@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 12

@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 12
ตอนที่ 12 (ต่อจากวานนี้)

ในที่สุด ศิศิราก็เลือกที่จะรักษาชีวิตมาณสิงห์ไว้ โดยยอมให้ทีฑายุลากเธอไปยังท้องพระโรง แต่พอทีฑายุให้เธอพูดต่อหน้าพวกโกญจนาทว่าเธอยอมแต่งงานกับเขา ศิศิรา กลับปฏิเสธอย่างรับไม่ได้ ทีฑายุจึงกระซิบขู่ว่า ถ้าไม่แต่ง ธราเทพกับมาณสิงห์ก็ต้องตาย

ศิศิรานิ่งเงียบ ยืนน้ำตานองหน้า สินาตีเห็นแล้วรำคาญ

"ตกลงจะแต่งหรือจะมายืนร่ำไรบีบน้ำตาขอความเวทนา สงสาร"

"เจ้าหญิงคงอายน่ะครับ ลุงช่วยประกาศให้ผมกับ

ศิศิราเป็นผัวเมียถูกต้องตามประเพณีหน่อยสิครับ"

โกญจนาทยิ้มแย้ม นั่งเชิดบนบัลลังก์ กวาดตามองทุกคน ก่อนประกาศ

"ในฐานะที่เรานั่งอยู่บนบัลลังก์นี้ ที่สูงสุดเหนือทุกคน ในแผ่นดิน เราขอประกาศว่าเจ้าหญิงศิศิรา..."

"แกประกาศไม่ได้ ผิดกฎมณเฑียรบาล" วิชัยขัดขึ้น รามปุระสวนทันควันว่า คนอื่นอย่าสอด...สันธิจึงช่วยวิชัย อีกแรง เตือนเจ้าหญิงอย่าทรงยอมมัน

"บอกทหารแก่พวกนั้นหน่อยสิที่รัก ว่าใครกันแน่ที่อยากให้ร่วมเรียงนอนเคียงบนเตียงเดียวกัน"

ศิศิราถูกทีฑายุโอบไหล่คล้ายข่มขู่ เธออึกอักพูดไม่ออก โกญจนาทจึงรวบรัด

"ไม่ขัดขืน ก็แสดงว่ายินยอมพร้อมทั้งกายและใจ เราขอประกาศว่าเจ้าหญิงศิศิรากับหลานชายคนเดียวของเรา ทีฑายุ... เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะได้เป็นคู่ครองกำเนิดสายเลือดใหม่เพื่อความยั่งยืนมั่นคงแห่งบัลลังก์แสงจันทร์"

กัญญาภัคซึ่งถูกไมยาดินบังคับให้ก้าวเข้ามาในท้อง พระโรง ตกใจที่เหตุการณ์เปลี่ยนเป็นอีกอย่าง เธอพึมพำกับตัวเองว่า มาณสิงห์อยู่ไหน แล้วระเบิดล่ะ?

เวลานั้นมาณสิงห์กับธนูเพลิงถูกพวกประสันต์ควบคุมตัวไปยังสนามหลังวัง ทั้งคู่ถูกซ้อมแทบกระอักเลือด โดยเฉพาะมาณสิงห์นั้นสติใกล้ดับวูบลงเต็มที...

ทีฑายุโอบศิศิราแนบชิดโชว์ทุกคนในท้องพระโรง กัญญาภัคจ้องแทบจะกินเลือดกินเนื้อศิศิรา ยิ่งได้ยินโกญจนาทประกาศก้องขอให้ทุกคนแสดงความยินดีกับทีฑายุพระสวามีของเจ้าหญิงศิศิรา และนับตั้งแต่บัดนี้ ทีฑายุหลานชายของตน ก็มีศักดิ์เทียบเท่าเชื้อพระวงศ์คนหนึ่ง...กัญญาภัคแทบจะร้องกรี๊ด

"ทรงพระเจริญ รักกันนาน มีลูกเต็มบ้าน มีหลานครองเมือง" ทาอูอวยพรเสียงดังฟังชัด คนอื่นๆพลอยปรบมือสนับสนุน ทีฑายุแย้มยิ้มโอบศิศิราหมุนไปรอบๆ

"งานฉลองแต่งงานที่จะประกาศความรักความผูกพันอันลึกซึ้งของเราจะจัดให้มีขึ้นเร็วที่สุด"

สิ้นเสียงของทีฑายุ กัญญาภัคอารมณ์พลุ่งพล่านทะลักออกทางสายตาเคียดแค้น หันหลังก้าวออกไปทันที ไม่มีท่าทีของคนเจ็บข้อเท้า...ไมยาดินหันมองสงสัย

"ยิ้มหน่อยสิเจ้าหญิงที่รัก ยิ้มให้สมกับความรักของเรา ที่แสนดื่มด่ำท่ามกลางคราบเลือดและน้ำตา ถึงเวลาแล้วที่ ศิศิรา...หยดน้ำค้างแห่งฟากฟ้าจะถูกลิ้มรสโดยจิ้งหรีดน้อยๆเช่นเรา" ทีฑายุกระซิบข้างหูศิศิราที่ยืนนิ่งเป็นหุ่น สายตาเธอทดท้อ หมดแรงต่อต้าน...

ooooooo

กัญญาภัคหน้าตาเต็มไปด้วยความคั่งแค้น อาละวาดฟาดรักเร่จนเซถลา เพียงเพราะรักเร่อยากรู้ ว่าทีฑายุกำลังจะได้เป็นพระสวามีเจ้าหญิงศิศิราจริงหรือเปล่า...แล้วกัญญาภัคก็มุ่งหน้าไปห้องปักไหม กระชากผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บเหวี่ยงกระจายเกลื่อนพื้น สินาตีตามเข้ามาเห็น เธอขึ้นเสียงเตือนสติลูกสาว

"ต่อให้แกคลุ้มคลั่งเผาทั้งวังนี้ ทีฑายุมันก็ต้องแต่งงานกับศิศิรา"

"เพื่อเป็นเครื่องสังเวย สนองกิเลสมักใหญ่ใฝ่สูงของไอ้โกญจนาท"

สินาตีปรี่เข้ามาบีบต้นแขนลูกสาวแล้วสำทับ "ถ้าไม่อยากตาย อย่าให้คำพูดพล่อยๆหลุดออกมาจากปากแกอีก"

"แทนที่จะห้าม แม่ควรจะจดจำทุกคำพูดของกัญญาไว้ เราสองคนเป็นได้แค่ม้ารับใช้ของมัน"

"ฉันสั่งให้แกหยุดคิด หยุดพูด"

กัญญาภัคสะบัดแรง สินาตีถึงกับเซ "กัญญาพูดเพราะสงสารคนที่ยังหูหนวกตาบอด หลงบูชาสามีอย่างแม่ มันวางแผน ให้ทุกคนสละชีวิตเพื่อมัน ขนาดยกพี่ทีฑายุของกัญญาให้ ศิศิรา ทั้งๆที่คนอย่างศิศิรามันไม่สมควรจะเหลืออะไรอีกแล้ว แล้วถ้ากัญญาต้องสละแม้กระทั่งหัวใจ คนอื่นมันก็จะต้องเสวยสุขบนคราบน้ำตา"

กัญญาภัคปัดเครื่องประดับและตุ๊กตากระเบื้องรูปนางฟ้า บนโต๊ะตกแตกลงพื้น สินาตีมองอย่างหวั่นใจกับความร้ายกาจของลูก...

ทีฑายุลากศิศิรากลับเข้าห้องนอน แล้วสั่งทหารปิดประตู ห้ามให้ใครรบกวน ศิศิราไม่รอช้า วิ่งไปหยิบแจกันเป็นอาวุธ แต่ทีฑายุเข้ามาแย่งมันโยนทิ้งไปนอกหน้าต่าง แล้วข่มขู่ด้วยถ้อยคำหยาบคาย แสดงตัวเป็นสามีที่จะทำอะไรกับเธอก็ได้ ซึ่งคืนนี้เขาจะอยู่กับเธอที่นี่ทั้งคืน

ด้านนอก ญาณีกับส้มเสี้ยวพยายามจะฝ่าด่านทหารเข้ามาช่วยศิศิราให้ได้ ระหว่างนี้เอง สินาตีผ่านมาเห็น จึงตำหนิสองสาวใช้ของศิศิราเป็นการใหญ่ แต่สองสาวก็ย้อน ไม่เกรงกลัว แถมยังจะผลักสินาตีให้พ้นทาง ทันใดนั้นกัญญาภัคโผล่เข้ามาอีกคน คำรามใส่สองสาวอย่างดุดันน่ากลัว จะเอาถึงตาย ถ้าใครแตะต้องตัวแม่ของเธอ

ส่วนในห้อง ศิศิราถูกทีฑายุจับมัดมือและเท้าตรึงไว้ กับเตียงราวนักโทษก็ไม่ปาน ศิศิราพร่ำด่าทั้งเขาทั้งลุง แต่ ทีฑายุก็มิได้สะทกสะท้าน...ข้างฝ่ายกัญญาภัคที่ยังอยู่หน้าห้อง หลังออกฤทธิ์เดชจัดการกับญาณีและส้มเสี้ยวจนสยบอยู่แทบเท้า แล้วสั่งทหารเอาตัวไป กัญญาภัคก็พยายามจะเปิดประตูห้อง แต่ปรากฏว่ามันล็อกแน่นหนา กระชากเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ได้ แต่ร่ำร้องในอก
ด้วยความร้าวรานกับความจริงที่ทีฑายุอยู่ในห้องกับศิศิราในฐานะสามีภรรยา...

ooooooo

เช้าแล้ว ศิศิรายังอยู่ในสภาพถูกมัดมือและเท้า ทีฑายุนั่งมองสีหน้าสะใจ

"อยากให้มาณสิงห์ได้เห็นภาพเจ้าหญิงสุดที่รักจริงๆ"

"เกลียดชังอะไรเรานักหนา ถึงต้องทรมานกันอย่างนี้ หรือว่าเราต้องชดใช้ด้วยชีวิต...เหมือนที่พวกเธอฆ่าพ่อแม่เรา"

ทีฑายุลุกพรวดขึ้นยืนมอง ปัดเก้าอี้ล้มโครมคราม

"ลุงเธอฆ่าพ่อกับแม่เรา ส่วนเธอหลอกใช้ความไว้ใจ... ทุกอย่างที่เธอทำกับเราลงไปก็เพราะมงกุฎแสงจันทร์ใช่มั้ยทีฑายุ ตอบเราสิ" ศิศิราสะอื้นแรง เจ็บช้ำ

"หยุดคร่ำครวญ หนวกหู"

"อยากฆ่าเราก็เชิญเลย อย่าให้เราต้องอยู่อย่างอับอาย"

"อย่าคิดว่าความตายจะแก้ปัญหาได้ ความทรมานจากฉันต่างหากที่เธอต้องได้รับ"

ศิศิราเบือนหน้าหนี สะอื้นกับหมอน ทีฑายุเห็นแล้วเงียบงัน รู้สึกสงสารและเห็นใจ แต่ไม่อาจเปิดเผยออกมา...

ทางด้านกัญญาภัคที่เมื่อคืนแทบกระอักเพราะความแค้น ที่แน่นอก เช้านี้เธอมุ่งหน้าไปหานารียาแม่ของทีฑายุที่บ้าน แล้วเกรี้ยวกราดอาละวาดใส่นารียาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนจะ บังคับให้เข้าวังด้วยกัน ไปสั่งให้ทีฑายุยกเลิกการแต่งงานกับ เจ้าหญิงศิศิรา

เมื่อเข้ามาเห็นสภาพศิศิราถูกทีฑายุจับมัดไว้กับเตียง นารียาตกใจ ตำหนิทีฑายุรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป ทีฑายุ เองก็ตกใจที่จู่ๆแม่พรวดพราดเข้ามา ตอบแม่ไม่เต็มเสียงว่า

"ผมแค่ล้อเล่น"

นารียาตบหน้าทีฑายุอย่างแรง ศิศิราและกัญญาภัคต่างก็อึ้งตกใจ

"พระวรกายและจิตใจของเจ้าหญิงสูงส่งเกินกว่าจะเป็นของล้อเล่น ทีฑายุ แม่มีเรื่องต้องคุยกับลูก"

ทีฑายุหน้าเครียด มองไปที่กัญญาภัคซึ่งยืนข้างหลังนารียา

"พี่ทีฑายุไปคุยกับอานารียาเถอะ ไม่ต้องห่วง กัญญาจะดูแลเจ้าหญิงให้อย่างดี" กัญญาภัคทำเสียงอ่อน...

ครั้นแม่ลูกเดินตามกันออกไปอีกห้องหนึ่ง นารียาตัดพ้อลูกชายอย่างผิดหวัง

"บอกแม่สิว่าความเป็นสุภาพบุรุษที่พ่อกับแม่พร่ำสั่งสอนลูกมามันหายไปไหนหมด ถึงได้กระทำกับเจ้าหญิงเหมือนพระองค์เป็นหญิงไร้เกียรติ"

"เราแต่งงานกันแล้ว"

"ลูกพอใจกับการแต่งงานที่มัดมือชก การแต่งงานที่ โกญจนาทใช้เป็นเล่ห์เหลี่ยมการเมือง"

"ลุงทำทุกอย่างเพื่อเราครับ"

"ทีฑายุ ใครสั่งใครสอนให้ลูกเห็นแก่ครอบครัวมากกว่า บ้านเมือง ถ้าพ่ออยู่ พ่อจะเสียใจที่เห็นลูกวันนี้"

"แต่พ่อก็ไม่อยู่กับเราแล้วนี่ครับ ลุงกำลังทวงคืนคนที่เอาชีวิตพ่อไป...ให้เรา"

"ถ้าลูกยังเห็นว่าแม่คือผู้ให้กำเนิด ก็หยุดทุกอย่างที่กำลังทำกับเจ้าหญิงเดี๋ยวนี้"

"ผมยัง...หยุดไม่ได้"

"วันนี้คือวันที่แม่ผิดหวังที่สุด ที่ลูกชายคนเดียวของแม่กลายเป็นคนไม่รู้จักกระทั่งผิดชอบชั่วดี"

นารียามองภาพครอบครัวกษัตริย์สิปปภาคที่ผนังถึงกับน้ำตาคลอ ย่อตัวถวายความเคารพแล้วเอ่ยขึ้น "อภัยให้หม่อมฉันด้วย ที่ให้กำเนิดสายเลือดเนรคุณแผ่นดิน"

ทีฑายุเจ็บปวดกับทุกคำพูดของแม่ ขณะที่คนเป็นแม่เจ็บปวดยิ่งกว่า เดินจากมาทั้งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม แล้วมาเจอโกญจนาทโดยบังเอิญ

"นารียา...ใครพาเธอมาที่นี่"

"ฉันมาหาทีฑายุ กำลังจะกลับ"

"เราจะให้ทหารไปส่ง"

"อย่ารบกวน"

"สำหรับเธอ ไม่มีเรื่องไหนเป็นการรบกวน"

"นั่นน่ะสิ จะรีบกลับไปไหนซะล่ะ นารียา" สินาตีก้าวเข้ามาแทรก "ฉันกำลังต้องการคนปักผ้าที่สวยที่สุดไว้ ใส่อวดแขกบ้านแขกเมืองในงานของเจ้าหญิงอยู่พอดี"

"แม่ไม่ใช่คนรับใช้" ทีฑายุส่งเสียงมาก่อนตัว ทุกคน หันมองเป็นตาเดียว "แม่มางานแต่งงานของผม ไม่ได้มาทำงาน"

"เธอจะให้ฉันปักผ้าชิ้นไหน สินาตี" นารียาเอ่ยเสียงเรียบ ทีฑายุจะท้วง แต่ไม่ทันสินาตีที่ชิงพูดขึ้นเสียก่อน

"เอาอย่างแม่บ้างสิ ทีฑายุ แม่แกน่ะรู้คุณคน ท่านอุตส่าห์ ชุบเลี้ยงแม่ม่ายลูกติดมา 20 กว่าปี มีอะไรที่จะรับใช้ท่านได้ ก็ไม่สมควรขัดขืน"

"เอาผ้าไปให้นารียาปักที่บ้าน" โกญจนาทสั่ง

"ไม่ได้หรอกค่ะ ที่นั่นน่ะมันลับหูลับตาคน ฉันอยากเห็นคนงานอยู่ในสายตา"

โกญจนาทจ้องสินาตีอย่างไม่พอใจ สินาตีกลับยิ้มเหยียด ไม่สน ทีฑายุจะเถียงแต่ต้องสะดุดกับสายตาปรามๆของแม่...

หลังแยกจากสองแม่ลูกมาแล้ว โกญจนาทแสดงความไม่พอใจกับสินาตี และย้ำเตือนด้วยว่า นารียาเป็นน้องสะใภ้ของตน

"แตะต้องไม่ได้เลยเหรอคะ แม่น้องสะใภ้ม่ายคนโปรดเนี่ย"

"รู้จักระวังปากซะบ้าง"

"แล้วท่านล่ะคะ ต้องระวังอะไร ระวังใจ ระวังกาย อย่าเผลอไปเติมถ่านไฟเก่ากับอดีตหญิงที่เคยหลงรักสุดหัวอกหัวใจ แต่สุดท้ายกลายไปเป็นเมียน้องชาย...นารียาน่ะมันแค่ ความหลัง แต่ฉันคือปัจจุบันของท่าน คงไม่ต้องย้ำบ่อยๆนะคะ ท่านโกญจนาทผู้เป็นใหญ่ ว่าผู้หญิงหนึ่งเดียวที่จะได้นั่งบนบัลลังก์ต้องเป็นสินาตี" สินาตีโต้อย่างไม่เกรง พลางจ้องตอบสายตาวาบวับของ
โกญจนาทไม่ลดละ

ขณะเดียวกัน นารียายังพยายามหว่านล้อมลูกชาย ทั้งที่ หนักใจและไม่แน่ใจว่าจะได้ผล

"ถึงโกญจนาทจะยื่นมือมาช่วยเหลือเราตั้งแต่พ่อตาย แต่แม่ก็เลือกวิธีที่จะตอบแทนบุญคุณโดยไม่ให้ใครเดือดร้อน หวังว่าลูกจะทบทวนเรื่องเจ้าหญิงใหม่"

ทีฑายุนิ่งเงียบ ไม่อยากตอบรับคำขอของแม่...ฝ่ายกัญญาภัคที่อยู่ในห้องตามลำพังกับศิศิรา กัญญาภัคถือโอกาสข่มขู่ศิศิราด้วยมีดปลายแหลม ศิศิราแม้จะกลัวแต่ก็ไม่แสดงออกมากนัก นั่นยิ่งทำให้กัญญาภัคแค้น ใช้มีดกรีดกระดุมเสื้อทุกเม็ด ของศิศิราขาดกระเด็น แล้วบังคับให้ศิศิรารีบเปลี่ยนเสื้อใหม่ ก่อนจะมีใครกลับเข้ามา

ทีฑายุกลับมาเห็นศิศิราใส่เสื้อตัวใหม่ ยังไม่ทันจะถาม กัญญาภัคก็ชิงออกตัวว่าเธอเพิ่งเปลี่ยนเสื้อให้เจ้าหญิง กลัวจะเหนียวตัว "พี่ทีฑายุจะให้กัญญามัดเจ้าหญิงกลับไปเหมือนเดิม มั้ยคะ"

"ไม่ต้อง พี่ขออยู่กับเมียตามลำพัง"

กัญญาภัคเจ็บจี๊ด แต่ฝืนยิ้มสดใส "กัญญาเข้าใจค่ะ เวลาของข้าวใหม่ปลามัน" ว่าแล้วหันหลังก้าวเดินออกไปจากห้องพร้อมเสื้อตัวเดิมของศิศิราในมือ แล้วเอามันไปเผาทิ้งหลังวัง ทั้งสาปแช่งเจ้าของเสื้อด้วยความชิงชัง ไมยาดินยืนมองกัญญาภัคจากมุมหนึ่ง กัญญาภัครู้สึกว่ามีคนจ้องจึง
หันไป

"สงสัยว่าอาการเจ็บของเธอ คงไม่ได้อยู่ที่ขาเหมือนเมื่อวาน"

"อย่ามาสนใจเลยว่าเราจะเป็นยังไง" กัญญาภัคทำเสียงแง่งอน เมินหน้าหลบสายตาจับผิดของไมยาดิน

"เราอยากรู้ว่า เธอคิดยังไงกับการแต่งงานของพี่ชาย"

"ก็ต้องดีใจสิ ที่เห็นความสุขของคนในครอบครัวออกเปี่ยมล้นซะขนาดนั้น"

"ใครๆก็รู้ว่ามันคือแต่งงานการเมือง"

"แล้วถ้าไมยาดินต้องถูกบังคับให้แต่งงานล่ะ"

"หัวใจเรา...จะมอบแด่หญิงที่รักเท่านั้น" ไมยาดินส่งสายตามองกัญญาภัคลึกซึ้ง กัญญาภัคขยับหันหลังให้ไมยาดิน แล้วแอบเบะปากอย่างรังเกียจ...

ทีฑายุปลดปล่อยศิศิราเป็นอิสระ แถมยังใจดีอนุญาตให้เธอไปพบธราเทพในสวนดอกไม้ โดยการควบคุมดูแลของพวกประสันต์...สองพี่น้องโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ ญาณีกับส้มเสี้ยวที่ติดตามศิศิรามาด้วยเห็นแล้วพลอยตื้นตัน แต่แล้วความรู้สึกนี้กลับสะดุด เมื่อดรัณย์วางท่าให้รีบสั่งเสียกันซะ เวลามีไม่มากนัก ส้มเสี้ยวเลยด่าดรัณย์ไปหลายคำ

ศิศิราฝากบัวบุศดูแลธราเทพให้ดี บัวบุศรับปากแข็งขัน เพราะเธอเองก็รักเจ้าชายยิ่งกว่าชีวิต...จากนั้นศิศิราจะขอไปห้องปักไหม แต่มาลข่านปฏิเสธทันที อ้างว่าวันนี้ห้องปักไหม ปิดซ่อม ญาณีเลยตอกหน้ามาลข่านว่า โกหกหน้าด้านๆ แกไม่มีสิทธิ์จำกัดบริเวณเจ้าหญิง

"วันนี้ห้ามใครเข้าออกห้องปักไหม นี่คือคำสั่งทีฑายุ พระสวามีอย่างเป็นทางการของเจ้าหญิงศิศิรา" ประสันต์

เน้นย้ำ ศิศิราหันขวับไปจ้องประสันต์อย่างไม่พอใจสุดๆ

ooooooo

@^@..อ่านละครย่อเรื่องมงกุฎแสงจันทร์ ตอนที่ 12
(อ่านต่อพรุ่งนี้)