@^@..อ่านละครย่อเรื่องเชลยศักดิ์ ตอนที่9-10

@^@..อ่านละครย่อเรื่องเชลยศักดิ์ ตอนที่9-10
อ่านละครย่อเรื่องเชลยศักดิ์ ตอนที่9
สีโบโต้ว่าตนจำต้องหนีไป เพราะแม่หลวงบีบให้ต้องหนี เพื่อให้อินทร์วิไลที่เป็นหลานแม่หลวงมาแทนที่ เจ้าแม่ไม่ฟังเสียง อ้างว่าสีโบหนีไปจะมีผัวสักกี่คนแล้วก็ไม่รู้ ถ้าเจ้าขวัญฟ้ารับมาเป็นเมียอีกก็โง่เต็มทีแล้ว จิกผมสีโบขึ้นมาตบ จนสีโบ

ต้องกระถดไปเกาะขาเจ้าขวัญฟ้าไว้

เจ้าขวัญฟ้าประคองสีโบให้ยืนขึ้น พูดกับเจ้าแม่อย่างแข็งข้อว่า

"แต่ลูกจะรับจันทร์แก้วมารับใช้เหมือนเดิม"

กลายเป็นแม่ลูกโต้เถียงกันอย่างรุนแรง เจ้าแม่ไม่อนุญาต ให้สีโบอยู่ เฉดหัวออกไปเดี๋ยวนี้ เจ้าขวัญฟ้ายื่นคำขาดเช่นกันว่า ถ้าสีโบไปตนก็จะไปด้วย จะไม่อยู่ที่คุ้มหลวงนี่อีกต่อไปแล้ว

เจ้าแม่อึ้งตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าเจ้าขวัญฟ้าจะกล้าแข็งข้อ ถึงขนาดนี้

ooooooo

เมื่อเจ้าแม่กับเจ้าขวัญฟ้ามีปัญหาต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน จึงร้อนถึงเจ้าพ่อต้องมาจัดการ เจ้าพ่อถามเจ้าขวัญฟ้าว่าตัดสินใจแน่แล้วหรือ เจ้าขวัญฟ้ายืนยันหนักแน่นคำเดิม เจ้าพ่อจึงหันถามเจ้าแม่ว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ลูกเลยหรือ

"ถ้าเป็นเรื่องอื่นข้าเจ้าก็คงจะพอยอมหลับหูหลับตาตามใจลูก แต่เรื่องนี้มันผิดธรรมเนียมประเพณี ผู้หญิงคนไหน ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียเจ้าเมียนาย ไม่มีสิทธิ์ออกจากคุ้มหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาต ใครที่ก้าวออกไปแล้วก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่ด่างพร้อยมีมลทิน จะกลับมาอยู่ในคุ้มหลวงไม่ได้เป็นอันขาด" เจ้าแม่ยืนกราน

แม่ลูกยังตอบโต้กันอย่างรุนแรง เจ้าขวัญฟ้าเชื่อว่าสีโบไม่ได้ทำอะไรด่างพร้อย เจ้าแม่พาลกระแชงว่าเจ้าขวัญฟ้า ไม่เห็นความดีของแม่ ยอมผิดธรรมเนียมเพราะผู้หญิงไพร่

คนเดียว ถ้าอยากได้ผู้หญิงมาบำรุงบำเรอมากนักก็จะจัดให้ "แต่ต้องไม่ใช่นังจันทร์แก้ว"

แต่เจ้าขวัญฟ้ายืนกระต่ายขาเดียวว่าต้องการจันทร์แก้วคนเดียว ถ้าผิดธรรมเนียมประเพณีนักก็จะพาจันทร์แก้วไปอยู่ที่อื่นกัน เจ้าแม่จะได้สบายใจ

แม่ลูกเถียงกันจนเจ้าพ่อต้องหย่าศึก ตัดสินให้สีโบอยู่รับใช้เจ้าขวัญฟ้าต่อไป เจ้าแม่รับไม่ได้แต่ถูกเจ้าพ่อตัดบทว่า

"เจ้าก็อย่าเคร่งครัดกับธรรมเนียมประเพณีนักเลย เรื่องไหนที่ผ่อนปรนได้ก็ควรจะผ่อนปรน เดี๋ยวเรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่"

เจ้าแม่มีเงื่อนไขใหม่ว่า ถ้าเช่นนั้นก็ต้องให้อินทร์วิไลกลับไปรับใช้ตามเดิม เจ้าขวัญฟ้าไม่ยอม แต่ถ้าตนต้องการเมื่อไรก็จะเรียกใช้เอง

"ไม่ได้! แม่ต้องการให้อินทร์วิไลคอยรับใช้ลูกอีกคน" เจ้าแม่ยื่นคำขาด

เจ้าพ่อตัดสินว่าถ้าอย่างนี้ก็แบ่งกันคนละวันก็แล้วกัน เจ้าแม่แย้งอีกว่าอินทร์วิไลมีฐานะเหนือกว่าจันทร์แก้ว

"คำตัดสินของข้าถือเป็นคำขาด เป็นอันว่ายุติเรื่องนี้ ได้แล้ว" เจ้าพ่อตัดบท

เจ้าแม่ต้องเงียบ เจ้าขวัญฟ้าก็พอใจ แต่อินทร์วิไลกับสีโบยังจิกจ้องกันอย่างไม่ยอมแพ้

ooooooo

ที่ม่อนผาหลวง โยธินปลอบขวัญใกล้ชิดเจ้าฟ้าลั่น จนมันสยบ เขาบอกหนานเมืองว่าคิดว่าเจ้าฟ้าลั่นพร้อมแล้ววันนี้จะเอาไปทดลองขี่ดู พลางลูบหัวเจ้าฟ้าลั่น เบาๆ บอกมันว่า

"พร้อมแล้วนะ ฉันจะขึ้นขี่เจ้าล่ะ"

โยธินขึ้นหลังม้าแล้วค่อยๆบังคับให้เดินออกไปช้าๆ หนานเมืองมองลุ้นกลัวเขาจะถูกสะบัดตกลงมาอีก ครู่หนึ่ง เจ้าฟ้าลั่นค่อยๆย่างเหยาะๆ แล้วเร็วขึ้น...เร็วขึ้น จนเป็นวิ่งออกไป

ครู่หนึ่งอานนท์ก็วิ่งโร่มาที่คอกม้า ร้องเรียกโยธินมาแต่ไกล อลิสากับอติศักดิ์เดินตามมา

"เจ้านี่พอพ้นโทษไม่ต้องถูกกักบริเวณแล้ว ก็บินปร๋อเหมือนปล่อยนกออกจากกรงเลยทีเดียว" อติศักดิ์มองอานนท์ขำๆ

เมื่อวิ่งไปถึงคอกม้า รู้จากคนงานว่าโยธินพาเจ้าฟ้าลั่น

ออกไป อติศักดิ์คาดว่าคงพาออกเดิน แต่คนงานบอกว่าโยธินจะลองขี่เจ้าฟ้าลั่นดู อลิสาฟังแล้วยิ้มเยาะว่าวันนี้เราจะได้ดูคนเก่งตกม้ากันอีกแล้ว แต่อานนท์เชื่อว่าโยธินปราบเจ้าฟ้าลั่นได้แน่ ไม่เชื่อคอยดูกัน

"เจ้าอานนท์นี่เชื่อมั่นในตัวครูของมันเหลือเกิน"

อติศักดิ์มองอานนท์ขำๆ

"เดี๋ยวอานนท์ก็จะได้เห็นกับตาว่านายโยธินไม่ได้เก่งวิเศษวิโสมาจากไหน น้องหวังแต่ว่าคราวนี้คงไม่ตกม้าจนแข้งขาหักให้เราต้องเดือดร้อนไปด้วยก็แล้วกัน" อลิสายังเหยียดเย้ยตามเคย

แต่ความจริงก็ทำให้อลิสาต้องทึ่ง เมื่อโยธินปราบเจ้าฟ้าลั่นได้จริงๆ เขาขี่มันรอบๆเนินแล้วพาย่างเหยาะกลับมา

"คุณโยธินทำได้แล้ว คุณโยธินปราบเจ้าฟ้าลั่นได้ราบคาบแล้ว" อานนท์กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ส่วนหนานเมืองก็ชมอย่างยอมรับฝีมือว่าเก่งมากจริงๆ ตนเคยคิดว่าตัวเองเก่งเรื่องม้าที่สุดแล้ว แต่เมื่อเทียบกับโยธินตนเทียบไม่ติดเลย

เมื่อโยธินกลับมาถึง อติศักดิ์เข้าไปแสดงความยินดีที่ปราบเจ้าฟ้าลั่นได้ ชมว่าเขาเก่งจริงๆ ถามว่ามีอะไรที่เขาทำไม่ได้บ้างไหม อานนท์ชิงตอบว่าไม่มี โยธินทำได้ทุกอย่าง โยธินเก่งที่สุดในโลก

อลิสานิ่งเงียบไปนาน ถามขึ้นว่าอย่างนี้พี่ชายก็ขี่เจ้าฟ้าลั่นได้แล้วใช่ไหม พอโยธินบอกว่ายังไม่ได้ อลิสาก็สรุปทันทีว่าแสดงว่าเขายังปราบเจ้าฟ้าลั่นไม่ได้จริง ถ้าพี่ชายยังขี่ไม่ได้ก็ถือว่าเขายังทำงานไม่สำเร็จ

"ถ้าคุณชายอยากจะขี่เจ้าฟ้าลั่น คุณชายก็ต้องแสดงให้มันเห็นว่า คุณชายเป็นเพื่อนกับมันก่อน ให้มันแน่ใจว่า คุณชายจะไม่ปฏิบัติกับมันเหมือนมันเป็นแค่ทาสรับใช้เหมือนอย่างที่แล้วๆมา"

อลิสาขัดขึ้นว่าพูดอะไรไร้สาระ แต่อติศักดิ์บอกน้องว่า ให้ฟังเขาดูก่อน โยธินจึงพูดต่อ

"ม้ามันก็มีชีวิตจิตใจเหมือนคนนะครับ มันรับรู้ถึงความรู้สึกของเราได้ เจ้าฟ้าลั่นเริ่มพยศหลังจากที่ทำให้คุณชายตกม้า คุณชายจำได้ไหมครับว่า คุณชายทิ้งมันไว้ที่เนินเขา ไม่ได้สนใจไยดีมันเลย จากนั้นมันก็จะอาละวาดทุกครั้งที่คุณชายเข้าใกล้ มันไม่เชื่อใจคุณชายอีกต่อไป มันไม่รู้ว่า เมื่อไหร่คุณชายจะทิ้งมันอีก"

"แล้วผมจะต้องทำยังไง" อติศักดิ์ถามหลังจากอึ้งไปอึดใจ

"คุณชายก็ต้องทำให้มันเชื่อใจคุณชายอีกครั้ง ให้มันเชื่อว่า คุณชายเป็นเจ้าของที่รักและเอาใจใส่มัน ไม่ใช่เป็นแค่เจ้านายที่คอยแต่ใช้งานมัน คุณชายลองจูงมันออกไปเดินสักพักก่อนแล้วค่อยขี่มัน"

ฟังโยธินแนะนำ แล้วอติศักดิ์จูงเจ้าฟ้าลั่นออกไป อานนท์ กระโดดวิ่งตาม พูดเจื้อยแจ้วไปตลอดทางว่า "คุณพี่ต้องคุยกับมันด้วยนะครับ แล้วก็ต้องลูบหัว ลูบคอมัน ผมรู้ครับว่าต้องทำยังไง ผมเคยเห็นคุณโยธินทำ พูดกับมันสิครับคุณพี่"

อติศักดิ์จูงเจ้าฟ้าลั่นไปได้พักหนึ่งก็ทำตามที่อานนท์ บอก ครู่หนึ่งเขาก็สามารถขึ้นขี่มันได้ อานนท์ร้องเชียร์ด้วยความดีใจ หันมายกแม่โป้ให้โยธิน เขายิ้มให้อานนท์ ส่วนอลิสายังทำตีหน้าเฉยอยู่

ooooooo

อลิสาหาเรื่องตำหนิโยธินจนได้ว่าไม่สมควรพูดจาสั่งสอนพี่ชายตนอย่างนั้น ทีหลังจะพูดจาอะไรก็ให้รู้จักคิดเสียบ้าง ครั้นโยธินโต้ว่าดูเหมือนพี่ชายเธอจะไม่มีปัญหาอะไรกับคำพูดของตน อลิสาก็อ้างว่าเพราะพี่ชายใจดีเกินไป เขาอยู่ในฐานะเชลยของม่อน-ผาหลวงก็ควรทำตัวให้เหมาะสมกับฐานะ

"คุณหญิงก็ควรทำตัวให้เหมาะสมกับฐานะของตัวเองเหมือนกันนะครับ" โยธินสวนไปบ้าง

"พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง นายโยธิน!" อลิสาจิกเรียกชื่อเขา

"ทีหลัง ถ้าคุณหญิงมีธุระอะไรกับผมก็ควรจะสั่งให้คนมาตามผมไปพบ ไม่ควรลดตัวมาหาผมด้วยตัวเอง มันดูไม่งามนะครับ คุณหญิงยังทำตัวให้สมกับเป็นนายหญิงของม่อนผาหลวงไม่ได้เลย แล้วผมจะทำตัวเป็นเชลยที่ดีได้ยังไงล่ะครับ"

พูดเสร็จ โยธินโค้งให้นิดหนึ่งก่อนเดินผละไป ทิ้งให้อลิสาโกรธแทบตายอีกครั้ง

ซ้ำร้าย เมื่อเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น เจ้านกแก้วในกรงยังส่งเสียงเจื้อยแจ้วว่า

"คุณโยธินเก่งจริงๆ คุณโยธินเก่งที่สุด"

อลิสาพาลโกรธนกแก้ว ปรามว่าสักวันจะทำให้นายแกพูดไม่ออกเลยทีเดียว อติศักดิ์เข้ามาได้ยินพอดีถามว่าอารมณ์เสียเรื่องอะไรอีกหรือ เธอฟ้องพี่ชายว่า

"นายโยธินพูดจาอวดดีเหมือนเคยน่ะสิคะ พอปราบเจ้าฟ้าลั่นได้หน่อยก็ลำพองใจ พอน้องตักเตือนให้รู้สำนึกว่าตัวเองยังมีฐานะเชลยของเราอยู่ เขาก็กลับพูดจายอกย้อนกวนโมโห น่าเอาแส้ฟาดปากนัก"

อติศักดิ์เห็นน้องสาวดุดันก็หัวเราะถามว่ารุนแรงเกินไปหรือเปล่า ติงๆว่าน้องไม่เคยเป็นคนที่โมโหร้ายอย่างนี้เลยนี่ อลิสาแก้เกี้ยวว่าเพราะโยธินไม่ยำเกรงตนเลยสักนิด

"แล้วน้องจะไปเต้นตามคำพูดของเขาทำไมล่ะ ถ้าสิ่งที่เขาพูดมันไม่จริง ก็ไม่ต้องไปฟัง หมู่นี้อารมณ์น้องขึ้นลงได้ง่ายเหลือเกิน น้องดูจะเปลี่ยนๆไปนะ ไม่ค่อยเหมือนน้องหญิง คนเดิมของพี่"

"น้องไม่ได้เปลี่ยนไปสักหน่อย น้องก็เป็นของน้องอย่างนี้แหละค่ะ พี่ชายคิดมากไปเองมากกว่า"

พูดแก้เกี้ยวกับพี่ชายไปอย่างนั้น แต่อลิสาเองคิดแล้วก็รู้สึกเหมือนกันว่าโยธินทำให้ตนเปลี่ยนไป

ooooooo
คืนนี้อติศักดิ์ก็มีเรื่องให้ต้องเสียหน้าอีก เมื่อเจออานนท์กำลังจะแอบหนีไปที่ลานหน้าบ้านพักคนงานที่กำลังมีการกินเลี้ยงบันเทิงกันอยู่ อานนท์บอกว่าเป็นงานเลี้ยงฉลองที่โยธินปราบเจ้าฟ้าลั่นได้ อติศักดิ์จึงไปด้วย

งานบันเทิงเงียบกริบไปหมดเมื่ออติศักดิ์ปรากฏตัว จนเขาต้องบอกว่าให้ทำตัวตามสบายไม่ต้องเกรงใจ บรรดาคนงานจึงกินดื่มเล่นเพลงกันต่อ

บรรดาคนงานพากันชื่นชมฝีมือขว้างมีดของโยธินที่ผ่านไปเมื่อครู่ว่าเยี่ยมจริงๆ อติศักดิ์เสนอว่าตนอยากลองบ้าง โยธินนิ่งไปอย่างไม่อยากแข่งด้วย แต่ในที่สุดก็ต้องทำตามความ ต้องการของอติศักดิ์

ครั้งแรกอติศักดิ์ขว้างมีดเกือบตรงกลางเป้า แต่โยธินขว้างไปปักใจกลางเป้าอย่างแม่นยำ แต่พอขว้างครั้งที่สอง อติศักดิ์ขว้างเข้ากลางเป้า แต่โยธินกลับขว้างไม่ตรงเป้า อติศักดิ์ รู้ว่าโยธินแกล้งผ่อนให้ จงใจทำเป็นแพ้ เขาพูดอย่างไม่พอใจว่า

"วันนี้พอแค่นี้ก่อน คุณโยธินคงเหนื่อยแล้ว เอาไว้ให้ คุณโยธินพร้อมกว่านี้เมื่อไหร่ค่อยแข่งกันใหม่" พูดแล้วมองโยธินอย่างรู้ทัน ก่อนหันไปชวนอานนท์กลับ แต่ขณะผ่านโยธินอติศักดิ์พูดเบาๆว่า "วันหลังอย่าดูถูกผมอย่างนี้อีก"

ooooooo

ส่วนที่เชียงรัฐ หลังจากเจ้าพ่อตัดสินให้สีโบกับอินทร์วิไลแบ่งวันรับใช้เจ้าขวัญฟ้ากันแล้ว ทั้งคู่ยังมีเรื่องตบตีแย่งชิงเวลากันอีกจนได้

เรื่องถึงเจ้าแม่ ทั้งคู่ไปเถียงกันต่อหน้าเจ้าแม่ ต่างอ้างว่าวันนี้เป็นเวรของตน สีโบท้าว่าถ้าอย่างนั้นไปถามเจ้าขวัญฟ้าดู แล้วลุกพรวดไป เจ้าแม่บอกให้อินทร์วิไลรีบตามไป

ปรากฏว่าทั้งสองไปเถียงกันต่อหน้าเจ้าขวัญฟ้าอีก เลยถูกเจ้าไล่ตะเพิดให้ออกไปทั้งสองคน แล้วหยิบรูปถ่ายของอลิสามาดูด้วยความรักห่วงหาอย่างที่สุด ไม่มีหญิงใดจะทำให้ เจ้ารักได้มากเท่าอีกแล้ว...

ooooooo

และแล้วเวลาที่อติศักดิ์ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯก็มาถึง เขาบอกกับโยธินว่า เห็นขยันทำงานอย่างนี้ก็เบาใจว่าคงฝากให้ดูแลม่อนผาหลวงขณะตนไม่อยู่ได้

"ผมอาจจะช่วยดูแลม่อนผาหลวงให้ได้ แต่ถ้าดูแลคนในม่อนผาหลวง ผมคงรับปากไม่ได้ คนที่เป็นศัตรูกันแค่อยู่ใกล้กันนาทีเดียวก็รู้สึกว่าเวลามันช่างยาวนานเหลือจะทน จะให้มาปกป้องดูแลคงเป็นไปไม่ได้"

"ถ้าคุณหมายถึงน้องหญิง เธอไม่ต้องให้ใครดูแล เธอดูแลตัวเองได้ ผมขอฝากเจ้าอานนท์ไว้ก็แล้วกัน ผมจะกลับกรุงเทพฯวันสองวันนี้ ระหว่างที่ผมไม่อยู่ คุณก็ช่วยดูแลมันแทนผมหน่อย มีอะไรก็ปรามๆมันได้...แล้วนี่คุณมีอะไรจะฝากถึงคุณพ่อคุณหรือคุณภิรมยาคู่รักของคุณหรือเปล่า"

"ผมขอคิดดูก่อน" โยธินไม่แสดงความกระตือรือร้นอะไรให้อติศักดิ์ดูแคลนได้

จนวันรุ่งขึ้นอติศักดิ์จะออกเดินทาง โยธินจึงฝากจดหมายถึงพ่อฉบับหนึ่ง อติศักดิ์ถามว่าไม่มีถึงคนรักหรือ โยธินไม่ตอบ

ส่งอติศักดิ์ขึ้นรถแล้ว อลิสาแยกเดินเข้าตึกไปเงียบๆส่วนโยธินแยกไปทำงานตามหน้าที่ของตน

ในยามที่พี่ชายไม่อยู่เช่นนี้ อลิสาเงียบเหงาทำให้คิดถึงเจ้าขวัญฟ้า ลงมือปักผ้าเช็ดหน้าอักษรย่อเคซี หมายถึงเจ้าขวัญฟ้า และเชียงรัฐ จนอานนท์ทักว่า

"คุณพี่ต้องคิดถึงเจ้าขวัญฟ้ามากแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ปักผ้าไปตาลอยไป คนที่มีคู่รักนี่เขาเป็นเหมือนคุณพี่ทุกคนหรือเปล่าครับ"

อลิสามองหน้าอานนท์ดุๆแล้วก้มหน้าปักผ้าเช็ดหน้าต่อ

ส่วนโยธินใช้เวลาว่างแกะสลักตุ๊กตาทหารไว้มากมายจนเฒ่าเหมยถามว่าแกะไว้ให้คนรักหรือ เสนอให้แกะอย่างอื่นบ้างก็ได้ เดี๋ยวจะหากล่องมาให้ โยธินบอกว่าไม่ต้องเพราะอยากให้ด้วยมือของตัวเอง เฒ่าเหมยเลยอาสาจะไปหาไม้มาให้อีก

พอเฒ่าเหมยออกไป โยธินนั่งดูตุ๊กตาไม้ที่วางเรียงรายเกือบร้อยตัว พึมพำ...

"แล้วคุณจะได้เห็นว่า ผมคิดถึงคุณมากขนาดไหน ภิรมยา..."

ooooooo
อ่านละครย่อเรื่องเชลยศักดิ์ ตอนที่10
ตอนที่ 10

เพียงวันรุ่งขึ้นที่มาถึงกรุงเทพฯอติศักดิ์ก็ไปที่ บ้านโยธินทันที ทักทายกับสวามิภักดิ์ราชอย่างดูเชิงกัน ทักว่าสวามิภักดิ์ราชดูซูบไป ถามว่ายังมีเรื่องอะไรให้เครียดอีกหรือ เพราะบริษัทก็กำลังไปได้ดีน่าจะสบายใจได้แล้ว

"ตราบใดที่โยธินต้องตกอยู่ใต้อำนาจของคุณ ผมไม่มีวันสบายใจได้หรอก คุณชายอติศักดิ์ ผมจะยกบริษัทให้คุณแลกกับอิสรภาพของโยธิน ไม่มีอะไรมีค่าเท่ากับลูกชายของผมแล้ว"

ไม่เพียงอติศักดิ์จะยืนยันให้ยึดมั่นสัญญา หากยังพูดให้เจ็บใจว่า เพิ่งรู้ว่าอัศวรัชนอกจากจะโกหกตลบตะแลงเก่งแล้ว ยังตระบัดสัตย์อีกด้วย ถามว่าทนายของตนจัดการเรื่องเอกสารทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ถ้าเช่นนั้น ต่อไปเงินปันผลจะให้ ทนายนำมาส่งให้ทุกเดือนพร้อมรายงานสรุปผลของการประกอบการ พูดยิ้มๆว่า

"ผมเพิ่งดูตัวเลขไปคร่าวๆ รายรับของเราเพิ่มขึ้นสามสี่เท่าตัว ท่านคงจะปลดหนี้สินได้ในเร็วๆนี้ล่ะครับ"

สวามิภักดิ์ราชฟังอย่างไม่ยินดียินร้าย อติศักดิ์จึงเปลี่ยนเป็นบอกว่า ข่าวดีของบริษัทคงจะสู้ข่าวจากลูกชายท่านไม่ได้ แล้วเอาจดหมายของโยธินให้ สวามิภักดิ์ราชรับไปด้วยความดีใจ แต่ไม่ทันไรภิรมยาก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วเข้ามา

เธอตื่นเต้นมากที่เห็นอติศักดิ์อยู่ด้วย ถามว่ามาเยี่ยมคุณพ่อหรือ สวามิภักดิ์ราชรีบเก็บจดหมายของโยธิน ตีหน้ายังไม่สนิทนัก ภิรมยาถามว่ากำลังคุยเรื่องสำคัญกระมัง ตนขอตัวไปคอยข้างนอกดีกว่า

อติศักดิ์รีบบอกว่าไม่ได้คุยเรื่องสำคัญอะไร แค่เรื่องงานนิดหน่อยและกำลังพูดกันถึงโยธิน ไม่มีความลับอะไร

"โยธิน คุณชายพบโยธินเหรอคะ พบที่ไหนคะ เล่าให้ ภิรมยาฟังหน่อยสิคะคุณชาย" ภิรมยาตื่นเต้นมาก สวามิภักดิ์ราชมองขวับไปที่อติศักดิ์อย่างระแวง

ที่แท้อติศักดิ์แค่ทำให้ภิรมยาดีใจและหลอกให้ สวามิภักดิ์ราชใจหายใจคว่ำเท่านั้น แต่ก็ยังอ่อยให้ความหวังว่ารู้ว่าโยธินไปทำงานแทนคุณพ่อเขาอยู่ทางเหนือแถวเชียงใหม่ เชียงรายเท่านั้น ครั้นภิรมยาถามว่าพอจะมีทางช่วยตามหาโยธินให้ตนได้บ้างไหม อติศักดิ์อ่อยอีกว่า

"ได้สิครับ ผมจะลองให้คนไปถามข่าวคราวของคุณโยธินให้ ถ้าได้ความเมื่อไรผมจะแจ้งให้คุณภิรมยาทราบทันที"

"ภิรมยาฝากด้วยนะคะ ตอนนี้หัวใจของภิรมยาอยู่ในกำมือของคุณชายแล้วนะคะ ภิรมยาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับคุณชายคนเดียว"

อติศักดิ์ยิ้มพอใจ เห็นลู่ทางที่จะเล่นงานโยธินให้เจ็บแสบได้ด้วยเรื่องของภิรมยา

ooooooo

เวลาเดียวกัน ที่ม่อนผาหลวง โยธินไปที่เนินเขาที่มีแผ่นหินสลักชื่อหม่อมเจ้าไตรศักดิ์ สันตติวงศ์ อยู่ เขาก้มหัวโค้งแสดงความเคารพเบื้องหน้าแผ่นหินนั้น

อลิสาขี่ม้าสีหมอกมาที่เนินเขา ตรงไปที่แผ่นหินสลักชื่อท่านพ่อ วางช่อดอกไม้ลงหน้าแผ่นหิน เอ่ยบอกกล่าวท่านว่า

"ท่านพ่อเพคะ พี่ชายไปจากม่อนผาหลวงแล้ว ลูกเหงาเหลือเกินเพคะท่านพ่อ ลูกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก ภาระ หน้าที่ที่ต้องดูแลม่อนผาหลวงก็หนักหนาแล้ว ท่านพ่อยังทรงมอบหมายให้เราต้องแก้แค้นอัศวรัชอีก เราได้ตัวทายาทอัศวรัชมาเป็นเชลยแล้ว แต่เชลยคนนี้ก็เก่งเกินกว่าที่เราจะกำราบได้"

ทันใดนั้น อลิสาได้ยินเสียงสวบสาบจากข้างหลัง เธอหันไปร้องถาม "ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ"

"ผมเอง" โยธินนั่นเอง เขานอนเล่นอยู่ในทุ่งหญ้าที่สูงท่วมมิดปิดตัว เขาตอบพร้อมกับลุกยืน

อลิสาเล่นงานทันทีว่าเขาไม่มีสิทธิ์มาที่นี่เพราะเป็นที่ส่วนตัวเฉพาะคนในสกุลสันตติวงศ์เท่านั้น หาว่าเขาจงใจลบหลู่ เกียรติของพวกตน เพราะที่นี่เป็นที่ฝังพระศพของท่านพ่อ ถ้าตนไปเหยียบหลุมศพของสกุลอัศวรัชบ้างเขาจะรู้สึกอย่างไร

แม้โยธินจะชี้แจงว่าตนแค่มาเดินเล่นและไม่ได้มาเหยียบหลุมศพของท่านพ่อของเธอ ตนได้แสดงความคารวะด้วยซ้ำ ทั้งที่ท่านเป็นต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด

เป็นประเด็นโต้เถียงกันทันที อลิสาโทษว่าพ่อของเขาต่างหากที่เป็นต้นเหตุ กล่าวร้ายว่าท่านพ่อเป็นกบฏจนท่านต้องหนีมาสร้างม่อนผาหลวงและเขาก็ต้องมาเป็นเชลย ทำให้ตนต้องมาติดอยู่ที่นี่ด้วย ไปไหนก็ไม่ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะพ่อของเขาคนเดียวเท่านั้น

"ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตัวคุณหญิงเองต่างหาก ถ้าคุณหญิงรู้จักปล่อยวางก็ไม่ต้องมาติดอยู่ที่ม่อนผาหลวงนี่ จะได้ไปหาคู่รักได้ ไม่ต้องมานั่งเหงา ไม่ต้องมานั่งคร่ำครวญกับหลุมฝังศพ"

"นายแอบฟังฉันงั้นหรือ คนไม่มีมารยาท"

"ผมอยู่ของผมดีๆคุณหญิงมาคร่ำครวญให้ผมฟังเองต่างหาก ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมไม่เล่าให้ใครฟังต่อแน่ ถ้าคนที่นี่รู้ว่านายหญิงของม่อนผาหลวงที่ต่อหน้าทำเป็นเข้มแข็งดุดัน แต่จริงๆแล้วก็เป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอธรรมดาๆคนนึง พวกเขาคงเสียความรู้สึกน่าดู" พูดแล้วโยธินยิ้มหยันหันหลังเดินไป

"นายโยธิน! นายต้องขอโทษฉันเดี๋ยวนี้" อลิสาเดินตามไปติดๆ

"ถ้าเป็นความต้องการของคุณหญิง ผมขอโทษก็ได้ ขอโทษ ครับคุณหญิง" โยธินหันกลับมาโค้งให้แล้วหันหลังเดินต่อไป

อลิสายิ่งโกรธเป็นทวีคูณกับท่าทีที่โยธินหันมาขอโทษอย่างขอไปทีเท่านั้น

ooooooo

ส่วนอติศักดิ์ดำเนินแผนการของตนต่อไปอย่างแยบยล เขาไปเยี่ยมเยียนรัฐมนตรีราชฤทธิ์และศรีสว่างที่บ้าน แสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันเพราะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทของพระยาสวามิภักดิ์ราช

เมื่อทำความคุ้นเคยกันแล้ว อติศักดิ์ฉวยโอกาสเอ่ย

เชิญชวนรัฐมนตรีที่ทราบว่าจะไปตรวจราชการทางเหนือแวะไปเยี่ยมเยียนม่อนผาหลวงของตน ตอนนี้อากาศทางเหนือกำลังดี รับรองว่าทุกคนต้องหลงมนต์เสน่ห์ความงามของม่อนผาหลวงจนไม่อยากกลับกรุงเทพฯกันเลยทีเดียว

ศรีสว่างชื่นชอบอติศักดิ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้ฟังก็ อยากไป ส่วนภิรมยาใจอยู่ทางเหนือเพราะคิดถึงโยธินอยู่แล้วยิ่งอยากไป ในที่สุดรัฐมนตรีราชฤทธิ์ต้องยอมตามสองเสียงในบ้าน

อติศักดิ์พอใจมาก รีบเขียนจดหมายบอกอลิสาว่า

"น้องหญิงที่รัก พี่มีข่าวดีที่จะต้องทำให้น้องพอใจอย่างแน่นอน นั่นคือพี่ได้คิดแผนที่จะทรมานเชลยของเราให้เจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด พี่ไม่คิดเลยว่าโชคจะเข้าข้างเราอย่างนี้ ขอให้น้องเตรียมต้อนรับแขกสำคัญที่กำลังจะไปเยือนม่อนผาหลวงในเร็ววันนี้"

ooooooo

อานนท์เห็นคุณพี่อลิสาของตนหงอยเหงาจึงชวนไปเที่ยวน้ำตกกัน บอกให้เตรียมข้าวของสำหรับปิกนิกกันไปด้วย ตนขอไปเตรียมการอะไรนิดหน่อยก่อน แล้ววิ่งปึงปังออกไปทันที อลิสามองตามส่ายหน้าเอือมๆ

เมื่ออานนท์พาไปถึงน้ำตก อลิสาตื่นเต้นมากบอกว่าตนลืมเสียสนิทว่าที่นี่มีน้ำตกสวยงามอยู่ด้วย อานนท์ดีใจที่อลิสาชอบ บรรยายว่า "ตอนนี้เริ่มจะเข้าฤดูน้ำหลาก น้ำตกก็จะยิ่งสวยกว่าช่วงเวลาอื่น แต่กระแสน้ำก็จะแรงมากต้องระวังจะถูกน้ำพัดพาไป"

อลิสาฟังแล้วถามว่ารู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไร อานนท์ ตอบอย่างภูมิใจว่าโยธินสอน แล้วขอตัวแป๊บหนึ่ง พูดแล้ววิ่งออกไปเลย

อลิสาจัดการปูที่นั่งและเอาข้าวของออกมาจัดวาง ได้ยินเสียงคนเดินนึกว่าอานนท์ แต่พอหันไปดูกลายเป็นโยธินเขาถือเบ็ดตกปลามาสองคัน เธอถามอย่างไม่พอใจว่ามาที่นี่ได้ ยังไง ใครเชิญไม่ทราบ

ไม่ทันที่โยธินจะตอบ อานนท์ก็วิ่งเข้ามาพร้อมหอบดอกไม้ป่ามาเต็มมือทักโยธินว่ามาแล้วหรือครับ โยธินจึงหันไปบอกอลิสาว่าอานนท์เป็นคนชวนตนมา คุณหญิงหมดข้อข้องใจแล้วใช่ไหม

อานนท์ส่งดอกไม้ป่าให้อลิสาแล้วหันไปรับคันเบ็ดจากโยธิน พูดออกตัวกับอลิสาว่า

"ผมลืมบอกคุณพี่ไปว่า ผมชวนคุณโยธินมาด้วย คุณโยธินจะสอนเราตกปลาด้วย รับรองต้องสนุกแน่ๆเลยครับ"

ที่น้ำตกนี่เอง โยธินสอนอานนท์ให้สังเกตและเรียนรู้กฎของธรรมชาติและวิธีตกปลา ที่ต้องมีสมาธิและความอดทน ย้ำว่าที่สำคัญคือต้องเอาชนะใจตัวเองว่าจะอดทนมุ่งมั่นไปได้แค่ไหน

อานนท์จดจำคำแนะนำของโยธินทำตามที่เขาบอก ในที่สุดก็ตกได้ปลาตัวหนึ่ง อานนท์ดีใจและมีความสุขมาก แม้อลิสาจะยินดีที่อานนท์ทำได้สำเร็จแต่ก็ทำเป็นวางเฉย มองแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ

เพราะอลิสาเตรียมเสบียงมาสำหรับสองคนเท่านั้น ดังนั้น เมื่อถึงเวลาอาหารจึงต้องแบ่งปันกัน ในยามนี้เอง ทั้งอลิสาและโยธินต่างแสดงน้ำใจเสียสละอาหารให้กัน แม้แต่อานนท์ก็เสียสละแบ่งปันให้โยธินกับอลิสาที่หารครึ่งแซนด์วิชกัน ส่วนที่ขาดตนก็จะกินผลไม้แทน

แม้แต่น้ำดื่มก็เตรียมมาไม่พอ โยธินกับอานนท์ดื่มน้ำจากลำธารที่ไหลจากน้ำตก แต่อลิสาดื่มไม่ลง เร่งให้กลับกันได้แล้ว ระหว่างทาง เมื่อเจอแอ่งน้ำเล็กๆที่ไหลมาจากเขา อานนท์กับโยธินก็เอาใบไม้ตักน้ำไปให้อลิสาดื่ม ความหิวน้ำทำให้เธอดื่มน้ำจากใบไม้ที่โยธินเอามาให้ เป็นน้ำจากแอ่งหินจึงเย็นชื่นใจ ทำให้ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดและมีความรู้สึกดีๆต่อกันมากขึ้น

"เรากลับกันเถอะ" อลิสาเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยนหลังจากได้ดื่มน้ำจนชื่นใจแล้ว

กลับถึงตึกม่อนผาหลวง อานนท์เห็นโยธินถือช่อดอกปรูในมือ เจ้ากี้เจ้าการถามว่าเก็บมาให้คุณพี่หรือ แล้วคว้าดอกปรูจากมือโยธินเอาไปให้อลิสาบอกว่าคุณพี่ชอบดอกปรูเป็นพิเศษ

เมื่อรับดอกปรูแล้ว อลิสายกขึ้นดมอย่างชื่นใจ โยธินเห็นภาพนั้นทำให้เขาได้เห็นถึงความเป็นผู้หญิงของอลิสามากขึ้น คิดในใจว่า ที่แท้เธอก็ไม่ได้ต่างไปจากผู้หญิงคนอื่นๆเลย

ooooooo

สีโบมีโอกาสปรนนิบัติเจ้าขวัญฟ้าอยู่ไม่นาน อินทร์วิไลก็หน้าตาตื่นมาบอกเจ้าขวัญฟ้าว่าเจ้าป้าเป็นลมหมดสติ ทำให้เจ้าขวัญฟ้าตกใจรีบไปดูแลเจ้าแม่

เจ้าแม่เล่นบทคนป่วยได้อย่างแนบเนียน ทำท่าจะไปไม่รอด ขอให้เจ้าขวัญฟ้าอยู่ใกล้ๆเป็นเพื่อน ถ้าแม่เป็นอะไรไปก็อยากให้ลูกอยู่ใกล้ๆ

"เจ้าแม่จะต้องไม่เป็นอะไรหรอกครับ คืนนี้ลูกจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าแม่เอง ลูกจะไม่ไปไหน จะอยู่เฝ้าเจ้าแม่ตลอดทั้งคืนเลยครับ"

เมื่อกันตัวเจ้าขวัญฟ้าไว้ได้แล้ว อินทร์วิไลก็ย้อนกลับไปที่ห้องบอกสีโบว่าเจ้าพี่ต้องอยู่ดูแลเจ้าป้าคืนนี้ไม่กลับมาห้องนี้ ตนมาบอกเพื่อสีโบจะได้ไม่ต้องชะเง้อคอยทั้งคืน

สีโบระแวงว่าเจ้าอาจจะอยู่กับอินทร์วิไล เกิดปากเสียงกันขึ้นอีก สีโบสะอึกจะเข้าไปตบแต่ถูกคนใช้ที่อินทร์วิไลพามาขวางไว้

"เก่งจริงก็เข้ามาสิ หยุดทำไมล่ะ จะบอกให้นะว่า เจ้าป้าอยู่ข้างข้า ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่ข้าจะเฉดหัวเจ้าไปจากคุ้มหลวง เจ้าเตรียมตัวกลับไปเป็นผู้หญิงข้างถนนตามเดิมเถอะนังจันทร์แก้ว"

อินทร์วิไลพูดใส่หน้าสีโบแล้วสะบัดออกไป สีโบได้แต่ยืนมองตามด้วยความแค้นใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น สีโบไปที่ห้องเจ้าแม่ ถูกอินทร์วิไลกีดกัน ทั้งสองโต้เถียงกัน อินทร์วิไลจงใจเสียงดังจนเจ้าขวัญฟ้าออกมาดุสีโบว่าช่างไม่รู้จักกาลเทศะเสียเลยเจ้าแม่ไม่สบายอยู่ไม่รู้ หรือไง ทำอะไรไม่รู้จักคิด

สีโบอ้อนว่าเจ้าไม่กลับไปที่ห้องหลายวันแล้ว เลยถูกเจ้าขวัญฟ้าตวาดว่า

"ข้าอยากกลับไปเมื่อไหร่ข้าก็กลับเมื่อนั้น ไม่ต้องมาตาม ไป...ไป ออกไปให้พ้นหน้าข้าไป๊"

ตวาดไล่แล้วเจ้าขวัญฟ้ากลับเข้าห้อง อินทร์วิไลยิ้มเยาะใส่สีโบก่อนปิดประตูใส่หน้าโครมใหญ่

สีโบเดินผ่านมาทางครัว ได้ยินพวกคนครัวคุยกันถึงเพื่อนคนรับใช้ที่ผัวไปมีเมียใหม่จนตัวเองต้องไปทำเสน่ห์ยาแฝดเรียกผัวกลับมาได้ภายในสามวันเท่านั้นเอง พอมีคนถามว่าเสน่ห์ยาแฝดได้ผลจริงหรือ ป้าสายที่เป็นแม่ครัวใหญ่ก็บรรยายอย่างผู้รู้ว่า

"จริงสิวะ แต่ผู้ชายคนไหนถูกผู้หญิงทำเสน่ห์ยาแฝดใส่เป็นอันต้องดวงตกวิบัติฉิบหายกันทุกคน พวกแกไปดูได้เลย คนที่ถูกทำเสน่ห์หน้าดำไม่มีราศีทุกคนเลย ก็ไอ้ของที่มาทำเสน่ห์ยาแฝดมันมีแต่ของโสโครกทั้งนั้น ทั้งผม ทั้งขน ทั้งขี้ไคล น่าขยะแขยงที่สุด พวกเอ็งอย่าได้ริอ่านทำเชียวนะ"

สีโบฟังหูผึ่ง พยายามจดจำรายละเอียดเต็มที่

ooooooo

อลิสาให้อานนท์ไปตามโยธินมาพบที่ตึกม่อน-ผาหลวง พูดด้วยท่าทีที่อ่อนโยนลงว่า ให้เขาส่งของไปให้เจ้าขวัญฟ้าที่เชียงรัฐ พลางส่งกล่องผ้าไหมให้ โยธินถามว่าแล้วตนต้องกลับมาม่อนผาหลวงกี่โมง

คราวนี้อลิสาผ่อนปรนบอกว่ากว่าเขาจะไปถึงเชียงรัฐก็คงเย็นมากแล้วให้พักที่นั่นสักคืนค่อยกลับมา ย้ำแต่เพียงว่า ของที่ให้เอาไปต้องถึงมือเจ้าขวัญฟ้าให้ได้

"ของในกล่องนี่อาจจะไม่มีค่าสำหรับนาย แต่มันมีความสำคัญสำหรับฉันมาก ช่วยดูแลรักษามันให้ดีด้วย"

โยธินตอบรับว่าจะดูแลเสมือนหนึ่งเป็นของเขาเอง อลิสาขอบใจเร่งให้ออกเดินทางแล้วกลับมาให้เร็วที่สุดเพราะยังมีงานที่คอกม้ารออยู่ สั่งแล้วเรียกอานนท์กลับเข้าตึกด้วยกันเพราะกลัวจะหนีตามโยธินไปอีก

พอโยธินไปถึงเชียงรัฐ คนรับใช้ก็ไปรายงานเจ้าขวัญฟ้าว่ามีคนจากม่อนผาหลวงมาขอพบ เจ้าขวัญฟ้าดีใจรีบออกมา

ขณะโยธินรออยู่ข้างนอกนั่นเอง เห็นสีโบกำลังคิดเรื่องจะทำเสน่ห์ยาแฝดเดินมา ทั้งสองประจันหน้ากันอย่างจัง โยธินถามว่าสีโบมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เขาจะเดินเข้าไปหาแต่ถูกทหารสองคนกันไว้ สีโบถือโอกาสนั้นวิ่งเข้าข้างในซึ่งเป็นเขตหวงห้าม คนอื่นเข้าไม่ได้ โยธินจึงต้องรออยู่ตรงนั้นด้วยความสงสัย

พอดีเจ้าขวัญฟ้าออกมา จำโยธินได้ทักว่า "นายนั่นเอง ไหนล่ะจดหมายของคุณหญิงอลิสา"

"คราวนี้ไม่ใช่จดหมายครับ" โยธินบอกพลางส่งกล่องผ้าไหมให้

เจ้าขวัญฟ้าดีใจจนลืมโยธิน พอนึกได้ก็บอกเขาว่าเดินทางมาเหนื่อยๆ พักที่นี่สักคืนแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับก็แล้วกัน พลางหันไปสั่งทหารให้พาคนของม่อนผาหลวงไปที่พัก

เจ้าขวัญฟ้าเข้าไปในห้องพักเปิดกล่องผ้าไหม หยิบผ้าเช็ดหน้าคลี่ออกดูอย่างทะนุถนอม ยกขึ้นจูบหอมรำพึงรำพัน "อลิสา...อลิสาของผม..." เห็นแหวนที่นิ้วก้อยก็ยิ่งคิดถึงคนรัก มองแหวนอย่างครุ่นคิด

ooooooo

ให้โยธินเอากล่องผ้าไหมไปเชียงรัฐแล้ว อลิสากลับมานั่งลุ้นอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงเจ้านกแก้วร้องเจื้อยแจ้วว่า "คุณโยธินครับ คุณโยธิน วีรบุรุษสงคราม" แต่ฟังแล้วเธอไม่รู้สึกหงุดหงิดอย่างที่เคยเป็น แต่กลับลุ้นว่าขอให้เขาไปถึงเชียงรัฐอย่างปลอดภัย

อานนท์ได้ยินถามว่าเธอห่วงโยธินหรือ อลิสาบอกว่าตนห่วงผ้าเช็ดหน้าที่ให้เขาไปส่งต่างหาก อานนท์รับรองว่าผ้าเช็ดหน้าต้องถึงมือเจ้าขวัญฟ้าแน่นอน เพราะโยธินเก่งออก

"จ้า...คุณโยธินเก่งออกจะตาย เก่งที่สุด พี่ล่ะดีใจจริงๆที่มีลูกหนี้เก่งๆอย่างคุณโยธินไว้ใช้งาน" อานนท์แย้งว่าโยธินเป็นครูตน ตนไม่เคยเห็นเขาเป็นลูกหนี้เลย ก็ถูกอลิสาสวนมาอย่างยโสว่า "แต่สำหรับพี่ ยังไงนายโยธินก็เป็นลูกหนี้ของสันตติวงศ์ เธอหนีความจริงข้อนี้ไปไม่ได้หรอกอานนท์"

อลิสาพูดมองไปข้างหน้าเหมือนบอกอานนท์ แต่ความจริงแล้วเธอย้ำกับตัวเองให้จำใส่ใจไว้มากกว่า

ooooooo

ขณะที่โยธินพักอยู่ที่ห้องพักคนงานนั่นเอง สีโบก็ไปปรากฏตัว โยธินถามว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร สีโบเล่าว่าตนไม่ใช่คนของม่อนผาหลวง แต่เป็นคนของเชียงรัฐ อยู่ที่นี่ตนชื่อจันทร์แก้ว เป็นเมียของเจ้าขวัญฟ้า

พอเห็นโยธินตกใจ สีโบเล่าอีกว่าตนถวายตัวรับใช้เจ้าขวัญฟ้าเมื่อสองปีที่แล้ว แต่มีเหตุจำเป็นต้องจากเชียงรัฐไปอยู่ม่อนผาหลวงชั่วคราว แล้วฝากโยธินไปขอโทษอลิสาด้วยว่าตนมีเหตุผลที่ไม่ได้กลับไปม่อนผาหลวงอีก

ก่อนกลับไปสีโบยังย้ำกับโยธินอีกว่าตนเป็นเมียเจ้าขวัญฟ้าต้องอยู่รับใช้เจ้าจึงไม่อาจกลับไปรับใช้คุณหญิงได้อีก พูดแล้วยิ้มย่องออกไป เชื่อว่าข่าวนี้ต้องไปถึงหูอลิสาแน่นอน

ooooooo
อ่านละครย่อเรื่องเชลยศักดิ์ ตอนที่9-10