อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 4 ตุลาคม 2553
“ทำไมนายต้องมาสนใจดูแลฉันด้วย
“ก็...ไม่รู้สิ ผมแค่รู้สึก..อยากช่วยคุณ จริง ๆ นะ”
ธามเงยหน้าสบตาบาจรีย์ แล้วล้างแผลให้บาจรีย์ต่ออย่างเบามือและอ่อนโยน บาจรีย์แอบมองธามโดยไม่ขัดขืนอีกเลย
---@@@---
ระหว่างที่ช่วยทำแผลให้พชร ลำธารเห็นพชรมีท่าทีท้อแท้ โทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ปกป้องค่ายไว้ไม่ได้ จึงช่วยพูดปลอบให้พชรมีกำลังใจ
“พชร นายอย่าโทษตัวเองนะ เรื่องอะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ อย่าง น้อย ๆ ตอนนี้นายก็ยังมีลมหายใจ มีร่างกายที่เข้มแข็งพอจะต่อสู้กับวันข้างหน้า มีคนรอบตัวที่พร้อมจะยืนหยัดเคียงข้างนายรวมถึง นายยังมีฉัน” ลำธารวางมือลงที่มือของพชรอย่างให้กำลังใจ
พชรหันมาสบตาลำธาร ลำธารเองก็อึ้ง ที่หลุดปากบอกความนัย
“ฉันหมายถึงยังมีเจ้าหญิงบาจรีย์ที่พร้อม จะเป็นกำลังใจให้นายเสมอ”
“แล้วคุณล่ะลำธาร”
“ฉันอยู่เคียงข้างพวกเราทุกคน ไม่ ว่าใครก็ตามต่างมีความสำคัญต่อการกอบกู้ มินาลิน แต่ในฐานะที่นายเป็นผู้นำ นายควร จะเข้มแข็งและเป็นกำลังใจให้ทุกคน คน เราล้มได้แต่ต้องลุกให้ไวที่สุด ฉันพูดได้เท่านี้แหละ ที่เหลือนายคงคิดได้เอง...แล้วในฐานะ ผู้นำ นายบอกฉันทีสิ ว่าเราจะกลับไปเจอกับทุกคนที่ไหน”
พชรเล่าเรื่องค่ายสำรองที่หมู่บ้านชนพื้นเมืองทางป่าทิศตะวันตกให้ลำธารฟัง ลำธารนึกเป็นห่วงธามกับบาจรีย์ พชรปลอบใจไม่ให้ลำธารคิดมาก เชื่อว่าธามคงหาทางพาบาจรีย์ไปที่ค่ายสำรองได้ พชรเห็นว่าเริ่มเย็นมากแล้ว จึงตัดสินใจจะนอนพักค้างคืนกลางป่า ลำธารช่วยจัดเตรียมที่นอนให้พชรที่ได้รับบาดเจ็บ พชรค่อยรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาบ้าง
---@@@---
ธามออกไปสำรวจป่ากลับมาเห็นบาจรีย์ ก่อกองไฟเสร็จเรียบร้อยก็นึกทึ่ง แต่พอรู้ว่าบาจรีย์เอาแผนที่ค่ายสำรองที่ธามแอบคัดลอกเก็บไว้ในอกเสื้อไปจุดไฟ ธามก็โวยวายลั่นออกมาทันที บาจรีย์หน้าจ๋อยไม่คิดว่าเศษกระดาษที่อยู่ในเสื้อธามจะเป็นแผนที่
“ปัดโธ่เว้ย ให้มันได้ยังงี้สิ”
“ซวยเเล้ววววว”
“ใช่ ซวยมาก ซวยสุด ๆ ที่สุด ของความซวย อภิมหาโคตะระซวย ยัยตัวซวย”
“ถึงฉันจะทำยุ่ง...แต่ฉันก็หวังดีไม่อยากให้นายหนาวนะ”
ธามชะงักทันที ที่เห็นบาจรีย์เศร้าลงอย่างคนรู้สึกผิด บาจรีย์เดินหนีไปนั่งซึมหันหลังให้ธาม ธามมองบาจรีย์อย่างรู้สึกสงสาร
---@@@---
ภูษณะหาสมุนไพรมาทำแผลให้กับพา ริณ พาริณรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เห็นภูษณะคอยอยู่ดูแลไม่ห่างรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
“ท่านภูษณะ ท่านไม่ต้องลำบากทำแบบนี้หรอก”
พาริณพยายามลุกขึ้น แต่ภูษณะแตะที่ไหล่พาริณเบาๆ
“ไม่เป็นไร นอนพักก่อนเถอะ ทำไม รังเกียจที่เราดูแลเจ้ารึไง”
“เปล่า แต่ฉันห่วงท่านพชร ในฐานะองครักษ์จะอยู่ห่างจากเจ้าชายไม่ได้ ท่านก็รู้ว่าตอนนี้ทหารดารัณกระจายอยู่ทั่วป่า”
“เจ้าห่วงพชร หรือว่าห่วงที่ตอนนี้พชรอยู่กับลำธาร”
พาริณอึ้งไปพูดไม่ออกบอกไม่ถูกภูษณะ จัดแจงถอดเสื้อตัวนอกห่มให้พาริณทันที
“ถ้าไม่อยากนอนซมเพราะพิษไข้ก็ต้องรีบพักผ่อน พชรเอาตัวรอดได้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ตอนนี้ห่วงชีวิตของเจ้าเองจะดีกว่า เชื่อเราสิ”
ภูษณะยิ้มให้อย่างจริงใจ แล้วเดินไปนั่งลงที่โคนต้นไม้ พาริณมองไปทางภูษณะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ
---@@@---
ลำธารนอนไม่หลับพลิกตัวไปมา มอง ไปรอบ ๆ อย่างรู้สึกหวั่น ๆ และเป็นกังวล จู่ ๆ พชรก็มานอนข้าง ๆ ลำธารหันมาโวย พชรอ้างว่าอยากมาอยู่ใกล้ ๆ คอยดูแล
“ลำธาร คุณทำให้ผมได้รู้ว่า ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า อย่าท้อแท้กับความผิดหวังที่ผ่านพ้น และปัญหาที่เคยมีระหว่างเราผมจะไม่รื้อฟื้น หรือแก้ตัวอะไรอีก แต่ผมจะเริ่มต้นใหม่ จนกว่าคุณจะรู้ว่าผมไม่เคยเปลี่ยนความรักที่มีต่อคุณไปแม้แต่น้อย”
พชรบอกความรู้สึกจากใจ ด้วยความจริงจากหัวใจ ลำธารอึ้ง ๆ ไป รีบนอนหันหลังให้ทันที เขินกับสายตาหวานของพชร พชรพลิกตัวไปกระซิบข้าง ๆ หูลำธารบอกให้ลำธาร ฝันดี ลำธารไม่พูดตอบ แต่ก็ยิ้มออกมา สุขใจอย่างประหลาด…
---@@@---
อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 4 ตุลาคม 2553
ที่มา เดลินิวส์
อ่านบทย่อละครทีวี,อ่านละครทีวีเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง,ธรณีนี่นี้ใครครอง,เรื่องทั่วไป,ดวง, ดูดวง, ดูดวงความรัก, เนื้อคู่,ดารา,gossipstar
อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 4 ตุลาคม 2553
อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 4 ตุลาคม 2553
“เสด็จย่า การต้องเป็นผู้ปกครองวังมองบ๊อก มันลำบากจริง ๆ ใจของข้ามันลอยไปที่อื่นแล้ว ทุกคนเอาแต่คิดจะพึ่งข้า จนข้าเริ่มทนไม่ไหวแล้ว ทำไมท่านถึงเอาภาระหนักแบบนี้มาให้ข้า ข้าควรจะทำยังไง ข้าควรทำยังไงดี เสด็จย่า” ชอนชูรำพึงอย่างเศร้าสร้อย
---@@@---
ตอนที่ 12
ชอนชูบอกกับคังโจว่าจะหยุดสร้างค่ายทางเหนือของชาวบัลแฮ คังโจแปลกใจที่ชอนชูมีความคิดเปลี่ยนไป คังโจเดาว่าคงเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าซองจงที่ต้องการให้ชอนชูทิ้งวังมองบ๊อกและไปจากชายแดนทางเหนือ ชอนชูบอกถึงความจำเป็นที่ต้องเลือกองค์ชายแคลองผู้เป็นสายเลือด เพราะหากนางอยู่ทางเหนือ อยู่ในวังมองบ๊อกชอนชูอาจต้องเสียลูกชายไปตลอดกาล คังโจบอกว่าเขาไม่อยากทิ้งการสร้างค่ายไป แต่หากเป็นพระประสงค์ของชอนชูเขาก็พร้อมจะปฏิบัติตามและติดตามชอนชูไป เป็นเวลาเดียวกับจูจองเข้ามารายงานว่ามีคนจากแค-กยองมาขอเข้าเฝ้า
---@@@---
โจซังกุงมาพบชอนชูโดยบอกว่านำสาส์น จากพระสนมยอนฮึงมาบอก โดยพระสนมจะให้ชอนชูเจอกับองค์ชายแคลอง หลังจากพระเจ้าซองจงเสด็จไปแค-กยองแล้ว ให้ไปพบองค์ชายแคลองที่วัดคีเบิบ เพราะหากพบในพระราชวังอาจมีคนอื่นเห็น
---@@@---
วอนซุงมาบอกแผนที่จะกำจัดชอนชู และองค์ชายแคลองให้ชอยซอมฟัง โดยพระสนมยอนฮึงจะพาองค์ชายแคลองไปพบชอนชูที่วัดคีเบิบ หลังจากพระสนมออกจากวัดแล้วก็ให้สมุนปลอมตัวเป็นพวกหนี่เจินลงมือสังหารสองแม่ลูกให้สิ้นซาก ป้องกันพระเจ้าซองจงสงสัย
“เรื่องนี้ท่านวางใจข้าได้เต็มที่ รับรองว่าสำเร็จแน่นอน แต่ท่านต้องรับประกันว่าจะ ไม่มีใครที่คิดจะเสนอพระสนมองค์ใหม่ให้กับท่านอ๋อง ถ้าหากท่านยังคิดที่จะเสนอพระสนมคนใหม่ ข้ากับท่านต้อง...ตัด.. ความสัมพันธ์กัน” วอนซุงกล่าว
---@@@---
ยุนมาบอกพระมเหสีฮอนจองว่าวังอุกไป แค-กยองแล้วพร้อมกับกัมชัน โดยทิ้งจดหมาย บอกลาไว้
“พระมเหสี ต้องขออภัยที่ไปโดยไม่ลาอีกแล้ว สิ่งที่พระมเหสีรู้สึกต่อข้าเป็นสิ่งที่.. ข้าไม่อาจรับไหว ข้าเองก็กลัวว่าตัวข้าจะควบคุม ตัวเองไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นข้าจึงต้องไป ย้อน นึกถึงอดีต ใจของข้ายังคงเหมือนเดิม พระมเหสีก็ยัง..บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนวันวาน ยังเป็นเหมือนบุปผาที่บานบนชะง่อนผา อยู่ห่างไกลจากความ..ฟอนเฟะและโหดเหี้ยมของการเมือง แต่ว่าข้า..คนที่เอาแต่หนีปัญหาในชีวิต โดยไม่อยากสู้คนนี้คงไม่กล้าอาจเอื้อมไปเด็ด บุปผาที่อยู่ตรงนั้น ตลอดมาข้าหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกสักครั้ง ตอนนี้ข้าก็ได้เจอท่านแล้ว ให้อภัยในความอ่อนแอของข้าด้วย ที่ข้าไม่กล้าพอที่จะรับความรักนี้ มีพบย่อมมีพราก มีพรากย่อมพบพาน ข้าเชื่อว่าการจากกันในวันนี้ พวก เรายังจะต้องได้พบกันอีก ความทรงจำที่มี ข้าจะขอเก็บไว้ในใจตลอดกาล ได้โปรด ถนอมตัวเองด้วย”
ฮอนจองอ่านจดหมายแล้วร้องไห้ด้วย ความเสียใจมาก
---@@@---
หลังจากที่พระเจ้าซองจงเดินทางไปซอ-กยอง ยอนฮึงก็พาองค์ชายแคลองมาที่วัดคีเบิบ ยอนฮึงบอกองค์ชายแคลองว่าจะให้พบกับชอนชู องค์ชายแคลองตกใจมากเพราะกลัวเรื่องจะรู้ถึงหูพระเจ้าซองจง
“เรื่องนี้ ข้าจะจัดการให้เอง แต่เจ้าต้อง จำเอาไว้อย่างนึงว่า ถึงนางจะเป็นคนให้กำเนิด แต่ข้าเป็นคนที่คอยเลี้ยงดูเจ้ามา ไม่ว่าใครจะพูดหรือว่าทำอะไร เจ้าก็เป็นเหมือนลูกแท้ ๆ ของข้าอยู่เสมอ เข้าใจรึเปล่า?”
“พ่ะย่ะค่ะ พระสนม” องค์ชายแคลองรับปาก ยอนฮึงให้องค์ชายแคลองเรียกตนเองว่าแม่ องค์ชายแคลองยอมทำตาม ยอนฮึงยิ้มอย่างดีใจ
ชอนชูมาที่วัดคีเบิบ ยิ้มออกมาอย่างยินดีที่ได้พบองค์ชายแคลอง ยอนฮึงปล่อยให้สองแม่ลูกได้พูดคุยกันโดยบอกว่าตอนเย็นจะ ส่งโจซังกุงมารับ ชอนชูกล่าวขอบคุณพระสนม อย่างจริงใจ
โจซังกุงกังวลว่าหากพระเจ้าซองจงทราบเรื่องจะมีปัญหาได้ พระสนมยอนฮึงบอกว่าทำในฐานะแม่คนนึงและจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง
---@@@---
องค์ชายแคลองรู้สึกอึดอัดทำตัวไม่ถูกเมื่อพบชอนชู เพราะไม่ได้เจอกันนาน ชอนชูพยายามพูดคุยเพื่อคลายความอึดอัด และพาองค์ชายแคลองเดินเล่นไปรอบ ๆ วัด
ระหว่างที่องค์ชายแคลองและชอนชูพบปะกันในวัดคีเบิบ ก็มีชายลึกลับปรากฏตัวขึ้น และตรงเข้ามาจะทำร้ายทั้งคู่ คังโจซึ่งคอยอารักขา ชอนชูจึงเข้าต่อสู้ หลวงจีนในวัดก็เข้ามาช่วยเหลือ ระหว่างที่ต่อสู้ชอนชูถูกคมดาบ ส่วนองค์ชายแคลองตกใจจนสลบไป คังโจพาชอนชูและองค์ชาย แคลองหลบหนี คังโจเห็นแผลจากคมดาบและเลือดไหลไม่หยุดจึงขอให้ชอนชูกลับไปรักษาตัว ที่วังซุงด๊อก ชอนชูว่าเมืองหลวงอันตรายควรจะกลับไปที่ฮวางจูจะดีกว่า
---@@@---
กามุนรายงานต่อชียังเรื่องที่ชอนชูไปพบองค์ชายแคลอง รวมไปถึงเรื่องที่พระเจ้าซองจงเสด็จเมืองซอ-กยอง
“ถ้าหากท่านอ๋องเสด็จจาก แค-กยองมาซอ-กยองจริง พวกเราจะมีโอกาสปลงพระชนม์ ได้” กามุนเสนอ
“นี่เจ้าพูดอะไรห้ะ?” ชียังเสียงดัง
“การจะจัดเตรียมคนของเราที่ซอ-กยองคงไม่ยากนัก ลองพิจารณาดูเถอะ นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้ ข้าบอกแล้วไงว่าอย่า เพิ่งใจร้อนเกินไป สถานการณ์ตอนนี้ที่เราต้องทำไม่ใช่ปลงพระชนม์ท่านอ๋องของโครยอ แต่ต้องสร้างความเชื่อใจให้ได้ อย่าลืมเป้าหมายหลัก ของพวกเราไปสิ เข้าใจรึยัง?”
“ขอรับ นายท่าน” กามุนรับคำ
---@@@---
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ของโครยอ ได้บันทึกเรื่องราวการเสด็จประพาสของพระเจ้าซองจง การเสด็จประพาส ฤดูหนาวเดือนสิบในปีนั้น ทุกหัวเมืองและอำเภอที่ประพาส ผู้เฒ่า ผู้แก่ทั้งหลาย ต่างได้นำเอาเหล้าและวัวมาถวายแด่พระเจ้าซองจง เหล้าทรงประทานให้ทหาร ส่วนวัวก็ประทานคืนให้ราษฎร เมื่อพบผู้ที่เจ็บป่วยไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ ก็จะยกเลิกการเก็บภาษีให้ ผู้ที่เจ็บป่วยไม่สบายก็จะได้รับ การประทานยารักษาโรค การเสด็จประพาสเพื่อเยี่ยมเยียน ไม่เพียงแต่ทำให้ชาวซอ-กยองยินดีอย่างยิ่ง แต่ประชาชนรอบข้างก็ยินดีด้วย
---@@@---
กัมชันมาหาวังอุกถึงที่พำนักในป่า วังอุกปลีกวิเวกมาอยู่ในป่าคนเดียว กัมชันรู้ว่าที่วังอุกหนีมาอยู่ในที่ห่างไกลผู้คนเพราะฮอนจอง พระมเหสีรองวังมองบ๊อก วังอุกแปลกใจที่กัมชันเดาเรื่องของเขาออก
อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 4 ตุลาคม 2553
ที่มา เดลินิวส์
“เสด็จย่า การต้องเป็นผู้ปกครองวังมองบ๊อก มันลำบากจริง ๆ ใจของข้ามันลอยไปที่อื่นแล้ว ทุกคนเอาแต่คิดจะพึ่งข้า จนข้าเริ่มทนไม่ไหวแล้ว ทำไมท่านถึงเอาภาระหนักแบบนี้มาให้ข้า ข้าควรจะทำยังไง ข้าควรทำยังไงดี เสด็จย่า” ชอนชูรำพึงอย่างเศร้าสร้อย
---@@@---
ตอนที่ 12
ชอนชูบอกกับคังโจว่าจะหยุดสร้างค่ายทางเหนือของชาวบัลแฮ คังโจแปลกใจที่ชอนชูมีความคิดเปลี่ยนไป คังโจเดาว่าคงเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าซองจงที่ต้องการให้ชอนชูทิ้งวังมองบ๊อกและไปจากชายแดนทางเหนือ ชอนชูบอกถึงความจำเป็นที่ต้องเลือกองค์ชายแคลองผู้เป็นสายเลือด เพราะหากนางอยู่ทางเหนือ อยู่ในวังมองบ๊อกชอนชูอาจต้องเสียลูกชายไปตลอดกาล คังโจบอกว่าเขาไม่อยากทิ้งการสร้างค่ายไป แต่หากเป็นพระประสงค์ของชอนชูเขาก็พร้อมจะปฏิบัติตามและติดตามชอนชูไป เป็นเวลาเดียวกับจูจองเข้ามารายงานว่ามีคนจากแค-กยองมาขอเข้าเฝ้า
---@@@---
โจซังกุงมาพบชอนชูโดยบอกว่านำสาส์น จากพระสนมยอนฮึงมาบอก โดยพระสนมจะให้ชอนชูเจอกับองค์ชายแคลอง หลังจากพระเจ้าซองจงเสด็จไปแค-กยองแล้ว ให้ไปพบองค์ชายแคลองที่วัดคีเบิบ เพราะหากพบในพระราชวังอาจมีคนอื่นเห็น
---@@@---
วอนซุงมาบอกแผนที่จะกำจัดชอนชู และองค์ชายแคลองให้ชอยซอมฟัง โดยพระสนมยอนฮึงจะพาองค์ชายแคลองไปพบชอนชูที่วัดคีเบิบ หลังจากพระสนมออกจากวัดแล้วก็ให้สมุนปลอมตัวเป็นพวกหนี่เจินลงมือสังหารสองแม่ลูกให้สิ้นซาก ป้องกันพระเจ้าซองจงสงสัย
“เรื่องนี้ท่านวางใจข้าได้เต็มที่ รับรองว่าสำเร็จแน่นอน แต่ท่านต้องรับประกันว่าจะ ไม่มีใครที่คิดจะเสนอพระสนมองค์ใหม่ให้กับท่านอ๋อง ถ้าหากท่านยังคิดที่จะเสนอพระสนมคนใหม่ ข้ากับท่านต้อง...ตัด.. ความสัมพันธ์กัน” วอนซุงกล่าว
---@@@---
ยุนมาบอกพระมเหสีฮอนจองว่าวังอุกไป แค-กยองแล้วพร้อมกับกัมชัน โดยทิ้งจดหมาย บอกลาไว้
“พระมเหสี ต้องขออภัยที่ไปโดยไม่ลาอีกแล้ว สิ่งที่พระมเหสีรู้สึกต่อข้าเป็นสิ่งที่.. ข้าไม่อาจรับไหว ข้าเองก็กลัวว่าตัวข้าจะควบคุม ตัวเองไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นข้าจึงต้องไป ย้อน นึกถึงอดีต ใจของข้ายังคงเหมือนเดิม พระมเหสีก็ยัง..บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนวันวาน ยังเป็นเหมือนบุปผาที่บานบนชะง่อนผา อยู่ห่างไกลจากความ..ฟอนเฟะและโหดเหี้ยมของการเมือง แต่ว่าข้า..คนที่เอาแต่หนีปัญหาในชีวิต โดยไม่อยากสู้คนนี้คงไม่กล้าอาจเอื้อมไปเด็ด บุปผาที่อยู่ตรงนั้น ตลอดมาข้าหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกสักครั้ง ตอนนี้ข้าก็ได้เจอท่านแล้ว ให้อภัยในความอ่อนแอของข้าด้วย ที่ข้าไม่กล้าพอที่จะรับความรักนี้ มีพบย่อมมีพราก มีพรากย่อมพบพาน ข้าเชื่อว่าการจากกันในวันนี้ พวก เรายังจะต้องได้พบกันอีก ความทรงจำที่มี ข้าจะขอเก็บไว้ในใจตลอดกาล ได้โปรด ถนอมตัวเองด้วย”
ฮอนจองอ่านจดหมายแล้วร้องไห้ด้วย ความเสียใจมาก
---@@@---
หลังจากที่พระเจ้าซองจงเดินทางไปซอ-กยอง ยอนฮึงก็พาองค์ชายแคลองมาที่วัดคีเบิบ ยอนฮึงบอกองค์ชายแคลองว่าจะให้พบกับชอนชู องค์ชายแคลองตกใจมากเพราะกลัวเรื่องจะรู้ถึงหูพระเจ้าซองจง
“เรื่องนี้ ข้าจะจัดการให้เอง แต่เจ้าต้อง จำเอาไว้อย่างนึงว่า ถึงนางจะเป็นคนให้กำเนิด แต่ข้าเป็นคนที่คอยเลี้ยงดูเจ้ามา ไม่ว่าใครจะพูดหรือว่าทำอะไร เจ้าก็เป็นเหมือนลูกแท้ ๆ ของข้าอยู่เสมอ เข้าใจรึเปล่า?”
“พ่ะย่ะค่ะ พระสนม” องค์ชายแคลองรับปาก ยอนฮึงให้องค์ชายแคลองเรียกตนเองว่าแม่ องค์ชายแคลองยอมทำตาม ยอนฮึงยิ้มอย่างดีใจ
ชอนชูมาที่วัดคีเบิบ ยิ้มออกมาอย่างยินดีที่ได้พบองค์ชายแคลอง ยอนฮึงปล่อยให้สองแม่ลูกได้พูดคุยกันโดยบอกว่าตอนเย็นจะ ส่งโจซังกุงมารับ ชอนชูกล่าวขอบคุณพระสนม อย่างจริงใจ
โจซังกุงกังวลว่าหากพระเจ้าซองจงทราบเรื่องจะมีปัญหาได้ พระสนมยอนฮึงบอกว่าทำในฐานะแม่คนนึงและจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง
---@@@---
องค์ชายแคลองรู้สึกอึดอัดทำตัวไม่ถูกเมื่อพบชอนชู เพราะไม่ได้เจอกันนาน ชอนชูพยายามพูดคุยเพื่อคลายความอึดอัด และพาองค์ชายแคลองเดินเล่นไปรอบ ๆ วัด
ระหว่างที่องค์ชายแคลองและชอนชูพบปะกันในวัดคีเบิบ ก็มีชายลึกลับปรากฏตัวขึ้น และตรงเข้ามาจะทำร้ายทั้งคู่ คังโจซึ่งคอยอารักขา ชอนชูจึงเข้าต่อสู้ หลวงจีนในวัดก็เข้ามาช่วยเหลือ ระหว่างที่ต่อสู้ชอนชูถูกคมดาบ ส่วนองค์ชายแคลองตกใจจนสลบไป คังโจพาชอนชูและองค์ชาย แคลองหลบหนี คังโจเห็นแผลจากคมดาบและเลือดไหลไม่หยุดจึงขอให้ชอนชูกลับไปรักษาตัว ที่วังซุงด๊อก ชอนชูว่าเมืองหลวงอันตรายควรจะกลับไปที่ฮวางจูจะดีกว่า
---@@@---
กามุนรายงานต่อชียังเรื่องที่ชอนชูไปพบองค์ชายแคลอง รวมไปถึงเรื่องที่พระเจ้าซองจงเสด็จเมืองซอ-กยอง
“ถ้าหากท่านอ๋องเสด็จจาก แค-กยองมาซอ-กยองจริง พวกเราจะมีโอกาสปลงพระชนม์ ได้” กามุนเสนอ
“นี่เจ้าพูดอะไรห้ะ?” ชียังเสียงดัง
“การจะจัดเตรียมคนของเราที่ซอ-กยองคงไม่ยากนัก ลองพิจารณาดูเถอะ นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้ ข้าบอกแล้วไงว่าอย่า เพิ่งใจร้อนเกินไป สถานการณ์ตอนนี้ที่เราต้องทำไม่ใช่ปลงพระชนม์ท่านอ๋องของโครยอ แต่ต้องสร้างความเชื่อใจให้ได้ อย่าลืมเป้าหมายหลัก ของพวกเราไปสิ เข้าใจรึยัง?”
“ขอรับ นายท่าน” กามุนรับคำ
---@@@---
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ของโครยอ ได้บันทึกเรื่องราวการเสด็จประพาสของพระเจ้าซองจง การเสด็จประพาส ฤดูหนาวเดือนสิบในปีนั้น ทุกหัวเมืองและอำเภอที่ประพาส ผู้เฒ่า ผู้แก่ทั้งหลาย ต่างได้นำเอาเหล้าและวัวมาถวายแด่พระเจ้าซองจง เหล้าทรงประทานให้ทหาร ส่วนวัวก็ประทานคืนให้ราษฎร เมื่อพบผู้ที่เจ็บป่วยไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ ก็จะยกเลิกการเก็บภาษีให้ ผู้ที่เจ็บป่วยไม่สบายก็จะได้รับ การประทานยารักษาโรค การเสด็จประพาสเพื่อเยี่ยมเยียน ไม่เพียงแต่ทำให้ชาวซอ-กยองยินดีอย่างยิ่ง แต่ประชาชนรอบข้างก็ยินดีด้วย
---@@@---
กัมชันมาหาวังอุกถึงที่พำนักในป่า วังอุกปลีกวิเวกมาอยู่ในป่าคนเดียว กัมชันรู้ว่าที่วังอุกหนีมาอยู่ในที่ห่างไกลผู้คนเพราะฮอนจอง พระมเหสีรองวังมองบ๊อก วังอุกแปลกใจที่กัมชันเดาเรื่องของเขาออก
อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 4 ตุลาคม 2553
ที่มา เดลินิวส์
อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 4 ตุลาคม 2553
อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 4 ตุลาคม 2553
“โอชินเป็นผู้หญิงที่ใจแข็งจริง ๆ นะคะ ฉันดูแล้วอดริษยาไม่ได้ ฉันเองเสียอีกอยากจะทำอะไรไม่ได้ทำเลย เป็นสะใภ้ ก็รู้อยู่ว่ามันต้องลำบาก จึงได้อดทน เคยคิดจะหนีออกจากบ้านนี้ตั้งหลายครั้งแต่ก็ทำไม่ได้ มาเห็นโอชินกล้าตัดสินใจมันสะใจอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว”
คราวนี้ฟุกุทาโร่ก็เลยลุกนั่งด้วยความ ร้อนใจ กล่าวเฉียบขาดว่า “จึเนะโกะ...เรื่องบ้า ๆ อย่างนี้อย่าให้เข้าหูคุณแม่เป็นอันขาดนะ...เดี๋ยวเกิดเรื่อง”
รุ่งเช้าของวันถัดมา โอชินตั้งใจว่าจะอำลาบ้านทาโนคุระแต่เช้า ติดขัดในเรื่องยิ่ว เดินเข้ามาที่ห้องครัวพบจึเนะโกะเพียงคนเดียว ก็เข้าไปกราบขอบคุณที่ได้ช่วยเหลือมาตลอด
“จะไปแล้วรึ แล้วเรื่องยิ่วจะทำยังไง”
“จะลองไปขอร้องคุณแม่ดูอีกสักครั้งค่ะ”
“ไม่สำเร็จละมั้ง เอาแบบนี้เถอะ โอชินไปรอที่ตรงไหนสักแห่งนะ...ฉันจะเอายิ่วไปส่งให้เอง...พอเธอออกไปแล้วคุณแม่ก็จะเลิกระแวง ถึงตอนนั้นฉันจะแอบพายิ่วไปให้”
“นึกออกแล้ว รอฉันอยู่ที่หลุมฝังศพลุงเงนนะ”
สิ้นคำโอคิโย่เดินออกมาจากในห้องจึเนะโกะวางสีหน้าเรียบค้อมหัวให้กล่าวทักทาย โอคิโย่เปลี่ยนสายตามามองดูโอชินถามว่ายังไม่ไปอีกหรือ พอดีกับไดโงะโร่เดินออกมา โอชินค้อมศีรษะให้กล่าวอำลา
“ขอให้โชคดี ต่อไปถ้าลำบากขึ้นมาละก็อยากจะกลับมาก็เชิญ”
“พูดเป็นเล่น ไปแล้วจะกลับมาอีกไม่ได้ โอชินก็ต้องเข้าใจตามนี้”
“เธอนี่ก็พูดไปได้ ยิ่วก็ยังอยู่ที่นี่จะตัดแม่ตัดลูกได้ยังไง”
ฟุกุทาโร่เดินมาหาโอชิน ยื่นซองเงินส่งให้กล่าวว่า “นี่คือน้ำใจของฉัน โอชินได้ช่วยงานฉันอย่างมาก ขอให้รับไว้ด้วย”
โอชินน้อมรับไว้ด้วยความซาบซึ้ง ริวโซ่กล่าวกับภรรยาว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่สถานีรถไฟ”
“บ้าอีกแล้ว โอชินเขาเป็นฝ่ายทอดทิ้งแก จะอาลัยอาวรณ์ไปถึงไหนกันนะริวโซ่”
โอชินก้มหน้าเดินออกมาจากบ้านทาโนะคุระ ริวโซ่วิ่งตามออกมา ยื่นซองเงินส่งให้โอชิน
“นี่เป็นเงินที่เอามาจากคุณพ่อ รับไว้เถอะแล้วเขียนบอกฉันมาด้วยว่าอยู่ที่ไหน”
โอชินรับไว้และจากสามีอย่างเย็นชา ในใจก็คะนึงไม่หายว่าวาจาที่จึเนะโกะให้ไว้จะเป็นไปได้หรือไม่หนอ เหมือนความพอดีเกิดขึ้น พอโอชินคล้อยหลังได้ประเดี๋ยวเดียว โอคิโย่ก็จำเป็นต้องออกไปเยี่ยมเพื่อนบ้านที่ไม่สบาย จึเนะโกะฉวยเวลานั้นแอบพายิ่วตรงดิ่งไปยังหลุมฝังศพเงนเอม่งที่นัดหมาย โอชินรู้สึกตื่นเต้นดีใจเหลือจะกล่าว จึเนะโกะรีบเอายิ่วผูกหลังโอชิน
“ขอบคุณมากค่ะ หนูจะไม่ลืมพระคุณอันนี้เลย”
“รีบไปเถอะ ฉันเองก็เป็นแม่คน ถ้าทำได้เหมือนโอชินก็จะต้องขอพาเอาลูกไปด้วย”
“แล้วเผื่อคุณแม่รู้...”
“ช่างเถอะ ค่อยแก้ปัญหา...อย่าห่วงเลย คุณแม่มีหลานตั้งสี่คน อีกไม่นานก็ลืมยิ่วเองน่ะแหละ”
โอชินรู้สึกในน้ำใจอันงดงามของจึเนะโกะ อย่างคาดไม่ถึง จึเนะโกะกลับมาถึงบ้าน พบแม่ผัวยืนตาเขียวอยู่กับโอจึหงิ พยายามวางสีหน้าให้เป็นปกติ ในมือถือผักที่ทำเป็นว่าไปซื้อมา
ที่มา เดลินิวส์
“โอชินเป็นผู้หญิงที่ใจแข็งจริง ๆ นะคะ ฉันดูแล้วอดริษยาไม่ได้ ฉันเองเสียอีกอยากจะทำอะไรไม่ได้ทำเลย เป็นสะใภ้ ก็รู้อยู่ว่ามันต้องลำบาก จึงได้อดทน เคยคิดจะหนีออกจากบ้านนี้ตั้งหลายครั้งแต่ก็ทำไม่ได้ มาเห็นโอชินกล้าตัดสินใจมันสะใจอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว”
คราวนี้ฟุกุทาโร่ก็เลยลุกนั่งด้วยความ ร้อนใจ กล่าวเฉียบขาดว่า “จึเนะโกะ...เรื่องบ้า ๆ อย่างนี้อย่าให้เข้าหูคุณแม่เป็นอันขาดนะ...เดี๋ยวเกิดเรื่อง”
รุ่งเช้าของวันถัดมา โอชินตั้งใจว่าจะอำลาบ้านทาโนคุระแต่เช้า ติดขัดในเรื่องยิ่ว เดินเข้ามาที่ห้องครัวพบจึเนะโกะเพียงคนเดียว ก็เข้าไปกราบขอบคุณที่ได้ช่วยเหลือมาตลอด
“จะไปแล้วรึ แล้วเรื่องยิ่วจะทำยังไง”
“จะลองไปขอร้องคุณแม่ดูอีกสักครั้งค่ะ”
“ไม่สำเร็จละมั้ง เอาแบบนี้เถอะ โอชินไปรอที่ตรงไหนสักแห่งนะ...ฉันจะเอายิ่วไปส่งให้เอง...พอเธอออกไปแล้วคุณแม่ก็จะเลิกระแวง ถึงตอนนั้นฉันจะแอบพายิ่วไปให้”
“นึกออกแล้ว รอฉันอยู่ที่หลุมฝังศพลุงเงนนะ”
สิ้นคำโอคิโย่เดินออกมาจากในห้องจึเนะโกะวางสีหน้าเรียบค้อมหัวให้กล่าวทักทาย โอคิโย่เปลี่ยนสายตามามองดูโอชินถามว่ายังไม่ไปอีกหรือ พอดีกับไดโงะโร่เดินออกมา โอชินค้อมศีรษะให้กล่าวอำลา
“ขอให้โชคดี ต่อไปถ้าลำบากขึ้นมาละก็อยากจะกลับมาก็เชิญ”
“พูดเป็นเล่น ไปแล้วจะกลับมาอีกไม่ได้ โอชินก็ต้องเข้าใจตามนี้”
“เธอนี่ก็พูดไปได้ ยิ่วก็ยังอยู่ที่นี่จะตัดแม่ตัดลูกได้ยังไง”
ฟุกุทาโร่เดินมาหาโอชิน ยื่นซองเงินส่งให้กล่าวว่า “นี่คือน้ำใจของฉัน โอชินได้ช่วยงานฉันอย่างมาก ขอให้รับไว้ด้วย”
โอชินน้อมรับไว้ด้วยความซาบซึ้ง ริวโซ่กล่าวกับภรรยาว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่สถานีรถไฟ”
“บ้าอีกแล้ว โอชินเขาเป็นฝ่ายทอดทิ้งแก จะอาลัยอาวรณ์ไปถึงไหนกันนะริวโซ่”
โอชินก้มหน้าเดินออกมาจากบ้านทาโนะคุระ ริวโซ่วิ่งตามออกมา ยื่นซองเงินส่งให้โอชิน
“นี่เป็นเงินที่เอามาจากคุณพ่อ รับไว้เถอะแล้วเขียนบอกฉันมาด้วยว่าอยู่ที่ไหน”
โอชินรับไว้และจากสามีอย่างเย็นชา ในใจก็คะนึงไม่หายว่าวาจาที่จึเนะโกะให้ไว้จะเป็นไปได้หรือไม่หนอ เหมือนความพอดีเกิดขึ้น พอโอชินคล้อยหลังได้ประเดี๋ยวเดียว โอคิโย่ก็จำเป็นต้องออกไปเยี่ยมเพื่อนบ้านที่ไม่สบาย จึเนะโกะฉวยเวลานั้นแอบพายิ่วตรงดิ่งไปยังหลุมฝังศพเงนเอม่งที่นัดหมาย โอชินรู้สึกตื่นเต้นดีใจเหลือจะกล่าว จึเนะโกะรีบเอายิ่วผูกหลังโอชิน
“ขอบคุณมากค่ะ หนูจะไม่ลืมพระคุณอันนี้เลย”
“รีบไปเถอะ ฉันเองก็เป็นแม่คน ถ้าทำได้เหมือนโอชินก็จะต้องขอพาเอาลูกไปด้วย”
“แล้วเผื่อคุณแม่รู้...”
“ช่างเถอะ ค่อยแก้ปัญหา...อย่าห่วงเลย คุณแม่มีหลานตั้งสี่คน อีกไม่นานก็ลืมยิ่วเองน่ะแหละ”
โอชินรู้สึกในน้ำใจอันงดงามของจึเนะโกะ อย่างคาดไม่ถึง จึเนะโกะกลับมาถึงบ้าน พบแม่ผัวยืนตาเขียวอยู่กับโอจึหงิ พยายามวางสีหน้าให้เป็นปกติ ในมือถือผักที่ทำเป็นว่าไปซื้อมา
ที่มา เดลินิวส์
อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 1 ตุลาคม 2553
อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 1 ตุลาคม 2553
“เราเข้าบ้านกันเถอะค่ะคุณพี่ วันนี้น้องทำกระท้อนลอยแก้วของโปรดของคุณพี่เอาไว้ด้วยนะคะ”
พิสมัยปรายตามองวนิดาเย้ยหยัน ควงแขนประจักษ์เดินเข้าไป ประจักษ์ไม่อาจละสายตาจากวนิดาไปได้...วนิดานั่งเศร้าอยู่บนเตียง ป้าทอง จวง นั่งอยู่บนพื้นมองวนิดาด้วยความ สงสาร...
“คุณเล็กจะกลับมา แสดงว่าต้องหาเงินใช้หนี้คุณดาวได้แล้วน่ะสิคะ”
“จริงด้วย ถ้างั้นคุณนิดกับคุณผู้ชายก็ต้องหย่ากัน”
วนิดาชะงัก ป้าทองตีแขนจวงไม่ให้พูด จวงหันไปมองป้าทองขมุบขมิบปากด่าว่าพูดทำไม จวงกับป้าทองเหลือบตามองวนิดาเป็นห่วง วนิดาเอาแต่นั่งเงียบรู้สึกใจหาย
---@@@---
ประจักษ์นั่งเหม่อมองพระจันทร์คิดถึงช่วงต่าง ๆ ที่ได้อยู่กับวนิดา ด้านหลังเห็นวนิดาลงมาเดินเล่นเพราะนอนไม่หลับเหมือนกัน วนิดายืนมองประจักษ์แววตาเต็มไปด้วยความอาลัย ตัดใจจะหันหลังเดินกลับไป ประจักษ์หันมาเห็นพอดีจึงเรียกเอาไว้ ประจักษ์มองวนิดาแววตาอาลัยไม่แพ้กัน เดินมาตรงหน้า
“เธอคงจะมานั่งดูพระจันทร์...ขอโทษนะที่ฉันแย่งที่นั่งของเธอ”
“มันไม่ใช่ที่นั่งของฉันหรอกค่ะ มันเป็นที่ของคุณ ของมหศักดิ์ ฉันก็แค่มาอาศัยนั่งดูพระจันทร์ในวันที่เหงาก็เท่านั้น เชิญคุณตามสบายเถอะค่ะ”
วนิดาจะเดินไป ประจักษ์จับแขนวนิดาสองข้างให้หันมาประจันหน้ากับตัวเอง
“นิด...พรุ่งนี้เราไปทานข้าวนอกบ้านกันนะ”
“อย่าเลยค่ะ...อย่าทำให้ฉันเคยชินกับการที่มีคุณอยู่ข้าง ๆ เลยนะคะ เราควรเตรียมตัว เตรียมใจรอวันที่คุณประจวบกลับมา”
ประจักษ์ยืนอึ้ง วนิดากลั้นน้ำตาไม่ให้รื้นขึ้นมา อยากตัดใจ ก่อนจะถลำลึกมากไปกว่านี้
“เพราะหลังจากที่คุณประจวบกลับมาแล้ว เราจะได้หย่ากัน เพื่อที่คุณจะได้แต่งงานกับคุณพิสมัย ส่วนฉันก็จะมีชีวิตของฉัน โปรดเข้าใจด้วย”
วนิดาหันหลังเดินน้ำตาไหลออกไป ประจักษ์เจ็บปวดใจเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ ไม่อยากให้น้ำตาไหลออกมา
---@@@---
ตอนที่ 22
บนระเบียงห้องนอน ประจักษ์แอบยืนมองวนิดาที่กำลังทำสวนอยู่กับป้าทอง จวง ไปล่ สีหน้าเศร้าสร้อย ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในห้อง วนิดาหันไปมองที่ห้องประจักษ์ เศร้าไม่แพ้กัน ปราณีนั่งอยู่กับน้อมและพิสมัย
“แม่ปราณีดูผิวพรรณมีน้ำมีนวลขึ้นมากเลยนะ”
“ดิฉันอบสมุนไพรทุกวัน เตรียมต้อนรับคุณเล็กกลับมาค่ะ คุณแม่กับพิสมัยสนใจมั้ยคะ ดิฉันมีสูตรเด็ดของตระกูล ถ้าสนใจ ดิฉันจะให้คนมาทำให้ที่บ้าน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ให้มาทำวันนี้เลย ได้มั้ย แม่กับแม่พิสมัยอยากอบตัวก่อนจะไป งานเลี้ยงคุณหญิงแม้นศรีคืนนี้”
“ได้สิคะคุณแม่”
ระหว่างนั้นประจักษ์เดินออกมา
“คุณพี่ขา...เย็นนี้อย่าลืมงานที่บ้านคุณหญิงแม้นศรีนะคะ”
“ฉันไม่ไป”
“ทำไม? เราไม่มีงานอะไรไม่ใช่เหรอ”
“ผมไม่อยากไป ผมเหนื่อย”
“แต่ลูกต้องไป! แม่ไม่ยอมให้ลูกอยู่บ้านกับนังวนิดาตามลำพัง นี่เป็นคำสั่ง!!”
ประจักษ์เซ็ง พิสมัยยิ้มพอใจ
---@@@---
ประจักษ์เดินหัวเสียออกมา ป้าทองเห็นจึงเข้ามาถามประจักษ์ว่าอารมณ์เสียเรื่องอะไร ประจักษ์บอกไม่มีอะไร ก่อนจะถามหาวนิดา
“คุณนิดเธอไปบ้านคุณอำไพตั้งแต่เช้าแล้วล่ะค่ะ”
ประจักษ์นิ่ง พยักหน้ารับรู้ แล้วก็เศร้า ป้าทองมองเห็นใจ
“คุณใหญ่คะ อย่าหาว่าป้าสาระแนเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงทั้งคุณนิด คุณใหญ่ อยากรู้ว่าโกรธกันเรื่องอะไร ถึงไม่พูด ไม่มองหน้ากัน”
ประจักษ์นิ่งหน้าเศร้า ไม่ตอบ ป้าทองมองไม่หายสงสัย...ขณะที่วนิดากำลังทำครัวแต่เหม่อ ใส่น้ำปลาไม่หยุด อำไพเข้ามาเห็นตกใจ วนิดาผงะ รีบวางขวดน้ำปลา
“ขอโทษค่ะ นิดทำให้ใหม่นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ กับข้าวหลายอย่างแล้ว คุณนิดเป็นอะไรรึเปล่าคะ ดูหน้าตาหมอง ๆ”
“เปล่าค่ะ”
“แน่นะคะ เห็นจวงบอกว่าคุณประจวบใกล้จะกลับมาแล้ว เป็นเพราะเรื่องนี้รึเปล่าคะ”
“คุณประจวบกลับมา นิดต้องดีใจ สิคะ คุณจี๊ดออกไปเถอะค่ะ มื้อนี้นิดจะทำอาหารเอง เพราะอาจจะเป็นมื้อสุดท้ายของนิดกับที่นี่แล้วก็ได้”
อำไพเดินหน้านิ่วออกมาเจอมนตรีก็ผงะ มนตรีถามหาวนิดา อำไพบอกว่าอยู่ในครัว มนตรีจะเข้าไป อำไพนึกได้รีบคว้าคอเสื้อมนตรีเอาไว้ มนตรีเจ็บหันมาหน้าเอาเรื่อง
“ไม่ต้องเข้าไปเลย”
“ทำไม? อ๋อ หรือว่าเปิดทางให้พี่ชายตัวเอง งั้นฉันยิ่งต้องเข้าไป”
“พี่พันธ์ไม่อยู่ ไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด”
“งั้นก็ดี จะได้หมดศัตรูหัวใจ”
“แต่คุณก็ยังห้ามเข้าไปอยู่ดี”
“อะไรกันนักหนาเนี่ยหา!!”
“คุณประจวบบอกว่าจะกลับมาภายในอาทิตย์นี้”
มนตรีดีใจมากจับไหล่อำไพ “จริงเหรอ!! ในที่สุดฝันก็เป็นจริง ฉันจะได้จีบคุณนิดซักที ฮ่า ๆๆ”
“คุณนี่มันเห็นแก่ตัวอย่างน่าเกลียด” มนตรีหุบปากแทบไม่ทัน “คุณนิดกับคุณประจักษ์ยังไม่ทันหย่ากันเลยนะ”
“น่าเกลียดตรงไหน ฉันตกลงกับ ไอ้จักษ์ไว้แล้ว นี่..แล้วก็บอกพี่ชายเธอด้วยว่าอย่าคิดจีบคุณนิด เพราะฉันจองก่อน”
อำไพโมโหหึง “คุณชอบคุณนิดมาก เหรอไง”
“ใช่ ชอบมาก ยิ่งเวลาคุณนิดอยู่กับเธอ ก็ยิ่งเห็นชัดว่าคุณนิดทั้งสวยกว่า น่ารักกว่า อ่อนหวานกว่าผู้หญิงอย่างเธอ ชาตินี้คงไม่มีใครจีบหรอก”
อำไพกำมือแน่นโมโหสุด ๆ ว่ามนตรี คนบ้า ผลักมนตรีกระเด็นเดินงอนเข้าไปในบ้าน แอบไปนั่งร้องไห้ด้วยความโมโหปนน้อยใจ วนิดาออกมาเห็นตกใจ
“คุณจี๊ดเป็นอะไรคะ”
“จี๊ดไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
“ร้องไห้ขนาดนี้ยังบอกไม่เป็นอะไรอีกเหรอคะ คุณจี๊ดบอกนิดมาเถอะว่าเป็นอะไร?”
อำไพสุดจะกลั้นปล่อยโฮออกมา โผกอดวนิดา ทำเอาวนิดาตกใจ
“คุณมนตรีเค้าว่าจี๊ด เค้าบอกว่าผู้หญิงอย่างจี๊ดชาตินี้ก็ไม่มีใครมาจีบหรอก ทำไมเค้าต้องว่าจี๊ดด้วย จี๊ดก็เป็นของจี๊ดแบบนี้ มันผิดตรงไหน ถ้าไม่ชอบก็ไม่เห็นต้องมาว่ากันเลย คนบ้า ฮือๆๆ”
“ทำไมคุณจี๊ดต้องสนใจคำพูดของคุณมนตรีมากขนาดนี้ด้วยคะ”
อำไพชะงักอึ้งไป เพิ่งนึกได้
“ปกตินิดเห็นเวลาใครว่าคุณจี๊ด คุณ จี๊ดก็จะว่ากลับ ไม่เคยต้องมานั่งร้องไห้เสียใจ แบบนี้”
“จี๊ดก็ไม่ทราบว่าทำไมจี๊ดถึงเป็นแบบนี้ คำพูดของคุณมนตรีทำให้จี๊ดเสียใจ น้อยใจ มันเจ็บ ๆ ยังไงบอกไม่ถูก”
วนิดาฟังแล้วอึ้ง ดึงอำไพออกมามองแล้วยิ้ม
“นิดพอจะทราบแล้วค่ะว่าคุณจี๊ดเป็น อะไร?”
อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 1 ตุลาคม 2553
ที่มา เดลินิวส์
“เราเข้าบ้านกันเถอะค่ะคุณพี่ วันนี้น้องทำกระท้อนลอยแก้วของโปรดของคุณพี่เอาไว้ด้วยนะคะ”
พิสมัยปรายตามองวนิดาเย้ยหยัน ควงแขนประจักษ์เดินเข้าไป ประจักษ์ไม่อาจละสายตาจากวนิดาไปได้...วนิดานั่งเศร้าอยู่บนเตียง ป้าทอง จวง นั่งอยู่บนพื้นมองวนิดาด้วยความ สงสาร...
“คุณเล็กจะกลับมา แสดงว่าต้องหาเงินใช้หนี้คุณดาวได้แล้วน่ะสิคะ”
“จริงด้วย ถ้างั้นคุณนิดกับคุณผู้ชายก็ต้องหย่ากัน”
วนิดาชะงัก ป้าทองตีแขนจวงไม่ให้พูด จวงหันไปมองป้าทองขมุบขมิบปากด่าว่าพูดทำไม จวงกับป้าทองเหลือบตามองวนิดาเป็นห่วง วนิดาเอาแต่นั่งเงียบรู้สึกใจหาย
---@@@---
ประจักษ์นั่งเหม่อมองพระจันทร์คิดถึงช่วงต่าง ๆ ที่ได้อยู่กับวนิดา ด้านหลังเห็นวนิดาลงมาเดินเล่นเพราะนอนไม่หลับเหมือนกัน วนิดายืนมองประจักษ์แววตาเต็มไปด้วยความอาลัย ตัดใจจะหันหลังเดินกลับไป ประจักษ์หันมาเห็นพอดีจึงเรียกเอาไว้ ประจักษ์มองวนิดาแววตาอาลัยไม่แพ้กัน เดินมาตรงหน้า
“เธอคงจะมานั่งดูพระจันทร์...ขอโทษนะที่ฉันแย่งที่นั่งของเธอ”
“มันไม่ใช่ที่นั่งของฉันหรอกค่ะ มันเป็นที่ของคุณ ของมหศักดิ์ ฉันก็แค่มาอาศัยนั่งดูพระจันทร์ในวันที่เหงาก็เท่านั้น เชิญคุณตามสบายเถอะค่ะ”
วนิดาจะเดินไป ประจักษ์จับแขนวนิดาสองข้างให้หันมาประจันหน้ากับตัวเอง
“นิด...พรุ่งนี้เราไปทานข้าวนอกบ้านกันนะ”
“อย่าเลยค่ะ...อย่าทำให้ฉันเคยชินกับการที่มีคุณอยู่ข้าง ๆ เลยนะคะ เราควรเตรียมตัว เตรียมใจรอวันที่คุณประจวบกลับมา”
ประจักษ์ยืนอึ้ง วนิดากลั้นน้ำตาไม่ให้รื้นขึ้นมา อยากตัดใจ ก่อนจะถลำลึกมากไปกว่านี้
“เพราะหลังจากที่คุณประจวบกลับมาแล้ว เราจะได้หย่ากัน เพื่อที่คุณจะได้แต่งงานกับคุณพิสมัย ส่วนฉันก็จะมีชีวิตของฉัน โปรดเข้าใจด้วย”
วนิดาหันหลังเดินน้ำตาไหลออกไป ประจักษ์เจ็บปวดใจเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ ไม่อยากให้น้ำตาไหลออกมา
---@@@---
ตอนที่ 22
บนระเบียงห้องนอน ประจักษ์แอบยืนมองวนิดาที่กำลังทำสวนอยู่กับป้าทอง จวง ไปล่ สีหน้าเศร้าสร้อย ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในห้อง วนิดาหันไปมองที่ห้องประจักษ์ เศร้าไม่แพ้กัน ปราณีนั่งอยู่กับน้อมและพิสมัย
“แม่ปราณีดูผิวพรรณมีน้ำมีนวลขึ้นมากเลยนะ”
“ดิฉันอบสมุนไพรทุกวัน เตรียมต้อนรับคุณเล็กกลับมาค่ะ คุณแม่กับพิสมัยสนใจมั้ยคะ ดิฉันมีสูตรเด็ดของตระกูล ถ้าสนใจ ดิฉันจะให้คนมาทำให้ที่บ้าน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ให้มาทำวันนี้เลย ได้มั้ย แม่กับแม่พิสมัยอยากอบตัวก่อนจะไป งานเลี้ยงคุณหญิงแม้นศรีคืนนี้”
“ได้สิคะคุณแม่”
ระหว่างนั้นประจักษ์เดินออกมา
“คุณพี่ขา...เย็นนี้อย่าลืมงานที่บ้านคุณหญิงแม้นศรีนะคะ”
“ฉันไม่ไป”
“ทำไม? เราไม่มีงานอะไรไม่ใช่เหรอ”
“ผมไม่อยากไป ผมเหนื่อย”
“แต่ลูกต้องไป! แม่ไม่ยอมให้ลูกอยู่บ้านกับนังวนิดาตามลำพัง นี่เป็นคำสั่ง!!”
ประจักษ์เซ็ง พิสมัยยิ้มพอใจ
---@@@---
ประจักษ์เดินหัวเสียออกมา ป้าทองเห็นจึงเข้ามาถามประจักษ์ว่าอารมณ์เสียเรื่องอะไร ประจักษ์บอกไม่มีอะไร ก่อนจะถามหาวนิดา
“คุณนิดเธอไปบ้านคุณอำไพตั้งแต่เช้าแล้วล่ะค่ะ”
ประจักษ์นิ่ง พยักหน้ารับรู้ แล้วก็เศร้า ป้าทองมองเห็นใจ
“คุณใหญ่คะ อย่าหาว่าป้าสาระแนเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงทั้งคุณนิด คุณใหญ่ อยากรู้ว่าโกรธกันเรื่องอะไร ถึงไม่พูด ไม่มองหน้ากัน”
ประจักษ์นิ่งหน้าเศร้า ไม่ตอบ ป้าทองมองไม่หายสงสัย...ขณะที่วนิดากำลังทำครัวแต่เหม่อ ใส่น้ำปลาไม่หยุด อำไพเข้ามาเห็นตกใจ วนิดาผงะ รีบวางขวดน้ำปลา
“ขอโทษค่ะ นิดทำให้ใหม่นะคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ กับข้าวหลายอย่างแล้ว คุณนิดเป็นอะไรรึเปล่าคะ ดูหน้าตาหมอง ๆ”
“เปล่าค่ะ”
“แน่นะคะ เห็นจวงบอกว่าคุณประจวบใกล้จะกลับมาแล้ว เป็นเพราะเรื่องนี้รึเปล่าคะ”
“คุณประจวบกลับมา นิดต้องดีใจ สิคะ คุณจี๊ดออกไปเถอะค่ะ มื้อนี้นิดจะทำอาหารเอง เพราะอาจจะเป็นมื้อสุดท้ายของนิดกับที่นี่แล้วก็ได้”
อำไพเดินหน้านิ่วออกมาเจอมนตรีก็ผงะ มนตรีถามหาวนิดา อำไพบอกว่าอยู่ในครัว มนตรีจะเข้าไป อำไพนึกได้รีบคว้าคอเสื้อมนตรีเอาไว้ มนตรีเจ็บหันมาหน้าเอาเรื่อง
“ไม่ต้องเข้าไปเลย”
“ทำไม? อ๋อ หรือว่าเปิดทางให้พี่ชายตัวเอง งั้นฉันยิ่งต้องเข้าไป”
“พี่พันธ์ไม่อยู่ ไปสัมมนาที่ต่างจังหวัด”
“งั้นก็ดี จะได้หมดศัตรูหัวใจ”
“แต่คุณก็ยังห้ามเข้าไปอยู่ดี”
“อะไรกันนักหนาเนี่ยหา!!”
“คุณประจวบบอกว่าจะกลับมาภายในอาทิตย์นี้”
มนตรีดีใจมากจับไหล่อำไพ “จริงเหรอ!! ในที่สุดฝันก็เป็นจริง ฉันจะได้จีบคุณนิดซักที ฮ่า ๆๆ”
“คุณนี่มันเห็นแก่ตัวอย่างน่าเกลียด” มนตรีหุบปากแทบไม่ทัน “คุณนิดกับคุณประจักษ์ยังไม่ทันหย่ากันเลยนะ”
“น่าเกลียดตรงไหน ฉันตกลงกับ ไอ้จักษ์ไว้แล้ว นี่..แล้วก็บอกพี่ชายเธอด้วยว่าอย่าคิดจีบคุณนิด เพราะฉันจองก่อน”
อำไพโมโหหึง “คุณชอบคุณนิดมาก เหรอไง”
“ใช่ ชอบมาก ยิ่งเวลาคุณนิดอยู่กับเธอ ก็ยิ่งเห็นชัดว่าคุณนิดทั้งสวยกว่า น่ารักกว่า อ่อนหวานกว่าผู้หญิงอย่างเธอ ชาตินี้คงไม่มีใครจีบหรอก”
อำไพกำมือแน่นโมโหสุด ๆ ว่ามนตรี คนบ้า ผลักมนตรีกระเด็นเดินงอนเข้าไปในบ้าน แอบไปนั่งร้องไห้ด้วยความโมโหปนน้อยใจ วนิดาออกมาเห็นตกใจ
“คุณจี๊ดเป็นอะไรคะ”
“จี๊ดไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
“ร้องไห้ขนาดนี้ยังบอกไม่เป็นอะไรอีกเหรอคะ คุณจี๊ดบอกนิดมาเถอะว่าเป็นอะไร?”
อำไพสุดจะกลั้นปล่อยโฮออกมา โผกอดวนิดา ทำเอาวนิดาตกใจ
“คุณมนตรีเค้าว่าจี๊ด เค้าบอกว่าผู้หญิงอย่างจี๊ดชาตินี้ก็ไม่มีใครมาจีบหรอก ทำไมเค้าต้องว่าจี๊ดด้วย จี๊ดก็เป็นของจี๊ดแบบนี้ มันผิดตรงไหน ถ้าไม่ชอบก็ไม่เห็นต้องมาว่ากันเลย คนบ้า ฮือๆๆ”
“ทำไมคุณจี๊ดต้องสนใจคำพูดของคุณมนตรีมากขนาดนี้ด้วยคะ”
อำไพชะงักอึ้งไป เพิ่งนึกได้
“ปกตินิดเห็นเวลาใครว่าคุณจี๊ด คุณ จี๊ดก็จะว่ากลับ ไม่เคยต้องมานั่งร้องไห้เสียใจ แบบนี้”
“จี๊ดก็ไม่ทราบว่าทำไมจี๊ดถึงเป็นแบบนี้ คำพูดของคุณมนตรีทำให้จี๊ดเสียใจ น้อยใจ มันเจ็บ ๆ ยังไงบอกไม่ถูก”
วนิดาฟังแล้วอึ้ง ดึงอำไพออกมามองแล้วยิ้ม
“นิดพอจะทราบแล้วค่ะว่าคุณจี๊ดเป็น อะไร?”
อ่านละครย่อเรื่อง วนิดา วันที่ 1 ตุลาคม 2553
ที่มา เดลินิวส์
อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 1 ตุลาคม 2553
อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 1 ตุลาคม 2553
พีทยิ้มเจื่อน ๆ เหมยแซว “แหม นี่ขนาดยังไม่ทันแต่งนะ คิดดูแล้วกันว่าถ้าแต่งแล้วคุณพีทจะเป็นยังไง”
ด้านน้ำหวานขับรถออกจากคอนโดฯ โดยไม่รู้ว่ามีคนกำลังจับตามอง น้ำหวานมาถึงโรงแรมที่นัดพบระหว่างทางเดินไปห้องพัก น้ำหวานรู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม แต่เมื่อหันไปก็ ไม่เห็นใคร น้ำหวานไม่ติดใจอะไร จนเดินมาหยุดที่หน้าห้อง เคาะประตูสักพักก็มีคนเปิดออกมา
“ทำไมมาช้าจังเลย” ศิลป์ไม่ได้พูดอย่างเดียว แต่ก็เข้าโอบเอวและหอมน้ำหวานด้วย
“อย่าเพิ่งค่ะพี่ศิลป์ เดี๋ยวใครเห็นเข้า”
“มีใครที่ไหนล่ะครับ พี่ไม่เห็นมีใครเลย”
“น้ำหวานว่าเราเข้าไปข้างในดีกว่า”
น้ำหวานดันศิลป์เข้าไปในห้องประตูห้องปิดลง อีกด้านที่ประตูหนีไฟมีชายคนหนึ่งยืนมองอยู่ นั่นคือหมอวาทิศ
---@@@---
ในมุมมืดของเซฟเฮาส์หมอวาทิศ หมอวาทิศถือรูปของน้ำหวานอยู่ในมือ สายตาเจ็บปวด แต่กลับมีรอยยิ้มที่เย็นชา “น้ำหวานหลอกหมอ!! น้ำหวานต้องชดใช้ที่ทำกับหมอแบบนี้!!!” ว่าแล้วหมอวาทิศค่อย ๆ ใช้คมมีดกรีดลงไปที่รูปของน้ำหวาน ใบหน้าที่หมอเป็นคนศัลยกรรมให้เธอเองกับมือ
ส่วนน้ำหวานนอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงของศิลป์ จู่ ๆ เธอก็กรี๊ด ลุกพรวด ขึ้นมาจับใบหน้าตัวเอง ศิลป์ตกใจพรวดพราดออกมาจากห้องน้ำ แล้วเข้าไปดูน้ำหวาน น้ำหวานหวาดกลัวผลักศิลป์ล้มลงกับพื้นพลางร้องกรี๊ด “อย่าทำชั้น” ศิลป์ลุกขึ้นโวยวายเข้าไปจับตัวน้ำหวานให้หยุดคลั่ง น้ำหวานตั้งสติได้ลุกวิ่งไปที่กระจก ส่องหน้าตัวเอง น้ำหวานรู้ว่าเป็นเพียงฝันจึงค่อย ๆ สงบลง
“น้ำหวานขอโทษค่ะ น้ำหวานฝันร้าย”
“ฝันว่าอะไร เมื่อกี้ผมได้ยินคุณเรียก หมอ ๆ..หมอที่ไหนเหรอ”
น้ำหวานอึกอัก “เอ่อ คือว่า น้ำหวาน ฝันว่าน้ำหวานจะถูกหมอฉีดยา น้ำหวานกลัวเข็มฉีดยาที่สุด น้ำหวานก็เลยวิ่งหนี แต่ว่าน้ำหวานถูกหมอจับตัวได้”
“แค่นี้เหรอฝันร้ายของน้ำหวาน” ศิลป์หัวเราะ น้ำหวานพยักหน้าให้แบบไร้เดียงสา แต่แววตาแอบแฝงแววกังวล ศิลป์มองแขนเปลือยของน้ำหวาน ศิลป์เข้าไปจับไหล่
“โถ ไม่ต้องตกใจนะ เดี๋ยวผมจะติวบทคนไข้พิเศษให้ ว่าเวลาโดนหมอฉีดยามันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด... รอหมออาบน้ำให้สดชื่นแป๊บเดียวนะจ๊ะ” ศิลป์ค่อย ๆ ผละตัวไปห้องน้ำ น้ำหวานมองตัวเองในกระจกจับใบหน้าตนเองรู้สึกใจคอไม่ดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!!
---@@@---
กลางคืนที่ทำงานของทุกสำนักข่าว มีมือดีนำภาพน้ำหวานกับปยุตรในท่าทางกอดรัดฟัดเหวี่ยงมาขาย นักข่าวยิ้มกริ่มรีบขอแทรกข่าวขึ้นหน้าหนึ่ง รุ่งเช้าหนังสือพิมพ์ก็อซซิปทุกฉบับพาดหัวตัวโม้ไม้ “ซูเปอร์สตาร์สาว น. คลุกวงในกับนักข่าวหนุ่ม คาดเขียนข่าวกันมันส์ถึงใจ” ข่าวนี้กลายเป็นหัวข้อเมาท์ในกองถ่ายทันทีนำทีมโดยฟรุตตี้และปุ๊โกะ จังหวะนั้นน้ำหวานเดินเข้ามาทำให้วงแตก น้ำหวานเดินมานั่ง พร้อมหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน ฟรุตตี้คว้าไม่ทัน น้ำหวานเห็นข่าวก็ชะงักไปครู่ แต่สักพักก็ยิ้มพอใจ เธอรู้ว่าควรจะเดินแผนไหนต่อ ฟรุตตี้ ปุ๊โกะ กระแซะกันให้ดูอาการน้ำหวาน แล้วต่างคนต่างพยักพเยิดให้ลองถามดู น้ำหวานยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรื่องจริง พอใจมั้ยคะ...น้ำหวานจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว” ทีมเสื้อผ้าพาน้ำหวานออกไป ฟรุตตี้ ปุ๊โกะยังยืนอึ้งปากค้างอยู่
จังหวะนั้นเหมยกับมดแดงเดินเข้ามา เหมยยกมือไหว้ทุกคน แต่ทุกคนมองเหมย แปลก ๆ ฟรุตตี้ ปุ๊โกะ มองหน้าเหมยแล้วนึกได้ รีบส่งซิกกันให้รีบเก็บหนังสือพิมพ์ด่วน ปุ๊โกะ กระโดดไปนั่งทับหนังสือพิมพ์ เหมยกับมดแดงมองความล้นของฟรุตตี้กับปุ๊โกะแบบขำ ๆ น้ำหวานออกมาเห็นเหมยพอดี...น้ำหวานจัดการตามแผนที่คิดไว้เรียกปุ๊โกะมาทำผม ฟรุตตี้ส่งซิกว่าห้ามลุก น้ำหวานขู่ถ้าไม่ลุกจะบอกให้ผู้กำกับเปลี่ยนช่าง ปุ๊โกะกระเด้งตัวขึ้นมาทันที หนังสือพิมพ์ที่ถูกทับอยู่หล่นลงมาตรงหน้าเหมย เหมยก้มลงหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา เห็นข่าวปยุตรกับน้ำหวาน เหมย หน้าซีด น้ำหวานยิ้มพอใจ ฟรุตตี้กับปุ๊โกะชี้ไปที่หนังสือพิมพ์ที่เหมยถือ มดแดงรีบแจ๋นเข้าไปขอดู มดแดงอ่านข่าวเสียงดัง เหมยมอง หน้ากับน้ำหวานอยู่ มดแดงมองไปทางน้ำหวาน น้ำหวานยิ้มเยาะให้เหมย เหมยสุดทนวิ่งออกไปจากห้อง มดแดงจะตามไปแต่ฟรุตตี้กับปุ๊โกะห้ามไว้ ทั้งสามคนหันมองน้ำหวานเป็นตาเดียว...น้ำหวานเชิดใส่ ไม่แคร์!!!
---@@@---
ที่กองถ่ายยอดยาหยี เหมยนั่งซึมคิดถึงเรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์ รวมกับเหตุการณ์ที่ปยุตรจับมือน้ำหวาน เหมยตั้งคำถามในใจว่า ทำไมปยุตรถึงใกล้ชิดกับน้ำหวานได้ขนาดนี้ หรือที่คิดไว้จะเป็นเรื่องจริง จังหวะนั้นปยุตร โทรฯ เข้ามา เหมยเห็นเบอร์ปยุตร เหมยไม่รับ ฝั่งปยุตรรอสายอยู่นานจนสายตัดไป..ปยุตร โทรฯกลับไป ก็ยังไม่มีใครรับอีก “งานเข้าชัวร์” ปยุตรเครียดหน้าบอกบุญไม่รับ น้ำหวานที่มอง ปฏิกิริยาของเหมยอยู่ตลอด เดินเข้ามาเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก เหมยเดินหนี น้ำหวานพูดต่อ
“ฉันก็แค่เป็นห่วง กลัวว่าเธอจะทำใจไม่ได้..เพราะสุดท้ายคุณยุตร เขาก็ต้องเลือกคนที่เหมาะสมกับเขาที่สุด”
“คุณหมายความว่ายังไง?”
“อ้าว ทายาทคนเดียวของไทยนิวส์ เขาก็ต้องอยากได้คู่ชีวิตที่เหมาะสมและคู่ควร กับคนระดับเขาสิ เขาถึงเลือกซูเปอร์สตาร์ อย่างฉัน”
“ทายาทไทยนิวส์...นี่คุณพูดถึงใคร”
“ก็คุณปยุตรไง”
“ปยุตร?!!!”
“อ้าว...อะไรกันเนี่ย??? ถามจริง?? ไม่รู้ได้ไงว่าแฟนตัวเองเขาเป็นลูกชายคนเดียวของ คุณไพรวัลย์เจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์”
เหมยอึ้งสนิท เพราะคิดว่าปยุตรเป็น นักข่าวต๊อกต๋อยมาตลอด
“เป็นแฟนกันประสาอะไร เอ๊ะ.. หรือว่าเขาไม่ได้คิดจะจริงจังกับเธอ? เอ๊ะ...หรือไม่ก็เขาอาจจะกลัวว่าเธอจะใช้เขาเป็นบันไดปีนขึ้นไปกอบโกยชื่อเสียงเงินทองรึเปล่า? แต่ กับฉันเขาบอกอย่างชัดเจนเลยนะ แทบจะกระซิบที่ข้างหูเลยล่ะ”
น้ำหวานพูดจบแล้วก็เดินออกไปทิ้งสายตาเหยียดหยันไว้ให้เหมย เหมยตัวชา กำหมัดแน่น น้ำตาพานจะไหลให้ได้
---@@@---
ปยุตรรีบร้อนเดินเข้ามาในกอง มองหาเหมยแต่ไม่เห็น ฟรุตตี้กับปุ๊โกะเดินมาเห็นปยุตร กำลังจะเข้าไปบอกว่าเหมยอยู่ไหน แต่ไม่ทันเพราะน้ำหวานแทรกเข้ามาก่อน น้ำหวานตีหน้าซื่อบอกจะแถลงข่าวแก้ตัวให้ปยุตร แล้วโยนความผิดให้พีทเพราะเขาคือต้นเหตุ ปยุตรได้ยินชื่อพีทก็ชะงัก นึกถึงพีทที่ขอร้องไว้
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวข่าวมันก็เงียบไปเอง”
“แต่กว่าจะเงียบ น้ำหวานว่าเหมยจะแย่เอาซะก่อนนะคะ นี่พอเหมยเห็นข่าว เขาก็หน้าซีดเลย น้ำหวานก็เข้าไปอธิบายว่า เราไม่ได้มีอะไรกัน ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นทายาทของไทยนิวส์ น้ำหวานก็ไม่เคยมีเจตนาจะเต้าข่าวให้กับตัวเองแบบนี้”
ปยุตรหันขวับตกใจ “อะไรนะ?! นี่คุณบอกเหมยว่าผมเป็นใครงั้นเหรอ”
“ค่ะ น้ำหวานทำอะไรผิดเหรอคะ” น้ำหวานแกล้งทำหน้างง แต่ปยุตรทำหน้าอยากตาย ปยุตรจะไปหาเหมย แต่ถูกน้ำหวานรั้งตัวไว้ “คุณยุตรคะ น้ำหวานขอโทษนะคะที่ทำให้คุณต้องลำบาก” ปยุตรมองหน้าน้ำหวานที่มีน้ำตาคลอเบ้า “ไม่เป็นไรครับ” ปยุตรเดินจากไป แววตาของน้ำหวานที่มองปยุตรเต็มไปด้วยความชื่นชมและอยากได้เป็นเจ้าของ “อีกไม่นาน คุณต้องเป็นของฉัน!!”
---@@@---
อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 1 ตุลาคม 2553
ที่มา เดลินิวส์
พีทยิ้มเจื่อน ๆ เหมยแซว “แหม นี่ขนาดยังไม่ทันแต่งนะ คิดดูแล้วกันว่าถ้าแต่งแล้วคุณพีทจะเป็นยังไง”
ด้านน้ำหวานขับรถออกจากคอนโดฯ โดยไม่รู้ว่ามีคนกำลังจับตามอง น้ำหวานมาถึงโรงแรมที่นัดพบระหว่างทางเดินไปห้องพัก น้ำหวานรู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม แต่เมื่อหันไปก็ ไม่เห็นใคร น้ำหวานไม่ติดใจอะไร จนเดินมาหยุดที่หน้าห้อง เคาะประตูสักพักก็มีคนเปิดออกมา
“ทำไมมาช้าจังเลย” ศิลป์ไม่ได้พูดอย่างเดียว แต่ก็เข้าโอบเอวและหอมน้ำหวานด้วย
“อย่าเพิ่งค่ะพี่ศิลป์ เดี๋ยวใครเห็นเข้า”
“มีใครที่ไหนล่ะครับ พี่ไม่เห็นมีใครเลย”
“น้ำหวานว่าเราเข้าไปข้างในดีกว่า”
น้ำหวานดันศิลป์เข้าไปในห้องประตูห้องปิดลง อีกด้านที่ประตูหนีไฟมีชายคนหนึ่งยืนมองอยู่ นั่นคือหมอวาทิศ
---@@@---
ในมุมมืดของเซฟเฮาส์หมอวาทิศ หมอวาทิศถือรูปของน้ำหวานอยู่ในมือ สายตาเจ็บปวด แต่กลับมีรอยยิ้มที่เย็นชา “น้ำหวานหลอกหมอ!! น้ำหวานต้องชดใช้ที่ทำกับหมอแบบนี้!!!” ว่าแล้วหมอวาทิศค่อย ๆ ใช้คมมีดกรีดลงไปที่รูปของน้ำหวาน ใบหน้าที่หมอเป็นคนศัลยกรรมให้เธอเองกับมือ
ส่วนน้ำหวานนอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงของศิลป์ จู่ ๆ เธอก็กรี๊ด ลุกพรวด ขึ้นมาจับใบหน้าตัวเอง ศิลป์ตกใจพรวดพราดออกมาจากห้องน้ำ แล้วเข้าไปดูน้ำหวาน น้ำหวานหวาดกลัวผลักศิลป์ล้มลงกับพื้นพลางร้องกรี๊ด “อย่าทำชั้น” ศิลป์ลุกขึ้นโวยวายเข้าไปจับตัวน้ำหวานให้หยุดคลั่ง น้ำหวานตั้งสติได้ลุกวิ่งไปที่กระจก ส่องหน้าตัวเอง น้ำหวานรู้ว่าเป็นเพียงฝันจึงค่อย ๆ สงบลง
“น้ำหวานขอโทษค่ะ น้ำหวานฝันร้าย”
“ฝันว่าอะไร เมื่อกี้ผมได้ยินคุณเรียก หมอ ๆ..หมอที่ไหนเหรอ”
น้ำหวานอึกอัก “เอ่อ คือว่า น้ำหวาน ฝันว่าน้ำหวานจะถูกหมอฉีดยา น้ำหวานกลัวเข็มฉีดยาที่สุด น้ำหวานก็เลยวิ่งหนี แต่ว่าน้ำหวานถูกหมอจับตัวได้”
“แค่นี้เหรอฝันร้ายของน้ำหวาน” ศิลป์หัวเราะ น้ำหวานพยักหน้าให้แบบไร้เดียงสา แต่แววตาแอบแฝงแววกังวล ศิลป์มองแขนเปลือยของน้ำหวาน ศิลป์เข้าไปจับไหล่
“โถ ไม่ต้องตกใจนะ เดี๋ยวผมจะติวบทคนไข้พิเศษให้ ว่าเวลาโดนหมอฉีดยามันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด... รอหมออาบน้ำให้สดชื่นแป๊บเดียวนะจ๊ะ” ศิลป์ค่อย ๆ ผละตัวไปห้องน้ำ น้ำหวานมองตัวเองในกระจกจับใบหน้าตนเองรู้สึกใจคอไม่ดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน!!
---@@@---
กลางคืนที่ทำงานของทุกสำนักข่าว มีมือดีนำภาพน้ำหวานกับปยุตรในท่าทางกอดรัดฟัดเหวี่ยงมาขาย นักข่าวยิ้มกริ่มรีบขอแทรกข่าวขึ้นหน้าหนึ่ง รุ่งเช้าหนังสือพิมพ์ก็อซซิปทุกฉบับพาดหัวตัวโม้ไม้ “ซูเปอร์สตาร์สาว น. คลุกวงในกับนักข่าวหนุ่ม คาดเขียนข่าวกันมันส์ถึงใจ” ข่าวนี้กลายเป็นหัวข้อเมาท์ในกองถ่ายทันทีนำทีมโดยฟรุตตี้และปุ๊โกะ จังหวะนั้นน้ำหวานเดินเข้ามาทำให้วงแตก น้ำหวานเดินมานั่ง พร้อมหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน ฟรุตตี้คว้าไม่ทัน น้ำหวานเห็นข่าวก็ชะงักไปครู่ แต่สักพักก็ยิ้มพอใจ เธอรู้ว่าควรจะเดินแผนไหนต่อ ฟรุตตี้ ปุ๊โกะ กระแซะกันให้ดูอาการน้ำหวาน แล้วต่างคนต่างพยักพเยิดให้ลองถามดู น้ำหวานยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรื่องจริง พอใจมั้ยคะ...น้ำหวานจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว” ทีมเสื้อผ้าพาน้ำหวานออกไป ฟรุตตี้ ปุ๊โกะยังยืนอึ้งปากค้างอยู่
จังหวะนั้นเหมยกับมดแดงเดินเข้ามา เหมยยกมือไหว้ทุกคน แต่ทุกคนมองเหมย แปลก ๆ ฟรุตตี้ ปุ๊โกะ มองหน้าเหมยแล้วนึกได้ รีบส่งซิกกันให้รีบเก็บหนังสือพิมพ์ด่วน ปุ๊โกะ กระโดดไปนั่งทับหนังสือพิมพ์ เหมยกับมดแดงมองความล้นของฟรุตตี้กับปุ๊โกะแบบขำ ๆ น้ำหวานออกมาเห็นเหมยพอดี...น้ำหวานจัดการตามแผนที่คิดไว้เรียกปุ๊โกะมาทำผม ฟรุตตี้ส่งซิกว่าห้ามลุก น้ำหวานขู่ถ้าไม่ลุกจะบอกให้ผู้กำกับเปลี่ยนช่าง ปุ๊โกะกระเด้งตัวขึ้นมาทันที หนังสือพิมพ์ที่ถูกทับอยู่หล่นลงมาตรงหน้าเหมย เหมยก้มลงหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา เห็นข่าวปยุตรกับน้ำหวาน เหมย หน้าซีด น้ำหวานยิ้มพอใจ ฟรุตตี้กับปุ๊โกะชี้ไปที่หนังสือพิมพ์ที่เหมยถือ มดแดงรีบแจ๋นเข้าไปขอดู มดแดงอ่านข่าวเสียงดัง เหมยมอง หน้ากับน้ำหวานอยู่ มดแดงมองไปทางน้ำหวาน น้ำหวานยิ้มเยาะให้เหมย เหมยสุดทนวิ่งออกไปจากห้อง มดแดงจะตามไปแต่ฟรุตตี้กับปุ๊โกะห้ามไว้ ทั้งสามคนหันมองน้ำหวานเป็นตาเดียว...น้ำหวานเชิดใส่ ไม่แคร์!!!
---@@@---
ที่กองถ่ายยอดยาหยี เหมยนั่งซึมคิดถึงเรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์ รวมกับเหตุการณ์ที่ปยุตรจับมือน้ำหวาน เหมยตั้งคำถามในใจว่า ทำไมปยุตรถึงใกล้ชิดกับน้ำหวานได้ขนาดนี้ หรือที่คิดไว้จะเป็นเรื่องจริง จังหวะนั้นปยุตร โทรฯ เข้ามา เหมยเห็นเบอร์ปยุตร เหมยไม่รับ ฝั่งปยุตรรอสายอยู่นานจนสายตัดไป..ปยุตร โทรฯกลับไป ก็ยังไม่มีใครรับอีก “งานเข้าชัวร์” ปยุตรเครียดหน้าบอกบุญไม่รับ น้ำหวานที่มอง ปฏิกิริยาของเหมยอยู่ตลอด เดินเข้ามาเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก เหมยเดินหนี น้ำหวานพูดต่อ
“ฉันก็แค่เป็นห่วง กลัวว่าเธอจะทำใจไม่ได้..เพราะสุดท้ายคุณยุตร เขาก็ต้องเลือกคนที่เหมาะสมกับเขาที่สุด”
“คุณหมายความว่ายังไง?”
“อ้าว ทายาทคนเดียวของไทยนิวส์ เขาก็ต้องอยากได้คู่ชีวิตที่เหมาะสมและคู่ควร กับคนระดับเขาสิ เขาถึงเลือกซูเปอร์สตาร์ อย่างฉัน”
“ทายาทไทยนิวส์...นี่คุณพูดถึงใคร”
“ก็คุณปยุตรไง”
“ปยุตร?!!!”
“อ้าว...อะไรกันเนี่ย??? ถามจริง?? ไม่รู้ได้ไงว่าแฟนตัวเองเขาเป็นลูกชายคนเดียวของ คุณไพรวัลย์เจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์”
เหมยอึ้งสนิท เพราะคิดว่าปยุตรเป็น นักข่าวต๊อกต๋อยมาตลอด
“เป็นแฟนกันประสาอะไร เอ๊ะ.. หรือว่าเขาไม่ได้คิดจะจริงจังกับเธอ? เอ๊ะ...หรือไม่ก็เขาอาจจะกลัวว่าเธอจะใช้เขาเป็นบันไดปีนขึ้นไปกอบโกยชื่อเสียงเงินทองรึเปล่า? แต่ กับฉันเขาบอกอย่างชัดเจนเลยนะ แทบจะกระซิบที่ข้างหูเลยล่ะ”
น้ำหวานพูดจบแล้วก็เดินออกไปทิ้งสายตาเหยียดหยันไว้ให้เหมย เหมยตัวชา กำหมัดแน่น น้ำตาพานจะไหลให้ได้
---@@@---
ปยุตรรีบร้อนเดินเข้ามาในกอง มองหาเหมยแต่ไม่เห็น ฟรุตตี้กับปุ๊โกะเดินมาเห็นปยุตร กำลังจะเข้าไปบอกว่าเหมยอยู่ไหน แต่ไม่ทันเพราะน้ำหวานแทรกเข้ามาก่อน น้ำหวานตีหน้าซื่อบอกจะแถลงข่าวแก้ตัวให้ปยุตร แล้วโยนความผิดให้พีทเพราะเขาคือต้นเหตุ ปยุตรได้ยินชื่อพีทก็ชะงัก นึกถึงพีทที่ขอร้องไว้
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวข่าวมันก็เงียบไปเอง”
“แต่กว่าจะเงียบ น้ำหวานว่าเหมยจะแย่เอาซะก่อนนะคะ นี่พอเหมยเห็นข่าว เขาก็หน้าซีดเลย น้ำหวานก็เข้าไปอธิบายว่า เราไม่ได้มีอะไรกัน ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นทายาทของไทยนิวส์ น้ำหวานก็ไม่เคยมีเจตนาจะเต้าข่าวให้กับตัวเองแบบนี้”
ปยุตรหันขวับตกใจ “อะไรนะ?! นี่คุณบอกเหมยว่าผมเป็นใครงั้นเหรอ”
“ค่ะ น้ำหวานทำอะไรผิดเหรอคะ” น้ำหวานแกล้งทำหน้างง แต่ปยุตรทำหน้าอยากตาย ปยุตรจะไปหาเหมย แต่ถูกน้ำหวานรั้งตัวไว้ “คุณยุตรคะ น้ำหวานขอโทษนะคะที่ทำให้คุณต้องลำบาก” ปยุตรมองหน้าน้ำหวานที่มีน้ำตาคลอเบ้า “ไม่เป็นไรครับ” ปยุตรเดินจากไป แววตาของน้ำหวานที่มองปยุตรเต็มไปด้วยความชื่นชมและอยากได้เป็นเจ้าของ “อีกไม่นาน คุณต้องเป็นของฉัน!!”
---@@@---
อ่านละครย่อเรื่อง ระบำดวงดาว วันที่ 1 ตุลาคม 2553
ที่มา เดลินิวส์
อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 1 ตุลาคม 2553
อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 1 ตุลาคม 2553
“หลังสงคราม มินาลินกับมินทุต้องรวมเป็นหนึ่ง แต่ว่าที่กษัตริย์กลับไม่เห็นถึงความสำคัญข้อนี้ นายไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าไม่มีการอภิเษก การรวมประเทศย่อมไม่เกิดขึ้น นายจะรักใครอื่นไม่ได้ เข้าใจใช่มั้ย”
“ภูษณะ ฉันอยากให้นายรู้ว่า...ฉันห้าม หัวใจตัวเองไม่ได้”
ภูษณะโมโหชกพชรกระเด็น แล้วตามเข้าไปชกซ้ำอีกครั้ง บาจรีย์ไม่ได้ยินที่ภูษณะกับพชรคุยกัน แต่พอเห็นพชรโดนชกก็รีบบอก ธามให้เข้าไปช่วยห้าม ธามเห็นท่าทีที่ภูษณะแสดงออกก็พอจะเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น บาจรีย์ไม่รู้อะไรรีบประคองพาพชรกลับไปทำ แผลที่เรือนพัก
“แผลแค่เล็กน้อย ไม่ต้องลำบากน้องหรอก อย่าห่วงเลย”
“ไม่ห่วงได้ยังไง บาจรีย์คือว่าที่ชายาของพี่นะคะ สำหรับบาจรีย์แล้วพี่พชรเป็นคนสำคัญที่สุด ทำไมพี่พชรถึงได้เย็นชากับน้องนักล่ะ พี่พชรรู้อะไรมั้ยว่า ไม่ใช่แค่บาจรีย์ที่จะเสียใจอย่างที่สุด ถ้างานอภิเษกสมรสของเราไม่เกิดขึ้น แต่คนที่เสียใจมากกว่านั้นก็คือประ ชาชนชาวมินทุและมินาลิน ถ้าการรวมประเทศ ล้มเหลว แต่มันคงไม่มีวันนั้นใช่มั้ยคะ”
ทำได้ดีที่สุดแค่เพียงยิ้มให้พยักหน้า น้อย ๆ แม้ใจจะไม่รู้สึกเช่นนั้นก็ตาม!!
---@@@---
คเชนทร์และคามินแอบลอบเข้ามาในป่าจากทางทิศใต้ สหายที่คอยเฝ้าสำรวจตรวจตราอยู่ทางทิศใต้ถูกฆ่าตาย พาริณที่อยู่อีกด้านของป่าไม่สามารถติดต่อสหายที่เฝ้าอยู่ทางทิศใต้ได้ รู้สึกเอะใจรีบย้อนกลับไปเอารถที่ค่าย ตั้งใจจะไปดูที่จุดเฝ้าระวังทิศใต้ แต่พอไปถึงค่ายกลับได้พบพชรนั่งดื่มเหล้าเมามายอยู่ในห้องพักตามลำพัง
พาริณเป็นห่วงพชร รีบเข้ามาช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ พชรจับมือพาริณมาวางไว้แนบอก เพ้อบอกรักลำธารออกมา พาริณเสียใจมากแต่ด้วยความใกล้ชิด ทำให้พาริณเผลอใจ โน้มตัวลงไปนอนเคียงข้างพชรอย่างมิอาจสะกด อารมณ์แห่งความปรารถนาอันรุนแรงเอาไว้ได้
ลำธารรู้จากธีรัชว่าพชรได้รับบาดเจ็บจากการประลองกับภูษณะ จึงหอบกล่องยามาหาที่เรือนพักตั้งใจจะมาทำแผลให้ แต่กลับเจอบาจรีย์ยกถาดข้าวต้มตัดหน้าเอาเข้าไปให้พชรในห้องพักเสียก่อน บาจรีย์ตกใจมากที่เปิดประตูเข้าไปเห็นพาริณนอนเคียงข้างพชรที่กำลังเมาหลับไม่ได้สติ
บาจรีย์ต่อว่าพาริณอย่างรุนแรง พาริณ พยายามปฏิเสธ แต่สร้อยรักเท่าชีวิตที่ขโมยมาเก็บไว้กลับหล่นออกมาเป็นหลักฐานมัดตัวแน่น ขึ้นไปอีก บาจรีย์ตบหน้าพาริณอย่างแรง ลำธาร ตามเข้าไปจับมือบาจรีย์ไว้ไม่ให้ตบพาริณซ้ำ พชรรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพอดี พาริณทนสู้หน้าพชรไม่ไหวรีบลุกขึ้นวิ่งหนีออกไป บาจรีย์วิ่งตามออกไปสั่งให้ทหารจับตัวพาริณไว้
ภูษณะกับธามได้ยินเสียงเอะอะรีบวิ่งมาดู พชรตามมาช่วยอธิบาย แต่พอรู้ว่าพาริณ เป็นคนขโมยสร้อยรักเท่าชีวิตไป พชรก็ถึงกับอึ้ง ภูษณะสั่งขังพาริณไว้ในห้อง ในฐานะที่เป็นหัวหน้าหน่วยเฝ้าระวังภัยนอกค่าย แต่กลับ ทิ้งความรับผิดชอบ
ภูษณะให้สหายสองคนไปทำหน้าที่แทนพาริณที่จุดเฝ้าระวังทางทิศใต้ สหายทั้งสองก็ถูกคเชนทร์และคามินฆ่าตายอีก คเชนทร์ กับคามิน ได้แผนที่กองกำลังใต้ดินมาจากสหายที่ภูษณะส่งไปทำงานแทนพาริณที่จุดเฝ้าระวังทางทิศใต้ ทั้งคู่แอบลอบเข้าไปจัดการกับพชรที่เรือนพัก แต่กลับได้พบกับวาสินและลำธารที่มาตรวจร่างกายให้กับวาสินแทน
คามินกับคเชนทร์ดีใจมากรีบจับตัววาสินกับลำธารขึ้นไปบนเนินเขา ที่ซึ่งวาสินเคยสั่งประหารพรรคพวกของตน ตั้งใจจะฆ่าวาสินสังเวยชีวิตให้กับพรรคพวกที่ตายไป โชคดีพชรกับธามตามไปช่วยไว้ได้ทัน อดิศรตามไปสมทบ ทั้งสามช่วยกันต่อสู้กับคเชนทร์และคามินอย่างสูสี
พชร ธาม และอดิศรพลาดท่า เกือบถูกคเชนทร์และคามินฆ่าตาย ภูษณะกับจ่าแสงตามมาทัน ทั้งคู่ช่วยกันระดมยิงใส่ คเชนทร์และคามินตัดสินใจโดดหนีลงไปทางหน้าผา ทุกคนคิดว่าคเชนทร์และคามินคงไม่รอดแน่ จึงช่วยกันพาวาสินกับลำธารกลับไปที่ค่าย
พชรกลับไปปล่อยพาริณออกจากห้องขัง ก่อนปล่อยไม่ลืมให้พาริณสัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก บาจรีย์เดินผ่านมาเห็น รู้สึกไม่พอใจมาก ด่าว่าพาริณอย่างรุนแรง จนพาริณ ทนไม่ไหววิ่งหนีซมซานออกไปเจอกับลำธาร
ลำธารขอให้พาริณอยู่ด้วยกันที่ค่ายต่อไป ไม่ให้หนีไปไหน พาริณยังคงไม่เชื่อใจลำธาร ลำธารยกเอาชื่อพชรขึ้นมาอ้าง หวังให้พาริณยอม อยู่ที่ค่ายต่อ แต่พาริณกลับยิ่งโมโห ผลักลำธารกระเด็น จังหวะนั้นเองบาจรีย์กับพชรเดินตามมาถึงพอดี พาริณหันไปเห็นก็รีบวิ่งหนีออกไป พลางปาดน้ำตาด้วยความปวดร้าว
---@@@---
ตอนที่ 16
พาริณวิ่งกระเซอะกระเซิงหนีเข้าไปในป่า คิดจะฆ่าตัวตาย แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ ทิ้งมีดที่เตรียมใช้ปาดคอลงกับพื้น
“เท่านี้เองเหรอ ที่ฉันจะทำให้ท่านได้ หากแม้ต้องตาย ฉันก็ไม่ควรตายอย่างไร้ค่า ไร้ความหมาย”
---@@@---
ลำธารให้วาสินนอนพักดูอาการอยู่ที่ห้อง พยาบาลหนึ่งคืน พชรแอบได้ยินวาสินคุยกับลำธารเรื่องที่ลำธารพยายามจะช่วยชีวิตวาสินไว้ แม้จะไม่สำเร็จแต่ก็ช่วยถ่วงเวลาให้พวกพชรตามไปช่วยไว้ได้ทัน พชรเห็นลำธารคอยดูแลวาสินอย่างใกล้ชิดก็ยิ่งรู้สึกดีกับลำธารมากขึ้นไปอีก
ลำธารเผลอหลับอยู่ในห้องพยาบาล พชรเข้าไปอุ้มลำธารพากลับไปส่งที่ห้องพัก ธามที่กำลังยืนคุยอยู่กับบาจรีย์หันไปเห็น รีบเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้บาจรีย์เห็นภาพบาดตา ด้วยการหลอกว่ามีคางคกอยู่ข้างหลัง บาจรีย์กลัวมากโดดกอดธามแน่น ธามแอบดีใจที่หลอกบาจรีย์ได้ แถมแอบชื่นใจที่โดนกอด บาจรีย์พอรู้ว่าถูกหลอกก็รีบเดินหนีกลับเข้าห้องไปด้วยความโกรธ
ธามเดินตามไปดักรอพชรอยู่หน้าห้องพัก ลำธาร “เจ้าหญิงบาจรีย์เพิ่งจะไล่พาริณออกไป นายจะทำให้ลำธารต้องเดือดร้อนอีกคนรึยังไง ถ้าเจ้าหญิงบาจรีย์เห็นนายอุ้มลำธารขึ้นเรือน อะไรจะเกิดขึ้น”
“ขอโทษ..ฉันแค่พาเธอมาพักผ่อน”
“คราวหน้า ฉันไม่ได้อยากได้ยินคำขอโทษอีก”
“ธาม...ฉันจะไม่ขอโทษ เพราะจะไม่มีครั้งหน้า และจะไม่มีใครมาลบหลู่เกียรติของลำธารได้”
พชรเดินไปอย่างมุ่งมั่น ธามอึ้ง รู้สึกได้ถึงความตั้งใจลึก ๆ ของพชร
---@@@---
พาริณแอบปลอมตัวเป็นนางรำเข้าไป ในวังมินาลินเพื่อลอบฆ่าดารัณ โชคร้ายถูกราชิตจับได้ก่อนทำสำเร็จ พาริณวิ่งหนีออกไปทางหน้าวัง เจ็บทั้งตัว และเจ็บใจที่แผนไม่สำเร็จ ทหารดารัณวิ่งตามมายิงโดนเข้าที่ไหล่ พาริณกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่าง เป็นจังหวะเดียวกับที่คเชนทร์หามคามินที่บาดเจ็บหนักกลับมาถึงวัง ราชิตกับทหารหันไปให้ความสำคัญกับคเชนทร์และคามินมากกว่าการตามล่าพาริณ
“เจ็บโว้ย...รีบช่วยพวกข้า เรากุมความลับของค่ายไอ้พชรอยู่นะโว้ย เร็ว ๆ ซี่”
“พวกแกเข้าถึงค่ายไอ้พวกต่อต้านแล้วงั้นรึ”
“เออสิวะ รีบรักษาข้า ถ้าข้าตายท่านไม่ได้ไปถล่มค่ายมันแน่ เร็วเข้า ๆ”
ราชิตส่งสัญญาณให้ทหารรีบมาพาทั้งสองเข้าไปรักษาตัวในวัง พาริณที่แอบหลบอยู่ไม่ไกลถึงกับอึ้ง
“สองคนนี้เองรึ ที่บุกเข้าค่าย”
---@@@---
จู่ ๆ ก็มีคนส่งรหัสมอสมาเตือนพชรว่าสองนักฆ่ารอดตายกลับไปที่วังมินาลิน และดารัณ กำลังจะทุ่มกำลังมาถล่มค่ายกองกำลัง อดิศร บอกพชรให้รีบวางแผนจุดป้องกันต่าง ๆ ไม่ใช่ให้ตั้งรับ แต่ต้องโจมตีไม่ให้พวกดารัณบุกเข้ามาในค่ายได้ พชรอดสงสัยไม่ได้ว่าใครเป็นคนส่งรหัสมอส มา
คเชนทร์กับคามินมอบแผนที่ตั้งค่ายกองกำลังให้กับดารัณ ราชิตวางแผนให้หน่วยกู้ระเบิดเข้าไปเคลียร์พื้นที่ก่อน จากนั้นกำลัง พลพร้อมอาวุธทุกชนิดจะเดินเท้าจู่โจมจากทั้งสี่ทิศ แล้วมาบรรจบกันที่ทางเข้าออกทั้งสี่ของค่ายกองกำลัง คเชนทร์กับคามินขอเข้าร่วมรบด้วย เพราะ อยากเป็นคนตัดหัววาสินด้วยตัวเอง ดารัณกับราชิตพากันยืนตะลึง ไม่คิดว่าวาสินยังมีชีวิตอยู่
“เหลวไหล เราเป็นคนฆ่าวาสินเอง มัน จะไม่ตายได้ยังไง”
“ข้าไม่รู้หรอก รู้แต่ว่ามันยังหายใจสบายดี แต่ดูเหมือนว่าเลอะเลือนจำความไม่ได้”
“ถ้ามันยังไม่ตาย ก็จงหยิบยื่นความตายให้แก่มัน ศึกครั้งนี้ค่ายของพวกมันต้องไม่เหลือแม้แต่ซาก” ดารัณขบกรามแน่นเดือดดาลดุดันมากกว่าครั้งไหน ๆ!!!
---@@@---
เวคินให้คนออกไปจัดการฝังระเบิดในป่าเพิ่ม เพื่อปิดเส้นทางเข้าออกจากป่าทั้งสี่ทิศ พชรวางแผนแบ่งกำลังคนออกเป็น 4 กอง คอยซุ่มยิงพวกดารัณที่จะบุกเข้ามาทั้งสี่ทิศ โดยพชรให้ภูษณะคอยประจำอยู่ทิศเหนือ ธามคุมพื้นที่ทิศตะวันออก เวคินประจำทิศตะวันตก ส่วนทิศใต้ที่เป็นจุดบอดพชรอาสาอยู่คุมพื้นที่ด้วยตัวเอง
อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 1 ตุลาคม 2553
ที่มา เดลินิวส์
“หลังสงคราม มินาลินกับมินทุต้องรวมเป็นหนึ่ง แต่ว่าที่กษัตริย์กลับไม่เห็นถึงความสำคัญข้อนี้ นายไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าไม่มีการอภิเษก การรวมประเทศย่อมไม่เกิดขึ้น นายจะรักใครอื่นไม่ได้ เข้าใจใช่มั้ย”
“ภูษณะ ฉันอยากให้นายรู้ว่า...ฉันห้าม หัวใจตัวเองไม่ได้”
ภูษณะโมโหชกพชรกระเด็น แล้วตามเข้าไปชกซ้ำอีกครั้ง บาจรีย์ไม่ได้ยินที่ภูษณะกับพชรคุยกัน แต่พอเห็นพชรโดนชกก็รีบบอก ธามให้เข้าไปช่วยห้าม ธามเห็นท่าทีที่ภูษณะแสดงออกก็พอจะเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น บาจรีย์ไม่รู้อะไรรีบประคองพาพชรกลับไปทำ แผลที่เรือนพัก
“แผลแค่เล็กน้อย ไม่ต้องลำบากน้องหรอก อย่าห่วงเลย”
“ไม่ห่วงได้ยังไง บาจรีย์คือว่าที่ชายาของพี่นะคะ สำหรับบาจรีย์แล้วพี่พชรเป็นคนสำคัญที่สุด ทำไมพี่พชรถึงได้เย็นชากับน้องนักล่ะ พี่พชรรู้อะไรมั้ยว่า ไม่ใช่แค่บาจรีย์ที่จะเสียใจอย่างที่สุด ถ้างานอภิเษกสมรสของเราไม่เกิดขึ้น แต่คนที่เสียใจมากกว่านั้นก็คือประ ชาชนชาวมินทุและมินาลิน ถ้าการรวมประเทศ ล้มเหลว แต่มันคงไม่มีวันนั้นใช่มั้ยคะ”
ทำได้ดีที่สุดแค่เพียงยิ้มให้พยักหน้า น้อย ๆ แม้ใจจะไม่รู้สึกเช่นนั้นก็ตาม!!
---@@@---
คเชนทร์และคามินแอบลอบเข้ามาในป่าจากทางทิศใต้ สหายที่คอยเฝ้าสำรวจตรวจตราอยู่ทางทิศใต้ถูกฆ่าตาย พาริณที่อยู่อีกด้านของป่าไม่สามารถติดต่อสหายที่เฝ้าอยู่ทางทิศใต้ได้ รู้สึกเอะใจรีบย้อนกลับไปเอารถที่ค่าย ตั้งใจจะไปดูที่จุดเฝ้าระวังทิศใต้ แต่พอไปถึงค่ายกลับได้พบพชรนั่งดื่มเหล้าเมามายอยู่ในห้องพักตามลำพัง
พาริณเป็นห่วงพชร รีบเข้ามาช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ พชรจับมือพาริณมาวางไว้แนบอก เพ้อบอกรักลำธารออกมา พาริณเสียใจมากแต่ด้วยความใกล้ชิด ทำให้พาริณเผลอใจ โน้มตัวลงไปนอนเคียงข้างพชรอย่างมิอาจสะกด อารมณ์แห่งความปรารถนาอันรุนแรงเอาไว้ได้
ลำธารรู้จากธีรัชว่าพชรได้รับบาดเจ็บจากการประลองกับภูษณะ จึงหอบกล่องยามาหาที่เรือนพักตั้งใจจะมาทำแผลให้ แต่กลับเจอบาจรีย์ยกถาดข้าวต้มตัดหน้าเอาเข้าไปให้พชรในห้องพักเสียก่อน บาจรีย์ตกใจมากที่เปิดประตูเข้าไปเห็นพาริณนอนเคียงข้างพชรที่กำลังเมาหลับไม่ได้สติ
บาจรีย์ต่อว่าพาริณอย่างรุนแรง พาริณ พยายามปฏิเสธ แต่สร้อยรักเท่าชีวิตที่ขโมยมาเก็บไว้กลับหล่นออกมาเป็นหลักฐานมัดตัวแน่น ขึ้นไปอีก บาจรีย์ตบหน้าพาริณอย่างแรง ลำธาร ตามเข้าไปจับมือบาจรีย์ไว้ไม่ให้ตบพาริณซ้ำ พชรรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพอดี พาริณทนสู้หน้าพชรไม่ไหวรีบลุกขึ้นวิ่งหนีออกไป บาจรีย์วิ่งตามออกไปสั่งให้ทหารจับตัวพาริณไว้
ภูษณะกับธามได้ยินเสียงเอะอะรีบวิ่งมาดู พชรตามมาช่วยอธิบาย แต่พอรู้ว่าพาริณ เป็นคนขโมยสร้อยรักเท่าชีวิตไป พชรก็ถึงกับอึ้ง ภูษณะสั่งขังพาริณไว้ในห้อง ในฐานะที่เป็นหัวหน้าหน่วยเฝ้าระวังภัยนอกค่าย แต่กลับ ทิ้งความรับผิดชอบ
ภูษณะให้สหายสองคนไปทำหน้าที่แทนพาริณที่จุดเฝ้าระวังทางทิศใต้ สหายทั้งสองก็ถูกคเชนทร์และคามินฆ่าตายอีก คเชนทร์ กับคามิน ได้แผนที่กองกำลังใต้ดินมาจากสหายที่ภูษณะส่งไปทำงานแทนพาริณที่จุดเฝ้าระวังทางทิศใต้ ทั้งคู่แอบลอบเข้าไปจัดการกับพชรที่เรือนพัก แต่กลับได้พบกับวาสินและลำธารที่มาตรวจร่างกายให้กับวาสินแทน
คามินกับคเชนทร์ดีใจมากรีบจับตัววาสินกับลำธารขึ้นไปบนเนินเขา ที่ซึ่งวาสินเคยสั่งประหารพรรคพวกของตน ตั้งใจจะฆ่าวาสินสังเวยชีวิตให้กับพรรคพวกที่ตายไป โชคดีพชรกับธามตามไปช่วยไว้ได้ทัน อดิศรตามไปสมทบ ทั้งสามช่วยกันต่อสู้กับคเชนทร์และคามินอย่างสูสี
พชร ธาม และอดิศรพลาดท่า เกือบถูกคเชนทร์และคามินฆ่าตาย ภูษณะกับจ่าแสงตามมาทัน ทั้งคู่ช่วยกันระดมยิงใส่ คเชนทร์และคามินตัดสินใจโดดหนีลงไปทางหน้าผา ทุกคนคิดว่าคเชนทร์และคามินคงไม่รอดแน่ จึงช่วยกันพาวาสินกับลำธารกลับไปที่ค่าย
พชรกลับไปปล่อยพาริณออกจากห้องขัง ก่อนปล่อยไม่ลืมให้พาริณสัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก บาจรีย์เดินผ่านมาเห็น รู้สึกไม่พอใจมาก ด่าว่าพาริณอย่างรุนแรง จนพาริณ ทนไม่ไหววิ่งหนีซมซานออกไปเจอกับลำธาร
ลำธารขอให้พาริณอยู่ด้วยกันที่ค่ายต่อไป ไม่ให้หนีไปไหน พาริณยังคงไม่เชื่อใจลำธาร ลำธารยกเอาชื่อพชรขึ้นมาอ้าง หวังให้พาริณยอม อยู่ที่ค่ายต่อ แต่พาริณกลับยิ่งโมโห ผลักลำธารกระเด็น จังหวะนั้นเองบาจรีย์กับพชรเดินตามมาถึงพอดี พาริณหันไปเห็นก็รีบวิ่งหนีออกไป พลางปาดน้ำตาด้วยความปวดร้าว
---@@@---
ตอนที่ 16
พาริณวิ่งกระเซอะกระเซิงหนีเข้าไปในป่า คิดจะฆ่าตัวตาย แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ ทิ้งมีดที่เตรียมใช้ปาดคอลงกับพื้น
“เท่านี้เองเหรอ ที่ฉันจะทำให้ท่านได้ หากแม้ต้องตาย ฉันก็ไม่ควรตายอย่างไร้ค่า ไร้ความหมาย”
---@@@---
ลำธารให้วาสินนอนพักดูอาการอยู่ที่ห้อง พยาบาลหนึ่งคืน พชรแอบได้ยินวาสินคุยกับลำธารเรื่องที่ลำธารพยายามจะช่วยชีวิตวาสินไว้ แม้จะไม่สำเร็จแต่ก็ช่วยถ่วงเวลาให้พวกพชรตามไปช่วยไว้ได้ทัน พชรเห็นลำธารคอยดูแลวาสินอย่างใกล้ชิดก็ยิ่งรู้สึกดีกับลำธารมากขึ้นไปอีก
ลำธารเผลอหลับอยู่ในห้องพยาบาล พชรเข้าไปอุ้มลำธารพากลับไปส่งที่ห้องพัก ธามที่กำลังยืนคุยอยู่กับบาจรีย์หันไปเห็น รีบเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้บาจรีย์เห็นภาพบาดตา ด้วยการหลอกว่ามีคางคกอยู่ข้างหลัง บาจรีย์กลัวมากโดดกอดธามแน่น ธามแอบดีใจที่หลอกบาจรีย์ได้ แถมแอบชื่นใจที่โดนกอด บาจรีย์พอรู้ว่าถูกหลอกก็รีบเดินหนีกลับเข้าห้องไปด้วยความโกรธ
ธามเดินตามไปดักรอพชรอยู่หน้าห้องพัก ลำธาร “เจ้าหญิงบาจรีย์เพิ่งจะไล่พาริณออกไป นายจะทำให้ลำธารต้องเดือดร้อนอีกคนรึยังไง ถ้าเจ้าหญิงบาจรีย์เห็นนายอุ้มลำธารขึ้นเรือน อะไรจะเกิดขึ้น”
“ขอโทษ..ฉันแค่พาเธอมาพักผ่อน”
“คราวหน้า ฉันไม่ได้อยากได้ยินคำขอโทษอีก”
“ธาม...ฉันจะไม่ขอโทษ เพราะจะไม่มีครั้งหน้า และจะไม่มีใครมาลบหลู่เกียรติของลำธารได้”
พชรเดินไปอย่างมุ่งมั่น ธามอึ้ง รู้สึกได้ถึงความตั้งใจลึก ๆ ของพชร
---@@@---
พาริณแอบปลอมตัวเป็นนางรำเข้าไป ในวังมินาลินเพื่อลอบฆ่าดารัณ โชคร้ายถูกราชิตจับได้ก่อนทำสำเร็จ พาริณวิ่งหนีออกไปทางหน้าวัง เจ็บทั้งตัว และเจ็บใจที่แผนไม่สำเร็จ ทหารดารัณวิ่งตามมายิงโดนเข้าที่ไหล่ พาริณกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่าง เป็นจังหวะเดียวกับที่คเชนทร์หามคามินที่บาดเจ็บหนักกลับมาถึงวัง ราชิตกับทหารหันไปให้ความสำคัญกับคเชนทร์และคามินมากกว่าการตามล่าพาริณ
“เจ็บโว้ย...รีบช่วยพวกข้า เรากุมความลับของค่ายไอ้พชรอยู่นะโว้ย เร็ว ๆ ซี่”
“พวกแกเข้าถึงค่ายไอ้พวกต่อต้านแล้วงั้นรึ”
“เออสิวะ รีบรักษาข้า ถ้าข้าตายท่านไม่ได้ไปถล่มค่ายมันแน่ เร็วเข้า ๆ”
ราชิตส่งสัญญาณให้ทหารรีบมาพาทั้งสองเข้าไปรักษาตัวในวัง พาริณที่แอบหลบอยู่ไม่ไกลถึงกับอึ้ง
“สองคนนี้เองรึ ที่บุกเข้าค่าย”
---@@@---
จู่ ๆ ก็มีคนส่งรหัสมอสมาเตือนพชรว่าสองนักฆ่ารอดตายกลับไปที่วังมินาลิน และดารัณ กำลังจะทุ่มกำลังมาถล่มค่ายกองกำลัง อดิศร บอกพชรให้รีบวางแผนจุดป้องกันต่าง ๆ ไม่ใช่ให้ตั้งรับ แต่ต้องโจมตีไม่ให้พวกดารัณบุกเข้ามาในค่ายได้ พชรอดสงสัยไม่ได้ว่าใครเป็นคนส่งรหัสมอส มา
คเชนทร์กับคามินมอบแผนที่ตั้งค่ายกองกำลังให้กับดารัณ ราชิตวางแผนให้หน่วยกู้ระเบิดเข้าไปเคลียร์พื้นที่ก่อน จากนั้นกำลัง พลพร้อมอาวุธทุกชนิดจะเดินเท้าจู่โจมจากทั้งสี่ทิศ แล้วมาบรรจบกันที่ทางเข้าออกทั้งสี่ของค่ายกองกำลัง คเชนทร์กับคามินขอเข้าร่วมรบด้วย เพราะ อยากเป็นคนตัดหัววาสินด้วยตัวเอง ดารัณกับราชิตพากันยืนตะลึง ไม่คิดว่าวาสินยังมีชีวิตอยู่
“เหลวไหล เราเป็นคนฆ่าวาสินเอง มัน จะไม่ตายได้ยังไง”
“ข้าไม่รู้หรอก รู้แต่ว่ามันยังหายใจสบายดี แต่ดูเหมือนว่าเลอะเลือนจำความไม่ได้”
“ถ้ามันยังไม่ตาย ก็จงหยิบยื่นความตายให้แก่มัน ศึกครั้งนี้ค่ายของพวกมันต้องไม่เหลือแม้แต่ซาก” ดารัณขบกรามแน่นเดือดดาลดุดันมากกว่าครั้งไหน ๆ!!!
---@@@---
เวคินให้คนออกไปจัดการฝังระเบิดในป่าเพิ่ม เพื่อปิดเส้นทางเข้าออกจากป่าทั้งสี่ทิศ พชรวางแผนแบ่งกำลังคนออกเป็น 4 กอง คอยซุ่มยิงพวกดารัณที่จะบุกเข้ามาทั้งสี่ทิศ โดยพชรให้ภูษณะคอยประจำอยู่ทิศเหนือ ธามคุมพื้นที่ทิศตะวันออก เวคินประจำทิศตะวันตก ส่วนทิศใต้ที่เป็นจุดบอดพชรอาสาอยู่คุมพื้นที่ด้วยตัวเอง
อ่านละครย่อเรื่อง ศิราพัชร ดวงใจนักรบ วันที่ 1 ตุลาคม 2553
ที่มา เดลินิวส์
อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553
อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงลูกสาวหรอกนะ ข้ากับพระสนมยอนฮึง จะหาคนดี ๆ ให้อภิเษกกับเค้า”
“ไม่ใช่เพคะ ไม่ใช่อย่างนั้น หม่อมฉันหวังเพียงว่า เมื่อตายไป พระองค์จะส่งนางให้พระนางซุงด๊อก ช่วยเลี้ยงดูแทนเพคะ”
“ทำไมล่ะ”
“ดังนั้น หม่อมฉันจึงอยากจะขอพบ กับพระนางซุงด๊อก”
“ทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน ทำไมต้องส่งซอน ให้พระนางซุงด๊อกด้วย”
“เหตุผลเรื่องนี้หม่อมฉันจะบอกกับพระนางซุงด๊อกเอง ดังนั้นได้โปรดให้นางเข้าวังด้วย”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้ ข้าไม่อนุญาตหรอก เรื่องของซอนต้องให้พระสนมยอนฮึงดูแล”
“ไม่โหดร้ายเกินไปหรือเพคะ หม่อม ฉันทราบว่าในพระทัยของพระองค์นั้นทรงรักและทรงห่วงใย พระนางยอนฮึงมากขนาดไหน รังเกียจหม่อมฉันแค่ไหน หม่อมฉันถึงได้ยกตำหนักพระมเหสีให้นาง เพื่อให้นางได้ประทับ แล้วตัวเองมาอยู่ในตำหนักพระสนมเอง แต่ตอนนี้พระองค์ยังจะยกลูกสาวหม่อมฉันให้ นางอีก นับตั้งแต่หม่อมฉัน อภิเษกกับพระองค์มา หม่อมฉันเคยที่จะปฏิเสธอะไรพระองค์บ้างมั้ยเพคะ อีกอย่างหม่อมฉันก็ไม่เคยขออะไรพระองค์เลย เพราะว่าหม่อมฉันเองก็เจียมตัวมาเสมอ ว่าพระองค์ไม่เคยรักในตัวหม่อมฉัน แต่ว่า ยังไงพระองค์ก็ยังเป็นพระสวามี หม่อมฉันไม่กล้าหวังให้พระองค์มารักหม่อมฉัน ช่วยทำตามความหวังสุดท้ายของหม่อมฉันหน่อยไม่ได้หรือเพคะ”
“พระมเหสี”
“ไม่ต้องเรียกว่าพระมเหสี หม่อมฉัน ขอร้องล่ะเพคะ ให้ก่อนตาย หม่อมฉันได้พบ พระนางซุงด๊อกด้วยเพคะ ให้หม่อมฉันได้สั่งเสียกับพระนางก่อน”
---@@@---
ฮยังบี เข้ามาทูลพระนางชอนชู ว่าชียังได้สติฟื้นขึ้นมาแล้ว กามุนทูลว่า ธนูนั่นเกือบเข้าหัวใจนายน้อย แต่ว่าเบี่ยงพลาดเป้าไปหน่อย ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว พระนางชอนชู จึงถามว่า ทุกคนเรียกว่านายน้อย ชียังเป็นลูกของหัวหน้าเผ่าเหรอ ชียังบอกว่าตนเองไม่ได้เป็นลูกแท้ ๆ ด้านกามุน ทูลว่า หัวหน้าเผ่าได้รับมาเลี้ยง แต่นายน้อยไม่ใช่ชาวหนี่เจิน
“กระหม่อมเป็นโครยอ มีชื่อว่า คิม... ชียังพ่ะย่ะค่ะ” ชียัง ทูล
“ชาวโครยอ ทำไมถึงได้มาอยู่ในกลุ่ม ของชนเผ่าหนี่เจินล่ะ” กัมชัน ถาม
“เพราะว่า...พรรคพวกของพ่อข้า เคยร่วมทำการก่อกบฏ จนต้องเสียดินแดนไป จนต้องหนีมายังที่นี่”
“กบฏเหรอ ถ้างั้นบ้านเดิมเจ้าอยู่ที่ไหน”
“ทงจูขอรับ” ชียัง กล่าว
“ทงจู เขตเมืองทงจู อยู่ไม่ไกลจากฮวางจูนัก การกบฏแบบไหน ถึงได้เดือดร้อนมาถึงพ่อของเจ้าด้วย”
“สมัยพระเจ้าควางจง บุตรชาย 3 คน ของขุนนางประจำเมืองแลจูถูกใส่ร้ายจนต้องติดคุกทั้งหมด ท่านพ่อของข้า เป็นลูกน้องของพวกเค้า ท่านก็เลยต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“ถ้างั้น...พ่อของเจ้ามีชื่อว่าอะไร”
“มีชื่อว่าคิมกุนขอรับ ท่านไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงอะไร พวกท่านคงจะไม่รู้จัก”
“คิมกุน”
“โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไรมาก แถมคนของพวกเราก็ปลอดภัยดี ขอบใจมาก” พระนางชอนชู ตรัส
“มิได้พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี”
“เจ้าบอกว่ามีเรื่องขอร้อง จะขอร้องเรื่องอะไร”
“กระหม่อม อยากให้พระองค์ รับกระหม่อมกับลูกน้องอีก 2 คนไว้”
“มีเรื่องขอแค่นี้เหรอ”
“พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี”
“แต่พวกเจ้าถือว่า เป็นคนสำคัญของที่นี่นี่นาทำไมถึงอยากไปอยู่กับเรา” คังโจ ถาม
“เพื่อให้มีชีวิตรอด สิบปีที่ผ่านมา ชาวหนี่เจินทางเหนือต้องอพยพลงใต้มา ชนเผ่า แต่ละชนเผ่าต้องทำสงครามกัน ต้องมาเข่นฆ่ากันเอง เพื่อความอยู่รอดของตน”
“เพราะชี่ตันใช่มั้ย เพราะพวกนั้น ขยาย ดินแดนลงมาทางใต้สินะ” กัมชัน ถาม
“ใช่แล้วขอรับ สำหรับพวกเราที่จัดว่า เป็นเพียงแค่เผ่าเล็ก ๆ นี้ เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ทำให้ต้องดิ้นรนต่อสู้”
“พวกเจ้าเลย อยากจะหลบหนีไปที่ โครยอแทนรึ”
“เจ้าจะทอดทิ้งชนเผ่า เพื่อให้ตัวเองรอดงั้นรึ” คังโจ ถาม
“ไม่ใช่ ข้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ ข้าถึงอยากจะไป เพื่อหาหนทางใหม่ที่โครยอ”
---@@@---
คังโจทูลคัดค้านเรื่องที่ชียังขอไปอยู่ด้วย พระนางชอนชู ตรัสถามเหตุผล
“ตอนที่ฮวางจูถูกโจมตี คิดว่าเป็นเพราะ พวกหนี่เจินคิดจะแก้แค้นพระองค์ แต่สุดท้าย กลับเป็นเพราะเงิน ถึงแม้ว่าคนที่นี่จะยากจน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องบุกไปจนถึงวังมองบ๊อกแน่ เรื่องที่จู่ ๆ หัวหน้าเผ่าคนนั้นก็ฆ่าตัวตาย มันน่าสงสัยพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อม คิดว่าครูฝึกคัง พูดถูกที่ว่า เรื่องที่วังมองบ๊อกคงจะเกี่ยวข้องกับที่นี่แน่นอน” กัมชัน ทูล
“กระหม่อมคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีนัก”
“แต่เค้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ แถมยังมีคน อีกหลายคนที่ต้องตายเพราะเรา เราจะทอดทิ้งพวกเค้าเพราะลางสังหรณ์ของเจ้าได้ยังไง พวกเราจำเป็นต้องตอบแทน” พระนางชอนชู ตรัส
“เรื่องนี้มันก็จริงอยู่..”
“งั้นเราก็ตกลงไปตามนี้เถอะ กระหม่อม จะหาทางสืบหาเบื้องหลังของพวกเขาดูอีกที สักวัน ความจริงจะต้องปรากฏแน่นอน” กัมชันทูล
อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553
ที่มา เดลินิวส์
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงลูกสาวหรอกนะ ข้ากับพระสนมยอนฮึง จะหาคนดี ๆ ให้อภิเษกกับเค้า”
“ไม่ใช่เพคะ ไม่ใช่อย่างนั้น หม่อมฉันหวังเพียงว่า เมื่อตายไป พระองค์จะส่งนางให้พระนางซุงด๊อก ช่วยเลี้ยงดูแทนเพคะ”
“ทำไมล่ะ”
“ดังนั้น หม่อมฉันจึงอยากจะขอพบ กับพระนางซุงด๊อก”
“ทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน ทำไมต้องส่งซอน ให้พระนางซุงด๊อกด้วย”
“เหตุผลเรื่องนี้หม่อมฉันจะบอกกับพระนางซุงด๊อกเอง ดังนั้นได้โปรดให้นางเข้าวังด้วย”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้ ข้าไม่อนุญาตหรอก เรื่องของซอนต้องให้พระสนมยอนฮึงดูแล”
“ไม่โหดร้ายเกินไปหรือเพคะ หม่อม ฉันทราบว่าในพระทัยของพระองค์นั้นทรงรักและทรงห่วงใย พระนางยอนฮึงมากขนาดไหน รังเกียจหม่อมฉันแค่ไหน หม่อมฉันถึงได้ยกตำหนักพระมเหสีให้นาง เพื่อให้นางได้ประทับ แล้วตัวเองมาอยู่ในตำหนักพระสนมเอง แต่ตอนนี้พระองค์ยังจะยกลูกสาวหม่อมฉันให้ นางอีก นับตั้งแต่หม่อมฉัน อภิเษกกับพระองค์มา หม่อมฉันเคยที่จะปฏิเสธอะไรพระองค์บ้างมั้ยเพคะ อีกอย่างหม่อมฉันก็ไม่เคยขออะไรพระองค์เลย เพราะว่าหม่อมฉันเองก็เจียมตัวมาเสมอ ว่าพระองค์ไม่เคยรักในตัวหม่อมฉัน แต่ว่า ยังไงพระองค์ก็ยังเป็นพระสวามี หม่อมฉันไม่กล้าหวังให้พระองค์มารักหม่อมฉัน ช่วยทำตามความหวังสุดท้ายของหม่อมฉันหน่อยไม่ได้หรือเพคะ”
“พระมเหสี”
“ไม่ต้องเรียกว่าพระมเหสี หม่อมฉัน ขอร้องล่ะเพคะ ให้ก่อนตาย หม่อมฉันได้พบ พระนางซุงด๊อกด้วยเพคะ ให้หม่อมฉันได้สั่งเสียกับพระนางก่อน”
---@@@---
ฮยังบี เข้ามาทูลพระนางชอนชู ว่าชียังได้สติฟื้นขึ้นมาแล้ว กามุนทูลว่า ธนูนั่นเกือบเข้าหัวใจนายน้อย แต่ว่าเบี่ยงพลาดเป้าไปหน่อย ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว พระนางชอนชู จึงถามว่า ทุกคนเรียกว่านายน้อย ชียังเป็นลูกของหัวหน้าเผ่าเหรอ ชียังบอกว่าตนเองไม่ได้เป็นลูกแท้ ๆ ด้านกามุน ทูลว่า หัวหน้าเผ่าได้รับมาเลี้ยง แต่นายน้อยไม่ใช่ชาวหนี่เจิน
“กระหม่อมเป็นโครยอ มีชื่อว่า คิม... ชียังพ่ะย่ะค่ะ” ชียัง ทูล
“ชาวโครยอ ทำไมถึงได้มาอยู่ในกลุ่ม ของชนเผ่าหนี่เจินล่ะ” กัมชัน ถาม
“เพราะว่า...พรรคพวกของพ่อข้า เคยร่วมทำการก่อกบฏ จนต้องเสียดินแดนไป จนต้องหนีมายังที่นี่”
“กบฏเหรอ ถ้างั้นบ้านเดิมเจ้าอยู่ที่ไหน”
“ทงจูขอรับ” ชียัง กล่าว
“ทงจู เขตเมืองทงจู อยู่ไม่ไกลจากฮวางจูนัก การกบฏแบบไหน ถึงได้เดือดร้อนมาถึงพ่อของเจ้าด้วย”
“สมัยพระเจ้าควางจง บุตรชาย 3 คน ของขุนนางประจำเมืองแลจูถูกใส่ร้ายจนต้องติดคุกทั้งหมด ท่านพ่อของข้า เป็นลูกน้องของพวกเค้า ท่านก็เลยต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“ถ้างั้น...พ่อของเจ้ามีชื่อว่าอะไร”
“มีชื่อว่าคิมกุนขอรับ ท่านไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงอะไร พวกท่านคงจะไม่รู้จัก”
“คิมกุน”
“โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไรมาก แถมคนของพวกเราก็ปลอดภัยดี ขอบใจมาก” พระนางชอนชู ตรัส
“มิได้พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี”
“เจ้าบอกว่ามีเรื่องขอร้อง จะขอร้องเรื่องอะไร”
“กระหม่อม อยากให้พระองค์ รับกระหม่อมกับลูกน้องอีก 2 คนไว้”
“มีเรื่องขอแค่นี้เหรอ”
“พ่ะย่ะค่ะพระมเหสี”
“แต่พวกเจ้าถือว่า เป็นคนสำคัญของที่นี่นี่นาทำไมถึงอยากไปอยู่กับเรา” คังโจ ถาม
“เพื่อให้มีชีวิตรอด สิบปีที่ผ่านมา ชาวหนี่เจินทางเหนือต้องอพยพลงใต้มา ชนเผ่า แต่ละชนเผ่าต้องทำสงครามกัน ต้องมาเข่นฆ่ากันเอง เพื่อความอยู่รอดของตน”
“เพราะชี่ตันใช่มั้ย เพราะพวกนั้น ขยาย ดินแดนลงมาทางใต้สินะ” กัมชัน ถาม
“ใช่แล้วขอรับ สำหรับพวกเราที่จัดว่า เป็นเพียงแค่เผ่าเล็ก ๆ นี้ เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ทำให้ต้องดิ้นรนต่อสู้”
“พวกเจ้าเลย อยากจะหลบหนีไปที่ โครยอแทนรึ”
“เจ้าจะทอดทิ้งชนเผ่า เพื่อให้ตัวเองรอดงั้นรึ” คังโจ ถาม
“ไม่ใช่ ข้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ ข้าถึงอยากจะไป เพื่อหาหนทางใหม่ที่โครยอ”
---@@@---
คังโจทูลคัดค้านเรื่องที่ชียังขอไปอยู่ด้วย พระนางชอนชู ตรัสถามเหตุผล
“ตอนที่ฮวางจูถูกโจมตี คิดว่าเป็นเพราะ พวกหนี่เจินคิดจะแก้แค้นพระองค์ แต่สุดท้าย กลับเป็นเพราะเงิน ถึงแม้ว่าคนที่นี่จะยากจน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องบุกไปจนถึงวังมองบ๊อกแน่ เรื่องที่จู่ ๆ หัวหน้าเผ่าคนนั้นก็ฆ่าตัวตาย มันน่าสงสัยพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อม คิดว่าครูฝึกคัง พูดถูกที่ว่า เรื่องที่วังมองบ๊อกคงจะเกี่ยวข้องกับที่นี่แน่นอน” กัมชัน ทูล
“กระหม่อมคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีนัก”
“แต่เค้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้ แถมยังมีคน อีกหลายคนที่ต้องตายเพราะเรา เราจะทอดทิ้งพวกเค้าเพราะลางสังหรณ์ของเจ้าได้ยังไง พวกเราจำเป็นต้องตอบแทน” พระนางชอนชู ตรัส
“เรื่องนี้มันก็จริงอยู่..”
“งั้นเราก็ตกลงไปตามนี้เถอะ กระหม่อม จะหาทางสืบหาเบื้องหลังของพวกเขาดูอีกที สักวัน ความจริงจะต้องปรากฏแน่นอน” กัมชันทูล
อ่านละครย่อเรื่อง ชอนชู หัวใจเพื่อแผ่นดิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553
ที่มา เดลินิวส์
อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553
อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553
ริวโซ่ชักผ้าห่มมาคลุมร่างของโอชินที่ล้มตัวลงนอนด้วยความเหน็ดเหนื่อยหลังจากให้เด็กกินนมเรียบร้อย โอชินยิ้ม กล่าวออกมาดุจคนละเมอยามหลับ
“เป็นเด็กผู้หญิงน่ารักนะคะ เขาคงคิดว่าฉันเป็นแม่ตอนที่กินนมเห็นจ้องมองแต่หน้าฉันตลอด”
ริวโซ่เบิกตากว้าง ไม่คิดว่าโอชินจะรู้สึก ตัวดี
“น้ำนมของคุณอาจึโกะคงมีไม่พอ...ถ้าเขาไม่รังเกียจฉันก็ยินดีจะให้เด็กได้กินนมของ ฉันเอง...คิดเสียว่าเป็นเด็กที่เกิดมาแทนอาอิลูก ของฉันก็แล้วกัน...”
“โอชิน...เธอหายเป็นปกติดีแล้วหรือนี่”
โอชินถอนหายใจยาว หลับตาลงอย่างอ่อนใจ “คนเรา ถ้าจะสามารถลืมได้ทุกสิ่งที่อยาก จะลืมก็คงเป็นการดีไม่น้อย”
“โอชิน...ยกโทษให้ฉันนะที่ทอดทิ้งเธอ”
“ช่างเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ถึงอย่างไรฉันก็ยังมีลูกยิ่วอยู่...ฉันจะพยายามรักษาตัวให้หายโดยเร็ว...เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตกันอีก”
ริวโซ่ถึงกับหัวเราะออก อีกไม่นานถัด มา บานประตูถูกเลื่อนออก ปรากฏโอคิโย่ถือถาดอาหารเข้ามาเอง ตามหลังด้วย จึเนะโกะที่เข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร เป็นของโอชินถาดหนึ่ง และ ของริวโซ่อีกถาดหนึ่ง โอชินลุกนั่ง ค้อมหัวให้มารดาสามี
“รบกวนคุณแม่กับพี่จึเนะแท้ ๆ เลย คิด ว่าอีกไม่นานก็คงจะไปงานไร่ได้แล้วค่ะ”
โอคิโย่และจึเนะโกะต่างแปลกใจเมื่อเห็นโอชินเป็นปกติแล้ว
“โอชินเขารู้สึกตัวมาตลอดครับคุณแม่ แล้วเขาก็ยอมให้ลูกอาจึโกะกินนมด้วย”
โอคิโย่ดีใจปากคอสั่นไปหมด “โอชิน ฉัน รู้ว่าเธอเสียใจ...แต่ริวโซ่เขาบอกว่าเธอน่ะยอมให้ลูกอาจึโกะได้กินนมเป็นความจริงรึ”
“ค่ะ...คิดเสียว่าเป็นลูกอาอิ”
โอคิโย่นั่งลงค้อมหัวให้สะใภ้ กล่าวเสียงเครือ “โอชิน...ฉันขอบใจเธอ...ขอบใจมาก... อาจึโกะมันคงดีใจ...เธอยังสาวต่อไปจะมีลูกอีกต้องระวังสุขภาพจะได้ลูกที่แข็งแรง...
“แต่ลูกของหนู ลูกหนูเวลาคลอดมายังมี ชีวิตค่ะ”
พูดได้เท่านั้น อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ หยดหนึ่งหลั่งไหลหยดต่อไปก็ตามมาติด ๆ เสียงของโอชินทำให้ทุกคนในห้องนั้นหนาวสะท้านไปตามกัน
“ลูกไม่มีเสียงร้อง...แกคงอ่อนแอถึงขนาด ไม่มีแรงจะร้องกระมังคะ...ต่อไปหนูจะไม่ขอมีลูกที่ อ่อนแอแบบนั้นอีก...”
---@@@---
ด้วยพระคุณแห่งน้ำนมที่เลี้ยงลูกของอาจึโกะ โอชินได้รับเมตตาจากมารดาสามีอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ได้รับการขนย้ายกลับมานอนพักที่ห้องเดิมในบ้านทาโนะคุระในเร็ววัน และเพื่อเป็นการระลึกถึงการเป็นแม่นมให้กับลูกของอาจึโกะ โอคิโย่จึงได้ตกลงตั้งชื่อหลานสาวว่า “อาอิ” ตามที่โอชินปรารถนาไว้เพื่อจะตั้งให้กับลูกของตน ที่คลอด
“เด็กมันได้ดื่มความรักจากเต้านมของเธอ เธอเองก็ยินดี จึงอยากให้มีชื่อไว้เป็นที่ระลึกถึง คืนนี้จะฉลองการตั้งชื่อเด็ก...ขอให้ร่วมฉลองด้วยกันนะ”
การตั้งชื่อนี้ไม่สบอารมณ์อาจึโกะผู้เป็นแม่ แต่มิอาจจะคัดค้านได้เพราะทุกสิ่งโอคิโย่ได้จัดการไปเป็นที่เรียบร้อยทั้งทางบ้านสามีอาจึโกะก็ตกลงให้ใช้ชื่อนี้ คนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยเพราะโอชินถือ ว่ามีบุญคุณที่ให้น้ำนมลูกของอาจึโกะแทน
“คุณแม่นี่ก็พิลึก จู่ ๆ ก็จี๋จ๋ากับโอชินขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย”
“อ้าว...ก็แม่ของแกเริ่มจะเห็นความดีของ โอชินเขาน่ะสิ”
“ลูกของโอชินตายเพราะไม่แข็งแรงพอ ไม่ใช่ตายเพราะต้องมาคลอดพร้อมกันกับหนู”
“จะว่ายังงั้นมันก็ถูก แต่โอชินเขาถูกกลั่น แกล้งสารพัด เด็กที่ไหนมันจะแข็งแรงพอล่ะ”
พูดขาดคำพอดีกับโอคิโย่อุ้มอาอิเข้ามายิ้มแป้นบอกกับทุกคนว่า “กินนมเก่งชะมัดเลย ตัวยังงี้หนักอึ้งทีเดียว ช่วยเอาอาหารที่เลี้ยงฉลอง คืนนี้ไปให้โอชินด้วยนะ”
จึเนะโกะยิ้มและรับคำอย่างยินดี อีกสองคนที่ลอบยิ้มให้กัน และกันคือไดโงะโร่และริวโซ่ ในความเปลี่ยนแปลงทางเมตตากับโอชินของโอคิโย่
จึเนะโกะรู้สึกว่าความแรงร้ายระหว่างแม่ ผัวกับลูกสะใภ้โอชินเริ่มหันเข็มทิศไปในทางดี ก็ ค่อยโล่งใจ ตลอดเวลาเห็นใจในความยากลำบาก ของโอชินนัก อยากจะช่วยเหลือก็ทำไม่ได้เพราะ ในฐานะสะใภ้ใหญ่ของบ้านนี้ก็ต้องฝืนใจทุกสิ่งไป เพื่อให้เป็นที่สบอารมณ์ของแม่ผัว
“เธอนี่ใจแข็งน่าดูนะ ยอมให้ลูกอาจึโกะ กินนมได้...ฉันรู้ดีว่าเป็นเรื่องที่ทรมานเธอไม่น้อยเลย แต่นั่นแหละสิ่งที่เธอได้รับตอบแทนมันก็คุ้มค่า เธอได้ชนะใจคุณแม่แล้ว ชีวิตต่อไปนี้คงเป็นความสบาย ยังไงก็ตามในฐานะสะใภ้อย่าได้ต่อล้อต่อเถียงเป็นอันขาด”
“ขอบคุณค่ะที่กรุณาเตือนไว้”
“เอาละ ต่อไปนี้เราจะต้องคอยช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันในฐานะเป็นสะใภ้ทาโนะคุระด้วยกัน”
อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553
ที่มา dailynews
ริวโซ่ชักผ้าห่มมาคลุมร่างของโอชินที่ล้มตัวลงนอนด้วยความเหน็ดเหนื่อยหลังจากให้เด็กกินนมเรียบร้อย โอชินยิ้ม กล่าวออกมาดุจคนละเมอยามหลับ
“เป็นเด็กผู้หญิงน่ารักนะคะ เขาคงคิดว่าฉันเป็นแม่ตอนที่กินนมเห็นจ้องมองแต่หน้าฉันตลอด”
ริวโซ่เบิกตากว้าง ไม่คิดว่าโอชินจะรู้สึก ตัวดี
“น้ำนมของคุณอาจึโกะคงมีไม่พอ...ถ้าเขาไม่รังเกียจฉันก็ยินดีจะให้เด็กได้กินนมของ ฉันเอง...คิดเสียว่าเป็นเด็กที่เกิดมาแทนอาอิลูก ของฉันก็แล้วกัน...”
“โอชิน...เธอหายเป็นปกติดีแล้วหรือนี่”
โอชินถอนหายใจยาว หลับตาลงอย่างอ่อนใจ “คนเรา ถ้าจะสามารถลืมได้ทุกสิ่งที่อยาก จะลืมก็คงเป็นการดีไม่น้อย”
“โอชิน...ยกโทษให้ฉันนะที่ทอดทิ้งเธอ”
“ช่างเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ถึงอย่างไรฉันก็ยังมีลูกยิ่วอยู่...ฉันจะพยายามรักษาตัวให้หายโดยเร็ว...เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตกันอีก”
ริวโซ่ถึงกับหัวเราะออก อีกไม่นานถัด มา บานประตูถูกเลื่อนออก ปรากฏโอคิโย่ถือถาดอาหารเข้ามาเอง ตามหลังด้วย จึเนะโกะที่เข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร เป็นของโอชินถาดหนึ่ง และ ของริวโซ่อีกถาดหนึ่ง โอชินลุกนั่ง ค้อมหัวให้มารดาสามี
“รบกวนคุณแม่กับพี่จึเนะแท้ ๆ เลย คิด ว่าอีกไม่นานก็คงจะไปงานไร่ได้แล้วค่ะ”
โอคิโย่และจึเนะโกะต่างแปลกใจเมื่อเห็นโอชินเป็นปกติแล้ว
“โอชินเขารู้สึกตัวมาตลอดครับคุณแม่ แล้วเขาก็ยอมให้ลูกอาจึโกะกินนมด้วย”
โอคิโย่ดีใจปากคอสั่นไปหมด “โอชิน ฉัน รู้ว่าเธอเสียใจ...แต่ริวโซ่เขาบอกว่าเธอน่ะยอมให้ลูกอาจึโกะได้กินนมเป็นความจริงรึ”
“ค่ะ...คิดเสียว่าเป็นลูกอาอิ”
โอคิโย่นั่งลงค้อมหัวให้สะใภ้ กล่าวเสียงเครือ “โอชิน...ฉันขอบใจเธอ...ขอบใจมาก... อาจึโกะมันคงดีใจ...เธอยังสาวต่อไปจะมีลูกอีกต้องระวังสุขภาพจะได้ลูกที่แข็งแรง...
“แต่ลูกของหนู ลูกหนูเวลาคลอดมายังมี ชีวิตค่ะ”
พูดได้เท่านั้น อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ หยดหนึ่งหลั่งไหลหยดต่อไปก็ตามมาติด ๆ เสียงของโอชินทำให้ทุกคนในห้องนั้นหนาวสะท้านไปตามกัน
“ลูกไม่มีเสียงร้อง...แกคงอ่อนแอถึงขนาด ไม่มีแรงจะร้องกระมังคะ...ต่อไปหนูจะไม่ขอมีลูกที่ อ่อนแอแบบนั้นอีก...”
---@@@---
ด้วยพระคุณแห่งน้ำนมที่เลี้ยงลูกของอาจึโกะ โอชินได้รับเมตตาจากมารดาสามีอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ได้รับการขนย้ายกลับมานอนพักที่ห้องเดิมในบ้านทาโนะคุระในเร็ววัน และเพื่อเป็นการระลึกถึงการเป็นแม่นมให้กับลูกของอาจึโกะ โอคิโย่จึงได้ตกลงตั้งชื่อหลานสาวว่า “อาอิ” ตามที่โอชินปรารถนาไว้เพื่อจะตั้งให้กับลูกของตน ที่คลอด
“เด็กมันได้ดื่มความรักจากเต้านมของเธอ เธอเองก็ยินดี จึงอยากให้มีชื่อไว้เป็นที่ระลึกถึง คืนนี้จะฉลองการตั้งชื่อเด็ก...ขอให้ร่วมฉลองด้วยกันนะ”
การตั้งชื่อนี้ไม่สบอารมณ์อาจึโกะผู้เป็นแม่ แต่มิอาจจะคัดค้านได้เพราะทุกสิ่งโอคิโย่ได้จัดการไปเป็นที่เรียบร้อยทั้งทางบ้านสามีอาจึโกะก็ตกลงให้ใช้ชื่อนี้ คนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยเพราะโอชินถือ ว่ามีบุญคุณที่ให้น้ำนมลูกของอาจึโกะแทน
“คุณแม่นี่ก็พิลึก จู่ ๆ ก็จี๋จ๋ากับโอชินขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย”
“อ้าว...ก็แม่ของแกเริ่มจะเห็นความดีของ โอชินเขาน่ะสิ”
“ลูกของโอชินตายเพราะไม่แข็งแรงพอ ไม่ใช่ตายเพราะต้องมาคลอดพร้อมกันกับหนู”
“จะว่ายังงั้นมันก็ถูก แต่โอชินเขาถูกกลั่น แกล้งสารพัด เด็กที่ไหนมันจะแข็งแรงพอล่ะ”
พูดขาดคำพอดีกับโอคิโย่อุ้มอาอิเข้ามายิ้มแป้นบอกกับทุกคนว่า “กินนมเก่งชะมัดเลย ตัวยังงี้หนักอึ้งทีเดียว ช่วยเอาอาหารที่เลี้ยงฉลอง คืนนี้ไปให้โอชินด้วยนะ”
จึเนะโกะยิ้มและรับคำอย่างยินดี อีกสองคนที่ลอบยิ้มให้กัน และกันคือไดโงะโร่และริวโซ่ ในความเปลี่ยนแปลงทางเมตตากับโอชินของโอคิโย่
จึเนะโกะรู้สึกว่าความแรงร้ายระหว่างแม่ ผัวกับลูกสะใภ้โอชินเริ่มหันเข็มทิศไปในทางดี ก็ ค่อยโล่งใจ ตลอดเวลาเห็นใจในความยากลำบาก ของโอชินนัก อยากจะช่วยเหลือก็ทำไม่ได้เพราะ ในฐานะสะใภ้ใหญ่ของบ้านนี้ก็ต้องฝืนใจทุกสิ่งไป เพื่อให้เป็นที่สบอารมณ์ของแม่ผัว
“เธอนี่ใจแข็งน่าดูนะ ยอมให้ลูกอาจึโกะ กินนมได้...ฉันรู้ดีว่าเป็นเรื่องที่ทรมานเธอไม่น้อยเลย แต่นั่นแหละสิ่งที่เธอได้รับตอบแทนมันก็คุ้มค่า เธอได้ชนะใจคุณแม่แล้ว ชีวิตต่อไปนี้คงเป็นความสบาย ยังไงก็ตามในฐานะสะใภ้อย่าได้ต่อล้อต่อเถียงเป็นอันขาด”
“ขอบคุณค่ะที่กรุณาเตือนไว้”
“เอาละ ต่อไปนี้เราจะต้องคอยช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันในฐานะเป็นสะใภ้ทาโนะคุระด้วยกัน”
อ่านละครย่อเรื่อง สงครามชีวิตโอชิน วันที่ 1 ตุลาคม 2553
ที่มา dailynews
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)