนใช้ ไม่ยอมทำกายภาพบำบัดตามที่คนใช้พยายามบอกให้ทำ ลูซี่บอกพ่อว่าถ้าไม่ยอมทำกายภาพบำบัดตามหมอสั่ง แขนอีกข้างก็จะใช้ไม่ได้ด้วย อภินพเลยตีโพยตีพายว่า

"ทำไมพ่อต้องมาเป็นแบบนี้ หนูจับตัวคนที่มันเหยียบพ่อจนเป็นแบบนี้ได้หรือยัง ตำรวจลากคอมันเข้าคุกไปหรือยัง มันต้องชดใช้กรรมที่ทำให้พ่อเป็นแบบนี้"

"ชุลมุนแบบนั้นเราจับมือใครดมไม่ได้หรอกค่ะ พ่อทำกายภาพดีกว่านะ มาหนูช่วย"

ลูซี่จะเข้าไปช่วย แต่อภินพไม่ยอมโวยวายว่าทำก็ไม่มีทางหาย อยู่แบบนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น อย่างนี้ให้ตายไปเลยดีกว่า พลางพยายามใช้มือข้างเดียวบีบคอตัวเอง

"อย่าค่ะพ่อ...อย่า...ถ้าพ่อตาย แล้วหนูจะอยู่กับใคร... ฮือๆๆ" ลูซี่ร้องไห้โฮด้วยความรู้สึกกดดันจนสุดจะทน ทำให้อภินพคิดได้ ปล่อยมือที่บีบคอ หันมากอดลูกไว้ พ่อลูกกอดกันร้องไห้ไปด้วยกันอย่างน่าเวทนา

ooooooo

หลังจากสองพี่น้องถูกแม่ไล่ออกจากบ้านและงุบงิบคุยกันแล้ว จู่ๆไวณิกก็ไปที่บ้านชิดชมเล่าสภาพของตนให้ฟังว่าถูกแม่ไล่ออกจากบ้าน ชิดชมไม่อยากเชื่อ ไวณิกยืนยันว่ามันเป็นไปแล้ว จากนั้นบอกชิดชมหน้าตาเฉยว่า

"แล้วผมก็ตัดสินใจแล้วว่าผมจะอยู่ที่นี่"

"คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า นี่มันไม่ใช่โรงแรมนะ แล้วถ้าพ่อรู้ฆ่าฉันตายแน่"

ไวณิกบอกว่าพ่อเธอไปดูงานที่สาขาพระประแดงหลายวันไม่ต้องกลัว ชิดชมอ้างอีกว่าบ้านเล็กนิดเดียวเขาจะอยู่ได้หรือ ไวณิกยืนยันว่าอยู่ได้ ขนาดบ้านตาของเธอเขายังอยู่มาแล้ว อวดว่า ตนไม่ใช่ไวณิกคนเก่าแล้ว ชิดชมถามอย่างหมั่นไส้ว่า

"เฮอะ...ต่างกันตรงไหน ฉันก็เห็นคุณเหมือนเดิม"

"นี่คุณมองไม่เห็นจริงๆเหรอ นี่...นี่...ดูตาผมซิ ผมว่ามันเป็นสีชมพูนะ"

"บ้าซิ ตาใครเป็นสีชมพู" ชิดชมเขินที่เจอลูกเล่นแบบนี้อีกแล้ว

"อ้าว...ก็ความรักมันเข้าตาไง ผมว่า...นัยน์ตาคุณก็เป็นเหมือนกันนะ" ว่าแล้วก็จ้องตาเธอจนชิดชมเขินจัด ทุบเขาอั้กๆแก้เขิน แกล้งถามไปทางอื่นแก้เกี้ยวว่า

"เดี๋ยวๆ คุณบอกว่าคุณวิศเวศก็โดนด้วยใช่ไหม แล้วตอนนี้คุณวิศเวศไปไหน"

"พี่วิศเขาก็กำลังหาที่อยู่เหมือนกัน" บอกไปอย่างนั้นแต่ยิ้มมีเลศนัย

ooooooo

วิศเวศวางแผนไปถึงห้องพักษาตอนค่ำ ปรากฏว่า ไม่มีใครอยู่ เขายืนตบยุงอยู่นานษากับไข่ตุ๋นจึงกลับมา ไข่ตุ๋นดีใจมากถามว่ามาหาไข่ตุ๋นหรือ ษารีบตัดบทว่ามีธุระอะไรไว้คุยกันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน

"โธ่..." วิศเวศคราง "ทำไมไล่กันง่ายๆแบบนี้ล่ะ ไม่สงสารกันเลยเหรอ รู้ไหมผมโดนแม่ไล่ออกจากบ้าน ไม่มีที่อยู่แล้ว...ขออยู่ด้วยคนได้ไหม...ไข่ตุ๋น"

ไข่ตุ๋นดีใจอนุญาตทันที แต่ษาไม่ยอม ปรามไข่ตุ๋นว่าลุงเขาแค่พูดเล่นไม่มาอยู่จริงๆหรอก วิศเวศรีบยืนยันว่าพูดจริงอ้างว่าต้องมาคอยดูแลเธอ พอษาบอกว่าตนดูแลตัวเองได้ เขาก็อ้างว่าต้องดูแลลูกในท้องเธอกับไข่ตุ๋น

พูดแล้วบอกไข่ตุ๋นหน้าตาเฉย ชวนเข้าบ้านกัน พอไข่ตุ๋นเปิดประตูวิศเวศก็รีบตามเข้าไปทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จนษาพูดไม่ออก ต้องตามเข้าไปด้วย

เมื่อเข้าไปในห้องแล้วษาบอกเขาว่าเขามาอยู่ที่นี่ไม่ได้ ไม่เหมาะ ก็ถูกวิศเวศทำหน้าทะเล้นจุ๊ปากไม่ให้เสียงดังเพราะ ดึกแล้ว ถามอ้อนว่าดึกป่านนี้แล้วจะให้ตนไปไหนไม่สงสารหรือ

"ก็ได้ ฉันให้คุณพักได้หนึ่งคืน" ษาจำใจอนุญาต

วิศเวศดีใจมากรีบชวนไข่ตุ๋นนอนกันได้แล้ว ทำโมเมเข้า อุ้มไข่ตุ๋นจะพาไปนอน ษาถามว่าจะพาไปไหน เขาบอกว่าพาไปนอน ษาชี้ไปที่เตียงบอกว่าไข่ตุ๋นนอนกับตนทุกคืน วิศเวศทำตาปริบๆ ติงว่า

"ล้อเล่นน่า ไข่ตุ๋นโตขนาดนี้ ยังนอนกับคุณได้ไง คุณต้องหัดให้แกนอนคนเดียวบ้างนะ" ว่าแล้วอุ้มไข่ตุ๋นไปที่เตียง บ่นเสียงอ่อย "เตียงเล็กนิดเดียว จะนอนเบียดกันสามคนได้ไง"

ษาอดยิ้มออกมาขำๆกับความกะล่อนหน้าตายของเขาไม่ได้

ooooooo

สุดท้าย ษากับไข่ตุ๋นนอนบนเตียงตามเคย ส่วนวิศเวศนอนอยู่ข้างเตียงโดยมีฟูกบางๆรองนอน ตกดึกปรากฏว่าเหงื่อแตกท่วมตัว เขาลุกขึ้นแอบไปกดพัดลมหมายจะให้หมุนแรงขึ้น ปรากฏว่าพัดลมเปิดที่เบอร์ สามอยู่แล้ว

ไม่รู้จะทำอย่างไร นอนก็นอนไม่หลับ เหงื่อไหลท่วมไปทั้งตัว เลยลุกไปเอาน้ำลูบให้คลายร้อนกลับมานอนอึดใจเดียวเหงื่อก็ออกอีก บ่นเบาๆ "อะไรวะ เหงื่อออกอีกแล้วเหรอ"

ษาแอบมองอยู่ เธอยิ้มแล้วทำเป็นนอนหลับไม่รู้เรื่อง

จนรุ่งเช้า ทั้งวิศเวศและไวณิกต่างมาทำงานอย่างง่วงนอน อิดโรย บอกกันว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับเพราะร้อนมาก วิศเวศหยอกน้องชายว่าทำไมตอนที่อยู่บ้านตาของชิดชมยังอยู่ได้ ไวณิกบอกว่าที่นั่นอากาศดีปลอดโปร่งลมเย็นสบาย แล้วชวนพี่ชาย "พี่วิศ เราไปนอนคอนโดฯเถอะ"

วิศเวศไม่ไป ให้ไวณิกไปเอากุญแจที่กรไปนอนคนเดียว ไวณิกถามว่าเขาทนได้หรือ

"ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกัน" วิศเวศตอบอย่างมีแผนการ

วันต่อมา ที่ข้างล่างห้องพักษา วิศเวศกำลังบัญชาให้พนักงานจากร้านขายเครื่องนอน ขนฟูกขนาดใหญ่ขึ้นไปที่ห้องษา ษาออกมายืนถามงงๆว่านี่มันอะไรกัน

ไม่เพียงที่นอนขนาดใหญ่ วิศเวศยังสั่งแอร์ สั่งเครื่องฟอกอากาศ สั่งเครื่องทำน้ำร้อน อ่างอาบน้ำมาด้วย พอษาฟังจบก็ว้ากใส่ทันที

"ไม่ต้อง! ห้องน้ำเล็กขนาดนั้นคุณจะเอาที่ที่ไหนมาวางอ่าง แล้วฉันก็ไม่ชอบอาบน้ำอุ่นเข้าใจไหม รวมทั้งที่นอนแล้วก็แอร์นั่นด้วย เอากลับไปให้หมด!"

ถูกษาดุเขาเลยเงียบ ษายื่นคำขาดว่า

"ถ้าคุณอยากอยู่ที่นี่ ก็ต้องอยู่อย่างที่ฉันเคยอยู่ ห้ามมีอภิสิทธิ์ใดๆเหนือคนอื่นเข้าใจไหม"

"เดี๋ยวผมเซ็นอนุมัติให้ติดแอร์ทุกห้องก็ได้เป็นสวัสดิการเพิ่มเติมให้กับพนักงานไง"

"พี่วิศคะ!" ษาเสียงเข้ม เขาเลยหน้าจ๋อยรับเสียงอ่อยว่าเข้าใจแล้ว

เมื่อษาไปทำงาน เล่าให้ชิดชมฟัง ชิดชมหัวเราะสะใจ บอกว่าสองพี่น้องนี่ยังไงก็ยังติดนิสัยคุณหนูอยู่ดี ษาพูดอย่างมาดมั่นว่าจะต้องดัดนิสัยกันบ้าง

"คุณวิศเขารักษาจริงๆนะ เฮ้อ...คิดว่าทุกอย่างจะจบแล้ว ที่ไหนได้ยังมีปัญหาแม่ผัวกับลูกสะใภ้ตามมาอีกจนได้"

"คงไม่ใช่หรอก เพราะคุณวิมาลาเขายังไม่เคยรับฉันเลยต่างหาก" ษามองทะลุกว่า

ชิดชมมองษาอย่างเห็นใจ พอดีนึกขึ้นได้บอกว่าเกือบลืมไป ฝ่ายบุคคลฝากซองมาให้ พอษารับซองเปิดออกดู เธอทิ้งกระดาษในซองไปอย่างโมโห ชิดชมหยิบขึ้นมาดูงงๆ พึมพำ...

"เลื่อนให้มาอยู่แผนกเขียนลายผ้างั้นเหรอ!"

ooooooo

ษาไม่พอใจ ตามไปเจอวิศเวศเดินตรวจงานอยู่กับกร เธอตรงเข้าไปต่อว่าเขาว่า บอกแล้วว่าตนไม่ต้องการสิทธิพิเศษใดๆ ทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติกันเลย มาเลื่อนตำแหน่งให้ตนทำไม

วิศเวศถามว่าเธอจะเป็นพนักงานตรวจคุณภาพทั้งปีหรือ ทั้งๆที่มีความสามารถมากกว่านั้น อย่าลืมว่าตัวเองจบปริญญาตรีมา

"ก็ฉันพอใจของฉัน คุณอายมากกว่าที่ฉันเป็นแค่สาว โรงงานกระจอกๆ คุณรับไม่ได้ใช่ไหม"

"ผมไม่เคยดูถูกพนักงานโรงงานของผม แล้วถ้าผมอาย ผมคงไม่มาอยู่กับคุณที่หอพักหรอก ผิดตรงไหน ก็ผมเห็นว่าเมียผมเก่ง ผมอยากส่งเสริมเมียผมบ้าง มีอะไรไหม" วิศเวศเสียงดัง

คนงานเริ่มสนใจการโต้เถียงกัน ษาหันไปดูคนงานแล้วถามเบาๆแต่เสียงเข้มว่าจะตะโกนทำไม ตนอายคนอื่น วิศเวศกลับคว้าตัวเธอไปจูบอวดพนักงาน พูดเสียงดังกว่าเดิมว่า

"ผมไม่อาย ก็คุณเป็นเมียผมจริงๆ"

ษาทั้งโกรธทั้งอาย ยกมือจะตบหน้าเขา แต่ตบไม่ลง สุดท้ายหันสะบัดเดินหนีไปเอง

ooooooo

ษาปฏิเสธไม่ยอมรับหน้าที่ใหม่ที่วิศเวศแต่งตั้งเพราะคิดว่าเขามีเจตนาเป็นอย่างอื่น แต่เมื่อกรตามไปชี้แจงว่า ที่เขาเลื่อนตำแหน่งให้เธอเพราะได้เห็นฝีมือการออกแบบลายผ้าที่ตนเป็นคนเอาผ้าบาติกของเธอไปให้เขาดู ทั้งยังรับรองว่าคนอย่างวิศเวศที่เป็นนักธุรกิจคงไม่ยอมเอาชื่อเสียงของโรงงานไปแลกแน่ๆ กล่อมเธอว่า

"เรื่องการเลื่อนตำแหน่งให้คุณ ความจริงแค่คุณวิศเซ็นคำสั่งก็ไม่มีใครกล้าว่า แต่เพราะอยากให้ทุกคนเห็นความสามารถของคุณ คุณวิศถึงกับเอาเรื่องนี้ไปเสนอให้ฝ่ายการตลาดเป็นผู้พิจารณาเอง"

ฟังแล้วษารับได้กับเหตุผลนั้น ถามกรว่าแล้วจะให้ตนทำอย่างไร

"ก็จูบขอบคุณผมสักหน่อย แล้วก็พูดเบาๆว่าษาขอโทษค่ะพี่วิศ" เสียงวิศเวศแทรกขึ้น เอานิ้วชี้ที่แก้มเอียงหน้าให้เร่ง "เร็วซิ"

ษาเขินจนพลั้งปากด่า "จะบ้าเหรอ กลางโรงงานเนี่ยนะ เดี๋ยวใครเห็น"

วิศเวศได้ทีบอกเธอให้เลิกเรียกตัวเองว่าฉันและแทนตัวเขาว่าคุณเสียที ให้เรียกษากับพี่วิศเหมือนเดิมไม่ได้หรือ

ทันใดนั้น ไวณิกเข้ามาบอกพี่ชายอย่างตกใจว่าแม่ ไม่สบายอยู่โรงพยาบาล ษาเลยรอดตัวไม่ต้องจูบขอบคุณเขา แล้วทั้งสามก็พากันไปที่โรงพยาบาล ษาขอรอข้างนอก วิศเวศจับมือเธอบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจบอกว่า "คุณเป็นเมียผม เพราะฉะนั้นคุณคือคนในครอบครัวของผม"

ไวณิกพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งหมดจึงทยอยกันเดินเข้าไปในห้อง

ooooooo

วิมาลานอนตะแคงหันหลังให้ทางประตู บ่นปานสาวใช้ที่ตามมาดูแลว่าเร่งแอร์จนตนหนาวแล้ว

"อุ่นขึ้นไหมครับแม่ ถ้ายังไม่อุ่น ผมกอด" ไวณิกคลุมผ้าห่มให้แล้วถามตั้งใจให้เซอร์ไพรส์

วิมาลาหันมองเผลอยิ้มออกมา แต่พอนึกได้ก็หุบยิ้มปั้นหน้าปึ่งตามเดิม มองทั้งสามที่ยกมือไหว้พร้อมกัน ถามประชดว่า จะมาดูว่าตนตายแล้วรึยังใช่ไหม ไม่ต้องห่วงตนไม่ตายง่ายๆหรอก

วิศเวศเข้าไปพูดใกล้ๆแม่ว่าตนถามหมอแล้ว หมอ

บอกว่าแม่ไม่ได้เป็นอะไรที่น่าเป็นห่วงแต่คงพักผ่อนไม่พอ พูดปะเหลาะแม่ว่า

"ดีเหมือนกันนะครับ มานอนโรงพยาบาลสัก 2-3 วัน จะได้พักผ่อนได้เต็มที่ เรื่องโรงงานคุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมกับนายไวดูแลได้"

"โอ๊ย...ฉันไม่กล้าเข้าไปยุ่งหรอกโรงงานนั้นน่ะ ธุรกิจ อื่นฉันก็มี ปาน ส่งแขกด้วยฉันอยากนอน"

ไวณิกเข้าไปอ้อนแม่ว่าอย่าทำอย่างนี้เลย ตนซื้อลูกกีวีมาด้วยคุณแม่ชอบใช่ไหม บอกปานให้เอาไปปอกให้คุณแม่ด้วย ษาเลยอาสาจะไปปอกให้

เท่านั้นเอง วิมาลาลุกพรวดขึ้นราวกับถูกเข็มแทง ตวาดแว้ดว่าไม่ต้องยุ่ง ด่าแล้วขว้างหมอนใส่ไล่ให้ออกไปให้พ้น วิศเวศรีบบอกแม่ว่าษากำลังท้อง ทำให้วิมาลาชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ความทิฐิทำให้ย้อนเอาว่า

"แล้วไง ดี มันจะได้แท้งไปเลย!"

ษาพยายามทำให้คลี่คลายด้วยการบอกว่าตนไม่เป็นอะไรเพราะหมอนเบานิดเดียว แทนที่วิมาลาจะอ่อนข้อ กลับย้ำว่าตนตั้งใจเพราะเกลียดษา พานด่าลูกทั้งสองว่าเมื่อไม่รักตนก็ไปเลยแล้วไม่ต้องมาเยี่ยมกันอีก แล้วหันไปบอกพยาบาลให้ช่วยตาม รปภ.มาเอาพวกนี้ออกไปที ถ้าไม่ทำตนจะย้ายโรงพยาบาล

"เอาล่ะผมรู้แล้ว" วิศเวศยกมือไหว้ลา "แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ" ทุกคนยกมือไหว้ลา วิมาลาไม่แม้แต่จะชายตาแล

ooooooo

เมื่อกลับมาที่ห้องพัก ษาดูแลวิศเวศอย่างเอาใจ หว่านล้อมและชี้ให้เขาเห็นถึงปมขัดแย้ง ขอให้เขาให้เวลากับแม่ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นไม่เห็นจะลำบากอะไรเลย

"ขอบใจนะ" วิศเวศพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

แต่วิมาลาไม่ยอมหยุดยังทิฐิที่จะเอาชนะ แม้จะเสียน้ำตาแต่ก็พูดกับตัวเองว่า

"เมื่อมันไม่ได้ดั่งใจ ก็ไม่เห็นต้องแคร์เลย"

เรื่องคุกรุ่นขึ้นมาอีก เมื่อสร้อยเห็นษาได้เลื่อนตำแหน่งก็รับไม่ได้ ยิ่งเห็นวิศเวศไปอยู่ที่ห้องพักกับษาก็ยิ่งทนไม่ได้ ไปลอยหน้าฟ้องวิมาลา เป่าหูว่าคนเขาลือกันทั้งโรงงานว่าวิศเวศกับไวณิกถูกของเพราะทั้งสองคนหน้าตาดำคล้ำไม่มีสง่าราศีเลย

ความทิฐิบวกกับความหูเบาทำให้วิมาลาจ้างสร้อย

ด้วยเงินห้าหมื่นบาทให้สร้อยไปแยกษากับวิศเวศออกจากกัน ทั้งยังชี้โพรงให้กระรอกว่า

"ตอนนี้แม่นั่นกำลังท้อง วิศเวศถึงจะรักเมียแค่ไหนแต่ก็เป็นผู้ชายไม่ใช่พระอิฐพระปูน ถ้ามีผู้หญิงสาวๆเข้ามาใกล้..."

วิมาลาพูดทิ้งไว้แค่นั้น สร้อยก็รีบบอกว่าตนเข้าใจแล้ว หน้าตาระริกระรี้ที่วิมาลาเปิดทางให้ วิมาลามองอย่างพอใจย้ำว่า

"ดี แล้วก็เอาหลักฐานมาให้ฉัน...อ้อ อย่าให้พลาดเหมือนตอนนายไวอีกล่ะ" พอสร้อยออกไป วิมาลาก็พูดอย่างสะใจว่า "แกบังคับให้แม่ต้องทำแบบนี้เองนะ"

ooooooo

ไม่เพียงบงการและว่าจ้างสร้อยเท่านั้น วิมาลายังร่วมมือเองด้วย โดยโทรศัพท์ไปบอกษาให้มาพบตนที่ห้อง แม้จะหนักใจแต่ษาก็ต้องไป เธอเขียนใส่กระดาษแผ่นเล็กๆสอดไว้ในแฟ้มที่โต๊ะทำงานของวิศเวศ เขาเปิดเจอเธอเขียนบอกว่า

"ฉันไปธุระ ไม่ต้องรอนะคะ เจอกันที่ห้องเลย"

ษาพาไข่ตุ๋นไปด้วย ฝากไข่ตุ๋นไว้กับพยาบาลที่เคาน์เตอร์ กำชับไข่ตุ๋นอย่าไปซนที่ไหน แล้วจึงเดินไปที่ห้องพักคนป่วยที่วิมาลาพักอยู่

ที่แท้เป็นแผนถ่วงเวลาษาไว้ที่โรงพยาบาล และให้สร้อยไปดักรอวิศเวศที่ห้องพักของษาหมายอ่อยจับวิศเวศให้อยู่หมัด

โทร.เรียกษามาแล้ว วิมาลาก็โทร.บอกสร้อยว่า

"ฉันจัดการแยกแม่นั่นมาเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเธอ"

ooooooo

วิมาลาสั่งปานไว้ว่าถ้าษามาให้รออยู่ที่ห้องห้ามไปไหนและอย่าเพิ่งกลับ ษาจึงต้องนั่งอยู่ที่นั่น แต่ตัววิมาลาเองนั้น กลับไปที่สวนในโรงพยาบาลคอยเวลาที่สร้อยจะทำตามแผนสำเร็จ

ไข่ตุ๋นแอบไปเล่นกับวิมาลาซึ่งทั้งสองเคยพบและมีความรู้สึกดีๆต่อกันมาก่อน วิมาลาเพลิดเพลินไปกับการหยอกล้อกับไข่ตุ๋น

ส่วนสร้อยไปแอบอยู่ในห้องพักของษา เมื่อวิศเวศกลับมาก็ยั่วยวนใช้ทั้งมารยาและเรือนร่าง แต่ถูกวิศเวศปฏิเสธอย่างเหยียดหยามว่า

"ฉันไม่ใช่คนที่เธอควรจะทำแบบนี้ เป็นผู้หญิงเที่ยวมาไล่ยั่วผู้ชายแบบนี้ มันหน้าไม่อาย โดยเฉพาะผู้ชายที่มี เมียแล้ว"

สร้อยอ้างว่าวิมาลาไม่ยอมรับษา เข้าไปอ้อนว่าตนชอบเขาพยายามจะเข้าไปสี

"มันเรื่องในครอบครัวฉันไม่เกี่ยวกับเธอ แต่สิ่งที่เกี่ยวกับเธอคือ เธอไม่ต้องไปทำงานที่โรงงานแล้ว ฉันไล่เธอออก!"

สร้อย ตกใจที่อ่อยวิศเวศไม่สำเร็จ แล้วยังถูกไล่ออกต้องตกงานอีก เลยยอมรับว่าตนทำตามคำสั่งของท่านประธาน พอเขาชะงักอึ้ง เธอเข้าไปกอดอีก

"คุณวิศเวศคะ ท่านประธานไฟเขียวขนาดนี้จะไม่ตามใจ ท่านหน่อยเหรอคะ"

ooooooo

วิ มาลาเล่นกับไข่ตุ๋นอย่างร่าเริงสบายใจในความน่ารักช่างพูดของหนูน้อย จนไข่ตุ๋นนึกได้บอกว่าตนต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยวแม่เป็นห่วง พูดแล้ววิ่งตื๋อไปเลย วิมาลายังพูดตามหลังไปว่า

"ไข่ตุ๋นพาแม่มาหาย่ามั่งนะ"

เพียง ไข่ตุ๋นวิ่งพ้นสายตาไปเท่านั้น ษาก็มาเจอวิมาลา เธอเข้าไปถามว่าท่านต้องการพบใช่ไหม วิมาลาฉุนขึ้นมาย้อนถามว่าตนสั่งให้รออยู่ที่ห้องไม่ใช่หรือ

"ดิฉันต้องรีบกลับค่ะ มีอะไรท่านพูดกับฉันได้เลย"

"เรื่องเดิม! ฉันต้องการให้เธอไปจากชีวิตลูกชายฉัน ต้องการค่าเลี้ยงดูเด็กในท้องเท่าไหร่ฉันจะให้"

ษาบอกว่าตนไม่ต้องการเงิน วิมาลาดักคอว่าแต่อยากเป็นสะใภ้ใช่ไหม เย้ยว่าเธอจะเป็นได้ก็ต่อเมื่อตนตายไปแล้วเท่านั้น

"ตำแหน่งนั้นฉันก็ไม่เคยคิดจะได้เหมือนกันค่ะ ท่านสบายใจได้" พูดแล้วษาหันหลังกลับ

งั้นแกก็ไปซะซิ ไปให้พ้น" วิมาลาไล่ตามหลัง จากนั้นก็พึมพำภาวนาขอให้สร้อยทำสำเร็จเถิด ทันใดนั้นโทรศัพท์

มือถือดังขึ้น วิมาลารีบรับสาย "ฮัลโหล ว่าไง เรียบร้อยใช่ไหม... อะไรนะ!!"

ooooooo

ษาพาไข่ตุ๋นกลับถึงห้องพักก็ค่ำมากแล้ว พอเปิดประตูห้องเข้าไปเปิดไฟ เธอก็ชะงักเมื่อเห็นวิศเวศ

นอนหลับอยู่บนเตียง เขางัวเงียขึ้นมา ษารีบขอโทษ เขาชี้แจงว่า กลับมาไม่เจอเธอเลยนอนรอไม่รู้หลับไปตั้งแต่เมื่อไร ถามว่าษาไปไหนมา

ษาบอกว่าพาไข่ตุ๋นไปหาหมอ เขาบอกว่าวันหลังให้ บอกด้วยจะได้ไปเป็นเพื่อน

ทั้งษาและวิศเวศต่างไม่มีใครพูดความจริงที่เกิดขึ้นเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น ษาจะไปฝากท้องที่โรงพยาบาล วิศเวศขอไปส่งอ้างว่าอยากไปเยี่ยมคุณแม่ด้วย ษาเลยต้องยอม

ขณะ ทั้งสามกำลังไปขึ้นรถนั้น นิดเดินผ่านมากับสร้อย นิดสะกิดให้สร้อยดู สร้อยสะบัดหน้าอ้างว่าจะรีบไปเข้ากะ ทำเอานิดงงเพราะไม่รู้ว่าสร้อยไปถูกวิศเวศไล่ตะเพิดซ้ำยังถูกไล่ออกจากงาน ด้วย

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล วิศเวศไปนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจแผนกสูติฯ จนษาตรวจเสร็จออกมาบอกให้เขาไปเยี่ยมวิมาลาเสียตนอยู่คนเดียวได้ วิศเวศเอะใจว่าไข่ตุ๋นหายไปไหน

"อ่อ...แกขออนุญาตไปเล่นด้านโน้นน่ะค่ะ ให้นั่งรอเฉยๆคงเบื่อ ช่างแกเถอะค่ะ"

ที่แท้ ไข่ตุ๋นแอบไปหาวิมาลา มีการ์ดทำเองเขียนอวยพรให้คุณย่าหายเร็วๆ แข็งแรงเร็วๆด้วย แม้วิมาลาจะหงุดหงิด แต่เมื่อได้เล่นได้คุยกับไข่ตุ๋นก็รู้สึกผ่อนคลาย

ไข่ตุ๋นเล่นอยู่ ครู่หนึ่ง บอกย่าว่าวันนี้ต้องรีบกลับไปทำของขวัญให้น้อง เล่าอย่างตื่นเต้นว่า แม่กำลังจะมีน้องแต่ไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

ขณะนั้นเอง วิศเวศผลักประตูเข้ามาพร้อมษา วิมาลาชะงักชักสีหน้าใส่ทันที ษาตกใจถามว่าทำไมไข่ตุ๋นมาอยู่ที่นี่

ไข่ตุ๋นไม่สนใจแนะนำย่าอย่างภูมิใจว่า

"แม่ษา คุณย่าครับ นี่ไงครับแม่ษาของไข่ตุ๋น"

เป็นเรื่องทันที วิมาลาหาว่าษาใช้ความไร้เดียงสาของลูกมาหลอกล่อให้ตนใจอ่อน ด่าษาว่า

"ฉันไม่หลงกลเธอหรอก เจ้าเล่ห์นัก เชื้อไม่ทิ้งแถว

จริงๆ" ด่าษาแล้วไล่ทั้งหมดออกไปจากห้อง ตะโกนใส่ "ฉันเกลียดพวกแก"

ปรากฏว่า อารมณ์โกรธเกรี้ยว ทำให้วิมาลาถึงกับหน้ามืด ษาเลยต้องรีบไปตามหมอ

ooooooo

เมื่อ แม่นอนป่วยอยู่ วิศเวศจึงอยู่เฝ้าที่โรงพยาบาล ตกกลางคืนษาโทร.มาถามว่าอาการท่านเป็นอย่างไรบ้าง พอรู้ว่าดีขึ้นและเขาจะอยู่เฝ้าแม่ที่นี่ ษาเห็นด้วยบอกเขาว่า

"ดีแล้วค่ะ ตอนนี้พี่วิศควรอยู่กับท่าน...ค่ะ...ษาก็รักพี่วิศ"

คุยกับวิศเวศแล้ว ษาหันมองไข่ตุ๋นพูดกับตัวเองด้วยความสงสารลูกว่า

"ไข่ตุ๋นต้องลำบากเพราะแม่อีกแล้ว แต่นี่เป็นครั้งสุดท้าย"

ส่วนวิศเวศอยู่เฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล เขาพยายามชี้แจงหว่านล้อมกล่อมแม่ว่า

"คุณ แม่ครับ ตอนนี้ษาเขากำลังจะมีหลานคนแรกให้กับตระกูลเรา มันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับครอบครัวเรา และทำให้ คุณแม่ มีความสุขไม่ใช่หรือครับ ได้มีลูกหลานอยู่พร้อมหน้า พร้อมตา มันไม่เสียหายหรอกนะครับถ้าคุณแม่ยอมลดทิฐิลงซักนิด...นะครับคุณแม่..."

วิมาลาชักผ้าห่มคลุมโปงไม่ยอมให้ตัวเองใจอ่อน วิศเวศมองแล้วได้แต่ถอนใจ...

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ษาก็พาไข่ตุ๋นไปหาปกรณ์ที่บ้านในชนบท พอษาเล่าถึงความจริงที่เกิดขึ้นและความตั้งใจของตัวเองที่จะมาอยู่กับพ่อที่นี่เพื่อตัดปัญหาทั้งปวงปกรณ์ก็พูดอย่างคาดไม่ถึงว่า นึกว่าเรื่องลงเอยไปแล้ว ทำไมถึงยังเป็นแบบนี้อยู่ ถามษาว่า

"แกกับไข่ตุ๋นจะอยู่ได้ยังไง ที่นี่มันลำบากนะ ไหนจะลูกในท้องอีก" เมื่อษาตัดสินใจเด็ดเดี่ยวว่าอยู่ได้ ไม่มีอะไรจะดีเท่าเราได้อยู่กันพร้อมหน้าอีกแล้ว ปกรณ์ตัดสินใจบอกษาว่า "แบบนี้จะให้พ่อบวชอย่างวางใจได้ยังไง พ่อคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว"

แล้วปกรณ์ก็ไปหาวิมาลาที่โรงพยาบาล ขอเวลาแค่ 5 นาที แต่วิมาลาไม่ให้แม้แต่นาทีเดียว สั่งปานให้โทร.แจ้งตำรวจว่ามีโจรบุกรุกเข้ามาในห้อง

"ผมยืนยันได้ครับว่าผมมาดี ผมแค่อยากมาขออโหสิกรรมกับคุณเท่านั้น ผมกำลังจะบวช"

วิมาลาชะงัก ไม่ใช่เพราะจะอนุโมทนาด้วย แต่กลับย้อนถามว่า จะให้ตนยกโทษทุกอย่างที่เขาทำไว้กับลูกทั้งสองของตนจนปางตายใช่ไหม ถามว่าเขาก็เป็นพ่อคนถ้าลูกตัวเองถูกกระทำขนาดนั้นเขาจะยกโทษให้ได้ไหม

ปกรณ์นิ่งไปนิดหนึ่งก่อนตอบอย่างเยือกเย็น สุขุมว่า

"ความจริงผมกลับบ้านนอกไปแล้ว แต่ต้องกลับมาที่นี่ อีกครั้งเพราะผมไม่อยากให้มีสิ่งติดค้างใดๆ"

"จบหรือยัง ฉันคงไม่มีเวลาทั้งวันมานั่งฟังคุณพูด"

"ชีวิตผม ไม่เคยทำสิ่งดีๆที่คนเป็นพ่อควรทำ สั่งสอนลูกให้เป็นคนดี เป็นตัวอย่างที่ดี ผมไม่เคยมี เจ้าติถึงได้ทำเรื่องขึ้นมากมาย แต่สำหรับษา เป็นเรื่องตรงกันข้าม ษาคือคนตามชดใช้สิ่งที่พี่ชายกับพ่อทำมาตลอด ผมไม่ได้หวังให้คุณยกโทษ แต่ผมอยากขอโทษกับสิ่งที่ผมทำลงไปมากกว่า"

ปกรณ์ยกมือไหว้ วิมาลาอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะขออนุโมทนาที่เขาจะบวช แต่ยังยืนยันว่ายอมรับษามาเป็นสะใภ้ไม่ได้ ปกรณ์ บอกว่าตนเข้าใจและขอบคุณที่เธอยอมฟังตนพูดจนจบ แล้วยกมือไหว้ลา พลันก็ชะงักอีก ก่อนจะพูดเนิบๆว่า

"คุณรู้ไหม ผมคิดอยู่นานมากกว่าจะตัดสินใจบวช บวชแล้วผมจะถือศีลครบไหม ใครจะนับถือผมบ้าง มีกี่คนที่จะใส่บาตรให้ผม แต่แล้วผมก็คิดได้ว่า คนเรามีชีวิตอยู่อีกไม่นาน จะมามัวยึดถือสิ่งที่ไม่มีตัวตนแล้วทำให้ชีวิตยากไปทำไม แถมยังหาความสุขไม่ได้"

ปกรณ์ยิ้มให้วิมาลาแล้วหันหลังเดินไป ส่วนวิมาลาฟังครั้งนี้ถึงกับอึ้งไปนาน

ooooooo

วิศเวศกลับมาที่ห้องพักจึงรู้ว่าษาพาไข่ตุ๋นหนีไปแล้ว เขาตกใจเสียใจมาก ขณะกำลังจะออกไปตามหาษานั่นเอง กรก็เข้ามาบอกว่าที่โรงงานมีแขกคนสำคัญมารอพบอยู่ เขาจึงตัดสินใจไปที่โรงงาน

ที่แท้ แขกคนนั้นคือวิมาลานั่นเอง วิศเวศถามอย่างแปลกใจว่าหมอให้ออกจากโรงพยาบาลแล้วหรือ วิมาลาไม่ตอบแต่กลับตำหนิการทำงานของเขาว่าเฉื่อยแฉะ ทั้งที่ออเดอร์ จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น น่าจะขยายโรงงานได้มากกว่านี้

วิศเวศชี้แจงว่าเมื่อต้นปีได้ให้กรไปดูๆไว้แล้วแต่ยังไม่มั่นใจ กรจะไปหาเอกสารมาให้ดู วิมาลาถามว่าเย็นนี้ทันไหม ให้วิศเวศเอาไปให้ดูตอนกินข้าวที่บ้านก็แล้วกัน

วิศเวศอึกอักบอกแม่ว่าตนต้องไปตามษาเพราะษาพาไข่ตุ๋นหนีไป วิมาลาทำหน้าดุเอ็ดเบาๆว่า

"ก็รีบไปซิ น่ารำคาญจริง อะไรกันวันๆเอาแต่ยุ่งเรื่องลูกเมียจนไม่เป็นอันทำอะไร" ฟังแม่แล้วชายหนุ่มถามอย่างตื่นเต้นว่าหมายความว่า... "ก็พูดอยู่นี่ว่าให้รีบไปรับกลับไปอยู่บ้านกันให้หมดนั่นแหละ ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ"

ไวณิกพรวดเข้ามาถามว่าคุณแม่ยอมรับษาแล้วหรือ วิมาลาทำเป็นดุว่าแอบฟังผู้ใหญ่คุยกันใครสั่งใครสอน ขณะนั้นเอง ชิดชมค่อยๆเดินตามเข้ามายกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมยิ้มแหยๆ กลัวๆกล้าๆ วิมาลาสั่งชิดชมว่า

"ต่อไปอบรมกันให้ดีด้วยนะชิดชม ลูกเหลือขอพรรค์นี้ ฉันยกให้"

"ไชโยๆๆ คุณแม่น่ารักที่สุดในโลก" ไวณิกโผเข้ากอด แม่ไว้ วิศเวศก็เข้าไปยกมือไหว้ขอบคุณแม่ สามแม่ลูกกอดกันยิ้มปลื้มไปมา กรเองก็พลอยยิ้มดีใจไปด้วย

ooooooo

วันต่อมา วิศเวศก็แอบไปทำเซอร์ไพรส์ษาที่บ้านปกรณ์ แอบเอากุหลาบไปวางให้เป็นปริศนาให้ษาสงสัย จนสุดท้ายก็เอาดอกไม้ที่ทำเป็นช่อวงกลมสำหรับครอบศีรษะมาวาง พอษาออกมาหยิบดูเขาร้องบอก

"สวมซิ มันเป็นของษา"

ษาแปลกใจที่เห็นเขามาถึงที่นี่ ทำท่าจะเดินหนี วิศเวศ จึงกดโทรศัพท์ที่บันทึกเสียงวิมาลาไว้ให้ฟัง ษาชะงักฟัง...

"ษา ที่ผ่านมาฉันเข้าใจเธอผิด ลืมอดีตที่เลวร้ายแล้วเรามาเริ่มแก้ไขทุกอย่างให้ถูกต้องด้วยกันนะ"

ษาน้ำตาร่วงเผาะ มองวิศเวศอย่างตื้นตันใจ วิศเวศหยิบพวงดอกไม้สวมหัวให้คุกเข่าขอแต่งงาน บอกว่าอยากย้อนเวลาไปทำสิ่งที่ควรทำแต่ยังไม่ได้ทำจนเรามีลูกด้วยกันก็ยังไม่ได้ขอเธอแต่งงานเลย

"แต่อดีตมันไม่ได้ลบกันง่ายๆนะคะ พี่วิศแน่ใจนะคะว่ามันจะไม่เป็นเงาหลอกหลอนเราสองคนตลอดไป"

"มันจะเป็นเหมือนเงาในกระจก ที่สะท้อนให้เราเห็นความผิดพลาดที่ผ่านมาต่างหาก พี่จะไม่ทำผิดแบบนั้นอีก พี่สัญญา"

"ษาต่างหากค่ะที่ผิด ไม่กล้ายอมรับความจริงเที่ยวโกหกคนโน้นคนนี้ไปทั่ว แต่ยิ่งทำก็ยิ่งถลำลึก ษาวิ่งหนีความจริงมาตลอด"

"วิ่งหนีความจริงว่าษารักพี่ใช่ไหม"

ษาไม่ตอบแต่พยักหน้ายอมรับ วิศเวศดึงเธอเข้าไปกอดพูดอย่างแสนรักว่า "ถึงษาจะเปลี่ยนใจ อยากวิ่งหนีอีกก็ไม่ได้แล้วนะ เพราะพี่ล็อกษาเอาไว้ด้วยหัวใจของพี่แล้ว"

วิศเวศเชยหน้าษาขึ้นจูบหน้าผากอย่างทะนุถนอม ยิ้มให้กันอย่างยอมรับความจริงของกันและกัน ไข่ตุ๋นวิ่งเข้ามา วิศเวศก้มลงอุ้มไข่ตุ๋นขึ้นมาขี่คอ สามคนพ่อแม่ลูกเดินไปด้วยกันท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข...

ooooooo

-อวสาน-

อ่านละครย่อเรื่อง เงาหัวใจ ตอนที่ 17(ตอนอวสาน)
ที่มา ไทยรัฐ